ซ่างตงเยว่ที่เดิมก็ไม่อาจแทรกพูดขึ้นมาได้ จึงได้ทำเพียงนั่งอยู่ด้านข้างคอยมองพวกเขาเซิ่งฟางถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาไม่อาจออกจากเมืองอินเป่ย เหวินอิงก็ไม่อาจเข้ามาได้ตอนนี้จึงไม่มีวิธีใดที่จะติดต่อกับภายนอกเจี่ยนอันอันครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ทันใดนั้นดวงตาก็สว่างขึ้นมา“หรือว่าจะเอาเช่นนี้ ข้าจะไปค่ายเทียนอวิ๋นดูเหวินอิงเอง?”“ท่านจะไป? ท่านจะออกไปจากเมืองอินเป่ยได้อย่างไร?”“ไม่ได้ ทำเช่นนี้อันตรายจนเกินไป!”เซิ่งฟางและฉู่จวินสิงพูดออกมาพร้อมกันเจี่ยนอันอันรู้ว่า พวกเขาล้วนแต่เป็นกังวลว่านางจะเป็นอันตรายก่อนหน้านั้นนางคิดถึงการสะกดจิตขึ้นมา ทว่าเพียงแค่ใช้การสะกดจิตเฉินหย่งเหนียน ให้เขาเปิดประตูเมืองแล้วปล่อยนางไปเกรงว่าคนอื่นๆ ก็คงจะไม่ยินยอมเพราะอย่างไรแล้วด้วยกฎเกณฑ์ของเมืองอินเป่ยในตอนนี้คือ ห้ามไม่ให้ผู้ใดเดินออกจากเมืองอินเป่ยไปหากว่าสะกดจิตให้กับทุกคน ก็คงจะทำให้สิ้นเปลืองเวลาและลงแรงไปมากเพราะว่าทหารที่คอยเฝ้าอยู่ตรงหอประตูเมืองก็มีนับร้อยคน นางไม่ได้มีเวลามากพอที่จะสะกดจิตพวกเขาทีละคนได้ดังนั้นนางถึงคิดถึงเรื่องเครื่องมือลอบเคลื่อนย้ายกายขอเพียงแค่นางคิดขึ้
เจี่ยนอันอันรู้ว่าฉู่จวินสิงสามารถมองเห็นนางได้ จึงจูบลงไปบนริมฝีปากของฉู่จวินสิงอีกครั้ง“ทำตัวดีๆ รอข้ากลับมา”เจี่ยนอันอันนึกถึงค่ายเทียนอวิ๋นอยู่ในใจ ทั้งตัวคนก็หายลับไปต่อหน้าของฉู่จวินสิงทันทีในตอนที่นางปรากฏกายขึ้นมาอีกครั้ง คนก็ไปปรากฏกายอยู่ในห้องโถงใหญ่ของค่ายเทียนอวิ๋นแล้วเหล่าโจรภูเขาในค่ายตอนนี้กำลังนั่งดื่มเหล้ากินเนื้อกันอยู่เหวินอิงกลับไม่อยู่ในกลุ่มของพวกเขาเจี่ยนอันอันเดินไปหยุดด้านหน้าห้องนอนของเหวินอิงนางยกมือขึ้นเคาะประตู ไม่นานก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังออกมาจากในห้อง“ใครกันที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่รู้ว่าข้ากำลังพักผ่อนอยู่ เคาะอะไรกัน!”เหวินอิงสบถด่าแล้วเดินมาเปิดประตู กลับพบว่าตรงหน้าประตูนั้นไม่มีแม้แต่เงาผีสักตัวหนึ่งอยู่พี่น้องเหล่านั้นกำลังดื่มเหล้าต่อยมวยกันอยู่ ไม่มีทางที่จะมีใครมาเคาะประตู“แปลกจริงๆ ไม่มีใครเคาะประตู แล้วทำไมประตูถึงได้ดังขึ้นมา หรือว่าจะมีคนมาเคาะประตูในฝันของข้ากัน?”เหวินอิงพูดขึ้น แล้วก็จะปิดประตูและในตอนประตูห้องกำลังจะปิดลงนั้น ข้างหูของนางจู่ๆ ก็มีเสียงของเจี่ยนอันอันดังขึ้นมา“รองหัวหน้า เท้าของข้าถูกประตูหนีบแล้ว
นางเงยหน้าขึ้นเหลือบมองไปยังเจี่ยนอันอัน เมื่อเห็นว่านางถอดชุดแต่งงานที่สวมใส่ก่อนหน้านั้น มาเปลี่ยนเป็นสวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาดขึ้นผิวพรรณก็ดูน่ามองกว่าก่อนหน้านั้นไม่น้อย ดูเหมือนว่าคงจะมีชีวิตที่ดีคาดว่าเซิ่งฟางเองก็คงจะมีชีวิตไม่เลวเช่นกันไม่แน่ว่าตอนนี้เขาอาจจะเป็นขุนนางไปแล้วก็เป็นได้ ในตอนนี้ก็อาจจะกอดเหล่าอนุไว้ทั้งซ้ายขวาอย่างมีความสุขเหวินอิงยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห นางเสียใจจริงๆ ที่ในตอนนั้นไม่ได้ยืนกรานจะไปเมืองอินเป่ยด้วยกันกับเซิ่งฟางเซิ่งฟางที่น่าสมควรตายนี่ สนใจเพียงแค่ความสุขของตัวเอง แต่กลับไม่สนใจว่านางจะเป็นหรือตายเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าเหวินอิงเต็มไปด้วยท่าทีโกรธเกรี้ยว ก็รู้ว่าเหวินอิงจะต้องคิดไปในทางที่ผิดๆ แล้วยังไม่ทันได้รอให้นางได้พูดออกมา เหวินอิงกลับพูดขึ้น“เจ้ายังไม่ยอมบอกข้าอีกว่าเจ้าเข้ามาในค่ายเทียนอวิ๋นได้อย่างไร”“ค่ายเทียนอวิ๋นของพวกเรา ไม่ใช่ว่าใครก็จะสามารถเข้าที่นี่ได้โดยไม่มีสุ้มมีเสียง”เจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าเหวินอิงยังคงไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไป จึงทำได้เพียงแต่งข้ออ้างขึ้นมามั่วๆ อย่างทำอะไรไม่ได้บอกว่านางมีเสื้อคลุมล่องหน ขอเพียงแค
เจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าสีหน้าของเหวินอิงนั้นดูไม่ดีนัก เกรงว่าหลายวันมานี้นางคงจะกินจะนอนหลับไม่ค่อยดีนักนางไม่ได้ตอบคำของเหวินอิง แต่เป็นถามนางว่าเมื่อเที่ยงได้กินข้าวแล้วหรือยัง?“ไม่ได้กิน ข้าตอนนี้จะไปมีใจกินข้าวได้ยังไงกัน”น้ำเสียงของเหวินอิงยังคงมีความโกรธปนอยู่เจี่ยนอันอันเข้าใจความคิดของเหวินอิงตอนนี้เป็นอย่างดี หากว่าเปลี่ยนเป็นนาง เกรงว่าคงจะโมโหเสียยิ่งกว่าเหวินอิง“รองหัวหน้าโมโหก็ส่วนโมโห แต่ว่าข้าวก็ยังต้องกิน แล้วก็ต้องนอนหลับให้ดีๆ ถึงจะถูก”“หากว่าเจ้าป่วยไป พี่เซิ่งจะต้องปวดใจเป็นอย่างมาก”เมื่อได้ยินว่าเซิ่งฟางจะต้องปวดใจ จมูกของเหวินอิงก็แสบร้อนขึ้นมาเขาจะต้องปวดใจกับนาง แล้วทำไมถึงได้ไม่มีข่าวคราวมาแม้แต่น้อยเขาจะต้องปวดใจกับนาง แล้วทำไมถึงได้ไม่คิดหาวิธีมาหานางที่ค่ายเทียนอวิ๋นท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ลืมนางไปเสียแล้วเหวินอิงยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจจนน้ำตาไหลนองลงมาเมื่อเห็นเหวินอิงร้องไห้เสียใจ เจี่ยนอันอันก็กอดเหวินอิงเอาไว้ แล้วตบหลังนางเบาๆ “ข้ารู้ว่าเจ้าเสียใจมาก จริงๆ แล้วพี่เซิ่งก็เสียใจมากเช่นกัน”“ตอนนี้เขาเป็นนายอำเภอของอำเภอไถหยาง ทุกวันจะ
ทว่าเมื่อคิดถึงฉู่จวินสิงและเซิ่งฟางที่ยังรอข่าวจากนางอยู่ในเมืองอินเป่ยนางไม่อาจดื่มเหล้ามากจนเกินไป มิฉะนั้นแล้วจะทำให้เรื่องราวล่าช้าไปเหวินอิงไปด้านหน้าประตู แล้วเปิดออกเป็นรอยแยก นางตะโกนใส่พวกโจรภูเขาออกมา “หลี่ซาน เจ้าไปห้องครัวแล้วทำอาหารมาสักสี่อย่าง”“แล้วก็หยิบเหล้าผลไม้สองไหนั่นของข้ามาด้วย ข้าจะกินข้าว”โจรภูเขาเหล่านั้นเมื่อได้ยินเหวินอิงบอกว่าจะกินข้าว ต่างก็หยุดการต่อยมวยลงหลี่ซานรีบตอบรับ แล้ววิ่งไปห้องครัวเพื่อทำอาหารโจรภูเขาคนอื่นๆ หันไปมองทางเหวินอิงด้วยใบหน้าตื่นตกใจวันนี้รองหัวหน้าของพวกเขาคิดได้แล้ว ในที่สุดก็ยอมกินข้าวแล้วหนึ่งในโจรภูเขาพูดออกมาอย่างมีความสุข “รองหัวหน้าจะกินคนเดียวคงจะน่าเบื่อไป มาต่อยมวยกับพวกเราเถอะ”“ต่อยบ้าอะไรกัน พวกเจ้าไม่ต้องสนใจข้า ข้าชอบกินคนเดียว”เหวินอิงพูดจบ ก็ปิดประตูไปอย่างแรงเหล่าโจรภูเขาเองก็ไม่ได้สนใจ พวกเขาพากันต่อยมวยต่อไปไม่นานนักหลี่ซานก็อุ้มเหล้าสองไหวิ่งมาเคาะประตูเหวินอิงเปิดประตูออก ใช้กายบังคนด้านในเอาไว้นางรับเหล้าผลไม้มา แล้วใช้เท้าเตะปิดประตูหลี่ซานกลับห้องครัวมาทำอาหาร ไม่นานนักก็ยกอาหา
เหวินอิงยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห ยังสบถคำหยาบคายออกมาอีกหลายคำนางดื่มเหล้าผลไม้ในชามไปจนหมดในตอนที่รินให้ตัวเองเพิ่มนั้น เหวินอิงถึงได้พบว่า เหล้าในชามของเจี่ยนอันอันยังเหลืออีกกว่าครึ่ง“ทำไมเจ้าถึงได้ไม่ดื่มมัน หรือว่ารังเกียจที่เหล้าผลไม่ที่ข้าซื้อมาไม่อร่อย?”เหวินอิงพูดขึ้นพลางลิ้มรสที่มีในปาก เหล้านี่ก็อร่อยดีนี่ในกลิ่นหอมของเหล้า ยังผสมไปด้วยรสผลไม้จางๆเจี่ยนอันอันยิ้มออกมา แล้วหยิบเหล้าขึ้นมาจิบไปอีกคำ“เจ้าอย่ามัวแต่มาดื่มเหล้าให้หมด กินอาหารให้มากเข้า”“อาหารสี่จานนี่ข้าคนเดียวคงจะกินไม่หมด เจ้าก็กินเสียหน่อย”เจี่ยนอันอันมองไปที่อาหารทั้งสี่จานบนโต๊ะ ดูเมือนว่าจะอร่อยเสียยิ่งกว่าอาหารทั้งหมดเมื่อครั้งก่อนที่นางมายังค่ายเทียนอวิ๋นเสียอีก“ค่ายเทียนอวิ๋นมีคนทำอาหารแล้วหรือ?” เจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่จะถามออกไป“อย่าพูดถึงเลย ในหมู่พี่น้องที่คลุ้มคลั่งเหล่านั้นของข้า ก็มีคนที่เคยเป็นพ่อครัวมาก่อน”“ในตอนนั้นเขาตายอย่างน่าอนาถที่สุด หลังจากที่ทำร้ายพี่น้องไปหลายคนแล้ว เขาก็เชือดคอตัวเอง”เหวินอิงพูดมาจนถึงตรงนี้ ก็รินเหล้าให้เจี่ยนอันอันจนเต็ม“ในเมื่อเจ้าบอกว่าคนพวกนั้
เจี่ยนอันอันไม่ได้ใส่ใจมากนัก“ข้าเพียงแค่ดื่มไปเล็กน้อยเท่านั้น กลับเป็นเหวินอิงที่ดื่มไปค่อนข้างมาก”เจี่ยนอันอันกัดฟันแล้วยิ้มให้ฉู่จวินสิง แล้วอดไม่ได้ที่จะเรอออกมาเซิ่งฟางฟังทั้งสองคนพูดคุยกัน ก็รีบหันกายกลับมา เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันกลับมาแล้ว ใบหน้าของเขาก็ค่อยๆ เผยรอยยิ้มขึ้นมา“น้องอันอันกลับมาแล้ว”“เจ้ารีบพูดมา ว่าได้พบเหวินอิงหรือไม่?”“ตอนนี้นางเป็นอย่างไรบ้าง คิดถึงข้าหรือไม่?”เซิ่งฟางเป็นเหมือนราวกับปืนใหญ่ ที่ถามคำถามออกมามากมายอารมณ์ของเขาในตอนนี้ดูตื่นเต้นมากเสียยิ่งกว่าใคร ดูเหมือนว่าเจี่ยนอันอันไม่เพียงแต่ได้พบกับเจี่ยนอันอัน ยังจะดื่มเหล้ากับนางอีกด้วยเจี่ยนอันอันหยิบถ้วยชาบนโต๊ะหินขึ้นมา ดื่มน้ำชาเข้าไปคำหนึ่ง เพื่อระงับอาการเรอเอาหล้าออกมานั้นลงไปเซิ่งฟางจ้องไปยังเจี่ยนอันอันอย่างไม่เลื่อนสายตาไปที่ใด รอเพียงแต่ให้นางพูดถึงเรื่องของเหวินออกมาเจี่ยนอันอันนั่งลงบนม้าหิน แล้วโบกมือให้ฉู่จวินสิงและเซิ่งฟางนั่งลงซ่างตงเยว่ในตอนนี้เองก็ถูกคำพูดของพวกเขาปลุกให้ตื่นขึ้นมาแล้ว เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันกลับมา ในที่สุดนางก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก“รอ
เจี่ยนอันอันเมื่อได้ยินก็มีความสุขขึ้นมาหากว่าได้ในราคาที่ถูกลงแล้วยังไม่เอาอีก ก็คงจะโง่เขลาแล้วในเมื่อสามารถใช้เงินน้อยลงเพื่อซื้อไม้ชั้นดีได้ แน่นอนว่านางต้องย่อมยินดี“พี่เซิ่ง เช่นนั้นก็อย่ารอช้ากันเลย พวกเราไปซื้อไม้กันตอนนี้เถอะ”ทั้งสี่คนนั่งบนรถม้า แล้วเดินทางมุ่งหน้าไปยังร้านค้าไม่นานพวกเขาก็มาถึงยังประตูร้านขายไม้ ทั้งสี่คนลงจากรถม้า แล้วเดินก้าวใหญ่เข้าไปในร้านค้าเถ้าแก่ร้านเมื่อเห็นว่าเซิ่งฟางมา ก็รีบออกมาต้อนรับจากด้านหลังโต๊ะ“นายอำเภอเซิ่ง วันนี้มาได้อย่างไรกัน ต้องการซื้อไม้อย่างนั้นหรือ?”เซิ่งฟางพยักหน้าออกมาเบาๆ “ข้าต้องการซื้อไม้เอาไปสร้างบ้าน ที่เจ้ามีไม้ดีอะไรแนะนำบ้างหรือไม่?”เถ้าแก่ร้านเดิมก็ขอบคุณเซิ่งฟางที่ช่วยเขาตามไม้ที่หายไปกลับมา แน่นอนว่าย่อมต้องพยายามช่วยเขาเลือกไม้ออกมาสามชนิดเจี่ยนอันอันมองไปยังเถ้าแก่ร้านที่มีอายุกว่าห้าสิบปี ตัวสูงผอม แต่แรงกลับมีอยู่ไม่น้อยเขานำไม้ทั้งสามชนิดวางไว้ด้านหน้าของพวกเขา รอให้พวกเขาเลือกที่ตนเองชื่นชอบเท่านั้นเจี่ยนอันอันไม่เข้าใจเรื่องของไม้เช่นนี้มากนักนางเพียงจ่ายเงิน ส่วนเรื่องการเลือกนั่น คงต้อ
พวกเขาไม่ยอมลงมาเสียที คงกลัวจะถูกคนของทางการพบเห็นว่ามาพักอยู่ที่นี่ไม่นานก็มีเสี่ยวเอ้อยกอาหารออกมา แล้วเดินขึ้นชั้นบนไปเขาเคาะประตู ครู่หนึ่งจึงมีมือข้างหนึ่งยื่นออกมา พร้อมรับเอาถาดอาหารเข้าไปคนในห้องยังได้พูดจาบางอย่างกับเสี่ยวเอ้อ เห็นเพียงเสี่ยวเอ้อพยักหน้าหงึกหงัก หลังจากรับเงินมาแล้วจึงเดินลงชั้นล่างไปเมื่อมั่นใจว่าพวกเขายังอยู่ในห้อง เพียงไม่ได้ปรากฏตัวเท่านั้นฉู่จวินสิงจึงค่อยๆ กินข้าวช้าลงด้วยรอจนกระทั่งทั้งคู่กินข้าวเสร็จ ผู้คนในโถงกินข้าวก็ได้ออกไปกว่าครึ่งแล้วเจี่ยนอันอันซับคราบน้ำมันที่มุมปาก พลางกล่าวด้วยความพึงพอใจ “อาหารโรงเตี๊ยมนี้ช่างถูกปากข้านัก”ฉู่จวินสิงยิ้มๆ มิได้พูดจาทั้งคู่เดินขึ้นชั้นบนไป แต่มิได้กลับเข้าห้องของตน กลับเดินมาหยุดที่หน้าห้องหม่าลู่และเฉินเช่อแทนฉู่จวินสิงยกมือขึ้นเคาะประตู ไม่นานในห้องก็มีเสียงคล้ายหวาดระแวงของเฉินเช่อ“ใคร?”ฉู่จวินสิงกล่าวเสียงต่ำ “เฉินเช่อ เปิดประตู เป็นข้าเองฉู่จวินสิง”ขาดคำมิทันไร จึงได้ยินในห้องมีเสียงฝีเท้าคนเดินและไม่นานประตูก็ถูกแง้มออกเป็นซอกเล็กเมื่อเฉินเช่อเห็นผู้ที่มายืนอยู่ด้านนอก มิใช
ฉู่จวินสิงกล่าวจบ จึงปล่อยมือเจี่ยนอันอันแล้วลุกขึ้นเดินออกไปเจี่ยนอันอันเอนกายนอนลงบนเตียงเช่นเดิม มือกุมที่หน้าท้องแบนราบลูกคนนี้มาเร็วเกินไป จนนางไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจแต่มาหวนคิดอีกที เมื่อเด็กเลือกที่จะมาอยู่กับพวกเขา นางจึงมีหน้าที่ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอให้ลูกลืมตาดูโลกเมื่อใด นางจะเลี้ยงดูให้ใช้ชีวิตสุขสบายเหมือนตนเองเจี่ยนอันอันนำยาบำรุงจากห้วงมิติออกมาแล้วกินเข้าไป พลันอาการหน้ามืดวิงเวียนค่อยบรรเทาลงบ้างนางลงจากเตียง เดินมาถึงนอกประตู จึงเห็นฉู่จวินสิงยืนอยู่ด้านนอกผู้เดียว คล้ายรับลมเย็นอยู่เจี่ยนอันอันเดินมาข้างกาย พลางเรียกเบาๆ “ท่านพี่”ฉู่จวินสิงกำลังใช้ความคิดบางอย่างอยู่ แม้กระทั่งเจี่ยนอันอันเดินออกมา เขาก็ยังไม่รู้ตัวเมื่อถูกนางเรียกเข้า จึงได้ตั้งสติกลับมาโชคดีที่บริเวณนี้ไม่มีคนนอกอยู่ด้วย มิเช่นนั้นหากให้ใครได้ยินเข้า ชายหนุ่มผู้หนึ่งเรียกหนุ่มอีกคนว่าท่านพี่ คงได้ตกใจจนตาถลนออกนอกเบ้าเป็นแน่แท้ ฉู่จวินสิงมองไปยังชั้นล่าง ยังไม่เห็นวี่แววลูกน้องสองคนจะมาถึงเขาจึงดึงตัวเจี่ยนอันอันกลับเข้าห้องไป“เหตุใดเจ้าจึงไม่นอนพักอี
เขาตื่นเต้นจนนั่งลงที่เตียง พร้อมจับมือเจี่ยนอันอันไว้ วางที่ริมฝีปากแล้วจุมพิตเบาๆ“ขอบคุณสวรรค์ ในที่สุดเราสองคนก็จะมีทายาทแล้ว”“แสดงว่าสิ่งที่ข้าทำไปก่อนหน้านี้ นับว่าไม่เสียเปล่า”เจี่ยนอันอันมองดูสีหน้าตื่นเต้นยินดีของฉู่จวินสิง นางกลับไม่ยินดียินร้ายและไม่นานก็รู้สึกถึงความผิดปกติ“เมื่อครู่นี้ท่านหมายความว่ากระไร อะไรคือสิ่งที่ทำไม่เสียเปล่า?”หรือว่าก่อนหน้านี้ฉู่จวินสิงนำยาคุมกำเนิดของนาง ไปสับเปลี่ยนเป็นยาตัวอื่น?แต่ความคิดนี้ผุดขึ้น พลันถูกเจี่ยนอันอันลบทิ้งไปเขามิใช่คนในยุคปัจจุบันเสียหน่อย จะรู้ได้อย่างไรว่ายังมียาชนิดอื่นทดแทนยาคุมกำเนิดได้แล้วฉับพลันเจี่ยนอันอันก็นึกขึนได้ว่า ครั้งแรกที่นางมีอะไรกับฉู่จวินสิง ตอนนั้นนางไม่ได้กินยาคำนวณเวลาดูแล้ว ห่างจากตอนนั้นถึงตอนนี้ ก็ประมาณหนึ่งเดือนจริงๆเจี่ยนอันอันพลันนิ่งอึ้ง นางนึกเสียใจที่วันนั้นเหตุใดจึงไม่กินยาก่อน?แต่ตอนนี้ไม่ว่าพูดอย่างไรก็สายเกินแก้ นางไม่ต้องการมีลูกเร็วขนาดนี้ แต่ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้วฉู่จวินสิงมองหน้าเจี่ยนอันอัน ประเดี๋ยวก็คิ้วขมวด ประเดี๋ยวก็ให้หมดอาลัยตายอยากเขารู้สึกห่อเหี่ยวลง
ยามนี้เจี่ยนอันอันรู้สึกคล้ายวิงเวียนศีรษะ เห็นทีต้องกลับไปพักเอาแรงเสียหน่อยแล้วระหว่างทางกลับโรงเตี๊ยม เจี่ยนอันอันถามฉู่จวินสิง “ท่านรู้สึกเวียนศีรษะบ้างหรือไม่?”ฉู่จวินสิงส่ายหน้า เป็นเชิงว่าตนมิได้รู้สึกผิดปกติแต่อย่างใดแต่เขากลับรู้สึกว่า มือของเจี่ยนอันอันค่อนข้างเย็น“เจ้าเป็นอะไร ร่างกายไม่สบายใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันพยักหน้าเบาๆ นางกำลังรู้สึกว่าเวลาเดินคล้ายตัวลอยอย่างไรชอบกลสองเท้าเหมือนดั่งย่ำอยู่บนปุยนุ่น มีความทรมานนักฉู่จวินสิงเห็นท่าไม่สู้ดี จึงก้มตัวลงต่อหน้านาง“ขึ้นมา ข้าจะแบกเจ้ากลับไป”เจี่ยนอันอันมิได้โต้แย้ง เพราะนางรู้สึกไม่ใคร่สบายจริงๆ จึงไม่คิดขัดขืน พลางแนบลงแผ่นหลังฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงแบกนางแล้วเดินต่อ ระหว่างทางยังถอยถามไถ่อาการเป็นระยะเจี่ยงอันอันเพียงคิดว่าอาจเพราะเมื่อครู่ฆ่าคนมากเกินไป และสูดกลิ่นคาวเลือดมากไปด้วยบวกกับยาเม็ดนั้น นางใช้เวลาอันสั้นในการปรุงออกมาสรรพคุณของยาคงไม่ดีเท่ายาที่ผลิตได้ในยุคปัจจุบันนางซบอยู่แผ่นหลังฉู่จวินสิง พร้อมนำความคิดตนพูดให้เขาฟังฉู่จวินสิงเริ่มใช้วิชาตัวเบา ทำให้การเดินเท้ารวดเร็วกว่าเมื่อคร
หลังจากทั้งคู่กินข้าวเสร็จ กลับไม่ได้พักผ่อนอยู่ในโรงเตี๊ยมหลังจากออกไปข้างนอก ก็มาอยู่ในมุมๆ หนึ่งซึ่งปลอดคนในใจรีบท่องชื่อว่านผิงพร้อมกัน และไม่นานก็หายตัวไปจากซอกมุมนั้นเมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง จึงเห็นว่านผิงกับพวกกำลังเที่ยวจับคนอยู่ทุกครั้งที่จับชายคนหนึ่งได้ ก็จะหยิบภาพเขียนออกมาเปรียบเทียบดูใบหน้าทำเอาผู้คนบนท้องถนนต่างตกใจเป็นการใหญ่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันยังอยู่ในสภาพอำพรางกายอยู่ ว่านผิงกับพวกจึงไม่รู้ว่ามีคนมาคอยติดตามและพวกเขาก็ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น กลับเดินตามพวกว่านผิงไปเรื่อยๆโดยตั้งใจว่าจะหาโอกาสเหมาะ ค่อยลงมือเสียทีเดียวเพราะถ้าอยู่ท้องถนนแล้วลงมือฆ่าคน อาจทำให้ชาวบ้านตื่นตระหนกเป็นอย่างมากพวกเขาจับคนมาหลายคน แต่ล้วนไม่ใช่คนในภาพเขียนทำเอาว่านผิงโกรธจนกำหมัดแน่น มองหน้าลูกน้องพร้อมกล่าวเสียงดุ “พวกมันยังอยู่ในเมืองหลี่จง รีบไปค้นหาให้ทั่ว อย่าได้ปล่อยผ่านแม้แต่คนเดียว!”“ขอรับ ท่านหัวหน้า”ลูกน้องรับคำโดยพร้อมเพรียง และตามหาต่อไปเมื่อพวกเขามาถึงที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง พลันเห็นข้างหน้ามีบ้านเล็กหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ดูจากประตูที่เก่าโทร
ว่านผิงส่งสายตาให้เหล่าลูกน้อง ทุกคนรีบวิ่งขึ้นชั้นบนไปต่างถือเอาภาพเหมือนออกมา พร้อมเปรียบเทียบบนใบหน้าแขกทีละคน เมื่อเห็นว่าล้วนไม่ใช่คนที่ตนต้องการจะหา อีกทั้งมองดูในห้อง จนแน่ใจว่าไม่มีใครหลบซ่อนอยู่ จึงลงไปยังชั้นล่าง“หัวหน้า ชั้นบนไม่มีคนที่เราจะหา”ว่านผิงเหลียวมองคนที่นั่งกินอาหารอยู่ในโรงเตี๊ยม มองดูแต่ละคนแล้วสำรวจขึ้นลง สุดท้ายไปจับจ้องอยู่ที่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันเขาเห็นคนทั้งคู่ต่างก้มหน้ากินข้าว แทบไม่เงยหน้าขึ้นมองผู้ใดเสียด้วยซ้ำจึงผละจากเถ้าแก่ เดินจ้ำอ้าวไปทางฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน“เงยหน้าขึ้นมา” ว่านผิงกล่าวเสียงตะคอก กระบี่ในมือชี้ที่ลำคอฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงแทบไม่นำพาต่อกระบี่ที่พาดคอ พลางวางตะเกียบลง หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมุมปาก “ว่าอย่างไร เจ้าคิดลงมือกับข้าด้วยรึ?”ฉู่จวินสิงเลียนแบบน้ำเสียงของอิ่นเจียง พลางเหลือบตาขึ้นมองว่านผิงทันทีที่ว่านผิงเห็นหน้าฉู่จวินสิงชัดเจน จึงตกใจจนตัวสั่น พลางรีบเก็บกระบี่ขึ้น“ข้าน้อยไม่รู้ว่าใต้เท้ามาอยู่นี่ เมื่อครู่ล่วงเกินไป ขอท่านโปรดอภัยด้วย”ว่านผิงยืนอยู่ด้านข้างฉู่จวินสิง ในใจรู้สึกขนลุกขนชัน
ฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันในที่สุดก็ลืมตาขึ้น จึงได้กล่าวกับนาง “เมื่อครู่ข้าเรียกเจ้าอยู่หลายที เจ้าก็ไม่ขานตอบ ข้ายังนึกว่าเกิดอะไรขึ้นเสียอีก”เจี่ยนอันอันเพิ่งจะนึกได้ เมื่อครู่นางกำลังเพ่งมองภาพในมิติอยู่ ข้างโสตได้ยินเสียงคนเรียกชื่อนางจริงๆเพียงแต่ความสนใจของนาง ล้วนไปอยู่ในภาพนั้นหมดสิ้น จึงไม่ได้ใส่ใจการเรียกหาของฉู่จวินสิงนางจึงยอมให้ฉู่จวินสิงมานั่งด้านข้าง พร้อมนำภาพที่เห็น บอกเล่าให้เขาฟัง“จากที่เจ้าเล่ามา ชายสองคนที่เห็นนั้น อาจเป็นลูกน้องข้าก็ได้”เจี่ยนอันอันก็นึกถึงข้อนี้เช่นกัน หากชายสองคนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาจริง เบื้องหน้านางคงไม่ปรากฏภาพเช่นนั้นออกมา“เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็รออยู่ในโรงเตี๊ยมนี้แหละ เพราะที่ๆ สองคนนั้นจะมาพักก็คือโรงเตี๊ยมแห่งนี้”ฉู่จวินสิงได้ยินดังนี้ พลันเกิดความคิดในใจขอเพียงชายสองคนนั้นปรากฏตัวขึ้น เขาก็จะได้สมทบกับพวกเขาทันทีเพียงแต่ไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งห้าคนหลบหนีพร้อมกัน เหตุใดจึงได้พลัดหลงกันเช่นนี้?หรือว่าลูกน้องอีกสามคนได้ถูกคนของฉู่ชางเหยียนจับกลับไปเสียแล้ว?เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงขมวดคิ้วมุ่น นางจึงเอ่ยปาก “อย่าเพ
ฉู่จวินสิงกล่าวเสียงก้อง “เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะให้เวลาท่านสามวันในการสืบเรื่องนี้”“ถ้าไม่ได้ตัวผู้ก่อเหตุมา ข้าจะทำตามรับสั่งของฝ่าบาท สั่งประหารพวกท่านทั้งครอบครัว”คำพูดของฉู่จวินสิง ทำให้เจ้าเมืองข่งสะดุ้งอย่างแรงจนแม้แต่สะใภ้รองที่คุกเข่าอยู่ด้านข้าง ก็พลอยหวาดกลัวจนตัวสั่นไปด้วยนางแอบเหลียวมองเจ้าเมืองข่ง เห็นอีกฝ่ายก้มหน้าก้มตา ไม่รู้ว่าจะตามหาคนผู้นั้นได้พบหรือไม่หลังจากฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันจากไปแล้ว เจ้าเมืองข่งค่อยทรุดตัวลงกับพื้นเขาหายใจหอบแรง หวังจะช่วยระงับความหวาดหวั่นในใจบ้างสะใภ้รองได้ยินว่าโทษถึงขั้นประหารชีวิต ทำให้นางร้อนใจจนเดือดพล่านยิ่งกว่ามดที่อยู่บนฝาหม้อร้อน น้ำตาก็ยิ่งไหลรินไม่หยุด“ท่านพ่อ ข้ายังไม่อยากตาย โรคของซีเอ๋อร์ยังไม่ทันรักษาให้หายขาด เขาจะถูกประหารเช่นนี้ไม่ได้ ท่านต้องรีบจับกุมผู้แอบอ้างชื่อผู้นั้นให้ได้นะเจ้าคะ!”เจ้าเมืองข่งมีแผนการในใจอยู่แล้ว จึงถลึงตาใส่สะใภ้รอง พลางกล่าว “เลิกร้องไห้เสียที รีบไปดูซีเอ๋อร์ก่อนว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”สะใภ้รองรีบซับน้ำตาที่นองหน้าอยู่ พลางลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างเตียงมองดูซีเอ๋อร์ขณะนั้นมีสาวใ
เสียงของเจี่ยนอันอันดังขึ้นจากด้านหลัง “บอกให้พวกเขาถอยออกไป หาไม่ข้าจะให้พวกท่านตายทั้งบ้าน!”เจ้าเมืองข่งรู้ดีว่าสองคนนี้วรยุทธ์ไม่เบา จึงไม่กล้าทำการบุ่มบ่าม ได้แต่รีบโบกมือให้เหล่าทหารจนแม้แต่สะใภ้รองที่อยู่บนเตียง ก็ตกใจกับคำพูดเจี่ยนอันอันเสียจนต้องรีบหยุดร้องไห้โดยพลันรอให้ทหารออกไปหมดแล้ว เจ้าเมืองข่งจึงได้ถามเสียงสั่น “พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”“ที่เรามานี่ ย่อมได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ ให้สืบเรื่องราวการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อน”เจ้าเมืองข่งได้ยินคำพูดของฉู่จวินสิง พลันขมวดคิ้วมุ่น สองตาจ้องเขม็งไปที่เขาเพียงไม่นานเจ้าเมืองข่งก็สังเกตจากบุคลิกและการแต่งกายของฉู่จวินสิง ดูออกว่าอีกฝ่ายเป็นชาวจิงโจวจริงๆแต่จะบอกว่ารับพระบัญชามาจากฮ่องเต้ ก็ออกจะฟังไม่ขึ้นไปเสียหน่อย“พวกเจ้ามีสิ่งใดมายืนยันว่ารับพระบัญชามาสืบสวนข้าจริง?”ซ้ำยังเป็นเรื่องเมื่อสามปีที่แล้วฮ่องเต้ทรงมีราชกิจมากมาย จู่ๆ จะทรงนึกได้อย่างไรว่าต้องสืบสวนเรื่องการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อนไม่แน่ว่าสองคนนี้ อาจเป็นผู้ใดส่งมาแก้แค้นเขาก็ได้เพราะเขาเคยรับผลประโยชน์จากผู้อื่นมาไม่น้อย อีกทั้งให้ผู้ที่สอบตก