"พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าและคังเอ๋อร์ทำไมถึงได้ไม่ออกมากัน หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้น?"เจี่ยนอันอันพยักหน้าแล้วพูดขึ้น "พวกเขาถูกเฉียนซื่อทำคุณไสยใส่"เสิ่นจืออวี้หลังจากที่ได้ยินแล้วก็จะพุ่งเข้าไปในห้อง แต่กลับถูกเจี่ยนอันอันห้ามเอาไว้"ท่านไปกินข้าวเสียก่อน อีกเดี๋ยวข้ามีวิธีจะช่วยพวกเขาทั้งหมดให้ฟื้นกลับมา"สายตาของเจี่ยนอันอันดูแน่วแน่ และก็ทำให้เสิ่นจืออวี้รู้สึกมีความหวังขึ้นมาในเมื่อเจี่ยนอันอันสามารถมองออกว่าพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่ของเขาต่างก็ถูกคุณไสย นางก็จะต้องช่วยพวกเขาได้แน่เสิ่นจืออวี้ตอนนี้เชื่อในความสามารถของเจี่ยนอันอันเป็นอย่างมาก เขานั่งลงตรงโต๊ะอย่างเชื่อฟังเมื่อมองอาหารบนโต๊ะ ในใจของเสิ่นจืออวี้ก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเมื่อคืนวานนี้เขารู้มาจากกวนซินแล้วว่า ที่นี้ไม่มีข้าวสารให้หุงแล้วเขายังคิดจะนำหมั่นโถวที่พวกเขานำมาด้วยออกมาให้ทุกคนได้กิน แต่กลับไม่คิดเลยว่าเจี่ยนอันอันจะนำอาหารมาส่งให้แล้วเสิ่นจืออวี้ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี ทำได้เพียงแค่มองไปยังเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงด้วยความขอบคุณเจี่ยนอันอันพูดกับเสิ่นจืออวี้ว่า “สองคนด้านนอกนั่นจะต้องห้ามปล่อยไม่ให้พวก
แม่นมหลี่ตกใจเสียจนตื่นตระหนกขึ้นมา แล้วรีบหันหลังวิ่งไปด้านนอกเตียวเฉียงขมวดคิ้วขึ้น ในตอนที่ไม้นั้นจะทุบโดนเขา ก็รีบกระโดดขึ้นเตะไม้ลอยออกไปตอนที่เตียวเฉียงมองเห็นเสิ่นจืออวี้โยนไม้มาทางด้านพวกเขานั้น ดวงตาฉายแววโหดร้ายขึ้นมาทันที“ช่างกล้าเสียจริงเจ้าอันธพาล เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร ถึงได้กล้าโยนไม้ใส่ข้า”“ข้าว่าเจ้าคงจะเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว!”เตียวเฉียงพูด พร้อมเก็บไม้ขึ้นมา แล้วโจมตีไปทางเสิ่นจืออวี้เสิ่นจืออวี้ถูกด่าว่าเป็นอันธพาล เดิมทีในใจก็ไม่มีความสุขนัก เมื่อเห็นว่าไม้กำลังจะตกลงบนหัวของเขา เขาก็รีบเคลื่อนกายหลบการโจมตีของเตียวเฉียงไปไม้ตกลงบนโต๊ะอย่างแรง ทำเอาชามใบหนึ่งแตกกระจายเสิ่นจืออวี้เหลือบมองข้าวในชาม ที่กระจัดกระจายไปนั่นเป็นข้าวที่เขาเพิ่งจะกินไปได้ไม่กี่คำเท่านั้นเสิ่นจืออวี้ที่ไม่ชอบการสิ้นเปลือง ทันใดนั้นก็โมโหขึ้นมาเขาคว้าท่อนไม้ที่ทุบมานั้นอีกครั้ง ดึงอย่างแรงเตียวเฉียงถูกดึงไปยังเบื้องหน้าของเสิ่นจืออวี้พร้อมกันกับไม้เสิ่นจืออวี้ยกขาขึ้น แล้วเตะไปตรงเป้าของเตียวเฉียงพลังเตะครั้งนี้รุนแรงมาก เตียวเฉียงรู้สึกเพียงความเจ็บปวดจู
คนทั้งสองพักผ่อนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ในไม่ช้าก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขาแม่นมหลี่ร่ำร้องเสียงดังขึ้นมาทันที “ผู้บัญชาการหนิง ท่านมาได้เสียทีนะ”“เมื่อครู่ท่านเห็นแล้วใช่หรือไม่ คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่เข้ามาอยู่ใหม่ที่นั่นจะทำร้ายเตียวเฉียงจนตกอยู่ในสภาพนี้”หนิงเจิ้นขมวดคิ้วพลางเอ่ยด้วยสีหน้าหงุดหงิด “หุบปาก หนวกหูชะมัด”ภาพเมื่อครู่นี้ เขาย่อมเห็นเต็มสองตาแล้วถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่เตียวเฉียงไม่ได้เรื่องเอง แค่คนในสถานที่เล็กๆ อย่างเมืองซินเหอก็ยังสู้ไม่ได้เตียวเฉียงร้องโอดครวญด้วยสีหน้าเจ็บปวด จนถึงตอนนี้ตรงหว่างขาของเขาก็ยังเจ็บปวดหาใดเปรียบขาสองข้างของเขายังพลอยปวดระบมตามไปด้วยเมื่อครู่ถ้าไม่ได้แม่นมหลี่ประคองเขามา เกรงว่าเขาคงได้แต่คลานมาที่นี่เสียแล้วเสียงโอดครวญของเตียวเฉียงทำให้หนิงเจิ้นรู้สึกเดือดดาลขึ้นมา“แค่คนเมืองซินเหอเจ้าก็สู้ไม่ได้ ยังมีหน้ามาร้องโอดโอยอยู่ตรงนี้อีก”“ถ้ายังกล้าส่งเสียงอีกแม้แต่คำเดียว ข้าจะทำให้เจ้าเป็นขันทีเอง”คำพูดของหนิงเจิ้นทำให้เตียวเฉียงตกใจจนหยุดร้องในทันใดตอนนี้เขาอัดอั้นใจยิ่งนัก เขาเป็นผู้เคราะห์ร้ายแท้ๆ เหตุใดผู้บัญชาก
เจี่ยนอันอันมองข้ารับใช้สามคนที่ขวางอยู่ตรงหน้า นางมองออกว่าสามคนนี้ล้วนถูกบงการด้วยคุณไสยนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ท่านรับหน้าที่จัดการพวกเขา ข้าจะไปถอนผมเฉียนซื่อ”ฉู่จวินสิงไม่ได้พูดอะไร เขาลงมือไม่กี่ครั้งก็สามารถทำให้สามคนนั้นลงไปกองบนพื้นได้แล้วเจี่ยนอันอันยิ้มยิงฟันให้ฉู่จวินสิง แล้วเดินไปตรงหน้ารถม้าเพื่อถอนผมเฉียนซื่อคิดไม่ถึงว่าข้ารับใช้สามคนที่เพิ่งถูกอัดลงไปกองบนพื้นกลับคืบคลานขึ้นมาอีกครั้งยามนี้พวกเขาไม่รู้จักความเจ็บปวดเลยสักนิด โห่ร้องเสียงดังพลางต่อยเตะเข้าใส่ฉู่จวินสิงข้ารับใช้สามคนนั้นอยู่ในจวนแม่ทัพมานานย่อมได้เรียนรู้วรยุทธ์งูๆ ปลาๆ มาบ้างฉู่จวินสิงไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาสักนิด เขากล่าวกับเจี่ยนอันอันว่า “เจ้าไปถอนผมได้เลย ข้าจัดการสามคนนี้เอง”ฉู่จวินสิงกล่าวพลางถีบหนึ่งในนั้นกระเด็นออกไปข้ารับใช้สามคนนี้ ยามอยู่ต่อหน้าฉู่จวินสิงก็เป็นแค่ปลาซิวปลาสร้อยเท่านั้นเจี่ยนอันอันไม่สนใจฝั่งนี้อีก นางเดินหน้าหลายก้าวไปจนถึงเบื้องหน้ารถม้าบทสนทนาระหว่างทั้งสองเมื่อครู่นี้ลอยเข้าหูเฉียนซื่อโดยไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียวเฉียนซื่อเห็นเจี่ยนอันอันมาแล้ว สีหน้าก็เ
เฉียนซื่อถูกตบจนเห็นดาวทอง ความเจ็บปวดบนหนังศีรษะทำให้นางมีสติแจ่มใสขึ้นมาในทันใด“ช่วยด้วย จะฆ่าคนแล้ว!”เฉียนซื่อร้องเสียงดัง แต่ว่าไม่มีเสียงตอบรับจากใครทั้งสิ้นฉู่จวินสิงในยามนี้อัดข้ารับใช้สามคนนั้นจนลุกไม่ขึ้นมาแต่แรกแล้วฉู่จวินสิงมองเฉียนซื่อด้วยสีหน้าเย็นชา ปราศจากท่าทีจะเข้าไปช่วยเหลือนางโดยสิ้นเชิงในที่สุดเฉียนซื่อก็นึกเสียใจทีหลัง นางไปยุ่งกับใครไม่ยุ่ง แต่ดันมามีเรื่องกับเจี่ยนอันอันตอนนี้เสิ่นจืออวี้กับเจียงหว่านเอ๋อร์ก็ไม่อยู่ข้างกาย ต่อให้นางร้องจนคอแตกก็ไม่สามารถเรียกพวกเขามาได้นางอยู่มาจนอายุปูนนี้ เป็นไม้ใกล้ฝั่งแล้วยังต้องมาประสบเคราะห์ร้ายแบบนี้อีกน้ำตาของเฉียนซื่อไหลเปรอะเปื้อนใบหน้าน้ำมูกผสมกับน้ำตาไหลเข้าไปในปากที่อ้ากว้างของนางไม่ว่าเฉียนซื่อจะดิ้นรนอย่างไร เจี่ยนอันอันก็ไม่ยอมปล่อยมือในที่สุดเฉียนซื่อก็ยอมแพ้ นางร้องไห้โฮ ปากก็ส่งเสียงขอร้องอ้อนวอน“แม่นางเจี่ยน เจ้าปล่อยข้าไปเถอะ ข้าไม่กล้าฮุบเรือนของเจ้าอีกแล้ว”เจี่ยนอันอันยิ้มเย็นชา มือไร้ทีท่าว่าจะคลายออก“ตอนนี้เจ้ารู้จักขอร้องแล้วงั้นรึ แต่สายเกินไปแล้ว”เส้นผมสีดอกเลาถูกเจี่ยนอัน
ไม่ถูกนี่นา อดีตฮ่องเต้เพิ่งสวรรคตไปได้ปีกว่า เหวยป๋อจื่อกลับเข้าจวนแม่ทัพไปตั้งแต่สิบกว่าปีก่อนแล้วเวลาไม่สอดคล้องกันเฉียนซื่อไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจี่ยนอันอันจึงมีสีหน้าประหลาดใจแบบนั้นนางกัดฟันตอบว่า “เหวยป๋อจื่อมาที่จวนแม่ทัพตั้งแต่สิบห้าปีก่อนแล้ว”“เอาละ เจ้าเล่าต่อไปได้แล้ว”เจี่ยนอันอันตัดสินใจข่มความสงสัยในใจลงก่อน แล้วฟังเฉียนซื่อเล่าต่อไปมือที่สั่นเทิ้มของเฉียนซื่อเช็ดเลือดบนใบหน้าออกแล้วเริ่มเล่าต่อไปปีนั้นเสิ่นจือเจิ้งยังเล็ก ไม่รู้ว่าคนที่พากลับมาเป็นใครยามนั้นแม่ทัพผู้เฒ่าเสิ่นยังมีชีวิตอยู่ เขาเห็นเสิ่นจือเจิ้งพาคนที่มีบาดแผลทั่วร่างกลับมาก็สั่งให้คนไปเรียกหมอมารักษาคนเจ็บแต่เมื่อหมอมาจับชีพจรให้กลับบอกว่าคนผู้นี้มีชีวิตต่อไปได้อีกไม่นานหมอเพียงจัดยาสำหรับรักษาบาดแผลภายนอกให้เหวยป๋อจื่อแล้วก็จากไปตอนที่เฉียนซื่อเห็นเหวยป๋อจื่อก็พบว่าเขามีลักษณะโดดเด่นไม่ธรรมดาในใจพลันบังเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมาถ้าสามารถช่วยชีวิตคนผู้นี้ไว้ได้ นางก็จะสามารถชุบเลี้ยงเอาไว้ข้างกายแค่มองดูอีกฝ่าย นางก็รู้สึกดีแล้วไม่แน่ว่าวันหน้านางอาจได้ร่วมอภิรมย์กับเขาด้วยก็เป็น
“โอ๊ย!” เฉียนซื่อเจ็บปวดจนร้องเสียงดังออกมาอย่างทนไม่ไหวเจี่ยนอันอันไม่ได้หยุดมือเพราะเสียงร้องโหยหวนของเฉียนซื่อในไม่ช้านางก็ถอนผมเฉียนซื่อไปได้เกินครึ่งแล้วเฉียนซื่อในตอนนี้มีสารรูปเหมือนคิ้วโชยเซียะในเรื่องเอี้ยก้วยเจ้าอินทรีเวอร์ชันกู่เทียนเล่อไม่มีผิดผมถูกถอนไปเกินครึ่ง แม้แต่หนังศีรษะยังถูกถลกออกมาด้วยหลายจุดเลือดไหลลงมาตามใบหน้าเฉียนซื่อแล้วหยดลงบนเสื้อผ้าสภาพนางตอนนี้ดูแล้วชวนให้คนขนหัวลุกเป็นอย่างยิ่งเสียงฝีเท้าระลอกหนึ่งดังขึ้น กวนเจี๋ยที่จับกระต่ายป่าตัวหนึ่งกลับมาได้ถูกภาพตรงหน้าทำให้ตกใจจนอึ้งไปเขาอยู่ห่างออกไปไกลมากแต่ก็ยังได้ยินเสียงร้องอนาถของเฉียนซื่อคืนวานเขาไม่ได้กลับมา เดิมคิดว่าจะไปหาอาหารข้างนอกแล้วค่อยกลับมาในฐานะลูกน้องคนสำคัญของเสิ่นจือเจิ้ง ข้อเสนอของกวนเจี๋ยได้รับการเห็นชอบจากเสิ่นจืออวี้กับเฉียนซื่อแล้วแต่ในหมู่บ้านชิงสุ่ย อย่าว่าแต่ไก่ป่ากระต่ายป่า แม้แต่หนูสักตัวก็ยังผอมแห้งเหมือนท่อนฟืนเขาจำต้องไปหาอาหารในป่าข้างนอกอย่างไร้ทางเลือกดีที่เขาจับกระต่ายป่าได้หนึ่งตัว คิดว่าจะเอามันกลับมาให้ทุกคนกินรอจนเขาหิ้วกระต่ายป่าหนึ่งตัวกลับม
กวนเจี๋ยปรายตามองเฉียนซื่อ หัวคิ้วขมวดแน่นสองคนนี้ไม่ได้เปิดเผยที่อยู่ของแม่ทัพเสิ่น หรือว่าแม่ทัพเสิ่นจะไม่อยู่ที่นี่ ทั้งหมดเป็นแผนร้ายของเฉียนซื่อ?กวนเจี๋ยไม่สนใจเสียงครวญครางของเฉียนซื่อ อดถามไม่ได้ว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านคงไม่ได้ส่งแม่ทัพเสิ่นไปที่อื่นกระมัง”เฉียนซื่อได้ยินคำถามของกวนเจี๋ยก็เงยหน้ามองเจ้าเด็กนี่บอกว่าจะไปหาอาหาร แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่าหายหัวไปทั้งคืนตอนนี้ยังจะมีหน้ามาถามนางอีก ช่างใจกล้ายิ่งนักเขาตาบอดหรืออย่างไร มองไม่ออกหรือว่าตอนนี้สภาพนางเอนจอนาถเพียงใด? “กวนเจี๋ย เจ้ารีบฆ่าสองคนนั้น พวกเขาจับครอบครัวของเสิ่นจือเจิ้งไป ทั้งยังจะถอนผมข้าออกหมดหัว”เฉียนซื่อเพิ่งจะพูดจบก็ถูกเจี่ยนอันอันเตะเข้าที่หน้า เฉียนซื่อถูกเตะจนต้องร้องคร่ำครวญออกมาอีกครั้ง“นางปีศาจเฒ่า สันดานของเจ้านี่ช่างแก้ได้ยากจริงๆ หากวันนี้ไม่ฆ่าเจ้าให้ตายคงเป็นการผิดต่อครอบครัวของเสิ่นจือเจิ้ง”เจี่ยนอันอันพูดแล้วก็จะเตะเฉียนซื่ออีกรอบเฉียนซื่อรีบคุกเข่าเบื้องหน้าเจี่ยนอันอันด้วยความหวาดกลัว นางร้องอ้อนวอนว่า“แม่นางเจี่ยนไว้ชีวิตด้วยเถอะ เมื่อครู่นี้ข้าใช้คำพูดผิดไปและใส่ร
หลังจากทั้งคู่กินข้าวเสร็จ กลับไม่ได้พักผ่อนอยู่ในโรงเตี๊ยมหลังจากออกไปข้างนอก ก็มาอยู่ในมุมๆ หนึ่งซึ่งปลอดคนในใจรีบท่องชื่อว่านผิงพร้อมกัน และไม่นานก็หายตัวไปจากซอกมุมนั้นเมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง จึงเห็นว่านผิงกับพวกกำลังเที่ยวจับคนอยู่ทุกครั้งที่จับชายคนหนึ่งได้ ก็จะหยิบภาพเขียนออกมาเปรียบเทียบดูใบหน้าทำเอาผู้คนบนท้องถนนต่างตกใจเป็นการใหญ่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันยังอยู่ในสภาพอำพรางกายอยู่ ว่านผิงกับพวกจึงไม่รู้ว่ามีคนมาคอยติดตามและพวกเขาก็ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น กลับเดินตามพวกว่านผิงไปเรื่อยๆโดยตั้งใจว่าจะหาโอกาสเหมาะ ค่อยลงมือเสียทีเดียวเพราะถ้าอยู่ท้องถนนแล้วลงมือฆ่าคน อาจทำให้ชาวบ้านตื่นตระหนกเป็นอย่างมากพวกเขาจับคนมาหลายคน แต่ล้วนไม่ใช่คนในภาพเขียนทำเอาว่านผิงโกรธจนกำหมัดแน่น มองหน้าลูกน้องพร้อมกล่าวเสียงดุ “พวกมันยังอยู่ในเมืองหลี่จง รีบไปค้นหาให้ทั่ว อย่าได้ปล่อยผ่านแม้แต่คนเดียว!”“ขอรับ ท่านหัวหน้า”ลูกน้องรับคำโดยพร้อมเพรียง และตามหาต่อไปเมื่อพวกเขามาถึงที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง พลันเห็นข้างหน้ามีบ้านเล็กหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ดูจากประตูที่เก่าโทร
ว่านผิงส่งสายตาให้เหล่าลูกน้อง ทุกคนรีบวิ่งขึ้นชั้นบนไปต่างถือเอาภาพเหมือนออกมา พร้อมเปรียบเทียบบนใบหน้าแขกทีละคน เมื่อเห็นว่าล้วนไม่ใช่คนที่ตนต้องการจะหา อีกทั้งมองดูในห้อง จนแน่ใจว่าไม่มีใครหลบซ่อนอยู่ จึงลงไปยังชั้นล่าง“หัวหน้า ชั้นบนไม่มีคนที่เราจะหา”ว่านผิงเหลียวมองคนที่นั่งกินอาหารอยู่ในโรงเตี๊ยม มองดูแต่ละคนแล้วสำรวจขึ้นลง สุดท้ายไปจับจ้องอยู่ที่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันเขาเห็นคนทั้งคู่ต่างก้มหน้ากินข้าว แทบไม่เงยหน้าขึ้นมองผู้ใดเสียด้วยซ้ำจึงผละจากเถ้าแก่ เดินจ้ำอ้าวไปทางฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน“เงยหน้าขึ้นมา” ว่านผิงกล่าวเสียงตะคอก กระบี่ในมือชี้ที่ลำคอฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงแทบไม่นำพาต่อกระบี่ที่พาดคอ พลางวางตะเกียบลง หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมุมปาก “ว่าอย่างไร เจ้าคิดลงมือกับข้าด้วยรึ?”ฉู่จวินสิงเลียนแบบน้ำเสียงของอิ่นเจียง พลางเหลือบตาขึ้นมองว่านผิงทันทีที่ว่านผิงเห็นหน้าฉู่จวินสิงชัดเจน จึงตกใจจนตัวสั่น พลางรีบเก็บกระบี่ขึ้น“ข้าน้อยไม่รู้ว่าใต้เท้ามาอยู่นี่ เมื่อครู่ล่วงเกินไป ขอท่านโปรดอภัยด้วย”ว่านผิงยืนอยู่ด้านข้างฉู่จวินสิง ในใจรู้สึกขนลุกขนชัน
ฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันในที่สุดก็ลืมตาขึ้น จึงได้กล่าวกับนาง “เมื่อครู่ข้าเรียกเจ้าอยู่หลายที เจ้าก็ไม่ขานตอบ ข้ายังนึกว่าเกิดอะไรขึ้นเสียอีก”เจี่ยนอันอันเพิ่งจะนึกได้ เมื่อครู่นางกำลังเพ่งมองภาพในมิติอยู่ ข้างโสตได้ยินเสียงคนเรียกชื่อนางจริงๆเพียงแต่ความสนใจของนาง ล้วนไปอยู่ในภาพนั้นหมดสิ้น จึงไม่ได้ใส่ใจการเรียกหาของฉู่จวินสิงนางจึงยอมให้ฉู่จวินสิงมานั่งด้านข้าง พร้อมนำภาพที่เห็น บอกเล่าให้เขาฟัง“จากที่เจ้าเล่ามา ชายสองคนที่เห็นนั้น อาจเป็นลูกน้องข้าก็ได้”เจี่ยนอันอันก็นึกถึงข้อนี้เช่นกัน หากชายสองคนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาจริง เบื้องหน้านางคงไม่ปรากฏภาพเช่นนั้นออกมา“เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็รออยู่ในโรงเตี๊ยมนี้แหละ เพราะที่ๆ สองคนนั้นจะมาพักก็คือโรงเตี๊ยมแห่งนี้”ฉู่จวินสิงได้ยินดังนี้ พลันเกิดความคิดในใจขอเพียงชายสองคนนั้นปรากฏตัวขึ้น เขาก็จะได้สมทบกับพวกเขาทันทีเพียงแต่ไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งห้าคนหลบหนีพร้อมกัน เหตุใดจึงได้พลัดหลงกันเช่นนี้?หรือว่าลูกน้องอีกสามคนได้ถูกคนของฉู่ชางเหยียนจับกลับไปเสียแล้ว?เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงขมวดคิ้วมุ่น นางจึงเอ่ยปาก “อย่าเพ
ฉู่จวินสิงกล่าวเสียงก้อง “เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะให้เวลาท่านสามวันในการสืบเรื่องนี้”“ถ้าไม่ได้ตัวผู้ก่อเหตุมา ข้าจะทำตามรับสั่งของฝ่าบาท สั่งประหารพวกท่านทั้งครอบครัว”คำพูดของฉู่จวินสิง ทำให้เจ้าเมืองข่งสะดุ้งอย่างแรงจนแม้แต่สะใภ้รองที่คุกเข่าอยู่ด้านข้าง ก็พลอยหวาดกลัวจนตัวสั่นไปด้วยนางแอบเหลียวมองเจ้าเมืองข่ง เห็นอีกฝ่ายก้มหน้าก้มตา ไม่รู้ว่าจะตามหาคนผู้นั้นได้พบหรือไม่หลังจากฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันจากไปแล้ว เจ้าเมืองข่งค่อยทรุดตัวลงกับพื้นเขาหายใจหอบแรง หวังจะช่วยระงับความหวาดหวั่นในใจบ้างสะใภ้รองได้ยินว่าโทษถึงขั้นประหารชีวิต ทำให้นางร้อนใจจนเดือดพล่านยิ่งกว่ามดที่อยู่บนฝาหม้อร้อน น้ำตาก็ยิ่งไหลรินไม่หยุด“ท่านพ่อ ข้ายังไม่อยากตาย โรคของซีเอ๋อร์ยังไม่ทันรักษาให้หายขาด เขาจะถูกประหารเช่นนี้ไม่ได้ ท่านต้องรีบจับกุมผู้แอบอ้างชื่อผู้นั้นให้ได้นะเจ้าคะ!”เจ้าเมืองข่งมีแผนการในใจอยู่แล้ว จึงถลึงตาใส่สะใภ้รอง พลางกล่าว “เลิกร้องไห้เสียที รีบไปดูซีเอ๋อร์ก่อนว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”สะใภ้รองรีบซับน้ำตาที่นองหน้าอยู่ พลางลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างเตียงมองดูซีเอ๋อร์ขณะนั้นมีสาวใ
เสียงของเจี่ยนอันอันดังขึ้นจากด้านหลัง “บอกให้พวกเขาถอยออกไป หาไม่ข้าจะให้พวกท่านตายทั้งบ้าน!”เจ้าเมืองข่งรู้ดีว่าสองคนนี้วรยุทธ์ไม่เบา จึงไม่กล้าทำการบุ่มบ่าม ได้แต่รีบโบกมือให้เหล่าทหารจนแม้แต่สะใภ้รองที่อยู่บนเตียง ก็ตกใจกับคำพูดเจี่ยนอันอันเสียจนต้องรีบหยุดร้องไห้โดยพลันรอให้ทหารออกไปหมดแล้ว เจ้าเมืองข่งจึงได้ถามเสียงสั่น “พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”“ที่เรามานี่ ย่อมได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ ให้สืบเรื่องราวการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อน”เจ้าเมืองข่งได้ยินคำพูดของฉู่จวินสิง พลันขมวดคิ้วมุ่น สองตาจ้องเขม็งไปที่เขาเพียงไม่นานเจ้าเมืองข่งก็สังเกตจากบุคลิกและการแต่งกายของฉู่จวินสิง ดูออกว่าอีกฝ่ายเป็นชาวจิงโจวจริงๆแต่จะบอกว่ารับพระบัญชามาจากฮ่องเต้ ก็ออกจะฟังไม่ขึ้นไปเสียหน่อย“พวกเจ้ามีสิ่งใดมายืนยันว่ารับพระบัญชามาสืบสวนข้าจริง?”ซ้ำยังเป็นเรื่องเมื่อสามปีที่แล้วฮ่องเต้ทรงมีราชกิจมากมาย จู่ๆ จะทรงนึกได้อย่างไรว่าต้องสืบสวนเรื่องการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อนไม่แน่ว่าสองคนนี้ อาจเป็นผู้ใดส่งมาแก้แค้นเขาก็ได้เพราะเขาเคยรับผลประโยชน์จากผู้อื่นมาไม่น้อย อีกทั้งให้ผู้ที่สอบตก
แม้แต่บุตรชายโง่งมของเขาก็ยังไม่กลับบ้านมาแต่เสียงนี้กลับได้ยินแจ่มชัด จนเขามั่นใจว่าในห้องยังมีผู้อื่นอยู่อีกพลันรีบลุกขึ้นยืน มองไปยังห้องว่างเปล่าแล้วตะคอกเสียงดัง “เป็นผู้ใดกัน รีบออกมาเดี๋ยวนี้!”ถึงขั้นนี้แลว ทั้งเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงจึงไม่คิดหลบซ่อนตัวอีกทั้งคู่จึงปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเจ้าเมืองข่งการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของคนทั้งคู่ ยิ่งทำให้เจ้าเมืองข่งตกใจเสียจนนั่งทับลงบนร่างสะใภ้รองโดยไม่รู้ตัวส่วนทางสะใภ้รองจู่ๆ ถูกคนมานั่งทับ ก็ทำเอานางเจ็บจนร้องโอย พลันรีบลืมตาขึ้นเจ้าเมืองข่งเพิ่งรู้ตัวว่าตนได้นั่งทับร่างสะใภ้รองอยู่ จึงรีบกระโดดผึงขึ้นมาในบัดดลเขาชี้หน้าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง พลางกล่าวตวาด “พวกเจ้าเป็นใครกัน ไฉนมาอยู่ในบ้านข้าได้?”เจี่ยนอันอันยิ้มหยันขณะมองหน้าเจ้าเมืองข่ง นางไม่ได้พูดจา แต่ในมือถือเข็มเงินเล่มหนึ่งอยู่นานแล้วนางดีดนิ้วหนึ่งที เข็มเงินรีบพุ่งไปยังเด็กชายที่นอนอยู่บนเตียงเข็มนั้นไปปักที่ศีรษะของเด็กชาย พลันได้ยินเสียงเด็กร้อง “อึ่ก” แล้วกระอักโลหิตสดออกมาคำหนึ่งเจ้าเมืองข่งรีบหันไปดูด้วยความตกใจ จึงเห็นบนศีรษะของหลานตัวน้อย มี
เจ้าเมืองข่งลุกพรวดขึ้น เขารีบประสานมือให้กับบรรดาพ่อค้า “ขออภัยด้วยทุกท่าน ที่บ้านข้ามีธุระ ต้องรีบไปจัดการ”“ขอให้ทุกท่านกลับไปก่อน รอให้ถึงเวลาสอบจอหงวนในอีกหนึ่งปี ข้าจะช่วยให้ลูกๆ ของพวกเจ้าสอบผ่านโดยราบรื่น”เจ้าเมืองข่งว่าจบก็ให้พ่อบ้านส่งแขกส่วนตัวเขารีบเดินไปทางห้องนอนของหลานชายเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากันก่อนจะตามไปทันทีหลังจากที่ทั้งสองคนเดินตามเจ้าเมืองข่งอยู่นานมาก พวกเขาก็มาถึงหน้าห้องนอนในที่สุดเจ้าเมืองข่งรีบเดินเข้าไป เห็นลูกชายคนรองยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่หน้าเตียงหลานชายวัยหกขวบที่อยู่บนเตียงกำลังกลอกตา ปากพ่นฟองขาวฟอด ร่างกายชักเกร็งส่วนลูกสะใภ้รองของเขากำลังนอนหมดสติอยู่บนพื้นลูกชายคนรองยืนซื่ออยู่หน้าเตียงไม่ต่างจากท่อนไม้ แน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน“ปัดโธ่ เจ้าลูกโง่ เจ้ามาทำอะไรที่นี่”เจ้าเมืองข่งตบเข่าฉาดด้วยความร้อนอกร้อนใจเมื่อเห็นลูกชายคนรองเขาสั่งให้บ่าวรับใช้เขามาลากนายน้อยรองออกไปทันทีในตอนนี้เอง จู่ๆ คุณชายรองก็ปรบมือร้องอย่างมีความสุข“สนุกมาก คนหนึ่งแกล้งชัก ส่วนอีกคนจะแกล้งตาย ข้าเองก็อยากเล่นกับพวกเจ้าด้วย”คุณชายรองว่าจบก็ไปนอนทับ
บัดนี้ลูกของพวกเขาต่างสอบได้ตำแหน่งซิ่วไฉขอเพียงต่อไปมอบสมบัติให้เจ้าเมืองข่งมากขึ้น วันหน้าก็จะสอบได้ตำแหน่งที่ดียิ่งกว่านี้เจี่ยนอันอันมองเห็นว่าเจ้าเมืองข่งมีใบหน้าเหลี่ยม ความละโมบแผ่ออกมาทางดวงตาเรียวเล็กเป็นระยะๆนางลอบถากถางในใจว่า “หน้าตาของเจ้าเมืองผู้นี้สะท้อนให้เห็นถึงตัวจริงๆ”พ่อค้าคนหนึ่งพูดว่า “ใต้เท้าข่ง ไม่ทราบว่าหลานชายของท่านป่วยเป็นอะไรกันแน่หรือ?”เจ้าเมืองข่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งในตำแหน่งประธานเขาส่งสัญญาณให้ทุกคนนั่งลงได้ มีสาวใช้ยกน้ำชาเข้ามาให้ทุกคน“เดิมทีแล้วหลานชายของข้าก็ร่าเริงแจ่มใสดี แต่ไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไร ช่วงนี้ล้มป่วยอยู่ตลอด ตอนนี้แค่จะพูดยังยากเลย”เจ้าเมืองข่งขมวดคิ้วแน่นด้วยความกลัดกลุ้มเมื่อพูดถึงตรงนี้“ไม่มีหมอที่จะรักษาได้หรือ?” พ่อค้าอีกคนเอ่ยถามเจ้าเมืองข่งถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง เขาส่ายหน้าว่า “ข้าตามหมอมาทั่วเมืองหลี่จงแล้ว แต่ไม่มีคนใดที่จะรักษาได้”พ่อค้าที่นำผนึกหัวใจพระพุทธมาให้ฟังถึงตรงนี้ก็หยิบมันออกมาจากอกเสื้อทันทีผนึกหัวใจพระพุทธถูกแสงส่องกระทบเป็นสีรุ้งระยิบระยับเขาลุกขึ้นประสานมือพูดกับเจ้าเ
ทั้งสองคนลงจากหลังม้า นำม้าไปผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่ แต่ในจังหวะที่กำลังจะไปจวนเป่าเซวียน พวกเขาก็เห็นรถม้าหลายคันทยอยกันมาหยุดจอดหน้าจวนเป่าเซวียนผู้คนที่ลงมาจากรถม้าล้วนแล้วแต่แต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหราดูจากการแต่งกายของพวกเขาแล้วน่าจะไม่ใช้ข้าราชการ ดูคล้ายพ่อค้ามากกว่าไม่รู้เหมือนกันว่าที่จวนเจ้าเมืองกำลังมีงานอะไร ถึงได้มีคนมาเยอะขนาดนี้คนเหล่านั้นเดินไปที่ประตูแล้วนำเทียบเชิญออกมาจากอกเสื้อพ่อบ้านยิ้มกว้างทันทีที่เห็นเทียบเชิญเขาประสานมือพูดว่า “รีบเชิญด้านใน ใต้เท้ารออยู่นานแล้ว”พ่อค้าเหล่านั้นประสานมือตอบก่อนจะสืบเท้าเข้าไปดูเหมือนว่า หากพวกเจี่ยนอันอันจะเข้าไปในจวนเป่าเซวียนก็จำเป็นต้องมีเทียบเชิญเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากัน ทั้งสองท่องในใจทันทีว่าล่องหนครานี้ก็จะไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นหรือมองเห็นพวกเขาแล้ว เลือนหายไปในอากาศภายในเสี้ยวพริบตาทั้งสองเดินวางมาดกรีดกรายเข้าไปต่อหน้าต่อตาพ่อบ้านจังหวะที่ทั้งสองคนเดินผ่านพ่อบ้าน พ่อบ้านก็ได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างนั่นเป็นกลิ่นที่มีเพียงสตรีเท่านั้นที่จะแผ่ออกมาได้เขามองรอบทิศ นอกจากพ่อค้าไม่กี่คนที่เพิ่งเข้าไปแ