กวนเจี๋ยปรายตามองเฉียนซื่อ หัวคิ้วขมวดแน่นสองคนนี้ไม่ได้เปิดเผยที่อยู่ของแม่ทัพเสิ่น หรือว่าแม่ทัพเสิ่นจะไม่อยู่ที่นี่ ทั้งหมดเป็นแผนร้ายของเฉียนซื่อ?กวนเจี๋ยไม่สนใจเสียงครวญครางของเฉียนซื่อ อดถามไม่ได้ว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านคงไม่ได้ส่งแม่ทัพเสิ่นไปที่อื่นกระมัง”เฉียนซื่อได้ยินคำถามของกวนเจี๋ยก็เงยหน้ามองเจ้าเด็กนี่บอกว่าจะไปหาอาหาร แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่าหายหัวไปทั้งคืนตอนนี้ยังจะมีหน้ามาถามนางอีก ช่างใจกล้ายิ่งนักเขาตาบอดหรืออย่างไร มองไม่ออกหรือว่าตอนนี้สภาพนางเอนจอนาถเพียงใด? “กวนเจี๋ย เจ้ารีบฆ่าสองคนนั้น พวกเขาจับครอบครัวของเสิ่นจือเจิ้งไป ทั้งยังจะถอนผมข้าออกหมดหัว”เฉียนซื่อเพิ่งจะพูดจบก็ถูกเจี่ยนอันอันเตะเข้าที่หน้า เฉียนซื่อถูกเตะจนต้องร้องคร่ำครวญออกมาอีกครั้ง“นางปีศาจเฒ่า สันดานของเจ้านี่ช่างแก้ได้ยากจริงๆ หากวันนี้ไม่ฆ่าเจ้าให้ตายคงเป็นการผิดต่อครอบครัวของเสิ่นจือเจิ้ง”เจี่ยนอันอันพูดแล้วก็จะเตะเฉียนซื่ออีกรอบเฉียนซื่อรีบคุกเข่าเบื้องหน้าเจี่ยนอันอันด้วยความหวาดกลัว นางร้องอ้อนวอนว่า“แม่นางเจี่ยนไว้ชีวิตด้วยเถอะ เมื่อครู่นี้ข้าใช้คำพูดผิดไปและใส่ร
ในที่สุดเขาก็ได้เข้าใจ ที่แท้ทั้งหมดก็เป็นฝีมือของเฉียนซื่อกวนเจี๋ยติดตามเสิ่นจือเจิ้งมาตั้งหลายปีขนาดนั้น ย่อมรู้ว่าเฉียนซื่อมีวิชาไสยศาสตร์ตอนที่ไปหาอาหารเมื่อคืน เขากังวลอยู่ตลอดว่าเฉียนซื่อจะลงมือกับคนอื่นๆ ในช่วงที่เขาไม่อยู่นึกไม่ถึงว่าฮูหยินผู้เฒ่าใจคดนางนี้จะมีความตั้งใจที่จะไม่ปล่อยพวกเขาไปจริงๆ ด้วยเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงเดินสืบเท้าไปทางบ้านของกวนซิน ไม่ได้สนใจกวนเจี๋ยที่ตามมาด้านหลังเมื่อมาถึงหน้าบ้านกวนซิน เจี่ยนอันอันก็ต้องพึงพอใจเมื่อได้พบว่าแม่นมหลี่กับเตียวเฉียงได้หายไปแล้วนางยกมือเคาะประตูลานบ้าน สือเจี้ยเดินมาเปิดประตูให้อย่างรวดเร็ว เขามีรอยยิ้มทันทีที่เห็นว่าเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินกลับมาแล้วสือเจี้ยหลีกตัวให้ทั้งสองคนเข้ามาเมื่อเห็นว่ากวนเจี๋ยทำท่าจะเข้ามาด้วย เขาก็ต้องมีสีหน้าฉงนสงสัย แต่ในเมื่อเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงไม่ได้ห้ามไม่ให้กวนเจี๋ยเข้ามาสือเจี้ยจึงพูดอะไรมากไม่ได้เมื่อกวนเจี๋ยเห็นว่าผู้ที่นั่งอยู่ในลานบ้านคือเสิ่นจืออวี้ที่มีสีหน้าเคร่งเครียดก็ร้องออกมาทันที “นายน้อยรอง ที่แท้ท่านก็อยู่ที่นี่”เสิ่นจืออวี้ได้ยินเสียงของกวนเจี
หลังจากที่เจี่ยนอันอันล้างมือเสร็จเรียบร้อย ไฟในเตาก็จุดเสร็จพอดีเจี่ยนอันอันนำหญ้าน้ำแข็งทมิฬแปดแฉก บุปผาสยบผู้กล้าและใบวายุสามหางออกมาจากห้วงมิติตามด้วยเทขี้เถ้าในขวดลงไปในหม้อต้มขนาดใหญ่ชิวเหลียนรีบไปตักน้ำหนึ่งกะละมังมาเทลงในหม้อ จากนั้นเจี่ยนอันอันจึงเริ่มทำยาถอนยาถอนวิชาไสยศาสตร์ประเภทนี้ไม่อาจต้มในหม้อโอสถขนาดเล็ก ต้องทำให้หม้อขนาดใหญ่เท่านั้นนี่เป็นสิ่งที่เขียนไว้ในตำราสามชะตามรรคาลี้ลับเช่นกันผ่านไปครึ่งชั่วยาม ยาถอนก็ต้มเสร็จในที่สุดเจี่ยนอันอันหยิบถ้วยมาสามใบและเทยาถอนลงในถ้วยสมุนไพรพวกนั้นถูกนางโยนเข้าไปในกองไฟเมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้น เจี่ยนอันอันค่อยให้ชิวเหลียนล้างทำความสะอาดหม้อนางเริ่มจากยกยาถ้วยหนึ่งไปป้อนให้เสิ่นคังที่ห้องเสิ่นคังอายุน้อย เพิ่งดื่มยาไปไม่นานก็ลืมตาขึ้นเขาเพิ่งจะได้สติก็ร้องว่าปวดท้องทันทีแต่ยังพูดจบไม่ทันจบก็อาเจียนของเหลวสีดำออกมาดัง “แหวะ”ของเหลวสีดำนี้ส่งกลิ่นเหม็นรุนแรงเจี่ยนอันอันไม่กลัวว่าจะสกปรก นางนำผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดหน้าให้เสิ่นคัง“ตอนนี้เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?” เจี่ยนอันอันประคองเสิ่นคังพลางเอ่ยถามเสียงแผ่วเบ
เจี่ยนอันอันไม่ได้สนใจ นางเข้าใจความรู้สึกของเจียงหว่านเอ๋อร์หากเป็นตัวนางเอง เกรงว่านางก็คงไม่ชอบให้ผู้หญิงคนอื่นถูกเนื้อต้องตัวฉู่จวินสิงเช่นกันเจียงหว่านเอ๋อร์ขอบคุณแล้วรับถ้วยยาไปนางบีบปากเสิ่นจือเจิ้ง ค่อยๆ เทยาเข้าไปในปากของเขาด้วยความระมัดระวังหลังจากดื่มยา เสิ่นจือเจิ้งก็ยังคงลืมตาจ้องเพดานห้องด้วยแววตาว่างเปล่าเจียงหว่านเอ๋อร์เห็นว่าเสิ่นจือเจิ้งยังคงไม่คืนสติก็หันไปมองเจี่ยนอันอันด้วยความร้อนใจ“แม่นางเจี่ยน เหตุใดสามีของข้ายังไม่หายดีอีก?”เจี่ยนอันอันจับชีพจรให้เสิ่นจือเจิ้ง ภายในใจเข้าใจชัดแจ้ง“วิชาไสยศาสตร์ที่แม่ทัพเสิ่นได้รับค่อนข้างรุนแรง ด้วยเหตุนี้จึงไม่อาจคืนสติได้รวดเร็วขนาดนั้น”“แต่ท่านไม่ต้องร้อนใจ รออีกสักพัก ท่านแม่เสิ่นก็จะคืนสติอย่างแน่นอน”เจียงหว่านเอ๋อร์พยักหน้าเบาๆ สายตาจับจ้องใบหน้าของเสิ่นจือเจิ้งเวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละนิด ขณะที่เจียงหว่านเอ๋อร์กำลังคิดว่าเสิ่นจือเจิ้งจะไม่ฟื้นคืนสติจู่ๆ นางก็เห็นว่าลูกตาของเสิ่นจือเจิ้งขยับไปมาสองสามครั้งเจียงหว่านเอ๋อร์รีบร้องเรียกเสิ่นจือเจิ้งเมื่อเห็นดังนี้“ท่านพี่ ข้าคือหว่านเอ๋อร์ ท่านรีบมองข้
เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงเข้ามาก็รีบเก็บตำราสามชะตามรรคาลี้ลับนางดึงแขนเสื้อของฉู่จวินสิงให้เขาออกจากห้อง“อันอัน เกิดอะไรขึ้นในห้อง?” ฉู่จวินสิงถามอย่างไม่เข้าใจเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วแน่นพลางส่ายหน้าน้อยๆ“ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น ในตำราสามชะตามรรคาลี้ลับเขียนไว้ชัดเจน”“ขอเพียงทำตามวิธีก็จะสามารถถอนวิชาไสยศาสตร์ทั้งหมดของเสิ่นจือเจิ้ง”“ทว่าเขาฟื้นมาแล้วกลับบอกว่าไม่รู้จักเสิ่นจืออวี้และเจียงหว่านเอ๋อร์”บทสนทนาของทั้งคู่ถูกกวนเจี๋ยได้ยินเขารีบเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยเสียงแผ่วเบา ไม่อยากให้เสิ่นคังได้ยิน“เมื่อครู่นี้พวกท่านบอกว่าท่านแม่ทัพฟื้นแล้วอย่างนั้นหรือ?”“แต่เหตุใดเขาจึงจำฮูหยินกับนายน้อยรองไม่ได้?”เจี่ยนอันอันมีสีหน้าจนใจ นางไม่เข้าใจเช่นกันว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกวนเจี๋ยเห็นเจี่ยนอันอันไม่ตอบก็รีบเดินเข้าไปในห้อง“ท่านแม่ทัพ ท่านจำข้าได้หรือไม่ ข้าคือกวนเจี๋ยอย่างไรเล่าขอรับ”กวนเจี๋ยเดินไปข้างเตียง เสียงของเขาดังจนแม้แต่เสิ่นคังที่อยู่ในลานบ้านยังได้ยินเสิ่นคังได้ยินว่าท่านพ่อฟื้นแล้วก็รีบสืบเท้าน้อยๆ วิ่งเข้าไปในห้อง“ท่านพ่อ ในที่สุดท่านก็ฟื
ตอนนี้เสิ่นจืออวี้เดินออกมาจากห้องแล้วเช่นกันดวงตาของเขาแดงก่ำ ครั้นเหลือบไปเห็นเฉียนซื่อก็เดือดดาลจนอยากจะตบอีกฝ่ายให้ตายทั้งหมดเป็นฝีมือของย่ารอง หากนางไม่ใช้วิชาไสยศาสตร์กับพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ก็คงไม่กลายเป็นแบบนี้เมื่อบรรดาบ่าวรับใช้วางเฉียนซื่อลงบนพื้น นางก็ลืมตาขึ้นในที่สุดแต่สภาพของนางตอนนี้เป็นเหมือนที่เสิ่นจือเจิ้งเพิ่งฟื้น แววตาทั้งสองข้างว่างเปล่าเสิ่นจือเจิ้งอดกลั้นต่อเพลิงโทสะในใจ สภาพที่ดูไม่ได้ของเฉียนซื่อทำให้เขาอยากร้องออกมาเหลือเกินว่าสมควรแล้ว!แต่เขายังต้องซักถามเฉียนซื่ออยู่ว่านางใช้วิชาไสยศาสตร์อะไรกับพี่ใหญ่ เหตุใดพี่ใหญ่จึงจำพวกเขาไม่ได้เสิ่นจืออวี้ถามอยู่สองสามรอบ ทว่าเฉียนซื่อกลับไม่มีการตอบสนองใดๆจู่ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องที่เจี่ยนอันอันเคยพูด ตอนนี้เฉียนซื่อถูกวิชาไสยศาสตร์สะท้อนกลับเกรงว่าคงไม่อาจพูดได้อีกต่อไป ยิ่งไม่ต้องถามถึงการตอบว่าใช้วิชาไสยศาสตร์อะไร เสิ่นจืออวี้กระวนกระวายใจดุจไฟเผา ตอนนี้เขาไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำอย่างไรเจี่ยนอันอันเดินออกมาเห็นเสิ่นจืออวี้มีสีหน้าร้อนใจนางตบบ่าเสิ่นจืออวี้ “ตอนนี้ย่ารองของท่านเป็นเหมือนซากศพที่มีชีวิต ไ
เจี่ยนอันอัน “???”เสิ่นจือเจิ้งฟื้นคืนสติแล้วจำครอบครัวตัวเองไม่ได้ แต่กลับร้องเรียกชื่อของนางเนี่ยนะนี่มันเรื่องอะไรกัน?“ท่านรู้จักข้าหรือ?” เจี่ยนอันอันหยุดฝีเท้าและหันกลับไปมองเสิ่นจือเจิ้งนางไม่เคบพบเสิ่นจือเจิ้งมาก่อน เหตุใดอีกฝ่ายจึงเรียกชื่อนางภายใต้สถานการณ์ที่สูญเสียความทรงจำ?เสิ่นจือเจิ้งมองเจี่ยนอันอันไม่ละสายตา มีรอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้าเขาอย่างรวดเร็ว“เจี่ยนอันอัน เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย!” เสิ่นจือเจิ้งว่าจบก็จะลงจากเตียงทว่าบาดแผนบนร่างเขายังไม่หายดีนัก ขยับตัวแล้วกระทบกระเทือนถูกบาดแผลเสิ่นจือเจิ้งร้อง “ซี๊ด” ออกมาด้วยความเจ็บปวดเขามุ่นคิ้วเข้าด้วยกัน ก้มหน้ามองบาดแผลตามตัวแม้ก่อนหน้านี้จะมีการทายาบริเวณบาดแผลมาก่อนแล้ว แต่บาดแผลก็ไม่ได้หายไวขนาดนั้นเมื่อต้องมาขยับตัวเช่นนี้ บาดแผลจึงปริออกอีกครั้งโลหิตไหลออกมาจากบาดแผลและซึมไปที่เสื้อนอก เสิ่นจือเจิ้งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างแรงเสียงพูดคุยของทั้งสองคนถูกเจียงหว่านเอ๋อร์ได้ยินนางยืนนิ่งงันอยู่นอกประตูและมองเจี่ยนอันอันด้วยสายตาสงสัย เจี่ยนอันอันมีสีหน้าสับสนงุนงงเช่นกันเพ
เจี่ยนอันอันชะงักงันครู่หนึ่งก่อนจะสืบเท้าเดินเข้าไปหาอย่างไรตอนนี้เสิ่นจือเจิ้งก็มีบาดแผลทั่วร่าง ไม่กล้าทำอะไรนางอีกอย่าง หากเขากล้าทำอะไรจริงๆ นางก็จะทำให้เขากลายเป็นพิการเหมือนก่อนหน้านี้เจี่ยนอันอันหยุดยืนข้างเตียง “มีอะไรก็พูดมาเถอะ”เสิ่นจือเจิ้งไอเบาๆ ก่อนจะพูดเสียงแหบ “อันอัน ข้าคือพี่ใหญ่ของเจ้าจริงๆ”“เจ้ารู้หรือไม่คืนที่ข้ากลับมาแล้วเห็นเจ้านอนหลับอยู่บนโซฟา”“ทว่าเรียกอย่างไรเจ้าก็ไม่ตื่น รู้หรือไม่ว่าข้าเสียใจเพียงใด?”“ข้าคิดว่าชีวิตนี้ต้องสูญเสียน้องสาวไปเสียแล้ว”“นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะยังไม่ตาย ซ้ำยังมาอยู่ในที่แบบนี้”เสิ่นจือเจิ้งเริ่มไออย่างรุนแรงอีกครั้งเมื่อพูดจบตอนแรกเจี่ยนอันอันคิดว่าเสิ่นจือเจิ้งกำลังพูดเหลวไหลเพราะถูกวิชาไสยศาสตร์แต่เมื่อได้ยินคำว่าโซฟา ดวงตากลับต้องเบิกกว้างทันทีมีเพียงคนในยุคปัจจุบันเท่านั้นที่จะรู้จักคำว่าโซฟา หรือว่าคนผู้นี้จะเป็นพี่ใหญ่ของนางจริงๆ?“ท่านบอกว่าท่านเป็นพี่ใหญ่ของข้า ไม่ทราบว่ามีหลักฐานอะไรมายืนยัน?”เจี่ยนอันอันตื่นเต้นมากจนเสียงสั่นเครือมาอยู่แคว้นไท่ยวนนานขนาดนี้ ไม่มีวันใดที่นางไม่คิดถึงครอบครัวแต่
เสิ่นจืออวี้คิดอยากจะเกลี้ยกล่อม แต่กลับพบว่าเจียงหว่านเอ๋อร์หยิบพู่กันขึ้นมานางสูดลมหายใจลึก กัดปากพูดออกมา “ดี ในเมื่อท่านต้องการจะหย่ามาก เช่นนั้นข้าก็จะยอมรับมัน!”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น แล้วเขียนชื่อของตัวเองลงไปบนหนังสือหย่าทว่านางไม่มีตราประทับสีแดง จึงกัดริมฝีปาก แล้วหยดเลือดสีแดงลงมาประทับรอยนิ้วมือของตนเองเมื่อทำทุกอย่างนี้เสร็จ นางก็โยนหนังสือหย่าลงบนพื้น“คังเอ๋อร์ พวกเราไปกัน”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น แล้วก็จะดึงมือของเสิ่นคัง“ข้าไม่ไป ข้าอยากให้ท่านพ่อและท่านแม่อยู่ด้วยกัน” ไม่ว่าจะพูดอะไรออกมาเสิ่นคังก็ไม่ยอมไปกับเจียงหว่านเอ๋อร์ใบหน้าเล็กๆ ของเขา ถูกน้ำมูกและน้ำตาไหลนองจนเลอะใบหน้าไปหมด“พี่ใหญ่ ต่อให้พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าจะทำอะไรผิดไป ก็คงไม่ถึงขั้นหย่ากัน พวกท่านลองคุยกันเสียหน่อยไม่ได้หรือ?”เสิ่นจืออวี้ทนมองต่อไปไม่ได้แล้ว เขาหยิบหนังสือหย่าบนพื้นขึ้นมา แล้วต้องการจะฉีกออกเสิ่นจือเจิ้งจ้องมองไปยังเสิ่นจืออวี้ “หากว่าเจ้ากล้าฉีกมันออก ข้าเองก็จะไม่ถือว่าเจ้าเป็นน้องชายอีกต่อไป”เสิ่นจืออวี้หยุดการกระทำในมือลง สีหน้าดูไม่น่ามองอย่างประหลาดเขาเพียงแค
เจียงหว่านเอ๋อร์ยกมือขึ้น ตบไปยังใบหน้าของเสิ่นจือเจิ้งทว่ามือของนางเพิ่งจะยื่นออกไปได้เพียงแค่กลางอากาศเท่านั้น ก็ถูกเสิ่นจือเจิ้งคว้าเอาไว้แน่น“เจ้าพอได้แล้ว หากว่ายังมาบ้าคลั่งต่อหน้าของข้าอีก ก็เก็บข้าวของแล้วออกไปซะ!”สีหน้าของเสิ่นจือเจิ้งดูเย็น จ้องมองไปยังเจียงหว่านเอ๋อร์ที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงจนเกือบจะบ้าด้วยความโกรธดวงตาทั้งคู่ของเจียงหว่านเอ๋อร์แดงก่ำ น้ำตาไหลรินออกมาไม่หยุดสีหน้าของนางซีดขาว ความขุ่นเคืองในใจอันหนักหน่วง ทว่ากลับไม่มีที่ให้ระบายออกมาได้เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันเข้ามา เจียงหว่านเอ๋อร์ก็ถือว่าเจี่ยนอันอันเป็นศัตรูนางดึงมือออกจากเสิ่นจือเจิ้ง แล้วเดินมาทางด้านเจี่ยนอันอัน“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้า หากไม่ใช่เพราะว่าเจ้าเอาดวงวิญญาณของจือเจิ้งออกไป แล้วเขาจะทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไรกัน”เจียงหว่านเอ๋อร์นำความโกรธทั้งหมด ระบายใส่เจี่ยนอันอันทั้งหมดล้วนแต่เป็นความผิดของเจี่ยนอันอันหากไม่ใช่เจี่ยนอันอันที่คลายคุณไสยร้ายให้เสิ่นจือเจิ้ง เขาก็จะไม่มีทางตื่นขึ้นมาและไม่มีทางที่จะจำนางไม่ได้นางยินยอมให้เสิ่นจือเจิ้งตอนนี้ ยังคงอยู่ในอาการสลบไสลไม่ตื่นขึ้น
“เจ้านำหนังสือหย่านี้ไปให้เจียงหว่านเอ๋อร์ แล้วบอกนางว่าจากวันนี้เป็นต้นไป ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของเราสิ้นสุดแล้ว”“ต่อไปนางจะไปอยู่ที่ใด ก็เป็นอิสระของนาง ข้าไม่สนใจและไม่คิดจะสนใจ”เจี่ยนอันอันมองหนังสือหย่าในมือ ดูท่าแล้วพี่ชายของนางคงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วที่จะหย่าเจียงหว่านเอ๋อร์เจี่ยนอันอันมิได้กล่าวสิ่งใดอีก เมื่อพี่ชายคิดเช่นนี้ นางก็พร้อมเคารพการตัดสินใจนั้นยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้เจียงหว่านเอ๋อร์เป็นฝ่ายผิดก่อน จึงมิอาจโทษพี่ชายได้เจี่ยนอันอันถือหนังสือหย่า เดินออกไป นางเคาะประตูห้องของเจียงหว่านเอ๋อร์ เจียงหว่านเอ๋อร์รีบเช็ดน้ำตาบนใบหน้า ก่อนจะเดินมาเปิดประตูเมื่อนางเห็นว่าเป็นเจี่ยนอันอัน ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธทันที“เจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องอันใด?”เจี่ยนอันอันผลักเจียงหว่านเอ๋อร์ออกไป แล้วก้าวเข้าไปในห้อง“ข้ามิได้เชิญเจ้าเข้ามา เจ้าไม่มีสิทธิ์บุกรุกเข้ามาในห้องของข้าโดยพลการ!”เจียงหว่านเอ๋อร์กล่าว พลางยื่นมือจะดึงตัวเจี่ยนอันอันแต่เจี่ยนอันอันหมุนตัวก้าวหลบอย่างคล่องแคล่วนางยกหนังสือหย่าในมือขึ้นแสดงต่อหน้าเจียงหว่านเอ๋อร์“พี่ชายของข้าได้เขียน
เจียงหว่านเอ๋อร์ไม่กล้าพูดสิ่งใดอีก รีบสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้ววิ่งออกไปเมื่อมาถึงหน้าห้อง นางเห็นเจี่ยนอันอันยืนอยู่ที่ประตูใบหน้าของเจียงหว่านเอ๋อร์ที่ซีดขาวพลันเปลี่ยนเป็นแดงก่ำบทสนทนาระหว่างนางกับเสิ่นจือเจิ้งเมื่อครู่ เกรงว่าเจี่ยนอันอันจะได้ยินหมดแล้วเจียงหว่านเอ๋อร์ก้มหน้าลง รีบวิ่งกลับไปยังห้องถัดไปแล้วปิดประตูแน่นสนิทนางไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้นางผิดที่ตรงไหนกันแน่?นางคือคนที่ผ่านพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับเสิ่นจือเจิ้งมาแล้ว ต่อให้จะทำอะไรกับเขา ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สมควรและถูกต้องทั้งสิ้น แต่เมื่อครู่ ตอนที่นางเห็นเจี่ยนอันอัน นางกลับสังเกตเห็นแววรังเกียจบนใบหน้าของอีกฝ่ายสายตานั้นราวกับมองนางเป็นหญิงชั่วที่ถูกจับได้ว่ากำลังทำเรื่องผิดศีลธรรมอยู่บนเตียงยิ่งเจียงหว่านเอ๋อร์คิด นางก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจ นางทำผิดอะไรกันแน่ ถึงต้องถูกปฏิบัติเช่นนี้เหตุใดเสิ่นจือเจิ้งถึงไม่ยอมให้นางแตะต้อง เขาเกลียดนางขนาดนั้นเชียวหรือ?หรือว่าเสิ่นจือเจิ้งไม่ได้มองเจี่ยนอันอันเป็นเพียงน้องสาว แต่ชอบนางในฐานะสตรีคนหนึ่งมีคำกล่าวว่า เมื่อบุรุษเปลี่ยนใจ ย่อมไม่สนใจภรรยาคนแรกของตนอีกต่อไ
“ท่านพี่ หลายวันมานี้ท่านไม่ยอมให้ข้าแตะต้องท่านเลย ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าทุกข์ใจเพียงใด”“วันนี้ข้าจำต้องใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้ วางยาสลบในอาหารของท่าน หวังว่าท่านพี่จะไม่ถือโทษโกรธเคือง”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดพลางเดินมาที่ข้างเตียงอุ่น มือข้างหนึ่งลูบไล้ใบหน้าเรียบเนียนของเสิ่นจือเจิ้งบุรุษที่นางเฝ้าคิดถึงอยากจะใกล้ชิดทั้งวันทั้งคืน บัดนี้กำลังนอนอยู่เบื้องหน้านางใบหน้าของเจียงหว่านเอ๋อร์พลันขึ้นสีแดงระเรื่อหัวใจของนางเต้นแรง ลมหายใจก็เริ่มถี่กระชั้นมือที่หยาบกร้านเล็กน้อย ลูบไล้จากใบหน้าของเสิ่นจือเจิ้งอย่างแผ่วเบา เรื่อยมาจนถึงลำคอมือนั้นไล้ลงต่ำเรื่อยๆ ลงไปที่แผ่นอกของเสิ่นจือเจิ้งเสิ่นจือเจิ้งอดทนต่อสัมผัสของเจียงหว่านเอ๋อร์ เขายังไม่รีบร้อนลืมตา เพียงแต่อยากดูว่าต่อไป เจียงหว่านเอ๋อร์จะทำอะไรอีกเจียงหว่านเอ๋อร์กำลังจะสอดมือเข้าไปในเสื้อของเสิ่นจือเจิ้งแต่ในจังหวะนั้นเอง เสิ่นจือเจิ้งกลับพลิกตัวหันหลังให้นางเจียงหว่านเอ๋อร์ตกใจจนรีบดึงมือกลับ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงยาสลบที่นางใช้เป็นยาที่นางเก็บเอาไว้ก่อนหน้านี้ นางคิดจะใช้มันจัดการกับท่านย่าเล็กแต่คิดไม้ถึงว่า
เจียงหว่านเอ๋อร์กัดริมฝีปากล่างเบา ๆ นางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็กลืนคำพูดเหล่านั้นกลับลงไปพอนางส่งถาดอาหารในมือให้เจี่ยนอันอัน ก็หันหลังเดินจากไปด้วยขอบตาที่แดงเรื่อนับแต่เสิ่นจือเจิ้งฟื้นขึ้นมา ก็เอาแต่พูดจาเย็นชากับนางไม่เคยมีคำพูดใดที่แสดงความห่วงใยต่อนางเลยแม้แต่คำเดียวนางไม่เข้าใจว่าเหตุใดเสิ่นจือเจิ้งถึงปฏิบัติต่อนางเช่นนี้หรือว่าเป็นเพราะเขาสูญเสียความทรงจำ นิสัยถึงได้เปลี่ยนไปและเย็นชาต่อนางถึงเพียงนี้?เจี่ยนอันอันมองตามแผ่นหลังของเจียงหว่านเอ๋อร์ที่เดินจากไป ร่างบอบบางนั้นเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจนางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ถือถาดอาหารเดินมาข้างหน้าเสิ่นจือเจิ้ง“พี่ใหญ่ ท่านจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร ข้าว่าเจียงหว่านเอ๋อร์ก็ไม่ใช่คนไม่ดีสักหน่อย”“ต่างก็เป็นคนที่ถูกโชคชะตาเล่นตลก ถูกเนรเทศมาไกลถึงที่นี่ เผชิญความลำบากมากมาย”“จะอย่างไรตอนนี้นางเป็นภรรยาของท่านแล้ว ท่านให้โอกาสนางได้ใกล้ชิดกับท่านมากขึ้นหน่อยเถิด”เสิ่นจือเจิ้งยังคงทำหน้านิ่ง ไม่พูดอะไรจนกระทั่งเห็นเจี่ยนอันอันนำอาหารในถาดออกมา เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “เจ้ามีเข็มเงินอยู่ใช่หรือไม่ ลองตรวจดูส
เจี่ยนอันอันเลิกคิ้วขึ้น “พี่ใหญ่หมายความว่าอย่างไร?”“ต่อไปเจ้าก็จะเข้าใจเอง” เสิ่นจือเจิ้งไม่คิดจะอธิบายเพิ่มเติม ก่อนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “สองวันมานี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อเจี่ยนอันอันนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสองวันนี้ นางก็รู้สึกอึดอัดใจขึ้นมานางเล่าเรื่องทั้งหมดที่ตนประสบพบเจอในช่วงสองวันนี้ให้เสิ่นจือเจิ้งฟังเสิ่นจือเจิ้งดึงตัวเจี่ยนอันอันเข้ามาหา พลางสำรวจนางตั้งแต่หัวจรดเท้า“ชายที่ชื่อกู้มั่วหลีผู้นั้นไม่ได้ทำอะไรเจ้าใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันแค่นเสียงในลำคอ ดวงตาเผยจิตสังหารอันเหี้ยมโหด“กู้มั่วหลีน่าชังผู้นั้นพยายามจะลวนลามข้าหลายครั้ง น่าชิงชังเสียจริง!”“หากข้าเอาชนะเขาได้ ข้าคงแล่เนื้อเขาเป็นชิ้น ๆ แล้วเอาไปทำปุ๋ยเสีย”เจี่ยนอันอันยิ่งพูดยิ่งโกรธ มือทั้งสองข้างกำแน่นจนเส้นเลือดปูดผงสลายศพที่นางคิดค้นขึ้นเองกลับไร้ผลต่อกู้มั่วหลีนางไม่เข้าใจเลยว่าเขากินยาแก้พิษอะไรเข้าไปนางต้องไปคิดค้นวิจัยยาพิษใหม่ที่สามารถใช้กับกู้มั่วหลี่โดยเฉพาะให้ได้แววตาของเสิ่นจือเจิ้งฉายประกายอำมหิตกล้าทำเรื่องเช่นนี้กับน้องสาวของเขา หากเขาได้เจอ เขาจะไม่มีวันปล่อยกู้มั่วห
ซ่างตงเยว่เป็นคนนำน้ำมาส่งให้พวกเขาตลอดสองวันมานี้และน้ำที่บ้านของซ่างตงเยว่ก็รสชาติดีกว่าน้ำที่บ้านพวกเขาไม่รู้กี่เท่าน้ำนี้หวานและอร่อย ทำให้จ้าวอู่กับจ้าวลิ่วดื่มแล้วหยุดไม่ได้ซ่างตงเยว่เห็นทั้งสองคนดื่มติดต่อกันสองกระบวยใหญ่ก็ร้องว่า “พวกท่านดื่มน้อยหน่อย ท่านพ่อกับอาอวี๋ยังไม่ได้ดื่มเลย”ทั้งสองคนได้ยินดังนี้ก็รีบวางกระบวยตักน้ำลงพวกเขาเช็ดปากก่อนจะหัวเราะแหะๆ ให้ซ่างตงเยว่จ้าวลิ่วยิ้มว่า “นังหนูอย่าคิดมากขนาดนั้นสิ พวกข้าทำงานให้ท่านพ่อของเจ้าไม่น้อยเลยนะ”ซ่างตงเยว่กลอกตามองบนใส่จ้าวลิ่ว คิดในใจว่างานเล็กน้อยที่เจ้าทำเทียบกับที่ท่านพ่อของข้าทำไม่ได้เลยจ้าวอู่มองน้ำในถัง เขาอดถามไม่ได้ว่า “ตงเยว่ เหตุใดน้ำของบ้านเจ้าจึงรสชาติดีเช่นนี้ ไม่ได้เปรี้ยวและฝาดเหมือนน้ำที่บ้านข้า ดื่มยากสุดๆ”ซ่างตงเยว่หันไปมองเจี่ยนอันอันปราดหนึ่งแต่ไม่ได้พูดอะไรนางไม่มีทางบอกจ้าวอู่ว่าเจี่ยนอันอันเป็นคนช่วยจัดการบ่อน้ำที่บ้านของนางตอนนั้นเจี่ยนอันอันเห็นบ่อน้ำที่บ้านของนางทั้งเหลืองทั้งขุ่นจึงทำการเทน้ำพุวิญญาณลงไปจำนวนหนึ่ง จากนั้นน้ำที่บ้านนางก็ใสสะอาดและมีรสชาติดีนี่เป็นความล
ยิ่งไปกว่านั้น ที่พวกเขายอมตอบตกลงที่จะไปตามหาคลังสมบัติด้วยกันก็เกิดจากความละโมบของพวกเขาเองหากไม่ใช่เพราะคนผู้นั้นเริ่มสังหารเฉียวว่านหลินก่อน พวกเขาก็คงไม่สู้กันในช่องทางลับไม่ต้องมาตายอยู่ในนั้นโดยที่ยังหาคลังสมบัติไม่เจอท่านปู่เฉินมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเขาทั้งหมด และก็ด้วยเหตุนี้เช่นกัน เขาถึงได้ต้องจมอยู่กับความทรมานทุกวันขณะที่ท่านปู่เฉินกำลังคิดว่าจะแก้ตัวอย่างไร เจี่ยนอันอันก็พูดว่า “มาถึงขั้นนี้ ข้าว่าท่านอย่าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านอีกเลย”ท่านปู่เฉินเงยหน้าขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อเขาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านชิงสุ่ยมาหลายสิบปี จะต้องมาถูกปลดออกจากตำแหน่งทั้งอย่างนี้หรือ?“แม่นางเจี่ยน ข้าขอโอกาสไถ่โทษสักครั้งได้หรือไม่?”“ข้ายินดีมอบเงินออมทั้งหมดให้ภรรยาและลูกชายของเฉียวว่านหลิน”สิ่งที่เขาพอจะทำได้ในตอนนี้ก็มีแค่นี้ในบรรดาสี่คนนั้น มีแค่เฉียวว่านหลินที่มีลูกและภรรยา ส่วนอีกสามคนเป็นพวกกล้าตายถึงแม้จะตายไปก็ไม่มีผู้ใดช่วยเก็บศพ เจี่ยนอันอันมองว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนางมากนักนางเป็นแค่คนที่ถูกเนรเทศมาอยู่ที่นี่ หากบีบให้ท่านป