ในที่สุดเขาก็ได้เข้าใจ ที่แท้ทั้งหมดก็เป็นฝีมือของเฉียนซื่อกวนเจี๋ยติดตามเสิ่นจือเจิ้งมาตั้งหลายปีขนาดนั้น ย่อมรู้ว่าเฉียนซื่อมีวิชาไสยศาสตร์ตอนที่ไปหาอาหารเมื่อคืน เขากังวลอยู่ตลอดว่าเฉียนซื่อจะลงมือกับคนอื่นๆ ในช่วงที่เขาไม่อยู่นึกไม่ถึงว่าฮูหยินผู้เฒ่าใจคดนางนี้จะมีความตั้งใจที่จะไม่ปล่อยพวกเขาไปจริงๆ ด้วยเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงเดินสืบเท้าไปทางบ้านของกวนซิน ไม่ได้สนใจกวนเจี๋ยที่ตามมาด้านหลังเมื่อมาถึงหน้าบ้านกวนซิน เจี่ยนอันอันก็ต้องพึงพอใจเมื่อได้พบว่าแม่นมหลี่กับเตียวเฉียงได้หายไปแล้วนางยกมือเคาะประตูลานบ้าน สือเจี้ยเดินมาเปิดประตูให้อย่างรวดเร็ว เขามีรอยยิ้มทันทีที่เห็นว่าเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินกลับมาแล้วสือเจี้ยหลีกตัวให้ทั้งสองคนเข้ามาเมื่อเห็นว่ากวนเจี๋ยทำท่าจะเข้ามาด้วย เขาก็ต้องมีสีหน้าฉงนสงสัย แต่ในเมื่อเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงไม่ได้ห้ามไม่ให้กวนเจี๋ยเข้ามาสือเจี้ยจึงพูดอะไรมากไม่ได้เมื่อกวนเจี๋ยเห็นว่าผู้ที่นั่งอยู่ในลานบ้านคือเสิ่นจืออวี้ที่มีสีหน้าเคร่งเครียดก็ร้องออกมาทันที “นายน้อยรอง ที่แท้ท่านก็อยู่ที่นี่”เสิ่นจืออวี้ได้ยินเสียงของกวนเจี
หลังจากที่เจี่ยนอันอันล้างมือเสร็จเรียบร้อย ไฟในเตาก็จุดเสร็จพอดีเจี่ยนอันอันนำหญ้าน้ำแข็งทมิฬแปดแฉก บุปผาสยบผู้กล้าและใบวายุสามหางออกมาจากห้วงมิติตามด้วยเทขี้เถ้าในขวดลงไปในหม้อต้มขนาดใหญ่ชิวเหลียนรีบไปตักน้ำหนึ่งกะละมังมาเทลงในหม้อ จากนั้นเจี่ยนอันอันจึงเริ่มทำยาถอนยาถอนวิชาไสยศาสตร์ประเภทนี้ไม่อาจต้มในหม้อโอสถขนาดเล็ก ต้องทำให้หม้อขนาดใหญ่เท่านั้นนี่เป็นสิ่งที่เขียนไว้ในตำราสามชะตามรรคาลี้ลับเช่นกันผ่านไปครึ่งชั่วยาม ยาถอนก็ต้มเสร็จในที่สุดเจี่ยนอันอันหยิบถ้วยมาสามใบและเทยาถอนลงในถ้วยสมุนไพรพวกนั้นถูกนางโยนเข้าไปในกองไฟเมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้น เจี่ยนอันอันค่อยให้ชิวเหลียนล้างทำความสะอาดหม้อนางเริ่มจากยกยาถ้วยหนึ่งไปป้อนให้เสิ่นคังที่ห้องเสิ่นคังอายุน้อย เพิ่งดื่มยาไปไม่นานก็ลืมตาขึ้นเขาเพิ่งจะได้สติก็ร้องว่าปวดท้องทันทีแต่ยังพูดจบไม่ทันจบก็อาเจียนของเหลวสีดำออกมาดัง “แหวะ”ของเหลวสีดำนี้ส่งกลิ่นเหม็นรุนแรงเจี่ยนอันอันไม่กลัวว่าจะสกปรก นางนำผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดหน้าให้เสิ่นคัง“ตอนนี้เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?” เจี่ยนอันอันประคองเสิ่นคังพลางเอ่ยถามเสียงแผ่วเบ
เจี่ยนอันอันไม่ได้สนใจ นางเข้าใจความรู้สึกของเจียงหว่านเอ๋อร์หากเป็นตัวนางเอง เกรงว่านางก็คงไม่ชอบให้ผู้หญิงคนอื่นถูกเนื้อต้องตัวฉู่จวินสิงเช่นกันเจียงหว่านเอ๋อร์ขอบคุณแล้วรับถ้วยยาไปนางบีบปากเสิ่นจือเจิ้ง ค่อยๆ เทยาเข้าไปในปากของเขาด้วยความระมัดระวังหลังจากดื่มยา เสิ่นจือเจิ้งก็ยังคงลืมตาจ้องเพดานห้องด้วยแววตาว่างเปล่าเจียงหว่านเอ๋อร์เห็นว่าเสิ่นจือเจิ้งยังคงไม่คืนสติก็หันไปมองเจี่ยนอันอันด้วยความร้อนใจ“แม่นางเจี่ยน เหตุใดสามีของข้ายังไม่หายดีอีก?”เจี่ยนอันอันจับชีพจรให้เสิ่นจือเจิ้ง ภายในใจเข้าใจชัดแจ้ง“วิชาไสยศาสตร์ที่แม่ทัพเสิ่นได้รับค่อนข้างรุนแรง ด้วยเหตุนี้จึงไม่อาจคืนสติได้รวดเร็วขนาดนั้น”“แต่ท่านไม่ต้องร้อนใจ รออีกสักพัก ท่านแม่เสิ่นก็จะคืนสติอย่างแน่นอน”เจียงหว่านเอ๋อร์พยักหน้าเบาๆ สายตาจับจ้องใบหน้าของเสิ่นจือเจิ้งเวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละนิด ขณะที่เจียงหว่านเอ๋อร์กำลังคิดว่าเสิ่นจือเจิ้งจะไม่ฟื้นคืนสติจู่ๆ นางก็เห็นว่าลูกตาของเสิ่นจือเจิ้งขยับไปมาสองสามครั้งเจียงหว่านเอ๋อร์รีบร้องเรียกเสิ่นจือเจิ้งเมื่อเห็นดังนี้“ท่านพี่ ข้าคือหว่านเอ๋อร์ ท่านรีบมองข้
เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงเข้ามาก็รีบเก็บตำราสามชะตามรรคาลี้ลับนางดึงแขนเสื้อของฉู่จวินสิงให้เขาออกจากห้อง“อันอัน เกิดอะไรขึ้นในห้อง?” ฉู่จวินสิงถามอย่างไม่เข้าใจเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วแน่นพลางส่ายหน้าน้อยๆ“ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น ในตำราสามชะตามรรคาลี้ลับเขียนไว้ชัดเจน”“ขอเพียงทำตามวิธีก็จะสามารถถอนวิชาไสยศาสตร์ทั้งหมดของเสิ่นจือเจิ้ง”“ทว่าเขาฟื้นมาแล้วกลับบอกว่าไม่รู้จักเสิ่นจืออวี้และเจียงหว่านเอ๋อร์”บทสนทนาของทั้งคู่ถูกกวนเจี๋ยได้ยินเขารีบเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยเสียงแผ่วเบา ไม่อยากให้เสิ่นคังได้ยิน“เมื่อครู่นี้พวกท่านบอกว่าท่านแม่ทัพฟื้นแล้วอย่างนั้นหรือ?”“แต่เหตุใดเขาจึงจำฮูหยินกับนายน้อยรองไม่ได้?”เจี่ยนอันอันมีสีหน้าจนใจ นางไม่เข้าใจเช่นกันว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกวนเจี๋ยเห็นเจี่ยนอันอันไม่ตอบก็รีบเดินเข้าไปในห้อง“ท่านแม่ทัพ ท่านจำข้าได้หรือไม่ ข้าคือกวนเจี๋ยอย่างไรเล่าขอรับ”กวนเจี๋ยเดินไปข้างเตียง เสียงของเขาดังจนแม้แต่เสิ่นคังที่อยู่ในลานบ้านยังได้ยินเสิ่นคังได้ยินว่าท่านพ่อฟื้นแล้วก็รีบสืบเท้าน้อยๆ วิ่งเข้าไปในห้อง“ท่านพ่อ ในที่สุดท่านก็ฟื
ตอนนี้เสิ่นจืออวี้เดินออกมาจากห้องแล้วเช่นกันดวงตาของเขาแดงก่ำ ครั้นเหลือบไปเห็นเฉียนซื่อก็เดือดดาลจนอยากจะตบอีกฝ่ายให้ตายทั้งหมดเป็นฝีมือของย่ารอง หากนางไม่ใช้วิชาไสยศาสตร์กับพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ก็คงไม่กลายเป็นแบบนี้เมื่อบรรดาบ่าวรับใช้วางเฉียนซื่อลงบนพื้น นางก็ลืมตาขึ้นในที่สุดแต่สภาพของนางตอนนี้เป็นเหมือนที่เสิ่นจือเจิ้งเพิ่งฟื้น แววตาทั้งสองข้างว่างเปล่าเสิ่นจือเจิ้งอดกลั้นต่อเพลิงโทสะในใจ สภาพที่ดูไม่ได้ของเฉียนซื่อทำให้เขาอยากร้องออกมาเหลือเกินว่าสมควรแล้ว!แต่เขายังต้องซักถามเฉียนซื่ออยู่ว่านางใช้วิชาไสยศาสตร์อะไรกับพี่ใหญ่ เหตุใดพี่ใหญ่จึงจำพวกเขาไม่ได้เสิ่นจืออวี้ถามอยู่สองสามรอบ ทว่าเฉียนซื่อกลับไม่มีการตอบสนองใดๆจู่ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องที่เจี่ยนอันอันเคยพูด ตอนนี้เฉียนซื่อถูกวิชาไสยศาสตร์สะท้อนกลับเกรงว่าคงไม่อาจพูดได้อีกต่อไป ยิ่งไม่ต้องถามถึงการตอบว่าใช้วิชาไสยศาสตร์อะไร เสิ่นจืออวี้กระวนกระวายใจดุจไฟเผา ตอนนี้เขาไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำอย่างไรเจี่ยนอันอันเดินออกมาเห็นเสิ่นจืออวี้มีสีหน้าร้อนใจนางตบบ่าเสิ่นจืออวี้ “ตอนนี้ย่ารองของท่านเป็นเหมือนซากศพที่มีชีวิต ไ
เจี่ยนอันอัน “???”เสิ่นจือเจิ้งฟื้นคืนสติแล้วจำครอบครัวตัวเองไม่ได้ แต่กลับร้องเรียกชื่อของนางเนี่ยนะนี่มันเรื่องอะไรกัน?“ท่านรู้จักข้าหรือ?” เจี่ยนอันอันหยุดฝีเท้าและหันกลับไปมองเสิ่นจือเจิ้งนางไม่เคบพบเสิ่นจือเจิ้งมาก่อน เหตุใดอีกฝ่ายจึงเรียกชื่อนางภายใต้สถานการณ์ที่สูญเสียความทรงจำ?เสิ่นจือเจิ้งมองเจี่ยนอันอันไม่ละสายตา มีรอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้าเขาอย่างรวดเร็ว“เจี่ยนอันอัน เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย!” เสิ่นจือเจิ้งว่าจบก็จะลงจากเตียงทว่าบาดแผนบนร่างเขายังไม่หายดีนัก ขยับตัวแล้วกระทบกระเทือนถูกบาดแผลเสิ่นจือเจิ้งร้อง “ซี๊ด” ออกมาด้วยความเจ็บปวดเขามุ่นคิ้วเข้าด้วยกัน ก้มหน้ามองบาดแผลตามตัวแม้ก่อนหน้านี้จะมีการทายาบริเวณบาดแผลมาก่อนแล้ว แต่บาดแผลก็ไม่ได้หายไวขนาดนั้นเมื่อต้องมาขยับตัวเช่นนี้ บาดแผลจึงปริออกอีกครั้งโลหิตไหลออกมาจากบาดแผลและซึมไปที่เสื้อนอก เสิ่นจือเจิ้งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างแรงเสียงพูดคุยของทั้งสองคนถูกเจียงหว่านเอ๋อร์ได้ยินนางยืนนิ่งงันอยู่นอกประตูและมองเจี่ยนอันอันด้วยสายตาสงสัย เจี่ยนอันอันมีสีหน้าสับสนงุนงงเช่นกันเพ
เจี่ยนอันอันชะงักงันครู่หนึ่งก่อนจะสืบเท้าเดินเข้าไปหาอย่างไรตอนนี้เสิ่นจือเจิ้งก็มีบาดแผลทั่วร่าง ไม่กล้าทำอะไรนางอีกอย่าง หากเขากล้าทำอะไรจริงๆ นางก็จะทำให้เขากลายเป็นพิการเหมือนก่อนหน้านี้เจี่ยนอันอันหยุดยืนข้างเตียง “มีอะไรก็พูดมาเถอะ”เสิ่นจือเจิ้งไอเบาๆ ก่อนจะพูดเสียงแหบ “อันอัน ข้าคือพี่ใหญ่ของเจ้าจริงๆ”“เจ้ารู้หรือไม่คืนที่ข้ากลับมาแล้วเห็นเจ้านอนหลับอยู่บนโซฟา”“ทว่าเรียกอย่างไรเจ้าก็ไม่ตื่น รู้หรือไม่ว่าข้าเสียใจเพียงใด?”“ข้าคิดว่าชีวิตนี้ต้องสูญเสียน้องสาวไปเสียแล้ว”“นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะยังไม่ตาย ซ้ำยังมาอยู่ในที่แบบนี้”เสิ่นจือเจิ้งเริ่มไออย่างรุนแรงอีกครั้งเมื่อพูดจบตอนแรกเจี่ยนอันอันคิดว่าเสิ่นจือเจิ้งกำลังพูดเหลวไหลเพราะถูกวิชาไสยศาสตร์แต่เมื่อได้ยินคำว่าโซฟา ดวงตากลับต้องเบิกกว้างทันทีมีเพียงคนในยุคปัจจุบันเท่านั้นที่จะรู้จักคำว่าโซฟา หรือว่าคนผู้นี้จะเป็นพี่ใหญ่ของนางจริงๆ?“ท่านบอกว่าท่านเป็นพี่ใหญ่ของข้า ไม่ทราบว่ามีหลักฐานอะไรมายืนยัน?”เจี่ยนอันอันตื่นเต้นมากจนเสียงสั่นเครือมาอยู่แคว้นไท่ยวนนานขนาดนี้ ไม่มีวันใดที่นางไม่คิดถึงครอบครัวแต่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในที่สุดเจี่ยนอันอันก็ลดการป้องกันทั้งหมดลงและกระโจนใส่เสิ่นจือเจิ้ง“พี่ใหญ่ ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน”ความคิดถึงที่สั่งสมมาเนิ่นนานทำให้เจี่ยนอันอันที่ไม่เคยร้องไห้ต้องหลั่งน้ำตาออกมาในทันทีเสิ่นจือเจิ้งถูกเจี่ยนอันอันโผเข้าใส่ กระทบกระเทือนถูกบาดแผลบนร่างกายเขาอดที่จะร้อง “ซี๊ด” ออกมาไม่ได้และสูดหายใจดังเฮือกเจี่ยนอันอันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตามร่างกายของเสิ่นจือเจิ้งมีบาดแผลนางรีบผละตัวออก เช็ดน้ำตาและนำยาออกมาทาให้เสิ่นจือเจิ้ง“พี่ใหญ่ ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร หรือว่าวิชาไสยศาสตร์ของเฉียนซื่อจะทำให้ท่านเข้ามาอยู่ในร่างนี้?”เสิ่นจือเจิ้งขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้ยินชื่อของเฉียนซื่อเฉียนซื่อคือผู้ใด แล้วยังวิชาไสยศาสตร์คืออะไร?เจี่ยนอันอันเห็นเสิ่นจือเจิ้งมองตัวเองด้วยสีหน้างุนงงก็ทำการเล่าเรื่องราวในช่วงสองวันมานี้ให้เขาฟังเสิ่นจือเจิ้งถึงเพิ่งเข้าใจว่าที่แท้แล้ว เจ้าของร่างเดิมก็ถูกย่ารองของพวกเขาใช้วิชาไสยศาสตร์ใส่เสิ่นจือเจิ้งถอนหายใจเบาๆ หากไม่ใช่เพราะยายแก่ที่ชื่อว่าเฉียนซื่อใช้วิชาไสยศาสตร์เกรงว่าเขาคงไม่ทะลุมิติมาอยู่ที่นี่เสิ่นจือเจิ้งมองเจ
ซางหมิงโบกมือไปมา “เจ้ากับข้าเคยเป็นศิษย์อาจารย์กันมาก่อน ไม่จำเป็นต้องมากพิธีเช่นนี้”“แต่ข้าเห็นว่าหน้ากากที่แม่นางผู้นี้สวมอยู่ประณีตมากทีเดียว สามารถถอดลงมาให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”ซางหมิงดูออกแต่แรกแล้วว่าหน้ากากที่คนทั้งสองสวมอยู่ทำมาจากหนังมนุษย์แต่ไม่รู้ว่าหน้ากากหนังมนุษย์นั้นใช้น้ำยาอะไรแช่จึงดูเกลี้ยงเกลาอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นนั้นเจี่ยนอันอันคิดในใจว่าในเมื่อนางกับฉู่จวินสิงมีเรื่องมาขอร้องผู้วิเศษซาง นางจึงตอบรับคำขอของฝ่ายตรงข้ามเจี่ยนอันอันถอดหน้ากากหนังมนุษย์ลงมา เผยให้เห็นโฉมหน้าดั้งเดิมของนางเมื่อซางหมิงเห็นรูปโฉมที่แท้จริงของเจี่ยนอันอันแล้วก็พลันประทับใจในความงามของนางฉู่จวินสิงไม่ได้แต่งแม่หนูผู้นี้เสียเปล่าจริงๆ นางไม่เพียงขวัญกล้าเกินคน แต่ยังมีรูปโฉมงดงามปานนี้เหมาะสมกับฉู่จวินสิงมากทีเดียวเมื่อซางหมิงรับหน้ากากหนังมนุษย์ไปก็อดถามไม่ได้ว่า “แม่หนู เจ้าชื่อว่าอะไรรึ ยินดีเรียนรู้วิชาแปลงโฉมกับข้าหรือไม่?”เจี่ยนอันอันคิดไม่ถึงว่าผู้วิเศษซางผู้นี้ยังคิดจะสอนวิชาแปลงโฉมให้นางอีกด้วยนางย่อมยินดีอยู่แล้ว“ศิษย์เจี่ยนอันอันคารวะอาจารย์เจ้าค่ะ”
ภายในห้องรกไปหมด กระทั่งพื้นที่จะวางเท้าสักที่ก็ยังไม่มีภาชนะแก้ววางอยู่บนโต๊ะ ในนั้นบรรจุของเหลวสีเขียวและสีม่วงเอาไว้ของเหลวนั้นพ่นควันปุดๆ ควันขาวลอยฉุยออกมาจากภาชนะซางหมิงเห็นว่าคนทั้งสองยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ เขาจึงคว่ำปากเอ็ดว่า “ตรงนั้นก็นั่งได้ไม่ใช่เรอะ ยังไม่รีบนั่งลงอีก”ฉู่จวินสิงไม่ได้โกรธเคืองเพราะความเฉยชาของอีกฝ่ายแม้แต่น้อยเขาจูงมือเจี่ยนอันอันก้าวข้ามกระดาษที่กระจายอยู่บนพื้นไปถึงบริเวณที่ซางหมิงพูดถึงแล้วจึงเห็นเบาะนั่งสองเบาะใต้กองกระดาษถ้าไม่ได้รับการชี้แนะจากซางหมิง พวกเขาก็คงดูไม่ออกจริงๆ ว่าตรงนี้มีบริเวณที่สามารถนั่งได้อยู่หลังจากทั้งสองคนนั่งลงแล้วก็ไม่มีใครส่งเสียง รอให้ซางหมิงจัดการงานในมือเสร็จค่อยบอกกล่าวจุดประสงค์การมา“เรื่องของเจ้าข้ารู้แล้ว เจ้ากลับมาคราวนี้คิดจะโค่นราชสำนักของฮ่องเต้อย่างนั้นหรือ?”ซางหมิงกล่าวโดยไม่ได้เงยหน้า มือยังคงทำหน้ากากต่อไปฉู่จวินสิงก็ไม่คิดจะปิดบัง บอกเล่าแผนการที่กลับมาคราวนี้ออกมารอบหนึ่งซางหมิงแช่หน้ากากที่บางเบาดุจปีกจักจั่นในน้ำยาแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนทั้งสอง“ท่านนี้คือผู้ใต้บังคับบัญชาที่เจ้าพามาด้ว
ฉู่จวินสิงพาเจี่ยนอันอันมาถึงตำหนักที่เขาเคยอยู่เจี่ยนอันอันไม่เข้าใจเลย ฉู่จวินสิงพานางมาที่นี่ทำไม?ที่นี่ว่างเปล่าโหวงเหวง อย่าว่าแต่โต๊ะเก้าอี้ แม้แต่เตียงนอนก็ยังถูกทหารที่มาริบทรัพย์ขนไปหมดแล้วฉู่จวินสิงคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อหวนรำลึกถึงสิ่งที่เขาเคยมีหรอกนะขณะที่เจี่ยนอันอันลอบครุ่นคิดก็เห็นว่าฉู่จวินสิงไปหยุดยืนอยู่หน้าผนังด้านหนึ่งเขาออกแรงกดลงบนมุมหนึ่งของผนัง ผนังด้านนั้นไม่มีร่องใดอยู่เลยแม้แต่น้อยแต่กลับมีเสียง ‘ครืด’ ดังขึ้น ต่อจากนั้นผนังก็เริ่มขยับอุโมงค์ลับที่มืดสนิทปรากฏขึ้นเบื้องหน้าคนทั้งสองในที่สุดเจี่ยนอันอันก็เข้าใจแล้ว คิดไม่ถึงว่าในจวนเยียนอ๋องจะซุกซ่อนสถานที่ลึกลับเช่นนี้เอาไว้ฉู่จวินสิงจูงมือเจี่ยนอันอันเดินเข้าไปในอุโมงค์ลับแห่งนั้นผนังด้านหลังปิดลงเสียงดัง ‘ครืด’ อย่างรวดเร็วเจี่ยนอันอันหยิบตะบันไฟออกมาจุด มองดูเปลวไฟที่ถูกลมจุดขึ้นบนตะบันไฟ นางก็รู้ว่าที่นี่จะต้องมีทางลับอื่นๆ อยู่ด้วยแน่นอนคนทั้งสองเดินลงบันได มาได้ไกลพอสมควรก็ถูกผนังที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลขวางทางไปเอาไว้ฉู่จวินสิงใช้ตะบันไฟส่องไปที่ผนังด้านนั้นแล้วหาปุ่มกดเจอได้ในทั
เจี่ยนอันอันถือโอกาสที่ทหารอีกสามคนหลับสนิทอยู่ จัดการป้อนยาสมานแผลใส่ปากให้เช่นกันเผื่อว่าเมื่อตื่นขึ้นมา ร่างกายจะได้บรรเทาความเจ็บปวดลงบ้างฉู่จวินสิงกำชับอีกหลายประโยค จึงติดตามเจี่ยนอันอันออกจากห้องขังไปการที่พวกเขาจู่ๆ หายตัวไปเช่นนั้น ย่อมทำให้ทหารสามคนที่บาดเจ็บสาหัส เกิดความตกใจจนอ้าปากค้างเดิมทีการปรากฏตัวกะทันหันของฉู่จวินสิง ก็ทำให้พวกเขาตกใจมากพอแล้วมิคาดว่าเขายังสามารถหายตัวไปต่อหน้าต่อตาพวกเขาอีกแล้วสิ่งที่พวกเขามองเห็น คือมนุษย์หรือภูตผีกันแน่?แต่เมื่อรู้สึกว่าร่างกายค่อยๆ ดีขึ้น ทั้งสามก็เชื่อว่าที่เห็นนั้น คือเยียนอ๋องตัวจริงแน่นอนเพราะหากว่าเป็นภูตผี แล้วจะมาป้อนยาให้พวกเขาได้อย่างไร?ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันกลับมายังบ้านพักของอิ่นเจียง ร่วมหารือว่าลำดับต่อไปควรจะช่วยเหลือพวกเขาอย่างไรเจี่ยนอันอันกล่าว “เมื่อครู่ข้าเห็นสภาพของเหล่าทหาร นอกจากสามคนที่บาดเจ็บสาหัสนั่นแล้ว ที่เหลือหลังจากกินยาไป ไม่เกินสองวันน่าจะหายเป็นปกติ”“เพียงแต่สามคนนั้นอาการหนักมาก ต่อให้กินยาสมานแผลไปจริง ก็อาจจะเดินเหินลำบาก”“ถ้าเราจะช่วยพวกเขาออกมา ก็อาจต้องเผชิญกับทหารร
หลังจากกำชับอีกหลายคำ ฉู่จวินสิงกับเจี่ยนอันอันจึงหายตัวไปทั้งคู่เดินไปยังด้านในสุดของเรือนจำการที่พวกเขาจู่ๆ อันตรธานหายไปเช่นนี้ ย่อมทำให้หลี่ว์ซางกับพวกต่างตกใจไม่น้อยทุกคนต่างพากันนั่งลง พร้อมวิจารณ์ไปต่างๆทหารอายุน้อยเอ่ยปากขึ้นก่อน “ท่านอ๋องของเราคงมิใช่ไปฝึกเวทมนตร์คาถาชนิดใดมาหรอกนะแล้วไฉนจึงปุบปับก็โผล่มา พริบตาก็หายวับไปเช่นนั้นได้?”หลี่ว์ซางตบท้ายทอยทหารรุ่นน้องอีกครั้ง “อย่าพูดเหลวไหล โลกนี้จะมีคาถากระไรได้?”ทหารอีกคนอดไม่ได้ที่จะแทรกขึ้น “แต่ข้าว่าน้องชายผู้นั้นร้ายกาจยิ่งกว่า ยาที่เขาให้พวกเรากิน ทำให้ข้ารู้สึกร่างกายดีขึ้นมาก”ทหารผู้น้อยทนเงียบไม่ไหว จึงได้กล่าวขึ้นอีก “ข้าว่าคงเพราะน้องชายผู้นั้นเก่งกล้าสามารถ เป็นคนถ่ายทอดอิทธิฤทธิ์ให้ท่านอ๋องของเรา”หลี่ว์ซางเกรงว่าเสียงพูดคุยของพวกเขา จะดังไปถึงหูผู้คุมเข้าจึงรีบเอ่ยปากห้ามปราม “เอาเถิด ทุกคนอย่าพูดอีกเลย ระวังผู้คุมจะมาได้ยินเข้า”“ยามนี้สำคัญคือพักฟื้นร่างกาย แล้วรอให้เยียนอ๋องมาช่วยพวกเราออกไป”ในที่สุดทุกคนจึงได้ยอมหุบปาก นั่งลงที่พื้นเพื่อปรับสภาพร่างกายฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันได้ยินคำพูด
เขาถูกจองจำในคุกหลวงมาหลายวัน ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะใช้วิธีทรมานอย่างหนักหน่วงเพียงใด เขาก็ไม่เคยคิดอ่อนข้อแม้แต่สักครั้งเดียวเฝ้ารอแล้วรอเล่ามาหลายวัน จนกระทั่งได้พบฉู่จวินสิงจริงๆ กลับแทบไม่เชื่อสายตาตนเองฉู่จวินสิงกล่าวเสียงขรึม “เจ้าดูไม่ผิดหรอก ข้าคือฉู่จวินสิง”หลี่ว์ซางจำเสียงของฉู่จวินสิงได้ เขาตื้นตันจนไม่รู้จะเอ่ยปากอย่างไรได้แต่มือหนึ่งจับซี่กรงไม้ของห้องขังไว้ นิ้วมือกำแน่น“ท่านอ๋อง ท่านเข้ามาได้อย่างไร ทหารข้างนอกมิได้พบเห็นท่านหรอกหรือ?”หลี่ว์ซางกล่าวพลาง สายตาคอยเหลียวมองออกไปด้านนอกดีที่พวกเขาพูดคุยเสียงเบามาก จึงไม่ถูกผู้คุมได้ยินเข้าข้างในอีกสี่คนนั้น ต่างก็ตื้นตันใจเช่นกันผู้ที่อายุน้อยหน่อย ถึงขั้นยกแขนเสื้อขึ้นมาซับน้ำตาในที่สุดก็รอจนเยียนอ๋องมาถึง พวกเขามีหวังได้รอดชีวิตแล้วฉู่จวินสิงต้องปลอบให้พวกเขาสงบสติอารมณ์ พลางถามหลี่ว์ซาง “มีแต่พวกเจ้าที่ถูกจับมากระนั้นหรือ?”หลี่ว์ซางรีบกล่าวตอบ “ยังมีอีกแปดคนของรับ แต่ถูกแยกขังไว้อีกห้องหนึ่ง”หลี่ว์ซางกล่าวพลาง ชี้นิ้วไปยังห้องที่อยู่ด้านในสุดหลังจากกล่าวจบ จึงได้ถอนหายใจหนักหน่วง“หากท่านอ๋องมาช่
แต่เขาถูกเนรเทศยกครัวไปอยู่เมืองอินเป่ยแล้ว เหตุใดจึงมีเสียงมาปรากฏที่คุกหลวงได้อีกหรือว่า หลายวันนี้ที่เขาแสร้งทำเป็นสติวิปลาส เพื่อหลีกหนีการลงทัณฑ์ที่แสนสาหัสกลับกลายเป็นภาพหลอนเกิดขึ้นกับตนแล้วหรือไร?เจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงมองหน้าฉู่เทียนหัวซึ่งยืนตาค้าง แต่ไม่ไปสนใจเขา กลับเดินเข้าไปด้านในคุกหลวงอีกพร้อมสำรวจแต่ละห้องอย่างละเอียด ผู้ที่ถูกคุมขังอยู่ภายในนั้น บ้างก็นั่งบ้างก็นอน พักผ่อนไปตามเรื่องแต่ตามร่างกายของแต่ละคน ล้วนเต็มไปด้วยคราบเลือดมากมายและขณะที่ทั้งคู่เดินลึกไปยังด้านใน พลันมีเสียงพูดคุยกระซิบกระซาบ แว่วเข้ามาในโสตประสาท“ป่านนี้พวกแม่ทัพเฉินคงหนีไปถึงเมืองอินเป่ยแล้วกระมัง?”“ขอเพียงพวกเขาได้พบเจอกับเยียนอ๋อง เราก็จะมีหวังรอดชีวิต”“ยามนี้ทุกอย่างล้วนขึ้นกับชะตาของพวกแม่ทัพเฉิน หวังว่าจะสามารถหลบหนีการตามล่าของเหล่าทหาร จนได้พบเยียนอ๋องโดยเร็ว”“เฮ้ พวกเราอยู่ในนี้แทบไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่วันกี่คืนแล้ว”“ช่างเถิด รีบนอนเสีย พรุ่งนี้อาจถูกทรมานหนักหน่วงอีกหนึ่งวัน”“แต่ขอให้ทุกคนอดทนไว้ ตราบใดที่เยียนอ๋องไม่มาช่วยพวกเรา เราจะไม่ย
“คนที่บ้านกลับไปหมดแล้วรึ?”“อึม ไปหมดแล้ว”“พวกเขาไปที่ใด?”“ไปเล่นดินเล่นทรายอยู่ข้างนอก”ฉู่เทียนหัวบ่นพึมพำด้วยประโยคเหล่านี้ซ้ำซาก เขาพูดเองเออเอง ทั้งยังเอาศีรษะโขกกำแพงอีกหลายทีจากนั้นก็หัวเราะเสียงดังฮ่าๆ ออกมาเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงมองดูฉู่เทียนหัวแทบไม่กะพริบตา เพื่อจะดูว่าเขาเสียสติจริงหรือเสแสร้งกันแน่ฉู่เทียนหัวโขกศีรษะไปครู่หนึ่ง จึงได้หันกลับมาอีกเขาเดินไปยังหน้าประตูห้องขัง พร้อมเอามือจับซี่กรงแล้วโยกแรงๆ อยู่หลายทีเจี่ยนอันอันพอดียืนอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นมือที่ยื่นออกมาเบื้องหน้า จึงรีบถอยหลังเร็วพลันเสียงฝีเท้านางแม้ว่าจะแผ่วเบา แต่ยังคงเข้าหูฉู่เทียนหัวอยู่ดีสายตาของฉู่เทียนหัวผุดแววฉงนที่ผ่านไปเพียงวูบหนึ่งไม่นานก็คืนสู่ภาวะปกติ โดยเอามือไขว่คว้ากลางอากาศ พร้อมใส่เข้าปากเคี้ยวกินหนุบหนับร่างกายยังคงสั่นเทาเป็นระยะ เคี้ยวอากาศไปพลาง ปากก็บ่นพึมพำไปเรื่อย“ข้าคือโอรสแห่งสวรรค์ สวรรค์จะไม่ปล่อยให้ข้าอดอยาก สวรรค์ประทานของดีแก่ข้ามากมาย ฮี่ๆๆ...”แต่แววฉงนที่ปรากฏในดวงตาฉู่เทียนหัวเมื่อครู่ กลับตกอยู่ในสายตาของคนทั้งสองฉู่จวินสิงดูออกในฉับพลัน
หากผู้ที่กลับมาเมื่อวานไม่ใช่อิ่นเจียงตัวจริง ฮ่องเต้ย่อมต้องกำจัดคนผู้นั้นเป็นแม่นมั่นถึงตอนนั้นเมื่อใด ฮ่องเต้ก็จะส่งคนไปเมืองอินเป่ยเพื่อตรวจสอบอีกครั้งและถ้าครอบครัวฉู่จวินสิงยังไม่ตายจริง ก็จะสามารถกวาดล้างทีเดียวให้สิ้นซากแต่สิ่งที่เจี่ยนกั๋วกงไม่คาดคิดก็คือ ผลลัพธ์ออกมากลับกลายเป็นตรงข้ามฮ่องเต้ไม่เพียงไม่เข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ ยังจ้องมองด้วยพระเนตรดุดันอีก“ในเมื่อเกิดเหตุมาหลายวันแล้ว มาบอกข้าตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ช่างไม่เอาไหนนัก”ฉู่ชางเหยียนตำหนิเจี่ยนกั๋วกงอย่างรุนแรงไม่ไว้หน้า พร้อมทั้งโบกมือด้วยความหงุดหงิด เป็นเชิงบอกให้เขาถอยไปทำให้ถึงที่สุดแล้ว เจี่ยนกั๋วกงก็ไม่อาจกล่าวถึงจุดประสงค์แท้จริงของตนได้หลังจากรับคำว่า “พ่ะย่ะค่ะ” แล้ว จึงถอยกลับไปอยู่ที่เดิมเจี่ยนอันอันมองผ่านกล้องรูเข็ม เห็นสีหน้าเจี่ยนกั๋วกงบ่งบอกถึงความไม่พอใจยิ่งแสดงว่าเจี่ยนกั๋วกงไม่เชื่อนางกับฉู่จวินสิง เขาคงอยากให้ฉู่ชางเหยียนส่งคนไปสืบที่เมืองอินเป่ยซ้ำอีกตาแก่รกโลกสมควรตายผู้นี้ คิดอาฆาตหมายสังหารครอบครัวฉู่จวินสิงให้หมดสิ้นจริงๆ!เจี่ยนอันอันกลับไปมองภาพเหตุการณ