เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงเข้ามาก็รีบเก็บตำราสามชะตามรรคาลี้ลับนางดึงแขนเสื้อของฉู่จวินสิงให้เขาออกจากห้อง“อันอัน เกิดอะไรขึ้นในห้อง?” ฉู่จวินสิงถามอย่างไม่เข้าใจเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วแน่นพลางส่ายหน้าน้อยๆ“ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น ในตำราสามชะตามรรคาลี้ลับเขียนไว้ชัดเจน”“ขอเพียงทำตามวิธีก็จะสามารถถอนวิชาไสยศาสตร์ทั้งหมดของเสิ่นจือเจิ้ง”“ทว่าเขาฟื้นมาแล้วกลับบอกว่าไม่รู้จักเสิ่นจืออวี้และเจียงหว่านเอ๋อร์”บทสนทนาของทั้งคู่ถูกกวนเจี๋ยได้ยินเขารีบเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยเสียงแผ่วเบา ไม่อยากให้เสิ่นคังได้ยิน“เมื่อครู่นี้พวกท่านบอกว่าท่านแม่ทัพฟื้นแล้วอย่างนั้นหรือ?”“แต่เหตุใดเขาจึงจำฮูหยินกับนายน้อยรองไม่ได้?”เจี่ยนอันอันมีสีหน้าจนใจ นางไม่เข้าใจเช่นกันว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกวนเจี๋ยเห็นเจี่ยนอันอันไม่ตอบก็รีบเดินเข้าไปในห้อง“ท่านแม่ทัพ ท่านจำข้าได้หรือไม่ ข้าคือกวนเจี๋ยอย่างไรเล่าขอรับ”กวนเจี๋ยเดินไปข้างเตียง เสียงของเขาดังจนแม้แต่เสิ่นคังที่อยู่ในลานบ้านยังได้ยินเสิ่นคังได้ยินว่าท่านพ่อฟื้นแล้วก็รีบสืบเท้าน้อยๆ วิ่งเข้าไปในห้อง“ท่านพ่อ ในที่สุดท่านก็ฟื
ตอนนี้เสิ่นจืออวี้เดินออกมาจากห้องแล้วเช่นกันดวงตาของเขาแดงก่ำ ครั้นเหลือบไปเห็นเฉียนซื่อก็เดือดดาลจนอยากจะตบอีกฝ่ายให้ตายทั้งหมดเป็นฝีมือของย่ารอง หากนางไม่ใช้วิชาไสยศาสตร์กับพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ก็คงไม่กลายเป็นแบบนี้เมื่อบรรดาบ่าวรับใช้วางเฉียนซื่อลงบนพื้น นางก็ลืมตาขึ้นในที่สุดแต่สภาพของนางตอนนี้เป็นเหมือนที่เสิ่นจือเจิ้งเพิ่งฟื้น แววตาทั้งสองข้างว่างเปล่าเสิ่นจือเจิ้งอดกลั้นต่อเพลิงโทสะในใจ สภาพที่ดูไม่ได้ของเฉียนซื่อทำให้เขาอยากร้องออกมาเหลือเกินว่าสมควรแล้ว!แต่เขายังต้องซักถามเฉียนซื่ออยู่ว่านางใช้วิชาไสยศาสตร์อะไรกับพี่ใหญ่ เหตุใดพี่ใหญ่จึงจำพวกเขาไม่ได้เสิ่นจืออวี้ถามอยู่สองสามรอบ ทว่าเฉียนซื่อกลับไม่มีการตอบสนองใดๆจู่ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องที่เจี่ยนอันอันเคยพูด ตอนนี้เฉียนซื่อถูกวิชาไสยศาสตร์สะท้อนกลับเกรงว่าคงไม่อาจพูดได้อีกต่อไป ยิ่งไม่ต้องถามถึงการตอบว่าใช้วิชาไสยศาสตร์อะไร เสิ่นจืออวี้กระวนกระวายใจดุจไฟเผา ตอนนี้เขาไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำอย่างไรเจี่ยนอันอันเดินออกมาเห็นเสิ่นจืออวี้มีสีหน้าร้อนใจนางตบบ่าเสิ่นจืออวี้ “ตอนนี้ย่ารองของท่านเป็นเหมือนซากศพที่มีชีวิต ไ
เจี่ยนอันอัน “???”เสิ่นจือเจิ้งฟื้นคืนสติแล้วจำครอบครัวตัวเองไม่ได้ แต่กลับร้องเรียกชื่อของนางเนี่ยนะนี่มันเรื่องอะไรกัน?“ท่านรู้จักข้าหรือ?” เจี่ยนอันอันหยุดฝีเท้าและหันกลับไปมองเสิ่นจือเจิ้งนางไม่เคบพบเสิ่นจือเจิ้งมาก่อน เหตุใดอีกฝ่ายจึงเรียกชื่อนางภายใต้สถานการณ์ที่สูญเสียความทรงจำ?เสิ่นจือเจิ้งมองเจี่ยนอันอันไม่ละสายตา มีรอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้าเขาอย่างรวดเร็ว“เจี่ยนอันอัน เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย!” เสิ่นจือเจิ้งว่าจบก็จะลงจากเตียงทว่าบาดแผนบนร่างเขายังไม่หายดีนัก ขยับตัวแล้วกระทบกระเทือนถูกบาดแผลเสิ่นจือเจิ้งร้อง “ซี๊ด” ออกมาด้วยความเจ็บปวดเขามุ่นคิ้วเข้าด้วยกัน ก้มหน้ามองบาดแผลตามตัวแม้ก่อนหน้านี้จะมีการทายาบริเวณบาดแผลมาก่อนแล้ว แต่บาดแผลก็ไม่ได้หายไวขนาดนั้นเมื่อต้องมาขยับตัวเช่นนี้ บาดแผลจึงปริออกอีกครั้งโลหิตไหลออกมาจากบาดแผลและซึมไปที่เสื้อนอก เสิ่นจือเจิ้งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างแรงเสียงพูดคุยของทั้งสองคนถูกเจียงหว่านเอ๋อร์ได้ยินนางยืนนิ่งงันอยู่นอกประตูและมองเจี่ยนอันอันด้วยสายตาสงสัย เจี่ยนอันอันมีสีหน้าสับสนงุนงงเช่นกันเพ
เจี่ยนอันอันชะงักงันครู่หนึ่งก่อนจะสืบเท้าเดินเข้าไปหาอย่างไรตอนนี้เสิ่นจือเจิ้งก็มีบาดแผลทั่วร่าง ไม่กล้าทำอะไรนางอีกอย่าง หากเขากล้าทำอะไรจริงๆ นางก็จะทำให้เขากลายเป็นพิการเหมือนก่อนหน้านี้เจี่ยนอันอันหยุดยืนข้างเตียง “มีอะไรก็พูดมาเถอะ”เสิ่นจือเจิ้งไอเบาๆ ก่อนจะพูดเสียงแหบ “อันอัน ข้าคือพี่ใหญ่ของเจ้าจริงๆ”“เจ้ารู้หรือไม่คืนที่ข้ากลับมาแล้วเห็นเจ้านอนหลับอยู่บนโซฟา”“ทว่าเรียกอย่างไรเจ้าก็ไม่ตื่น รู้หรือไม่ว่าข้าเสียใจเพียงใด?”“ข้าคิดว่าชีวิตนี้ต้องสูญเสียน้องสาวไปเสียแล้ว”“นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะยังไม่ตาย ซ้ำยังมาอยู่ในที่แบบนี้”เสิ่นจือเจิ้งเริ่มไออย่างรุนแรงอีกครั้งเมื่อพูดจบตอนแรกเจี่ยนอันอันคิดว่าเสิ่นจือเจิ้งกำลังพูดเหลวไหลเพราะถูกวิชาไสยศาสตร์แต่เมื่อได้ยินคำว่าโซฟา ดวงตากลับต้องเบิกกว้างทันทีมีเพียงคนในยุคปัจจุบันเท่านั้นที่จะรู้จักคำว่าโซฟา หรือว่าคนผู้นี้จะเป็นพี่ใหญ่ของนางจริงๆ?“ท่านบอกว่าท่านเป็นพี่ใหญ่ของข้า ไม่ทราบว่ามีหลักฐานอะไรมายืนยัน?”เจี่ยนอันอันตื่นเต้นมากจนเสียงสั่นเครือมาอยู่แคว้นไท่ยวนนานขนาดนี้ ไม่มีวันใดที่นางไม่คิดถึงครอบครัวแต่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในที่สุดเจี่ยนอันอันก็ลดการป้องกันทั้งหมดลงและกระโจนใส่เสิ่นจือเจิ้ง“พี่ใหญ่ ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน”ความคิดถึงที่สั่งสมมาเนิ่นนานทำให้เจี่ยนอันอันที่ไม่เคยร้องไห้ต้องหลั่งน้ำตาออกมาในทันทีเสิ่นจือเจิ้งถูกเจี่ยนอันอันโผเข้าใส่ กระทบกระเทือนถูกบาดแผลบนร่างกายเขาอดที่จะร้อง “ซี๊ด” ออกมาไม่ได้และสูดหายใจดังเฮือกเจี่ยนอันอันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตามร่างกายของเสิ่นจือเจิ้งมีบาดแผลนางรีบผละตัวออก เช็ดน้ำตาและนำยาออกมาทาให้เสิ่นจือเจิ้ง“พี่ใหญ่ ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร หรือว่าวิชาไสยศาสตร์ของเฉียนซื่อจะทำให้ท่านเข้ามาอยู่ในร่างนี้?”เสิ่นจือเจิ้งขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้ยินชื่อของเฉียนซื่อเฉียนซื่อคือผู้ใด แล้วยังวิชาไสยศาสตร์คืออะไร?เจี่ยนอันอันเห็นเสิ่นจือเจิ้งมองตัวเองด้วยสีหน้างุนงงก็ทำการเล่าเรื่องราวในช่วงสองวันมานี้ให้เขาฟังเสิ่นจือเจิ้งถึงเพิ่งเข้าใจว่าที่แท้แล้ว เจ้าของร่างเดิมก็ถูกย่ารองของพวกเขาใช้วิชาไสยศาสตร์ใส่เสิ่นจือเจิ้งถอนหายใจเบาๆ หากไม่ใช่เพราะยายแก่ที่ชื่อว่าเฉียนซื่อใช้วิชาไสยศาสตร์เกรงว่าเขาคงไม่ทะลุมิติมาอยู่ที่นี่เสิ่นจือเจิ้งมองเจ
เจียงหว่านเอ๋อร์รู้สึกเสียใจขึ้นมาอีกรอบเมื่อเห็นเจี่ยนอันอันลงสลักประตูนางอยากเคาะประตูแต่ก็กลัวจะได้ยินเสียงตวาดของเสิ่นจือเจิ้งนางทำได้เพียงอดกลั้นต่อความเสียใจและหยุดการกระทำในมือนางไม่รู้ว่าสองคนนั้นกำลังคุยอะไรกันในห้อง เจี่ยนอันอันถึงได้ต้องลงสลักประตูเช่นนี้หรือว่าเสิ่นจือเจิ้งจะพึงใจในเจี่ยนอันอัน?เจี่ยนอันอันไม่รู้ถึงความคิดภายในใจเจียงหว่านเอ๋อร์ ตอนนี้นางคิดเพียงอยากให้พี่ใหญ่หายดีในเร็ววันส่วนเรื่องอื่นๆ นางควบคุมอะไรไม่ได้มากนักนางนำยาแก้อักเสบจากในห้วงมิติออกมาฉีดให้เสิ่นจือเจิ้งหนึ่งเข็มเสิ่นจือเจิ้งรู้ว่าเจี่ยนอันอันมีห้วงมิติ แต่คิดไม่ถึงว่านางจะนำห้วงมิติมาที่นี่ได้ด้วย“อันอัน ตอนนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง แต่งงานแล้วหรือยัง?”เขามองเห็นว่าเจี่ยนอันอันใกล้ชิดกับชายหนุ่มรูปหล่อคนหนึ่งมากคิดว่านั่นน่าจะเป็นสามีของนางเจี่ยนอันอันพยักหน้าน้อยๆ “พี่ใหญ่ เป็นความจริงที่ข้าแต่งงานแล้ว ครอบครัวสามีดีต่อข้ามาก”“สามีของข้ามีนามว่าฉู่จวินสิง เคยเป็นเยียนอ๋องของแคว้นไท่ยวน”“แต่เป็นเพราะเขามีอำนาจสูงกลบนายจึงถูกฮ่องเต้สุนัขลดขั้นเป็นสามัญชนและเนรเทศมาอยู่ที
นางนึกขึ้นได้ว่าเสิ่นจือเจิ้งยังไม่ได้กินอะไร ตอนนี้คงจะหิวมากแน่ ๆดังนั้นนางจึงซื้อโจ๊กแปดสมบัติถ้วยหนึ่งจากร้านค้าในมิติของนางตอนนี้เสิ่นจือเจิ้งกินอาหารที่แข็งมากหรือแห้งมากไม่ได้ การดื่มโจ๊กแปดสมบัติก็ถือว่าเหมาะสมแล้วนางเปิดถ้วยโจ๊กแปดสมบัติและตักป้อนให้เสิ่นจือเจิ้งทีละคำเสิ่นจือเจิ้งที่กำลังหิวโหยถึงที่สุด ก็กินอย่างรีบเร่งเจี่ยนอันอันรีบพูดขึ้นมาอย่างห่วงใยว่า “พี่ใหญ่ ท่านกินช้า ๆ หน่อย กินเร็วเกินไปไม่ดีต่อกระเพาะและลำไส้ของท่านนะเจ้าคะ”หลังจากป้อนโจ๊กไปได้ครึ่งถ้วย เจี่ยนอันอันก็ยืนยันว่าจะไม่ให้เขากินต่ออีกเพราะโจ๊กแปดสบัตินี้ก็ไม่ได้ย่อยง่ายนัก อีกทั้งเสิ่นจือเจิ้งก็ไม่ได้มีอาหารตกถึงท้องหลายวันแล้วหากกินมากเกินควร เขาจะปวดท้องเอาได้เจี่ยนอันอันจึงเก็บโจ๊กแปดสมบัติกลับเข้าไปในมิติ ก่อนจะยิ้มกว้างให้เสิ่นจือเจิ้งเมื่อเสิ่นจือเจิ้งเห็นเจี่ยนอันอันเบิกบานถึงเพียงนี้ เขาก็ได้แต่ส่ายศีรษะด้วยความจนใจในเมื่อมาแล้ว เช่นนั้นก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบเถิด!ยังดีที่เขาได้พบกับน้องสาวแท้ ๆ อีกครั้ง และได้รู้ว่านางใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย เขาก็สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้อย
เจียงหว่านเอ๋อร์รับคำเสียงเบา ก่อนจะนำหมั่นโถวในมือเก็บลงในอกเสื้อนางไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแต่คิดว่าตอนนี้เสิ่นจือเจิ้งคงไม่ได้อยากกิน นางจึงไม่ได้รบเร้าต่อไป“เจ้าคงอยากรู้มาก ว่าเมื่อครู่ข้ากับอันอันพูดเรื่องอะไรกัน”เจียงหว่านเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นเพียงเล็กน้อย มองเสิ่นจือเจิ้งแวบหนึ่ง ก่อนจะรีบก้มหน้าลงทันทีนางไม่กล้ามองสบดวงตาเย็นชาคู่นั้นของเสิ่นจือเจิ้งเลยจริง ๆความรู้สึกห่างเหินที่แผ่ซ่านมาทำให้เจียงหว่านเอ๋อร์พลันรู้สึกขึ้นมาว่า วาสนาคู่ชีวิตระหว่างนางกับเสิ่นจือเจิ้ง คงมาถึงจุดสิ้นสุดเสียแล้วเจียงหว่านเอ๋อร์เจ็บปวดใจ แต่กลับไม่กล้ากล่าวออกมาแม้แต่คำเดียวเสิ่นจือเจิ้งมองเจียงหว่านเอ๋อร์ ก่อนจะหันสายตาไปทางอื่น“อันอันคือน้องสาวของข้า ต่อไปเจ้าจงปฏิบัติต่อนางให้ดี”เมื่อได้ยินคำว่า ‘น้องสาว’ เจียงหว่านเอ๋อร์รู้สึกแสบจมูกขึ้นมาโดยพลัน น้ำตาพรั่งพรูไหลรินไม่ขาดสายนางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่า เสิ่นจือเจิ้งมีเพียงเสิ่นจืออวี้เป็นน้องชายเพียงคนเดียว แล้วเขาจะมีน้องสาวมาจากที่ใดนางเองก็ได้ยินจากปากของคนอื่นมาว่า เดิมทีอดีตฮ่องเต้ต้องการให้อันอันและเสิ่นจือเจิ้งเข้าพิธีวิวาห์
เสิ่นจืออวี้คิดอยากจะเกลี้ยกล่อม แต่กลับพบว่าเจียงหว่านเอ๋อร์หยิบพู่กันขึ้นมานางสูดลมหายใจลึก กัดปากพูดออกมา “ดี ในเมื่อท่านต้องการจะหย่ามาก เช่นนั้นข้าก็จะยอมรับมัน!”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น แล้วเขียนชื่อของตัวเองลงไปบนหนังสือหย่าทว่านางไม่มีตราประทับสีแดง จึงกัดริมฝีปาก แล้วหยดเลือดสีแดงลงมาประทับรอยนิ้วมือของตนเองเมื่อทำทุกอย่างนี้เสร็จ นางก็โยนหนังสือหย่าลงบนพื้น“คังเอ๋อร์ พวกเราไปกัน”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น แล้วก็จะดึงมือของเสิ่นคัง“ข้าไม่ไป ข้าอยากให้ท่านพ่อและท่านแม่อยู่ด้วยกัน” ไม่ว่าจะพูดอะไรออกมาเสิ่นคังก็ไม่ยอมไปกับเจียงหว่านเอ๋อร์ใบหน้าเล็กๆ ของเขา ถูกน้ำมูกและน้ำตาไหลนองจนเลอะใบหน้าไปหมด“พี่ใหญ่ ต่อให้พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าจะทำอะไรผิดไป ก็คงไม่ถึงขั้นหย่ากัน พวกท่านลองคุยกันเสียหน่อยไม่ได้หรือ?”เสิ่นจืออวี้ทนมองต่อไปไม่ได้แล้ว เขาหยิบหนังสือหย่าบนพื้นขึ้นมา แล้วต้องการจะฉีกออกเสิ่นจือเจิ้งจ้องมองไปยังเสิ่นจืออวี้ “หากว่าเจ้ากล้าฉีกมันออก ข้าเองก็จะไม่ถือว่าเจ้าเป็นน้องชายอีกต่อไป”เสิ่นจืออวี้หยุดการกระทำในมือลง สีหน้าดูไม่น่ามองอย่างประหลาดเขาเพียงแค
เจียงหว่านเอ๋อร์ยกมือขึ้น ตบไปยังใบหน้าของเสิ่นจือเจิ้งทว่ามือของนางเพิ่งจะยื่นออกไปได้เพียงแค่กลางอากาศเท่านั้น ก็ถูกเสิ่นจือเจิ้งคว้าเอาไว้แน่น“เจ้าพอได้แล้ว หากว่ายังมาบ้าคลั่งต่อหน้าของข้าอีก ก็เก็บข้าวของแล้วออกไปซะ!”สีหน้าของเสิ่นจือเจิ้งดูเย็น จ้องมองไปยังเจียงหว่านเอ๋อร์ที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงจนเกือบจะบ้าด้วยความโกรธดวงตาทั้งคู่ของเจียงหว่านเอ๋อร์แดงก่ำ น้ำตาไหลรินออกมาไม่หยุดสีหน้าของนางซีดขาว ความขุ่นเคืองในใจอันหนักหน่วง ทว่ากลับไม่มีที่ให้ระบายออกมาได้เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันเข้ามา เจียงหว่านเอ๋อร์ก็ถือว่าเจี่ยนอันอันเป็นศัตรูนางดึงมือออกจากเสิ่นจือเจิ้ง แล้วเดินมาทางด้านเจี่ยนอันอัน“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้า หากไม่ใช่เพราะว่าเจ้าเอาดวงวิญญาณของจือเจิ้งออกไป แล้วเขาจะทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไรกัน”เจียงหว่านเอ๋อร์นำความโกรธทั้งหมด ระบายใส่เจี่ยนอันอันทั้งหมดล้วนแต่เป็นความผิดของเจี่ยนอันอันหากไม่ใช่เจี่ยนอันอันที่คลายคุณไสยร้ายให้เสิ่นจือเจิ้ง เขาก็จะไม่มีทางตื่นขึ้นมาและไม่มีทางที่จะจำนางไม่ได้นางยินยอมให้เสิ่นจือเจิ้งตอนนี้ ยังคงอยู่ในอาการสลบไสลไม่ตื่นขึ้น
“เจ้านำหนังสือหย่านี้ไปให้เจียงหว่านเอ๋อร์ แล้วบอกนางว่าจากวันนี้เป็นต้นไป ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของเราสิ้นสุดแล้ว”“ต่อไปนางจะไปอยู่ที่ใด ก็เป็นอิสระของนาง ข้าไม่สนใจและไม่คิดจะสนใจ”เจี่ยนอันอันมองหนังสือหย่าในมือ ดูท่าแล้วพี่ชายของนางคงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วที่จะหย่าเจียงหว่านเอ๋อร์เจี่ยนอันอันมิได้กล่าวสิ่งใดอีก เมื่อพี่ชายคิดเช่นนี้ นางก็พร้อมเคารพการตัดสินใจนั้นยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้เจียงหว่านเอ๋อร์เป็นฝ่ายผิดก่อน จึงมิอาจโทษพี่ชายได้เจี่ยนอันอันถือหนังสือหย่า เดินออกไป นางเคาะประตูห้องของเจียงหว่านเอ๋อร์ เจียงหว่านเอ๋อร์รีบเช็ดน้ำตาบนใบหน้า ก่อนจะเดินมาเปิดประตูเมื่อนางเห็นว่าเป็นเจี่ยนอันอัน ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธทันที“เจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องอันใด?”เจี่ยนอันอันผลักเจียงหว่านเอ๋อร์ออกไป แล้วก้าวเข้าไปในห้อง“ข้ามิได้เชิญเจ้าเข้ามา เจ้าไม่มีสิทธิ์บุกรุกเข้ามาในห้องของข้าโดยพลการ!”เจียงหว่านเอ๋อร์กล่าว พลางยื่นมือจะดึงตัวเจี่ยนอันอันแต่เจี่ยนอันอันหมุนตัวก้าวหลบอย่างคล่องแคล่วนางยกหนังสือหย่าในมือขึ้นแสดงต่อหน้าเจียงหว่านเอ๋อร์“พี่ชายของข้าได้เขียน
เจียงหว่านเอ๋อร์ไม่กล้าพูดสิ่งใดอีก รีบสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้ววิ่งออกไปเมื่อมาถึงหน้าห้อง นางเห็นเจี่ยนอันอันยืนอยู่ที่ประตูใบหน้าของเจียงหว่านเอ๋อร์ที่ซีดขาวพลันเปลี่ยนเป็นแดงก่ำบทสนทนาระหว่างนางกับเสิ่นจือเจิ้งเมื่อครู่ เกรงว่าเจี่ยนอันอันจะได้ยินหมดแล้วเจียงหว่านเอ๋อร์ก้มหน้าลง รีบวิ่งกลับไปยังห้องถัดไปแล้วปิดประตูแน่นสนิทนางไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้นางผิดที่ตรงไหนกันแน่?นางคือคนที่ผ่านพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับเสิ่นจือเจิ้งมาแล้ว ต่อให้จะทำอะไรกับเขา ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สมควรและถูกต้องทั้งสิ้น แต่เมื่อครู่ ตอนที่นางเห็นเจี่ยนอันอัน นางกลับสังเกตเห็นแววรังเกียจบนใบหน้าของอีกฝ่ายสายตานั้นราวกับมองนางเป็นหญิงชั่วที่ถูกจับได้ว่ากำลังทำเรื่องผิดศีลธรรมอยู่บนเตียงยิ่งเจียงหว่านเอ๋อร์คิด นางก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจ นางทำผิดอะไรกันแน่ ถึงต้องถูกปฏิบัติเช่นนี้เหตุใดเสิ่นจือเจิ้งถึงไม่ยอมให้นางแตะต้อง เขาเกลียดนางขนาดนั้นเชียวหรือ?หรือว่าเสิ่นจือเจิ้งไม่ได้มองเจี่ยนอันอันเป็นเพียงน้องสาว แต่ชอบนางในฐานะสตรีคนหนึ่งมีคำกล่าวว่า เมื่อบุรุษเปลี่ยนใจ ย่อมไม่สนใจภรรยาคนแรกของตนอีกต่อไ
“ท่านพี่ หลายวันมานี้ท่านไม่ยอมให้ข้าแตะต้องท่านเลย ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าทุกข์ใจเพียงใด”“วันนี้ข้าจำต้องใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้ วางยาสลบในอาหารของท่าน หวังว่าท่านพี่จะไม่ถือโทษโกรธเคือง”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดพลางเดินมาที่ข้างเตียงอุ่น มือข้างหนึ่งลูบไล้ใบหน้าเรียบเนียนของเสิ่นจือเจิ้งบุรุษที่นางเฝ้าคิดถึงอยากจะใกล้ชิดทั้งวันทั้งคืน บัดนี้กำลังนอนอยู่เบื้องหน้านางใบหน้าของเจียงหว่านเอ๋อร์พลันขึ้นสีแดงระเรื่อหัวใจของนางเต้นแรง ลมหายใจก็เริ่มถี่กระชั้นมือที่หยาบกร้านเล็กน้อย ลูบไล้จากใบหน้าของเสิ่นจือเจิ้งอย่างแผ่วเบา เรื่อยมาจนถึงลำคอมือนั้นไล้ลงต่ำเรื่อยๆ ลงไปที่แผ่นอกของเสิ่นจือเจิ้งเสิ่นจือเจิ้งอดทนต่อสัมผัสของเจียงหว่านเอ๋อร์ เขายังไม่รีบร้อนลืมตา เพียงแต่อยากดูว่าต่อไป เจียงหว่านเอ๋อร์จะทำอะไรอีกเจียงหว่านเอ๋อร์กำลังจะสอดมือเข้าไปในเสื้อของเสิ่นจือเจิ้งแต่ในจังหวะนั้นเอง เสิ่นจือเจิ้งกลับพลิกตัวหันหลังให้นางเจียงหว่านเอ๋อร์ตกใจจนรีบดึงมือกลับ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงยาสลบที่นางใช้เป็นยาที่นางเก็บเอาไว้ก่อนหน้านี้ นางคิดจะใช้มันจัดการกับท่านย่าเล็กแต่คิดไม้ถึงว่า
เจียงหว่านเอ๋อร์กัดริมฝีปากล่างเบา ๆ นางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็กลืนคำพูดเหล่านั้นกลับลงไปพอนางส่งถาดอาหารในมือให้เจี่ยนอันอัน ก็หันหลังเดินจากไปด้วยขอบตาที่แดงเรื่อนับแต่เสิ่นจือเจิ้งฟื้นขึ้นมา ก็เอาแต่พูดจาเย็นชากับนางไม่เคยมีคำพูดใดที่แสดงความห่วงใยต่อนางเลยแม้แต่คำเดียวนางไม่เข้าใจว่าเหตุใดเสิ่นจือเจิ้งถึงปฏิบัติต่อนางเช่นนี้หรือว่าเป็นเพราะเขาสูญเสียความทรงจำ นิสัยถึงได้เปลี่ยนไปและเย็นชาต่อนางถึงเพียงนี้?เจี่ยนอันอันมองตามแผ่นหลังของเจียงหว่านเอ๋อร์ที่เดินจากไป ร่างบอบบางนั้นเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจนางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ถือถาดอาหารเดินมาข้างหน้าเสิ่นจือเจิ้ง“พี่ใหญ่ ท่านจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร ข้าว่าเจียงหว่านเอ๋อร์ก็ไม่ใช่คนไม่ดีสักหน่อย”“ต่างก็เป็นคนที่ถูกโชคชะตาเล่นตลก ถูกเนรเทศมาไกลถึงที่นี่ เผชิญความลำบากมากมาย”“จะอย่างไรตอนนี้นางเป็นภรรยาของท่านแล้ว ท่านให้โอกาสนางได้ใกล้ชิดกับท่านมากขึ้นหน่อยเถิด”เสิ่นจือเจิ้งยังคงทำหน้านิ่ง ไม่พูดอะไรจนกระทั่งเห็นเจี่ยนอันอันนำอาหารในถาดออกมา เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “เจ้ามีเข็มเงินอยู่ใช่หรือไม่ ลองตรวจดูส
เจี่ยนอันอันเลิกคิ้วขึ้น “พี่ใหญ่หมายความว่าอย่างไร?”“ต่อไปเจ้าก็จะเข้าใจเอง” เสิ่นจือเจิ้งไม่คิดจะอธิบายเพิ่มเติม ก่อนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “สองวันมานี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อเจี่ยนอันอันนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสองวันนี้ นางก็รู้สึกอึดอัดใจขึ้นมานางเล่าเรื่องทั้งหมดที่ตนประสบพบเจอในช่วงสองวันนี้ให้เสิ่นจือเจิ้งฟังเสิ่นจือเจิ้งดึงตัวเจี่ยนอันอันเข้ามาหา พลางสำรวจนางตั้งแต่หัวจรดเท้า“ชายที่ชื่อกู้มั่วหลีผู้นั้นไม่ได้ทำอะไรเจ้าใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันแค่นเสียงในลำคอ ดวงตาเผยจิตสังหารอันเหี้ยมโหด“กู้มั่วหลีน่าชังผู้นั้นพยายามจะลวนลามข้าหลายครั้ง น่าชิงชังเสียจริง!”“หากข้าเอาชนะเขาได้ ข้าคงแล่เนื้อเขาเป็นชิ้น ๆ แล้วเอาไปทำปุ๋ยเสีย”เจี่ยนอันอันยิ่งพูดยิ่งโกรธ มือทั้งสองข้างกำแน่นจนเส้นเลือดปูดผงสลายศพที่นางคิดค้นขึ้นเองกลับไร้ผลต่อกู้มั่วหลีนางไม่เข้าใจเลยว่าเขากินยาแก้พิษอะไรเข้าไปนางต้องไปคิดค้นวิจัยยาพิษใหม่ที่สามารถใช้กับกู้มั่วหลี่โดยเฉพาะให้ได้แววตาของเสิ่นจือเจิ้งฉายประกายอำมหิตกล้าทำเรื่องเช่นนี้กับน้องสาวของเขา หากเขาได้เจอ เขาจะไม่มีวันปล่อยกู้มั่วห
ซ่างตงเยว่เป็นคนนำน้ำมาส่งให้พวกเขาตลอดสองวันมานี้และน้ำที่บ้านของซ่างตงเยว่ก็รสชาติดีกว่าน้ำที่บ้านพวกเขาไม่รู้กี่เท่าน้ำนี้หวานและอร่อย ทำให้จ้าวอู่กับจ้าวลิ่วดื่มแล้วหยุดไม่ได้ซ่างตงเยว่เห็นทั้งสองคนดื่มติดต่อกันสองกระบวยใหญ่ก็ร้องว่า “พวกท่านดื่มน้อยหน่อย ท่านพ่อกับอาอวี๋ยังไม่ได้ดื่มเลย”ทั้งสองคนได้ยินดังนี้ก็รีบวางกระบวยตักน้ำลงพวกเขาเช็ดปากก่อนจะหัวเราะแหะๆ ให้ซ่างตงเยว่จ้าวลิ่วยิ้มว่า “นังหนูอย่าคิดมากขนาดนั้นสิ พวกข้าทำงานให้ท่านพ่อของเจ้าไม่น้อยเลยนะ”ซ่างตงเยว่กลอกตามองบนใส่จ้าวลิ่ว คิดในใจว่างานเล็กน้อยที่เจ้าทำเทียบกับที่ท่านพ่อของข้าทำไม่ได้เลยจ้าวอู่มองน้ำในถัง เขาอดถามไม่ได้ว่า “ตงเยว่ เหตุใดน้ำของบ้านเจ้าจึงรสชาติดีเช่นนี้ ไม่ได้เปรี้ยวและฝาดเหมือนน้ำที่บ้านข้า ดื่มยากสุดๆ”ซ่างตงเยว่หันไปมองเจี่ยนอันอันปราดหนึ่งแต่ไม่ได้พูดอะไรนางไม่มีทางบอกจ้าวอู่ว่าเจี่ยนอันอันเป็นคนช่วยจัดการบ่อน้ำที่บ้านของนางตอนนั้นเจี่ยนอันอันเห็นบ่อน้ำที่บ้านของนางทั้งเหลืองทั้งขุ่นจึงทำการเทน้ำพุวิญญาณลงไปจำนวนหนึ่ง จากนั้นน้ำที่บ้านนางก็ใสสะอาดและมีรสชาติดีนี่เป็นความล
ยิ่งไปกว่านั้น ที่พวกเขายอมตอบตกลงที่จะไปตามหาคลังสมบัติด้วยกันก็เกิดจากความละโมบของพวกเขาเองหากไม่ใช่เพราะคนผู้นั้นเริ่มสังหารเฉียวว่านหลินก่อน พวกเขาก็คงไม่สู้กันในช่องทางลับไม่ต้องมาตายอยู่ในนั้นโดยที่ยังหาคลังสมบัติไม่เจอท่านปู่เฉินมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเขาทั้งหมด และก็ด้วยเหตุนี้เช่นกัน เขาถึงได้ต้องจมอยู่กับความทรมานทุกวันขณะที่ท่านปู่เฉินกำลังคิดว่าจะแก้ตัวอย่างไร เจี่ยนอันอันก็พูดว่า “มาถึงขั้นนี้ ข้าว่าท่านอย่าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านอีกเลย”ท่านปู่เฉินเงยหน้าขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อเขาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านชิงสุ่ยมาหลายสิบปี จะต้องมาถูกปลดออกจากตำแหน่งทั้งอย่างนี้หรือ?“แม่นางเจี่ยน ข้าขอโอกาสไถ่โทษสักครั้งได้หรือไม่?”“ข้ายินดีมอบเงินออมทั้งหมดให้ภรรยาและลูกชายของเฉียวว่านหลิน”สิ่งที่เขาพอจะทำได้ในตอนนี้ก็มีแค่นี้ในบรรดาสี่คนนั้น มีแค่เฉียวว่านหลินที่มีลูกและภรรยา ส่วนอีกสามคนเป็นพวกกล้าตายถึงแม้จะตายไปก็ไม่มีผู้ใดช่วยเก็บศพ เจี่ยนอันอันมองว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนางมากนักนางเป็นแค่คนที่ถูกเนรเทศมาอยู่ที่นี่ หากบีบให้ท่านป