“โอ๊ย!” เฉียนซื่อเจ็บปวดจนร้องเสียงดังออกมาอย่างทนไม่ไหวเจี่ยนอันอันไม่ได้หยุดมือเพราะเสียงร้องโหยหวนของเฉียนซื่อในไม่ช้านางก็ถอนผมเฉียนซื่อไปได้เกินครึ่งแล้วเฉียนซื่อในตอนนี้มีสารรูปเหมือนคิ้วโชยเซียะในเรื่องเอี้ยก้วยเจ้าอินทรีเวอร์ชันกู่เทียนเล่อไม่มีผิดผมถูกถอนไปเกินครึ่ง แม้แต่หนังศีรษะยังถูกถลกออกมาด้วยหลายจุดเลือดไหลลงมาตามใบหน้าเฉียนซื่อแล้วหยดลงบนเสื้อผ้าสภาพนางตอนนี้ดูแล้วชวนให้คนขนหัวลุกเป็นอย่างยิ่งเสียงฝีเท้าระลอกหนึ่งดังขึ้น กวนเจี๋ยที่จับกระต่ายป่าตัวหนึ่งกลับมาได้ถูกภาพตรงหน้าทำให้ตกใจจนอึ้งไปเขาอยู่ห่างออกไปไกลมากแต่ก็ยังได้ยินเสียงร้องอนาถของเฉียนซื่อคืนวานเขาไม่ได้กลับมา เดิมคิดว่าจะไปหาอาหารข้างนอกแล้วค่อยกลับมาในฐานะลูกน้องคนสำคัญของเสิ่นจือเจิ้ง ข้อเสนอของกวนเจี๋ยได้รับการเห็นชอบจากเสิ่นจืออวี้กับเฉียนซื่อแล้วแต่ในหมู่บ้านชิงสุ่ย อย่าว่าแต่ไก่ป่ากระต่ายป่า แม้แต่หนูสักตัวก็ยังผอมแห้งเหมือนท่อนฟืนเขาจำต้องไปหาอาหารในป่าข้างนอกอย่างไร้ทางเลือกดีที่เขาจับกระต่ายป่าได้หนึ่งตัว คิดว่าจะเอามันกลับมาให้ทุกคนกินรอจนเขาหิ้วกระต่ายป่าหนึ่งตัวกลับม
กวนเจี๋ยปรายตามองเฉียนซื่อ หัวคิ้วขมวดแน่นสองคนนี้ไม่ได้เปิดเผยที่อยู่ของแม่ทัพเสิ่น หรือว่าแม่ทัพเสิ่นจะไม่อยู่ที่นี่ ทั้งหมดเป็นแผนร้ายของเฉียนซื่อ?กวนเจี๋ยไม่สนใจเสียงครวญครางของเฉียนซื่อ อดถามไม่ได้ว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านคงไม่ได้ส่งแม่ทัพเสิ่นไปที่อื่นกระมัง”เฉียนซื่อได้ยินคำถามของกวนเจี๋ยก็เงยหน้ามองเจ้าเด็กนี่บอกว่าจะไปหาอาหาร แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่าหายหัวไปทั้งคืนตอนนี้ยังจะมีหน้ามาถามนางอีก ช่างใจกล้ายิ่งนักเขาตาบอดหรืออย่างไร มองไม่ออกหรือว่าตอนนี้สภาพนางเอนจอนาถเพียงใด? “กวนเจี๋ย เจ้ารีบฆ่าสองคนนั้น พวกเขาจับครอบครัวของเสิ่นจือเจิ้งไป ทั้งยังจะถอนผมข้าออกหมดหัว”เฉียนซื่อเพิ่งจะพูดจบก็ถูกเจี่ยนอันอันเตะเข้าที่หน้า เฉียนซื่อถูกเตะจนต้องร้องคร่ำครวญออกมาอีกครั้ง“นางปีศาจเฒ่า สันดานของเจ้านี่ช่างแก้ได้ยากจริงๆ หากวันนี้ไม่ฆ่าเจ้าให้ตายคงเป็นการผิดต่อครอบครัวของเสิ่นจือเจิ้ง”เจี่ยนอันอันพูดแล้วก็จะเตะเฉียนซื่ออีกรอบเฉียนซื่อรีบคุกเข่าเบื้องหน้าเจี่ยนอันอันด้วยความหวาดกลัว นางร้องอ้อนวอนว่า“แม่นางเจี่ยนไว้ชีวิตด้วยเถอะ เมื่อครู่นี้ข้าใช้คำพูดผิดไปและใส่ร
ในที่สุดเขาก็ได้เข้าใจ ที่แท้ทั้งหมดก็เป็นฝีมือของเฉียนซื่อกวนเจี๋ยติดตามเสิ่นจือเจิ้งมาตั้งหลายปีขนาดนั้น ย่อมรู้ว่าเฉียนซื่อมีวิชาไสยศาสตร์ตอนที่ไปหาอาหารเมื่อคืน เขากังวลอยู่ตลอดว่าเฉียนซื่อจะลงมือกับคนอื่นๆ ในช่วงที่เขาไม่อยู่นึกไม่ถึงว่าฮูหยินผู้เฒ่าใจคดนางนี้จะมีความตั้งใจที่จะไม่ปล่อยพวกเขาไปจริงๆ ด้วยเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงเดินสืบเท้าไปทางบ้านของกวนซิน ไม่ได้สนใจกวนเจี๋ยที่ตามมาด้านหลังเมื่อมาถึงหน้าบ้านกวนซิน เจี่ยนอันอันก็ต้องพึงพอใจเมื่อได้พบว่าแม่นมหลี่กับเตียวเฉียงได้หายไปแล้วนางยกมือเคาะประตูลานบ้าน สือเจี้ยเดินมาเปิดประตูให้อย่างรวดเร็ว เขามีรอยยิ้มทันทีที่เห็นว่าเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินกลับมาแล้วสือเจี้ยหลีกตัวให้ทั้งสองคนเข้ามาเมื่อเห็นว่ากวนเจี๋ยทำท่าจะเข้ามาด้วย เขาก็ต้องมีสีหน้าฉงนสงสัย แต่ในเมื่อเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงไม่ได้ห้ามไม่ให้กวนเจี๋ยเข้ามาสือเจี้ยจึงพูดอะไรมากไม่ได้เมื่อกวนเจี๋ยเห็นว่าผู้ที่นั่งอยู่ในลานบ้านคือเสิ่นจืออวี้ที่มีสีหน้าเคร่งเครียดก็ร้องออกมาทันที “นายน้อยรอง ที่แท้ท่านก็อยู่ที่นี่”เสิ่นจืออวี้ได้ยินเสียงของกวนเจี
หลังจากที่เจี่ยนอันอันล้างมือเสร็จเรียบร้อย ไฟในเตาก็จุดเสร็จพอดีเจี่ยนอันอันนำหญ้าน้ำแข็งทมิฬแปดแฉก บุปผาสยบผู้กล้าและใบวายุสามหางออกมาจากห้วงมิติตามด้วยเทขี้เถ้าในขวดลงไปในหม้อต้มขนาดใหญ่ชิวเหลียนรีบไปตักน้ำหนึ่งกะละมังมาเทลงในหม้อ จากนั้นเจี่ยนอันอันจึงเริ่มทำยาถอนยาถอนวิชาไสยศาสตร์ประเภทนี้ไม่อาจต้มในหม้อโอสถขนาดเล็ก ต้องทำให้หม้อขนาดใหญ่เท่านั้นนี่เป็นสิ่งที่เขียนไว้ในตำราสามชะตามรรคาลี้ลับเช่นกันผ่านไปครึ่งชั่วยาม ยาถอนก็ต้มเสร็จในที่สุดเจี่ยนอันอันหยิบถ้วยมาสามใบและเทยาถอนลงในถ้วยสมุนไพรพวกนั้นถูกนางโยนเข้าไปในกองไฟเมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้น เจี่ยนอันอันค่อยให้ชิวเหลียนล้างทำความสะอาดหม้อนางเริ่มจากยกยาถ้วยหนึ่งไปป้อนให้เสิ่นคังที่ห้องเสิ่นคังอายุน้อย เพิ่งดื่มยาไปไม่นานก็ลืมตาขึ้นเขาเพิ่งจะได้สติก็ร้องว่าปวดท้องทันทีแต่ยังพูดจบไม่ทันจบก็อาเจียนของเหลวสีดำออกมาดัง “แหวะ”ของเหลวสีดำนี้ส่งกลิ่นเหม็นรุนแรงเจี่ยนอันอันไม่กลัวว่าจะสกปรก นางนำผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดหน้าให้เสิ่นคัง“ตอนนี้เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?” เจี่ยนอันอันประคองเสิ่นคังพลางเอ่ยถามเสียงแผ่วเบ
เจี่ยนอันอันไม่ได้สนใจ นางเข้าใจความรู้สึกของเจียงหว่านเอ๋อร์หากเป็นตัวนางเอง เกรงว่านางก็คงไม่ชอบให้ผู้หญิงคนอื่นถูกเนื้อต้องตัวฉู่จวินสิงเช่นกันเจียงหว่านเอ๋อร์ขอบคุณแล้วรับถ้วยยาไปนางบีบปากเสิ่นจือเจิ้ง ค่อยๆ เทยาเข้าไปในปากของเขาด้วยความระมัดระวังหลังจากดื่มยา เสิ่นจือเจิ้งก็ยังคงลืมตาจ้องเพดานห้องด้วยแววตาว่างเปล่าเจียงหว่านเอ๋อร์เห็นว่าเสิ่นจือเจิ้งยังคงไม่คืนสติก็หันไปมองเจี่ยนอันอันด้วยความร้อนใจ“แม่นางเจี่ยน เหตุใดสามีของข้ายังไม่หายดีอีก?”เจี่ยนอันอันจับชีพจรให้เสิ่นจือเจิ้ง ภายในใจเข้าใจชัดแจ้ง“วิชาไสยศาสตร์ที่แม่ทัพเสิ่นได้รับค่อนข้างรุนแรง ด้วยเหตุนี้จึงไม่อาจคืนสติได้รวดเร็วขนาดนั้น”“แต่ท่านไม่ต้องร้อนใจ รออีกสักพัก ท่านแม่เสิ่นก็จะคืนสติอย่างแน่นอน”เจียงหว่านเอ๋อร์พยักหน้าเบาๆ สายตาจับจ้องใบหน้าของเสิ่นจือเจิ้งเวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละนิด ขณะที่เจียงหว่านเอ๋อร์กำลังคิดว่าเสิ่นจือเจิ้งจะไม่ฟื้นคืนสติจู่ๆ นางก็เห็นว่าลูกตาของเสิ่นจือเจิ้งขยับไปมาสองสามครั้งเจียงหว่านเอ๋อร์รีบร้องเรียกเสิ่นจือเจิ้งเมื่อเห็นดังนี้“ท่านพี่ ข้าคือหว่านเอ๋อร์ ท่านรีบมองข้
เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงเข้ามาก็รีบเก็บตำราสามชะตามรรคาลี้ลับนางดึงแขนเสื้อของฉู่จวินสิงให้เขาออกจากห้อง“อันอัน เกิดอะไรขึ้นในห้อง?” ฉู่จวินสิงถามอย่างไม่เข้าใจเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วแน่นพลางส่ายหน้าน้อยๆ“ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น ในตำราสามชะตามรรคาลี้ลับเขียนไว้ชัดเจน”“ขอเพียงทำตามวิธีก็จะสามารถถอนวิชาไสยศาสตร์ทั้งหมดของเสิ่นจือเจิ้ง”“ทว่าเขาฟื้นมาแล้วกลับบอกว่าไม่รู้จักเสิ่นจืออวี้และเจียงหว่านเอ๋อร์”บทสนทนาของทั้งคู่ถูกกวนเจี๋ยได้ยินเขารีบเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยเสียงแผ่วเบา ไม่อยากให้เสิ่นคังได้ยิน“เมื่อครู่นี้พวกท่านบอกว่าท่านแม่ทัพฟื้นแล้วอย่างนั้นหรือ?”“แต่เหตุใดเขาจึงจำฮูหยินกับนายน้อยรองไม่ได้?”เจี่ยนอันอันมีสีหน้าจนใจ นางไม่เข้าใจเช่นกันว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกวนเจี๋ยเห็นเจี่ยนอันอันไม่ตอบก็รีบเดินเข้าไปในห้อง“ท่านแม่ทัพ ท่านจำข้าได้หรือไม่ ข้าคือกวนเจี๋ยอย่างไรเล่าขอรับ”กวนเจี๋ยเดินไปข้างเตียง เสียงของเขาดังจนแม้แต่เสิ่นคังที่อยู่ในลานบ้านยังได้ยินเสิ่นคังได้ยินว่าท่านพ่อฟื้นแล้วก็รีบสืบเท้าน้อยๆ วิ่งเข้าไปในห้อง“ท่านพ่อ ในที่สุดท่านก็ฟื
ตอนนี้เสิ่นจืออวี้เดินออกมาจากห้องแล้วเช่นกันดวงตาของเขาแดงก่ำ ครั้นเหลือบไปเห็นเฉียนซื่อก็เดือดดาลจนอยากจะตบอีกฝ่ายให้ตายทั้งหมดเป็นฝีมือของย่ารอง หากนางไม่ใช้วิชาไสยศาสตร์กับพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ก็คงไม่กลายเป็นแบบนี้เมื่อบรรดาบ่าวรับใช้วางเฉียนซื่อลงบนพื้น นางก็ลืมตาขึ้นในที่สุดแต่สภาพของนางตอนนี้เป็นเหมือนที่เสิ่นจือเจิ้งเพิ่งฟื้น แววตาทั้งสองข้างว่างเปล่าเสิ่นจือเจิ้งอดกลั้นต่อเพลิงโทสะในใจ สภาพที่ดูไม่ได้ของเฉียนซื่อทำให้เขาอยากร้องออกมาเหลือเกินว่าสมควรแล้ว!แต่เขายังต้องซักถามเฉียนซื่ออยู่ว่านางใช้วิชาไสยศาสตร์อะไรกับพี่ใหญ่ เหตุใดพี่ใหญ่จึงจำพวกเขาไม่ได้เสิ่นจืออวี้ถามอยู่สองสามรอบ ทว่าเฉียนซื่อกลับไม่มีการตอบสนองใดๆจู่ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องที่เจี่ยนอันอันเคยพูด ตอนนี้เฉียนซื่อถูกวิชาไสยศาสตร์สะท้อนกลับเกรงว่าคงไม่อาจพูดได้อีกต่อไป ยิ่งไม่ต้องถามถึงการตอบว่าใช้วิชาไสยศาสตร์อะไร เสิ่นจืออวี้กระวนกระวายใจดุจไฟเผา ตอนนี้เขาไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำอย่างไรเจี่ยนอันอันเดินออกมาเห็นเสิ่นจืออวี้มีสีหน้าร้อนใจนางตบบ่าเสิ่นจืออวี้ “ตอนนี้ย่ารองของท่านเป็นเหมือนซากศพที่มีชีวิต ไ
เจี่ยนอันอัน “???”เสิ่นจือเจิ้งฟื้นคืนสติแล้วจำครอบครัวตัวเองไม่ได้ แต่กลับร้องเรียกชื่อของนางเนี่ยนะนี่มันเรื่องอะไรกัน?“ท่านรู้จักข้าหรือ?” เจี่ยนอันอันหยุดฝีเท้าและหันกลับไปมองเสิ่นจือเจิ้งนางไม่เคบพบเสิ่นจือเจิ้งมาก่อน เหตุใดอีกฝ่ายจึงเรียกชื่อนางภายใต้สถานการณ์ที่สูญเสียความทรงจำ?เสิ่นจือเจิ้งมองเจี่ยนอันอันไม่ละสายตา มีรอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้าเขาอย่างรวดเร็ว“เจี่ยนอันอัน เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย!” เสิ่นจือเจิ้งว่าจบก็จะลงจากเตียงทว่าบาดแผนบนร่างเขายังไม่หายดีนัก ขยับตัวแล้วกระทบกระเทือนถูกบาดแผลเสิ่นจือเจิ้งร้อง “ซี๊ด” ออกมาด้วยความเจ็บปวดเขามุ่นคิ้วเข้าด้วยกัน ก้มหน้ามองบาดแผลตามตัวแม้ก่อนหน้านี้จะมีการทายาบริเวณบาดแผลมาก่อนแล้ว แต่บาดแผลก็ไม่ได้หายไวขนาดนั้นเมื่อต้องมาขยับตัวเช่นนี้ บาดแผลจึงปริออกอีกครั้งโลหิตไหลออกมาจากบาดแผลและซึมไปที่เสื้อนอก เสิ่นจือเจิ้งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างแรงเสียงพูดคุยของทั้งสองคนถูกเจียงหว่านเอ๋อร์ได้ยินนางยืนนิ่งงันอยู่นอกประตูและมองเจี่ยนอันอันด้วยสายตาสงสัย เจี่ยนอันอันมีสีหน้าสับสนงุนงงเช่นกันเพ
พวกเขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรญาติที่เป็นขุนนางของลูกพี่เป็นผู้มีอิทธิพลนัก ดูแลทุกอย่างในอำเภอไถหยางก็ว่าได้เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็น “คุยมาตั้งนาน ยังไม่เห็นบอกชื่อว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ข้าว่าคงจะแต่งเรื่องส่งเดชมากกว่า”เฝิงซานกวงถูกเจี่ยนอันอันยุยงอีกครั้ง เดิมทีเขาก็ไม่อยากเอ่ยชื่อเจ้าเมืองออกมาแต่ครั้งนี้เห็นทีไม่พูดก็ไม่ได้เสียแล้ว“ฮึ่ม พูดแล้วพวกเจ้าจะตกใจ ท่านอารองของข้าเป็นเจ้าเมืองแห่งอำเภอไถหยาง”“หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องกิจการในเหมืองของข้า ข้าจะให้ท่านอาส่งคนมาจับพวกเจ้าไปขังคุกเสีย!”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินว่าอารองของเฝิงซานกวงก็คือเจ้าเมืองตานนั่นเอง นางจึงเริ่มมีแผนการในใจ“อ้อ หมายถึงเจ้าเมืองตานผู้นั้นหรอกรึ? ยังนึกว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่ใดเสียอีก”“เชิญไปเรียกตัวมาได้เลย แล้วเรามายันกันซึ่งหน้า ให้รู้ไปว่าเขาจะเข้าข้างเจ้า หรือเห็นด้วยกับเรามากกว่า”เฝิงซานกวงมองดูท่าทีของเจี่ยนอันอัน คล้ายไม่กลัวกระทั่งคนเป็นเจ้าเมือง จึงให้ตกใจซ้ำอีกเขาแอบคิดในใจ หรือว่าท่านอารองจะรู้จักกับคนสองคนนี้?จึงหันไปกระซิบกระซาบต่อลูกน้องข้างกาย “รีบไปเชิญอารองข้ามาเดี๋ยวนี้”
เหล่าคนงานที่เข้าออกเหมืองแร่เห็นเหตุการณ์เข้า ต่างก็ตกใจเป็นอย่างมากเพราะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นลูกน้องของนายจ้างถูกผู้อื่นทำร้ายเช่นนี้แม้แต่ละคนจะมีความตกใจ แต่ลึกๆ กลับรู้สึกสะใจมากกว่าเพราะบริวารของเฝิงซานกวงเหล่านี้ ปกติมักจะใช้กำลังกับพวกเขาบ่อยๆทุกครั้งที่พวกเขาขุดหาแร่ออกมาไม่ได้ปริมาณตามที่ต้องการ ลูกน้องเฝิงซานกวงก็พากันมารุมซ้อมพวกเขาอย่างหนัก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าไปบอกใครบางคนเคยคิดหนีไปจากที่นี่ แต่ครั้งใดที่มีผู้หลบหนี มักถูกจับกลับมาแล้วซ้อมหนักยิ่งกว่าเดิมอีกที่สำคัญพวกเขาแทบจำไม่ได้ว่าตนคือใคร บ้านช่องอยู่ที่ใดจึงได้แต่ใช้แรงกายแลกกับเงินน้อยนิดเพียงสองอีแปะในแต่ละวัน อดทนทำงานอยู่ที่นี่ต่อไปเมื่อชายสองคนถูกทำร้ายเข้า จึงมีลูกน้องเฝิงซานกวงตามออกมาอีกทุกคนเมื่อเห็นว่ามีคนมาก่อเรื่อง จึงกรูกันเข้าหาฉู่จวินสิงทันทีแต่มิต้องรอให้พวกเขามาเข้าใกล้ ฉู่จวินสิงใช้กำลังภายในซัดออกไปก่อนแล้วทุกคนต่างทยอยล้มลง พลางกลิ้งไปมา ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดทันใดนั้นเอง มีเสียงหนึ่งตะคอกดังขึ้น “ผู้ใดกล้าบังอาจมาก่อเรื่องในเหมืองของข้า อยากตายหรืออย่างไร?”ใบ
แต่บัดนี้นางเปิดร้านมาสิบกว่าวัน ขายได้เพียงรูปสัตว์โลหะไม่กี่ตัวเท่านั้นเฉียวซื่อบอกเล่าสิ่งที่พบเจอให้เจี่ยนอันอันฟัง ทำให้นางเกิดความเข้าใจขึ้นทันทีที่แท้เฉียวซื่อถูกเฝิงซานกวงหลอกลวงมาแต่แรกเจี่ยนอันอันเพียงคิดว่าต่อให้นางซื้อของตกแต่งเหล่านี้กลับไป ก็มิได้ใช้ประโยชน์นักจึงนำหนูโลหะตัวเล็กในมือวางกลับที่เดิมเฉียวซื่อเห็นเจี่ยนอันอันทำเช่นเดียวกับลูกค้าอื่นในร้าน เพียงเข้ามาหยิบดูเล็กน้อย จากนั้นจึงวางของตกแต่งลงไว้ที่เดิมดูแล้วคล้ายไม่สู้ถูกใจผลงานที่นางสร้างสรรค์ออกมาเท่าใดนัก พลันเกิดความรู้สึกท้อแท้ นางคงไม่เหมาะจะทำอาชีพนี้จริงๆ กระมังหากตอนนี้สามียังอยู่ก็คงดี นางจะได้ฝึกวิชาการตีเหล็กจากเขาให้ออกมาเป็นงานอื่นบ้างและเมื่อครู่เจี่ยนอันอันรู้จากปากเฉียวซื่อ ว่าเฝิงซานกวงได้เปิดกิจการเหมืองแร่แห่งหนึ่งทุกวันจะมีคนงานไปด้านหลังภูเขาที่อยู่ห่างไกล ขุดเอาแร่เหล็กและหยกออกมา เพื่อนำกลับมาถลุงเป็นเครื่องหยกและของใช้ที่ทำจากเหล็กนางเห็นเฉียวซื่อคล้ายมีอาการท้อใจ จึงกล่าวยิ้มแย้ม “พี่เฉียว ท่านพาข้าไปดูที่เหมืองของเฝิงซานกวงก่อน ข้ามีสิ่งของบางอย่างต้องการจะซื้อ”
เจี่ยนอันอันหยิบมากวาดตาดูก็มองความผิดปกติบนนั้นออกได้ในทันที“เงื่อนไขในนี้เข้มงวดเกินไปแล้ว ถ้าฝ่ายไหนยุติสัญญาจะต้องชดเชยให้อีกฝ่ายเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึง”“เจ้าหมอนี่ช่างกล้าเขียน สัญญานี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเงื่อนไขแบบมัดมือชกกันชัดๆ”“ข้าว่าท่านไม่ร่วมงานกับเขาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้เฉียวซื่อใจหายวูบนางรู้จักตัวหนังสือแค่ไม่กี่ตัว นอกจากเขียนชื่อตัวเองเป็นแล้ว เงื่อนไขในนั้นนางอ่านไม่เข้าใจเลยสักนิดเฝินซานกวงเป็นคนอ่านให้นางฟัง นางรู้สึกว่าเงื่อนไขสมเหตุสมผลมากจึงลงนามในสัญญากับอีกฝ่ายแต่คิดไม่ถึงเลยว่า เฝิงซานกวงจะกล้าเล่นเล่ห์กับนางแบบนี้เดิมนั้นนางอยากยกเลิกสัญญากับอีกฝ่าย แต่กลับได้ยินเฝิงซานกวงพูดว่า ถ้านางกล้าเป็นฝ่ายยกเลิกสัญญาก็จะต้องชดเชยเงินให้เฝิงซานกวงเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึงตอนนั้นเฉียวซื่อตกใจยิ่งนักนางเคยไปถามเถ้าแก่ร้านข้างเคียง ฝ่ายตรงข้ามก็บอกว่าเงื่อนไขนี้เขียนไว้อย่างชัดเจน ต้องจ่ายเงินชดเชยให้อีกฝ่ายหนึ่งแสนตำลึงจริงๆเงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้ นางจะไปหาเงินมากมายขนาดนี้มาจากที่ไหนถึงตอนนี้เฉียวซื่อจึงตระหนักว่
ตอนนี้เขาทำได้เพียงอดทนอดกลั้นต่อความเจ็บปวด ยอมรับการทุบตีจากเฉียวอี้บริเวณรอบๆ มีคนล้อมเข้ามามุงดูจำนวนมาก พวกเขาต่างชี้ไม้ชี้มือมาทางชายผู้นั้น“คนคนนี้แค่เห็นก็รู้แล้วว่าต้องไม่ใช่คนดีแน่ ดูหน้าตาทรงโจรของเขาสิ แปดส่วนคงเป็นเพราะไปหาเรื่องคนอื่นก่อน ถึงได้ถูกเด็กคนนั้นซ้อมเอาแบบนี้”“เมื่อครู่ข้าได้ยินแล้ว เขาไปลงไม้ลงมือกับแม่ของเด็กคนนั้น ข้าว่าตีเขายังน้อยไป ควรแจ้งความมากกว่า”คนมุงบริเวณรอบๆ ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นานาเฉียวอี้ควงหมัดทักทายใบหน้าของชายผู้นั้นหนักกว่าเดิมในไม่ช้า เฉียวอี้ก็ตีจนรู้สึกเจ็บกำปั้น แต่เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจนกระทั่งอัดศีรษะชายผู้นั้นจนบวมเป่งเหมือนหมู เฉียวอี้ถึงได้หยุดมือพร้อมหอบหายใจแม้ว่ากำปั้นของเฉียวอี้จะไม่ใหญ่ แต่ครั้นทุบตีคนก็ร้ายกาจยิ่งนักเห็นใบหน้าชายผู้นั้นเขียวช้ำไปหมด เฉียวอี้ก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากเจี่ยนอันอันกล่าวกับชายผู้นั้นว่า “หากวันหน้าเจ้ายังกล้ามาคุกคามแม่ลูกตระกูลเฉียวอีก ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าสบายแบบนี้แน่ ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”ชายผู้นั้นไม่กล้าพูดมาก ลุกขึ้นมากุมศีรษะแล้วเผ่นหนีไปคนมุงบริเวณรอบๆ เ
เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากัน“พวกเจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้” ฉู่จวินสิงว่าแล้วก็ก้าวยาวๆ ตรงไปทางตรอกน้อยชายผู้นั้นเห็นว่าฉู่จวินสิงตรงมาทางเขาก็หันหลังเตรียมวิ่งหนีแต่เขาวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกถีบเข้าที่เอวเสียแล้วชายผู้นั้นถูกถีบกระเด็นไปไกล คว่ำหน้าอยู่บนพื้นร้องโอดโอยออกมาอย่างทนไม่ไหวฉู่จวินสิงย่างสามขุมตรงเข้าไปหาแล้วหิ้วคอเสื้อของชายผู้นั้นขึ้นมาอย่างไม่ปรานีปราศรัย“ไปกับข้า!”ฉู่จวินสิงกล่าวพลางผลักชายผู้นั้นตรงออกไปนอกตรอกชายผู้นั้นได้ลิ้มรสความร้ายกาจของฉู่จวินสิงแล้วย่อมไม่กล้าวิ่งหนีส่งเดชเขาไม่อยากถูกถีบอีกหรอกนะ จนถึงตอนนี้เอวยังระบมอยู่เลยฉู่จวินสิงผลักชายผู้นั้นมาถึงตรงหน้าเจี่ยนอันอันกับเฉียวอี้แล้วกล่าวเสียงเข้ม “บอกมา ระหว่างเจ้ากับเด็กคนนี้เป็นเรื่องอะไรกันแน่?”ชายผู้นั้นมองเฉียวอี้ แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นแค้น“คุณชายท่านนี้ ข้าไม่รู้จักเขาเสียหน่อย เขาวิ่งออกมาถนนใหญ่เอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าเลยนะ”ขณะที่ชายผู้นั้นพูดก็ถลึงตาใส่เฉียวอี้อย่างดุร้ายเฉียวอี้เห็นฝ่ายตรงข้ามไม่ยอมรับ เขาเงยหน้าขึ้นมาด้วยความโมโห แล้วตวาดใส่ชายผู้นั้นว่า“ท่านโก
เจี่ยนอันอันเห็นว่าฉู่จวินสิงก่อสร้างเป็น นางก็วางใจไปได้มากนางยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ใช่กระโจม แต่เป็นโรงเรือนสำหรับเพาะปลูกแบบหนึ่ง”นางมีความคิดคร่าวๆ ในใจแล้วจึงรีบกลับบ้านไปกับฉู่จวินสิงนางหยิบกระดาษและปากกาออกมาจากในมิติ แล้ววาดภาพร่างบนโต๊ะฉู่จวินสิงนั่งอยู่ข้างๆ ตั้งใจดูภาพร่างโรงเรือนที่เจี่ยนอันอันวาดที่นี่ไม่มีเหล็กเส้น เจี่ยนอันอันยังไม่อยากใช้เงินจำนวนมากไปซื้อจากในร้านค้านางต้องการสร้างโรงเรือนสำหรับคนในหมู่บ้านทุกคน เหล็กเส้นที่ต้องใช้จึงมีไม่น้อยหากใช้เงินไปซื้อมา นั่นไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ เลยนางไม่อยากใช้เงินพวกนั้นในมิติมากเกินไป นางยังรอที่จะสนับสนุนฉู่จวินสิงขึ้นนั่งบัลลังก์ฮ่องเต้หลังจากการทำสงครามกลับเมืองจิงโจวในวันหน้าเมื่อถึงตอนนั้น เงินทองของล้ำค่าเหล่านั้นในมิติก็จะได้นำไปใช้แล้วฮ่องเต้จนกรอบคนหนึ่งที่ไม่สามารถจ่ายเบี้ยหวัดให้เหล่าขุนนางได้ ทั้งยังไม่สามารถทำให้ชาวบ้านอยู่ดีมีสุข กับฮ่องเต้ที่มั่งคั่งร่ำรวยคนหนึ่ง เงินในมือสามารถซื้อเมืองทั้งเมืองได้ชาวบ้านกับเหล่าขุนนางจะเอนเอียงไปทางคนไหนมากกว่า นั่นไม่ต้องพูดก็สามารถรู้ได้แล้วในไม่ช้า เจี่ยน
เมื่อมีชาวบ้านผ่านมาที่นี่แล้วเห็นลูกปลาในสระน้ำเข้าเขาก็ส่งเสียงด้วยความประหลาดใจทันทีว่า “แม่นางเจี่ยน เจ้าเป็นคนนำลูกปลาพวกนี้มาปล่อยไว้ในนี้หรือ?”เจี่ยนอันอันพยักหน้าพร้อมยิ้มบาง ชาวบ้านผู้นั้นเรียกคนอื่นๆ มาด้วยความดีใจทุกคนล้วนรู้สึกซาบซึ้งในความเอาใจใส่ของเจี่ยนอันอัน แบบนี้ต่อไปพวกเขาก็จะสามารถกินเนื้อปลาสดใหม่ได้แล้วชาวบ้านจำนวนมากล้วนรู้สึกยินดีเพราะเรื่องนี้ แต่มีชาวบ้านคนหนึ่งที่นิ่วหน้าคิ้วขมวดเขาอดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “สระน้ำนี่ก็ดีอยู่หรอก แต่อากาศค่อยๆ เย็นลงแล้ว กลัวจริงๆ ว่าเมื่อถึงฤดูหนาว สระน้ำนี่ก็จะจับตัวเป็นน้ำแข็ง”“พอถึงยามนั้น อย่าว่าแต่พวกเราจะไม่ได้กินเนื้อปลา เกรงว่าแม้แต่พืชผักก็คงปลูกไม่ได้เหมือนกัน”วาจาประโยคเดียวของชาวบ้านทำให้คนอื่นๆ กลัดกลุ้มตามไปด้วยหลายวันมานี้อากาศค่อยๆ เย็นลง พวกเขาล้วนแต่เพิ่งปลูกผักทั้งยังได้รับเงินสามสิบตำลึงมาแล้วหากถึงฤดูหนาวจริงๆ พวกเขาก็ไม่สามารถปลูกผักพวกนี้ได้อีกแล้วเมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาก็จะได้กลับไปมีชีวิตที่ยากลำบากเหมือนที่ผ่านมาอีกครั้งพวกเขาเกี่ยวข้าวไว้มากแล้ว แต่ผักพวกนี้ควรทำอย่างไรดีเล่า?หาก
เซียงเสวี่ยเห็นลูกเป็ดและลูกไก่ตัวน้อยที่อยู่ในกรง นางดีใจจนรีบมารับไป“ฮูหยินน้อยรอง อีกหน่อยเมื่อเลี้ยงเป็ดและไก่เหล่านี้จนโต พวกเราก็จะมีเนื้อเป็ดเนื้อไก่กินแล้ว”เจี่ยนอันอันยิ้มเล็กน้อย พลางมองไปยังเสิ่นจือเจิ้ง“พี่ใหญ่ เป็ดไก่เหล่านี้เพียงพอให้พวกท่านกินหลายวันสินะ”เสิ่นจือเจิ้งยิ้มตอบ “เด็กโง่ พี่ใหญ่กลับไม่คิดเช่นนั้น”เจี่ยนอันอันเลิกคิ้วเล็กน้อย “ความหมายของท่านคือ?”เสิ่นจือเจิ้งบอกเล่าความคิดของตนให้ฟังเขาตั้งใจว่าจะเลี้ยงเป็ดไก่เหล่านี้ให้โต พร้อมทำการเพาะพันธุ์ต่อจากนั้นก็ทยอยนำเป็ดไก่ไปขาย เชื่อว่าน่าจะได้เงินเป็นจำนวนมากเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เขาก็ไม่ต้องอยู่อย่างยากจนข้นแค้นดั่งเช่นทุกวันนี้อีกเจี่ยนอันอันเห็นว่าวิธีนี้พอใช้ได้ ปกติพี่ใหญ่มองการณ์ไกลมากกว่านางอยู่แล้ว“ถ้าเช่นนั้นก็แล้วแต่ท่าน”เจี่ยนอันอันกล่าวจบ จึงคิดจากไปนางยังคิดจะไปดูแอ่งน้ำเสียหน่อย เผื่อจะปล่อยพันธุ์ปลาลงไปในน้ำบ้างเผื่อวันหน้าปลาโตขึ้น ชาวหมู่บ้านชิงสุ่ยก็จะมีเนื้อปลากินอีกขณะที่เจี่ยนอันอันเตรียมตัวจะออกไป กลับถูกเสิ่นจือเจิ้งเรียกตัวไว้“เมื่อคืนที่บ้านเจ้าได้เกิดเรื่อ