แม่นมหลี่ที่เคยถูกเจี่ยนอันอันจัดการจนกลัว ครานี้พอเห็นเจี่ยนอันอันยืนอยู่หน้าประตูรั้ว ยิ่งเหมือนหนูที่เจอแมวเข้า“คุณชายรอง ฮูหยินรอง พวกท่านมาที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ?”ชิวเหลียนยิ้มกว้างอย่างยินดี เดินเร็วๆ มาที่หน้าประตูรั้วและเชิญทั้งสองคนเข้ามาเมื่อเสียงพูดคุยดังขึ้นในลานบ้าน เตียวเฉียงและกวนซิน รวมถึงคนอื่นๆ ก็พากันเดินออกมาจากตัวเรือนเจี่ยนอันอันเห็นว่าทุกคนมาพร้อมหน้า ก็นับว่าเป็นโอกาสดีที่จะแจ้งเรื่องให้ทุกคนรู้เจี่ยนอันอันหันไปมองเตียวเฉียงและคนรับใช้คนอื่นๆ ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อีกประดี๋ยว ข้าจะพาคนมาพักอยู่ที่นี่สี่คน”“พวกเจ้าจัดการเก็บกวาดเรือนให้เรียบร้อย แล้วแบ่งห้องออกมาสองห้อง”เมื่อสือเจี้ยได้ยิน เขาก็ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วพูดว่า “แม่นาง คนที่จะมาพักค้างคืนที่นี่เป็นใครกันแน่?”“พวกเราคงยากที่จะเบียดเสียดอยู่ในห้องเดียวกันได้”สือเจี้ยพูดพลางเหลือบมองไปที่เตียวเฉียงก่อนหน้านี้เตียวเฉียงมีห้องเป็นของตัวเอง ส่วนสือเจี้ยและคนรับใช้คนอื่นๆ อยู่รวมกันในห้องอีกห้องแม่นมหลี่อยู่คนเดียวในอีกห้อง กวนซินกับฉู่ตั๋วตั่วรวมถึงชิวเหลียนที่มาใหม่อยู่ด้ว
เจี่ยนอันอันหัวเราะเย็นชา มองเตียวเฉียงและแม่นมหลี่ราวกับกำลังมองตัวตลกสองตัวบ้านหลังนี้นางได้จ่ายเงินซื้อเอาไว้แล้วตั้งแต่แรกจริงๆตอนนั้นที่ย้ายบ้าน นางได้ทำอย่างรอบคอบเป็นพิเศษโดยทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรกับท่านปู่เฉินที่เป็นผู้ใหญ่บ้านแล้ว และจ่ายเงินจำนวนมากพอที่จะซื้อบ้านหลังนี้เงินก้อนนั้น ยังถูกท่านปู่เฉินแบ่งให้ชาวบ้านคนอื่นๆ ด้วยเมื่อเป็นเช่นนี้ บ้านหลังนี้จึงกลายเป็นทรัพย์สินในชื่อของเจี่ยนอันอันโดยสมบูรณ์เจี่ยนอันอันตั้งใจจะพูดคุยตกลงกับพวกเขาดีๆ เพื่อให้ครอบครัวเสิ่นจือเจิ้งมาพักค้างคืนที่นี่สักคืนแล้วพอถึงพรุ่งนี้ นางก็ค่อยหาทางสร้างบ้านใหม่ให้พวกเขาแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่จำเป็นต้องพูดจาดีๆ กับพวกเขาอีกแล้วในเมื่อเตียวเฉียงและแม่นมหลี่ไม่รู้ดีชั่วเช่นนี้ งั้นก็ให้พวกเขาไสหัวออกไปนอนกลางแจ้งจะดีกว่าเจี่ยนอันอันพูดเสียงดังว่า “ลืมตาสุนัขของเจ้าดูให้ดีๆ นี่คือสัญญาซื้อขายบ้าน!”นางพูดพลางหยิบสัญญาซื้อขายบ้านออกมาจากมิติส่วนตัวกวนซินรีบก้าวเข้าไปในบ้าน หยิบเทียนออกมาเพื่อช่วยให้เห็นชัดขึ้นทุกคนกรูกันเข้ามามุงดูสัญญาในมือของเจี่ยนอันอันเป็นตาเดียวบน
เตียวเฉียงเห็นว่าเจี่ยนอันอันตัดสินใจแน่วแน่ที่จะไล่พวกเขาออกไปเขาจึงมองแม่นมหลี่ด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเหวี่ยงไม้ในมือกระแทกลงพื้นอย่างแรง แล้วเดินออกจากลานบ้านไปแม่นมหลี่ยังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับสบเข้ากับสายตาเย็นเยียบของฉู่จวินสิงนางก็รีบหดคอด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะบ่นพึมพำ “เรื่องนี้จะมาโทษข้าทั้งหมดไม่ได้ มันเป็นความผิดของเตียวเฉียงไอ้สุนัขตัวดีนั่นต่างหาก”เจี่ยนอันอันเห็นแม่นมหลี่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ยอมไป นางจึงส่งสายตาเป็นสัญญาณให้ชิวเหลียนชิวเหลียนเข้าใจทันที นางหยิบไม้ที่เตียวเฉียงโยนทิ้งไว้ขึ้นมา ก่อนจะฟาดไปที่ก้นของแม่นมหลี่อย่างแรง“โอ๊ย เจ็บจะตายอยู่แล้ว!” แม่นมหลี่ไหนเลยจะรับแรงกระแทกจากไม้นั้นไหว นางร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทันทีชิวเหลียนที่ถือไม้ในมือ จ้องแม่นมหลี่เขม็งพร้อมตะคอกเสียงเกรี้ยว“ยายคางคกเฒ่า ถ้าเจ้ายังไม่รีบออกไป อย่ามาโทษข้าที่ไม่เกรงใจ!”แม่นมหลี่ที่เจ็บจนต้องแยกเขี้ยวยิงฟัน ไม่กล้าอยู่ต่อเพราะกลัวว่าชิวเหลียนจะฟาดนางอีกนางเอามือกุมสะโพกที่ถูกตีไว้ แล้วเดินกะโผลกกะเผลกออกไปไม่นานนัก เสียงด่าทอกันของแม่นมหลี่และเตียวเฉียงก็ดังมาจ
ในตอนที่นางมองเห็นคนที่มานั้นเป็นเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงแล้ว ทันใดนั้นในใจก็เคร่งขรึมขึ้นมาพวกเขามาทำไมกันอีก มาเพื่อดูเรื่องขบขันของนางอย่างนั้นหรือ?เจี่ยนอันอันไม่ได้สนใจเฉียนซื่อ แต่พูดกับเสิ่นจืออวี้ “ที่พักข้าหาให้พวกท่านได้แล้ว”“ท่านกับพี่สาวท่านนี้ช่วยกันอุ้มแม่ทัพเสิ่นลงมา แล้วตามพวกเรามาเถิด”เสิ่นจืออวี้เมื่อได้ยินว่ามีที่พักแล้ว ในใจก็ยินดีขึ้นมาเจียงหว่านเอ๋อร์เองก็ไม่คิดเลยว่า เจี่ยนอันอันจะหาที่พักให้พวกเขาจริงๆนางกับเสิ่นจืออวี้ พยายามกันช่วยอุ้มเสิ่นจือเจิ้งลงมาเพียงแต่อุ้มลงมาจากรถม้า ก็เหนื่อยเสียจนเจียงหว่านเอ๋อร์หายใจจนเร่งรีบเสิ่นจืออวี้เมื่อเห็นเข้า ก็รีบพูดขึ้น “พี่สะใภ้ใหญ่ไปดูแลคังเอ๋อร์ให้ดีเถิด พี่ชายข้าปล่อยให้ข้าแบกเองเถอะ”เสิ่นจืออวี้พูดออกมา พลางแบกเสิ่นจือเจิ้งขึ้นมาเฉียนซื่อเมื่อได้ยินว่ามีที่พัก ก็ลุกขึ้นยืนตามไปด้วยขณะที่นางกำลังจะเดินตามทุกคนไป ก็เห็นเจี่ยนอันอันหยุดฝีเท้าลงนางจ้องมองไปยังเฉียนซื่อ แล้วพูดออกมาอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก “ยายมารเฒ่าตามมาทำไมกัน ข้าไม่ได้พูดเสียหน่อยว่าจะหาที่พักให้เจ้า”เฉียนซื่อได้ยิน ทันใดนั้นก็โม
เจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าเฉียนซื่อให้ความสำคัญกับไม้เท้าเช่นนี้ ในใจก็เข้าใจขึ้นมาทันทีดูเหมือนว่าไม้เท้านี้ สำหรับเฉียนซื่อแล้วจะเป็นของสำคัญไม่แน่ว่า คุณไสยที่เฉียนซื่อใช้ทั้งหมดนั้น ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับไม้เท้านี้เมื่อคิดมาจนถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันก็มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น“ข้าจะนับถึงสาม หากว่าเจ้าไม่แก้คุณไสยที่ทำใส่เสิ่นจืออวี้ ข้าจะเผามันเสีย!”เจี่ยนอันอันพูดขึ้น ก็เริ่มนับทันทีเฉียนซื่อเมื่อเห็นเข้า ก็รีบท่องคาถาขึ้นเสิ่นจืออวี้ที่กำลังคลุ้มคลั่งในตอนนี้ ทันใดนั้นทั่วทั้งกายก็สั่นเทาขึ้นมาไม่นานนักเขาก็ได้สติขึ้นมาในตอนที่เขามองเห็น ว่าหมัดของตัวเองกำลังเหวี่ยงไปทางด้านของฉู่จวินสิงนั้น ก็ตกใจเสียจนเขาต้องรีบเก็บมือกลับมา“เมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมข้าถึงได้ต่อยออกไปทางท่าน?”เสิ่นจืออวี้รีบก้าวถอยหลังไปอย่างตื่นตระหนก แล้วรีบโค้งกายลงคำนับขอโทษฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงไม่ได้พูดอะไรออกมา เขารู้ว่าเสิ่นจืออวี้ถูกผู้อื่นควบคุมเอาไว้ แน่นอนว่าย่อมไม่ใส่ใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ในตอนที่เสิ่นจืออวี้มองเห็นเสิ่นจือเจิ้งล้มลงบนพื้นนั้น ไม่นานก็เข้าใจขึ้นมาทั
ฉู่จวินสิงเมื่อเห็นว่านางเริ่มหาวออกมา ก็พูดเสียงเบาขึ้น “ไปเถอะ พวกเรากลับไปพักผ่อนกัน”เจี่ยนอันอันพยักหน้า ขณะที่กำลังจะเดินออกไปด้านนอก ก็เห็นว่าฉู่จวินสิงย่อกายลงเบื้องหน้าของนาง“ข้าจะแบกเจ้ากลับไป”ฉู่จวินสิงพูดขึ้น แล้วหันหน้ามองกลับไปยังเจี่ยนอันอันดวงตาของเขาสว่างสดใส ราวกับดวงดาวในกาแล็กซี่ ทำให้หัวใจของเจี่ยนอันอันอดที่จะเต้นแรงไม่ได้เจี่ยนอันอันปวดใจกับอาการบาดเจ็บที่แขนของฉู่จวินสิง จึงไม่อยากให้เขาแบกนางนอกจากนี้นางเพียงเพราะว่าง่วงงุน ไม่ได้พิการแต่อย่างใด จึงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ในขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังจะปฏิเสธ ก็ถูกฉู่จวินสิงจับขาเล็กๆ เอาไว้เจี่ยนอันอันเสียการทรงตัว ล้มแนบลงบนหลังของฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงแบกเจี่ยนอันอันขึ้นมาไปตามสถานการณ์เจี่ยนอันอันเหลือบมองไปยังคนในลานเรือน นอกจากใบหน้าของชิวเหลียนที่เผยรอยยิ้มออกมา คนอื่นๆ ต่างก็พากันตื่นตะลึงขึ้นมาโดยเฉพาะเสิ่นจืออวี้ ที่ตื่นตกใจเสียจนอ้าปากค้างจนคางแทบจะถึงพื้นที่เขารู้ก็คือ เยียนอ๋องจะย่อกายลงไปแบกผู้อื่นเช่นนี้ได้อย่างไรกันแต่ที่เขาไม่รู้ก็คือ ฉู่จวินสิงไม่เพียงแต่อยากจะแบกเจี่ยนอันอันก
ในตอนกลางคืนพวกเขาไม่มีที่ให้อาศัย ก็คิดว่าคนผู้นั้นจะสามารถมารับพวกเขาได้ แล้วจัดการที่พักอาศัยให้กับพวกเขาไม่นานนัก ร่างเงาสีดำร่างหนึ่งก็ปรากฏกายมายังเบื้องหน้าของทั้งสองคนในตอนที่แม่นมหลี่มองเห็นอีกฝ่ายนั้น ก็รีบลุกขึ้นมา“คารวะผู้บัญชาการหนิง!” ในตอนที่ทั้งสองคนมองเห็นอีกฝ่ายนั้น ก็รีบทำความเคารพทันทีหนิงเจิ้นก็อดที่จะยกมือขึ้นมาตบหน้าทั้งสองคนโดยที่ไม่อธิบายออกมาทันใดนั้นใบหน้าของแม่นมหลี่เจ็บปวดแสบร้อนขึ้นมาเตียวเฉียงถูกตบรุนแรงจนไม่อาจยืนได้อย่างมั่นคง จนกระทั่งล้มลงบนพื้นไป“พวกสุนัขรับใช้ไร้ประโยชน์ทั้งสองคน ฝ่าบาทส่งพวกเจ้ามาคอยจับตาดูกวนซิน พวกเจ้ากลับถูกไล่ออกมา”“ข้าจะนำเรื่องนี้กลับไปรายงานฝ่าบาท พวกเจ้าสองคนก็รอดูศีรษะคนตกลงพื้นเถอะ”ทั้งสองคนถูกด่าว่าสุนัขรับใช้ แล้วยังถูกตบหน้าไปอีกในใจของแม่นมหลี่ไม่ยินยอมยิ่งนัก แต่กลับไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่ครึ่งคำนางเป็นแม่นมข้างกายฮ่องเต้ รับใช้ฝ่าบาทมาหลายปี จะเคยถูกตบหน้าเมื่อใดกันมาตอนนี้ดีแล้ว ไม่เพียงแต่ถูกสาวใช้ชั้นต่ำอย่างชิวเหลียนตบหน้าแล้ว แม้แต่ผู้บัญชาการหนิงเองก็ยังกล้าตบหน้านางแม่นมหลี่กัดฟันแ
ในห้องนี้เย็นมาก ทันใดนั้นแม่นมหลี่ก็รู้สึกหนาวสั่นเป็นอย่างมากเมื่อเห็นว่าตนเองในที่สุดก็มีที่ให้อยู่อาศัยแล้ว น่องของแม่นมหลี่ก็รู้สึกไม่เจ็บขึ้นมาแล้วหนิงเจิ้นชี้ไปยังพื้นที่ว่างเปล่า “พวกเจ้าสองคนไปนอนกันตรงนั้น”แม่นมหลี่และเตียวเฉียงพากันเหลือบมองไปยังพื้นที่ว่างนั้น ที่นั่นเป็นเพียงแค่ทางเดินเล็กๆ เท่านั้นหากว่าให้พวกเขาทั้งสองคนนั้นไปนอนกันตรงนั้น คิดว่าจะต้องแออัดกับอีกฝ่ายเป็นแน่เมื่อคิดว่าจะต้องนอนอยู่ใกล้กันกับแม่นมหลี่ เตียวเฉียงก็รู้สึกขยะแขยงขึ้นมาแต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา เพราะอย่างไรแล้วมีที่ให้นอน ก็ดีกว่าต้องเร่ร่อนอยู่ด้านนอกมากเตียวเฉียงไม่ได้พูดอะไรมากนัก เพียงแต่ทรุดตัวลงกับพื้นทว่าแม่นมหลี่ไม่คิดอยากจะนอนร่วมกันกับเตียวเฉียงนางมองไปยังหนิงเจิ้น แล้วพูดพึมพำออกมา “ท่านผู้บัญชาการหนิง นี่ ตรงนี้จะไปมีคนนอนได้อย่างไรกัน”นางเคยนอนบนพื้นเมื่อใดกัน แล้วยังนอนด้วยกันกับเตียวเฉียงอีกแม่นมหลี่เหลือบมองไปยังเตียวเฉียงด้วยความรังเกียจ นางยอมนอนด้านนอก แต่ไม่คิดอยากจะนอนด้วยกันกับเตียวเฉียงหนิงเจิ้นเหลือบมองไปทางด้านแม่นมหลี่ “ทำไมกัน เจ้ารังเกียจว่
หลังจากทั้งคู่กินข้าวเสร็จ กลับไม่ได้พักผ่อนอยู่ในโรงเตี๊ยมหลังจากออกไปข้างนอก ก็มาอยู่ในมุมๆ หนึ่งซึ่งปลอดคนในใจรีบท่องชื่อว่านผิงพร้อมกัน และไม่นานก็หายตัวไปจากซอกมุมนั้นเมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง จึงเห็นว่านผิงกับพวกกำลังเที่ยวจับคนอยู่ทุกครั้งที่จับชายคนหนึ่งได้ ก็จะหยิบภาพเขียนออกมาเปรียบเทียบดูใบหน้าทำเอาผู้คนบนท้องถนนต่างตกใจเป็นการใหญ่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันยังอยู่ในสภาพอำพรางกายอยู่ ว่านผิงกับพวกจึงไม่รู้ว่ามีคนมาคอยติดตามและพวกเขาก็ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น กลับเดินตามพวกว่านผิงไปเรื่อยๆโดยตั้งใจว่าจะหาโอกาสเหมาะ ค่อยลงมือเสียทีเดียวเพราะถ้าอยู่ท้องถนนแล้วลงมือฆ่าคน อาจทำให้ชาวบ้านตื่นตระหนกเป็นอย่างมากพวกเขาจับคนมาหลายคน แต่ล้วนไม่ใช่คนในภาพเขียนทำเอาว่านผิงโกรธจนกำหมัดแน่น มองหน้าลูกน้องพร้อมกล่าวเสียงดุ “พวกมันยังอยู่ในเมืองหลี่จง รีบไปค้นหาให้ทั่ว อย่าได้ปล่อยผ่านแม้แต่คนเดียว!”“ขอรับ ท่านหัวหน้า”ลูกน้องรับคำโดยพร้อมเพรียง และตามหาต่อไปเมื่อพวกเขามาถึงที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง พลันเห็นข้างหน้ามีบ้านเล็กหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ดูจากประตูที่เก่าโทร
ว่านผิงส่งสายตาให้เหล่าลูกน้อง ทุกคนรีบวิ่งขึ้นชั้นบนไปต่างถือเอาภาพเหมือนออกมา พร้อมเปรียบเทียบบนใบหน้าแขกทีละคน เมื่อเห็นว่าล้วนไม่ใช่คนที่ตนต้องการจะหา อีกทั้งมองดูในห้อง จนแน่ใจว่าไม่มีใครหลบซ่อนอยู่ จึงลงไปยังชั้นล่าง“หัวหน้า ชั้นบนไม่มีคนที่เราจะหา”ว่านผิงเหลียวมองคนที่นั่งกินอาหารอยู่ในโรงเตี๊ยม มองดูแต่ละคนแล้วสำรวจขึ้นลง สุดท้ายไปจับจ้องอยู่ที่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันเขาเห็นคนทั้งคู่ต่างก้มหน้ากินข้าว แทบไม่เงยหน้าขึ้นมองผู้ใดเสียด้วยซ้ำจึงผละจากเถ้าแก่ เดินจ้ำอ้าวไปทางฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน“เงยหน้าขึ้นมา” ว่านผิงกล่าวเสียงตะคอก กระบี่ในมือชี้ที่ลำคอฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงแทบไม่นำพาต่อกระบี่ที่พาดคอ พลางวางตะเกียบลง หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมุมปาก “ว่าอย่างไร เจ้าคิดลงมือกับข้าด้วยรึ?”ฉู่จวินสิงเลียนแบบน้ำเสียงของอิ่นเจียง พลางเหลือบตาขึ้นมองว่านผิงทันทีที่ว่านผิงเห็นหน้าฉู่จวินสิงชัดเจน จึงตกใจจนตัวสั่น พลางรีบเก็บกระบี่ขึ้น“ข้าน้อยไม่รู้ว่าใต้เท้ามาอยู่นี่ เมื่อครู่ล่วงเกินไป ขอท่านโปรดอภัยด้วย”ว่านผิงยืนอยู่ด้านข้างฉู่จวินสิง ในใจรู้สึกขนลุกขนชัน
ฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันในที่สุดก็ลืมตาขึ้น จึงได้กล่าวกับนาง “เมื่อครู่ข้าเรียกเจ้าอยู่หลายที เจ้าก็ไม่ขานตอบ ข้ายังนึกว่าเกิดอะไรขึ้นเสียอีก”เจี่ยนอันอันเพิ่งจะนึกได้ เมื่อครู่นางกำลังเพ่งมองภาพในมิติอยู่ ข้างโสตได้ยินเสียงคนเรียกชื่อนางจริงๆเพียงแต่ความสนใจของนาง ล้วนไปอยู่ในภาพนั้นหมดสิ้น จึงไม่ได้ใส่ใจการเรียกหาของฉู่จวินสิงนางจึงยอมให้ฉู่จวินสิงมานั่งด้านข้าง พร้อมนำภาพที่เห็น บอกเล่าให้เขาฟัง“จากที่เจ้าเล่ามา ชายสองคนที่เห็นนั้น อาจเป็นลูกน้องข้าก็ได้”เจี่ยนอันอันก็นึกถึงข้อนี้เช่นกัน หากชายสองคนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาจริง เบื้องหน้านางคงไม่ปรากฏภาพเช่นนั้นออกมา“เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็รออยู่ในโรงเตี๊ยมนี้แหละ เพราะที่ๆ สองคนนั้นจะมาพักก็คือโรงเตี๊ยมแห่งนี้”ฉู่จวินสิงได้ยินดังนี้ พลันเกิดความคิดในใจขอเพียงชายสองคนนั้นปรากฏตัวขึ้น เขาก็จะได้สมทบกับพวกเขาทันทีเพียงแต่ไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งห้าคนหลบหนีพร้อมกัน เหตุใดจึงได้พลัดหลงกันเช่นนี้?หรือว่าลูกน้องอีกสามคนได้ถูกคนของฉู่ชางเหยียนจับกลับไปเสียแล้ว?เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงขมวดคิ้วมุ่น นางจึงเอ่ยปาก “อย่าเพ
ฉู่จวินสิงกล่าวเสียงก้อง “เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะให้เวลาท่านสามวันในการสืบเรื่องนี้”“ถ้าไม่ได้ตัวผู้ก่อเหตุมา ข้าจะทำตามรับสั่งของฝ่าบาท สั่งประหารพวกท่านทั้งครอบครัว”คำพูดของฉู่จวินสิง ทำให้เจ้าเมืองข่งสะดุ้งอย่างแรงจนแม้แต่สะใภ้รองที่คุกเข่าอยู่ด้านข้าง ก็พลอยหวาดกลัวจนตัวสั่นไปด้วยนางแอบเหลียวมองเจ้าเมืองข่ง เห็นอีกฝ่ายก้มหน้าก้มตา ไม่รู้ว่าจะตามหาคนผู้นั้นได้พบหรือไม่หลังจากฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันจากไปแล้ว เจ้าเมืองข่งค่อยทรุดตัวลงกับพื้นเขาหายใจหอบแรง หวังจะช่วยระงับความหวาดหวั่นในใจบ้างสะใภ้รองได้ยินว่าโทษถึงขั้นประหารชีวิต ทำให้นางร้อนใจจนเดือดพล่านยิ่งกว่ามดที่อยู่บนฝาหม้อร้อน น้ำตาก็ยิ่งไหลรินไม่หยุด“ท่านพ่อ ข้ายังไม่อยากตาย โรคของซีเอ๋อร์ยังไม่ทันรักษาให้หายขาด เขาจะถูกประหารเช่นนี้ไม่ได้ ท่านต้องรีบจับกุมผู้แอบอ้างชื่อผู้นั้นให้ได้นะเจ้าคะ!”เจ้าเมืองข่งมีแผนการในใจอยู่แล้ว จึงถลึงตาใส่สะใภ้รอง พลางกล่าว “เลิกร้องไห้เสียที รีบไปดูซีเอ๋อร์ก่อนว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”สะใภ้รองรีบซับน้ำตาที่นองหน้าอยู่ พลางลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างเตียงมองดูซีเอ๋อร์ขณะนั้นมีสาวใ
เสียงของเจี่ยนอันอันดังขึ้นจากด้านหลัง “บอกให้พวกเขาถอยออกไป หาไม่ข้าจะให้พวกท่านตายทั้งบ้าน!”เจ้าเมืองข่งรู้ดีว่าสองคนนี้วรยุทธ์ไม่เบา จึงไม่กล้าทำการบุ่มบ่าม ได้แต่รีบโบกมือให้เหล่าทหารจนแม้แต่สะใภ้รองที่อยู่บนเตียง ก็ตกใจกับคำพูดเจี่ยนอันอันเสียจนต้องรีบหยุดร้องไห้โดยพลันรอให้ทหารออกไปหมดแล้ว เจ้าเมืองข่งจึงได้ถามเสียงสั่น “พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”“ที่เรามานี่ ย่อมได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ ให้สืบเรื่องราวการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อน”เจ้าเมืองข่งได้ยินคำพูดของฉู่จวินสิง พลันขมวดคิ้วมุ่น สองตาจ้องเขม็งไปที่เขาเพียงไม่นานเจ้าเมืองข่งก็สังเกตจากบุคลิกและการแต่งกายของฉู่จวินสิง ดูออกว่าอีกฝ่ายเป็นชาวจิงโจวจริงๆแต่จะบอกว่ารับพระบัญชามาจากฮ่องเต้ ก็ออกจะฟังไม่ขึ้นไปเสียหน่อย“พวกเจ้ามีสิ่งใดมายืนยันว่ารับพระบัญชามาสืบสวนข้าจริง?”ซ้ำยังเป็นเรื่องเมื่อสามปีที่แล้วฮ่องเต้ทรงมีราชกิจมากมาย จู่ๆ จะทรงนึกได้อย่างไรว่าต้องสืบสวนเรื่องการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อนไม่แน่ว่าสองคนนี้ อาจเป็นผู้ใดส่งมาแก้แค้นเขาก็ได้เพราะเขาเคยรับผลประโยชน์จากผู้อื่นมาไม่น้อย อีกทั้งให้ผู้ที่สอบตก
แม้แต่บุตรชายโง่งมของเขาก็ยังไม่กลับบ้านมาแต่เสียงนี้กลับได้ยินแจ่มชัด จนเขามั่นใจว่าในห้องยังมีผู้อื่นอยู่อีกพลันรีบลุกขึ้นยืน มองไปยังห้องว่างเปล่าแล้วตะคอกเสียงดัง “เป็นผู้ใดกัน รีบออกมาเดี๋ยวนี้!”ถึงขั้นนี้แลว ทั้งเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงจึงไม่คิดหลบซ่อนตัวอีกทั้งคู่จึงปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเจ้าเมืองข่งการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของคนทั้งคู่ ยิ่งทำให้เจ้าเมืองข่งตกใจเสียจนนั่งทับลงบนร่างสะใภ้รองโดยไม่รู้ตัวส่วนทางสะใภ้รองจู่ๆ ถูกคนมานั่งทับ ก็ทำเอานางเจ็บจนร้องโอย พลันรีบลืมตาขึ้นเจ้าเมืองข่งเพิ่งรู้ตัวว่าตนได้นั่งทับร่างสะใภ้รองอยู่ จึงรีบกระโดดผึงขึ้นมาในบัดดลเขาชี้หน้าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง พลางกล่าวตวาด “พวกเจ้าเป็นใครกัน ไฉนมาอยู่ในบ้านข้าได้?”เจี่ยนอันอันยิ้มหยันขณะมองหน้าเจ้าเมืองข่ง นางไม่ได้พูดจา แต่ในมือถือเข็มเงินเล่มหนึ่งอยู่นานแล้วนางดีดนิ้วหนึ่งที เข็มเงินรีบพุ่งไปยังเด็กชายที่นอนอยู่บนเตียงเข็มนั้นไปปักที่ศีรษะของเด็กชาย พลันได้ยินเสียงเด็กร้อง “อึ่ก” แล้วกระอักโลหิตสดออกมาคำหนึ่งเจ้าเมืองข่งรีบหันไปดูด้วยความตกใจ จึงเห็นบนศีรษะของหลานตัวน้อย มี
เจ้าเมืองข่งลุกพรวดขึ้น เขารีบประสานมือให้กับบรรดาพ่อค้า “ขออภัยด้วยทุกท่าน ที่บ้านข้ามีธุระ ต้องรีบไปจัดการ”“ขอให้ทุกท่านกลับไปก่อน รอให้ถึงเวลาสอบจอหงวนในอีกหนึ่งปี ข้าจะช่วยให้ลูกๆ ของพวกเจ้าสอบผ่านโดยราบรื่น”เจ้าเมืองข่งว่าจบก็ให้พ่อบ้านส่งแขกส่วนตัวเขารีบเดินไปทางห้องนอนของหลานชายเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากันก่อนจะตามไปทันทีหลังจากที่ทั้งสองคนเดินตามเจ้าเมืองข่งอยู่นานมาก พวกเขาก็มาถึงหน้าห้องนอนในที่สุดเจ้าเมืองข่งรีบเดินเข้าไป เห็นลูกชายคนรองยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่หน้าเตียงหลานชายวัยหกขวบที่อยู่บนเตียงกำลังกลอกตา ปากพ่นฟองขาวฟอด ร่างกายชักเกร็งส่วนลูกสะใภ้รองของเขากำลังนอนหมดสติอยู่บนพื้นลูกชายคนรองยืนซื่ออยู่หน้าเตียงไม่ต่างจากท่อนไม้ แน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน“ปัดโธ่ เจ้าลูกโง่ เจ้ามาทำอะไรที่นี่”เจ้าเมืองข่งตบเข่าฉาดด้วยความร้อนอกร้อนใจเมื่อเห็นลูกชายคนรองเขาสั่งให้บ่าวรับใช้เขามาลากนายน้อยรองออกไปทันทีในตอนนี้เอง จู่ๆ คุณชายรองก็ปรบมือร้องอย่างมีความสุข“สนุกมาก คนหนึ่งแกล้งชัก ส่วนอีกคนจะแกล้งตาย ข้าเองก็อยากเล่นกับพวกเจ้าด้วย”คุณชายรองว่าจบก็ไปนอนทับ
บัดนี้ลูกของพวกเขาต่างสอบได้ตำแหน่งซิ่วไฉขอเพียงต่อไปมอบสมบัติให้เจ้าเมืองข่งมากขึ้น วันหน้าก็จะสอบได้ตำแหน่งที่ดียิ่งกว่านี้เจี่ยนอันอันมองเห็นว่าเจ้าเมืองข่งมีใบหน้าเหลี่ยม ความละโมบแผ่ออกมาทางดวงตาเรียวเล็กเป็นระยะๆนางลอบถากถางในใจว่า “หน้าตาของเจ้าเมืองผู้นี้สะท้อนให้เห็นถึงตัวจริงๆ”พ่อค้าคนหนึ่งพูดว่า “ใต้เท้าข่ง ไม่ทราบว่าหลานชายของท่านป่วยเป็นอะไรกันแน่หรือ?”เจ้าเมืองข่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งในตำแหน่งประธานเขาส่งสัญญาณให้ทุกคนนั่งลงได้ มีสาวใช้ยกน้ำชาเข้ามาให้ทุกคน“เดิมทีแล้วหลานชายของข้าก็ร่าเริงแจ่มใสดี แต่ไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไร ช่วงนี้ล้มป่วยอยู่ตลอด ตอนนี้แค่จะพูดยังยากเลย”เจ้าเมืองข่งขมวดคิ้วแน่นด้วยความกลัดกลุ้มเมื่อพูดถึงตรงนี้“ไม่มีหมอที่จะรักษาได้หรือ?” พ่อค้าอีกคนเอ่ยถามเจ้าเมืองข่งถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง เขาส่ายหน้าว่า “ข้าตามหมอมาทั่วเมืองหลี่จงแล้ว แต่ไม่มีคนใดที่จะรักษาได้”พ่อค้าที่นำผนึกหัวใจพระพุทธมาให้ฟังถึงตรงนี้ก็หยิบมันออกมาจากอกเสื้อทันทีผนึกหัวใจพระพุทธถูกแสงส่องกระทบเป็นสีรุ้งระยิบระยับเขาลุกขึ้นประสานมือพูดกับเจ้าเ
ทั้งสองคนลงจากหลังม้า นำม้าไปผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่ แต่ในจังหวะที่กำลังจะไปจวนเป่าเซวียน พวกเขาก็เห็นรถม้าหลายคันทยอยกันมาหยุดจอดหน้าจวนเป่าเซวียนผู้คนที่ลงมาจากรถม้าล้วนแล้วแต่แต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหราดูจากการแต่งกายของพวกเขาแล้วน่าจะไม่ใช้ข้าราชการ ดูคล้ายพ่อค้ามากกว่าไม่รู้เหมือนกันว่าที่จวนเจ้าเมืองกำลังมีงานอะไร ถึงได้มีคนมาเยอะขนาดนี้คนเหล่านั้นเดินไปที่ประตูแล้วนำเทียบเชิญออกมาจากอกเสื้อพ่อบ้านยิ้มกว้างทันทีที่เห็นเทียบเชิญเขาประสานมือพูดว่า “รีบเชิญด้านใน ใต้เท้ารออยู่นานแล้ว”พ่อค้าเหล่านั้นประสานมือตอบก่อนจะสืบเท้าเข้าไปดูเหมือนว่า หากพวกเจี่ยนอันอันจะเข้าไปในจวนเป่าเซวียนก็จำเป็นต้องมีเทียบเชิญเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากัน ทั้งสองท่องในใจทันทีว่าล่องหนครานี้ก็จะไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นหรือมองเห็นพวกเขาแล้ว เลือนหายไปในอากาศภายในเสี้ยวพริบตาทั้งสองเดินวางมาดกรีดกรายเข้าไปต่อหน้าต่อตาพ่อบ้านจังหวะที่ทั้งสองคนเดินผ่านพ่อบ้าน พ่อบ้านก็ได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างนั่นเป็นกลิ่นที่มีเพียงสตรีเท่านั้นที่จะแผ่ออกมาได้เขามองรอบทิศ นอกจากพ่อค้าไม่กี่คนที่เพิ่งเข้าไปแ