ในตอนที่นางมองเห็นคนที่มานั้นเป็นเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงแล้ว ทันใดนั้นในใจก็เคร่งขรึมขึ้นมาพวกเขามาทำไมกันอีก มาเพื่อดูเรื่องขบขันของนางอย่างนั้นหรือ?เจี่ยนอันอันไม่ได้สนใจเฉียนซื่อ แต่พูดกับเสิ่นจืออวี้ “ที่พักข้าหาให้พวกท่านได้แล้ว”“ท่านกับพี่สาวท่านนี้ช่วยกันอุ้มแม่ทัพเสิ่นลงมา แล้วตามพวกเรามาเถิด”เสิ่นจืออวี้เมื่อได้ยินว่ามีที่พักแล้ว ในใจก็ยินดีขึ้นมาเจียงหว่านเอ๋อร์เองก็ไม่คิดเลยว่า เจี่ยนอันอันจะหาที่พักให้พวกเขาจริงๆนางกับเสิ่นจืออวี้ พยายามกันช่วยอุ้มเสิ่นจือเจิ้งลงมาเพียงแต่อุ้มลงมาจากรถม้า ก็เหนื่อยเสียจนเจียงหว่านเอ๋อร์หายใจจนเร่งรีบเสิ่นจืออวี้เมื่อเห็นเข้า ก็รีบพูดขึ้น “พี่สะใภ้ใหญ่ไปดูแลคังเอ๋อร์ให้ดีเถิด พี่ชายข้าปล่อยให้ข้าแบกเองเถอะ”เสิ่นจืออวี้พูดออกมา พลางแบกเสิ่นจือเจิ้งขึ้นมาเฉียนซื่อเมื่อได้ยินว่ามีที่พัก ก็ลุกขึ้นยืนตามไปด้วยขณะที่นางกำลังจะเดินตามทุกคนไป ก็เห็นเจี่ยนอันอันหยุดฝีเท้าลงนางจ้องมองไปยังเฉียนซื่อ แล้วพูดออกมาอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก “ยายมารเฒ่าตามมาทำไมกัน ข้าไม่ได้พูดเสียหน่อยว่าจะหาที่พักให้เจ้า”เฉียนซื่อได้ยิน ทันใดนั้นก็โม
เจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าเฉียนซื่อให้ความสำคัญกับไม้เท้าเช่นนี้ ในใจก็เข้าใจขึ้นมาทันทีดูเหมือนว่าไม้เท้านี้ สำหรับเฉียนซื่อแล้วจะเป็นของสำคัญไม่แน่ว่า คุณไสยที่เฉียนซื่อใช้ทั้งหมดนั้น ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับไม้เท้านี้เมื่อคิดมาจนถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันก็มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น“ข้าจะนับถึงสาม หากว่าเจ้าไม่แก้คุณไสยที่ทำใส่เสิ่นจืออวี้ ข้าจะเผามันเสีย!”เจี่ยนอันอันพูดขึ้น ก็เริ่มนับทันทีเฉียนซื่อเมื่อเห็นเข้า ก็รีบท่องคาถาขึ้นเสิ่นจืออวี้ที่กำลังคลุ้มคลั่งในตอนนี้ ทันใดนั้นทั่วทั้งกายก็สั่นเทาขึ้นมาไม่นานนักเขาก็ได้สติขึ้นมาในตอนที่เขามองเห็น ว่าหมัดของตัวเองกำลังเหวี่ยงไปทางด้านของฉู่จวินสิงนั้น ก็ตกใจเสียจนเขาต้องรีบเก็บมือกลับมา“เมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมข้าถึงได้ต่อยออกไปทางท่าน?”เสิ่นจืออวี้รีบก้าวถอยหลังไปอย่างตื่นตระหนก แล้วรีบโค้งกายลงคำนับขอโทษฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงไม่ได้พูดอะไรออกมา เขารู้ว่าเสิ่นจืออวี้ถูกผู้อื่นควบคุมเอาไว้ แน่นอนว่าย่อมไม่ใส่ใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ในตอนที่เสิ่นจืออวี้มองเห็นเสิ่นจือเจิ้งล้มลงบนพื้นนั้น ไม่นานก็เข้าใจขึ้นมาทั
ฉู่จวินสิงเมื่อเห็นว่านางเริ่มหาวออกมา ก็พูดเสียงเบาขึ้น “ไปเถอะ พวกเรากลับไปพักผ่อนกัน”เจี่ยนอันอันพยักหน้า ขณะที่กำลังจะเดินออกไปด้านนอก ก็เห็นว่าฉู่จวินสิงย่อกายลงเบื้องหน้าของนาง“ข้าจะแบกเจ้ากลับไป”ฉู่จวินสิงพูดขึ้น แล้วหันหน้ามองกลับไปยังเจี่ยนอันอันดวงตาของเขาสว่างสดใส ราวกับดวงดาวในกาแล็กซี่ ทำให้หัวใจของเจี่ยนอันอันอดที่จะเต้นแรงไม่ได้เจี่ยนอันอันปวดใจกับอาการบาดเจ็บที่แขนของฉู่จวินสิง จึงไม่อยากให้เขาแบกนางนอกจากนี้นางเพียงเพราะว่าง่วงงุน ไม่ได้พิการแต่อย่างใด จึงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ในขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังจะปฏิเสธ ก็ถูกฉู่จวินสิงจับขาเล็กๆ เอาไว้เจี่ยนอันอันเสียการทรงตัว ล้มแนบลงบนหลังของฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงแบกเจี่ยนอันอันขึ้นมาไปตามสถานการณ์เจี่ยนอันอันเหลือบมองไปยังคนในลานเรือน นอกจากใบหน้าของชิวเหลียนที่เผยรอยยิ้มออกมา คนอื่นๆ ต่างก็พากันตื่นตะลึงขึ้นมาโดยเฉพาะเสิ่นจืออวี้ ที่ตื่นตกใจเสียจนอ้าปากค้างจนคางแทบจะถึงพื้นที่เขารู้ก็คือ เยียนอ๋องจะย่อกายลงไปแบกผู้อื่นเช่นนี้ได้อย่างไรกันแต่ที่เขาไม่รู้ก็คือ ฉู่จวินสิงไม่เพียงแต่อยากจะแบกเจี่ยนอันอันก
ในตอนกลางคืนพวกเขาไม่มีที่ให้อาศัย ก็คิดว่าคนผู้นั้นจะสามารถมารับพวกเขาได้ แล้วจัดการที่พักอาศัยให้กับพวกเขาไม่นานนัก ร่างเงาสีดำร่างหนึ่งก็ปรากฏกายมายังเบื้องหน้าของทั้งสองคนในตอนที่แม่นมหลี่มองเห็นอีกฝ่ายนั้น ก็รีบลุกขึ้นมา“คารวะผู้บัญชาการหนิง!” ในตอนที่ทั้งสองคนมองเห็นอีกฝ่ายนั้น ก็รีบทำความเคารพทันทีหนิงเจิ้นก็อดที่จะยกมือขึ้นมาตบหน้าทั้งสองคนโดยที่ไม่อธิบายออกมาทันใดนั้นใบหน้าของแม่นมหลี่เจ็บปวดแสบร้อนขึ้นมาเตียวเฉียงถูกตบรุนแรงจนไม่อาจยืนได้อย่างมั่นคง จนกระทั่งล้มลงบนพื้นไป“พวกสุนัขรับใช้ไร้ประโยชน์ทั้งสองคน ฝ่าบาทส่งพวกเจ้ามาคอยจับตาดูกวนซิน พวกเจ้ากลับถูกไล่ออกมา”“ข้าจะนำเรื่องนี้กลับไปรายงานฝ่าบาท พวกเจ้าสองคนก็รอดูศีรษะคนตกลงพื้นเถอะ”ทั้งสองคนถูกด่าว่าสุนัขรับใช้ แล้วยังถูกตบหน้าไปอีกในใจของแม่นมหลี่ไม่ยินยอมยิ่งนัก แต่กลับไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่ครึ่งคำนางเป็นแม่นมข้างกายฮ่องเต้ รับใช้ฝ่าบาทมาหลายปี จะเคยถูกตบหน้าเมื่อใดกันมาตอนนี้ดีแล้ว ไม่เพียงแต่ถูกสาวใช้ชั้นต่ำอย่างชิวเหลียนตบหน้าแล้ว แม้แต่ผู้บัญชาการหนิงเองก็ยังกล้าตบหน้านางแม่นมหลี่กัดฟันแ
ในห้องนี้เย็นมาก ทันใดนั้นแม่นมหลี่ก็รู้สึกหนาวสั่นเป็นอย่างมากเมื่อเห็นว่าตนเองในที่สุดก็มีที่ให้อยู่อาศัยแล้ว น่องของแม่นมหลี่ก็รู้สึกไม่เจ็บขึ้นมาแล้วหนิงเจิ้นชี้ไปยังพื้นที่ว่างเปล่า “พวกเจ้าสองคนไปนอนกันตรงนั้น”แม่นมหลี่และเตียวเฉียงพากันเหลือบมองไปยังพื้นที่ว่างนั้น ที่นั่นเป็นเพียงแค่ทางเดินเล็กๆ เท่านั้นหากว่าให้พวกเขาทั้งสองคนนั้นไปนอนกันตรงนั้น คิดว่าจะต้องแออัดกับอีกฝ่ายเป็นแน่เมื่อคิดว่าจะต้องนอนอยู่ใกล้กันกับแม่นมหลี่ เตียวเฉียงก็รู้สึกขยะแขยงขึ้นมาแต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา เพราะอย่างไรแล้วมีที่ให้นอน ก็ดีกว่าต้องเร่ร่อนอยู่ด้านนอกมากเตียวเฉียงไม่ได้พูดอะไรมากนัก เพียงแต่ทรุดตัวลงกับพื้นทว่าแม่นมหลี่ไม่คิดอยากจะนอนร่วมกันกับเตียวเฉียงนางมองไปยังหนิงเจิ้น แล้วพูดพึมพำออกมา “ท่านผู้บัญชาการหนิง นี่ ตรงนี้จะไปมีคนนอนได้อย่างไรกัน”นางเคยนอนบนพื้นเมื่อใดกัน แล้วยังนอนด้วยกันกับเตียวเฉียงอีกแม่นมหลี่เหลือบมองไปยังเตียวเฉียงด้วยความรังเกียจ นางยอมนอนด้านนอก แต่ไม่คิดอยากจะนอนด้วยกันกับเตียวเฉียงหนิงเจิ้นเหลือบมองไปทางด้านแม่นมหลี่ “ทำไมกัน เจ้ารังเกียจว่
เตียวเฉียงถูกเตะจนตื่นขึ้นมา จึงรีบลุกขึ้นเขาปัดฝุ่นบนกาย แล้วยืนอยู่ตรงนั้นรอให้หนิงเจิ้นพูดออกมาแม่นมหลี่กัดฟัน พยายามอดทนต่อความเจ็บปวดในร่างกาย ลุกยืนขึ้นมา“ตอนนี้พวกเจ้าสองคนกลับไปหมู่บ้านชิงสุ่ยเสีย ข้าไม่สนใจว่าพวกเจ้าจะใช้วิธีการอะไร”“จะคุกเข่าอ้อนวอนก็ดี หรือว่าจะหาทางปราบเจี่ยนอันอันก็ได้”“อย่างไรเสียวันนี้พวกเจ้าจะต้องกลับไปอยู่ที่เดิม แล้วคอยจับตาความเคลื่อนไหวของกวนซินต่อไป”แน่นอนว่าแม่นมหลี่ย่อมต้องอยากจะกลับไปอยู่ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยนางไม่อยากจะนอนด้วยกันกับเตียวเฉียงอีกเจ้าหมอนี่ในตอนกลางคืนนอนหลับทั้งกัดฝันและผายลม ทั้งกรนจนกะบังลมของนางแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆหากว่าให้นางนอนกับเตียวเฉียงต่อไป ไม่แน่ว่านางอาจจะบีบเตียวเฉียงให้ตายไปในตอนกลางคืนนอกจากนี้แล้วนางยังไม่ได้ล้างแค้นชิวเหลียนที่เตะนางเมื่อคืนนี้เลยแน่นอนว่านางย่อมคิดหาวิธีกลับไปอยู่ที่เดิม รอเมื่อมีโอกาส นางจะต้องทำให้บ่าวรับใช้ชั้นต่ำนั่นตายให้ได้!หลังจากที่เตียวเฉียงส่งเสียงตอบรับออกมา ก็ผลักประตูห้องเดินออกมาในที่สุดก็สามารถสูดอากาศบริสุทธิ์ได้เมื่อคืนนี้ในตอนที่นอนหลับนั้น กลิ่นเหม็นจา
หากว่าเป็นกู้มั่วหลี เรื่องนี้ก็คงจะเปลี่ยนเป็นยุ่งยากขึ้นมาท้ายที่สุดแล้วกู้มั่วหลีมีสถานะใด เขาเองก็ยังไม่แน่ชัดตอนนี้พวกเขาอยู่ในที่แจ้ง อีกฝ่ายอยู่ในที่ลับพวกเขาจะต้องกระทำการอย่างระมัดระวังฉู่จวินสิงพูดออกมาเสียงขรึม “คิดจะให้เสิ่นจือเจิ้งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านชิงสุ่ย คงจะต้องสร้างเรือนขึ้นมาใหม่อีกหนึ่งหลัง” “ทว่าจะให้ใครมาสร้างกัน แล้วดินกับไม้ที่ใช้จะไปเอามาจากที่ไหนกัน?” เจี่ยนอันอันคิดว่าคนที่จะสร้างเรือนนั้นหาได้ง่าย เรื่องนี้ซ่างชิวแล้วอวี๋ว่านพวกเขาสามารถช่วยเหลือได้เมื่อถึงเวลานั้นนางสามารถให้เงินค่าแรงพวกเขาได้ ไม่มีทางให้พวกเขาช่วยงานเปล่าๆส่วนของที่ใช้ก่อสร้างเรือนพวกนั้น ก็สามารถหาซื้อได้จากในเมือง อย่างไรเสียตอนนี้นางก็มีเงินอยู่ ใช้เงินเพียงเล็กน้อยซื้อของเหล่านี้หากว่าเสิ่นจือเจิ้งรู้ว่าทั้งสองคนทำทั้งหมดนี่เพื่อครอบครัวของเขา จะต้องซาบซึ้งใจพวกเขามากยิ่งขึ้น รอจนเมื่อถึงเวลานั้น ไม่จำเป็นต้องให้ฉู่จวินสิงพูดขึ้น เสิ่นจือเจิ้งจะต้องเสนอออกมาว่าจะขอติดตามฉู่จวินสิงเอง มีเพียงแค่เสริมความแข็งแกร่งให้กับตนเอง พวกเขาถึงจะสามารถกลับไปยังเมือง
เจี่ยนอันอันส่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา ถืออาหารเดินก้าวใหญ่ไปยังหน้าประตูเรือนนางไม่ได้สนใจสองคนนี้ ผลักประตูเรือนแล้วเดินเข้าไปกวนซินกำลังอยู่ในสวนด้วยใบหน้าเศร้าหมอง เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงมาถึง ความเศร้าหมองบนใบหน้าทันใดนั้นก็หายไปเจี่ยนอันอันรู้ว่ากวนซินกำลังเศร้าเรื่องอะไรอยู่ นางจงใจส่งเสียงพูดให้ดังขึ้น "ท่านไม่จำต้องใส่ใจคนด้านนอกสองคนนั่น หากว่าข้าไม่อนุญาติ พวกเขาไม่ว่าใครก็อย่าได้คิดจะเข้ามาแม้แต่ครึ่งก้าว"แม่นมหลี่และเตียวเฉียงที่ยืนอยู่ด้านนอกหลังจากที่ได้ยินแล้ว ต่างก็พากันมองหน้ากันทั้งสองคนต่างก็พากันกล่าวโทษกัน ว่าคืนวานนี้ไม่ควรจะพูดคำเหล่านั้นออกมาผลจากการที่ล่วงเกินเจี่ยนอันอันก็คือ ทำให้เขาตอนนี้ก็ไม่มีแม้แต่ที่อยู่อาศัยเจี่ยนอันอันวางกล่องอาหารลงบนโต๊ะ แล้วให้กวนซินนั่งลงกินชิวเหลียนจูงมือฉู่ตั๋วตั่วเดินออกมาจากในห้องสือเจี้ยและเด็กรับใช้คนอื่นๆ พากันยืนอยู่ตรงนั้น ไม่มีใครกล้านั่งลงกินข้าวอาหารของพวกเขาตอนนี้มองจนเห็นก้นแล้ว เช้าวันนี้ยังคงคิดกันอยู่ว่าจะทำให้ท้องอิ่มได้อย่างไรกันเจี่ยนอันอันเหลือบมองไปยังพวกสือเจี้ยทั้งหลาย จึงใ
ฉู่จวินสิงใช้วิชาตัวเบา บวกกับความหวาดกลัวตั๊กแตนในใจ ไม่รู้ว่ามีความเร็วมากกว่าเจี่ยนอันอันถึงกี่เท่าตัวเจี่ยนอันอันกลับมาถึงเรือน ก็วิ่งไปหาแม่ไก่ที่บ้านท่านยายหลินให้มาสองตัวนางไปหาฉู่จื่อซี ให้เขาคิดหาวิธีเรียกนกให้บินไปยังที่ดินให้มากขึ้นฉู่จื่อซีรีบรับปาก ก้าวขาสั้นๆ วิ่งออกจากสวนไปเมื่อครู่ได้ยินเสียงของชาวบ้านร้องตะโกน คนในเรือนล้วนแต่ได้ยินหมดแล้วฟางอิ๋งตามไปอย่างไม่วางใจฉู่จื่อซีมาใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วคุยกับรังนกที่อยู่บนต้นไม้ไม่นานนักก็มีนกหลายสิบตัว บินมุ่งหน้าไปยังที่ดินเจี่ยนอันอันกอดแม่ไก่เอาไว้ในอ้อมแขน ถูกฉู่จวินสิงกอดเอวอุ้มขึ้นไว้อีกครั้งเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าฉู่จวินสิงยังจะไปด้วย จึงเสนอแนะให้เขารออยู่ที่เรือนทว่าฉู่จวินสิงไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่ยอมจากเจี่ยนอันอันไปแม้ครึ่งก้าวเจี่ยนอันอันพูดออกมาอย่างไม่วางใจ “ท่านจะต้องเอาชนะความกลัวตั๊กแตนในใจให้ได้”ฉู่จวินสิงกัดฟัน เมื่อเทียบกับความหวาดกลัวแมลงแล้ว เขาเป็นกังวลความปลอดภัยของเจี่ยนอันอันมากยิ่งกว่าเขาไม่อยากจะให้เจี่ยนอันอันถูกกู้มั่วหลีจับตัวไปอีกครั้งในตอนนี้ด้วยความเร็วของฉู่จ
เจี่ยนอันอันลอบพูดในใจว่าไม่ดีแล้ว เกรงว่าที่ดินในหมู่บ้านชิงสุ่ยจะต้องเกิดปัญหาขึ้นแน่ๆเหล่าชาวบ้านที่เดินออกมาจากเรือน เมื่อเห็นว่าบนท้องฟ้านั้นเต็มไปด้วยตั๊กแตน ในใจของทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา“แล้วนี่จะทำอย่างไรกันดี ที่ดินของข้าไม่ง่ายเลยถึงจะมีผลผลิตขึ้นมา คราวนี้จะต้องถูกแมลงกินจนหมดแน่”“บ้านข้าเองผลผลิตเพิ่งจะถือว่าดีกว่าเล็กน้อย ดันเกิดเรื่องตั๊กแตนระบาดขึ้นมาได้”“แล้วอย่างนี้จะทำอย่างไรดี พระเจ้ากำลังจะทำลายหมู่บ้านชิงสุ่ยของพวกเราอย่างนั้นหรือ!”ทุกคนต่างก็วิ่งไปยังทิศทางของที่ดิน แม้แต่อวี๋ว่านและคนอื่นๆ ที่กำลังสร้างเรือนอยู่ ต่างก็วางงานในมือลงพวกเขาจะมีใจคิดทำงานได้อย่างไรกันอาหารในที่ดินของตนหากว่าถูกตั๊กแตนกินจนหมด ต่อไปภายหน้าพวกเขาจะไม่มีอาหารให้กินแล้วขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังจะไปยังที่ดิน กลับพบว่าฉู่ตั๋วตั่ววิ่งเข้ามา“ท่านน้า พิษที่ท่านสอนมา ข้าเชี่ยวชาญจนหมดแล้ว”“ทว่าข้าไม่มีขวดเล็กๆ ที่จะใส่ยาพิษ ท่านสามารถให้ขวดเล็กๆ ข้าสักสองสามขวดหรือไม่?”เจี่ยนอันอันไม่คิดเลยว่า ฉู่ตั๋วตั่วจะเชี่ยวชาญในเรื่องพิษได้เร็วถึงเพียงนี้นางหยิบขวดเล็กๆ ส
เมื่อเห็นว่าเสิ่นจือเจิ้งหลับตาลง ไม่ยินยอมแม้แต่จะมองมายังเขาเสิ่นจืออวี้เองก็ไม่กล้าจะพูดอะไรออกมา หันหลังแล้วตามออกไปเจียงหว่านเอ๋อร์ในใจของเขา เป็นคนที่ดีมาโดยตลอดหลายปีมานี้ เจียงหว่านเอ๋อร์ดูแลเขาเป็นอย่างดีมาโดยตลอดเสิ่นจืออวี้วิ่งออกไป แล้วขวางทางเจียงหว่านเอ๋อร์เอาไว้“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านจะไปที่ไหนกัน? พี่ใหญ่ของข้าเพียงแค่หุนหันไปชั่วคราวเท่านั้น ถึงได้ทำเรื่องไม่มีเหตุผลเช่นนี้ออกมา”“หนังสือหย่านี้ท่านเก็บเอาไว้ก่อน ไม่แน่ว่าต่อไปในอนาคต พี่ใหญ่ของข้าก็อาจจะนึกถึงที่ท่านทำดีกับเขาก็เป็นได้”“เขาจะต้องกลับไปอยู่ข้างกายท่านอีกครั้ง”เจียงหว่านเอ๋อร์เหลือบมองไปยังหนังสือหย่า ในใจอดที่จะคิดเย้ยหยันไม่ได้คนพวกนี้ล้วนแต่เป็นคนเลวเหมือนกัน ยังวิ่งมาแสร้งทำดีกับนางเพื่ออะไรกันเจียงหว่านเอ๋อร์รับหนังสือหย่ามา แล้วยัดเข้าไปในเสื้อนางสะกดข่มความโกรธในใจเอาไว้ ใบหน้ายังคงทำทีเป็นอ่อนแอเช่นนี้“ข้าอยากจะดูว่าเรือนสร้างไปถึงไหนแล้ว ข้าไม่อยากให้คังเอ๋อร์ไปข้างคืนอยู่ข้างนอก”เสิ่นจืออวี้เกาศีรษะ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดีเรือนทั้งสองหลังนั้นสร้างเสร็จไปแล้วหนึ่งหลัง ทว
เจี่ยนอันอันเลิกคิ้วขึ้น ไม่ได้พูดอะไรออกมา นางอยากจะลองดู ว่าท้ายที่สุดแล้วเจียงหว่านเอ๋อร์จะเล่นลูกไม้อะไรเจียงหว่านเอ๋อร์เมื่อเห็นว่าแผนการนี้ของตน ดูจะไม่ได้ผลลัพธ์อะไรทุกคนที่อยู่ที่นี่ ไม่มีใครก่นด่าเจี่ยนอันอันตามที่นางคิดเจียงหว่านเอ๋อร์กัดฟัน ในใจลอบคิดเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะว่าเจี่ยนอันอัน นางอาศัยที่ตนเองมีรูปลักษณ์ที่งดงาม จึงได้มาหลอกลวงใจของเสิ่นจือเจิ้งนางไม่สามารถจากไปเช่นนี้ได้ มิฉะนั้นแล้วก็จะสมดั่งความตั้งใจของเจี่ยนอันอันนางจะต้องอยู่ต่อ ต่อให้จะไม่อาจอยู่ด้วยกันกับเสิ่นจือเจิ้งได้ ก็ต้องหาวิธีการอยู่ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยต่อเมื่อคิดถึงตรงนี้ ดวงตาของเจียงหว่านเอ๋อร์ก็แดงก่ำขึ้นมา น้ำตาเม็ดใหญ่ร่วงหล่นลงมา“แม่นางเจี่ยน ข้าขอร้องท่าน โปรดมอบที่อยู่ให้ข้าได้อาศัยอยู่”“ข้าไม่มีที่ให้อยู่ไม่เป็นไร ทว่าข้าไม่อยากให้คังเอ๋อร์ต้องลำบาก”“เขายังเล็กถึงเพียงนี้ ก็ถูกเนรเทศมาด้วยกันกับพวกเราจนถึงสถานที่แบบนี้”“ตอนนี้ข้าหย่ากับเสิ่นจือเจิ้งแล้ว แต่ว่าคังเอ๋อร์เป็นผู้บริสุทธิ์”เจียงหว่านเอ๋อร์ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกเสียใจ น้ำตาไหลลงมาไม่หยุดเสิ่นจืออวี้ทนมองต่อไ
เสิ่นจืออวี้คิดอยากจะเกลี้ยกล่อม แต่กลับพบว่าเจียงหว่านเอ๋อร์หยิบพู่กันขึ้นมานางสูดลมหายใจลึก กัดปากพูดออกมา “ดี ในเมื่อท่านต้องการจะหย่ามาก เช่นนั้นข้าก็จะยอมรับมัน!”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น แล้วเขียนชื่อของตัวเองลงไปบนหนังสือหย่าทว่านางไม่มีตราประทับสีแดง จึงกัดริมฝีปาก แล้วหยดเลือดสีแดงลงมาประทับรอยนิ้วมือของตนเองเมื่อทำทุกอย่างนี้เสร็จ นางก็โยนหนังสือหย่าลงบนพื้น“คังเอ๋อร์ พวกเราไปกัน”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น แล้วก็จะดึงมือของเสิ่นคัง“ข้าไม่ไป ข้าอยากให้ท่านพ่อและท่านแม่อยู่ด้วยกัน” ไม่ว่าจะพูดอะไรออกมาเสิ่นคังก็ไม่ยอมไปกับเจียงหว่านเอ๋อร์ใบหน้าเล็กๆ ของเขา ถูกน้ำมูกและน้ำตาไหลนองจนเลอะใบหน้าไปหมด“พี่ใหญ่ ต่อให้พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าจะทำอะไรผิดไป ก็คงไม่ถึงขั้นหย่ากัน พวกท่านลองคุยกันเสียหน่อยไม่ได้หรือ?”เสิ่นจืออวี้ทนมองต่อไปไม่ได้แล้ว เขาหยิบหนังสือหย่าบนพื้นขึ้นมา แล้วต้องการจะฉีกออกเสิ่นจือเจิ้งจ้องมองไปยังเสิ่นจืออวี้ “หากว่าเจ้ากล้าฉีกมันออก ข้าเองก็จะไม่ถือว่าเจ้าเป็นน้องชายอีกต่อไป”เสิ่นจืออวี้หยุดการกระทำในมือลง สีหน้าดูไม่น่ามองอย่างประหลาดเขาเพียงแค
เจียงหว่านเอ๋อร์ยกมือขึ้น ตบไปยังใบหน้าของเสิ่นจือเจิ้งทว่ามือของนางเพิ่งจะยื่นออกไปได้เพียงแค่กลางอากาศเท่านั้น ก็ถูกเสิ่นจือเจิ้งคว้าเอาไว้แน่น“เจ้าพอได้แล้ว หากว่ายังมาบ้าคลั่งต่อหน้าของข้าอีก ก็เก็บข้าวของแล้วออกไปซะ!”สีหน้าของเสิ่นจือเจิ้งดูเย็น จ้องมองไปยังเจียงหว่านเอ๋อร์ที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงจนเกือบจะบ้าด้วยความโกรธดวงตาทั้งคู่ของเจียงหว่านเอ๋อร์แดงก่ำ น้ำตาไหลรินออกมาไม่หยุดสีหน้าของนางซีดขาว ความขุ่นเคืองในใจอันหนักหน่วง ทว่ากลับไม่มีที่ให้ระบายออกมาได้เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันเข้ามา เจียงหว่านเอ๋อร์ก็ถือว่าเจี่ยนอันอันเป็นศัตรูนางดึงมือออกจากเสิ่นจือเจิ้ง แล้วเดินมาทางด้านเจี่ยนอันอัน“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้า หากไม่ใช่เพราะว่าเจ้าเอาดวงวิญญาณของจือเจิ้งออกไป แล้วเขาจะทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไรกัน”เจียงหว่านเอ๋อร์นำความโกรธทั้งหมด ระบายใส่เจี่ยนอันอันทั้งหมดล้วนแต่เป็นความผิดของเจี่ยนอันอันหากไม่ใช่เจี่ยนอันอันที่คลายคุณไสยร้ายให้เสิ่นจือเจิ้ง เขาก็จะไม่มีทางตื่นขึ้นมาและไม่มีทางที่จะจำนางไม่ได้นางยินยอมให้เสิ่นจือเจิ้งตอนนี้ ยังคงอยู่ในอาการสลบไสลไม่ตื่นขึ้น
“เจ้านำหนังสือหย่านี้ไปให้เจียงหว่านเอ๋อร์ แล้วบอกนางว่าจากวันนี้เป็นต้นไป ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของเราสิ้นสุดแล้ว”“ต่อไปนางจะไปอยู่ที่ใด ก็เป็นอิสระของนาง ข้าไม่สนใจและไม่คิดจะสนใจ”เจี่ยนอันอันมองหนังสือหย่าในมือ ดูท่าแล้วพี่ชายของนางคงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วที่จะหย่าเจียงหว่านเอ๋อร์เจี่ยนอันอันมิได้กล่าวสิ่งใดอีก เมื่อพี่ชายคิดเช่นนี้ นางก็พร้อมเคารพการตัดสินใจนั้นยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้เจียงหว่านเอ๋อร์เป็นฝ่ายผิดก่อน จึงมิอาจโทษพี่ชายได้เจี่ยนอันอันถือหนังสือหย่า เดินออกไป นางเคาะประตูห้องของเจียงหว่านเอ๋อร์ เจียงหว่านเอ๋อร์รีบเช็ดน้ำตาบนใบหน้า ก่อนจะเดินมาเปิดประตูเมื่อนางเห็นว่าเป็นเจี่ยนอันอัน ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธทันที“เจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องอันใด?”เจี่ยนอันอันผลักเจียงหว่านเอ๋อร์ออกไป แล้วก้าวเข้าไปในห้อง“ข้ามิได้เชิญเจ้าเข้ามา เจ้าไม่มีสิทธิ์บุกรุกเข้ามาในห้องของข้าโดยพลการ!”เจียงหว่านเอ๋อร์กล่าว พลางยื่นมือจะดึงตัวเจี่ยนอันอันแต่เจี่ยนอันอันหมุนตัวก้าวหลบอย่างคล่องแคล่วนางยกหนังสือหย่าในมือขึ้นแสดงต่อหน้าเจียงหว่านเอ๋อร์“พี่ชายของข้าได้เขียน
เจียงหว่านเอ๋อร์ไม่กล้าพูดสิ่งใดอีก รีบสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้ววิ่งออกไปเมื่อมาถึงหน้าห้อง นางเห็นเจี่ยนอันอันยืนอยู่ที่ประตูใบหน้าของเจียงหว่านเอ๋อร์ที่ซีดขาวพลันเปลี่ยนเป็นแดงก่ำบทสนทนาระหว่างนางกับเสิ่นจือเจิ้งเมื่อครู่ เกรงว่าเจี่ยนอันอันจะได้ยินหมดแล้วเจียงหว่านเอ๋อร์ก้มหน้าลง รีบวิ่งกลับไปยังห้องถัดไปแล้วปิดประตูแน่นสนิทนางไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้นางผิดที่ตรงไหนกันแน่?นางคือคนที่ผ่านพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับเสิ่นจือเจิ้งมาแล้ว ต่อให้จะทำอะไรกับเขา ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สมควรและถูกต้องทั้งสิ้น แต่เมื่อครู่ ตอนที่นางเห็นเจี่ยนอันอัน นางกลับสังเกตเห็นแววรังเกียจบนใบหน้าของอีกฝ่ายสายตานั้นราวกับมองนางเป็นหญิงชั่วที่ถูกจับได้ว่ากำลังทำเรื่องผิดศีลธรรมอยู่บนเตียงยิ่งเจียงหว่านเอ๋อร์คิด นางก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจ นางทำผิดอะไรกันแน่ ถึงต้องถูกปฏิบัติเช่นนี้เหตุใดเสิ่นจือเจิ้งถึงไม่ยอมให้นางแตะต้อง เขาเกลียดนางขนาดนั้นเชียวหรือ?หรือว่าเสิ่นจือเจิ้งไม่ได้มองเจี่ยนอันอันเป็นเพียงน้องสาว แต่ชอบนางในฐานะสตรีคนหนึ่งมีคำกล่าวว่า เมื่อบุรุษเปลี่ยนใจ ย่อมไม่สนใจภรรยาคนแรกของตนอีกต่อไ
“ท่านพี่ หลายวันมานี้ท่านไม่ยอมให้ข้าแตะต้องท่านเลย ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าทุกข์ใจเพียงใด”“วันนี้ข้าจำต้องใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้ วางยาสลบในอาหารของท่าน หวังว่าท่านพี่จะไม่ถือโทษโกรธเคือง”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดพลางเดินมาที่ข้างเตียงอุ่น มือข้างหนึ่งลูบไล้ใบหน้าเรียบเนียนของเสิ่นจือเจิ้งบุรุษที่นางเฝ้าคิดถึงอยากจะใกล้ชิดทั้งวันทั้งคืน บัดนี้กำลังนอนอยู่เบื้องหน้านางใบหน้าของเจียงหว่านเอ๋อร์พลันขึ้นสีแดงระเรื่อหัวใจของนางเต้นแรง ลมหายใจก็เริ่มถี่กระชั้นมือที่หยาบกร้านเล็กน้อย ลูบไล้จากใบหน้าของเสิ่นจือเจิ้งอย่างแผ่วเบา เรื่อยมาจนถึงลำคอมือนั้นไล้ลงต่ำเรื่อยๆ ลงไปที่แผ่นอกของเสิ่นจือเจิ้งเสิ่นจือเจิ้งอดทนต่อสัมผัสของเจียงหว่านเอ๋อร์ เขายังไม่รีบร้อนลืมตา เพียงแต่อยากดูว่าต่อไป เจียงหว่านเอ๋อร์จะทำอะไรอีกเจียงหว่านเอ๋อร์กำลังจะสอดมือเข้าไปในเสื้อของเสิ่นจือเจิ้งแต่ในจังหวะนั้นเอง เสิ่นจือเจิ้งกลับพลิกตัวหันหลังให้นางเจียงหว่านเอ๋อร์ตกใจจนรีบดึงมือกลับ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงยาสลบที่นางใช้เป็นยาที่นางเก็บเอาไว้ก่อนหน้านี้ นางคิดจะใช้มันจัดการกับท่านย่าเล็กแต่คิดไม้ถึงว่า