ในห้องนี้เย็นมาก ทันใดนั้นแม่นมหลี่ก็รู้สึกหนาวสั่นเป็นอย่างมากเมื่อเห็นว่าตนเองในที่สุดก็มีที่ให้อยู่อาศัยแล้ว น่องของแม่นมหลี่ก็รู้สึกไม่เจ็บขึ้นมาแล้วหนิงเจิ้นชี้ไปยังพื้นที่ว่างเปล่า “พวกเจ้าสองคนไปนอนกันตรงนั้น”แม่นมหลี่และเตียวเฉียงพากันเหลือบมองไปยังพื้นที่ว่างนั้น ที่นั่นเป็นเพียงแค่ทางเดินเล็กๆ เท่านั้นหากว่าให้พวกเขาทั้งสองคนนั้นไปนอนกันตรงนั้น คิดว่าจะต้องแออัดกับอีกฝ่ายเป็นแน่เมื่อคิดว่าจะต้องนอนอยู่ใกล้กันกับแม่นมหลี่ เตียวเฉียงก็รู้สึกขยะแขยงขึ้นมาแต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา เพราะอย่างไรแล้วมีที่ให้นอน ก็ดีกว่าต้องเร่ร่อนอยู่ด้านนอกมากเตียวเฉียงไม่ได้พูดอะไรมากนัก เพียงแต่ทรุดตัวลงกับพื้นทว่าแม่นมหลี่ไม่คิดอยากจะนอนร่วมกันกับเตียวเฉียงนางมองไปยังหนิงเจิ้น แล้วพูดพึมพำออกมา “ท่านผู้บัญชาการหนิง นี่ ตรงนี้จะไปมีคนนอนได้อย่างไรกัน”นางเคยนอนบนพื้นเมื่อใดกัน แล้วยังนอนด้วยกันกับเตียวเฉียงอีกแม่นมหลี่เหลือบมองไปยังเตียวเฉียงด้วยความรังเกียจ นางยอมนอนด้านนอก แต่ไม่คิดอยากจะนอนด้วยกันกับเตียวเฉียงหนิงเจิ้นเหลือบมองไปทางด้านแม่นมหลี่ “ทำไมกัน เจ้ารังเกียจว่
เตียวเฉียงถูกเตะจนตื่นขึ้นมา จึงรีบลุกขึ้นเขาปัดฝุ่นบนกาย แล้วยืนอยู่ตรงนั้นรอให้หนิงเจิ้นพูดออกมาแม่นมหลี่กัดฟัน พยายามอดทนต่อความเจ็บปวดในร่างกาย ลุกยืนขึ้นมา“ตอนนี้พวกเจ้าสองคนกลับไปหมู่บ้านชิงสุ่ยเสีย ข้าไม่สนใจว่าพวกเจ้าจะใช้วิธีการอะไร”“จะคุกเข่าอ้อนวอนก็ดี หรือว่าจะหาทางปราบเจี่ยนอันอันก็ได้”“อย่างไรเสียวันนี้พวกเจ้าจะต้องกลับไปอยู่ที่เดิม แล้วคอยจับตาความเคลื่อนไหวของกวนซินต่อไป”แน่นอนว่าแม่นมหลี่ย่อมต้องอยากจะกลับไปอยู่ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยนางไม่อยากจะนอนด้วยกันกับเตียวเฉียงอีกเจ้าหมอนี่ในตอนกลางคืนนอนหลับทั้งกัดฝันและผายลม ทั้งกรนจนกะบังลมของนางแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆหากว่าให้นางนอนกับเตียวเฉียงต่อไป ไม่แน่ว่านางอาจจะบีบเตียวเฉียงให้ตายไปในตอนกลางคืนนอกจากนี้แล้วนางยังไม่ได้ล้างแค้นชิวเหลียนที่เตะนางเมื่อคืนนี้เลยแน่นอนว่านางย่อมคิดหาวิธีกลับไปอยู่ที่เดิม รอเมื่อมีโอกาส นางจะต้องทำให้บ่าวรับใช้ชั้นต่ำนั่นตายให้ได้!หลังจากที่เตียวเฉียงส่งเสียงตอบรับออกมา ก็ผลักประตูห้องเดินออกมาในที่สุดก็สามารถสูดอากาศบริสุทธิ์ได้เมื่อคืนนี้ในตอนที่นอนหลับนั้น กลิ่นเหม็นจา
หากว่าเป็นกู้มั่วหลี เรื่องนี้ก็คงจะเปลี่ยนเป็นยุ่งยากขึ้นมาท้ายที่สุดแล้วกู้มั่วหลีมีสถานะใด เขาเองก็ยังไม่แน่ชัดตอนนี้พวกเขาอยู่ในที่แจ้ง อีกฝ่ายอยู่ในที่ลับพวกเขาจะต้องกระทำการอย่างระมัดระวังฉู่จวินสิงพูดออกมาเสียงขรึม “คิดจะให้เสิ่นจือเจิ้งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านชิงสุ่ย คงจะต้องสร้างเรือนขึ้นมาใหม่อีกหนึ่งหลัง” “ทว่าจะให้ใครมาสร้างกัน แล้วดินกับไม้ที่ใช้จะไปเอามาจากที่ไหนกัน?” เจี่ยนอันอันคิดว่าคนที่จะสร้างเรือนนั้นหาได้ง่าย เรื่องนี้ซ่างชิวแล้วอวี๋ว่านพวกเขาสามารถช่วยเหลือได้เมื่อถึงเวลานั้นนางสามารถให้เงินค่าแรงพวกเขาได้ ไม่มีทางให้พวกเขาช่วยงานเปล่าๆส่วนของที่ใช้ก่อสร้างเรือนพวกนั้น ก็สามารถหาซื้อได้จากในเมือง อย่างไรเสียตอนนี้นางก็มีเงินอยู่ ใช้เงินเพียงเล็กน้อยซื้อของเหล่านี้หากว่าเสิ่นจือเจิ้งรู้ว่าทั้งสองคนทำทั้งหมดนี่เพื่อครอบครัวของเขา จะต้องซาบซึ้งใจพวกเขามากยิ่งขึ้น รอจนเมื่อถึงเวลานั้น ไม่จำเป็นต้องให้ฉู่จวินสิงพูดขึ้น เสิ่นจือเจิ้งจะต้องเสนอออกมาว่าจะขอติดตามฉู่จวินสิงเอง มีเพียงแค่เสริมความแข็งแกร่งให้กับตนเอง พวกเขาถึงจะสามารถกลับไปยังเมือง
เจี่ยนอันอันส่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา ถืออาหารเดินก้าวใหญ่ไปยังหน้าประตูเรือนนางไม่ได้สนใจสองคนนี้ ผลักประตูเรือนแล้วเดินเข้าไปกวนซินกำลังอยู่ในสวนด้วยใบหน้าเศร้าหมอง เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงมาถึง ความเศร้าหมองบนใบหน้าทันใดนั้นก็หายไปเจี่ยนอันอันรู้ว่ากวนซินกำลังเศร้าเรื่องอะไรอยู่ นางจงใจส่งเสียงพูดให้ดังขึ้น "ท่านไม่จำต้องใส่ใจคนด้านนอกสองคนนั่น หากว่าข้าไม่อนุญาติ พวกเขาไม่ว่าใครก็อย่าได้คิดจะเข้ามาแม้แต่ครึ่งก้าว"แม่นมหลี่และเตียวเฉียงที่ยืนอยู่ด้านนอกหลังจากที่ได้ยินแล้ว ต่างก็พากันมองหน้ากันทั้งสองคนต่างก็พากันกล่าวโทษกัน ว่าคืนวานนี้ไม่ควรจะพูดคำเหล่านั้นออกมาผลจากการที่ล่วงเกินเจี่ยนอันอันก็คือ ทำให้เขาตอนนี้ก็ไม่มีแม้แต่ที่อยู่อาศัยเจี่ยนอันอันวางกล่องอาหารลงบนโต๊ะ แล้วให้กวนซินนั่งลงกินชิวเหลียนจูงมือฉู่ตั๋วตั่วเดินออกมาจากในห้องสือเจี้ยและเด็กรับใช้คนอื่นๆ พากันยืนอยู่ตรงนั้น ไม่มีใครกล้านั่งลงกินข้าวอาหารของพวกเขาตอนนี้มองจนเห็นก้นแล้ว เช้าวันนี้ยังคงคิดกันอยู่ว่าจะทำให้ท้องอิ่มได้อย่างไรกันเจี่ยนอันอันเหลือบมองไปยังพวกสือเจี้ยทั้งหลาย จึงใ
"พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าและคังเอ๋อร์ทำไมถึงได้ไม่ออกมากัน หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้น?"เจี่ยนอันอันพยักหน้าแล้วพูดขึ้น "พวกเขาถูกเฉียนซื่อทำคุณไสยใส่"เสิ่นจืออวี้หลังจากที่ได้ยินแล้วก็จะพุ่งเข้าไปในห้อง แต่กลับถูกเจี่ยนอันอันห้ามเอาไว้"ท่านไปกินข้าวเสียก่อน อีกเดี๋ยวข้ามีวิธีจะช่วยพวกเขาทั้งหมดให้ฟื้นกลับมา"สายตาของเจี่ยนอันอันดูแน่วแน่ และก็ทำให้เสิ่นจืออวี้รู้สึกมีความหวังขึ้นมาในเมื่อเจี่ยนอันอันสามารถมองออกว่าพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่ของเขาต่างก็ถูกคุณไสย นางก็จะต้องช่วยพวกเขาได้แน่เสิ่นจืออวี้ตอนนี้เชื่อในความสามารถของเจี่ยนอันอันเป็นอย่างมาก เขานั่งลงตรงโต๊ะอย่างเชื่อฟังเมื่อมองอาหารบนโต๊ะ ในใจของเสิ่นจืออวี้ก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเมื่อคืนวานนี้เขารู้มาจากกวนซินแล้วว่า ที่นี้ไม่มีข้าวสารให้หุงแล้วเขายังคิดจะนำหมั่นโถวที่พวกเขานำมาด้วยออกมาให้ทุกคนได้กิน แต่กลับไม่คิดเลยว่าเจี่ยนอันอันจะนำอาหารมาส่งให้แล้วเสิ่นจืออวี้ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี ทำได้เพียงแค่มองไปยังเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงด้วยความขอบคุณเจี่ยนอันอันพูดกับเสิ่นจืออวี้ว่า “สองคนด้านนอกนั่นจะต้องห้ามปล่อยไม่ให้พวก
แม่นมหลี่ตกใจเสียจนตื่นตระหนกขึ้นมา แล้วรีบหันหลังวิ่งไปด้านนอกเตียวเฉียงขมวดคิ้วขึ้น ในตอนที่ไม้นั้นจะทุบโดนเขา ก็รีบกระโดดขึ้นเตะไม้ลอยออกไปตอนที่เตียวเฉียงมองเห็นเสิ่นจืออวี้โยนไม้มาทางด้านพวกเขานั้น ดวงตาฉายแววโหดร้ายขึ้นมาทันที“ช่างกล้าเสียจริงเจ้าอันธพาล เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร ถึงได้กล้าโยนไม้ใส่ข้า”“ข้าว่าเจ้าคงจะเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว!”เตียวเฉียงพูด พร้อมเก็บไม้ขึ้นมา แล้วโจมตีไปทางเสิ่นจืออวี้เสิ่นจืออวี้ถูกด่าว่าเป็นอันธพาล เดิมทีในใจก็ไม่มีความสุขนัก เมื่อเห็นว่าไม้กำลังจะตกลงบนหัวของเขา เขาก็รีบเคลื่อนกายหลบการโจมตีของเตียวเฉียงไปไม้ตกลงบนโต๊ะอย่างแรง ทำเอาชามใบหนึ่งแตกกระจายเสิ่นจืออวี้เหลือบมองข้าวในชาม ที่กระจัดกระจายไปนั่นเป็นข้าวที่เขาเพิ่งจะกินไปได้ไม่กี่คำเท่านั้นเสิ่นจืออวี้ที่ไม่ชอบการสิ้นเปลือง ทันใดนั้นก็โมโหขึ้นมาเขาคว้าท่อนไม้ที่ทุบมานั้นอีกครั้ง ดึงอย่างแรงเตียวเฉียงถูกดึงไปยังเบื้องหน้าของเสิ่นจืออวี้พร้อมกันกับไม้เสิ่นจืออวี้ยกขาขึ้น แล้วเตะไปตรงเป้าของเตียวเฉียงพลังเตะครั้งนี้รุนแรงมาก เตียวเฉียงรู้สึกเพียงความเจ็บปวดจู
คนทั้งสองพักผ่อนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ในไม่ช้าก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขาแม่นมหลี่ร่ำร้องเสียงดังขึ้นมาทันที “ผู้บัญชาการหนิง ท่านมาได้เสียทีนะ”“เมื่อครู่ท่านเห็นแล้วใช่หรือไม่ คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่เข้ามาอยู่ใหม่ที่นั่นจะทำร้ายเตียวเฉียงจนตกอยู่ในสภาพนี้”หนิงเจิ้นขมวดคิ้วพลางเอ่ยด้วยสีหน้าหงุดหงิด “หุบปาก หนวกหูชะมัด”ภาพเมื่อครู่นี้ เขาย่อมเห็นเต็มสองตาแล้วถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่เตียวเฉียงไม่ได้เรื่องเอง แค่คนในสถานที่เล็กๆ อย่างเมืองซินเหอก็ยังสู้ไม่ได้เตียวเฉียงร้องโอดครวญด้วยสีหน้าเจ็บปวด จนถึงตอนนี้ตรงหว่างขาของเขาก็ยังเจ็บปวดหาใดเปรียบขาสองข้างของเขายังพลอยปวดระบมตามไปด้วยเมื่อครู่ถ้าไม่ได้แม่นมหลี่ประคองเขามา เกรงว่าเขาคงได้แต่คลานมาที่นี่เสียแล้วเสียงโอดครวญของเตียวเฉียงทำให้หนิงเจิ้นรู้สึกเดือดดาลขึ้นมา“แค่คนเมืองซินเหอเจ้าก็สู้ไม่ได้ ยังมีหน้ามาร้องโอดโอยอยู่ตรงนี้อีก”“ถ้ายังกล้าส่งเสียงอีกแม้แต่คำเดียว ข้าจะทำให้เจ้าเป็นขันทีเอง”คำพูดของหนิงเจิ้นทำให้เตียวเฉียงตกใจจนหยุดร้องในทันใดตอนนี้เขาอัดอั้นใจยิ่งนัก เขาเป็นผู้เคราะห์ร้ายแท้ๆ เหตุใดผู้บัญชาก
เจี่ยนอันอันมองข้ารับใช้สามคนที่ขวางอยู่ตรงหน้า นางมองออกว่าสามคนนี้ล้วนถูกบงการด้วยคุณไสยนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ท่านรับหน้าที่จัดการพวกเขา ข้าจะไปถอนผมเฉียนซื่อ”ฉู่จวินสิงไม่ได้พูดอะไร เขาลงมือไม่กี่ครั้งก็สามารถทำให้สามคนนั้นลงไปกองบนพื้นได้แล้วเจี่ยนอันอันยิ้มยิงฟันให้ฉู่จวินสิง แล้วเดินไปตรงหน้ารถม้าเพื่อถอนผมเฉียนซื่อคิดไม่ถึงว่าข้ารับใช้สามคนที่เพิ่งถูกอัดลงไปกองบนพื้นกลับคืบคลานขึ้นมาอีกครั้งยามนี้พวกเขาไม่รู้จักความเจ็บปวดเลยสักนิด โห่ร้องเสียงดังพลางต่อยเตะเข้าใส่ฉู่จวินสิงข้ารับใช้สามคนนั้นอยู่ในจวนแม่ทัพมานานย่อมได้เรียนรู้วรยุทธ์งูๆ ปลาๆ มาบ้างฉู่จวินสิงไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาสักนิด เขากล่าวกับเจี่ยนอันอันว่า “เจ้าไปถอนผมได้เลย ข้าจัดการสามคนนี้เอง”ฉู่จวินสิงกล่าวพลางถีบหนึ่งในนั้นกระเด็นออกไปข้ารับใช้สามคนนี้ ยามอยู่ต่อหน้าฉู่จวินสิงก็เป็นแค่ปลาซิวปลาสร้อยเท่านั้นเจี่ยนอันอันไม่สนใจฝั่งนี้อีก นางเดินหน้าหลายก้าวไปจนถึงเบื้องหน้ารถม้าบทสนทนาระหว่างทั้งสองเมื่อครู่นี้ลอยเข้าหูเฉียนซื่อโดยไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียวเฉียนซื่อเห็นเจี่ยนอันอันมาแล้ว สีหน้าก็เ
เสิ่นจืออวี้คิดอยากจะเกลี้ยกล่อม แต่กลับพบว่าเจียงหว่านเอ๋อร์หยิบพู่กันขึ้นมานางสูดลมหายใจลึก กัดปากพูดออกมา “ดี ในเมื่อท่านต้องการจะหย่ามาก เช่นนั้นข้าก็จะยอมรับมัน!”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น แล้วเขียนชื่อของตัวเองลงไปบนหนังสือหย่าทว่านางไม่มีตราประทับสีแดง จึงกัดริมฝีปาก แล้วหยดเลือดสีแดงลงมาประทับรอยนิ้วมือของตนเองเมื่อทำทุกอย่างนี้เสร็จ นางก็โยนหนังสือหย่าลงบนพื้น“คังเอ๋อร์ พวกเราไปกัน”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น แล้วก็จะดึงมือของเสิ่นคัง“ข้าไม่ไป ข้าอยากให้ท่านพ่อและท่านแม่อยู่ด้วยกัน” ไม่ว่าจะพูดอะไรออกมาเสิ่นคังก็ไม่ยอมไปกับเจียงหว่านเอ๋อร์ใบหน้าเล็กๆ ของเขา ถูกน้ำมูกและน้ำตาไหลนองจนเลอะใบหน้าไปหมด“พี่ใหญ่ ต่อให้พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าจะทำอะไรผิดไป ก็คงไม่ถึงขั้นหย่ากัน พวกท่านลองคุยกันเสียหน่อยไม่ได้หรือ?”เสิ่นจืออวี้ทนมองต่อไปไม่ได้แล้ว เขาหยิบหนังสือหย่าบนพื้นขึ้นมา แล้วต้องการจะฉีกออกเสิ่นจือเจิ้งจ้องมองไปยังเสิ่นจืออวี้ “หากว่าเจ้ากล้าฉีกมันออก ข้าเองก็จะไม่ถือว่าเจ้าเป็นน้องชายอีกต่อไป”เสิ่นจืออวี้หยุดการกระทำในมือลง สีหน้าดูไม่น่ามองอย่างประหลาดเขาเพียงแค
เจียงหว่านเอ๋อร์ยกมือขึ้น ตบไปยังใบหน้าของเสิ่นจือเจิ้งทว่ามือของนางเพิ่งจะยื่นออกไปได้เพียงแค่กลางอากาศเท่านั้น ก็ถูกเสิ่นจือเจิ้งคว้าเอาไว้แน่น“เจ้าพอได้แล้ว หากว่ายังมาบ้าคลั่งต่อหน้าของข้าอีก ก็เก็บข้าวของแล้วออกไปซะ!”สีหน้าของเสิ่นจือเจิ้งดูเย็น จ้องมองไปยังเจียงหว่านเอ๋อร์ที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงจนเกือบจะบ้าด้วยความโกรธดวงตาทั้งคู่ของเจียงหว่านเอ๋อร์แดงก่ำ น้ำตาไหลรินออกมาไม่หยุดสีหน้าของนางซีดขาว ความขุ่นเคืองในใจอันหนักหน่วง ทว่ากลับไม่มีที่ให้ระบายออกมาได้เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันเข้ามา เจียงหว่านเอ๋อร์ก็ถือว่าเจี่ยนอันอันเป็นศัตรูนางดึงมือออกจากเสิ่นจือเจิ้ง แล้วเดินมาทางด้านเจี่ยนอันอัน“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้า หากไม่ใช่เพราะว่าเจ้าเอาดวงวิญญาณของจือเจิ้งออกไป แล้วเขาจะทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไรกัน”เจียงหว่านเอ๋อร์นำความโกรธทั้งหมด ระบายใส่เจี่ยนอันอันทั้งหมดล้วนแต่เป็นความผิดของเจี่ยนอันอันหากไม่ใช่เจี่ยนอันอันที่คลายคุณไสยร้ายให้เสิ่นจือเจิ้ง เขาก็จะไม่มีทางตื่นขึ้นมาและไม่มีทางที่จะจำนางไม่ได้นางยินยอมให้เสิ่นจือเจิ้งตอนนี้ ยังคงอยู่ในอาการสลบไสลไม่ตื่นขึ้น
“เจ้านำหนังสือหย่านี้ไปให้เจียงหว่านเอ๋อร์ แล้วบอกนางว่าจากวันนี้เป็นต้นไป ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของเราสิ้นสุดแล้ว”“ต่อไปนางจะไปอยู่ที่ใด ก็เป็นอิสระของนาง ข้าไม่สนใจและไม่คิดจะสนใจ”เจี่ยนอันอันมองหนังสือหย่าในมือ ดูท่าแล้วพี่ชายของนางคงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วที่จะหย่าเจียงหว่านเอ๋อร์เจี่ยนอันอันมิได้กล่าวสิ่งใดอีก เมื่อพี่ชายคิดเช่นนี้ นางก็พร้อมเคารพการตัดสินใจนั้นยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้เจียงหว่านเอ๋อร์เป็นฝ่ายผิดก่อน จึงมิอาจโทษพี่ชายได้เจี่ยนอันอันถือหนังสือหย่า เดินออกไป นางเคาะประตูห้องของเจียงหว่านเอ๋อร์ เจียงหว่านเอ๋อร์รีบเช็ดน้ำตาบนใบหน้า ก่อนจะเดินมาเปิดประตูเมื่อนางเห็นว่าเป็นเจี่ยนอันอัน ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธทันที“เจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องอันใด?”เจี่ยนอันอันผลักเจียงหว่านเอ๋อร์ออกไป แล้วก้าวเข้าไปในห้อง“ข้ามิได้เชิญเจ้าเข้ามา เจ้าไม่มีสิทธิ์บุกรุกเข้ามาในห้องของข้าโดยพลการ!”เจียงหว่านเอ๋อร์กล่าว พลางยื่นมือจะดึงตัวเจี่ยนอันอันแต่เจี่ยนอันอันหมุนตัวก้าวหลบอย่างคล่องแคล่วนางยกหนังสือหย่าในมือขึ้นแสดงต่อหน้าเจียงหว่านเอ๋อร์“พี่ชายของข้าได้เขียน
เจียงหว่านเอ๋อร์ไม่กล้าพูดสิ่งใดอีก รีบสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้ววิ่งออกไปเมื่อมาถึงหน้าห้อง นางเห็นเจี่ยนอันอันยืนอยู่ที่ประตูใบหน้าของเจียงหว่านเอ๋อร์ที่ซีดขาวพลันเปลี่ยนเป็นแดงก่ำบทสนทนาระหว่างนางกับเสิ่นจือเจิ้งเมื่อครู่ เกรงว่าเจี่ยนอันอันจะได้ยินหมดแล้วเจียงหว่านเอ๋อร์ก้มหน้าลง รีบวิ่งกลับไปยังห้องถัดไปแล้วปิดประตูแน่นสนิทนางไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้นางผิดที่ตรงไหนกันแน่?นางคือคนที่ผ่านพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับเสิ่นจือเจิ้งมาแล้ว ต่อให้จะทำอะไรกับเขา ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สมควรและถูกต้องทั้งสิ้น แต่เมื่อครู่ ตอนที่นางเห็นเจี่ยนอันอัน นางกลับสังเกตเห็นแววรังเกียจบนใบหน้าของอีกฝ่ายสายตานั้นราวกับมองนางเป็นหญิงชั่วที่ถูกจับได้ว่ากำลังทำเรื่องผิดศีลธรรมอยู่บนเตียงยิ่งเจียงหว่านเอ๋อร์คิด นางก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจ นางทำผิดอะไรกันแน่ ถึงต้องถูกปฏิบัติเช่นนี้เหตุใดเสิ่นจือเจิ้งถึงไม่ยอมให้นางแตะต้อง เขาเกลียดนางขนาดนั้นเชียวหรือ?หรือว่าเสิ่นจือเจิ้งไม่ได้มองเจี่ยนอันอันเป็นเพียงน้องสาว แต่ชอบนางในฐานะสตรีคนหนึ่งมีคำกล่าวว่า เมื่อบุรุษเปลี่ยนใจ ย่อมไม่สนใจภรรยาคนแรกของตนอีกต่อไ
“ท่านพี่ หลายวันมานี้ท่านไม่ยอมให้ข้าแตะต้องท่านเลย ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าทุกข์ใจเพียงใด”“วันนี้ข้าจำต้องใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้ วางยาสลบในอาหารของท่าน หวังว่าท่านพี่จะไม่ถือโทษโกรธเคือง”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดพลางเดินมาที่ข้างเตียงอุ่น มือข้างหนึ่งลูบไล้ใบหน้าเรียบเนียนของเสิ่นจือเจิ้งบุรุษที่นางเฝ้าคิดถึงอยากจะใกล้ชิดทั้งวันทั้งคืน บัดนี้กำลังนอนอยู่เบื้องหน้านางใบหน้าของเจียงหว่านเอ๋อร์พลันขึ้นสีแดงระเรื่อหัวใจของนางเต้นแรง ลมหายใจก็เริ่มถี่กระชั้นมือที่หยาบกร้านเล็กน้อย ลูบไล้จากใบหน้าของเสิ่นจือเจิ้งอย่างแผ่วเบา เรื่อยมาจนถึงลำคอมือนั้นไล้ลงต่ำเรื่อยๆ ลงไปที่แผ่นอกของเสิ่นจือเจิ้งเสิ่นจือเจิ้งอดทนต่อสัมผัสของเจียงหว่านเอ๋อร์ เขายังไม่รีบร้อนลืมตา เพียงแต่อยากดูว่าต่อไป เจียงหว่านเอ๋อร์จะทำอะไรอีกเจียงหว่านเอ๋อร์กำลังจะสอดมือเข้าไปในเสื้อของเสิ่นจือเจิ้งแต่ในจังหวะนั้นเอง เสิ่นจือเจิ้งกลับพลิกตัวหันหลังให้นางเจียงหว่านเอ๋อร์ตกใจจนรีบดึงมือกลับ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงยาสลบที่นางใช้เป็นยาที่นางเก็บเอาไว้ก่อนหน้านี้ นางคิดจะใช้มันจัดการกับท่านย่าเล็กแต่คิดไม้ถึงว่า
เจียงหว่านเอ๋อร์กัดริมฝีปากล่างเบา ๆ นางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็กลืนคำพูดเหล่านั้นกลับลงไปพอนางส่งถาดอาหารในมือให้เจี่ยนอันอัน ก็หันหลังเดินจากไปด้วยขอบตาที่แดงเรื่อนับแต่เสิ่นจือเจิ้งฟื้นขึ้นมา ก็เอาแต่พูดจาเย็นชากับนางไม่เคยมีคำพูดใดที่แสดงความห่วงใยต่อนางเลยแม้แต่คำเดียวนางไม่เข้าใจว่าเหตุใดเสิ่นจือเจิ้งถึงปฏิบัติต่อนางเช่นนี้หรือว่าเป็นเพราะเขาสูญเสียความทรงจำ นิสัยถึงได้เปลี่ยนไปและเย็นชาต่อนางถึงเพียงนี้?เจี่ยนอันอันมองตามแผ่นหลังของเจียงหว่านเอ๋อร์ที่เดินจากไป ร่างบอบบางนั้นเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจนางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ถือถาดอาหารเดินมาข้างหน้าเสิ่นจือเจิ้ง“พี่ใหญ่ ท่านจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร ข้าว่าเจียงหว่านเอ๋อร์ก็ไม่ใช่คนไม่ดีสักหน่อย”“ต่างก็เป็นคนที่ถูกโชคชะตาเล่นตลก ถูกเนรเทศมาไกลถึงที่นี่ เผชิญความลำบากมากมาย”“จะอย่างไรตอนนี้นางเป็นภรรยาของท่านแล้ว ท่านให้โอกาสนางได้ใกล้ชิดกับท่านมากขึ้นหน่อยเถิด”เสิ่นจือเจิ้งยังคงทำหน้านิ่ง ไม่พูดอะไรจนกระทั่งเห็นเจี่ยนอันอันนำอาหารในถาดออกมา เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “เจ้ามีเข็มเงินอยู่ใช่หรือไม่ ลองตรวจดูส
เจี่ยนอันอันเลิกคิ้วขึ้น “พี่ใหญ่หมายความว่าอย่างไร?”“ต่อไปเจ้าก็จะเข้าใจเอง” เสิ่นจือเจิ้งไม่คิดจะอธิบายเพิ่มเติม ก่อนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “สองวันมานี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อเจี่ยนอันอันนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสองวันนี้ นางก็รู้สึกอึดอัดใจขึ้นมานางเล่าเรื่องทั้งหมดที่ตนประสบพบเจอในช่วงสองวันนี้ให้เสิ่นจือเจิ้งฟังเสิ่นจือเจิ้งดึงตัวเจี่ยนอันอันเข้ามาหา พลางสำรวจนางตั้งแต่หัวจรดเท้า“ชายที่ชื่อกู้มั่วหลีผู้นั้นไม่ได้ทำอะไรเจ้าใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันแค่นเสียงในลำคอ ดวงตาเผยจิตสังหารอันเหี้ยมโหด“กู้มั่วหลีน่าชังผู้นั้นพยายามจะลวนลามข้าหลายครั้ง น่าชิงชังเสียจริง!”“หากข้าเอาชนะเขาได้ ข้าคงแล่เนื้อเขาเป็นชิ้น ๆ แล้วเอาไปทำปุ๋ยเสีย”เจี่ยนอันอันยิ่งพูดยิ่งโกรธ มือทั้งสองข้างกำแน่นจนเส้นเลือดปูดผงสลายศพที่นางคิดค้นขึ้นเองกลับไร้ผลต่อกู้มั่วหลีนางไม่เข้าใจเลยว่าเขากินยาแก้พิษอะไรเข้าไปนางต้องไปคิดค้นวิจัยยาพิษใหม่ที่สามารถใช้กับกู้มั่วหลี่โดยเฉพาะให้ได้แววตาของเสิ่นจือเจิ้งฉายประกายอำมหิตกล้าทำเรื่องเช่นนี้กับน้องสาวของเขา หากเขาได้เจอ เขาจะไม่มีวันปล่อยกู้มั่วห
ซ่างตงเยว่เป็นคนนำน้ำมาส่งให้พวกเขาตลอดสองวันมานี้และน้ำที่บ้านของซ่างตงเยว่ก็รสชาติดีกว่าน้ำที่บ้านพวกเขาไม่รู้กี่เท่าน้ำนี้หวานและอร่อย ทำให้จ้าวอู่กับจ้าวลิ่วดื่มแล้วหยุดไม่ได้ซ่างตงเยว่เห็นทั้งสองคนดื่มติดต่อกันสองกระบวยใหญ่ก็ร้องว่า “พวกท่านดื่มน้อยหน่อย ท่านพ่อกับอาอวี๋ยังไม่ได้ดื่มเลย”ทั้งสองคนได้ยินดังนี้ก็รีบวางกระบวยตักน้ำลงพวกเขาเช็ดปากก่อนจะหัวเราะแหะๆ ให้ซ่างตงเยว่จ้าวลิ่วยิ้มว่า “นังหนูอย่าคิดมากขนาดนั้นสิ พวกข้าทำงานให้ท่านพ่อของเจ้าไม่น้อยเลยนะ”ซ่างตงเยว่กลอกตามองบนใส่จ้าวลิ่ว คิดในใจว่างานเล็กน้อยที่เจ้าทำเทียบกับที่ท่านพ่อของข้าทำไม่ได้เลยจ้าวอู่มองน้ำในถัง เขาอดถามไม่ได้ว่า “ตงเยว่ เหตุใดน้ำของบ้านเจ้าจึงรสชาติดีเช่นนี้ ไม่ได้เปรี้ยวและฝาดเหมือนน้ำที่บ้านข้า ดื่มยากสุดๆ”ซ่างตงเยว่หันไปมองเจี่ยนอันอันปราดหนึ่งแต่ไม่ได้พูดอะไรนางไม่มีทางบอกจ้าวอู่ว่าเจี่ยนอันอันเป็นคนช่วยจัดการบ่อน้ำที่บ้านของนางตอนนั้นเจี่ยนอันอันเห็นบ่อน้ำที่บ้านของนางทั้งเหลืองทั้งขุ่นจึงทำการเทน้ำพุวิญญาณลงไปจำนวนหนึ่ง จากนั้นน้ำที่บ้านนางก็ใสสะอาดและมีรสชาติดีนี่เป็นความล
ยิ่งไปกว่านั้น ที่พวกเขายอมตอบตกลงที่จะไปตามหาคลังสมบัติด้วยกันก็เกิดจากความละโมบของพวกเขาเองหากไม่ใช่เพราะคนผู้นั้นเริ่มสังหารเฉียวว่านหลินก่อน พวกเขาก็คงไม่สู้กันในช่องทางลับไม่ต้องมาตายอยู่ในนั้นโดยที่ยังหาคลังสมบัติไม่เจอท่านปู่เฉินมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเขาทั้งหมด และก็ด้วยเหตุนี้เช่นกัน เขาถึงได้ต้องจมอยู่กับความทรมานทุกวันขณะที่ท่านปู่เฉินกำลังคิดว่าจะแก้ตัวอย่างไร เจี่ยนอันอันก็พูดว่า “มาถึงขั้นนี้ ข้าว่าท่านอย่าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านอีกเลย”ท่านปู่เฉินเงยหน้าขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อเขาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านชิงสุ่ยมาหลายสิบปี จะต้องมาถูกปลดออกจากตำแหน่งทั้งอย่างนี้หรือ?“แม่นางเจี่ยน ข้าขอโอกาสไถ่โทษสักครั้งได้หรือไม่?”“ข้ายินดีมอบเงินออมทั้งหมดให้ภรรยาและลูกชายของเฉียวว่านหลิน”สิ่งที่เขาพอจะทำได้ในตอนนี้ก็มีแค่นี้ในบรรดาสี่คนนั้น มีแค่เฉียวว่านหลินที่มีลูกและภรรยา ส่วนอีกสามคนเป็นพวกกล้าตายถึงแม้จะตายไปก็ไม่มีผู้ใดช่วยเก็บศพ เจี่ยนอันอันมองว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนางมากนักนางเป็นแค่คนที่ถูกเนรเทศมาอยู่ที่นี่ หากบีบให้ท่านป