หากว่าเป็นกู้มั่วหลี เรื่องนี้ก็คงจะเปลี่ยนเป็นยุ่งยากขึ้นมาท้ายที่สุดแล้วกู้มั่วหลีมีสถานะใด เขาเองก็ยังไม่แน่ชัดตอนนี้พวกเขาอยู่ในที่แจ้ง อีกฝ่ายอยู่ในที่ลับพวกเขาจะต้องกระทำการอย่างระมัดระวังฉู่จวินสิงพูดออกมาเสียงขรึม “คิดจะให้เสิ่นจือเจิ้งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านชิงสุ่ย คงจะต้องสร้างเรือนขึ้นมาใหม่อีกหนึ่งหลัง” “ทว่าจะให้ใครมาสร้างกัน แล้วดินกับไม้ที่ใช้จะไปเอามาจากที่ไหนกัน?” เจี่ยนอันอันคิดว่าคนที่จะสร้างเรือนนั้นหาได้ง่าย เรื่องนี้ซ่างชิวแล้วอวี๋ว่านพวกเขาสามารถช่วยเหลือได้เมื่อถึงเวลานั้นนางสามารถให้เงินค่าแรงพวกเขาได้ ไม่มีทางให้พวกเขาช่วยงานเปล่าๆส่วนของที่ใช้ก่อสร้างเรือนพวกนั้น ก็สามารถหาซื้อได้จากในเมือง อย่างไรเสียตอนนี้นางก็มีเงินอยู่ ใช้เงินเพียงเล็กน้อยซื้อของเหล่านี้หากว่าเสิ่นจือเจิ้งรู้ว่าทั้งสองคนทำทั้งหมดนี่เพื่อครอบครัวของเขา จะต้องซาบซึ้งใจพวกเขามากยิ่งขึ้น รอจนเมื่อถึงเวลานั้น ไม่จำเป็นต้องให้ฉู่จวินสิงพูดขึ้น เสิ่นจือเจิ้งจะต้องเสนอออกมาว่าจะขอติดตามฉู่จวินสิงเอง มีเพียงแค่เสริมความแข็งแกร่งให้กับตนเอง พวกเขาถึงจะสามารถกลับไปยังเมือง
เจี่ยนอันอันส่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา ถืออาหารเดินก้าวใหญ่ไปยังหน้าประตูเรือนนางไม่ได้สนใจสองคนนี้ ผลักประตูเรือนแล้วเดินเข้าไปกวนซินกำลังอยู่ในสวนด้วยใบหน้าเศร้าหมอง เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงมาถึง ความเศร้าหมองบนใบหน้าทันใดนั้นก็หายไปเจี่ยนอันอันรู้ว่ากวนซินกำลังเศร้าเรื่องอะไรอยู่ นางจงใจส่งเสียงพูดให้ดังขึ้น "ท่านไม่จำต้องใส่ใจคนด้านนอกสองคนนั่น หากว่าข้าไม่อนุญาติ พวกเขาไม่ว่าใครก็อย่าได้คิดจะเข้ามาแม้แต่ครึ่งก้าว"แม่นมหลี่และเตียวเฉียงที่ยืนอยู่ด้านนอกหลังจากที่ได้ยินแล้ว ต่างก็พากันมองหน้ากันทั้งสองคนต่างก็พากันกล่าวโทษกัน ว่าคืนวานนี้ไม่ควรจะพูดคำเหล่านั้นออกมาผลจากการที่ล่วงเกินเจี่ยนอันอันก็คือ ทำให้เขาตอนนี้ก็ไม่มีแม้แต่ที่อยู่อาศัยเจี่ยนอันอันวางกล่องอาหารลงบนโต๊ะ แล้วให้กวนซินนั่งลงกินชิวเหลียนจูงมือฉู่ตั๋วตั่วเดินออกมาจากในห้องสือเจี้ยและเด็กรับใช้คนอื่นๆ พากันยืนอยู่ตรงนั้น ไม่มีใครกล้านั่งลงกินข้าวอาหารของพวกเขาตอนนี้มองจนเห็นก้นแล้ว เช้าวันนี้ยังคงคิดกันอยู่ว่าจะทำให้ท้องอิ่มได้อย่างไรกันเจี่ยนอันอันเหลือบมองไปยังพวกสือเจี้ยทั้งหลาย จึงใ
"พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าและคังเอ๋อร์ทำไมถึงได้ไม่ออกมากัน หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้น?"เจี่ยนอันอันพยักหน้าแล้วพูดขึ้น "พวกเขาถูกเฉียนซื่อทำคุณไสยใส่"เสิ่นจืออวี้หลังจากที่ได้ยินแล้วก็จะพุ่งเข้าไปในห้อง แต่กลับถูกเจี่ยนอันอันห้ามเอาไว้"ท่านไปกินข้าวเสียก่อน อีกเดี๋ยวข้ามีวิธีจะช่วยพวกเขาทั้งหมดให้ฟื้นกลับมา"สายตาของเจี่ยนอันอันดูแน่วแน่ และก็ทำให้เสิ่นจืออวี้รู้สึกมีความหวังขึ้นมาในเมื่อเจี่ยนอันอันสามารถมองออกว่าพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่ของเขาต่างก็ถูกคุณไสย นางก็จะต้องช่วยพวกเขาได้แน่เสิ่นจืออวี้ตอนนี้เชื่อในความสามารถของเจี่ยนอันอันเป็นอย่างมาก เขานั่งลงตรงโต๊ะอย่างเชื่อฟังเมื่อมองอาหารบนโต๊ะ ในใจของเสิ่นจืออวี้ก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเมื่อคืนวานนี้เขารู้มาจากกวนซินแล้วว่า ที่นี้ไม่มีข้าวสารให้หุงแล้วเขายังคิดจะนำหมั่นโถวที่พวกเขานำมาด้วยออกมาให้ทุกคนได้กิน แต่กลับไม่คิดเลยว่าเจี่ยนอันอันจะนำอาหารมาส่งให้แล้วเสิ่นจืออวี้ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี ทำได้เพียงแค่มองไปยังเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงด้วยความขอบคุณเจี่ยนอันอันพูดกับเสิ่นจืออวี้ว่า “สองคนด้านนอกนั่นจะต้องห้ามปล่อยไม่ให้พวก
แม่นมหลี่ตกใจเสียจนตื่นตระหนกขึ้นมา แล้วรีบหันหลังวิ่งไปด้านนอกเตียวเฉียงขมวดคิ้วขึ้น ในตอนที่ไม้นั้นจะทุบโดนเขา ก็รีบกระโดดขึ้นเตะไม้ลอยออกไปตอนที่เตียวเฉียงมองเห็นเสิ่นจืออวี้โยนไม้มาทางด้านพวกเขานั้น ดวงตาฉายแววโหดร้ายขึ้นมาทันที“ช่างกล้าเสียจริงเจ้าอันธพาล เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร ถึงได้กล้าโยนไม้ใส่ข้า”“ข้าว่าเจ้าคงจะเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว!”เตียวเฉียงพูด พร้อมเก็บไม้ขึ้นมา แล้วโจมตีไปทางเสิ่นจืออวี้เสิ่นจืออวี้ถูกด่าว่าเป็นอันธพาล เดิมทีในใจก็ไม่มีความสุขนัก เมื่อเห็นว่าไม้กำลังจะตกลงบนหัวของเขา เขาก็รีบเคลื่อนกายหลบการโจมตีของเตียวเฉียงไปไม้ตกลงบนโต๊ะอย่างแรง ทำเอาชามใบหนึ่งแตกกระจายเสิ่นจืออวี้เหลือบมองข้าวในชาม ที่กระจัดกระจายไปนั่นเป็นข้าวที่เขาเพิ่งจะกินไปได้ไม่กี่คำเท่านั้นเสิ่นจืออวี้ที่ไม่ชอบการสิ้นเปลือง ทันใดนั้นก็โมโหขึ้นมาเขาคว้าท่อนไม้ที่ทุบมานั้นอีกครั้ง ดึงอย่างแรงเตียวเฉียงถูกดึงไปยังเบื้องหน้าของเสิ่นจืออวี้พร้อมกันกับไม้เสิ่นจืออวี้ยกขาขึ้น แล้วเตะไปตรงเป้าของเตียวเฉียงพลังเตะครั้งนี้รุนแรงมาก เตียวเฉียงรู้สึกเพียงความเจ็บปวดจู
คนทั้งสองพักผ่อนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ในไม่ช้าก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขาแม่นมหลี่ร่ำร้องเสียงดังขึ้นมาทันที “ผู้บัญชาการหนิง ท่านมาได้เสียทีนะ”“เมื่อครู่ท่านเห็นแล้วใช่หรือไม่ คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่เข้ามาอยู่ใหม่ที่นั่นจะทำร้ายเตียวเฉียงจนตกอยู่ในสภาพนี้”หนิงเจิ้นขมวดคิ้วพลางเอ่ยด้วยสีหน้าหงุดหงิด “หุบปาก หนวกหูชะมัด”ภาพเมื่อครู่นี้ เขาย่อมเห็นเต็มสองตาแล้วถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่เตียวเฉียงไม่ได้เรื่องเอง แค่คนในสถานที่เล็กๆ อย่างเมืองซินเหอก็ยังสู้ไม่ได้เตียวเฉียงร้องโอดครวญด้วยสีหน้าเจ็บปวด จนถึงตอนนี้ตรงหว่างขาของเขาก็ยังเจ็บปวดหาใดเปรียบขาสองข้างของเขายังพลอยปวดระบมตามไปด้วยเมื่อครู่ถ้าไม่ได้แม่นมหลี่ประคองเขามา เกรงว่าเขาคงได้แต่คลานมาที่นี่เสียแล้วเสียงโอดครวญของเตียวเฉียงทำให้หนิงเจิ้นรู้สึกเดือดดาลขึ้นมา“แค่คนเมืองซินเหอเจ้าก็สู้ไม่ได้ ยังมีหน้ามาร้องโอดโอยอยู่ตรงนี้อีก”“ถ้ายังกล้าส่งเสียงอีกแม้แต่คำเดียว ข้าจะทำให้เจ้าเป็นขันทีเอง”คำพูดของหนิงเจิ้นทำให้เตียวเฉียงตกใจจนหยุดร้องในทันใดตอนนี้เขาอัดอั้นใจยิ่งนัก เขาเป็นผู้เคราะห์ร้ายแท้ๆ เหตุใดผู้บัญชาก
เจี่ยนอันอันมองข้ารับใช้สามคนที่ขวางอยู่ตรงหน้า นางมองออกว่าสามคนนี้ล้วนถูกบงการด้วยคุณไสยนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ท่านรับหน้าที่จัดการพวกเขา ข้าจะไปถอนผมเฉียนซื่อ”ฉู่จวินสิงไม่ได้พูดอะไร เขาลงมือไม่กี่ครั้งก็สามารถทำให้สามคนนั้นลงไปกองบนพื้นได้แล้วเจี่ยนอันอันยิ้มยิงฟันให้ฉู่จวินสิง แล้วเดินไปตรงหน้ารถม้าเพื่อถอนผมเฉียนซื่อคิดไม่ถึงว่าข้ารับใช้สามคนที่เพิ่งถูกอัดลงไปกองบนพื้นกลับคืบคลานขึ้นมาอีกครั้งยามนี้พวกเขาไม่รู้จักความเจ็บปวดเลยสักนิด โห่ร้องเสียงดังพลางต่อยเตะเข้าใส่ฉู่จวินสิงข้ารับใช้สามคนนั้นอยู่ในจวนแม่ทัพมานานย่อมได้เรียนรู้วรยุทธ์งูๆ ปลาๆ มาบ้างฉู่จวินสิงไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาสักนิด เขากล่าวกับเจี่ยนอันอันว่า “เจ้าไปถอนผมได้เลย ข้าจัดการสามคนนี้เอง”ฉู่จวินสิงกล่าวพลางถีบหนึ่งในนั้นกระเด็นออกไปข้ารับใช้สามคนนี้ ยามอยู่ต่อหน้าฉู่จวินสิงก็เป็นแค่ปลาซิวปลาสร้อยเท่านั้นเจี่ยนอันอันไม่สนใจฝั่งนี้อีก นางเดินหน้าหลายก้าวไปจนถึงเบื้องหน้ารถม้าบทสนทนาระหว่างทั้งสองเมื่อครู่นี้ลอยเข้าหูเฉียนซื่อโดยไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียวเฉียนซื่อเห็นเจี่ยนอันอันมาแล้ว สีหน้าก็เ
เฉียนซื่อถูกตบจนเห็นดาวทอง ความเจ็บปวดบนหนังศีรษะทำให้นางมีสติแจ่มใสขึ้นมาในทันใด“ช่วยด้วย จะฆ่าคนแล้ว!”เฉียนซื่อร้องเสียงดัง แต่ว่าไม่มีเสียงตอบรับจากใครทั้งสิ้นฉู่จวินสิงในยามนี้อัดข้ารับใช้สามคนนั้นจนลุกไม่ขึ้นมาแต่แรกแล้วฉู่จวินสิงมองเฉียนซื่อด้วยสีหน้าเย็นชา ปราศจากท่าทีจะเข้าไปช่วยเหลือนางโดยสิ้นเชิงในที่สุดเฉียนซื่อก็นึกเสียใจทีหลัง นางไปยุ่งกับใครไม่ยุ่ง แต่ดันมามีเรื่องกับเจี่ยนอันอันตอนนี้เสิ่นจืออวี้กับเจียงหว่านเอ๋อร์ก็ไม่อยู่ข้างกาย ต่อให้นางร้องจนคอแตกก็ไม่สามารถเรียกพวกเขามาได้นางอยู่มาจนอายุปูนนี้ เป็นไม้ใกล้ฝั่งแล้วยังต้องมาประสบเคราะห์ร้ายแบบนี้อีกน้ำตาของเฉียนซื่อไหลเปรอะเปื้อนใบหน้าน้ำมูกผสมกับน้ำตาไหลเข้าไปในปากที่อ้ากว้างของนางไม่ว่าเฉียนซื่อจะดิ้นรนอย่างไร เจี่ยนอันอันก็ไม่ยอมปล่อยมือในที่สุดเฉียนซื่อก็ยอมแพ้ นางร้องไห้โฮ ปากก็ส่งเสียงขอร้องอ้อนวอน“แม่นางเจี่ยน เจ้าปล่อยข้าไปเถอะ ข้าไม่กล้าฮุบเรือนของเจ้าอีกแล้ว”เจี่ยนอันอันยิ้มเย็นชา มือไร้ทีท่าว่าจะคลายออก“ตอนนี้เจ้ารู้จักขอร้องแล้วงั้นรึ แต่สายเกินไปแล้ว”เส้นผมสีดอกเลาถูกเจี่ยนอัน
ไม่ถูกนี่นา อดีตฮ่องเต้เพิ่งสวรรคตไปได้ปีกว่า เหวยป๋อจื่อกลับเข้าจวนแม่ทัพไปตั้งแต่สิบกว่าปีก่อนแล้วเวลาไม่สอดคล้องกันเฉียนซื่อไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจี่ยนอันอันจึงมีสีหน้าประหลาดใจแบบนั้นนางกัดฟันตอบว่า “เหวยป๋อจื่อมาที่จวนแม่ทัพตั้งแต่สิบห้าปีก่อนแล้ว”“เอาละ เจ้าเล่าต่อไปได้แล้ว”เจี่ยนอันอันตัดสินใจข่มความสงสัยในใจลงก่อน แล้วฟังเฉียนซื่อเล่าต่อไปมือที่สั่นเทิ้มของเฉียนซื่อเช็ดเลือดบนใบหน้าออกแล้วเริ่มเล่าต่อไปปีนั้นเสิ่นจือเจิ้งยังเล็ก ไม่รู้ว่าคนที่พากลับมาเป็นใครยามนั้นแม่ทัพผู้เฒ่าเสิ่นยังมีชีวิตอยู่ เขาเห็นเสิ่นจือเจิ้งพาคนที่มีบาดแผลทั่วร่างกลับมาก็สั่งให้คนไปเรียกหมอมารักษาคนเจ็บแต่เมื่อหมอมาจับชีพจรให้กลับบอกว่าคนผู้นี้มีชีวิตต่อไปได้อีกไม่นานหมอเพียงจัดยาสำหรับรักษาบาดแผลภายนอกให้เหวยป๋อจื่อแล้วก็จากไปตอนที่เฉียนซื่อเห็นเหวยป๋อจื่อก็พบว่าเขามีลักษณะโดดเด่นไม่ธรรมดาในใจพลันบังเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมาถ้าสามารถช่วยชีวิตคนผู้นี้ไว้ได้ นางก็จะสามารถชุบเลี้ยงเอาไว้ข้างกายแค่มองดูอีกฝ่าย นางก็รู้สึกดีแล้วไม่แน่ว่าวันหน้านางอาจได้ร่วมอภิรมย์กับเขาด้วยก็เป็น
ซางหมิงโบกมือไปมา “เจ้ากับข้าเคยเป็นศิษย์อาจารย์กันมาก่อน ไม่จำเป็นต้องมากพิธีเช่นนี้”“แต่ข้าเห็นว่าหน้ากากที่แม่นางผู้นี้สวมอยู่ประณีตมากทีเดียว สามารถถอดลงมาให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”ซางหมิงดูออกแต่แรกแล้วว่าหน้ากากที่คนทั้งสองสวมอยู่ทำมาจากหนังมนุษย์แต่ไม่รู้ว่าหน้ากากหนังมนุษย์นั้นใช้น้ำยาอะไรแช่จึงดูเกลี้ยงเกลาอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นนั้นเจี่ยนอันอันคิดในใจว่าในเมื่อนางกับฉู่จวินสิงมีเรื่องมาขอร้องผู้วิเศษซาง นางจึงตอบรับคำขอของฝ่ายตรงข้ามเจี่ยนอันอันถอดหน้ากากหนังมนุษย์ลงมา เผยให้เห็นโฉมหน้าดั้งเดิมของนางเมื่อซางหมิงเห็นรูปโฉมที่แท้จริงของเจี่ยนอันอันแล้วก็พลันประทับใจในความงามของนางฉู่จวินสิงไม่ได้แต่งแม่หนูผู้นี้เสียเปล่าจริงๆ นางไม่เพียงขวัญกล้าเกินคน แต่ยังมีรูปโฉมงดงามปานนี้เหมาะสมกับฉู่จวินสิงมากทีเดียวเมื่อซางหมิงรับหน้ากากหนังมนุษย์ไปก็อดถามไม่ได้ว่า “แม่หนู เจ้าชื่อว่าอะไรรึ ยินดีเรียนรู้วิชาแปลงโฉมกับข้าหรือไม่?”เจี่ยนอันอันคิดไม่ถึงว่าผู้วิเศษซางผู้นี้ยังคิดจะสอนวิชาแปลงโฉมให้นางอีกด้วยนางย่อมยินดีอยู่แล้ว“ศิษย์เจี่ยนอันอันคารวะอาจารย์เจ้าค่ะ”
ภายในห้องรกไปหมด กระทั่งพื้นที่จะวางเท้าสักที่ก็ยังไม่มีภาชนะแก้ววางอยู่บนโต๊ะ ในนั้นบรรจุของเหลวสีเขียวและสีม่วงเอาไว้ของเหลวนั้นพ่นควันปุดๆ ควันขาวลอยฉุยออกมาจากภาชนะซางหมิงเห็นว่าคนทั้งสองยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ เขาจึงคว่ำปากเอ็ดว่า “ตรงนั้นก็นั่งได้ไม่ใช่เรอะ ยังไม่รีบนั่งลงอีก”ฉู่จวินสิงไม่ได้โกรธเคืองเพราะความเฉยชาของอีกฝ่ายแม้แต่น้อยเขาจูงมือเจี่ยนอันอันก้าวข้ามกระดาษที่กระจายอยู่บนพื้นไปถึงบริเวณที่ซางหมิงพูดถึงแล้วจึงเห็นเบาะนั่งสองเบาะใต้กองกระดาษถ้าไม่ได้รับการชี้แนะจากซางหมิง พวกเขาก็คงดูไม่ออกจริงๆ ว่าตรงนี้มีบริเวณที่สามารถนั่งได้อยู่หลังจากทั้งสองคนนั่งลงแล้วก็ไม่มีใครส่งเสียง รอให้ซางหมิงจัดการงานในมือเสร็จค่อยบอกกล่าวจุดประสงค์การมา“เรื่องของเจ้าข้ารู้แล้ว เจ้ากลับมาคราวนี้คิดจะโค่นราชสำนักของฮ่องเต้อย่างนั้นหรือ?”ซางหมิงกล่าวโดยไม่ได้เงยหน้า มือยังคงทำหน้ากากต่อไปฉู่จวินสิงก็ไม่คิดจะปิดบัง บอกเล่าแผนการที่กลับมาคราวนี้ออกมารอบหนึ่งซางหมิงแช่หน้ากากที่บางเบาดุจปีกจักจั่นในน้ำยาแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนทั้งสอง“ท่านนี้คือผู้ใต้บังคับบัญชาที่เจ้าพามาด้ว
ฉู่จวินสิงพาเจี่ยนอันอันมาถึงตำหนักที่เขาเคยอยู่เจี่ยนอันอันไม่เข้าใจเลย ฉู่จวินสิงพานางมาที่นี่ทำไม?ที่นี่ว่างเปล่าโหวงเหวง อย่าว่าแต่โต๊ะเก้าอี้ แม้แต่เตียงนอนก็ยังถูกทหารที่มาริบทรัพย์ขนไปหมดแล้วฉู่จวินสิงคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อหวนรำลึกถึงสิ่งที่เขาเคยมีหรอกนะขณะที่เจี่ยนอันอันลอบครุ่นคิดก็เห็นว่าฉู่จวินสิงไปหยุดยืนอยู่หน้าผนังด้านหนึ่งเขาออกแรงกดลงบนมุมหนึ่งของผนัง ผนังด้านนั้นไม่มีร่องใดอยู่เลยแม้แต่น้อยแต่กลับมีเสียง ‘ครืด’ ดังขึ้น ต่อจากนั้นผนังก็เริ่มขยับอุโมงค์ลับที่มืดสนิทปรากฏขึ้นเบื้องหน้าคนทั้งสองในที่สุดเจี่ยนอันอันก็เข้าใจแล้ว คิดไม่ถึงว่าในจวนเยียนอ๋องจะซุกซ่อนสถานที่ลึกลับเช่นนี้เอาไว้ฉู่จวินสิงจูงมือเจี่ยนอันอันเดินเข้าไปในอุโมงค์ลับแห่งนั้นผนังด้านหลังปิดลงเสียงดัง ‘ครืด’ อย่างรวดเร็วเจี่ยนอันอันหยิบตะบันไฟออกมาจุด มองดูเปลวไฟที่ถูกลมจุดขึ้นบนตะบันไฟ นางก็รู้ว่าที่นี่จะต้องมีทางลับอื่นๆ อยู่ด้วยแน่นอนคนทั้งสองเดินลงบันได มาได้ไกลพอสมควรก็ถูกผนังที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลขวางทางไปเอาไว้ฉู่จวินสิงใช้ตะบันไฟส่องไปที่ผนังด้านนั้นแล้วหาปุ่มกดเจอได้ในทั
เจี่ยนอันอันถือโอกาสที่ทหารอีกสามคนหลับสนิทอยู่ จัดการป้อนยาสมานแผลใส่ปากให้เช่นกันเผื่อว่าเมื่อตื่นขึ้นมา ร่างกายจะได้บรรเทาความเจ็บปวดลงบ้างฉู่จวินสิงกำชับอีกหลายประโยค จึงติดตามเจี่ยนอันอันออกจากห้องขังไปการที่พวกเขาจู่ๆ หายตัวไปเช่นนั้น ย่อมทำให้ทหารสามคนที่บาดเจ็บสาหัส เกิดความตกใจจนอ้าปากค้างเดิมทีการปรากฏตัวกะทันหันของฉู่จวินสิง ก็ทำให้พวกเขาตกใจมากพอแล้วมิคาดว่าเขายังสามารถหายตัวไปต่อหน้าต่อตาพวกเขาอีกแล้วสิ่งที่พวกเขามองเห็น คือมนุษย์หรือภูตผีกันแน่?แต่เมื่อรู้สึกว่าร่างกายค่อยๆ ดีขึ้น ทั้งสามก็เชื่อว่าที่เห็นนั้น คือเยียนอ๋องตัวจริงแน่นอนเพราะหากว่าเป็นภูตผี แล้วจะมาป้อนยาให้พวกเขาได้อย่างไร?ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันกลับมายังบ้านพักของอิ่นเจียง ร่วมหารือว่าลำดับต่อไปควรจะช่วยเหลือพวกเขาอย่างไรเจี่ยนอันอันกล่าว “เมื่อครู่ข้าเห็นสภาพของเหล่าทหาร นอกจากสามคนที่บาดเจ็บสาหัสนั่นแล้ว ที่เหลือหลังจากกินยาไป ไม่เกินสองวันน่าจะหายเป็นปกติ”“เพียงแต่สามคนนั้นอาการหนักมาก ต่อให้กินยาสมานแผลไปจริง ก็อาจจะเดินเหินลำบาก”“ถ้าเราจะช่วยพวกเขาออกมา ก็อาจต้องเผชิญกับทหารร
หลังจากกำชับอีกหลายคำ ฉู่จวินสิงกับเจี่ยนอันอันจึงหายตัวไปทั้งคู่เดินไปยังด้านในสุดของเรือนจำการที่พวกเขาจู่ๆ อันตรธานหายไปเช่นนี้ ย่อมทำให้หลี่ว์ซางกับพวกต่างตกใจไม่น้อยทุกคนต่างพากันนั่งลง พร้อมวิจารณ์ไปต่างๆทหารอายุน้อยเอ่ยปากขึ้นก่อน “ท่านอ๋องของเราคงมิใช่ไปฝึกเวทมนตร์คาถาชนิดใดมาหรอกนะแล้วไฉนจึงปุบปับก็โผล่มา พริบตาก็หายวับไปเช่นนั้นได้?”หลี่ว์ซางตบท้ายทอยทหารรุ่นน้องอีกครั้ง “อย่าพูดเหลวไหล โลกนี้จะมีคาถากระไรได้?”ทหารอีกคนอดไม่ได้ที่จะแทรกขึ้น “แต่ข้าว่าน้องชายผู้นั้นร้ายกาจยิ่งกว่า ยาที่เขาให้พวกเรากิน ทำให้ข้ารู้สึกร่างกายดีขึ้นมาก”ทหารผู้น้อยทนเงียบไม่ไหว จึงได้กล่าวขึ้นอีก “ข้าว่าคงเพราะน้องชายผู้นั้นเก่งกล้าสามารถ เป็นคนถ่ายทอดอิทธิฤทธิ์ให้ท่านอ๋องของเรา”หลี่ว์ซางเกรงว่าเสียงพูดคุยของพวกเขา จะดังไปถึงหูผู้คุมเข้าจึงรีบเอ่ยปากห้ามปราม “เอาเถิด ทุกคนอย่าพูดอีกเลย ระวังผู้คุมจะมาได้ยินเข้า”“ยามนี้สำคัญคือพักฟื้นร่างกาย แล้วรอให้เยียนอ๋องมาช่วยพวกเราออกไป”ในที่สุดทุกคนจึงได้ยอมหุบปาก นั่งลงที่พื้นเพื่อปรับสภาพร่างกายฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันได้ยินคำพูด
เขาถูกจองจำในคุกหลวงมาหลายวัน ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะใช้วิธีทรมานอย่างหนักหน่วงเพียงใด เขาก็ไม่เคยคิดอ่อนข้อแม้แต่สักครั้งเดียวเฝ้ารอแล้วรอเล่ามาหลายวัน จนกระทั่งได้พบฉู่จวินสิงจริงๆ กลับแทบไม่เชื่อสายตาตนเองฉู่จวินสิงกล่าวเสียงขรึม “เจ้าดูไม่ผิดหรอก ข้าคือฉู่จวินสิง”หลี่ว์ซางจำเสียงของฉู่จวินสิงได้ เขาตื้นตันจนไม่รู้จะเอ่ยปากอย่างไรได้แต่มือหนึ่งจับซี่กรงไม้ของห้องขังไว้ นิ้วมือกำแน่น“ท่านอ๋อง ท่านเข้ามาได้อย่างไร ทหารข้างนอกมิได้พบเห็นท่านหรอกหรือ?”หลี่ว์ซางกล่าวพลาง สายตาคอยเหลียวมองออกไปด้านนอกดีที่พวกเขาพูดคุยเสียงเบามาก จึงไม่ถูกผู้คุมได้ยินเข้าข้างในอีกสี่คนนั้น ต่างก็ตื้นตันใจเช่นกันผู้ที่อายุน้อยหน่อย ถึงขั้นยกแขนเสื้อขึ้นมาซับน้ำตาในที่สุดก็รอจนเยียนอ๋องมาถึง พวกเขามีหวังได้รอดชีวิตแล้วฉู่จวินสิงต้องปลอบให้พวกเขาสงบสติอารมณ์ พลางถามหลี่ว์ซาง “มีแต่พวกเจ้าที่ถูกจับมากระนั้นหรือ?”หลี่ว์ซางรีบกล่าวตอบ “ยังมีอีกแปดคนของรับ แต่ถูกแยกขังไว้อีกห้องหนึ่ง”หลี่ว์ซางกล่าวพลาง ชี้นิ้วไปยังห้องที่อยู่ด้านในสุดหลังจากกล่าวจบ จึงได้ถอนหายใจหนักหน่วง“หากท่านอ๋องมาช่
แต่เขาถูกเนรเทศยกครัวไปอยู่เมืองอินเป่ยแล้ว เหตุใดจึงมีเสียงมาปรากฏที่คุกหลวงได้อีกหรือว่า หลายวันนี้ที่เขาแสร้งทำเป็นสติวิปลาส เพื่อหลีกหนีการลงทัณฑ์ที่แสนสาหัสกลับกลายเป็นภาพหลอนเกิดขึ้นกับตนแล้วหรือไร?เจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงมองหน้าฉู่เทียนหัวซึ่งยืนตาค้าง แต่ไม่ไปสนใจเขา กลับเดินเข้าไปด้านในคุกหลวงอีกพร้อมสำรวจแต่ละห้องอย่างละเอียด ผู้ที่ถูกคุมขังอยู่ภายในนั้น บ้างก็นั่งบ้างก็นอน พักผ่อนไปตามเรื่องแต่ตามร่างกายของแต่ละคน ล้วนเต็มไปด้วยคราบเลือดมากมายและขณะที่ทั้งคู่เดินลึกไปยังด้านใน พลันมีเสียงพูดคุยกระซิบกระซาบ แว่วเข้ามาในโสตประสาท“ป่านนี้พวกแม่ทัพเฉินคงหนีไปถึงเมืองอินเป่ยแล้วกระมัง?”“ขอเพียงพวกเขาได้พบเจอกับเยียนอ๋อง เราก็จะมีหวังรอดชีวิต”“ยามนี้ทุกอย่างล้วนขึ้นกับชะตาของพวกแม่ทัพเฉิน หวังว่าจะสามารถหลบหนีการตามล่าของเหล่าทหาร จนได้พบเยียนอ๋องโดยเร็ว”“เฮ้ พวกเราอยู่ในนี้แทบไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่วันกี่คืนแล้ว”“ช่างเถิด รีบนอนเสีย พรุ่งนี้อาจถูกทรมานหนักหน่วงอีกหนึ่งวัน”“แต่ขอให้ทุกคนอดทนไว้ ตราบใดที่เยียนอ๋องไม่มาช่วยพวกเรา เราจะไม่ย
“คนที่บ้านกลับไปหมดแล้วรึ?”“อึม ไปหมดแล้ว”“พวกเขาไปที่ใด?”“ไปเล่นดินเล่นทรายอยู่ข้างนอก”ฉู่เทียนหัวบ่นพึมพำด้วยประโยคเหล่านี้ซ้ำซาก เขาพูดเองเออเอง ทั้งยังเอาศีรษะโขกกำแพงอีกหลายทีจากนั้นก็หัวเราะเสียงดังฮ่าๆ ออกมาเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงมองดูฉู่เทียนหัวแทบไม่กะพริบตา เพื่อจะดูว่าเขาเสียสติจริงหรือเสแสร้งกันแน่ฉู่เทียนหัวโขกศีรษะไปครู่หนึ่ง จึงได้หันกลับมาอีกเขาเดินไปยังหน้าประตูห้องขัง พร้อมเอามือจับซี่กรงแล้วโยกแรงๆ อยู่หลายทีเจี่ยนอันอันพอดียืนอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นมือที่ยื่นออกมาเบื้องหน้า จึงรีบถอยหลังเร็วพลันเสียงฝีเท้านางแม้ว่าจะแผ่วเบา แต่ยังคงเข้าหูฉู่เทียนหัวอยู่ดีสายตาของฉู่เทียนหัวผุดแววฉงนที่ผ่านไปเพียงวูบหนึ่งไม่นานก็คืนสู่ภาวะปกติ โดยเอามือไขว่คว้ากลางอากาศ พร้อมใส่เข้าปากเคี้ยวกินหนุบหนับร่างกายยังคงสั่นเทาเป็นระยะ เคี้ยวอากาศไปพลาง ปากก็บ่นพึมพำไปเรื่อย“ข้าคือโอรสแห่งสวรรค์ สวรรค์จะไม่ปล่อยให้ข้าอดอยาก สวรรค์ประทานของดีแก่ข้ามากมาย ฮี่ๆๆ...”แต่แววฉงนที่ปรากฏในดวงตาฉู่เทียนหัวเมื่อครู่ กลับตกอยู่ในสายตาของคนทั้งสองฉู่จวินสิงดูออกในฉับพลัน
หากผู้ที่กลับมาเมื่อวานไม่ใช่อิ่นเจียงตัวจริง ฮ่องเต้ย่อมต้องกำจัดคนผู้นั้นเป็นแม่นมั่นถึงตอนนั้นเมื่อใด ฮ่องเต้ก็จะส่งคนไปเมืองอินเป่ยเพื่อตรวจสอบอีกครั้งและถ้าครอบครัวฉู่จวินสิงยังไม่ตายจริง ก็จะสามารถกวาดล้างทีเดียวให้สิ้นซากแต่สิ่งที่เจี่ยนกั๋วกงไม่คาดคิดก็คือ ผลลัพธ์ออกมากลับกลายเป็นตรงข้ามฮ่องเต้ไม่เพียงไม่เข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ ยังจ้องมองด้วยพระเนตรดุดันอีก“ในเมื่อเกิดเหตุมาหลายวันแล้ว มาบอกข้าตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ช่างไม่เอาไหนนัก”ฉู่ชางเหยียนตำหนิเจี่ยนกั๋วกงอย่างรุนแรงไม่ไว้หน้า พร้อมทั้งโบกมือด้วยความหงุดหงิด เป็นเชิงบอกให้เขาถอยไปทำให้ถึงที่สุดแล้ว เจี่ยนกั๋วกงก็ไม่อาจกล่าวถึงจุดประสงค์แท้จริงของตนได้หลังจากรับคำว่า “พ่ะย่ะค่ะ” แล้ว จึงถอยกลับไปอยู่ที่เดิมเจี่ยนอันอันมองผ่านกล้องรูเข็ม เห็นสีหน้าเจี่ยนกั๋วกงบ่งบอกถึงความไม่พอใจยิ่งแสดงว่าเจี่ยนกั๋วกงไม่เชื่อนางกับฉู่จวินสิง เขาคงอยากให้ฉู่ชางเหยียนส่งคนไปสืบที่เมืองอินเป่ยซ้ำอีกตาแก่รกโลกสมควรตายผู้นี้ คิดอาฆาตหมายสังหารครอบครัวฉู่จวินสิงให้หมดสิ้นจริงๆ!เจี่ยนอันอันกลับไปมองภาพเหตุการณ