เจี่ยนอันอันหัวเราะเย็นชา มองเตียวเฉียงและแม่นมหลี่ราวกับกำลังมองตัวตลกสองตัวบ้านหลังนี้นางได้จ่ายเงินซื้อเอาไว้แล้วตั้งแต่แรกจริงๆตอนนั้นที่ย้ายบ้าน นางได้ทำอย่างรอบคอบเป็นพิเศษโดยทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรกับท่านปู่เฉินที่เป็นผู้ใหญ่บ้านแล้ว และจ่ายเงินจำนวนมากพอที่จะซื้อบ้านหลังนี้เงินก้อนนั้น ยังถูกท่านปู่เฉินแบ่งให้ชาวบ้านคนอื่นๆ ด้วยเมื่อเป็นเช่นนี้ บ้านหลังนี้จึงกลายเป็นทรัพย์สินในชื่อของเจี่ยนอันอันโดยสมบูรณ์เจี่ยนอันอันตั้งใจจะพูดคุยตกลงกับพวกเขาดีๆ เพื่อให้ครอบครัวเสิ่นจือเจิ้งมาพักค้างคืนที่นี่สักคืนแล้วพอถึงพรุ่งนี้ นางก็ค่อยหาทางสร้างบ้านใหม่ให้พวกเขาแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่จำเป็นต้องพูดจาดีๆ กับพวกเขาอีกแล้วในเมื่อเตียวเฉียงและแม่นมหลี่ไม่รู้ดีชั่วเช่นนี้ งั้นก็ให้พวกเขาไสหัวออกไปนอนกลางแจ้งจะดีกว่าเจี่ยนอันอันพูดเสียงดังว่า “ลืมตาสุนัขของเจ้าดูให้ดีๆ นี่คือสัญญาซื้อขายบ้าน!”นางพูดพลางหยิบสัญญาซื้อขายบ้านออกมาจากมิติส่วนตัวกวนซินรีบก้าวเข้าไปในบ้าน หยิบเทียนออกมาเพื่อช่วยให้เห็นชัดขึ้นทุกคนกรูกันเข้ามามุงดูสัญญาในมือของเจี่ยนอันอันเป็นตาเดียวบน
เตียวเฉียงเห็นว่าเจี่ยนอันอันตัดสินใจแน่วแน่ที่จะไล่พวกเขาออกไปเขาจึงมองแม่นมหลี่ด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเหวี่ยงไม้ในมือกระแทกลงพื้นอย่างแรง แล้วเดินออกจากลานบ้านไปแม่นมหลี่ยังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับสบเข้ากับสายตาเย็นเยียบของฉู่จวินสิงนางก็รีบหดคอด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะบ่นพึมพำ “เรื่องนี้จะมาโทษข้าทั้งหมดไม่ได้ มันเป็นความผิดของเตียวเฉียงไอ้สุนัขตัวดีนั่นต่างหาก”เจี่ยนอันอันเห็นแม่นมหลี่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ยอมไป นางจึงส่งสายตาเป็นสัญญาณให้ชิวเหลียนชิวเหลียนเข้าใจทันที นางหยิบไม้ที่เตียวเฉียงโยนทิ้งไว้ขึ้นมา ก่อนจะฟาดไปที่ก้นของแม่นมหลี่อย่างแรง“โอ๊ย เจ็บจะตายอยู่แล้ว!” แม่นมหลี่ไหนเลยจะรับแรงกระแทกจากไม้นั้นไหว นางร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทันทีชิวเหลียนที่ถือไม้ในมือ จ้องแม่นมหลี่เขม็งพร้อมตะคอกเสียงเกรี้ยว“ยายคางคกเฒ่า ถ้าเจ้ายังไม่รีบออกไป อย่ามาโทษข้าที่ไม่เกรงใจ!”แม่นมหลี่ที่เจ็บจนต้องแยกเขี้ยวยิงฟัน ไม่กล้าอยู่ต่อเพราะกลัวว่าชิวเหลียนจะฟาดนางอีกนางเอามือกุมสะโพกที่ถูกตีไว้ แล้วเดินกะโผลกกะเผลกออกไปไม่นานนัก เสียงด่าทอกันของแม่นมหลี่และเตียวเฉียงก็ดังมาจ
ในตอนที่นางมองเห็นคนที่มานั้นเป็นเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงแล้ว ทันใดนั้นในใจก็เคร่งขรึมขึ้นมาพวกเขามาทำไมกันอีก มาเพื่อดูเรื่องขบขันของนางอย่างนั้นหรือ?เจี่ยนอันอันไม่ได้สนใจเฉียนซื่อ แต่พูดกับเสิ่นจืออวี้ “ที่พักข้าหาให้พวกท่านได้แล้ว”“ท่านกับพี่สาวท่านนี้ช่วยกันอุ้มแม่ทัพเสิ่นลงมา แล้วตามพวกเรามาเถิด”เสิ่นจืออวี้เมื่อได้ยินว่ามีที่พักแล้ว ในใจก็ยินดีขึ้นมาเจียงหว่านเอ๋อร์เองก็ไม่คิดเลยว่า เจี่ยนอันอันจะหาที่พักให้พวกเขาจริงๆนางกับเสิ่นจืออวี้ พยายามกันช่วยอุ้มเสิ่นจือเจิ้งลงมาเพียงแต่อุ้มลงมาจากรถม้า ก็เหนื่อยเสียจนเจียงหว่านเอ๋อร์หายใจจนเร่งรีบเสิ่นจืออวี้เมื่อเห็นเข้า ก็รีบพูดขึ้น “พี่สะใภ้ใหญ่ไปดูแลคังเอ๋อร์ให้ดีเถิด พี่ชายข้าปล่อยให้ข้าแบกเองเถอะ”เสิ่นจืออวี้พูดออกมา พลางแบกเสิ่นจือเจิ้งขึ้นมาเฉียนซื่อเมื่อได้ยินว่ามีที่พัก ก็ลุกขึ้นยืนตามไปด้วยขณะที่นางกำลังจะเดินตามทุกคนไป ก็เห็นเจี่ยนอันอันหยุดฝีเท้าลงนางจ้องมองไปยังเฉียนซื่อ แล้วพูดออกมาอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก “ยายมารเฒ่าตามมาทำไมกัน ข้าไม่ได้พูดเสียหน่อยว่าจะหาที่พักให้เจ้า”เฉียนซื่อได้ยิน ทันใดนั้นก็โม
เจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าเฉียนซื่อให้ความสำคัญกับไม้เท้าเช่นนี้ ในใจก็เข้าใจขึ้นมาทันทีดูเหมือนว่าไม้เท้านี้ สำหรับเฉียนซื่อแล้วจะเป็นของสำคัญไม่แน่ว่า คุณไสยที่เฉียนซื่อใช้ทั้งหมดนั้น ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับไม้เท้านี้เมื่อคิดมาจนถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันก็มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น“ข้าจะนับถึงสาม หากว่าเจ้าไม่แก้คุณไสยที่ทำใส่เสิ่นจืออวี้ ข้าจะเผามันเสีย!”เจี่ยนอันอันพูดขึ้น ก็เริ่มนับทันทีเฉียนซื่อเมื่อเห็นเข้า ก็รีบท่องคาถาขึ้นเสิ่นจืออวี้ที่กำลังคลุ้มคลั่งในตอนนี้ ทันใดนั้นทั่วทั้งกายก็สั่นเทาขึ้นมาไม่นานนักเขาก็ได้สติขึ้นมาในตอนที่เขามองเห็น ว่าหมัดของตัวเองกำลังเหวี่ยงไปทางด้านของฉู่จวินสิงนั้น ก็ตกใจเสียจนเขาต้องรีบเก็บมือกลับมา“เมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมข้าถึงได้ต่อยออกไปทางท่าน?”เสิ่นจืออวี้รีบก้าวถอยหลังไปอย่างตื่นตระหนก แล้วรีบโค้งกายลงคำนับขอโทษฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงไม่ได้พูดอะไรออกมา เขารู้ว่าเสิ่นจืออวี้ถูกผู้อื่นควบคุมเอาไว้ แน่นอนว่าย่อมไม่ใส่ใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ในตอนที่เสิ่นจืออวี้มองเห็นเสิ่นจือเจิ้งล้มลงบนพื้นนั้น ไม่นานก็เข้าใจขึ้นมาทั
ฉู่จวินสิงเมื่อเห็นว่านางเริ่มหาวออกมา ก็พูดเสียงเบาขึ้น “ไปเถอะ พวกเรากลับไปพักผ่อนกัน”เจี่ยนอันอันพยักหน้า ขณะที่กำลังจะเดินออกไปด้านนอก ก็เห็นว่าฉู่จวินสิงย่อกายลงเบื้องหน้าของนาง“ข้าจะแบกเจ้ากลับไป”ฉู่จวินสิงพูดขึ้น แล้วหันหน้ามองกลับไปยังเจี่ยนอันอันดวงตาของเขาสว่างสดใส ราวกับดวงดาวในกาแล็กซี่ ทำให้หัวใจของเจี่ยนอันอันอดที่จะเต้นแรงไม่ได้เจี่ยนอันอันปวดใจกับอาการบาดเจ็บที่แขนของฉู่จวินสิง จึงไม่อยากให้เขาแบกนางนอกจากนี้นางเพียงเพราะว่าง่วงงุน ไม่ได้พิการแต่อย่างใด จึงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ในขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังจะปฏิเสธ ก็ถูกฉู่จวินสิงจับขาเล็กๆ เอาไว้เจี่ยนอันอันเสียการทรงตัว ล้มแนบลงบนหลังของฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงแบกเจี่ยนอันอันขึ้นมาไปตามสถานการณ์เจี่ยนอันอันเหลือบมองไปยังคนในลานเรือน นอกจากใบหน้าของชิวเหลียนที่เผยรอยยิ้มออกมา คนอื่นๆ ต่างก็พากันตื่นตะลึงขึ้นมาโดยเฉพาะเสิ่นจืออวี้ ที่ตื่นตกใจเสียจนอ้าปากค้างจนคางแทบจะถึงพื้นที่เขารู้ก็คือ เยียนอ๋องจะย่อกายลงไปแบกผู้อื่นเช่นนี้ได้อย่างไรกันแต่ที่เขาไม่รู้ก็คือ ฉู่จวินสิงไม่เพียงแต่อยากจะแบกเจี่ยนอันอันก
ในตอนกลางคืนพวกเขาไม่มีที่ให้อาศัย ก็คิดว่าคนผู้นั้นจะสามารถมารับพวกเขาได้ แล้วจัดการที่พักอาศัยให้กับพวกเขาไม่นานนัก ร่างเงาสีดำร่างหนึ่งก็ปรากฏกายมายังเบื้องหน้าของทั้งสองคนในตอนที่แม่นมหลี่มองเห็นอีกฝ่ายนั้น ก็รีบลุกขึ้นมา“คารวะผู้บัญชาการหนิง!” ในตอนที่ทั้งสองคนมองเห็นอีกฝ่ายนั้น ก็รีบทำความเคารพทันทีหนิงเจิ้นก็อดที่จะยกมือขึ้นมาตบหน้าทั้งสองคนโดยที่ไม่อธิบายออกมาทันใดนั้นใบหน้าของแม่นมหลี่เจ็บปวดแสบร้อนขึ้นมาเตียวเฉียงถูกตบรุนแรงจนไม่อาจยืนได้อย่างมั่นคง จนกระทั่งล้มลงบนพื้นไป“พวกสุนัขรับใช้ไร้ประโยชน์ทั้งสองคน ฝ่าบาทส่งพวกเจ้ามาคอยจับตาดูกวนซิน พวกเจ้ากลับถูกไล่ออกมา”“ข้าจะนำเรื่องนี้กลับไปรายงานฝ่าบาท พวกเจ้าสองคนก็รอดูศีรษะคนตกลงพื้นเถอะ”ทั้งสองคนถูกด่าว่าสุนัขรับใช้ แล้วยังถูกตบหน้าไปอีกในใจของแม่นมหลี่ไม่ยินยอมยิ่งนัก แต่กลับไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่ครึ่งคำนางเป็นแม่นมข้างกายฮ่องเต้ รับใช้ฝ่าบาทมาหลายปี จะเคยถูกตบหน้าเมื่อใดกันมาตอนนี้ดีแล้ว ไม่เพียงแต่ถูกสาวใช้ชั้นต่ำอย่างชิวเหลียนตบหน้าแล้ว แม้แต่ผู้บัญชาการหนิงเองก็ยังกล้าตบหน้านางแม่นมหลี่กัดฟันแ
ในห้องนี้เย็นมาก ทันใดนั้นแม่นมหลี่ก็รู้สึกหนาวสั่นเป็นอย่างมากเมื่อเห็นว่าตนเองในที่สุดก็มีที่ให้อยู่อาศัยแล้ว น่องของแม่นมหลี่ก็รู้สึกไม่เจ็บขึ้นมาแล้วหนิงเจิ้นชี้ไปยังพื้นที่ว่างเปล่า “พวกเจ้าสองคนไปนอนกันตรงนั้น”แม่นมหลี่และเตียวเฉียงพากันเหลือบมองไปยังพื้นที่ว่างนั้น ที่นั่นเป็นเพียงแค่ทางเดินเล็กๆ เท่านั้นหากว่าให้พวกเขาทั้งสองคนนั้นไปนอนกันตรงนั้น คิดว่าจะต้องแออัดกับอีกฝ่ายเป็นแน่เมื่อคิดว่าจะต้องนอนอยู่ใกล้กันกับแม่นมหลี่ เตียวเฉียงก็รู้สึกขยะแขยงขึ้นมาแต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา เพราะอย่างไรแล้วมีที่ให้นอน ก็ดีกว่าต้องเร่ร่อนอยู่ด้านนอกมากเตียวเฉียงไม่ได้พูดอะไรมากนัก เพียงแต่ทรุดตัวลงกับพื้นทว่าแม่นมหลี่ไม่คิดอยากจะนอนร่วมกันกับเตียวเฉียงนางมองไปยังหนิงเจิ้น แล้วพูดพึมพำออกมา “ท่านผู้บัญชาการหนิง นี่ ตรงนี้จะไปมีคนนอนได้อย่างไรกัน”นางเคยนอนบนพื้นเมื่อใดกัน แล้วยังนอนด้วยกันกับเตียวเฉียงอีกแม่นมหลี่เหลือบมองไปยังเตียวเฉียงด้วยความรังเกียจ นางยอมนอนด้านนอก แต่ไม่คิดอยากจะนอนด้วยกันกับเตียวเฉียงหนิงเจิ้นเหลือบมองไปทางด้านแม่นมหลี่ “ทำไมกัน เจ้ารังเกียจว่
เตียวเฉียงถูกเตะจนตื่นขึ้นมา จึงรีบลุกขึ้นเขาปัดฝุ่นบนกาย แล้วยืนอยู่ตรงนั้นรอให้หนิงเจิ้นพูดออกมาแม่นมหลี่กัดฟัน พยายามอดทนต่อความเจ็บปวดในร่างกาย ลุกยืนขึ้นมา“ตอนนี้พวกเจ้าสองคนกลับไปหมู่บ้านชิงสุ่ยเสีย ข้าไม่สนใจว่าพวกเจ้าจะใช้วิธีการอะไร”“จะคุกเข่าอ้อนวอนก็ดี หรือว่าจะหาทางปราบเจี่ยนอันอันก็ได้”“อย่างไรเสียวันนี้พวกเจ้าจะต้องกลับไปอยู่ที่เดิม แล้วคอยจับตาความเคลื่อนไหวของกวนซินต่อไป”แน่นอนว่าแม่นมหลี่ย่อมต้องอยากจะกลับไปอยู่ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยนางไม่อยากจะนอนด้วยกันกับเตียวเฉียงอีกเจ้าหมอนี่ในตอนกลางคืนนอนหลับทั้งกัดฝันและผายลม ทั้งกรนจนกะบังลมของนางแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆหากว่าให้นางนอนกับเตียวเฉียงต่อไป ไม่แน่ว่านางอาจจะบีบเตียวเฉียงให้ตายไปในตอนกลางคืนนอกจากนี้แล้วนางยังไม่ได้ล้างแค้นชิวเหลียนที่เตะนางเมื่อคืนนี้เลยแน่นอนว่านางย่อมคิดหาวิธีกลับไปอยู่ที่เดิม รอเมื่อมีโอกาส นางจะต้องทำให้บ่าวรับใช้ชั้นต่ำนั่นตายให้ได้!หลังจากที่เตียวเฉียงส่งเสียงตอบรับออกมา ก็ผลักประตูห้องเดินออกมาในที่สุดก็สามารถสูดอากาศบริสุทธิ์ได้เมื่อคืนนี้ในตอนที่นอนหลับนั้น กลิ่นเหม็นจา
เจี่ยนอันอันยิ้มเล็กน้อย “พี่เฉียว อย่ามัวยืนเฉย รีบลงชื่อก่อนเถิด”“ประเดี๋ยวเมื่อเจ้าเมืองตานมาถึง ยังต้องให้เขาดูด้วย”เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเบามาก จงใจมิให้เฝิงซานกวงกับลูกน้องเขาได้ยินแต่แม่ลูกตระกูลเฉียวและฉู่จวินสิงกลับได้ยินชัดเจนฉู่จวินสิงมุมปากเชิดขึ้น คิดในใจว่าการจะสั่งสอนคนเช่นเฝิงซานกวง ต้องใช้วิธีนี้จึงจะสาสมเฝิงซานกวงได้ยินไม่ชัดว่าเจี่ยนอันอันพูดเรื่องใด แต่มั่นใจว่าคงมิใช่เรื่องดีแน่นอนเฉียวซื่อรับเอากระดาษและพู่กันไป พลางเขียนชื่อตนเองบนกระดาษด้วยลายมือโย้เย้นางกำลังคิดอยู่ว่าต้องกัดนิ้วตนให้ขาดดีหรือไม่ พลันเห็นเจี่ยนอันอันไม่รู้ไปหยิบแป้นประทับตราจากที่ใดออกมาหนึ่งอันเจี่ยนอันอันกล่าวยิ้มๆ “พี่เฉียว การประทับตราของเราไม่ต้องเสียโลหิต”เฉียวซื่อยิ้มตามเช่นกัน พลางกดนิ้วมือลงบนแป้นนั้น แล้วประทับลายนิ้วลงไปบนสัญญาอีกทีเมื่อต่างลงนามในสัญญาฉบับใหม่เรียบร้อย ฉบับเก่าก็นับว่าเป็นโมฆะไปแต่เจี่ยนอันอันกลับไม่คิดฉีกสัญญาฉบับเก่าทิ้งไป นางจะรอให้เจ้าเมืองตานมาถึง และให้เขาดูเงื่อนไขเอาเปรียบที่อยู่ในนั้นนางใช้วิธีเดียวกันนี้ เขียนสัญญาใหม่ขึ้นมาอีกฉบับ
ยามนี้เขารู้สึกเสียใจยิ่ง เมื่อครู่ไม่ควรกล่าวถึงท่านอารองออกมาเร็วถึงเพียงนั้นแต่บัดนี้ลูกน้องไปเชิญท่านอามาแล้ว ถึงตอนนั้นเขาจะทำอย่างไรดี?เมื่อนึกถึงตรงนี้ เฝิงซานกวงรีบกล่าวต่อลูกน้องอีกคน “เจ้าไปบอกให้อู่เฉียงกลับมา”ลูกน้องผู้นั้นรับคำสั่งกำลังจะรีบวิ่งไปแต่เดินได้ไม่ถึงสองก้าว พลันถูกฉู่จวินสิงขวางหน้าไว้ก่อน“ผู้ใดกล้าขยับเขยื้อน ข้าจะให้ผู้นั้นเลือดนองอาบพื้นดินในบัดดล”ลูกน้องผู้นั้นได้แต่หวาดกลัวจนชะงักงัน พร้อมหันไปมองเฝิงซานกวง“ลูกพี่...”เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ไปก็ไม่ได้อยู่ต่อก็มีความผิดเฝิงซานกวงโกรธจนกำหมัดแน่น เสียงขบฟันดังกรอดจนได้ยินชัด“พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”เขาเริ่มรู้แล้วว่า วันนี้ตนน่าจะเจอจิ้งจอกเขี้ยวลากดินเข้าให้แล้วดูท่าหากไม่ต้อนรับขับสู้พวกเขาให้ดี เกรงว่าอีกประเดี๋ยวจะมีจุดจบที่ไม่สู้งามนักเจี่ยนอันอันเห็นว่าเฝิงซานกวงน่าจะอับจนปัญญา จึงเอาสัญญาที่เฉียวซื่อมอบให้นางออกมา“เฝิงซานกวง นี่คือสัญญาที่เจ้าทำไว้กับเฉียวซื่อ ในนี้มีเงื่อนไขข้อหนึ่ง ข้าอาจต้องแก้ไขเล็กน้อย”เฝิงซานกวงกัดฟันกรอดอีกครั้ง บันดาลโทสะเสียจนใบหน้าที่อยู
พวกเขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรญาติที่เป็นขุนนางของลูกพี่เป็นผู้มีอิทธิพลนัก ดูแลทุกอย่างในอำเภอไถหยางก็ว่าได้เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็น “คุยมาตั้งนาน ยังไม่เห็นบอกชื่อว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ข้าว่าคงจะแต่งเรื่องส่งเดชมากกว่า”เฝิงซานกวงถูกเจี่ยนอันอันยุยงอีกครั้ง เดิมทีเขาก็ไม่อยากเอ่ยชื่อเจ้าเมืองออกมาแต่ครั้งนี้เห็นทีไม่พูดก็ไม่ได้เสียแล้ว“ฮึ่ม พูดแล้วพวกเจ้าจะตกใจ ท่านอารองของข้าเป็นเจ้าเมืองแห่งอำเภอไถหยาง”“หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องกิจการในเหมืองของข้า ข้าจะให้ท่านอาส่งคนมาจับพวกเจ้าไปขังคุกเสีย!”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินว่าอารองของเฝิงซานกวงก็คือเจ้าเมืองตานนั่นเอง นางจึงเริ่มมีแผนการในใจ“อ้อ หมายถึงเจ้าเมืองตานผู้นั้นหรอกรึ? ยังนึกว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่ใดเสียอีก”“เชิญไปเรียกตัวมาได้เลย แล้วเรามายันกันซึ่งหน้า ให้รู้ไปว่าเขาจะเข้าข้างเจ้า หรือเห็นด้วยกับเรามากกว่า”เฝิงซานกวงมองดูท่าทีของเจี่ยนอันอัน คล้ายไม่กลัวกระทั่งคนเป็นเจ้าเมือง จึงให้ตกใจซ้ำอีกเขาแอบคิดในใจ หรือว่าท่านอารองจะรู้จักกับคนสองคนนี้?จึงหันไปกระซิบกระซาบต่อลูกน้องข้างกาย “รีบไปเชิญอารองข้ามาเดี๋ยวนี้”
เหล่าคนงานที่เข้าออกเหมืองแร่เห็นเหตุการณ์เข้า ต่างก็ตกใจเป็นอย่างมากเพราะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นลูกน้องของนายจ้างถูกผู้อื่นทำร้ายเช่นนี้แม้แต่ละคนจะมีความตกใจ แต่ลึกๆ กลับรู้สึกสะใจมากกว่าเพราะบริวารของเฝิงซานกวงเหล่านี้ ปกติมักจะใช้กำลังกับพวกเขาบ่อยๆทุกครั้งที่พวกเขาขุดหาแร่ออกมาไม่ได้ปริมาณตามที่ต้องการ ลูกน้องเฝิงซานกวงก็พากันมารุมซ้อมพวกเขาอย่างหนัก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าไปบอกใครบางคนเคยคิดหนีไปจากที่นี่ แต่ครั้งใดที่มีผู้หลบหนี มักถูกจับกลับมาแล้วซ้อมหนักยิ่งกว่าเดิมอีกที่สำคัญพวกเขาแทบจำไม่ได้ว่าตนคือใคร บ้านช่องอยู่ที่ใดจึงได้แต่ใช้แรงกายแลกกับเงินน้อยนิดเพียงสองอีแปะในแต่ละวัน อดทนทำงานอยู่ที่นี่ต่อไปเมื่อชายสองคนถูกทำร้ายเข้า จึงมีลูกน้องเฝิงซานกวงตามออกมาอีกทุกคนเมื่อเห็นว่ามีคนมาก่อเรื่อง จึงกรูกันเข้าหาฉู่จวินสิงทันทีแต่มิต้องรอให้พวกเขามาเข้าใกล้ ฉู่จวินสิงใช้กำลังภายในซัดออกไปก่อนแล้วทุกคนต่างทยอยล้มลง พลางกลิ้งไปมา ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดทันใดนั้นเอง มีเสียงหนึ่งตะคอกดังขึ้น “ผู้ใดกล้าบังอาจมาก่อเรื่องในเหมืองของข้า อยากตายหรืออย่างไร?”ใบ
แต่บัดนี้นางเปิดร้านมาสิบกว่าวัน ขายได้เพียงรูปสัตว์โลหะไม่กี่ตัวเท่านั้นเฉียวซื่อบอกเล่าสิ่งที่พบเจอให้เจี่ยนอันอันฟัง ทำให้นางเกิดความเข้าใจขึ้นทันทีที่แท้เฉียวซื่อถูกเฝิงซานกวงหลอกลวงมาแต่แรกเจี่ยนอันอันเพียงคิดว่าต่อให้นางซื้อของตกแต่งเหล่านี้กลับไป ก็มิได้ใช้ประโยชน์นักจึงนำหนูโลหะตัวเล็กในมือวางกลับที่เดิมเฉียวซื่อเห็นเจี่ยนอันอันทำเช่นเดียวกับลูกค้าอื่นในร้าน เพียงเข้ามาหยิบดูเล็กน้อย จากนั้นจึงวางของตกแต่งลงไว้ที่เดิมดูแล้วคล้ายไม่สู้ถูกใจผลงานที่นางสร้างสรรค์ออกมาเท่าใดนัก พลันเกิดความรู้สึกท้อแท้ นางคงไม่เหมาะจะทำอาชีพนี้จริงๆ กระมังหากตอนนี้สามียังอยู่ก็คงดี นางจะได้ฝึกวิชาการตีเหล็กจากเขาให้ออกมาเป็นงานอื่นบ้างและเมื่อครู่เจี่ยนอันอันรู้จากปากเฉียวซื่อ ว่าเฝิงซานกวงได้เปิดกิจการเหมืองแร่แห่งหนึ่งทุกวันจะมีคนงานไปด้านหลังภูเขาที่อยู่ห่างไกล ขุดเอาแร่เหล็กและหยกออกมา เพื่อนำกลับมาถลุงเป็นเครื่องหยกและของใช้ที่ทำจากเหล็กนางเห็นเฉียวซื่อคล้ายมีอาการท้อใจ จึงกล่าวยิ้มแย้ม “พี่เฉียว ท่านพาข้าไปดูที่เหมืองของเฝิงซานกวงก่อน ข้ามีสิ่งของบางอย่างต้องการจะซื้อ”
เจี่ยนอันอันหยิบมากวาดตาดูก็มองความผิดปกติบนนั้นออกได้ในทันที“เงื่อนไขในนี้เข้มงวดเกินไปแล้ว ถ้าฝ่ายไหนยุติสัญญาจะต้องชดเชยให้อีกฝ่ายเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึง”“เจ้าหมอนี่ช่างกล้าเขียน สัญญานี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเงื่อนไขแบบมัดมือชกกันชัดๆ”“ข้าว่าท่านไม่ร่วมงานกับเขาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้เฉียวซื่อใจหายวูบนางรู้จักตัวหนังสือแค่ไม่กี่ตัว นอกจากเขียนชื่อตัวเองเป็นแล้ว เงื่อนไขในนั้นนางอ่านไม่เข้าใจเลยสักนิดเฝินซานกวงเป็นคนอ่านให้นางฟัง นางรู้สึกว่าเงื่อนไขสมเหตุสมผลมากจึงลงนามในสัญญากับอีกฝ่ายแต่คิดไม่ถึงเลยว่า เฝิงซานกวงจะกล้าเล่นเล่ห์กับนางแบบนี้เดิมนั้นนางอยากยกเลิกสัญญากับอีกฝ่าย แต่กลับได้ยินเฝิงซานกวงพูดว่า ถ้านางกล้าเป็นฝ่ายยกเลิกสัญญาก็จะต้องชดเชยเงินให้เฝิงซานกวงเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึงตอนนั้นเฉียวซื่อตกใจยิ่งนักนางเคยไปถามเถ้าแก่ร้านข้างเคียง ฝ่ายตรงข้ามก็บอกว่าเงื่อนไขนี้เขียนไว้อย่างชัดเจน ต้องจ่ายเงินชดเชยให้อีกฝ่ายหนึ่งแสนตำลึงจริงๆเงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้ นางจะไปหาเงินมากมายขนาดนี้มาจากที่ไหนถึงตอนนี้เฉียวซื่อจึงตระหนักว่
ตอนนี้เขาทำได้เพียงอดทนอดกลั้นต่อความเจ็บปวด ยอมรับการทุบตีจากเฉียวอี้บริเวณรอบๆ มีคนล้อมเข้ามามุงดูจำนวนมาก พวกเขาต่างชี้ไม้ชี้มือมาทางชายผู้นั้น“คนคนนี้แค่เห็นก็รู้แล้วว่าต้องไม่ใช่คนดีแน่ ดูหน้าตาทรงโจรของเขาสิ แปดส่วนคงเป็นเพราะไปหาเรื่องคนอื่นก่อน ถึงได้ถูกเด็กคนนั้นซ้อมเอาแบบนี้”“เมื่อครู่ข้าได้ยินแล้ว เขาไปลงไม้ลงมือกับแม่ของเด็กคนนั้น ข้าว่าตีเขายังน้อยไป ควรแจ้งความมากกว่า”คนมุงบริเวณรอบๆ ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นานาเฉียวอี้ควงหมัดทักทายใบหน้าของชายผู้นั้นหนักกว่าเดิมในไม่ช้า เฉียวอี้ก็ตีจนรู้สึกเจ็บกำปั้น แต่เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจนกระทั่งอัดศีรษะชายผู้นั้นจนบวมเป่งเหมือนหมู เฉียวอี้ถึงได้หยุดมือพร้อมหอบหายใจแม้ว่ากำปั้นของเฉียวอี้จะไม่ใหญ่ แต่ครั้นทุบตีคนก็ร้ายกาจยิ่งนักเห็นใบหน้าชายผู้นั้นเขียวช้ำไปหมด เฉียวอี้ก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากเจี่ยนอันอันกล่าวกับชายผู้นั้นว่า “หากวันหน้าเจ้ายังกล้ามาคุกคามแม่ลูกตระกูลเฉียวอีก ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าสบายแบบนี้แน่ ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”ชายผู้นั้นไม่กล้าพูดมาก ลุกขึ้นมากุมศีรษะแล้วเผ่นหนีไปคนมุงบริเวณรอบๆ เ
เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากัน“พวกเจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้” ฉู่จวินสิงว่าแล้วก็ก้าวยาวๆ ตรงไปทางตรอกน้อยชายผู้นั้นเห็นว่าฉู่จวินสิงตรงมาทางเขาก็หันหลังเตรียมวิ่งหนีแต่เขาวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกถีบเข้าที่เอวเสียแล้วชายผู้นั้นถูกถีบกระเด็นไปไกล คว่ำหน้าอยู่บนพื้นร้องโอดโอยออกมาอย่างทนไม่ไหวฉู่จวินสิงย่างสามขุมตรงเข้าไปหาแล้วหิ้วคอเสื้อของชายผู้นั้นขึ้นมาอย่างไม่ปรานีปราศรัย“ไปกับข้า!”ฉู่จวินสิงกล่าวพลางผลักชายผู้นั้นตรงออกไปนอกตรอกชายผู้นั้นได้ลิ้มรสความร้ายกาจของฉู่จวินสิงแล้วย่อมไม่กล้าวิ่งหนีส่งเดชเขาไม่อยากถูกถีบอีกหรอกนะ จนถึงตอนนี้เอวยังระบมอยู่เลยฉู่จวินสิงผลักชายผู้นั้นมาถึงตรงหน้าเจี่ยนอันอันกับเฉียวอี้แล้วกล่าวเสียงเข้ม “บอกมา ระหว่างเจ้ากับเด็กคนนี้เป็นเรื่องอะไรกันแน่?”ชายผู้นั้นมองเฉียวอี้ แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นแค้น“คุณชายท่านนี้ ข้าไม่รู้จักเขาเสียหน่อย เขาวิ่งออกมาถนนใหญ่เอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าเลยนะ”ขณะที่ชายผู้นั้นพูดก็ถลึงตาใส่เฉียวอี้อย่างดุร้ายเฉียวอี้เห็นฝ่ายตรงข้ามไม่ยอมรับ เขาเงยหน้าขึ้นมาด้วยความโมโห แล้วตวาดใส่ชายผู้นั้นว่า“ท่านโก
เจี่ยนอันอันเห็นว่าฉู่จวินสิงก่อสร้างเป็น นางก็วางใจไปได้มากนางยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ใช่กระโจม แต่เป็นโรงเรือนสำหรับเพาะปลูกแบบหนึ่ง”นางมีความคิดคร่าวๆ ในใจแล้วจึงรีบกลับบ้านไปกับฉู่จวินสิงนางหยิบกระดาษและปากกาออกมาจากในมิติ แล้ววาดภาพร่างบนโต๊ะฉู่จวินสิงนั่งอยู่ข้างๆ ตั้งใจดูภาพร่างโรงเรือนที่เจี่ยนอันอันวาดที่นี่ไม่มีเหล็กเส้น เจี่ยนอันอันยังไม่อยากใช้เงินจำนวนมากไปซื้อจากในร้านค้านางต้องการสร้างโรงเรือนสำหรับคนในหมู่บ้านทุกคน เหล็กเส้นที่ต้องใช้จึงมีไม่น้อยหากใช้เงินไปซื้อมา นั่นไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ เลยนางไม่อยากใช้เงินพวกนั้นในมิติมากเกินไป นางยังรอที่จะสนับสนุนฉู่จวินสิงขึ้นนั่งบัลลังก์ฮ่องเต้หลังจากการทำสงครามกลับเมืองจิงโจวในวันหน้าเมื่อถึงตอนนั้น เงินทองของล้ำค่าเหล่านั้นในมิติก็จะได้นำไปใช้แล้วฮ่องเต้จนกรอบคนหนึ่งที่ไม่สามารถจ่ายเบี้ยหวัดให้เหล่าขุนนางได้ ทั้งยังไม่สามารถทำให้ชาวบ้านอยู่ดีมีสุข กับฮ่องเต้ที่มั่งคั่งร่ำรวยคนหนึ่ง เงินในมือสามารถซื้อเมืองทั้งเมืองได้ชาวบ้านกับเหล่าขุนนางจะเอนเอียงไปทางคนไหนมากกว่า นั่นไม่ต้องพูดก็สามารถรู้ได้แล้วในไม่ช้า เจี่ยน