กวนซินและฉู่ตั๋วตั่วเดิมทีก็มิได้ออกไปที่ไหน พอได้ยินคำบอกเล่าของเจี่ยนอันอัน ต่างก็อดรู้สึกหวาดหวั่นแทนนางไม่ได้ฮูหยินใหญ่ครุ่นคิดไปมา ก็ยังหาหนทางแก้ไขที่เหมาะสมไม่ได้นางร้อนใจจนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีฮูหยินรองกล่าวขึ้นว่า “อันอัน งั้นเจ้าหลบออกไปก่อนสักสองสามวันดีหรือไม่ รอให้เรื่องนี้เบาลงแล้วค่อยกลับมา”ฮูหยินใหญ่ได้ยินดังนั้น ก็รีบเอ่ยเสริมด้วยความกระตือรือร้นว่า “ใช่แล้วอันอัน หรือเจ้าจะไปหาเซิ่งฟางยังที่ว่าการอำเภอดีเล่า”“ที่นั่นมีพลังหยางหนักแน่น พวกวิชาอาถรรพ์พวกนี้คงไม่อาจตามไปถึงได้”เจี่ยนอันอันเพียงส่ายหน้าช้า ๆ นางรู้สึกว่าในเมื่อเฉียนซื่อหมายมั่นจะยึดครองที่นี่ไว้ให้ได้...หากนางหลบไปอยู่ที่ว่าการอำเภอ แล้วคนเหล่านี้เล่าจะทำเช่นไร?แม้ฉู่จวินสิงและคนอื่น ๆ จะมีวรยุทธ์ติดตัว แต่เกรงว่าคงมิอาจรับมือกับวิชาอาถรรพ์ของเฉียนซื่อได้เวลานี้นางจำต้องหาหนทางรับมือกับยายเฒ่าผู้ชั่วร้ายนั่นให้ได้ ไม่อาจปล่อยให้นางสำเร็จในสิ่งที่หมายมั่นตอนนี้ถึงยามค่ำคืนยังมีเวลาอีกครึ่งวันสมองของเจี่ยนอันอันทำงานอย่างรวดเร็ว ขณะที่ทุกคนรอบตัวต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดเต็มไปด้วยความก
เจี่ยนอันอันโกรธจัด นี่เขาคิดจะทำอะไรกันแน่ตอนนี้ ตำราเล่มนี้คือความหวังเดียวของนางที่จะจัดการกับคาถาอาคมของยายมารเฒ่าคนนั้นได้นี่มันไม่ใช่แค่เรื่องของนางเองเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวพันถึงชีวิตของคนทั้งครอบครัวของฉู่จวินสิงยายมารเฒ่านั่นเมื่อคิดจะยึดครองบ้านของพวกเขา ก็ไม่มีทางปล่อยตระกูลฉู่ไปง่าย ๆ แน่นอนแต่เหตุใดฉู่จวินสิงถึงได้พยายามขัดขวางนางไม่ให้ดูตำราเล่มนี้อย่างสุดกำลัง แล้วยังถึงขั้นคิดจะเผามันทิ้ง“ฉู่จวินสิง ข้าจะนับถึงสาม หากท่านยังไม่คืนตำราให้ข้า ก็อย่าหาว่าข้าจะไม่เห็นแก่ความเป็นสามีภรรยากันอีกต่อไป”ฉู่จวินสิงเองก็มองออกว่าเจี่ยนอันอันโกรธจริง ๆ เขาขมวดคิ้วแน่น แต่ก็ไม่ได้ปล่อยนางออกจากอ้อมแขน“ตำราเล่มนี้ก็เป็นตำราต้องห้าม เมื่อครานั้นเสด็จพ่อของข้าเคยอ่านมัน แล้วไม่นานก็ทรงประชวรหนักจนสวรรคต”“ข้าจะมองดูเฉย ๆ ปล่อยให้เจ้าเจอชะตากรรมเดียวกับเสด็จพ่อไม่ได้”เมื่อได้ยินฉู่จวินสิงพูดเช่นนี้ เจี่ยนอันอันก็พลันเข้าใจถึงความตั้งใจของเขาแต่ถึงกระนั้น ตำราเล่มนี้ก็เป็นแค่ตำราเกี่ยวกับการทำนายธรรมดาเท่านั้น เหตุใดอดีตฮ่องเต้อ่านมันแล้วถึงกับสวรรคตได้?เมื่อเห็นเจี่ย
เจี่ยนอันอันเห็นเช่นนั้น ก็รู้ได้ทันทีว่าความคิดของนางนั้นถูกต้องนางถอนหายใจยาว พลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า “อดีตฮ่องเต้ไม่ได้ทรงแสวงหาความเป็นอมตะหรอก นี่มันเหมือนกับทรงมุ่งหน้าสู่ความตายเสียมากกว่า!”โชคดีที่นางเคยอ่านตำราประเภทนี้มาก่อน จึงมองออกในทันทีว่าเนื้อหาในตำราเล่มนี้ล้ำลึกเกินไปหากคนธรรมดาอ่าน แม้จะไม่ถึงกับเสียสติ ก็อาจล้มป่วยหนักได้เพราะคนธรรมดาไม่มีปัญญาหยั่งรู้ถึงความลับที่ซ่อนอยู่ในตำราเล่มนี้แต่ถ้าเป็นผู้ที่เข้าใจศาสตร์ลี้ลับบ้าง เมื่ออ่านแล้วกลับสามารถพัฒนาตนเองจนบรรลุความหมายที่แฝงไว้ในตำราได้คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ใจของฉู่จวินสิงเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมานอกอก“อันอัน เจ้าหมายความว่าอย่างไร รีบอธิบายให้ชัดเจน”เจี่ยนอันอันเห็นว่าเขาไม่ได้พยายามแย่งตำราสามชะตามรรคาลี้ลับไปอีก นางจึงดึงเขากลับมานั่งลงบนเตียงอุ่นอีกครั้งนางไม่ได้บอกความคิดของตัวเองออกไปในทันที แต่กลับเป็นฝ่ายซักถามฉู่จวินสิง“ตอนนั้น ใครกันที่เป็นคนนำตำราเล่มนี้ถวายอดีตฮ่องเต้?”ฉู่จวินสิงตอบอย่างตรงไปตรงมา “เป็นนักทำนายนามเหวยป๋อจื่อ เขาเคยได้รับการช่วยชีวิตจากเสด็จพ่อ”“ด้วยความซา
ความจริงแล้ว เจี่ยนอันอันไม่ได้รู้สึกถึงการพัฒนาอะไร แต่การที่นางได้รู้วิธีจัดการกับวิชามารของยายมารเฒ่าก็ทำให้นางดีใจอย่างมากแล้วเมื่อเห็นว่านางปลอดภัยจริง ๆ ฉู่จวินสิงที่คอยกังวลอยู่ตลอดก็รู้สึกโล่งใจขึ้นทันทีเขาไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบคว้าตัวเจี่ยนอันอันเข้ามากอดไว้แน่น“ต่อไปอย่าเสี่ยงแบบนี้อีก เข้าใจไหม?”เจี่ยนอันอันสัมผัสได้ถึงความเป็นกังวลของฉู่จวินสิง นางจึงยกมือขึ้นลูบหลังเขาเบา ๆ“พอแล้ว ๆ เข้าใจแล้ว ต่อไปข้าจะไม่เสี่ยงแบบนี้อีก ท่านสบายใจได้”ตอนนี้เมื่อมีวิธีจัดการกับวิชามารอยู่ในมือแล้ว ย่อมต้องรีบแจ้งเรื่องนี้ให้คนอื่นทราบท้ายที่สุด ทุกคนต่างก็กำลังเป็นกังวลกับเรื่องนี้ นางจึงไม่อยากปล่อยให้พวกเขาต้องกังวลนานเกินไป“พวกเราออกไปกันเถิด ข้าจะบอกวิธีนี้ให้ท่านแม่และคนอื่น ๆ รู้”ยายมารเฒ่านั่นไม่คิดจะใช้วิชามารจัดการแค่นางคนเดียวแน่ อาจรวมถึงคนในตระกูลฉู่คนอื่น ๆ ด้วยทั้งสองเดินออกจากห้องไปก็เห็นว่าคนอื่น ๆ กำลังนั่งอยู่ในลานบ้านด้วยความร้อนใจแม้ว่าอากาศจะร้อนจัด แต่ก็ไม่มีใครกลับเข้าไปพักผ่อนในบ้านเลยเจี่ยนอันอันรู้สึกผิดเล็กน้อย หากนางไม่บอกเรื่องนี้กับทุกคน
ไม่นาน เจี่ยนอันอันก็ถ่ายทอดคาถาให้กับทุกคนที่อยู่ที่นั่นแม้แต่ฉู่ตั๋วตั่วและฉู่จื่อซีก็เงยหน้าขึ้นตั้งใจฟังโชคดีที่คาถานี้ไม่ได้ยากเกินไป ทุกคนจึงสามารถท่องจำได้อย่างรวดเร็วหลังจากนั้น สาวใช้ก็เริ่มนวดแป้งเตรียมทำซาลาเปา ส่วนเจี่ยนอันอันเดินอย่างรวดเร็วไปยังห้องของซ่างตงเยว่ร่างกายของซ่างตงเยว่ฟื้นตัวขึ้นมากกว่าเดิมแล้ว แต่เพราะร่างของนางยังอ่อนแอที่สุด จึงต้องให้นางท่องคาถานี้จนขึ้นใจเมื่อซ่างตงเยว่เห็นเจี่ยนอันอันเข้ามา นางจึงพยายามยันตัวขึ้นนั่ง“ฮูหยินน้อยรอง ร่างกายข้าจะดีขึ้นเมื่อไรหรือเจ้าคะ?”ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา บิดาของนางมาเยี่ยมทุกวันแม้คนตระกูลฉู่จะไม่ได้พูดอะไร แต่ทั้งซ่างตงเยว่และบิดาของนางต่างก็รู้สึกเกรงใจอย่างยิ่ง“ทำไมเล่า คิดถึงบ้านแล้วหรือ?” เจี่ยนอันอันหยอกล้อซ่างตงเยว่ซ่างตงเยว่ก้มหน้าด้วยความลำบากใจ นางคิดถึงบ้านจริงๆคิดถึงเตียงอุ่น ๆ ที่บ้าน คิดถึงทุกสิ่งที่บ้านแต่ช่วงหลายวันที่ผ่านมา นางทำได้เพียงนอนอยู่ที่นี่ แม้แต่จะลุกขึ้นเดินก็ยังทำไม่ได้หากต้องนอนเช่นนี้ต่อไป นางเกรงว่าตัวเองคงกลายเป็นคนไร้ค่าในที่สุดนางเป็นถึงสาวใช้ใกล้ชิดของเจ
แววตาชิวเหลียนเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม รีบร้อนถอยหลังไปหลายก้าวจึงหลบพ้นมีดของแม่นมหลี่แม่นมหลี่อาศัยจังหวะนั้นบุกเข้ามาในเรือน ถลึงตาเคียดขึ้งใส่ชิวเหลียน แต่ไม่กล้าควงมีดใส่นางอีกแล้วอย่างไรเสียนางก็เข้ามาในบ้านคนอื่นแล้ว ถ้ายังลงมือกับชิวเหลียนอีก เกรงว่าเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงคงไม่ปล่อยนางไปแน่นอนแม่นมหลี่ชี้กวนซินพลาดด่าทอเสียงดัง “นางหญิงไม่รักษาคุณธรรมสตรีคนนี้ ไม่มีธุระก็ชอบแล่นมาบ้านคนอื่น”“อย่าลืมฐานะของเจ้า ที่นี่ไม่ใช่จวนรัชทายาทของเจ้าหรอกนะ ไม่มีใครคุ้มกะลาหัวเจ้าได้”“ยังไม่รีบตามข้ากลับไปอีก ชักช้าอยู่นั่นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”กวนซินเห็นแม่นมหลี่ถือมีดบุกเข้ามา นางไม่อยากสร้างปัญหาให้คนอื่นจึงได้แต่จูงมือฉู่ตั๋วตั่วทำท่าจะจากไปเจี่ยนอันอันเห็นอย่างนั้นก็ก้าวยาวๆ เข้ามาหา“พวกเจ้ารอสักครู่ค่อยไป”เจี่ยนอันอันกล่าว นางเดินมาถึงเบื้องหน้ากวนซินแล้วแม่นมหลี่เห็นเจี่ยนอันอันมาขัดขวางอีกครั้งก็โมโหจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน“เจี่ยนอันอัน ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีเรื่องเมื่อวานกับเจ้าเลยนะ เจ้าอย่าคิดนะว่าเอาป้ายคำสั่งของฝ่าบาทไปแล้ว ข้าก็จะกลัวเจ้า”“ถ้ารู้กา
เจี่ยนอันอันไม่กลัวว่าแม่นมหลี่จะเล่นลูกไม้อะไร ชิวเหลียนก็มีพื้นฐานวรยุทธ์ติดตัวอยู่บ้างกอปรกับในร่างแม่นมหลี่และเตียวเฉียงล้วนมีพิษร้ายแรงอยู่ทั้งคู่ต่อให้พวกเขาอาละวาดหนักแค่ไหนก็ไม่อาจแตะต้องชิวเหลียนแม้ปลายนิ้วชิวเหลียนกับกวนซินเข้าไปในที่พักของนางเตียวเฉียงเห็นว่าเป็นสาวใช้ที่ปรากฏตัวเมื่อวานนี้อีกแล้ว คิ้วเขาก็ขมวดมุ่นทันทีเขาจ้องชิวเหลียนด้วยสีหน้าดุร้าย “เจ้ามาทำอะไร ลูกถีบของข้าเมื่อวานนี้ยังไม่แรงพอจึงอยากมาลิ้มรสการถูกถีบอีกรอบงั้นรึ?”เตียวเฉียงยังไม่ลืมการต่อสู้กับชิวเหลียนเมื่อวานนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันลงมือ เขาคงตีชิวเหลียนจนตายไปแล้วชิวเหลียนไม่กลัวเตียวเฉียงแม้แต่น้อย ยามนี้เตียวเฉียงอ่อนแอเหมือนมดตัวหนึ่งนางแค่นเสียงเย็นชา มองไปทางเตียวเฉียงด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง“ถ้าเจ้ามีความสามารถแบบนั้นจริงก็มาสู้กับข้าอีกสักยกสิ ดูซิว่าจะเป็นเจ้าตายหรือว่าข้าม้วย”เตียวเฉียงเห็นชิวเหลียนที่เป็นสาวใช้คนหนึ่งกล้ามาพูดจาแบบนี้กับเขาเขาคำรามอย่างโมโหแล้วเตะเท้ามาทางชิวเหลียนอย่างรุนแรงชิวเหลียนไม่ขยับ เห็นกับตาว่าเท้าข้างนั้นกำลังจะกระทบถูกร่างนางแล้วแม่น
แม่นมหลี่ถูกเฉียนซื่อด่าว่าเป็นพวกไร้ประโยชน์ก็ให้โกรธแค้นจนอยากใช้มีดฟันฝ่ายตรงข้ามเสียให้รู้แล้วรู้รอดแต่นางรับทราบความร้ายกาจของคนในครอบครัวเฉียนซื่อ ย่อมไม่กล้าฟันเฉียนซื่อจริงๆก่อนหน้านี้ไม่นาน นางยังทะเลาะกันกับเฉียนซื่ออยู่เลยหลังจากรถม้าของเฉียนซื่อไปจากหน้าประตูเรือนของเจี่ยนอันอัน ทั้งหมดก็มาถึงหน้าประตูเรือนของแม่นมหลี่แล้วนางก็ได้เห็นว่าเรือนที่แม่นมหลี่อาศัยอยู่ก็กว้างขวางโอ่อ่ามากเช่นกันด้วยเหตุนี้จึงคิดจะให้พวกแม่นมหลี่ย้ายออกมาทั้งหมด ให้พวกตนทั้งบ้านเข้าไปอยู่แทนคิดไม่ถึงว่าแม่นมหลี่ไม่เพียงไม่ย้าย แต่ยังพูดจาโอหังกับนาง บอกว่าตนเองเป็นคนโปรดของฝ่าบาทถ้าเฉียนซื่อกล้ายึดครองเรือนของนาง นางก็จะรายงานฮ่องเต้ ให้ฮ่องเต้เนรเทศพวกนางทั้งครอบครัวไปยังสถานที่ทุรกันดารกว่าเดิมเฉียนซื่อย่อมไม่เก็บคำพูดของแม่นมหลี่มาใส่ใจ นางด่าทอแม่นมหลี่ว่านางเฒ่าหนังเหนียวถ้าแม่นมหลี่ไม่ย้ายออกจากที่นี่ นางก็จะเผาเรือนหลังนี้ซะขณะที่เฉียนซื่อกำลังทะเลาะกับแม่นมหลี่ ลูกธนูดอกหนึ่งก็พุ่งตรงมาทางเฉียนซื่อดีที่เสิ่นจืออวี้ลงมือเตะลูกธนูดอกนั้นกระเด็นได้ทันเวลาเฉียนซื่อจึงไม
เจี่ยนอันอันยิ้มเล็กน้อย “พี่เฉียว อย่ามัวยืนเฉย รีบลงชื่อก่อนเถิด”“ประเดี๋ยวเมื่อเจ้าเมืองตานมาถึง ยังต้องให้เขาดูด้วย”เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเบามาก จงใจมิให้เฝิงซานกวงกับลูกน้องเขาได้ยินแต่แม่ลูกตระกูลเฉียวและฉู่จวินสิงกลับได้ยินชัดเจนฉู่จวินสิงมุมปากเชิดขึ้น คิดในใจว่าการจะสั่งสอนคนเช่นเฝิงซานกวง ต้องใช้วิธีนี้จึงจะสาสมเฝิงซานกวงได้ยินไม่ชัดว่าเจี่ยนอันอันพูดเรื่องใด แต่มั่นใจว่าคงมิใช่เรื่องดีแน่นอนเฉียวซื่อรับเอากระดาษและพู่กันไป พลางเขียนชื่อตนเองบนกระดาษด้วยลายมือโย้เย้นางกำลังคิดอยู่ว่าต้องกัดนิ้วตนให้ขาดดีหรือไม่ พลันเห็นเจี่ยนอันอันไม่รู้ไปหยิบแป้นประทับตราจากที่ใดออกมาหนึ่งอันเจี่ยนอันอันกล่าวยิ้มๆ “พี่เฉียว การประทับตราของเราไม่ต้องเสียโลหิต”เฉียวซื่อยิ้มตามเช่นกัน พลางกดนิ้วมือลงบนแป้นนั้น แล้วประทับลายนิ้วลงไปบนสัญญาอีกทีเมื่อต่างลงนามในสัญญาฉบับใหม่เรียบร้อย ฉบับเก่าก็นับว่าเป็นโมฆะไปแต่เจี่ยนอันอันกลับไม่คิดฉีกสัญญาฉบับเก่าทิ้งไป นางจะรอให้เจ้าเมืองตานมาถึง และให้เขาดูเงื่อนไขเอาเปรียบที่อยู่ในนั้นนางใช้วิธีเดียวกันนี้ เขียนสัญญาใหม่ขึ้นมาอีกฉบับ
ยามนี้เขารู้สึกเสียใจยิ่ง เมื่อครู่ไม่ควรกล่าวถึงท่านอารองออกมาเร็วถึงเพียงนั้นแต่บัดนี้ลูกน้องไปเชิญท่านอามาแล้ว ถึงตอนนั้นเขาจะทำอย่างไรดี?เมื่อนึกถึงตรงนี้ เฝิงซานกวงรีบกล่าวต่อลูกน้องอีกคน “เจ้าไปบอกให้อู่เฉียงกลับมา”ลูกน้องผู้นั้นรับคำสั่งกำลังจะรีบวิ่งไปแต่เดินได้ไม่ถึงสองก้าว พลันถูกฉู่จวินสิงขวางหน้าไว้ก่อน“ผู้ใดกล้าขยับเขยื้อน ข้าจะให้ผู้นั้นเลือดนองอาบพื้นดินในบัดดล”ลูกน้องผู้นั้นได้แต่หวาดกลัวจนชะงักงัน พร้อมหันไปมองเฝิงซานกวง“ลูกพี่...”เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ไปก็ไม่ได้อยู่ต่อก็มีความผิดเฝิงซานกวงโกรธจนกำหมัดแน่น เสียงขบฟันดังกรอดจนได้ยินชัด“พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”เขาเริ่มรู้แล้วว่า วันนี้ตนน่าจะเจอจิ้งจอกเขี้ยวลากดินเข้าให้แล้วดูท่าหากไม่ต้อนรับขับสู้พวกเขาให้ดี เกรงว่าอีกประเดี๋ยวจะมีจุดจบที่ไม่สู้งามนักเจี่ยนอันอันเห็นว่าเฝิงซานกวงน่าจะอับจนปัญญา จึงเอาสัญญาที่เฉียวซื่อมอบให้นางออกมา“เฝิงซานกวง นี่คือสัญญาที่เจ้าทำไว้กับเฉียวซื่อ ในนี้มีเงื่อนไขข้อหนึ่ง ข้าอาจต้องแก้ไขเล็กน้อย”เฝิงซานกวงกัดฟันกรอดอีกครั้ง บันดาลโทสะเสียจนใบหน้าที่อยู
พวกเขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรญาติที่เป็นขุนนางของลูกพี่เป็นผู้มีอิทธิพลนัก ดูแลทุกอย่างในอำเภอไถหยางก็ว่าได้เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็น “คุยมาตั้งนาน ยังไม่เห็นบอกชื่อว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ข้าว่าคงจะแต่งเรื่องส่งเดชมากกว่า”เฝิงซานกวงถูกเจี่ยนอันอันยุยงอีกครั้ง เดิมทีเขาก็ไม่อยากเอ่ยชื่อเจ้าเมืองออกมาแต่ครั้งนี้เห็นทีไม่พูดก็ไม่ได้เสียแล้ว“ฮึ่ม พูดแล้วพวกเจ้าจะตกใจ ท่านอารองของข้าเป็นเจ้าเมืองแห่งอำเภอไถหยาง”“หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องกิจการในเหมืองของข้า ข้าจะให้ท่านอาส่งคนมาจับพวกเจ้าไปขังคุกเสีย!”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินว่าอารองของเฝิงซานกวงก็คือเจ้าเมืองตานนั่นเอง นางจึงเริ่มมีแผนการในใจ“อ้อ หมายถึงเจ้าเมืองตานผู้นั้นหรอกรึ? ยังนึกว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่ใดเสียอีก”“เชิญไปเรียกตัวมาได้เลย แล้วเรามายันกันซึ่งหน้า ให้รู้ไปว่าเขาจะเข้าข้างเจ้า หรือเห็นด้วยกับเรามากกว่า”เฝิงซานกวงมองดูท่าทีของเจี่ยนอันอัน คล้ายไม่กลัวกระทั่งคนเป็นเจ้าเมือง จึงให้ตกใจซ้ำอีกเขาแอบคิดในใจ หรือว่าท่านอารองจะรู้จักกับคนสองคนนี้?จึงหันไปกระซิบกระซาบต่อลูกน้องข้างกาย “รีบไปเชิญอารองข้ามาเดี๋ยวนี้”
เหล่าคนงานที่เข้าออกเหมืองแร่เห็นเหตุการณ์เข้า ต่างก็ตกใจเป็นอย่างมากเพราะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นลูกน้องของนายจ้างถูกผู้อื่นทำร้ายเช่นนี้แม้แต่ละคนจะมีความตกใจ แต่ลึกๆ กลับรู้สึกสะใจมากกว่าเพราะบริวารของเฝิงซานกวงเหล่านี้ ปกติมักจะใช้กำลังกับพวกเขาบ่อยๆทุกครั้งที่พวกเขาขุดหาแร่ออกมาไม่ได้ปริมาณตามที่ต้องการ ลูกน้องเฝิงซานกวงก็พากันมารุมซ้อมพวกเขาอย่างหนัก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าไปบอกใครบางคนเคยคิดหนีไปจากที่นี่ แต่ครั้งใดที่มีผู้หลบหนี มักถูกจับกลับมาแล้วซ้อมหนักยิ่งกว่าเดิมอีกที่สำคัญพวกเขาแทบจำไม่ได้ว่าตนคือใคร บ้านช่องอยู่ที่ใดจึงได้แต่ใช้แรงกายแลกกับเงินน้อยนิดเพียงสองอีแปะในแต่ละวัน อดทนทำงานอยู่ที่นี่ต่อไปเมื่อชายสองคนถูกทำร้ายเข้า จึงมีลูกน้องเฝิงซานกวงตามออกมาอีกทุกคนเมื่อเห็นว่ามีคนมาก่อเรื่อง จึงกรูกันเข้าหาฉู่จวินสิงทันทีแต่มิต้องรอให้พวกเขามาเข้าใกล้ ฉู่จวินสิงใช้กำลังภายในซัดออกไปก่อนแล้วทุกคนต่างทยอยล้มลง พลางกลิ้งไปมา ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดทันใดนั้นเอง มีเสียงหนึ่งตะคอกดังขึ้น “ผู้ใดกล้าบังอาจมาก่อเรื่องในเหมืองของข้า อยากตายหรืออย่างไร?”ใบ
แต่บัดนี้นางเปิดร้านมาสิบกว่าวัน ขายได้เพียงรูปสัตว์โลหะไม่กี่ตัวเท่านั้นเฉียวซื่อบอกเล่าสิ่งที่พบเจอให้เจี่ยนอันอันฟัง ทำให้นางเกิดความเข้าใจขึ้นทันทีที่แท้เฉียวซื่อถูกเฝิงซานกวงหลอกลวงมาแต่แรกเจี่ยนอันอันเพียงคิดว่าต่อให้นางซื้อของตกแต่งเหล่านี้กลับไป ก็มิได้ใช้ประโยชน์นักจึงนำหนูโลหะตัวเล็กในมือวางกลับที่เดิมเฉียวซื่อเห็นเจี่ยนอันอันทำเช่นเดียวกับลูกค้าอื่นในร้าน เพียงเข้ามาหยิบดูเล็กน้อย จากนั้นจึงวางของตกแต่งลงไว้ที่เดิมดูแล้วคล้ายไม่สู้ถูกใจผลงานที่นางสร้างสรรค์ออกมาเท่าใดนัก พลันเกิดความรู้สึกท้อแท้ นางคงไม่เหมาะจะทำอาชีพนี้จริงๆ กระมังหากตอนนี้สามียังอยู่ก็คงดี นางจะได้ฝึกวิชาการตีเหล็กจากเขาให้ออกมาเป็นงานอื่นบ้างและเมื่อครู่เจี่ยนอันอันรู้จากปากเฉียวซื่อ ว่าเฝิงซานกวงได้เปิดกิจการเหมืองแร่แห่งหนึ่งทุกวันจะมีคนงานไปด้านหลังภูเขาที่อยู่ห่างไกล ขุดเอาแร่เหล็กและหยกออกมา เพื่อนำกลับมาถลุงเป็นเครื่องหยกและของใช้ที่ทำจากเหล็กนางเห็นเฉียวซื่อคล้ายมีอาการท้อใจ จึงกล่าวยิ้มแย้ม “พี่เฉียว ท่านพาข้าไปดูที่เหมืองของเฝิงซานกวงก่อน ข้ามีสิ่งของบางอย่างต้องการจะซื้อ”
เจี่ยนอันอันหยิบมากวาดตาดูก็มองความผิดปกติบนนั้นออกได้ในทันที“เงื่อนไขในนี้เข้มงวดเกินไปแล้ว ถ้าฝ่ายไหนยุติสัญญาจะต้องชดเชยให้อีกฝ่ายเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึง”“เจ้าหมอนี่ช่างกล้าเขียน สัญญานี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเงื่อนไขแบบมัดมือชกกันชัดๆ”“ข้าว่าท่านไม่ร่วมงานกับเขาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้เฉียวซื่อใจหายวูบนางรู้จักตัวหนังสือแค่ไม่กี่ตัว นอกจากเขียนชื่อตัวเองเป็นแล้ว เงื่อนไขในนั้นนางอ่านไม่เข้าใจเลยสักนิดเฝินซานกวงเป็นคนอ่านให้นางฟัง นางรู้สึกว่าเงื่อนไขสมเหตุสมผลมากจึงลงนามในสัญญากับอีกฝ่ายแต่คิดไม่ถึงเลยว่า เฝิงซานกวงจะกล้าเล่นเล่ห์กับนางแบบนี้เดิมนั้นนางอยากยกเลิกสัญญากับอีกฝ่าย แต่กลับได้ยินเฝิงซานกวงพูดว่า ถ้านางกล้าเป็นฝ่ายยกเลิกสัญญาก็จะต้องชดเชยเงินให้เฝิงซานกวงเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึงตอนนั้นเฉียวซื่อตกใจยิ่งนักนางเคยไปถามเถ้าแก่ร้านข้างเคียง ฝ่ายตรงข้ามก็บอกว่าเงื่อนไขนี้เขียนไว้อย่างชัดเจน ต้องจ่ายเงินชดเชยให้อีกฝ่ายหนึ่งแสนตำลึงจริงๆเงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้ นางจะไปหาเงินมากมายขนาดนี้มาจากที่ไหนถึงตอนนี้เฉียวซื่อจึงตระหนักว่
ตอนนี้เขาทำได้เพียงอดทนอดกลั้นต่อความเจ็บปวด ยอมรับการทุบตีจากเฉียวอี้บริเวณรอบๆ มีคนล้อมเข้ามามุงดูจำนวนมาก พวกเขาต่างชี้ไม้ชี้มือมาทางชายผู้นั้น“คนคนนี้แค่เห็นก็รู้แล้วว่าต้องไม่ใช่คนดีแน่ ดูหน้าตาทรงโจรของเขาสิ แปดส่วนคงเป็นเพราะไปหาเรื่องคนอื่นก่อน ถึงได้ถูกเด็กคนนั้นซ้อมเอาแบบนี้”“เมื่อครู่ข้าได้ยินแล้ว เขาไปลงไม้ลงมือกับแม่ของเด็กคนนั้น ข้าว่าตีเขายังน้อยไป ควรแจ้งความมากกว่า”คนมุงบริเวณรอบๆ ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นานาเฉียวอี้ควงหมัดทักทายใบหน้าของชายผู้นั้นหนักกว่าเดิมในไม่ช้า เฉียวอี้ก็ตีจนรู้สึกเจ็บกำปั้น แต่เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจนกระทั่งอัดศีรษะชายผู้นั้นจนบวมเป่งเหมือนหมู เฉียวอี้ถึงได้หยุดมือพร้อมหอบหายใจแม้ว่ากำปั้นของเฉียวอี้จะไม่ใหญ่ แต่ครั้นทุบตีคนก็ร้ายกาจยิ่งนักเห็นใบหน้าชายผู้นั้นเขียวช้ำไปหมด เฉียวอี้ก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากเจี่ยนอันอันกล่าวกับชายผู้นั้นว่า “หากวันหน้าเจ้ายังกล้ามาคุกคามแม่ลูกตระกูลเฉียวอีก ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าสบายแบบนี้แน่ ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”ชายผู้นั้นไม่กล้าพูดมาก ลุกขึ้นมากุมศีรษะแล้วเผ่นหนีไปคนมุงบริเวณรอบๆ เ
เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากัน“พวกเจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้” ฉู่จวินสิงว่าแล้วก็ก้าวยาวๆ ตรงไปทางตรอกน้อยชายผู้นั้นเห็นว่าฉู่จวินสิงตรงมาทางเขาก็หันหลังเตรียมวิ่งหนีแต่เขาวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกถีบเข้าที่เอวเสียแล้วชายผู้นั้นถูกถีบกระเด็นไปไกล คว่ำหน้าอยู่บนพื้นร้องโอดโอยออกมาอย่างทนไม่ไหวฉู่จวินสิงย่างสามขุมตรงเข้าไปหาแล้วหิ้วคอเสื้อของชายผู้นั้นขึ้นมาอย่างไม่ปรานีปราศรัย“ไปกับข้า!”ฉู่จวินสิงกล่าวพลางผลักชายผู้นั้นตรงออกไปนอกตรอกชายผู้นั้นได้ลิ้มรสความร้ายกาจของฉู่จวินสิงแล้วย่อมไม่กล้าวิ่งหนีส่งเดชเขาไม่อยากถูกถีบอีกหรอกนะ จนถึงตอนนี้เอวยังระบมอยู่เลยฉู่จวินสิงผลักชายผู้นั้นมาถึงตรงหน้าเจี่ยนอันอันกับเฉียวอี้แล้วกล่าวเสียงเข้ม “บอกมา ระหว่างเจ้ากับเด็กคนนี้เป็นเรื่องอะไรกันแน่?”ชายผู้นั้นมองเฉียวอี้ แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นแค้น“คุณชายท่านนี้ ข้าไม่รู้จักเขาเสียหน่อย เขาวิ่งออกมาถนนใหญ่เอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าเลยนะ”ขณะที่ชายผู้นั้นพูดก็ถลึงตาใส่เฉียวอี้อย่างดุร้ายเฉียวอี้เห็นฝ่ายตรงข้ามไม่ยอมรับ เขาเงยหน้าขึ้นมาด้วยความโมโห แล้วตวาดใส่ชายผู้นั้นว่า“ท่านโก
เจี่ยนอันอันเห็นว่าฉู่จวินสิงก่อสร้างเป็น นางก็วางใจไปได้มากนางยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ใช่กระโจม แต่เป็นโรงเรือนสำหรับเพาะปลูกแบบหนึ่ง”นางมีความคิดคร่าวๆ ในใจแล้วจึงรีบกลับบ้านไปกับฉู่จวินสิงนางหยิบกระดาษและปากกาออกมาจากในมิติ แล้ววาดภาพร่างบนโต๊ะฉู่จวินสิงนั่งอยู่ข้างๆ ตั้งใจดูภาพร่างโรงเรือนที่เจี่ยนอันอันวาดที่นี่ไม่มีเหล็กเส้น เจี่ยนอันอันยังไม่อยากใช้เงินจำนวนมากไปซื้อจากในร้านค้านางต้องการสร้างโรงเรือนสำหรับคนในหมู่บ้านทุกคน เหล็กเส้นที่ต้องใช้จึงมีไม่น้อยหากใช้เงินไปซื้อมา นั่นไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ เลยนางไม่อยากใช้เงินพวกนั้นในมิติมากเกินไป นางยังรอที่จะสนับสนุนฉู่จวินสิงขึ้นนั่งบัลลังก์ฮ่องเต้หลังจากการทำสงครามกลับเมืองจิงโจวในวันหน้าเมื่อถึงตอนนั้น เงินทองของล้ำค่าเหล่านั้นในมิติก็จะได้นำไปใช้แล้วฮ่องเต้จนกรอบคนหนึ่งที่ไม่สามารถจ่ายเบี้ยหวัดให้เหล่าขุนนางได้ ทั้งยังไม่สามารถทำให้ชาวบ้านอยู่ดีมีสุข กับฮ่องเต้ที่มั่งคั่งร่ำรวยคนหนึ่ง เงินในมือสามารถซื้อเมืองทั้งเมืองได้ชาวบ้านกับเหล่าขุนนางจะเอนเอียงไปทางคนไหนมากกว่า นั่นไม่ต้องพูดก็สามารถรู้ได้แล้วในไม่ช้า เจี่ยน