แววตาชิวเหลียนเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม รีบร้อนถอยหลังไปหลายก้าวจึงหลบพ้นมีดของแม่นมหลี่แม่นมหลี่อาศัยจังหวะนั้นบุกเข้ามาในเรือน ถลึงตาเคียดขึ้งใส่ชิวเหลียน แต่ไม่กล้าควงมีดใส่นางอีกแล้วอย่างไรเสียนางก็เข้ามาในบ้านคนอื่นแล้ว ถ้ายังลงมือกับชิวเหลียนอีก เกรงว่าเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงคงไม่ปล่อยนางไปแน่นอนแม่นมหลี่ชี้กวนซินพลาดด่าทอเสียงดัง “นางหญิงไม่รักษาคุณธรรมสตรีคนนี้ ไม่มีธุระก็ชอบแล่นมาบ้านคนอื่น”“อย่าลืมฐานะของเจ้า ที่นี่ไม่ใช่จวนรัชทายาทของเจ้าหรอกนะ ไม่มีใครคุ้มกะลาหัวเจ้าได้”“ยังไม่รีบตามข้ากลับไปอีก ชักช้าอยู่นั่นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”กวนซินเห็นแม่นมหลี่ถือมีดบุกเข้ามา นางไม่อยากสร้างปัญหาให้คนอื่นจึงได้แต่จูงมือฉู่ตั๋วตั่วทำท่าจะจากไปเจี่ยนอันอันเห็นอย่างนั้นก็ก้าวยาวๆ เข้ามาหา“พวกเจ้ารอสักครู่ค่อยไป”เจี่ยนอันอันกล่าว นางเดินมาถึงเบื้องหน้ากวนซินแล้วแม่นมหลี่เห็นเจี่ยนอันอันมาขัดขวางอีกครั้งก็โมโหจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน“เจี่ยนอันอัน ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีเรื่องเมื่อวานกับเจ้าเลยนะ เจ้าอย่าคิดนะว่าเอาป้ายคำสั่งของฝ่าบาทไปแล้ว ข้าก็จะกลัวเจ้า”“ถ้ารู้กา
เจี่ยนอันอันไม่กลัวว่าแม่นมหลี่จะเล่นลูกไม้อะไร ชิวเหลียนก็มีพื้นฐานวรยุทธ์ติดตัวอยู่บ้างกอปรกับในร่างแม่นมหลี่และเตียวเฉียงล้วนมีพิษร้ายแรงอยู่ทั้งคู่ต่อให้พวกเขาอาละวาดหนักแค่ไหนก็ไม่อาจแตะต้องชิวเหลียนแม้ปลายนิ้วชิวเหลียนกับกวนซินเข้าไปในที่พักของนางเตียวเฉียงเห็นว่าเป็นสาวใช้ที่ปรากฏตัวเมื่อวานนี้อีกแล้ว คิ้วเขาก็ขมวดมุ่นทันทีเขาจ้องชิวเหลียนด้วยสีหน้าดุร้าย “เจ้ามาทำอะไร ลูกถีบของข้าเมื่อวานนี้ยังไม่แรงพอจึงอยากมาลิ้มรสการถูกถีบอีกรอบงั้นรึ?”เตียวเฉียงยังไม่ลืมการต่อสู้กับชิวเหลียนเมื่อวานนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันลงมือ เขาคงตีชิวเหลียนจนตายไปแล้วชิวเหลียนไม่กลัวเตียวเฉียงแม้แต่น้อย ยามนี้เตียวเฉียงอ่อนแอเหมือนมดตัวหนึ่งนางแค่นเสียงเย็นชา มองไปทางเตียวเฉียงด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง“ถ้าเจ้ามีความสามารถแบบนั้นจริงก็มาสู้กับข้าอีกสักยกสิ ดูซิว่าจะเป็นเจ้าตายหรือว่าข้าม้วย”เตียวเฉียงเห็นชิวเหลียนที่เป็นสาวใช้คนหนึ่งกล้ามาพูดจาแบบนี้กับเขาเขาคำรามอย่างโมโหแล้วเตะเท้ามาทางชิวเหลียนอย่างรุนแรงชิวเหลียนไม่ขยับ เห็นกับตาว่าเท้าข้างนั้นกำลังจะกระทบถูกร่างนางแล้วแม่น
แม่นมหลี่ถูกเฉียนซื่อด่าว่าเป็นพวกไร้ประโยชน์ก็ให้โกรธแค้นจนอยากใช้มีดฟันฝ่ายตรงข้ามเสียให้รู้แล้วรู้รอดแต่นางรับทราบความร้ายกาจของคนในครอบครัวเฉียนซื่อ ย่อมไม่กล้าฟันเฉียนซื่อจริงๆก่อนหน้านี้ไม่นาน นางยังทะเลาะกันกับเฉียนซื่ออยู่เลยหลังจากรถม้าของเฉียนซื่อไปจากหน้าประตูเรือนของเจี่ยนอันอัน ทั้งหมดก็มาถึงหน้าประตูเรือนของแม่นมหลี่แล้วนางก็ได้เห็นว่าเรือนที่แม่นมหลี่อาศัยอยู่ก็กว้างขวางโอ่อ่ามากเช่นกันด้วยเหตุนี้จึงคิดจะให้พวกแม่นมหลี่ย้ายออกมาทั้งหมด ให้พวกตนทั้งบ้านเข้าไปอยู่แทนคิดไม่ถึงว่าแม่นมหลี่ไม่เพียงไม่ย้าย แต่ยังพูดจาโอหังกับนาง บอกว่าตนเองเป็นคนโปรดของฝ่าบาทถ้าเฉียนซื่อกล้ายึดครองเรือนของนาง นางก็จะรายงานฮ่องเต้ ให้ฮ่องเต้เนรเทศพวกนางทั้งครอบครัวไปยังสถานที่ทุรกันดารกว่าเดิมเฉียนซื่อย่อมไม่เก็บคำพูดของแม่นมหลี่มาใส่ใจ นางด่าทอแม่นมหลี่ว่านางเฒ่าหนังเหนียวถ้าแม่นมหลี่ไม่ย้ายออกจากที่นี่ นางก็จะเผาเรือนหลังนี้ซะขณะที่เฉียนซื่อกำลังทะเลาะกับแม่นมหลี่ ลูกธนูดอกหนึ่งก็พุ่งตรงมาทางเฉียนซื่อดีที่เสิ่นจืออวี้ลงมือเตะลูกธนูดอกนั้นกระเด็นได้ทันเวลาเฉียนซื่อจึงไม
เฉียนซื่อสูดดมแรงๆ แล้วนางก็พบว่ากลิ่นหอมของเนื้อลอยมาจากบริเวณไม่ไกลนี่เองเฉียนซื่ออยากกินจนน้ำลายสอ นางกระทุ้งไม้เท้าในมือลงบนพื้นแรงๆ ด้วยความโมโห“เจ้ายังมาบอกว่าที่บ้านเจ้าไม่มีเนื้ออีก กลิ่นหอมของเนื้อนี่มาจากไหนกัน?”แม่นมหลี่ก็ได้กลิ่นหอมนี้แล้วเช่นกัน กลิ่นนี้ดมดูแล้วเหมือนจะเป็นกลิ่นของซาลาเปาไส้เนื้อนางก็อยากกินจนน้ำลายสอเหมือนกันทันใดนั้น แม่นมหลี่พลันคิดอะไรขึ้นมาได้นางกล่าวด้วยสีหน้าประจบ “ข้ารู้แล้ว กลิ่นหอมของเนื้อนี้เป็นไปได้มากว่าลอยมาจากบ้านของเจี่ยนอันอัน"“ก่อนหน้านี้ตอนข้าไปบ้านเจี่ยนอันอัน ตอนนั้นพวกนางก็กำลังกินข้าวอยู่ ข้าเห็นว่าอาหารบนโต๊ะพวกนางมีเนื้อเต็มไปหมด”เมื่อเฉียนซื่อได้ยินชื่อเจี่ยนอันอันก็ขมวดคิ้วมุ่นนางหันไปมองเสิ่นจือเจิ้งที่ยังไม่ได้สติอยู่บนรถม้านางเคยได้ยินเสิ่นจือเจิ้งพูดว่าคุณหนูใหญ่ในจวนกั๋วกงมีนามว่าเจี่ยนอันอันตอนนั้นอดีตฮ่องเต้คิดจะให้เสิ่นจือเจิ้งแต่งงานกับเจี่ยนอันอัน แต่กลับถูกกั๋วกงปฏิเสธสองบ้านจึงไม่ได้เป็นดองกันเพราะเหตุนี้ภายหลังเสิ่นจือเจิ้งแต่งงานกับหญิงจากครอบครัวธรรมดาคนหนึ่ง ยังให้กำเนิดลูกคนหนึ่งให้ที่บ้
เจี่ยนอันอันไม่สนใจคำขอร้องของแม่นมหลี่ นางผลักประตูแล้วก้าวยาวๆ เข้าไปข้างในแม่นมหลี่คิดจะตามเข้าไปด้วย แต่กลับถูกเจี่ยนอันอันปิดประตูใส่หน้าหน้าผากแม่นมหลี่กระแทกกับประตูอย่างหนักหน่วง เจ็บปวดจนนางเห็นดาวทองเลยทีเดียวนางกุมหน้าผากที่ถูกกระแทกเจ็บพลางจ้องประตูที่ปิดสนิทด้วยความโมโหภายในห้อง เจี่ยนอันอันวางถาดซาลาเปาลงบนเตียงอุ่นกวนซินกับชิวเหลียนรีบมานั่งลงเจี่ยนอันอันกล่าวกับพวกนางว่า “รีบกินตอนที่ยังร้อนๆ เถอะ ไม่พอข้าจะกลับไปเอามาให้ใหม่”ชิวเหลียนหยิบซาลาเปาไส้เนื้อลูกหนึ่งขึ้นมากัดคำโต กลิ่นหอมของเนื้อฟุ้งกระจายอยู่ในปากชิวเหลียนไม่เคยกินซาลาเปาไส้เนื้อที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน ถึงจะเป็นตอนอยู่ในจวนเยียนอ๋องก็ไม่เคยกินเหมือนกันนางเงยหน้ามองเจี่ยนอันอัน “ฮูหยินน้อยรอง ซาลาเปาไส้เนื้อนี่ใครเป็นคนทำหรือเจ้าคะ ไยจึงอร่อยเช่นนี้?”เจี่ยนอันอันนั่งลงบนขอบเตียงอุ่น สองขาแกว่งไปมาอยู่หน้าเตียงอุ่น“ข้าเป็นคนผสมไส้เนื้อ ส่วนแป้งสี่เอ๋อร์เป็นคนทำ”ชิวเหลียนได้ยินดังนั้นก็ชูนิ้วโป้งให้เจี่ยนอันอัน“ฮูหยินน้อยรอง ฝีมือของท่านยอดเยี่ยมจริงๆ เจ้าค่ะ ซาลาเปาไส้เนื้อนี่อร่อยที่ส
ทั้งสองคนมาถึงที่ที่เฉียนซื่ออยู่อย่างรวดเร็วกลิ่นหอมของเนื้อยิ่งอบอวลยิ่งขึ้นเมื่อเจี่ยนอันอันมาถึงเฉียนซื่อมองซาลาเปาไส้เนื้อหนึ่งจานในมือเจี่ยนอันอันแล้วค่อยๆ มีรอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้านางคิดว่าแม่นมหลี่ไปขอซาลาเปาไส้เนื้อที่บ้านเจี่ยนอันอันคิดไม่ถึงว่าเจี่ยนอันอันจะนำมาส่งให้ด้วยตัวเองเฉียนซื่อมองซาลาเปาเนื้อร้อนๆ แล้วส่งสายตาให้เสิ่นจืออวี้ที่อยู่ด้านข้าง“เจ้าไปเอาซาลาเปาไส้เนื้อมา”เสิ่นจืออวี้ลุกขึ้นย่อตัวให้เจี่ยนอันอันอย่างมีมารยาท “ขอบคุณแม่นางที่นำซาลาเปาไส้เนื้อมาให้พวกข้า”เสิ่นจืออวี้พูดจบก็ยื่นมือไปรับจานจากมือเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันแค่นเสียงหัวเราะก่อนจะถอยห่างออกมาหนึ่งก้าวใหญ่“ทำอะไร ข้าบอกแล้วหรือว่าจะให้พวกเจ้ากิน?”เสิ่นจืออวี้อดที่จะผงะไม่ได้ เขาไม่เข้าใจว่าเจี่ยนอันอันไม่ได้นำซาลาเปาไส้เนื้อมาให้พวกเขากินหรอกหรือ?เฉียนซื่อได้ยินว่าเจี่ยนอันอันไม่ได้จะให้กินซาลาเปาไส้เนื้อก็หน้าบึ้ง นางกระแทกไม้เท้ากับพื้นอย่างแรง“หากไม่ให้พวกข้ากินแล้วจะยกมาทำอันใด?”เจี่ยนอันอันได้ยินแบบนี้ก็หัวเราะ นางใช้มือพัดให้กลิ่นหอมของเนื้อลอยไปปะจมูกของอีกฝ่าย“อื
“พวกเจ้าแต่ละคน คิดจะขบถกันใช่หรือไม่!”“ข้าจะบอกพวกเจ้าให้นะ วันนี้ข้าจะกินซาลาเปาไส้เนื้อให้ได้”“หากพวกเจ้าไม่แย่งมา ข้าจะฟาดพวกเจ้าให้เป็นซาลาเปาไส้เนื้อแล้วเอาไปนึ่งกิน”เฉียนซื่อว่าจบก็เหวี่ยงไม้เท้าใส่แผ่นหลังของเจียงหว่านเอ๋อร์อีกรอบเสิ่นจืออวี้รู้ว่าสองคนนี้ถูกตีเพราะตัวเขาเขารีบก้าวออกไปคว้าไม้เท้าที่เหวี่ยงเข้ามา“ท่านย่ารอง ท่านอย่าทำเกินไปนัก” เสิ่นจืออวี้ทนเฉียนซื่อมาตลอดทางตอนนี้พี่ใหญ่ยังคงหมดสติ ผู้เดียวที่จะช่วยพี่ใหญ่ได้ก็มีแต่ท่านย่ารองทว่าตลอดทางมานี้ อย่าว่าแต่การรักษาพี่ใหญ่เลย ท่านย่ารองไม่แม้แต่จะมองพี่ใหญ่แม้แต่ปราดเดียวด้วยซ้ำและตอนนี้ ท่านย่ารองก็ยังคิดจะตีพี่สะใภ้ใหญ่กับเสิ่นคังให้ตายเพียงเพราะอยากได้ซาลาเปาไส้เนื้อในฐานะทหารคนหนึ่ง เสิ่นจืออวี้นั้นเหลืออดเหลือทนมานานแล้วเขาออกแรงแย่งไม้เท้ามาจากมือเฉียนซื่อ“ท่านย่ารอง เมื่อครู่นี้ท่านกินหมั่นโถวไปแล้วและมีเรี่ยวแรงคงจะถึงเวลาต้องรักษาให้พี่ใหญ่ของข้าแล้วกระมัง”เฉียนซื่อคิดไม่ถึงว่าไม้เท้าของตัวเองจะถูกเสิ่นจืออวี้แย่งไปนางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ชี้นิ้วใส่พวกเสิ่นจืออวี้ทั้งสามคนอย่างสั
ครอบครัวของพวกเขาเป็นแม่ทัพมาหลายชั่วคน ตอนนั้นแม่ทัพผู้เฒ่าเสียชีวิตในสนามรบแล้วได้มอบป้ายคำสั่งแม่ทัพให้กับเสิ่นจือเจิ้งและเสิ่นจือเจิ้งก็ไม่ได้ทำให้ผู้เป็นบิดาต้องผิดหวังแต่อย่างใด เขาสร้างคุณูปการให้กับเมืองซินเหอเยอะมากฉู่จวินสิงเคยพบเสิ่นจือเจิ้งที่วังหลวง ถือว่าเป็นสหายที่เคยพยักหน้าทักทายกันเพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุใดเสิ่นจือเจิ้งจึงถูกเนรเทศเช่นกันเวลานี้เสิ่นจืออวี้กำไม้เท้าแน่น ครั้นเห็นว่าย่ารองไม่มีทีท่าจะรักษาให้พี่ใหญ่ เขาก็เริ่มนึกย้อนเสียใจขึ้นมา ไม่รู้ว่าเมื่อครู่นี้ตัวเองบุ่มบ่ามเกินไปหรือไม่หากว่าเขาอดทนอีกสักหน่อย ไม่แน่ว่าย่ารองจะช่วยรักษาให้พี่ใหญ่อากาศที่นี่ร้อนอบอ้าวมาก ถ้าหากพี่ใหญ่ยังไม่ได้รับการรักษาอีก บาดแผลตามร่างกายเขาก็จะเริ่มอักเสบเมื่อผ่านไปนานวัน เกรงว่าพี่ใหญ่คงไม่ฟื้นตื่นขึ้นมาอีกแต่เขาได้ล่วงเกินย่ารองไปแล้ว ส่วนตอนนี้ก็รักศักดิ์ศรีเกินกว่าจะขอร้องอีกฝ่ายเขาทำได้เพียงยืนอยู่ที่นี่ มองพี่ใหญ่ที่อยู่บนรถม้าด้วยใจร้อนรนเจี่ยนอันอันเห็นว่าวิธีที่ตนใช้เมื่อครู่ไม่อาจทำให้เฉียนซื่อโมโหจนเสียสติเห็นทีว่านางคงต้องเพิ่มเชื้อเพลิงให้มากก
หลังจากทั้งคู่กินข้าวเสร็จ กลับไม่ได้พักผ่อนอยู่ในโรงเตี๊ยมหลังจากออกไปข้างนอก ก็มาอยู่ในมุมๆ หนึ่งซึ่งปลอดคนในใจรีบท่องชื่อว่านผิงพร้อมกัน และไม่นานก็หายตัวไปจากซอกมุมนั้นเมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง จึงเห็นว่านผิงกับพวกกำลังเที่ยวจับคนอยู่ทุกครั้งที่จับชายคนหนึ่งได้ ก็จะหยิบภาพเขียนออกมาเปรียบเทียบดูใบหน้าทำเอาผู้คนบนท้องถนนต่างตกใจเป็นการใหญ่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันยังอยู่ในสภาพอำพรางกายอยู่ ว่านผิงกับพวกจึงไม่รู้ว่ามีคนมาคอยติดตามและพวกเขาก็ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น กลับเดินตามพวกว่านผิงไปเรื่อยๆโดยตั้งใจว่าจะหาโอกาสเหมาะ ค่อยลงมือเสียทีเดียวเพราะถ้าอยู่ท้องถนนแล้วลงมือฆ่าคน อาจทำให้ชาวบ้านตื่นตระหนกเป็นอย่างมากพวกเขาจับคนมาหลายคน แต่ล้วนไม่ใช่คนในภาพเขียนทำเอาว่านผิงโกรธจนกำหมัดแน่น มองหน้าลูกน้องพร้อมกล่าวเสียงดุ “พวกมันยังอยู่ในเมืองหลี่จง รีบไปค้นหาให้ทั่ว อย่าได้ปล่อยผ่านแม้แต่คนเดียว!”“ขอรับ ท่านหัวหน้า”ลูกน้องรับคำโดยพร้อมเพรียง และตามหาต่อไปเมื่อพวกเขามาถึงที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง พลันเห็นข้างหน้ามีบ้านเล็กหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ดูจากประตูที่เก่าโทร
ว่านผิงส่งสายตาให้เหล่าลูกน้อง ทุกคนรีบวิ่งขึ้นชั้นบนไปต่างถือเอาภาพเหมือนออกมา พร้อมเปรียบเทียบบนใบหน้าแขกทีละคน เมื่อเห็นว่าล้วนไม่ใช่คนที่ตนต้องการจะหา อีกทั้งมองดูในห้อง จนแน่ใจว่าไม่มีใครหลบซ่อนอยู่ จึงลงไปยังชั้นล่าง“หัวหน้า ชั้นบนไม่มีคนที่เราจะหา”ว่านผิงเหลียวมองคนที่นั่งกินอาหารอยู่ในโรงเตี๊ยม มองดูแต่ละคนแล้วสำรวจขึ้นลง สุดท้ายไปจับจ้องอยู่ที่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันเขาเห็นคนทั้งคู่ต่างก้มหน้ากินข้าว แทบไม่เงยหน้าขึ้นมองผู้ใดเสียด้วยซ้ำจึงผละจากเถ้าแก่ เดินจ้ำอ้าวไปทางฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน“เงยหน้าขึ้นมา” ว่านผิงกล่าวเสียงตะคอก กระบี่ในมือชี้ที่ลำคอฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงแทบไม่นำพาต่อกระบี่ที่พาดคอ พลางวางตะเกียบลง หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมุมปาก “ว่าอย่างไร เจ้าคิดลงมือกับข้าด้วยรึ?”ฉู่จวินสิงเลียนแบบน้ำเสียงของอิ่นเจียง พลางเหลือบตาขึ้นมองว่านผิงทันทีที่ว่านผิงเห็นหน้าฉู่จวินสิงชัดเจน จึงตกใจจนตัวสั่น พลางรีบเก็บกระบี่ขึ้น“ข้าน้อยไม่รู้ว่าใต้เท้ามาอยู่นี่ เมื่อครู่ล่วงเกินไป ขอท่านโปรดอภัยด้วย”ว่านผิงยืนอยู่ด้านข้างฉู่จวินสิง ในใจรู้สึกขนลุกขนชัน
ฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันในที่สุดก็ลืมตาขึ้น จึงได้กล่าวกับนาง “เมื่อครู่ข้าเรียกเจ้าอยู่หลายที เจ้าก็ไม่ขานตอบ ข้ายังนึกว่าเกิดอะไรขึ้นเสียอีก”เจี่ยนอันอันเพิ่งจะนึกได้ เมื่อครู่นางกำลังเพ่งมองภาพในมิติอยู่ ข้างโสตได้ยินเสียงคนเรียกชื่อนางจริงๆเพียงแต่ความสนใจของนาง ล้วนไปอยู่ในภาพนั้นหมดสิ้น จึงไม่ได้ใส่ใจการเรียกหาของฉู่จวินสิงนางจึงยอมให้ฉู่จวินสิงมานั่งด้านข้าง พร้อมนำภาพที่เห็น บอกเล่าให้เขาฟัง“จากที่เจ้าเล่ามา ชายสองคนที่เห็นนั้น อาจเป็นลูกน้องข้าก็ได้”เจี่ยนอันอันก็นึกถึงข้อนี้เช่นกัน หากชายสองคนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาจริง เบื้องหน้านางคงไม่ปรากฏภาพเช่นนั้นออกมา“เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็รออยู่ในโรงเตี๊ยมนี้แหละ เพราะที่ๆ สองคนนั้นจะมาพักก็คือโรงเตี๊ยมแห่งนี้”ฉู่จวินสิงได้ยินดังนี้ พลันเกิดความคิดในใจขอเพียงชายสองคนนั้นปรากฏตัวขึ้น เขาก็จะได้สมทบกับพวกเขาทันทีเพียงแต่ไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งห้าคนหลบหนีพร้อมกัน เหตุใดจึงได้พลัดหลงกันเช่นนี้?หรือว่าลูกน้องอีกสามคนได้ถูกคนของฉู่ชางเหยียนจับกลับไปเสียแล้ว?เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงขมวดคิ้วมุ่น นางจึงเอ่ยปาก “อย่าเพ
ฉู่จวินสิงกล่าวเสียงก้อง “เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะให้เวลาท่านสามวันในการสืบเรื่องนี้”“ถ้าไม่ได้ตัวผู้ก่อเหตุมา ข้าจะทำตามรับสั่งของฝ่าบาท สั่งประหารพวกท่านทั้งครอบครัว”คำพูดของฉู่จวินสิง ทำให้เจ้าเมืองข่งสะดุ้งอย่างแรงจนแม้แต่สะใภ้รองที่คุกเข่าอยู่ด้านข้าง ก็พลอยหวาดกลัวจนตัวสั่นไปด้วยนางแอบเหลียวมองเจ้าเมืองข่ง เห็นอีกฝ่ายก้มหน้าก้มตา ไม่รู้ว่าจะตามหาคนผู้นั้นได้พบหรือไม่หลังจากฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันจากไปแล้ว เจ้าเมืองข่งค่อยทรุดตัวลงกับพื้นเขาหายใจหอบแรง หวังจะช่วยระงับความหวาดหวั่นในใจบ้างสะใภ้รองได้ยินว่าโทษถึงขั้นประหารชีวิต ทำให้นางร้อนใจจนเดือดพล่านยิ่งกว่ามดที่อยู่บนฝาหม้อร้อน น้ำตาก็ยิ่งไหลรินไม่หยุด“ท่านพ่อ ข้ายังไม่อยากตาย โรคของซีเอ๋อร์ยังไม่ทันรักษาให้หายขาด เขาจะถูกประหารเช่นนี้ไม่ได้ ท่านต้องรีบจับกุมผู้แอบอ้างชื่อผู้นั้นให้ได้นะเจ้าคะ!”เจ้าเมืองข่งมีแผนการในใจอยู่แล้ว จึงถลึงตาใส่สะใภ้รอง พลางกล่าว “เลิกร้องไห้เสียที รีบไปดูซีเอ๋อร์ก่อนว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”สะใภ้รองรีบซับน้ำตาที่นองหน้าอยู่ พลางลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างเตียงมองดูซีเอ๋อร์ขณะนั้นมีสาวใ
เสียงของเจี่ยนอันอันดังขึ้นจากด้านหลัง “บอกให้พวกเขาถอยออกไป หาไม่ข้าจะให้พวกท่านตายทั้งบ้าน!”เจ้าเมืองข่งรู้ดีว่าสองคนนี้วรยุทธ์ไม่เบา จึงไม่กล้าทำการบุ่มบ่าม ได้แต่รีบโบกมือให้เหล่าทหารจนแม้แต่สะใภ้รองที่อยู่บนเตียง ก็ตกใจกับคำพูดเจี่ยนอันอันเสียจนต้องรีบหยุดร้องไห้โดยพลันรอให้ทหารออกไปหมดแล้ว เจ้าเมืองข่งจึงได้ถามเสียงสั่น “พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”“ที่เรามานี่ ย่อมได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ ให้สืบเรื่องราวการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อน”เจ้าเมืองข่งได้ยินคำพูดของฉู่จวินสิง พลันขมวดคิ้วมุ่น สองตาจ้องเขม็งไปที่เขาเพียงไม่นานเจ้าเมืองข่งก็สังเกตจากบุคลิกและการแต่งกายของฉู่จวินสิง ดูออกว่าอีกฝ่ายเป็นชาวจิงโจวจริงๆแต่จะบอกว่ารับพระบัญชามาจากฮ่องเต้ ก็ออกจะฟังไม่ขึ้นไปเสียหน่อย“พวกเจ้ามีสิ่งใดมายืนยันว่ารับพระบัญชามาสืบสวนข้าจริง?”ซ้ำยังเป็นเรื่องเมื่อสามปีที่แล้วฮ่องเต้ทรงมีราชกิจมากมาย จู่ๆ จะทรงนึกได้อย่างไรว่าต้องสืบสวนเรื่องการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อนไม่แน่ว่าสองคนนี้ อาจเป็นผู้ใดส่งมาแก้แค้นเขาก็ได้เพราะเขาเคยรับผลประโยชน์จากผู้อื่นมาไม่น้อย อีกทั้งให้ผู้ที่สอบตก
แม้แต่บุตรชายโง่งมของเขาก็ยังไม่กลับบ้านมาแต่เสียงนี้กลับได้ยินแจ่มชัด จนเขามั่นใจว่าในห้องยังมีผู้อื่นอยู่อีกพลันรีบลุกขึ้นยืน มองไปยังห้องว่างเปล่าแล้วตะคอกเสียงดัง “เป็นผู้ใดกัน รีบออกมาเดี๋ยวนี้!”ถึงขั้นนี้แลว ทั้งเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงจึงไม่คิดหลบซ่อนตัวอีกทั้งคู่จึงปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเจ้าเมืองข่งการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของคนทั้งคู่ ยิ่งทำให้เจ้าเมืองข่งตกใจเสียจนนั่งทับลงบนร่างสะใภ้รองโดยไม่รู้ตัวส่วนทางสะใภ้รองจู่ๆ ถูกคนมานั่งทับ ก็ทำเอานางเจ็บจนร้องโอย พลันรีบลืมตาขึ้นเจ้าเมืองข่งเพิ่งรู้ตัวว่าตนได้นั่งทับร่างสะใภ้รองอยู่ จึงรีบกระโดดผึงขึ้นมาในบัดดลเขาชี้หน้าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง พลางกล่าวตวาด “พวกเจ้าเป็นใครกัน ไฉนมาอยู่ในบ้านข้าได้?”เจี่ยนอันอันยิ้มหยันขณะมองหน้าเจ้าเมืองข่ง นางไม่ได้พูดจา แต่ในมือถือเข็มเงินเล่มหนึ่งอยู่นานแล้วนางดีดนิ้วหนึ่งที เข็มเงินรีบพุ่งไปยังเด็กชายที่นอนอยู่บนเตียงเข็มนั้นไปปักที่ศีรษะของเด็กชาย พลันได้ยินเสียงเด็กร้อง “อึ่ก” แล้วกระอักโลหิตสดออกมาคำหนึ่งเจ้าเมืองข่งรีบหันไปดูด้วยความตกใจ จึงเห็นบนศีรษะของหลานตัวน้อย มี
เจ้าเมืองข่งลุกพรวดขึ้น เขารีบประสานมือให้กับบรรดาพ่อค้า “ขออภัยด้วยทุกท่าน ที่บ้านข้ามีธุระ ต้องรีบไปจัดการ”“ขอให้ทุกท่านกลับไปก่อน รอให้ถึงเวลาสอบจอหงวนในอีกหนึ่งปี ข้าจะช่วยให้ลูกๆ ของพวกเจ้าสอบผ่านโดยราบรื่น”เจ้าเมืองข่งว่าจบก็ให้พ่อบ้านส่งแขกส่วนตัวเขารีบเดินไปทางห้องนอนของหลานชายเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากันก่อนจะตามไปทันทีหลังจากที่ทั้งสองคนเดินตามเจ้าเมืองข่งอยู่นานมาก พวกเขาก็มาถึงหน้าห้องนอนในที่สุดเจ้าเมืองข่งรีบเดินเข้าไป เห็นลูกชายคนรองยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่หน้าเตียงหลานชายวัยหกขวบที่อยู่บนเตียงกำลังกลอกตา ปากพ่นฟองขาวฟอด ร่างกายชักเกร็งส่วนลูกสะใภ้รองของเขากำลังนอนหมดสติอยู่บนพื้นลูกชายคนรองยืนซื่ออยู่หน้าเตียงไม่ต่างจากท่อนไม้ แน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน“ปัดโธ่ เจ้าลูกโง่ เจ้ามาทำอะไรที่นี่”เจ้าเมืองข่งตบเข่าฉาดด้วยความร้อนอกร้อนใจเมื่อเห็นลูกชายคนรองเขาสั่งให้บ่าวรับใช้เขามาลากนายน้อยรองออกไปทันทีในตอนนี้เอง จู่ๆ คุณชายรองก็ปรบมือร้องอย่างมีความสุข“สนุกมาก คนหนึ่งแกล้งชัก ส่วนอีกคนจะแกล้งตาย ข้าเองก็อยากเล่นกับพวกเจ้าด้วย”คุณชายรองว่าจบก็ไปนอนทับ
บัดนี้ลูกของพวกเขาต่างสอบได้ตำแหน่งซิ่วไฉขอเพียงต่อไปมอบสมบัติให้เจ้าเมืองข่งมากขึ้น วันหน้าก็จะสอบได้ตำแหน่งที่ดียิ่งกว่านี้เจี่ยนอันอันมองเห็นว่าเจ้าเมืองข่งมีใบหน้าเหลี่ยม ความละโมบแผ่ออกมาทางดวงตาเรียวเล็กเป็นระยะๆนางลอบถากถางในใจว่า “หน้าตาของเจ้าเมืองผู้นี้สะท้อนให้เห็นถึงตัวจริงๆ”พ่อค้าคนหนึ่งพูดว่า “ใต้เท้าข่ง ไม่ทราบว่าหลานชายของท่านป่วยเป็นอะไรกันแน่หรือ?”เจ้าเมืองข่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งในตำแหน่งประธานเขาส่งสัญญาณให้ทุกคนนั่งลงได้ มีสาวใช้ยกน้ำชาเข้ามาให้ทุกคน“เดิมทีแล้วหลานชายของข้าก็ร่าเริงแจ่มใสดี แต่ไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไร ช่วงนี้ล้มป่วยอยู่ตลอด ตอนนี้แค่จะพูดยังยากเลย”เจ้าเมืองข่งขมวดคิ้วแน่นด้วยความกลัดกลุ้มเมื่อพูดถึงตรงนี้“ไม่มีหมอที่จะรักษาได้หรือ?” พ่อค้าอีกคนเอ่ยถามเจ้าเมืองข่งถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง เขาส่ายหน้าว่า “ข้าตามหมอมาทั่วเมืองหลี่จงแล้ว แต่ไม่มีคนใดที่จะรักษาได้”พ่อค้าที่นำผนึกหัวใจพระพุทธมาให้ฟังถึงตรงนี้ก็หยิบมันออกมาจากอกเสื้อทันทีผนึกหัวใจพระพุทธถูกแสงส่องกระทบเป็นสีรุ้งระยิบระยับเขาลุกขึ้นประสานมือพูดกับเจ้าเ
ทั้งสองคนลงจากหลังม้า นำม้าไปผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่ แต่ในจังหวะที่กำลังจะไปจวนเป่าเซวียน พวกเขาก็เห็นรถม้าหลายคันทยอยกันมาหยุดจอดหน้าจวนเป่าเซวียนผู้คนที่ลงมาจากรถม้าล้วนแล้วแต่แต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหราดูจากการแต่งกายของพวกเขาแล้วน่าจะไม่ใช้ข้าราชการ ดูคล้ายพ่อค้ามากกว่าไม่รู้เหมือนกันว่าที่จวนเจ้าเมืองกำลังมีงานอะไร ถึงได้มีคนมาเยอะขนาดนี้คนเหล่านั้นเดินไปที่ประตูแล้วนำเทียบเชิญออกมาจากอกเสื้อพ่อบ้านยิ้มกว้างทันทีที่เห็นเทียบเชิญเขาประสานมือพูดว่า “รีบเชิญด้านใน ใต้เท้ารออยู่นานแล้ว”พ่อค้าเหล่านั้นประสานมือตอบก่อนจะสืบเท้าเข้าไปดูเหมือนว่า หากพวกเจี่ยนอันอันจะเข้าไปในจวนเป่าเซวียนก็จำเป็นต้องมีเทียบเชิญเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากัน ทั้งสองท่องในใจทันทีว่าล่องหนครานี้ก็จะไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นหรือมองเห็นพวกเขาแล้ว เลือนหายไปในอากาศภายในเสี้ยวพริบตาทั้งสองเดินวางมาดกรีดกรายเข้าไปต่อหน้าต่อตาพ่อบ้านจังหวะที่ทั้งสองคนเดินผ่านพ่อบ้าน พ่อบ้านก็ได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างนั่นเป็นกลิ่นที่มีเพียงสตรีเท่านั้นที่จะแผ่ออกมาได้เขามองรอบทิศ นอกจากพ่อค้าไม่กี่คนที่เพิ่งเข้าไปแ