ตั้งแต่นั้นมา คนในจวนล้วนแต่เริ่มหวาดกลัวเฉียนซื่อกันขึ้นมาพวกเขาล้วนแต่บอกว่าเฉียนซื่อใช้คาถาได้ ห้ามล่วงเกินโดยเด็ดขาดและในตอนที่เจี่ยนอันอันคิดจะพูดขึ้นมานั้น จู่ๆ เบื้องหน้าก็ปรากฏภาพฉากกลุ่มหนึ่งขึ้นมาในภาพฉากนั้น เป็นคนกลุ่มนี้ที่นอนพักอยู่ด้านนอกในตอนกลางคืนคนอื่นๆ ล้วนแต่หลับกันอยู่บนพื้นแล้ว มีเพียงแค่หญิงชราเฉียนซื่อเท่านั้นที่นั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่นในปากของนางไม่รู้ว่ากำลังท่องอะไรอยู่ ไม่นานนักก็มีสายลมทมิฬพัดขึ้นเฉียนซื่อใช้ไม้เท้าในมือ ชี้มายังเรือนที่เจี่ยนอันอันอาศัยอยู่ไม่นานนักสายลมทมิฬนั้น ก็พัดเข้ามาทางลานเรือนสายลมทมิฬนั่นพัดเข้ามากลางเรือน เข้าไปในเรือนที่เจี่ยนอันอันอาศัยอยู่อย่างรวดเร็วสายลมทมิฬนั้นกลายเป็นหมอกดำ เข้าไปในปากและจมูกของเจี่ยนอันอันทั่วทั้งกายของเจี่ยนอันอันกระตุกขึ้นทันที ทว่าความเคลื่อนไหวของนาง กลับไม่ได้ทำให้ฉู่จวินสิงตื่นขึ้นมาหลังจากที่เจี่ยนอันกระตุกอยู่ครู่หนึ่ง นางจึงลงมาจากเตียงนางเคลื่อนไหวราวกับเสาไม้ เปิดประตูแล้วเดินออกไปมายังด้านหน้าห้องครัว นางหยิบมีดทำอาหารบนเขียงขึ้นมา แล้วเฉือนลงไปบนใบหน้าของตนเองเลือด
กวนซินและฉู่ตั๋วตั่วเดิมทีก็มิได้ออกไปที่ไหน พอได้ยินคำบอกเล่าของเจี่ยนอันอัน ต่างก็อดรู้สึกหวาดหวั่นแทนนางไม่ได้ฮูหยินใหญ่ครุ่นคิดไปมา ก็ยังหาหนทางแก้ไขที่เหมาะสมไม่ได้นางร้อนใจจนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีฮูหยินรองกล่าวขึ้นว่า “อันอัน งั้นเจ้าหลบออกไปก่อนสักสองสามวันดีหรือไม่ รอให้เรื่องนี้เบาลงแล้วค่อยกลับมา”ฮูหยินใหญ่ได้ยินดังนั้น ก็รีบเอ่ยเสริมด้วยความกระตือรือร้นว่า “ใช่แล้วอันอัน หรือเจ้าจะไปหาเซิ่งฟางยังที่ว่าการอำเภอดีเล่า”“ที่นั่นมีพลังหยางหนักแน่น พวกวิชาอาถรรพ์พวกนี้คงไม่อาจตามไปถึงได้”เจี่ยนอันอันเพียงส่ายหน้าช้า ๆ นางรู้สึกว่าในเมื่อเฉียนซื่อหมายมั่นจะยึดครองที่นี่ไว้ให้ได้...หากนางหลบไปอยู่ที่ว่าการอำเภอ แล้วคนเหล่านี้เล่าจะทำเช่นไร?แม้ฉู่จวินสิงและคนอื่น ๆ จะมีวรยุทธ์ติดตัว แต่เกรงว่าคงมิอาจรับมือกับวิชาอาถรรพ์ของเฉียนซื่อได้เวลานี้นางจำต้องหาหนทางรับมือกับยายเฒ่าผู้ชั่วร้ายนั่นให้ได้ ไม่อาจปล่อยให้นางสำเร็จในสิ่งที่หมายมั่นตอนนี้ถึงยามค่ำคืนยังมีเวลาอีกครึ่งวันสมองของเจี่ยนอันอันทำงานอย่างรวดเร็ว ขณะที่ทุกคนรอบตัวต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดเต็มไปด้วยความก
เจี่ยนอันอันโกรธจัด นี่เขาคิดจะทำอะไรกันแน่ตอนนี้ ตำราเล่มนี้คือความหวังเดียวของนางที่จะจัดการกับคาถาอาคมของยายมารเฒ่าคนนั้นได้นี่มันไม่ใช่แค่เรื่องของนางเองเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวพันถึงชีวิตของคนทั้งครอบครัวของฉู่จวินสิงยายมารเฒ่านั่นเมื่อคิดจะยึดครองบ้านของพวกเขา ก็ไม่มีทางปล่อยตระกูลฉู่ไปง่าย ๆ แน่นอนแต่เหตุใดฉู่จวินสิงถึงได้พยายามขัดขวางนางไม่ให้ดูตำราเล่มนี้อย่างสุดกำลัง แล้วยังถึงขั้นคิดจะเผามันทิ้ง“ฉู่จวินสิง ข้าจะนับถึงสาม หากท่านยังไม่คืนตำราให้ข้า ก็อย่าหาว่าข้าจะไม่เห็นแก่ความเป็นสามีภรรยากันอีกต่อไป”ฉู่จวินสิงเองก็มองออกว่าเจี่ยนอันอันโกรธจริง ๆ เขาขมวดคิ้วแน่น แต่ก็ไม่ได้ปล่อยนางออกจากอ้อมแขน“ตำราเล่มนี้ก็เป็นตำราต้องห้าม เมื่อครานั้นเสด็จพ่อของข้าเคยอ่านมัน แล้วไม่นานก็ทรงประชวรหนักจนสวรรคต”“ข้าจะมองดูเฉย ๆ ปล่อยให้เจ้าเจอชะตากรรมเดียวกับเสด็จพ่อไม่ได้”เมื่อได้ยินฉู่จวินสิงพูดเช่นนี้ เจี่ยนอันอันก็พลันเข้าใจถึงความตั้งใจของเขาแต่ถึงกระนั้น ตำราเล่มนี้ก็เป็นแค่ตำราเกี่ยวกับการทำนายธรรมดาเท่านั้น เหตุใดอดีตฮ่องเต้อ่านมันแล้วถึงกับสวรรคตได้?เมื่อเห็นเจี่ย
เจี่ยนอันอันเห็นเช่นนั้น ก็รู้ได้ทันทีว่าความคิดของนางนั้นถูกต้องนางถอนหายใจยาว พลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า “อดีตฮ่องเต้ไม่ได้ทรงแสวงหาความเป็นอมตะหรอก นี่มันเหมือนกับทรงมุ่งหน้าสู่ความตายเสียมากกว่า!”โชคดีที่นางเคยอ่านตำราประเภทนี้มาก่อน จึงมองออกในทันทีว่าเนื้อหาในตำราเล่มนี้ล้ำลึกเกินไปหากคนธรรมดาอ่าน แม้จะไม่ถึงกับเสียสติ ก็อาจล้มป่วยหนักได้เพราะคนธรรมดาไม่มีปัญญาหยั่งรู้ถึงความลับที่ซ่อนอยู่ในตำราเล่มนี้แต่ถ้าเป็นผู้ที่เข้าใจศาสตร์ลี้ลับบ้าง เมื่ออ่านแล้วกลับสามารถพัฒนาตนเองจนบรรลุความหมายที่แฝงไว้ในตำราได้คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ใจของฉู่จวินสิงเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมานอกอก“อันอัน เจ้าหมายความว่าอย่างไร รีบอธิบายให้ชัดเจน”เจี่ยนอันอันเห็นว่าเขาไม่ได้พยายามแย่งตำราสามชะตามรรคาลี้ลับไปอีก นางจึงดึงเขากลับมานั่งลงบนเตียงอุ่นอีกครั้งนางไม่ได้บอกความคิดของตัวเองออกไปในทันที แต่กลับเป็นฝ่ายซักถามฉู่จวินสิง“ตอนนั้น ใครกันที่เป็นคนนำตำราเล่มนี้ถวายอดีตฮ่องเต้?”ฉู่จวินสิงตอบอย่างตรงไปตรงมา “เป็นนักทำนายนามเหวยป๋อจื่อ เขาเคยได้รับการช่วยชีวิตจากเสด็จพ่อ”“ด้วยความซา
ความจริงแล้ว เจี่ยนอันอันไม่ได้รู้สึกถึงการพัฒนาอะไร แต่การที่นางได้รู้วิธีจัดการกับวิชามารของยายมารเฒ่าก็ทำให้นางดีใจอย่างมากแล้วเมื่อเห็นว่านางปลอดภัยจริง ๆ ฉู่จวินสิงที่คอยกังวลอยู่ตลอดก็รู้สึกโล่งใจขึ้นทันทีเขาไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบคว้าตัวเจี่ยนอันอันเข้ามากอดไว้แน่น“ต่อไปอย่าเสี่ยงแบบนี้อีก เข้าใจไหม?”เจี่ยนอันอันสัมผัสได้ถึงความเป็นกังวลของฉู่จวินสิง นางจึงยกมือขึ้นลูบหลังเขาเบา ๆ“พอแล้ว ๆ เข้าใจแล้ว ต่อไปข้าจะไม่เสี่ยงแบบนี้อีก ท่านสบายใจได้”ตอนนี้เมื่อมีวิธีจัดการกับวิชามารอยู่ในมือแล้ว ย่อมต้องรีบแจ้งเรื่องนี้ให้คนอื่นทราบท้ายที่สุด ทุกคนต่างก็กำลังเป็นกังวลกับเรื่องนี้ นางจึงไม่อยากปล่อยให้พวกเขาต้องกังวลนานเกินไป“พวกเราออกไปกันเถิด ข้าจะบอกวิธีนี้ให้ท่านแม่และคนอื่น ๆ รู้”ยายมารเฒ่านั่นไม่คิดจะใช้วิชามารจัดการแค่นางคนเดียวแน่ อาจรวมถึงคนในตระกูลฉู่คนอื่น ๆ ด้วยทั้งสองเดินออกจากห้องไปก็เห็นว่าคนอื่น ๆ กำลังนั่งอยู่ในลานบ้านด้วยความร้อนใจแม้ว่าอากาศจะร้อนจัด แต่ก็ไม่มีใครกลับเข้าไปพักผ่อนในบ้านเลยเจี่ยนอันอันรู้สึกผิดเล็กน้อย หากนางไม่บอกเรื่องนี้กับทุกคน
ไม่นาน เจี่ยนอันอันก็ถ่ายทอดคาถาให้กับทุกคนที่อยู่ที่นั่นแม้แต่ฉู่ตั๋วตั่วและฉู่จื่อซีก็เงยหน้าขึ้นตั้งใจฟังโชคดีที่คาถานี้ไม่ได้ยากเกินไป ทุกคนจึงสามารถท่องจำได้อย่างรวดเร็วหลังจากนั้น สาวใช้ก็เริ่มนวดแป้งเตรียมทำซาลาเปา ส่วนเจี่ยนอันอันเดินอย่างรวดเร็วไปยังห้องของซ่างตงเยว่ร่างกายของซ่างตงเยว่ฟื้นตัวขึ้นมากกว่าเดิมแล้ว แต่เพราะร่างของนางยังอ่อนแอที่สุด จึงต้องให้นางท่องคาถานี้จนขึ้นใจเมื่อซ่างตงเยว่เห็นเจี่ยนอันอันเข้ามา นางจึงพยายามยันตัวขึ้นนั่ง“ฮูหยินน้อยรอง ร่างกายข้าจะดีขึ้นเมื่อไรหรือเจ้าคะ?”ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา บิดาของนางมาเยี่ยมทุกวันแม้คนตระกูลฉู่จะไม่ได้พูดอะไร แต่ทั้งซ่างตงเยว่และบิดาของนางต่างก็รู้สึกเกรงใจอย่างยิ่ง“ทำไมเล่า คิดถึงบ้านแล้วหรือ?” เจี่ยนอันอันหยอกล้อซ่างตงเยว่ซ่างตงเยว่ก้มหน้าด้วยความลำบากใจ นางคิดถึงบ้านจริงๆคิดถึงเตียงอุ่น ๆ ที่บ้าน คิดถึงทุกสิ่งที่บ้านแต่ช่วงหลายวันที่ผ่านมา นางทำได้เพียงนอนอยู่ที่นี่ แม้แต่จะลุกขึ้นเดินก็ยังทำไม่ได้หากต้องนอนเช่นนี้ต่อไป นางเกรงว่าตัวเองคงกลายเป็นคนไร้ค่าในที่สุดนางเป็นถึงสาวใช้ใกล้ชิดของเจ
แววตาชิวเหลียนเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม รีบร้อนถอยหลังไปหลายก้าวจึงหลบพ้นมีดของแม่นมหลี่แม่นมหลี่อาศัยจังหวะนั้นบุกเข้ามาในเรือน ถลึงตาเคียดขึ้งใส่ชิวเหลียน แต่ไม่กล้าควงมีดใส่นางอีกแล้วอย่างไรเสียนางก็เข้ามาในบ้านคนอื่นแล้ว ถ้ายังลงมือกับชิวเหลียนอีก เกรงว่าเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงคงไม่ปล่อยนางไปแน่นอนแม่นมหลี่ชี้กวนซินพลาดด่าทอเสียงดัง “นางหญิงไม่รักษาคุณธรรมสตรีคนนี้ ไม่มีธุระก็ชอบแล่นมาบ้านคนอื่น”“อย่าลืมฐานะของเจ้า ที่นี่ไม่ใช่จวนรัชทายาทของเจ้าหรอกนะ ไม่มีใครคุ้มกะลาหัวเจ้าได้”“ยังไม่รีบตามข้ากลับไปอีก ชักช้าอยู่นั่นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”กวนซินเห็นแม่นมหลี่ถือมีดบุกเข้ามา นางไม่อยากสร้างปัญหาให้คนอื่นจึงได้แต่จูงมือฉู่ตั๋วตั่วทำท่าจะจากไปเจี่ยนอันอันเห็นอย่างนั้นก็ก้าวยาวๆ เข้ามาหา“พวกเจ้ารอสักครู่ค่อยไป”เจี่ยนอันอันกล่าว นางเดินมาถึงเบื้องหน้ากวนซินแล้วแม่นมหลี่เห็นเจี่ยนอันอันมาขัดขวางอีกครั้งก็โมโหจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน“เจี่ยนอันอัน ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีเรื่องเมื่อวานกับเจ้าเลยนะ เจ้าอย่าคิดนะว่าเอาป้ายคำสั่งของฝ่าบาทไปแล้ว ข้าก็จะกลัวเจ้า”“ถ้ารู้กา
เจี่ยนอันอันไม่กลัวว่าแม่นมหลี่จะเล่นลูกไม้อะไร ชิวเหลียนก็มีพื้นฐานวรยุทธ์ติดตัวอยู่บ้างกอปรกับในร่างแม่นมหลี่และเตียวเฉียงล้วนมีพิษร้ายแรงอยู่ทั้งคู่ต่อให้พวกเขาอาละวาดหนักแค่ไหนก็ไม่อาจแตะต้องชิวเหลียนแม้ปลายนิ้วชิวเหลียนกับกวนซินเข้าไปในที่พักของนางเตียวเฉียงเห็นว่าเป็นสาวใช้ที่ปรากฏตัวเมื่อวานนี้อีกแล้ว คิ้วเขาก็ขมวดมุ่นทันทีเขาจ้องชิวเหลียนด้วยสีหน้าดุร้าย “เจ้ามาทำอะไร ลูกถีบของข้าเมื่อวานนี้ยังไม่แรงพอจึงอยากมาลิ้มรสการถูกถีบอีกรอบงั้นรึ?”เตียวเฉียงยังไม่ลืมการต่อสู้กับชิวเหลียนเมื่อวานนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันลงมือ เขาคงตีชิวเหลียนจนตายไปแล้วชิวเหลียนไม่กลัวเตียวเฉียงแม้แต่น้อย ยามนี้เตียวเฉียงอ่อนแอเหมือนมดตัวหนึ่งนางแค่นเสียงเย็นชา มองไปทางเตียวเฉียงด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง“ถ้าเจ้ามีความสามารถแบบนั้นจริงก็มาสู้กับข้าอีกสักยกสิ ดูซิว่าจะเป็นเจ้าตายหรือว่าข้าม้วย”เตียวเฉียงเห็นชิวเหลียนที่เป็นสาวใช้คนหนึ่งกล้ามาพูดจาแบบนี้กับเขาเขาคำรามอย่างโมโหแล้วเตะเท้ามาทางชิวเหลียนอย่างรุนแรงชิวเหลียนไม่ขยับ เห็นกับตาว่าเท้าข้างนั้นกำลังจะกระทบถูกร่างนางแล้วแม่น
หลังจากทั้งคู่กินข้าวเสร็จ กลับไม่ได้พักผ่อนอยู่ในโรงเตี๊ยมหลังจากออกไปข้างนอก ก็มาอยู่ในมุมๆ หนึ่งซึ่งปลอดคนในใจรีบท่องชื่อว่านผิงพร้อมกัน และไม่นานก็หายตัวไปจากซอกมุมนั้นเมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง จึงเห็นว่านผิงกับพวกกำลังเที่ยวจับคนอยู่ทุกครั้งที่จับชายคนหนึ่งได้ ก็จะหยิบภาพเขียนออกมาเปรียบเทียบดูใบหน้าทำเอาผู้คนบนท้องถนนต่างตกใจเป็นการใหญ่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันยังอยู่ในสภาพอำพรางกายอยู่ ว่านผิงกับพวกจึงไม่รู้ว่ามีคนมาคอยติดตามและพวกเขาก็ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น กลับเดินตามพวกว่านผิงไปเรื่อยๆโดยตั้งใจว่าจะหาโอกาสเหมาะ ค่อยลงมือเสียทีเดียวเพราะถ้าอยู่ท้องถนนแล้วลงมือฆ่าคน อาจทำให้ชาวบ้านตื่นตระหนกเป็นอย่างมากพวกเขาจับคนมาหลายคน แต่ล้วนไม่ใช่คนในภาพเขียนทำเอาว่านผิงโกรธจนกำหมัดแน่น มองหน้าลูกน้องพร้อมกล่าวเสียงดุ “พวกมันยังอยู่ในเมืองหลี่จง รีบไปค้นหาให้ทั่ว อย่าได้ปล่อยผ่านแม้แต่คนเดียว!”“ขอรับ ท่านหัวหน้า”ลูกน้องรับคำโดยพร้อมเพรียง และตามหาต่อไปเมื่อพวกเขามาถึงที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง พลันเห็นข้างหน้ามีบ้านเล็กหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ดูจากประตูที่เก่าโทร
ว่านผิงส่งสายตาให้เหล่าลูกน้อง ทุกคนรีบวิ่งขึ้นชั้นบนไปต่างถือเอาภาพเหมือนออกมา พร้อมเปรียบเทียบบนใบหน้าแขกทีละคน เมื่อเห็นว่าล้วนไม่ใช่คนที่ตนต้องการจะหา อีกทั้งมองดูในห้อง จนแน่ใจว่าไม่มีใครหลบซ่อนอยู่ จึงลงไปยังชั้นล่าง“หัวหน้า ชั้นบนไม่มีคนที่เราจะหา”ว่านผิงเหลียวมองคนที่นั่งกินอาหารอยู่ในโรงเตี๊ยม มองดูแต่ละคนแล้วสำรวจขึ้นลง สุดท้ายไปจับจ้องอยู่ที่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันเขาเห็นคนทั้งคู่ต่างก้มหน้ากินข้าว แทบไม่เงยหน้าขึ้นมองผู้ใดเสียด้วยซ้ำจึงผละจากเถ้าแก่ เดินจ้ำอ้าวไปทางฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน“เงยหน้าขึ้นมา” ว่านผิงกล่าวเสียงตะคอก กระบี่ในมือชี้ที่ลำคอฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงแทบไม่นำพาต่อกระบี่ที่พาดคอ พลางวางตะเกียบลง หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมุมปาก “ว่าอย่างไร เจ้าคิดลงมือกับข้าด้วยรึ?”ฉู่จวินสิงเลียนแบบน้ำเสียงของอิ่นเจียง พลางเหลือบตาขึ้นมองว่านผิงทันทีที่ว่านผิงเห็นหน้าฉู่จวินสิงชัดเจน จึงตกใจจนตัวสั่น พลางรีบเก็บกระบี่ขึ้น“ข้าน้อยไม่รู้ว่าใต้เท้ามาอยู่นี่ เมื่อครู่ล่วงเกินไป ขอท่านโปรดอภัยด้วย”ว่านผิงยืนอยู่ด้านข้างฉู่จวินสิง ในใจรู้สึกขนลุกขนชัน
ฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันในที่สุดก็ลืมตาขึ้น จึงได้กล่าวกับนาง “เมื่อครู่ข้าเรียกเจ้าอยู่หลายที เจ้าก็ไม่ขานตอบ ข้ายังนึกว่าเกิดอะไรขึ้นเสียอีก”เจี่ยนอันอันเพิ่งจะนึกได้ เมื่อครู่นางกำลังเพ่งมองภาพในมิติอยู่ ข้างโสตได้ยินเสียงคนเรียกชื่อนางจริงๆเพียงแต่ความสนใจของนาง ล้วนไปอยู่ในภาพนั้นหมดสิ้น จึงไม่ได้ใส่ใจการเรียกหาของฉู่จวินสิงนางจึงยอมให้ฉู่จวินสิงมานั่งด้านข้าง พร้อมนำภาพที่เห็น บอกเล่าให้เขาฟัง“จากที่เจ้าเล่ามา ชายสองคนที่เห็นนั้น อาจเป็นลูกน้องข้าก็ได้”เจี่ยนอันอันก็นึกถึงข้อนี้เช่นกัน หากชายสองคนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาจริง เบื้องหน้านางคงไม่ปรากฏภาพเช่นนั้นออกมา“เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็รออยู่ในโรงเตี๊ยมนี้แหละ เพราะที่ๆ สองคนนั้นจะมาพักก็คือโรงเตี๊ยมแห่งนี้”ฉู่จวินสิงได้ยินดังนี้ พลันเกิดความคิดในใจขอเพียงชายสองคนนั้นปรากฏตัวขึ้น เขาก็จะได้สมทบกับพวกเขาทันทีเพียงแต่ไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งห้าคนหลบหนีพร้อมกัน เหตุใดจึงได้พลัดหลงกันเช่นนี้?หรือว่าลูกน้องอีกสามคนได้ถูกคนของฉู่ชางเหยียนจับกลับไปเสียแล้ว?เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงขมวดคิ้วมุ่น นางจึงเอ่ยปาก “อย่าเพ
ฉู่จวินสิงกล่าวเสียงก้อง “เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะให้เวลาท่านสามวันในการสืบเรื่องนี้”“ถ้าไม่ได้ตัวผู้ก่อเหตุมา ข้าจะทำตามรับสั่งของฝ่าบาท สั่งประหารพวกท่านทั้งครอบครัว”คำพูดของฉู่จวินสิง ทำให้เจ้าเมืองข่งสะดุ้งอย่างแรงจนแม้แต่สะใภ้รองที่คุกเข่าอยู่ด้านข้าง ก็พลอยหวาดกลัวจนตัวสั่นไปด้วยนางแอบเหลียวมองเจ้าเมืองข่ง เห็นอีกฝ่ายก้มหน้าก้มตา ไม่รู้ว่าจะตามหาคนผู้นั้นได้พบหรือไม่หลังจากฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันจากไปแล้ว เจ้าเมืองข่งค่อยทรุดตัวลงกับพื้นเขาหายใจหอบแรง หวังจะช่วยระงับความหวาดหวั่นในใจบ้างสะใภ้รองได้ยินว่าโทษถึงขั้นประหารชีวิต ทำให้นางร้อนใจจนเดือดพล่านยิ่งกว่ามดที่อยู่บนฝาหม้อร้อน น้ำตาก็ยิ่งไหลรินไม่หยุด“ท่านพ่อ ข้ายังไม่อยากตาย โรคของซีเอ๋อร์ยังไม่ทันรักษาให้หายขาด เขาจะถูกประหารเช่นนี้ไม่ได้ ท่านต้องรีบจับกุมผู้แอบอ้างชื่อผู้นั้นให้ได้นะเจ้าคะ!”เจ้าเมืองข่งมีแผนการในใจอยู่แล้ว จึงถลึงตาใส่สะใภ้รอง พลางกล่าว “เลิกร้องไห้เสียที รีบไปดูซีเอ๋อร์ก่อนว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”สะใภ้รองรีบซับน้ำตาที่นองหน้าอยู่ พลางลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างเตียงมองดูซีเอ๋อร์ขณะนั้นมีสาวใ
เสียงของเจี่ยนอันอันดังขึ้นจากด้านหลัง “บอกให้พวกเขาถอยออกไป หาไม่ข้าจะให้พวกท่านตายทั้งบ้าน!”เจ้าเมืองข่งรู้ดีว่าสองคนนี้วรยุทธ์ไม่เบา จึงไม่กล้าทำการบุ่มบ่าม ได้แต่รีบโบกมือให้เหล่าทหารจนแม้แต่สะใภ้รองที่อยู่บนเตียง ก็ตกใจกับคำพูดเจี่ยนอันอันเสียจนต้องรีบหยุดร้องไห้โดยพลันรอให้ทหารออกไปหมดแล้ว เจ้าเมืองข่งจึงได้ถามเสียงสั่น “พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”“ที่เรามานี่ ย่อมได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ ให้สืบเรื่องราวการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อน”เจ้าเมืองข่งได้ยินคำพูดของฉู่จวินสิง พลันขมวดคิ้วมุ่น สองตาจ้องเขม็งไปที่เขาเพียงไม่นานเจ้าเมืองข่งก็สังเกตจากบุคลิกและการแต่งกายของฉู่จวินสิง ดูออกว่าอีกฝ่ายเป็นชาวจิงโจวจริงๆแต่จะบอกว่ารับพระบัญชามาจากฮ่องเต้ ก็ออกจะฟังไม่ขึ้นไปเสียหน่อย“พวกเจ้ามีสิ่งใดมายืนยันว่ารับพระบัญชามาสืบสวนข้าจริง?”ซ้ำยังเป็นเรื่องเมื่อสามปีที่แล้วฮ่องเต้ทรงมีราชกิจมากมาย จู่ๆ จะทรงนึกได้อย่างไรว่าต้องสืบสวนเรื่องการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อนไม่แน่ว่าสองคนนี้ อาจเป็นผู้ใดส่งมาแก้แค้นเขาก็ได้เพราะเขาเคยรับผลประโยชน์จากผู้อื่นมาไม่น้อย อีกทั้งให้ผู้ที่สอบตก
แม้แต่บุตรชายโง่งมของเขาก็ยังไม่กลับบ้านมาแต่เสียงนี้กลับได้ยินแจ่มชัด จนเขามั่นใจว่าในห้องยังมีผู้อื่นอยู่อีกพลันรีบลุกขึ้นยืน มองไปยังห้องว่างเปล่าแล้วตะคอกเสียงดัง “เป็นผู้ใดกัน รีบออกมาเดี๋ยวนี้!”ถึงขั้นนี้แลว ทั้งเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงจึงไม่คิดหลบซ่อนตัวอีกทั้งคู่จึงปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเจ้าเมืองข่งการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของคนทั้งคู่ ยิ่งทำให้เจ้าเมืองข่งตกใจเสียจนนั่งทับลงบนร่างสะใภ้รองโดยไม่รู้ตัวส่วนทางสะใภ้รองจู่ๆ ถูกคนมานั่งทับ ก็ทำเอานางเจ็บจนร้องโอย พลันรีบลืมตาขึ้นเจ้าเมืองข่งเพิ่งรู้ตัวว่าตนได้นั่งทับร่างสะใภ้รองอยู่ จึงรีบกระโดดผึงขึ้นมาในบัดดลเขาชี้หน้าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง พลางกล่าวตวาด “พวกเจ้าเป็นใครกัน ไฉนมาอยู่ในบ้านข้าได้?”เจี่ยนอันอันยิ้มหยันขณะมองหน้าเจ้าเมืองข่ง นางไม่ได้พูดจา แต่ในมือถือเข็มเงินเล่มหนึ่งอยู่นานแล้วนางดีดนิ้วหนึ่งที เข็มเงินรีบพุ่งไปยังเด็กชายที่นอนอยู่บนเตียงเข็มนั้นไปปักที่ศีรษะของเด็กชาย พลันได้ยินเสียงเด็กร้อง “อึ่ก” แล้วกระอักโลหิตสดออกมาคำหนึ่งเจ้าเมืองข่งรีบหันไปดูด้วยความตกใจ จึงเห็นบนศีรษะของหลานตัวน้อย มี
เจ้าเมืองข่งลุกพรวดขึ้น เขารีบประสานมือให้กับบรรดาพ่อค้า “ขออภัยด้วยทุกท่าน ที่บ้านข้ามีธุระ ต้องรีบไปจัดการ”“ขอให้ทุกท่านกลับไปก่อน รอให้ถึงเวลาสอบจอหงวนในอีกหนึ่งปี ข้าจะช่วยให้ลูกๆ ของพวกเจ้าสอบผ่านโดยราบรื่น”เจ้าเมืองข่งว่าจบก็ให้พ่อบ้านส่งแขกส่วนตัวเขารีบเดินไปทางห้องนอนของหลานชายเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากันก่อนจะตามไปทันทีหลังจากที่ทั้งสองคนเดินตามเจ้าเมืองข่งอยู่นานมาก พวกเขาก็มาถึงหน้าห้องนอนในที่สุดเจ้าเมืองข่งรีบเดินเข้าไป เห็นลูกชายคนรองยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่หน้าเตียงหลานชายวัยหกขวบที่อยู่บนเตียงกำลังกลอกตา ปากพ่นฟองขาวฟอด ร่างกายชักเกร็งส่วนลูกสะใภ้รองของเขากำลังนอนหมดสติอยู่บนพื้นลูกชายคนรองยืนซื่ออยู่หน้าเตียงไม่ต่างจากท่อนไม้ แน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน“ปัดโธ่ เจ้าลูกโง่ เจ้ามาทำอะไรที่นี่”เจ้าเมืองข่งตบเข่าฉาดด้วยความร้อนอกร้อนใจเมื่อเห็นลูกชายคนรองเขาสั่งให้บ่าวรับใช้เขามาลากนายน้อยรองออกไปทันทีในตอนนี้เอง จู่ๆ คุณชายรองก็ปรบมือร้องอย่างมีความสุข“สนุกมาก คนหนึ่งแกล้งชัก ส่วนอีกคนจะแกล้งตาย ข้าเองก็อยากเล่นกับพวกเจ้าด้วย”คุณชายรองว่าจบก็ไปนอนทับ
บัดนี้ลูกของพวกเขาต่างสอบได้ตำแหน่งซิ่วไฉขอเพียงต่อไปมอบสมบัติให้เจ้าเมืองข่งมากขึ้น วันหน้าก็จะสอบได้ตำแหน่งที่ดียิ่งกว่านี้เจี่ยนอันอันมองเห็นว่าเจ้าเมืองข่งมีใบหน้าเหลี่ยม ความละโมบแผ่ออกมาทางดวงตาเรียวเล็กเป็นระยะๆนางลอบถากถางในใจว่า “หน้าตาของเจ้าเมืองผู้นี้สะท้อนให้เห็นถึงตัวจริงๆ”พ่อค้าคนหนึ่งพูดว่า “ใต้เท้าข่ง ไม่ทราบว่าหลานชายของท่านป่วยเป็นอะไรกันแน่หรือ?”เจ้าเมืองข่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งในตำแหน่งประธานเขาส่งสัญญาณให้ทุกคนนั่งลงได้ มีสาวใช้ยกน้ำชาเข้ามาให้ทุกคน“เดิมทีแล้วหลานชายของข้าก็ร่าเริงแจ่มใสดี แต่ไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไร ช่วงนี้ล้มป่วยอยู่ตลอด ตอนนี้แค่จะพูดยังยากเลย”เจ้าเมืองข่งขมวดคิ้วแน่นด้วยความกลัดกลุ้มเมื่อพูดถึงตรงนี้“ไม่มีหมอที่จะรักษาได้หรือ?” พ่อค้าอีกคนเอ่ยถามเจ้าเมืองข่งถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง เขาส่ายหน้าว่า “ข้าตามหมอมาทั่วเมืองหลี่จงแล้ว แต่ไม่มีคนใดที่จะรักษาได้”พ่อค้าที่นำผนึกหัวใจพระพุทธมาให้ฟังถึงตรงนี้ก็หยิบมันออกมาจากอกเสื้อทันทีผนึกหัวใจพระพุทธถูกแสงส่องกระทบเป็นสีรุ้งระยิบระยับเขาลุกขึ้นประสานมือพูดกับเจ้าเ
ทั้งสองคนลงจากหลังม้า นำม้าไปผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่ แต่ในจังหวะที่กำลังจะไปจวนเป่าเซวียน พวกเขาก็เห็นรถม้าหลายคันทยอยกันมาหยุดจอดหน้าจวนเป่าเซวียนผู้คนที่ลงมาจากรถม้าล้วนแล้วแต่แต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหราดูจากการแต่งกายของพวกเขาแล้วน่าจะไม่ใช้ข้าราชการ ดูคล้ายพ่อค้ามากกว่าไม่รู้เหมือนกันว่าที่จวนเจ้าเมืองกำลังมีงานอะไร ถึงได้มีคนมาเยอะขนาดนี้คนเหล่านั้นเดินไปที่ประตูแล้วนำเทียบเชิญออกมาจากอกเสื้อพ่อบ้านยิ้มกว้างทันทีที่เห็นเทียบเชิญเขาประสานมือพูดว่า “รีบเชิญด้านใน ใต้เท้ารออยู่นานแล้ว”พ่อค้าเหล่านั้นประสานมือตอบก่อนจะสืบเท้าเข้าไปดูเหมือนว่า หากพวกเจี่ยนอันอันจะเข้าไปในจวนเป่าเซวียนก็จำเป็นต้องมีเทียบเชิญเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากัน ทั้งสองท่องในใจทันทีว่าล่องหนครานี้ก็จะไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นหรือมองเห็นพวกเขาแล้ว เลือนหายไปในอากาศภายในเสี้ยวพริบตาทั้งสองเดินวางมาดกรีดกรายเข้าไปต่อหน้าต่อตาพ่อบ้านจังหวะที่ทั้งสองคนเดินผ่านพ่อบ้าน พ่อบ้านก็ได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างนั่นเป็นกลิ่นที่มีเพียงสตรีเท่านั้นที่จะแผ่ออกมาได้เขามองรอบทิศ นอกจากพ่อค้าไม่กี่คนที่เพิ่งเข้าไปแ