กวนซินถูกส่ายแขนจนหมดคำจะพูดนางเงยหน้ามองไปทางเจี่ยนอันอัน พบว่าอีกฝ่ายพยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้มแม้ว่ากวนซินจะยังไม่ค่อยเชื่อใจเจี่ยนอันอันนัก แต่นางก็ไม่อาจพูดอะไรได้อีกเพราะถึงอย่างไรเสีย ที่ตัวนางสามารถยืนอยู่ที่นี่ได้อย่างปลอดภัยและไม่ถูกเตียวเฉียงทำร้ายทั้งหมดต้องขอบคุณในความช่วยเหลือจากเจี่ยนอันอันนางลุกขึ้นพูดด้วยสีหน้าจนใจ “อันอัน เจ้าสอนวิธีใช้ยาพิษอย่างง่ายๆ ให้ตั๋วตั่วก่อนแล้วกัน อย่าเพิ่งสอนที่ซับซ้อนเกินไป”“ข้ากลัวว่านางจะทำตัวเองบาดเจ็บ อย่างไรข้าก็มีลูกแค่คนเดียว ไม่อาจเสียนางไปอีกคนจริงๆ”เจี่ยนอันอันเลิกคิ้ว นางนึกถึงตอนที่จับชีพจรให้กวนซินก่อนหน้านี้และพบว่าอีกฝ่ายกำลังตั้งครรภ์ดูท่าว่ากวนซินคงยังไม่รู้ว่าในท้องตัวเองมีเด็กอยู่อีกคนเจี่ยนอันอันขยับเข้าไปใกล้หูกวนซินและกระซิบว่า “เกรงว่าเจ้ายังมีลูกอีกคนที่ต้องปกป้องนะ”กวนซินฟังแล้วมีสีหน้าประหลาดใจนางยังมีลูกอีกคนงั้นหรือ นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?สายตาของเจี่ยนอันอันจ้องมองไปที่ท้องของกวนซินนางยังคงใช้ระดับเสียงที่ได้ยินกันแค่สองคน “เจ้าตั้งท้องแล้ว คงไม่รู้ตัวสินะ”กวนซินถอยหลังออกไปก้าวหนึ่
เจี่ยนอันอันเดินเข้าไปกลางลานเรือน ก็มองเห็นแม่นมหลี่นั่งอยู่บนพื้นส่งเสียงครวญครางออกมาคนเหล่านั้นเองก็พากันนั่งลง สีหน้าของพวกเขาแต่ละคนซีดขาว ส่งเสียงร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดออกมาไม่หยุดปากแม้แต่เตียวเฉียงเองในตอนนี้ก็ฟื้นขึ้นมาแล้วเมื่ออูเฉียงมองเห็นเจี่ยนอันอัน ดวงตาเผยแววดุร้ายออกมาเมื่อคิดว่าตัวเองถูกเจี่ยนอันอันทำร้ายจนกลายเป็นเช่นนี้ เขาก็โมโหเป็นอย่างมากเขาตอนนี้อยากจะบีบคอเจี่ยนอันอันให้หักไปจริงๆทว่าในตอนที่เขากำลังจะลงมือนั้น ร่างกายก็เจ็บปวดอย่างยิ่งเสียราวกับกระดูกหักเจี่ยนอันอันจ้องมองคนทั้งหลายในลานเรือนนั้นด้วยสายตาเย็นชา เมื่อพูดออกมาก็ยิ่งทำให้พวกเขาคิดอยากฆ่าเจี่ยนอันอัน“พวกเจ้าคุกเข่าลงกลางลานเรือนนี้ให้ข้า คุกเข่าไปจนฟ้าสว่าง”“หากว่าพวกเจ้าใครกล้าขยับแล้ว ข้าจะให้สือเจี้ยมาลงโทษพวกเจ้า”ในใจของแม่นมหลี่และเตียวเฉียงเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมทำไมพวกเขาถึงต้องมาคุกเข่าอยู่ที่เรือนนี้ ที่นี้ไม่ใช่วังหลวงเสียหน่อย แต่เป็นเพียงแค่หมู่บ้านยากจนที่แม้แต่ข้าวก็ยังไม่มีกินนอกจากนี้แล้วจะให้พวกเขาคุกเข่า คุกเข่าให้ใครกัน?ที่นี่ไม่มีเชื้อพระวงศ์อะไรกัน
สือเจี้ยจดจำคำสาปหนอนศพได้แล้ว หากว่าแม่นมหลี่กล้าลงมือกับเขา เขาก็จะท่องคำสาปหนอนศพมาจัดการกับนางส่วนเตียวเฉียงนั้น เจี่ยนอันอันก็พูดแล้วว่า หากว่าเขาลงมือ พิษของเขาก็เริ่มออกฤทธิ์ฉะนั้นตอนนี้เขาไม่กลัวทั้งสองคนนี้แม้แต่น้อยสือเจี้ยจ้องมองไปยังแม่นมหลี่และเตียวเฉียง ก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง “พวกเจ้ายังไม่รีบคุกเข่าลงแต่โดยดีอีก หรือว่าจะให้พิษมันกำเริบออกมาอย่างนั้นหรือ!”แม่นมหลี่และเตียวเฉียงกัดฟัน พวกเขาพบว่าเจี่ยนอันอันในตอนนี้ ลงมือด้วยไม่ง่ายนักรอจนเมื่อเจี่ยนอันอันจากไปแล้ว ดูสิว่าเขาจะจัดการกับสือเจี้ยอย่างไรทั้งสองคนส่งเสียงฮึดฮัดออกมา ถึงได้คุกเข่าลงไปเจี่ยนอันอันตบไหล่ของสือเจี้ยอย่างพึงพอใจ “ที่นี่ก็มอบให้เจ้าแล้ว”สือเจี้ยประสานมือคำนับเจี่ยนอันอัน มองส่งเจี่ยนอันอันจากไปกวนซินจูงมือเล็กๆ ของฉู่ตั๋วตั่ว แล้วโดยเข้าไปพักผ่อนในห้องโดยไม่แม้แต่จะมองไปยังคนที่คุกเข่าอยู่กลางลานเรือนรอจนเมื่อเจี่ยนอันอันและชิวเหลียนจากไปแล้ว แม่นมหลี่ก็จะลุกขึ้นมาตบไปยังสือเจี้ยแต่เมื่อนางขยับร่างกาย ก็มองเห็นริมฝีปากของสือเจี้ยเคลื่อนไหวขึ้นไม่รู้ว่าเขากำลังท่อง
ฉู่จวินสิงมองในมือของเจี่ยนอันอันที่มีมีดเล่มเล็กๆ เพิ่มขึ้นมา นางก้มหน้าลง แล้วตั้วใจแกะสลักอักษรลงบนป้ายคำสั่งนั่นอย่างตั้งใจเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันแกะสลักบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย เขาก็หยิบมีดเล่มเล็กๆ ขึ้นมา“ข้าแกะสลักเอง เจ้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว นอนลงพักผ่อนเถอะ”ฉู่จวินสิงพูดออกมา แล้วอาศัยแสงเทียนตั้งใจแกะสลักตัวอักษรขึ้นมาไม่นานนักบนป้ายคำสั่ง ก็มีตัวอักษร ‘เหยียน’ เพิ่มขึ้นมาเจี่ยนอันอันที่เดิมทีที่นอนลงไปแล้ว เมื่อเห็นว่าฉู่จวินสิงสลักตัวอักษรเสร็จแล้ว นางก็รีบลุกขึ้นในตอนที่นางเห็นตัวอักษรที่ฉู่จวินสิงสลักเรียบร้อยแล้ว ช่างดูเหมือนของจริงนั้น นางก็อดที่จะยกนิ้วโป้งให้ฉู่จวินสิงไม่ได้“ทักษะของท่าน หากว่าอยู่ในยุคสมัยปัจจุบันแล้ว ท่านคงจะสามารถไปแกะสลักตราประทับทางการ เพื่อทำใบรับรองปลอมได้เลย”ฉู่จวินสิงไม่รู้ว่าอะไรคือตราประทับทางการปลอม แต่เขาก็ฟังออกว่าเจี่ยนอันอันกำลังชื่นชมว่าทักษะของเขายอดเยี่ยมใบหน้าของเขาไม่ท่าทีใดออกมา แต่ในใจกลับลอบยินดีฉู่จวินสิงเม้มริมฝีปากเล็กน้อย แล้วนำป้ายคำสั่งที่สลักเรียบร้อยแล้วยื่นให้กับเจี่ยนอันอัน“ตอนนี้ป้ายคำสั่งก็สลักเรีย
เขาอยากจะครอบครองเจี่ยนอันอันมานานแล้ว หลายวันมานี้เขาล้วนแต่อดทนเอาไว้เขาไม่อยากทำเรื่องที่เจี่ยนอันอันไม่ยินยอม แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็แต่งงานกันมาหลายวันแล้วที่พวกเขาทั้งสองคนทำมากที่สุด กลับมีเพียงแค่กอดและจูบกันเท่านั้นในฐานะที่เป็นชายหนุ่มทั่วไป ฉู่จวินสิงก็แทบจะทนต่อไปไม่ไหวแล้วเจี่ยนอันอันไม่กล้าจะมองสบตากับฉู่จวินสิงใบหน้าของนางที่เพิ่งจะหันไปอีกด้านหนึ่ง ก็ถูกฉู่จวินสิงบีบคาง แล้วหันกลับมา“เจ้าจนกระทั่งถึงตอนนี้ ยังไม่ชอบข้าอีกหรือ?”ฉู่จวินสิงไม่เข้าใจ ว่าทำไมเจี่ยนอันอันถึงได้ปฏิเสธเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกรงว่าก็คงจะมีเพียงแค่เหตุผลเดียว นั่งก็คือเจี่ยนอันอันไม่ได้ชอบเขาในตอนที่เขาถามออกมานั้น หัวใจของเขาก็เต้นแรงแล้วเขารอคำตอบของเจี่ยนอันอัน กลัวก็แต่จะนางจะพูดออกมาว่า ‘ไม่ชอบเขา’ สามคำนี้เจี่ยนอันอันอ้าปากออก น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นเล็กเบาลงราวกับยุง“ข้าชอบท่าน”เจี่ยนอันอันพูดขึ้น พร้อมเลื่อนสายตามองไปที่อื่นอย่างเขินอายนางกำลังจะพ่ายแพ้ให้กับตนเองแล้วทำไมในเรื่องระหว่างชายหญิง นางถึงได้ไม่มีความกล้ากันชอบก็คือชอบสิ มีอะไรให้ไม่กล้าพูดออกมากันเจี
เจี่ยนอันอันเขินอายเสียจนใบหน้าแดงก่ำ นางอยากจะลงไป ทว่ากลับถูกฉู่จวินสิงกอดแน่นยิ่งขึ้น“เอวของเจ้าเจ็บอยู่ อย่าได้ขยับไป หากว่าตกลงไปข้าจะต้องปวดใจเป็นแน่”คำของฉู่จวินสิง ลอยดังเข้าหูของทุกคนเหล่าสาวใช้ก้มหน้าลงอย่างรู้ทัน เม้มปากลอบยิ้มออกมาฮูหยินใหญ่และฮูหยินรองมองสบตากัน ใบหน้าต่างก็แต้มไปด้วยรอยยิ้มยินดีฉู่จวินสิงเจ้าเด็กคนนี้ ในที่สุดก็ได้เปิดโลกแล้วดูเหมือนว่าความคิดที่อยากจะอุ้มหลานชายของพวกนาง ใกล้จะเป็นจริงแล้วฉู่อันเจ๋อที่นั่งดื่มชาอยู่ในสวน ในตอนที่ได้ยินประโยคนี้นั้น ก็ส่งเสียง “พรืด” ดังขึ้นแล้วพ่นน้ำชาในปากออกมาจนหมดเขากระแอมออกมาสองครั้ง ยิ้มชั่วร้ายแล้วมองไปยังฉู่จวินหลุน“พี่ใหญ่ ท่านว่าพี่รองกับพี่สะใภ้รองของข้าเมื่อคืนนี้ทำอะไรกัน เอวของพี่สะใภ้รองถึงได้เจ็บปวดเสียจนไม่อาจเดินได้?”ฉู่จวินหลุนจ้องมองไปยังฉู่อันเจ๋ออย่างอารมณ์ไม่ดีนัก “เจ้าเด็กนี่ เรื่องที่ไม่ควรถามก็อย่าถาม ดื่มชาของเจ้าไปเถิด”ฉู่อันเจ๋อหันกายไป ปิดปากแล้วลอบหัวเราะ “ฮี่ๆ ๆ” ออกมาอย่าคิดว่าเขายังไม่เคยแต่งงานมาก่อน ทว่าหลายสิบปีมานี้ก็ไม่ใช่ว่าใช้ชีวิตไปเปล่าๆทำไมเขาจะคาดเดาไ
สือเจี้ยเมื่อเห็นเข้า ก็นึกถึงคำสาปหนอนศพ เพื่อใช้มาจัดการกับแม่นมหลี่แต่กลับถูกกวนซินห้ามเอาไว้ นางไม่อยากให้เพียงเพราะอาหารมื้อหนึ่ง จะทำให้แม่นมหลี่น้ำลายฟูมปากอีกครั้ง ดูแล้วช่างน่าอนาถ นางจะทำให้ฉู่ตั๋วตั่วตกใจได้ กวนซินสามารถทนได้ ทว่าฉู่ตั๋วตั่วยังเล็ก ไม่มีทางทนความหิวโหยเช่นนี้ได้ยังไม่ทันได้รอให้กวนซินได้พูดขึ้น ฉู่ตั๋วตั่วก็โพล่งออกมา “ท่านยาย ข้ากับท่านแม่ยังไม่ได้กินข้าว ตอนนี้หิวมากแล้ว” เสียงของฉู่ตั๋วตั่วเพิ่งจบไป ท้องก็ส่งเสียงตอบรับดัง “จ๊อกๆ” ออกมา ฮูหยินใหญ่ชอบฉู่ตั๋วตั๋วเป็นอย่างมาก เด็กคนนี้ปากหวานนัก ถึงแม้ว่านางจะไม่มีสายสัมพันธุ์ทางสายเลือดใดๆ แต่กลับเรียกนางว่าท่านยายทุกคำฮูหยินใหญ่รีบให้เหล่าสาวใช้ ไปยกอาหารมาให้กวนซินและฉู่ตั๋วตั่วกิน ก่อนหน้านั้นกวนซินเป็นชายารองของรัชทายาท กิน สวมใส่ล้วนแต่เป็นของชั้นดีทว่าวันนี้ไม่เหมือนเก่า อย่าพูดถึงว่าจะเป็นอาหารที่เหลือจากผู้อื่นกินเลย ต่อให้จะมอบหมันโถวแห้งๆ ในนาง นางก็ยินยอมจะกินมัน ฉู่ตั๋วตั่วยิ่งไม่ใส่ใจมันนางหิวมาตลอดคืนแล้ว ในตอนนี้เห็นอาหารที่ถูกวางไว้บนโต๊ะ ก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลง
เจี่ยนอันอันไม่รู้จักแม้แต่คนเดียว จึงไม่ได้ใส่ใจนางเก็บสมุนไพรขึ้นมา แล้วพูดกับฉู่ตั๋วตั่ว “ตั๋วตั่วลองดู สมุนไพรนี้เรียกว่ารากมังกรหัก มีพิษ”“หากว่าบาดแผลถูกแปดเปื้อนจากส่วนผสมของสมุนไพรชนิดนี้ พิษจะซึมผ่านเลือดเข้าไปในร่างกาย”ฉู่ตั๋วตั่วจ้องมองไปยังรากมังกรหักในมือของเจี่ยนอันอันโดยไม่หันเหสายตาไปที่ใดนางถามออกมาอย่างประหลาดใจ “ท่านน้า สมุนไพรชนิดนี้มีพิษร้ายแรงมากเพียงใดกัน?”“ส่วนผสมจากสมุนไพรชนิดนี้หากซึมผ่านเข้าไปทางเลือด จะทำให้บาดแผลของผู้คนเกิดอาการเหน็บชาขึ้นมา”เจี่ยนอันอันพูดขึ้นพลางเดินไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว ย่อกายลงไปหยิบสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งขึ้นมา“ตั๋วตั่วลองดู นี่เป็นหญ้าหุยกัง มีพิษเช่นกัน”“หากว่ามันผสมเข้ากับรากมังกรหักแล้ว ก็จะทำให้คนเป็นอัมพาตไปได้ครึ่งกาย”ฉู่ตั๋วตั่วจดจำชื่อและประโยชน์ของสมุนไพรทั้งสองชนิดไว้ในตอนที่ทั้งสองคนกำลังพูดกันอยู่นั้น รถม้าเก่าๆ คันนั้น ก็ขับมาไม่ไกลจากทั้งสองคนมากนักมีคนบนรถม้าส่งเสียงตะโกนดังออกมา “ไม่ทราบว่าที่นี่คือหมู่บ้านชิงสุ่ยใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันหันหน้าไป มองไปทางด้านของรถม้า“ที่นี่คือหมู่บ้านชิงสุ่ย พว
หลังจากทั้งคู่กินข้าวเสร็จ กลับไม่ได้พักผ่อนอยู่ในโรงเตี๊ยมหลังจากออกไปข้างนอก ก็มาอยู่ในมุมๆ หนึ่งซึ่งปลอดคนในใจรีบท่องชื่อว่านผิงพร้อมกัน และไม่นานก็หายตัวไปจากซอกมุมนั้นเมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง จึงเห็นว่านผิงกับพวกกำลังเที่ยวจับคนอยู่ทุกครั้งที่จับชายคนหนึ่งได้ ก็จะหยิบภาพเขียนออกมาเปรียบเทียบดูใบหน้าทำเอาผู้คนบนท้องถนนต่างตกใจเป็นการใหญ่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันยังอยู่ในสภาพอำพรางกายอยู่ ว่านผิงกับพวกจึงไม่รู้ว่ามีคนมาคอยติดตามและพวกเขาก็ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น กลับเดินตามพวกว่านผิงไปเรื่อยๆโดยตั้งใจว่าจะหาโอกาสเหมาะ ค่อยลงมือเสียทีเดียวเพราะถ้าอยู่ท้องถนนแล้วลงมือฆ่าคน อาจทำให้ชาวบ้านตื่นตระหนกเป็นอย่างมากพวกเขาจับคนมาหลายคน แต่ล้วนไม่ใช่คนในภาพเขียนทำเอาว่านผิงโกรธจนกำหมัดแน่น มองหน้าลูกน้องพร้อมกล่าวเสียงดุ “พวกมันยังอยู่ในเมืองหลี่จง รีบไปค้นหาให้ทั่ว อย่าได้ปล่อยผ่านแม้แต่คนเดียว!”“ขอรับ ท่านหัวหน้า”ลูกน้องรับคำโดยพร้อมเพรียง และตามหาต่อไปเมื่อพวกเขามาถึงที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง พลันเห็นข้างหน้ามีบ้านเล็กหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ดูจากประตูที่เก่าโทร
ว่านผิงส่งสายตาให้เหล่าลูกน้อง ทุกคนรีบวิ่งขึ้นชั้นบนไปต่างถือเอาภาพเหมือนออกมา พร้อมเปรียบเทียบบนใบหน้าแขกทีละคน เมื่อเห็นว่าล้วนไม่ใช่คนที่ตนต้องการจะหา อีกทั้งมองดูในห้อง จนแน่ใจว่าไม่มีใครหลบซ่อนอยู่ จึงลงไปยังชั้นล่าง“หัวหน้า ชั้นบนไม่มีคนที่เราจะหา”ว่านผิงเหลียวมองคนที่นั่งกินอาหารอยู่ในโรงเตี๊ยม มองดูแต่ละคนแล้วสำรวจขึ้นลง สุดท้ายไปจับจ้องอยู่ที่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันเขาเห็นคนทั้งคู่ต่างก้มหน้ากินข้าว แทบไม่เงยหน้าขึ้นมองผู้ใดเสียด้วยซ้ำจึงผละจากเถ้าแก่ เดินจ้ำอ้าวไปทางฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน“เงยหน้าขึ้นมา” ว่านผิงกล่าวเสียงตะคอก กระบี่ในมือชี้ที่ลำคอฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงแทบไม่นำพาต่อกระบี่ที่พาดคอ พลางวางตะเกียบลง หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมุมปาก “ว่าอย่างไร เจ้าคิดลงมือกับข้าด้วยรึ?”ฉู่จวินสิงเลียนแบบน้ำเสียงของอิ่นเจียง พลางเหลือบตาขึ้นมองว่านผิงทันทีที่ว่านผิงเห็นหน้าฉู่จวินสิงชัดเจน จึงตกใจจนตัวสั่น พลางรีบเก็บกระบี่ขึ้น“ข้าน้อยไม่รู้ว่าใต้เท้ามาอยู่นี่ เมื่อครู่ล่วงเกินไป ขอท่านโปรดอภัยด้วย”ว่านผิงยืนอยู่ด้านข้างฉู่จวินสิง ในใจรู้สึกขนลุกขนชัน
ฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันในที่สุดก็ลืมตาขึ้น จึงได้กล่าวกับนาง “เมื่อครู่ข้าเรียกเจ้าอยู่หลายที เจ้าก็ไม่ขานตอบ ข้ายังนึกว่าเกิดอะไรขึ้นเสียอีก”เจี่ยนอันอันเพิ่งจะนึกได้ เมื่อครู่นางกำลังเพ่งมองภาพในมิติอยู่ ข้างโสตได้ยินเสียงคนเรียกชื่อนางจริงๆเพียงแต่ความสนใจของนาง ล้วนไปอยู่ในภาพนั้นหมดสิ้น จึงไม่ได้ใส่ใจการเรียกหาของฉู่จวินสิงนางจึงยอมให้ฉู่จวินสิงมานั่งด้านข้าง พร้อมนำภาพที่เห็น บอกเล่าให้เขาฟัง“จากที่เจ้าเล่ามา ชายสองคนที่เห็นนั้น อาจเป็นลูกน้องข้าก็ได้”เจี่ยนอันอันก็นึกถึงข้อนี้เช่นกัน หากชายสองคนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาจริง เบื้องหน้านางคงไม่ปรากฏภาพเช่นนั้นออกมา“เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็รออยู่ในโรงเตี๊ยมนี้แหละ เพราะที่ๆ สองคนนั้นจะมาพักก็คือโรงเตี๊ยมแห่งนี้”ฉู่จวินสิงได้ยินดังนี้ พลันเกิดความคิดในใจขอเพียงชายสองคนนั้นปรากฏตัวขึ้น เขาก็จะได้สมทบกับพวกเขาทันทีเพียงแต่ไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งห้าคนหลบหนีพร้อมกัน เหตุใดจึงได้พลัดหลงกันเช่นนี้?หรือว่าลูกน้องอีกสามคนได้ถูกคนของฉู่ชางเหยียนจับกลับไปเสียแล้ว?เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงขมวดคิ้วมุ่น นางจึงเอ่ยปาก “อย่าเพ
ฉู่จวินสิงกล่าวเสียงก้อง “เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะให้เวลาท่านสามวันในการสืบเรื่องนี้”“ถ้าไม่ได้ตัวผู้ก่อเหตุมา ข้าจะทำตามรับสั่งของฝ่าบาท สั่งประหารพวกท่านทั้งครอบครัว”คำพูดของฉู่จวินสิง ทำให้เจ้าเมืองข่งสะดุ้งอย่างแรงจนแม้แต่สะใภ้รองที่คุกเข่าอยู่ด้านข้าง ก็พลอยหวาดกลัวจนตัวสั่นไปด้วยนางแอบเหลียวมองเจ้าเมืองข่ง เห็นอีกฝ่ายก้มหน้าก้มตา ไม่รู้ว่าจะตามหาคนผู้นั้นได้พบหรือไม่หลังจากฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันจากไปแล้ว เจ้าเมืองข่งค่อยทรุดตัวลงกับพื้นเขาหายใจหอบแรง หวังจะช่วยระงับความหวาดหวั่นในใจบ้างสะใภ้รองได้ยินว่าโทษถึงขั้นประหารชีวิต ทำให้นางร้อนใจจนเดือดพล่านยิ่งกว่ามดที่อยู่บนฝาหม้อร้อน น้ำตาก็ยิ่งไหลรินไม่หยุด“ท่านพ่อ ข้ายังไม่อยากตาย โรคของซีเอ๋อร์ยังไม่ทันรักษาให้หายขาด เขาจะถูกประหารเช่นนี้ไม่ได้ ท่านต้องรีบจับกุมผู้แอบอ้างชื่อผู้นั้นให้ได้นะเจ้าคะ!”เจ้าเมืองข่งมีแผนการในใจอยู่แล้ว จึงถลึงตาใส่สะใภ้รอง พลางกล่าว “เลิกร้องไห้เสียที รีบไปดูซีเอ๋อร์ก่อนว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”สะใภ้รองรีบซับน้ำตาที่นองหน้าอยู่ พลางลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างเตียงมองดูซีเอ๋อร์ขณะนั้นมีสาวใ
เสียงของเจี่ยนอันอันดังขึ้นจากด้านหลัง “บอกให้พวกเขาถอยออกไป หาไม่ข้าจะให้พวกท่านตายทั้งบ้าน!”เจ้าเมืองข่งรู้ดีว่าสองคนนี้วรยุทธ์ไม่เบา จึงไม่กล้าทำการบุ่มบ่าม ได้แต่รีบโบกมือให้เหล่าทหารจนแม้แต่สะใภ้รองที่อยู่บนเตียง ก็ตกใจกับคำพูดเจี่ยนอันอันเสียจนต้องรีบหยุดร้องไห้โดยพลันรอให้ทหารออกไปหมดแล้ว เจ้าเมืองข่งจึงได้ถามเสียงสั่น “พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”“ที่เรามานี่ ย่อมได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ ให้สืบเรื่องราวการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อน”เจ้าเมืองข่งได้ยินคำพูดของฉู่จวินสิง พลันขมวดคิ้วมุ่น สองตาจ้องเขม็งไปที่เขาเพียงไม่นานเจ้าเมืองข่งก็สังเกตจากบุคลิกและการแต่งกายของฉู่จวินสิง ดูออกว่าอีกฝ่ายเป็นชาวจิงโจวจริงๆแต่จะบอกว่ารับพระบัญชามาจากฮ่องเต้ ก็ออกจะฟังไม่ขึ้นไปเสียหน่อย“พวกเจ้ามีสิ่งใดมายืนยันว่ารับพระบัญชามาสืบสวนข้าจริง?”ซ้ำยังเป็นเรื่องเมื่อสามปีที่แล้วฮ่องเต้ทรงมีราชกิจมากมาย จู่ๆ จะทรงนึกได้อย่างไรว่าต้องสืบสวนเรื่องการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อนไม่แน่ว่าสองคนนี้ อาจเป็นผู้ใดส่งมาแก้แค้นเขาก็ได้เพราะเขาเคยรับผลประโยชน์จากผู้อื่นมาไม่น้อย อีกทั้งให้ผู้ที่สอบตก
แม้แต่บุตรชายโง่งมของเขาก็ยังไม่กลับบ้านมาแต่เสียงนี้กลับได้ยินแจ่มชัด จนเขามั่นใจว่าในห้องยังมีผู้อื่นอยู่อีกพลันรีบลุกขึ้นยืน มองไปยังห้องว่างเปล่าแล้วตะคอกเสียงดัง “เป็นผู้ใดกัน รีบออกมาเดี๋ยวนี้!”ถึงขั้นนี้แลว ทั้งเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงจึงไม่คิดหลบซ่อนตัวอีกทั้งคู่จึงปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเจ้าเมืองข่งการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของคนทั้งคู่ ยิ่งทำให้เจ้าเมืองข่งตกใจเสียจนนั่งทับลงบนร่างสะใภ้รองโดยไม่รู้ตัวส่วนทางสะใภ้รองจู่ๆ ถูกคนมานั่งทับ ก็ทำเอานางเจ็บจนร้องโอย พลันรีบลืมตาขึ้นเจ้าเมืองข่งเพิ่งรู้ตัวว่าตนได้นั่งทับร่างสะใภ้รองอยู่ จึงรีบกระโดดผึงขึ้นมาในบัดดลเขาชี้หน้าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง พลางกล่าวตวาด “พวกเจ้าเป็นใครกัน ไฉนมาอยู่ในบ้านข้าได้?”เจี่ยนอันอันยิ้มหยันขณะมองหน้าเจ้าเมืองข่ง นางไม่ได้พูดจา แต่ในมือถือเข็มเงินเล่มหนึ่งอยู่นานแล้วนางดีดนิ้วหนึ่งที เข็มเงินรีบพุ่งไปยังเด็กชายที่นอนอยู่บนเตียงเข็มนั้นไปปักที่ศีรษะของเด็กชาย พลันได้ยินเสียงเด็กร้อง “อึ่ก” แล้วกระอักโลหิตสดออกมาคำหนึ่งเจ้าเมืองข่งรีบหันไปดูด้วยความตกใจ จึงเห็นบนศีรษะของหลานตัวน้อย มี
เจ้าเมืองข่งลุกพรวดขึ้น เขารีบประสานมือให้กับบรรดาพ่อค้า “ขออภัยด้วยทุกท่าน ที่บ้านข้ามีธุระ ต้องรีบไปจัดการ”“ขอให้ทุกท่านกลับไปก่อน รอให้ถึงเวลาสอบจอหงวนในอีกหนึ่งปี ข้าจะช่วยให้ลูกๆ ของพวกเจ้าสอบผ่านโดยราบรื่น”เจ้าเมืองข่งว่าจบก็ให้พ่อบ้านส่งแขกส่วนตัวเขารีบเดินไปทางห้องนอนของหลานชายเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากันก่อนจะตามไปทันทีหลังจากที่ทั้งสองคนเดินตามเจ้าเมืองข่งอยู่นานมาก พวกเขาก็มาถึงหน้าห้องนอนในที่สุดเจ้าเมืองข่งรีบเดินเข้าไป เห็นลูกชายคนรองยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่หน้าเตียงหลานชายวัยหกขวบที่อยู่บนเตียงกำลังกลอกตา ปากพ่นฟองขาวฟอด ร่างกายชักเกร็งส่วนลูกสะใภ้รองของเขากำลังนอนหมดสติอยู่บนพื้นลูกชายคนรองยืนซื่ออยู่หน้าเตียงไม่ต่างจากท่อนไม้ แน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน“ปัดโธ่ เจ้าลูกโง่ เจ้ามาทำอะไรที่นี่”เจ้าเมืองข่งตบเข่าฉาดด้วยความร้อนอกร้อนใจเมื่อเห็นลูกชายคนรองเขาสั่งให้บ่าวรับใช้เขามาลากนายน้อยรองออกไปทันทีในตอนนี้เอง จู่ๆ คุณชายรองก็ปรบมือร้องอย่างมีความสุข“สนุกมาก คนหนึ่งแกล้งชัก ส่วนอีกคนจะแกล้งตาย ข้าเองก็อยากเล่นกับพวกเจ้าด้วย”คุณชายรองว่าจบก็ไปนอนทับ
บัดนี้ลูกของพวกเขาต่างสอบได้ตำแหน่งซิ่วไฉขอเพียงต่อไปมอบสมบัติให้เจ้าเมืองข่งมากขึ้น วันหน้าก็จะสอบได้ตำแหน่งที่ดียิ่งกว่านี้เจี่ยนอันอันมองเห็นว่าเจ้าเมืองข่งมีใบหน้าเหลี่ยม ความละโมบแผ่ออกมาทางดวงตาเรียวเล็กเป็นระยะๆนางลอบถากถางในใจว่า “หน้าตาของเจ้าเมืองผู้นี้สะท้อนให้เห็นถึงตัวจริงๆ”พ่อค้าคนหนึ่งพูดว่า “ใต้เท้าข่ง ไม่ทราบว่าหลานชายของท่านป่วยเป็นอะไรกันแน่หรือ?”เจ้าเมืองข่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งในตำแหน่งประธานเขาส่งสัญญาณให้ทุกคนนั่งลงได้ มีสาวใช้ยกน้ำชาเข้ามาให้ทุกคน“เดิมทีแล้วหลานชายของข้าก็ร่าเริงแจ่มใสดี แต่ไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไร ช่วงนี้ล้มป่วยอยู่ตลอด ตอนนี้แค่จะพูดยังยากเลย”เจ้าเมืองข่งขมวดคิ้วแน่นด้วยความกลัดกลุ้มเมื่อพูดถึงตรงนี้“ไม่มีหมอที่จะรักษาได้หรือ?” พ่อค้าอีกคนเอ่ยถามเจ้าเมืองข่งถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง เขาส่ายหน้าว่า “ข้าตามหมอมาทั่วเมืองหลี่จงแล้ว แต่ไม่มีคนใดที่จะรักษาได้”พ่อค้าที่นำผนึกหัวใจพระพุทธมาให้ฟังถึงตรงนี้ก็หยิบมันออกมาจากอกเสื้อทันทีผนึกหัวใจพระพุทธถูกแสงส่องกระทบเป็นสีรุ้งระยิบระยับเขาลุกขึ้นประสานมือพูดกับเจ้าเ
ทั้งสองคนลงจากหลังม้า นำม้าไปผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่ แต่ในจังหวะที่กำลังจะไปจวนเป่าเซวียน พวกเขาก็เห็นรถม้าหลายคันทยอยกันมาหยุดจอดหน้าจวนเป่าเซวียนผู้คนที่ลงมาจากรถม้าล้วนแล้วแต่แต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหราดูจากการแต่งกายของพวกเขาแล้วน่าจะไม่ใช้ข้าราชการ ดูคล้ายพ่อค้ามากกว่าไม่รู้เหมือนกันว่าที่จวนเจ้าเมืองกำลังมีงานอะไร ถึงได้มีคนมาเยอะขนาดนี้คนเหล่านั้นเดินไปที่ประตูแล้วนำเทียบเชิญออกมาจากอกเสื้อพ่อบ้านยิ้มกว้างทันทีที่เห็นเทียบเชิญเขาประสานมือพูดว่า “รีบเชิญด้านใน ใต้เท้ารออยู่นานแล้ว”พ่อค้าเหล่านั้นประสานมือตอบก่อนจะสืบเท้าเข้าไปดูเหมือนว่า หากพวกเจี่ยนอันอันจะเข้าไปในจวนเป่าเซวียนก็จำเป็นต้องมีเทียบเชิญเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากัน ทั้งสองท่องในใจทันทีว่าล่องหนครานี้ก็จะไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นหรือมองเห็นพวกเขาแล้ว เลือนหายไปในอากาศภายในเสี้ยวพริบตาทั้งสองเดินวางมาดกรีดกรายเข้าไปต่อหน้าต่อตาพ่อบ้านจังหวะที่ทั้งสองคนเดินผ่านพ่อบ้าน พ่อบ้านก็ได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างนั่นเป็นกลิ่นที่มีเพียงสตรีเท่านั้นที่จะแผ่ออกมาได้เขามองรอบทิศ นอกจากพ่อค้าไม่กี่คนที่เพิ่งเข้าไปแ