กวนซินถูกส่ายแขนจนหมดคำจะพูดนางเงยหน้ามองไปทางเจี่ยนอันอัน พบว่าอีกฝ่ายพยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้มแม้ว่ากวนซินจะยังไม่ค่อยเชื่อใจเจี่ยนอันอันนัก แต่นางก็ไม่อาจพูดอะไรได้อีกเพราะถึงอย่างไรเสีย ที่ตัวนางสามารถยืนอยู่ที่นี่ได้อย่างปลอดภัยและไม่ถูกเตียวเฉียงทำร้ายทั้งหมดต้องขอบคุณในความช่วยเหลือจากเจี่ยนอันอันนางลุกขึ้นพูดด้วยสีหน้าจนใจ “อันอัน เจ้าสอนวิธีใช้ยาพิษอย่างง่ายๆ ให้ตั๋วตั่วก่อนแล้วกัน อย่าเพิ่งสอนที่ซับซ้อนเกินไป”“ข้ากลัวว่านางจะทำตัวเองบาดเจ็บ อย่างไรข้าก็มีลูกแค่คนเดียว ไม่อาจเสียนางไปอีกคนจริงๆ”เจี่ยนอันอันเลิกคิ้ว นางนึกถึงตอนที่จับชีพจรให้กวนซินก่อนหน้านี้และพบว่าอีกฝ่ายกำลังตั้งครรภ์ดูท่าว่ากวนซินคงยังไม่รู้ว่าในท้องตัวเองมีเด็กอยู่อีกคนเจี่ยนอันอันขยับเข้าไปใกล้หูกวนซินและกระซิบว่า “เกรงว่าเจ้ายังมีลูกอีกคนที่ต้องปกป้องนะ”กวนซินฟังแล้วมีสีหน้าประหลาดใจนางยังมีลูกอีกคนงั้นหรือ นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?สายตาของเจี่ยนอันอันจ้องมองไปที่ท้องของกวนซินนางยังคงใช้ระดับเสียงที่ได้ยินกันแค่สองคน “เจ้าตั้งท้องแล้ว คงไม่รู้ตัวสินะ”กวนซินถอยหลังออกไปก้าวหนึ่
เจี่ยนอันอันเดินเข้าไปกลางลานเรือน ก็มองเห็นแม่นมหลี่นั่งอยู่บนพื้นส่งเสียงครวญครางออกมาคนเหล่านั้นเองก็พากันนั่งลง สีหน้าของพวกเขาแต่ละคนซีดขาว ส่งเสียงร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดออกมาไม่หยุดปากแม้แต่เตียวเฉียงเองในตอนนี้ก็ฟื้นขึ้นมาแล้วเมื่ออูเฉียงมองเห็นเจี่ยนอันอัน ดวงตาเผยแววดุร้ายออกมาเมื่อคิดว่าตัวเองถูกเจี่ยนอันอันทำร้ายจนกลายเป็นเช่นนี้ เขาก็โมโหเป็นอย่างมากเขาตอนนี้อยากจะบีบคอเจี่ยนอันอันให้หักไปจริงๆทว่าในตอนที่เขากำลังจะลงมือนั้น ร่างกายก็เจ็บปวดอย่างยิ่งเสียราวกับกระดูกหักเจี่ยนอันอันจ้องมองคนทั้งหลายในลานเรือนนั้นด้วยสายตาเย็นชา เมื่อพูดออกมาก็ยิ่งทำให้พวกเขาคิดอยากฆ่าเจี่ยนอันอัน“พวกเจ้าคุกเข่าลงกลางลานเรือนนี้ให้ข้า คุกเข่าไปจนฟ้าสว่าง”“หากว่าพวกเจ้าใครกล้าขยับแล้ว ข้าจะให้สือเจี้ยมาลงโทษพวกเจ้า”ในใจของแม่นมหลี่และเตียวเฉียงเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมทำไมพวกเขาถึงต้องมาคุกเข่าอยู่ที่เรือนนี้ ที่นี้ไม่ใช่วังหลวงเสียหน่อย แต่เป็นเพียงแค่หมู่บ้านยากจนที่แม้แต่ข้าวก็ยังไม่มีกินนอกจากนี้แล้วจะให้พวกเขาคุกเข่า คุกเข่าให้ใครกัน?ที่นี่ไม่มีเชื้อพระวงศ์อะไรกัน
สือเจี้ยจดจำคำสาปหนอนศพได้แล้ว หากว่าแม่นมหลี่กล้าลงมือกับเขา เขาก็จะท่องคำสาปหนอนศพมาจัดการกับนางส่วนเตียวเฉียงนั้น เจี่ยนอันอันก็พูดแล้วว่า หากว่าเขาลงมือ พิษของเขาก็เริ่มออกฤทธิ์ฉะนั้นตอนนี้เขาไม่กลัวทั้งสองคนนี้แม้แต่น้อยสือเจี้ยจ้องมองไปยังแม่นมหลี่และเตียวเฉียง ก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง “พวกเจ้ายังไม่รีบคุกเข่าลงแต่โดยดีอีก หรือว่าจะให้พิษมันกำเริบออกมาอย่างนั้นหรือ!”แม่นมหลี่และเตียวเฉียงกัดฟัน พวกเขาพบว่าเจี่ยนอันอันในตอนนี้ ลงมือด้วยไม่ง่ายนักรอจนเมื่อเจี่ยนอันอันจากไปแล้ว ดูสิว่าเขาจะจัดการกับสือเจี้ยอย่างไรทั้งสองคนส่งเสียงฮึดฮัดออกมา ถึงได้คุกเข่าลงไปเจี่ยนอันอันตบไหล่ของสือเจี้ยอย่างพึงพอใจ “ที่นี่ก็มอบให้เจ้าแล้ว”สือเจี้ยประสานมือคำนับเจี่ยนอันอัน มองส่งเจี่ยนอันอันจากไปกวนซินจูงมือเล็กๆ ของฉู่ตั๋วตั่ว แล้วโดยเข้าไปพักผ่อนในห้องโดยไม่แม้แต่จะมองไปยังคนที่คุกเข่าอยู่กลางลานเรือนรอจนเมื่อเจี่ยนอันอันและชิวเหลียนจากไปแล้ว แม่นมหลี่ก็จะลุกขึ้นมาตบไปยังสือเจี้ยแต่เมื่อนางขยับร่างกาย ก็มองเห็นริมฝีปากของสือเจี้ยเคลื่อนไหวขึ้นไม่รู้ว่าเขากำลังท่อง
ฉู่จวินสิงมองในมือของเจี่ยนอันอันที่มีมีดเล่มเล็กๆ เพิ่มขึ้นมา นางก้มหน้าลง แล้วตั้วใจแกะสลักอักษรลงบนป้ายคำสั่งนั่นอย่างตั้งใจเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันแกะสลักบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย เขาก็หยิบมีดเล่มเล็กๆ ขึ้นมา“ข้าแกะสลักเอง เจ้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว นอนลงพักผ่อนเถอะ”ฉู่จวินสิงพูดออกมา แล้วอาศัยแสงเทียนตั้งใจแกะสลักตัวอักษรขึ้นมาไม่นานนักบนป้ายคำสั่ง ก็มีตัวอักษร ‘เหยียน’ เพิ่มขึ้นมาเจี่ยนอันอันที่เดิมทีที่นอนลงไปแล้ว เมื่อเห็นว่าฉู่จวินสิงสลักตัวอักษรเสร็จแล้ว นางก็รีบลุกขึ้นในตอนที่นางเห็นตัวอักษรที่ฉู่จวินสิงสลักเรียบร้อยแล้ว ช่างดูเหมือนของจริงนั้น นางก็อดที่จะยกนิ้วโป้งให้ฉู่จวินสิงไม่ได้“ทักษะของท่าน หากว่าอยู่ในยุคสมัยปัจจุบันแล้ว ท่านคงจะสามารถไปแกะสลักตราประทับทางการ เพื่อทำใบรับรองปลอมได้เลย”ฉู่จวินสิงไม่รู้ว่าอะไรคือตราประทับทางการปลอม แต่เขาก็ฟังออกว่าเจี่ยนอันอันกำลังชื่นชมว่าทักษะของเขายอดเยี่ยมใบหน้าของเขาไม่ท่าทีใดออกมา แต่ในใจกลับลอบยินดีฉู่จวินสิงเม้มริมฝีปากเล็กน้อย แล้วนำป้ายคำสั่งที่สลักเรียบร้อยแล้วยื่นให้กับเจี่ยนอันอัน“ตอนนี้ป้ายคำสั่งก็สลักเรีย
เขาอยากจะครอบครองเจี่ยนอันอันมานานแล้ว หลายวันมานี้เขาล้วนแต่อดทนเอาไว้เขาไม่อยากทำเรื่องที่เจี่ยนอันอันไม่ยินยอม แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็แต่งงานกันมาหลายวันแล้วที่พวกเขาทั้งสองคนทำมากที่สุด กลับมีเพียงแค่กอดและจูบกันเท่านั้นในฐานะที่เป็นชายหนุ่มทั่วไป ฉู่จวินสิงก็แทบจะทนต่อไปไม่ไหวแล้วเจี่ยนอันอันไม่กล้าจะมองสบตากับฉู่จวินสิงใบหน้าของนางที่เพิ่งจะหันไปอีกด้านหนึ่ง ก็ถูกฉู่จวินสิงบีบคาง แล้วหันกลับมา“เจ้าจนกระทั่งถึงตอนนี้ ยังไม่ชอบข้าอีกหรือ?”ฉู่จวินสิงไม่เข้าใจ ว่าทำไมเจี่ยนอันอันถึงได้ปฏิเสธเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกรงว่าก็คงจะมีเพียงแค่เหตุผลเดียว นั่งก็คือเจี่ยนอันอันไม่ได้ชอบเขาในตอนที่เขาถามออกมานั้น หัวใจของเขาก็เต้นแรงแล้วเขารอคำตอบของเจี่ยนอันอัน กลัวก็แต่จะนางจะพูดออกมาว่า ‘ไม่ชอบเขา’ สามคำนี้เจี่ยนอันอันอ้าปากออก น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นเล็กเบาลงราวกับยุง“ข้าชอบท่าน”เจี่ยนอันอันพูดขึ้น พร้อมเลื่อนสายตามองไปที่อื่นอย่างเขินอายนางกำลังจะพ่ายแพ้ให้กับตนเองแล้วทำไมในเรื่องระหว่างชายหญิง นางถึงได้ไม่มีความกล้ากันชอบก็คือชอบสิ มีอะไรให้ไม่กล้าพูดออกมากันเจี
เจี่ยนอันอันเขินอายเสียจนใบหน้าแดงก่ำ นางอยากจะลงไป ทว่ากลับถูกฉู่จวินสิงกอดแน่นยิ่งขึ้น“เอวของเจ้าเจ็บอยู่ อย่าได้ขยับไป หากว่าตกลงไปข้าจะต้องปวดใจเป็นแน่”คำของฉู่จวินสิง ลอยดังเข้าหูของทุกคนเหล่าสาวใช้ก้มหน้าลงอย่างรู้ทัน เม้มปากลอบยิ้มออกมาฮูหยินใหญ่และฮูหยินรองมองสบตากัน ใบหน้าต่างก็แต้มไปด้วยรอยยิ้มยินดีฉู่จวินสิงเจ้าเด็กคนนี้ ในที่สุดก็ได้เปิดโลกแล้วดูเหมือนว่าความคิดที่อยากจะอุ้มหลานชายของพวกนาง ใกล้จะเป็นจริงแล้วฉู่อันเจ๋อที่นั่งดื่มชาอยู่ในสวน ในตอนที่ได้ยินประโยคนี้นั้น ก็ส่งเสียง “พรืด” ดังขึ้นแล้วพ่นน้ำชาในปากออกมาจนหมดเขากระแอมออกมาสองครั้ง ยิ้มชั่วร้ายแล้วมองไปยังฉู่จวินหลุน“พี่ใหญ่ ท่านว่าพี่รองกับพี่สะใภ้รองของข้าเมื่อคืนนี้ทำอะไรกัน เอวของพี่สะใภ้รองถึงได้เจ็บปวดเสียจนไม่อาจเดินได้?”ฉู่จวินหลุนจ้องมองไปยังฉู่อันเจ๋ออย่างอารมณ์ไม่ดีนัก “เจ้าเด็กนี่ เรื่องที่ไม่ควรถามก็อย่าถาม ดื่มชาของเจ้าไปเถิด”ฉู่อันเจ๋อหันกายไป ปิดปากแล้วลอบหัวเราะ “ฮี่ๆ ๆ” ออกมาอย่าคิดว่าเขายังไม่เคยแต่งงานมาก่อน ทว่าหลายสิบปีมานี้ก็ไม่ใช่ว่าใช้ชีวิตไปเปล่าๆทำไมเขาจะคาดเดาไ
สือเจี้ยเมื่อเห็นเข้า ก็นึกถึงคำสาปหนอนศพ เพื่อใช้มาจัดการกับแม่นมหลี่แต่กลับถูกกวนซินห้ามเอาไว้ นางไม่อยากให้เพียงเพราะอาหารมื้อหนึ่ง จะทำให้แม่นมหลี่น้ำลายฟูมปากอีกครั้ง ดูแล้วช่างน่าอนาถ นางจะทำให้ฉู่ตั๋วตั่วตกใจได้ กวนซินสามารถทนได้ ทว่าฉู่ตั๋วตั่วยังเล็ก ไม่มีทางทนความหิวโหยเช่นนี้ได้ยังไม่ทันได้รอให้กวนซินได้พูดขึ้น ฉู่ตั๋วตั่วก็โพล่งออกมา “ท่านยาย ข้ากับท่านแม่ยังไม่ได้กินข้าว ตอนนี้หิวมากแล้ว” เสียงของฉู่ตั๋วตั่วเพิ่งจบไป ท้องก็ส่งเสียงตอบรับดัง “จ๊อกๆ” ออกมา ฮูหยินใหญ่ชอบฉู่ตั๋วตั๋วเป็นอย่างมาก เด็กคนนี้ปากหวานนัก ถึงแม้ว่านางจะไม่มีสายสัมพันธุ์ทางสายเลือดใดๆ แต่กลับเรียกนางว่าท่านยายทุกคำฮูหยินใหญ่รีบให้เหล่าสาวใช้ ไปยกอาหารมาให้กวนซินและฉู่ตั๋วตั่วกิน ก่อนหน้านั้นกวนซินเป็นชายารองของรัชทายาท กิน สวมใส่ล้วนแต่เป็นของชั้นดีทว่าวันนี้ไม่เหมือนเก่า อย่าพูดถึงว่าจะเป็นอาหารที่เหลือจากผู้อื่นกินเลย ต่อให้จะมอบหมันโถวแห้งๆ ในนาง นางก็ยินยอมจะกินมัน ฉู่ตั๋วตั่วยิ่งไม่ใส่ใจมันนางหิวมาตลอดคืนแล้ว ในตอนนี้เห็นอาหารที่ถูกวางไว้บนโต๊ะ ก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลง
เจี่ยนอันอันไม่รู้จักแม้แต่คนเดียว จึงไม่ได้ใส่ใจนางเก็บสมุนไพรขึ้นมา แล้วพูดกับฉู่ตั๋วตั่ว “ตั๋วตั่วลองดู สมุนไพรนี้เรียกว่ารากมังกรหัก มีพิษ”“หากว่าบาดแผลถูกแปดเปื้อนจากส่วนผสมของสมุนไพรชนิดนี้ พิษจะซึมผ่านเลือดเข้าไปในร่างกาย”ฉู่ตั๋วตั่วจ้องมองไปยังรากมังกรหักในมือของเจี่ยนอันอันโดยไม่หันเหสายตาไปที่ใดนางถามออกมาอย่างประหลาดใจ “ท่านน้า สมุนไพรชนิดนี้มีพิษร้ายแรงมากเพียงใดกัน?”“ส่วนผสมจากสมุนไพรชนิดนี้หากซึมผ่านเข้าไปทางเลือด จะทำให้บาดแผลของผู้คนเกิดอาการเหน็บชาขึ้นมา”เจี่ยนอันอันพูดขึ้นพลางเดินไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว ย่อกายลงไปหยิบสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งขึ้นมา“ตั๋วตั่วลองดู นี่เป็นหญ้าหุยกัง มีพิษเช่นกัน”“หากว่ามันผสมเข้ากับรากมังกรหักแล้ว ก็จะทำให้คนเป็นอัมพาตไปได้ครึ่งกาย”ฉู่ตั๋วตั่วจดจำชื่อและประโยชน์ของสมุนไพรทั้งสองชนิดไว้ในตอนที่ทั้งสองคนกำลังพูดกันอยู่นั้น รถม้าเก่าๆ คันนั้น ก็ขับมาไม่ไกลจากทั้งสองคนมากนักมีคนบนรถม้าส่งเสียงตะโกนดังออกมา “ไม่ทราบว่าที่นี่คือหมู่บ้านชิงสุ่ยใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันหันหน้าไป มองไปทางด้านของรถม้า“ที่นี่คือหมู่บ้านชิงสุ่ย พว
ขณะที่เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากเจี่ยนอันอันถูกเนรเทศไปพร้อมกับครอบครัวฉู่จวินสิงหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันต้องติดตามครอบครัวฉู่จวินสิงเดินทางไปยังแดนเนรเทศ ไม่สามารถนำสิ่งของล้ำค่ามากมายขนาดนั้นติดตัวไปด้วยเจี่ยนกั๋วกงคงสงสัยไปแล้วว่าเงินเหล่านั้นถูกเจี่ยนอันอันขโมยไปแต่เรื่องที่คลังหลวงถูกปล้นก็ทำให้เจี่ยนกั๋วกงรู้สึกถึงความผิดปกติของเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้งคราวก่อนเขาเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ เดิมตั้งใจว่าจะกราบทูลเรื่องนี้ด้วยแต่คิดไม่ถึงเลยว่าตนเองเพิ่งเอ่ยถึงเรื่องที่ว่าครอบครัวฉู่จวินสิงอาจยังไม่ตายก็ถูกฉู่ชางเหยียนตำหนิเอาอีกแล้วเขาไหนเลยจะมีความกล้าเอ่ยถึงเรื่องนี้กับฉู่ชางเหยียนอีกแต่ตอนนี้พอมาใคร่ครวญดีๆ แล้ว โจรที่ปล้นจวนกั๋วกงผู้นี้มีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นโจรที่ปล้นคลังหลวงเดิมนั้น เจี่ยนกั๋วกงอยากสืบสวนเรื่องที่บ้านตนเองถูกปล้นอย่างเงียบๆอย่างไรเสียเรื่องนี้พูดออกมาแล้วก็มีแต่จะทำให้พวกขุนนางที่เป็นอริกับเขาหัวเราะเยาะแต่เวลาผ่านมานานขนาดนี้แล้ว เขากลับจับไม่ได้กระทั่งเงาของเจ้าโจรร้ายผู้นั้นยามนี้คลังหลวงถูกปล้นมานานขนาดนี้ก็ยังไม่มีใครจับตัวโจรผู้นั
จังหวะที่พวกเขาเพิ่งเดินออกมาจากคุกหลวง ทหารรักษาการณ์กลุ่มหนึ่งก็ลาดตระเวนผ่านมาพอดีเมื่อพวกเขาเห็นพวกฉู่จวินสิงก็ล้วนประหลาดใจ“พวกเจ้าเข้าไปทำอะไรในคุกหลวง?” ทหารรักษาการณ์ที่นำหน้ามาถามด้วยความประหลาดใจเขาเห็นว่าทหารรักษาการณ์สิบกว่าคนนี้ล้วนไม่คุ้นหน้า แต่พวกเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากอย่างไรเสียทหารรักษาการณ์ในวังหลวงก็มีอยู่จำนวนมาก ถึงมีคนหน้าไม่คุ้นปรากฏตัวขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกฉู่จวินสิงกล่าวเสียงขรึม “ตอนพวกข้าลาดตระเวนมาถึงที่นี่ ได้ยินเสียงร้องดังมาจากข้างในจึงเข้าไปตรวจดู”“ดีที่ข้างในมีแค่คนที่ถูกทรมานส่งเสียงร้อง แต่ไม่เจอตัวโจรร้ายที่โกนหัวฝ่าบาท”ทหารรักษาการณ์เหล่านั้นได้ยินแล้วก็พยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงเข้าใจ“ในเมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเราก็ลาดตระเวนต่อกันเถอะ”“พวกเจ้าไปลาดตระเวนทางนั้น พวกข้าจะไปลาดตระเวนทางนี้”ฉู่จวินสิงว่าแล้วก็แยกจากทหารรักษาการณ์กลุ่มนั้นฉู่จวินสิงนำทหารเหล่านั้นตรงไปยังทางออกของวังหลวงเมื่อเจอกับทหารรักษาการณ์กลุ่มอื่นระหว่างทาง ต่างฝ่ายก็เพียงแต่พยักหน้าให้กันเล็กน้อยเท่านั้นไม่มีใครสังเกตว่าพวกเขาเป็นคนที่ปลอมตัวเป็นทหารรักษาการณ
เจี่ยนอันอันยิ้มกล่าว “พรุ่งนี้ข้าก็สามารถไปจากที่นี่ได้แล้ว”ฉู่จวินสิงจึงตัดสินใจค้างคืนกับเจี่ยนอันอันที่นี่เขาไม่อยากกลับไปที่โรงเตี๊ยม ที่นั่นเสียงดังเกินไป บวกกับเขาคิดถึงเจี่ยนอันอันหลายวันที่ผ่านมา เขาไม่ได้นอนหลับเต็มอิ่มเลยฉู่จวินสิงอยู่ค้างคืนด้วยได้ เจี่ยนอันอันย่อมดีใจอยู่แล้วอย่างไรเสียก็คงไม่มีใครบุกเข้ามาในห้องนี้อย่างปุบปับอยู่แล้วพอถึงพรุ่งนี้เช้า ฉู่จวินสิงค่อยทำเหมือนกับว่าเพิ่งมารับเจี่ยนอันอัน คนทั้งสองก็สามารถจากไปพร้อมกันได้แล้วทั้งคู่นอนอยู่บนเตียง เนื่องจากไม่ได้เจอกันหลายวันพวกเขาจึงเริ่มอิงแอบแนบชิดกัน ฉู่จวินสิงออกแรงอย่างนุ่มนวลด้วยกลัวว่าจะกระทบกระเทือนทารกในครรภ์เจี่ยนอันอันหลังเสร็จกิจแล้ว ทั้งคู่ก็สวมกอดกันนอนหลับไปจนถึงเช้าตรู่วันถัดมา ฉู่จวินสิงก็ทำให้ตัวเองล่องหนระหว่างที่เจี่ยนอันอันกำลังทำอาหารอยู่ ฉู่จวินสิงก็มาเคาะประตูเรือนโดยทำเหมือนกับว่าแวะมาเยี่ยมกะทันหันฮวาหลานเอ๋อร์ไปเปิดประตู เห็นว่าฉู่จวินสิงมาแล้ว คราวนี้นางไม่ได้เย็นชาเหมือนครั้งก่อน แต่ยิ้มแฉ่งให้ฉู่จวินสิง“เยียนอ๋องมาหาพี่หญิงเจี่ยนสินะ พี่หญิงเจี่ยนของข้าทำ
“หลังกินข้าวมื้อนี้เสร็จ เจ้าก็ไปจากที่นี่เสียเถอะ สิ่งที่ข้าควรสอนก็สอนไปหมดแล้ว เจ้าไม่มีความจำเป็นต้องพักอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว”ซางหมิงกินข้าวเสร็จอย่างรวดเร็วแล้วลุกขึ้นก้าวยาวๆ ออกไปจากห้องกินข้าวเจี่ยนอันอันรู้ว่าซางหมิงยังโกรธเรื่องเมื่อเย็นวาน นางเป็นฝ่ายผิดก่อนจึงไม่ได้โกรธเพราะคำพูดของซางหมิงเพื่อชดเชยให้กับเรื่องเมื่อเย็นวาน เจี่ยนอันอันจึงรีบกินข้าวให้เสร็จแล้วไปหาซางหมิงนางมาถึงสถานที่ที่ซางหมิงทำหน้ากากก็เห็นอีกฝ่ายกำลังนั่งทำหน้ากากอยู่ที่โต๊ะเจี่ยนอันอันหยิบยาถอนพิษที่ต้มไว้ตั้งแต่เมื่อเย็นวานออกมาจากในมิติแล้ววางลงตรงหน้าซางหมิง“ผู้วิเศษซาง นี่คือยาถอนพิษที่ข้าต้มเอง ท่านดื่มยานี้ก่อนแล้วข้าค่อยไปก็ยังไม่สาย”ซางหมิงเหลือบมองยาถอนพิษสองถ้วยนั้นแล้วมองไปทางเจี่ยนอันอัน“เจ้าแน่ใจนะว่ายาสองถ้วยนี้สามารถกำจัดพิษในร่างข้าได้?”เห็นเจี่ยนอันอันพยักหน้ายิ้มๆ เขาก็ไม่พูดมาก หยิบถ้วยยาขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ทันทีหลังดื่มยาสองถ้วยนั้นจนหมด ซางหมิงก็รู้สึกว่าพิษในร่างกำลังสลายไปอย่างรวดเร็วบริเวณที่เดิมทียังเจ็บปวดอยู่บ้างก็รู้สึกโล่งสบายหาใดเปรียบ เพราะได้ดื่มยาสอง
เรือนผมที่เคยยาวดกดำ ภายในคืนเดียวมลายหายไปสิ้นเห็นเพียงศีรษะที่โกร๋นโล่งเตียนไม่เหลือแม้แต่ผมเส้นเดียว!เจียงหวยตกใจจนหน้าซีดเผือด พลางทรุดร่างลง ‘โครม’ ที่หน้าพระแท่นมังกรฉู่ชางเหยีนมองดูสีหน้าตกตะลึงของเจียงหวย พลันยิ่งบันดาลโทสะมากขึ้น“เจ้าถูกผีหลอกเข้าหรือไร?”เจียงหวยกลัวจนตัวสั่นงันงก พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ฝ่า...ฝ่าบาท เส้นพระเกศา...”ทันใดนั้นเอง ฉู่ชางเหยียนเพิ่งตระหนักว่าศีรษะเย็นผิดปกติจึงรีบเอามือลูบศีรษะตนเองโดยพลันไม่ลูบยังพอว่า ลูบไปเจอแต่ศีรษะโล้นเลี่ยนนี่สิ!“เกิดเรื่องอันใดขึ้น ผมของข้าเล่า? บังอาจนัก ผู้ใดมาโกนผมของข้าไปหมด?”“ทหาร รีบไปจับคนที่เมื่อคืนแอบเข้ามาในตำหนักข้า ข้าจะจับมากุดหัวเสีย แล้วถลกหนังมันด้วย”เจียงหวยหัวใจหล่นไปถึงตาตุ่ม เคราะห์ดีเมื่อคืนเขาไม่ได้ถวายงานอยู่ในตำหนักหลงเหอแต่ไปเลี้ยงอาหารนกแร้งสองตัวนั้น กว่าจะป้อนจนอิ่มหนำก็ค่ำมืดเต็มทีเขาเห็นว่าดึกมากแล้ว จึงมิได้กลับเข้าตำหนักหลงเหออีก ด้วยเกรงว่าจะรบกวนการบรรทมของฮ่องเต้ปรากฏว่าเพียงคืนเดียวที่เขาไม่ได้อยู่ถวายงาน กลับเกิดเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ขึ้นเขากลัวว่าถ้าฮ
เมื่อเจี่ยนอันอันดูถึงตรงนี้ มุมปากได้เหยียดขึ้นนานแล้วนางเห็นเจี่ยนกั๋วกงหน้าไม่อายผู้นั้น เมื่อถูกฮ่องเต้ตวาดเข้า ก็ทำตัวหงอ หดคอราวกับลูกเต่าตัวหนึ่งเป็นสิ่งที่นางรู้สึกสะใจยิ่ง!เจี่ยนกั๋วกงยังคิดเอาหน้าต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ คิดจะให้ส่งคนไปสืบสวนครอบครัวฉู่จวินสิงที่อยู่ในเมืองอินเป่ยอีกสุดท้ายลูกคิดรางแก้วของเขาก็พังทลาย ซ้ำยังถูกฮ่องเต้ชั่วด่าใส่หน้าอีก!เจี่ยนอันอันยังคิดว่าเจี่ยนกั๋วกงถูกด่าเบาไปด้วยซ้ำ ฮ่องเต้ชั่วน่าจะลงโทษฐานสร้างความวุ่นวายใจแก่เบื้องบนอีกกระทงหนึ่งเพราะอย่างไรก็ล้วนมิใช่คนดีทั้งคู่ ตายคนหนึ่งแผ่นดินจะได้สูงขึ้นบ้างแต่เสียดายฮ่องเต้ชั่วกลับมิได้ทำเช่นนั้น ข้อนี้ทำให้เจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าและถอนหายใจ“หากตอนนี้ข้าเป็นฮ่องเต้ชั่วนั่น คงไม่ปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่ต่อไปแน่”หลังจากเจี่ยนอันอันแอบแช่งชักหักกระดูกในใจ พลันนึกไปถึงนกแร้งสองตัวนั้นตอนที่นางกับฉู่จวินสิงสังหารอิ่นเจียงนั้น ก็เคยเห็นนกแร้งสองตัวนี้แต่ไม่คิดว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงของฉู่ชางเหยียนที่อยู่ในวังหลวงคราวก่อนที่ๆ พวกมันปรากฏตัว คงถูกฉู่ชางเหยียนส่งให้ไปสังเกตความเค
ฉู่ชางเหยียนหันมาทางเจี่ยนกั๋วกงต่อ น้ำเสียงเย็นชา “ท่านบอกว่าฉู่จวินสิงยังไม่ตาย แล้วนี่จะอธิบายอย่างไร?”เจี่ยนกั๋วกงรู้ดีว่า ฉู่ชางเหยียนได้เลี้ยงนกแร้งไว้สองตัวเมื่อครู่ขณะเห็นนก เขายังนึกว่าพวกมันคงหิวในเวลาค่ำคืน จึงออกมาหากินที่ไหนได้ แท้จริงแล้วพวกมันถูกฉู่ชางเหยียนส่งไปเมืองอินเป่ยต่างหากแม้แต่นกแร้งสองตัวนี้ยังยืนยันว่าครอบครัวฉู่จวินสิงได้เสียชีวิต แล้วเขาก็ไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของตนเองจึงหวาดกลัวจนรู้สึกขนหัวลุกชัน พร้อมรีบคุกเข่าลง“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเพียงสงสัยว่าฉู่จวินสิงและครอบครัวยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่มีหลักฐานยืนยัน ขอฝ่าบาททรงอภัยด้วย”ฉู่ชางเหยียนทำเสียงฮึในลำคอ พลางตะโกนไปยังด้านนอก “ใครก็ได้!”ไม่นานจึงมีองครักษ์ผู้หนึ่งเข้ามา“ไปตามอิ่นเจียงมาพบข้า ข้าจะถามเขาให้รู้”องครักษ์รับบัญชา พร้อมรีบถอยออกไปเจี่ยนกั๋วกงยังคงคุกเข่าอยู่ที่เดิม ในใจไม่สู้สบายนักถ้าอิ่นเจียงมาถึง พร้อมกล่าวยืนยันอีกครั้งว่าตนได้สังหารฉู่จวินสิงและครอบครัวไปแล้วจริงๆแล้วเขาจะทำอย่างไรให้ฮ่องเต้ทรงเชื่อในคำสันนิษฐานของเขาได้?ซ้ำยังมีความรู้สึกว่า เรื่องนี้อ
เขารู้ว่าขุนนางกลุ่มนี้มิได้เห็นตนถูกปลดเป็นสามัญชน ซ้ำยังถูกเนรเทศไปอยู่เมืองอินเป่ย จนเลือกที่จะสวามิภักดิ์ต่อฉู่ชางเหยียนแต่กลับวางแผนเงียบๆ ว่าจะล้างมลทินให้ตนได้อย่างไร เพื่อให้กลับมาเมืองจิงโจวอีกครั้ง ครองตำแหน่งเยียนอ๋องตามเดิมฉู่จวินสิงรู้สึกปลื้มใจยิ่ง เขาคิดว่าตนดูคนไม่ผิด ขุนนางเหล่านี้มีความภักดีที่จะอยู่กับเขาอย่างจริงใจเพียงแต่ฐานะเขาตอนนี้ยังไม่เหมาะจะเผยตัว จึงมิได้ปรากฏตัวให้เหล่าขุนนางได้เห็นฉู่จวินสิงด้านหนึ่งเป็นห่วงเจี่ยนอันอัน อีกด้านก็นึกถึงอนาคตว่าจะบุกเข้าเมืองจิงโจวได้อย่างไรและขุนนางเหล่านั้นต่างก็มีกำลังทหารอยู่ในมือรอจนเขากลับไปจิงโจวเมื่อใด จะเป็นเวลาที่จะได้ชิงอำนาจกลับคืนมาอีกครั้ง......เจี่ยนอันอันมองดูยาในหม้อที่ต้มเสร็จแล้ว จึงรินเอาน้ำออกมา ส่วนกากยาถูกเททิ้งไปยาสองชามนี้เพียงพอที่จะขจัดพิษในตัวซางหมิงได้หมดนางนำยาไปเก็บไว้ในห้วงมิติ รอเพียงพรุ่งนี้เช้าซางหมิงตื่นมา ก็จะให้เขาดื่มเจี่ยนอันอันกลับเข้าห้องนอน พร้อมนำแว่นตาล่องหนออกมาใส่ไม่นานจึงมองเห็นฉู่ชางเหยียนนั่งอยู่ในห้องทรงอักษรและในห้องนั้นไม่เพียงมีฉู่ชางเหยียนกับมหา
เป็นครั้งแรกที่ฮวาหลานเอ๋อร์ได้เห็นโจ๊กแปดสมบัติ นางมองดูกระป๋องนั้นด้วยความแปลกใจ ไม่รู้ว่าควรจะเปิดอย่างไรดีเจี่ยนอันอันตบหน้าผากตนเอง พลันฝากระป๋องจึงเปิดออกง่ายดาย นำช้อนที่อยู่ข้างในกางออกเรียบร้อย พร้อมส่งให้ฮวาหลานเอ๋อร์“นี่ก็คือโจ๊กแปดสมบัติ รสชาติหอมหวาน แม้จะเย็นชืดไปบ้าง แต่กินไม่ยาก”เจี่ยนอันอันกล่าวพลาง ยื่นโจ๊กให้แก่ฮวาหลานเอ๋อร์ฮวาหลานเอ๋อร์ได้กลิ่นหอมของโจ๊กมาเตะจมูก จึงรีบตักเข้าปากเร็วพลันรสชาติหอมหวานและเนียนนุ่ม อบอวลอยู่ในปากนางทันที“พี่เจี่ยน โจ๊กแปดสมบัตินี้ช่างอร่อยจริง”ฮวาหลานเอ๋อร์กล่าวพลาง รีบอ้าปากกินแล้วกินอีกไม่นานโจ๊กแปดสมบัติทั้งกระป๋องก็ถูกนางกินหมดเกลี้ยงนางมิได้ถามเจี่ยนอันอันเอาโจ๊กชนิดนี้มาจากที่ใด คิดแต่ว่าเจี่ยนอันอันคงจะทำเอง“อิ่มแล้วก็กลับไปพักผ่อนเสีย ข้าอยู่ทางนี้ยังต้องต้มยาอีกสักพัก”เจี่ยนอันอันไม่ต้องการให้ฮวาหวานเอ๋อร์มาอยู่ข้างกาย เพราะเป็นเด็กอายุยังน้อย ต้องการการพักผ่อนอย่างเต็มที่ฮวาหลานเอ๋อร์ยิ้มให้เจี่ยนอันอันอย่างมีความสุข พลางยืนขึ้นแล้วกระโดดโลดเต้นเดินจากไปเจี่ยนอันอันอยู่ในครัวต้มยาต่อไปอีก จากนั้นจึงร