เจี่ยนอันอันเดินเข้าไปกลางลานเรือน ก็มองเห็นแม่นมหลี่นั่งอยู่บนพื้นส่งเสียงครวญครางออกมาคนเหล่านั้นเองก็พากันนั่งลง สีหน้าของพวกเขาแต่ละคนซีดขาว ส่งเสียงร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดออกมาไม่หยุดปากแม้แต่เตียวเฉียงเองในตอนนี้ก็ฟื้นขึ้นมาแล้วเมื่ออูเฉียงมองเห็นเจี่ยนอันอัน ดวงตาเผยแววดุร้ายออกมาเมื่อคิดว่าตัวเองถูกเจี่ยนอันอันทำร้ายจนกลายเป็นเช่นนี้ เขาก็โมโหเป็นอย่างมากเขาตอนนี้อยากจะบีบคอเจี่ยนอันอันให้หักไปจริงๆทว่าในตอนที่เขากำลังจะลงมือนั้น ร่างกายก็เจ็บปวดอย่างยิ่งเสียราวกับกระดูกหักเจี่ยนอันอันจ้องมองคนทั้งหลายในลานเรือนนั้นด้วยสายตาเย็นชา เมื่อพูดออกมาก็ยิ่งทำให้พวกเขาคิดอยากฆ่าเจี่ยนอันอัน“พวกเจ้าคุกเข่าลงกลางลานเรือนนี้ให้ข้า คุกเข่าไปจนฟ้าสว่าง”“หากว่าพวกเจ้าใครกล้าขยับแล้ว ข้าจะให้สือเจี้ยมาลงโทษพวกเจ้า”ในใจของแม่นมหลี่และเตียวเฉียงเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมทำไมพวกเขาถึงต้องมาคุกเข่าอยู่ที่เรือนนี้ ที่นี้ไม่ใช่วังหลวงเสียหน่อย แต่เป็นเพียงแค่หมู่บ้านยากจนที่แม้แต่ข้าวก็ยังไม่มีกินนอกจากนี้แล้วจะให้พวกเขาคุกเข่า คุกเข่าให้ใครกัน?ที่นี่ไม่มีเชื้อพระวงศ์อะไรกัน
สือเจี้ยจดจำคำสาปหนอนศพได้แล้ว หากว่าแม่นมหลี่กล้าลงมือกับเขา เขาก็จะท่องคำสาปหนอนศพมาจัดการกับนางส่วนเตียวเฉียงนั้น เจี่ยนอันอันก็พูดแล้วว่า หากว่าเขาลงมือ พิษของเขาก็เริ่มออกฤทธิ์ฉะนั้นตอนนี้เขาไม่กลัวทั้งสองคนนี้แม้แต่น้อยสือเจี้ยจ้องมองไปยังแม่นมหลี่และเตียวเฉียง ก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง “พวกเจ้ายังไม่รีบคุกเข่าลงแต่โดยดีอีก หรือว่าจะให้พิษมันกำเริบออกมาอย่างนั้นหรือ!”แม่นมหลี่และเตียวเฉียงกัดฟัน พวกเขาพบว่าเจี่ยนอันอันในตอนนี้ ลงมือด้วยไม่ง่ายนักรอจนเมื่อเจี่ยนอันอันจากไปแล้ว ดูสิว่าเขาจะจัดการกับสือเจี้ยอย่างไรทั้งสองคนส่งเสียงฮึดฮัดออกมา ถึงได้คุกเข่าลงไปเจี่ยนอันอันตบไหล่ของสือเจี้ยอย่างพึงพอใจ “ที่นี่ก็มอบให้เจ้าแล้ว”สือเจี้ยประสานมือคำนับเจี่ยนอันอัน มองส่งเจี่ยนอันอันจากไปกวนซินจูงมือเล็กๆ ของฉู่ตั๋วตั่ว แล้วโดยเข้าไปพักผ่อนในห้องโดยไม่แม้แต่จะมองไปยังคนที่คุกเข่าอยู่กลางลานเรือนรอจนเมื่อเจี่ยนอันอันและชิวเหลียนจากไปแล้ว แม่นมหลี่ก็จะลุกขึ้นมาตบไปยังสือเจี้ยแต่เมื่อนางขยับร่างกาย ก็มองเห็นริมฝีปากของสือเจี้ยเคลื่อนไหวขึ้นไม่รู้ว่าเขากำลังท่อง
ฉู่จวินสิงมองในมือของเจี่ยนอันอันที่มีมีดเล่มเล็กๆ เพิ่มขึ้นมา นางก้มหน้าลง แล้วตั้วใจแกะสลักอักษรลงบนป้ายคำสั่งนั่นอย่างตั้งใจเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันแกะสลักบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย เขาก็หยิบมีดเล่มเล็กๆ ขึ้นมา“ข้าแกะสลักเอง เจ้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว นอนลงพักผ่อนเถอะ”ฉู่จวินสิงพูดออกมา แล้วอาศัยแสงเทียนตั้งใจแกะสลักตัวอักษรขึ้นมาไม่นานนักบนป้ายคำสั่ง ก็มีตัวอักษร ‘เหยียน’ เพิ่มขึ้นมาเจี่ยนอันอันที่เดิมทีที่นอนลงไปแล้ว เมื่อเห็นว่าฉู่จวินสิงสลักตัวอักษรเสร็จแล้ว นางก็รีบลุกขึ้นในตอนที่นางเห็นตัวอักษรที่ฉู่จวินสิงสลักเรียบร้อยแล้ว ช่างดูเหมือนของจริงนั้น นางก็อดที่จะยกนิ้วโป้งให้ฉู่จวินสิงไม่ได้“ทักษะของท่าน หากว่าอยู่ในยุคสมัยปัจจุบันแล้ว ท่านคงจะสามารถไปแกะสลักตราประทับทางการ เพื่อทำใบรับรองปลอมได้เลย”ฉู่จวินสิงไม่รู้ว่าอะไรคือตราประทับทางการปลอม แต่เขาก็ฟังออกว่าเจี่ยนอันอันกำลังชื่นชมว่าทักษะของเขายอดเยี่ยมใบหน้าของเขาไม่ท่าทีใดออกมา แต่ในใจกลับลอบยินดีฉู่จวินสิงเม้มริมฝีปากเล็กน้อย แล้วนำป้ายคำสั่งที่สลักเรียบร้อยแล้วยื่นให้กับเจี่ยนอันอัน“ตอนนี้ป้ายคำสั่งก็สลักเรีย
เขาอยากจะครอบครองเจี่ยนอันอันมานานแล้ว หลายวันมานี้เขาล้วนแต่อดทนเอาไว้เขาไม่อยากทำเรื่องที่เจี่ยนอันอันไม่ยินยอม แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็แต่งงานกันมาหลายวันแล้วที่พวกเขาทั้งสองคนทำมากที่สุด กลับมีเพียงแค่กอดและจูบกันเท่านั้นในฐานะที่เป็นชายหนุ่มทั่วไป ฉู่จวินสิงก็แทบจะทนต่อไปไม่ไหวแล้วเจี่ยนอันอันไม่กล้าจะมองสบตากับฉู่จวินสิงใบหน้าของนางที่เพิ่งจะหันไปอีกด้านหนึ่ง ก็ถูกฉู่จวินสิงบีบคาง แล้วหันกลับมา“เจ้าจนกระทั่งถึงตอนนี้ ยังไม่ชอบข้าอีกหรือ?”ฉู่จวินสิงไม่เข้าใจ ว่าทำไมเจี่ยนอันอันถึงได้ปฏิเสธเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกรงว่าก็คงจะมีเพียงแค่เหตุผลเดียว นั่งก็คือเจี่ยนอันอันไม่ได้ชอบเขาในตอนที่เขาถามออกมานั้น หัวใจของเขาก็เต้นแรงแล้วเขารอคำตอบของเจี่ยนอันอัน กลัวก็แต่จะนางจะพูดออกมาว่า ‘ไม่ชอบเขา’ สามคำนี้เจี่ยนอันอันอ้าปากออก น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นเล็กเบาลงราวกับยุง“ข้าชอบท่าน”เจี่ยนอันอันพูดขึ้น พร้อมเลื่อนสายตามองไปที่อื่นอย่างเขินอายนางกำลังจะพ่ายแพ้ให้กับตนเองแล้วทำไมในเรื่องระหว่างชายหญิง นางถึงได้ไม่มีความกล้ากันชอบก็คือชอบสิ มีอะไรให้ไม่กล้าพูดออกมากันเจี
เจี่ยนอันอันเขินอายเสียจนใบหน้าแดงก่ำ นางอยากจะลงไป ทว่ากลับถูกฉู่จวินสิงกอดแน่นยิ่งขึ้น“เอวของเจ้าเจ็บอยู่ อย่าได้ขยับไป หากว่าตกลงไปข้าจะต้องปวดใจเป็นแน่”คำของฉู่จวินสิง ลอยดังเข้าหูของทุกคนเหล่าสาวใช้ก้มหน้าลงอย่างรู้ทัน เม้มปากลอบยิ้มออกมาฮูหยินใหญ่และฮูหยินรองมองสบตากัน ใบหน้าต่างก็แต้มไปด้วยรอยยิ้มยินดีฉู่จวินสิงเจ้าเด็กคนนี้ ในที่สุดก็ได้เปิดโลกแล้วดูเหมือนว่าความคิดที่อยากจะอุ้มหลานชายของพวกนาง ใกล้จะเป็นจริงแล้วฉู่อันเจ๋อที่นั่งดื่มชาอยู่ในสวน ในตอนที่ได้ยินประโยคนี้นั้น ก็ส่งเสียง “พรืด” ดังขึ้นแล้วพ่นน้ำชาในปากออกมาจนหมดเขากระแอมออกมาสองครั้ง ยิ้มชั่วร้ายแล้วมองไปยังฉู่จวินหลุน“พี่ใหญ่ ท่านว่าพี่รองกับพี่สะใภ้รองของข้าเมื่อคืนนี้ทำอะไรกัน เอวของพี่สะใภ้รองถึงได้เจ็บปวดเสียจนไม่อาจเดินได้?”ฉู่จวินหลุนจ้องมองไปยังฉู่อันเจ๋ออย่างอารมณ์ไม่ดีนัก “เจ้าเด็กนี่ เรื่องที่ไม่ควรถามก็อย่าถาม ดื่มชาของเจ้าไปเถิด”ฉู่อันเจ๋อหันกายไป ปิดปากแล้วลอบหัวเราะ “ฮี่ๆ ๆ” ออกมาอย่าคิดว่าเขายังไม่เคยแต่งงานมาก่อน ทว่าหลายสิบปีมานี้ก็ไม่ใช่ว่าใช้ชีวิตไปเปล่าๆทำไมเขาจะคาดเดาไ
สือเจี้ยเมื่อเห็นเข้า ก็นึกถึงคำสาปหนอนศพ เพื่อใช้มาจัดการกับแม่นมหลี่แต่กลับถูกกวนซินห้ามเอาไว้ นางไม่อยากให้เพียงเพราะอาหารมื้อหนึ่ง จะทำให้แม่นมหลี่น้ำลายฟูมปากอีกครั้ง ดูแล้วช่างน่าอนาถ นางจะทำให้ฉู่ตั๋วตั่วตกใจได้ กวนซินสามารถทนได้ ทว่าฉู่ตั๋วตั่วยังเล็ก ไม่มีทางทนความหิวโหยเช่นนี้ได้ยังไม่ทันได้รอให้กวนซินได้พูดขึ้น ฉู่ตั๋วตั่วก็โพล่งออกมา “ท่านยาย ข้ากับท่านแม่ยังไม่ได้กินข้าว ตอนนี้หิวมากแล้ว” เสียงของฉู่ตั๋วตั่วเพิ่งจบไป ท้องก็ส่งเสียงตอบรับดัง “จ๊อกๆ” ออกมา ฮูหยินใหญ่ชอบฉู่ตั๋วตั๋วเป็นอย่างมาก เด็กคนนี้ปากหวานนัก ถึงแม้ว่านางจะไม่มีสายสัมพันธุ์ทางสายเลือดใดๆ แต่กลับเรียกนางว่าท่านยายทุกคำฮูหยินใหญ่รีบให้เหล่าสาวใช้ ไปยกอาหารมาให้กวนซินและฉู่ตั๋วตั่วกิน ก่อนหน้านั้นกวนซินเป็นชายารองของรัชทายาท กิน สวมใส่ล้วนแต่เป็นของชั้นดีทว่าวันนี้ไม่เหมือนเก่า อย่าพูดถึงว่าจะเป็นอาหารที่เหลือจากผู้อื่นกินเลย ต่อให้จะมอบหมันโถวแห้งๆ ในนาง นางก็ยินยอมจะกินมัน ฉู่ตั๋วตั่วยิ่งไม่ใส่ใจมันนางหิวมาตลอดคืนแล้ว ในตอนนี้เห็นอาหารที่ถูกวางไว้บนโต๊ะ ก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลง
เจี่ยนอันอันไม่รู้จักแม้แต่คนเดียว จึงไม่ได้ใส่ใจนางเก็บสมุนไพรขึ้นมา แล้วพูดกับฉู่ตั๋วตั่ว “ตั๋วตั่วลองดู สมุนไพรนี้เรียกว่ารากมังกรหัก มีพิษ”“หากว่าบาดแผลถูกแปดเปื้อนจากส่วนผสมของสมุนไพรชนิดนี้ พิษจะซึมผ่านเลือดเข้าไปในร่างกาย”ฉู่ตั๋วตั่วจ้องมองไปยังรากมังกรหักในมือของเจี่ยนอันอันโดยไม่หันเหสายตาไปที่ใดนางถามออกมาอย่างประหลาดใจ “ท่านน้า สมุนไพรชนิดนี้มีพิษร้ายแรงมากเพียงใดกัน?”“ส่วนผสมจากสมุนไพรชนิดนี้หากซึมผ่านเข้าไปทางเลือด จะทำให้บาดแผลของผู้คนเกิดอาการเหน็บชาขึ้นมา”เจี่ยนอันอันพูดขึ้นพลางเดินไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว ย่อกายลงไปหยิบสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งขึ้นมา“ตั๋วตั่วลองดู นี่เป็นหญ้าหุยกัง มีพิษเช่นกัน”“หากว่ามันผสมเข้ากับรากมังกรหักแล้ว ก็จะทำให้คนเป็นอัมพาตไปได้ครึ่งกาย”ฉู่ตั๋วตั่วจดจำชื่อและประโยชน์ของสมุนไพรทั้งสองชนิดไว้ในตอนที่ทั้งสองคนกำลังพูดกันอยู่นั้น รถม้าเก่าๆ คันนั้น ก็ขับมาไม่ไกลจากทั้งสองคนมากนักมีคนบนรถม้าส่งเสียงตะโกนดังออกมา “ไม่ทราบว่าที่นี่คือหมู่บ้านชิงสุ่ยใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันหันหน้าไป มองไปทางด้านของรถม้า“ที่นี่คือหมู่บ้านชิงสุ่ย พว
เจี่ยนอันอันให้ฉู่ตั๋วตั่วไปเก็บรากมังกรหักและหญ้าหุยกังเองฉู่ตั๋วตั่วหลักแหลมยิ่งนัก นางจดจำรูปลักษณ์ของสมุนไพรทั้งสองชนิดนี้ได้นานแล้วไม่นานนางก็เก็บรากมังกรหักและหญ้าหุยกังได้จำนวนมากเจี่ยนอันอันพยักหน้าให้ฉู่ตั๋วตั่วอย่างพึงพอใจ“ตั๋วตั่วฉลาดมาก ถึงได้จดจำลักษณะของสมุนไพรทั้งสองชนิดนี้ได้อย่างรวดเร็ว”“ไปเถอะ ป้าจะพาเจ้าไปปรุงยา”เจี่ยนอันอันหยิบยาสมุนไพร แล้วจูงมือเล็กๆ ของฉู่ตั๋วตั่วเดินมุ่งหน้าไปยังเรือนของตนเองทั้งสองคนมาถึงยังที่ไม่ไกลไปจากเรือนมากนัก ก็มองเห็นรถม้าคันเมื่อครู่นี้หยุดอยู่ตรงหน้าประตูเรือนของนางคนอื่นๆ บนรถม้านอกจากหญิงชราและชายหนุ่มที่หมดสติแล้ว ล้วนแต่ลงมาจากรถม้าพวกเขายืนอยู่ตรงหน้าประตูเรือนด้วยใบหน้าลำบากใจข้างๆ พวกเขานั้น ยังมีท่านปู่เฉินหัวหน้าหมู่บ้านยืนอยู่ด้วยท่านปู่เฉินพูดด้วยความลำบากใจ “หมู่บ้านชิงสุ่ยมีบ้านอยู่เพียงแค่ยี่สิบกว่าหลังเท่านั้น ตอนนี้ก็ไม่มีที่ให้พวกท่านพักอาศัยอยู่ได้แล้ว หรือไม่พวกท่านก็ไปหาที่อยู่อาศัยเถิด”เฉียนซื่อที่นั่งอยู่บนรถม้า กระแทกไม้เท้าในมืออย่างแรง“ไม่มีที่ให้อยู่ หรือว่าเจ้าคิดจะให้พวกเราไปนอนเร่
เจี่ยนอันอันยิ้มเล็กน้อย “พี่เฉียว อย่ามัวยืนเฉย รีบลงชื่อก่อนเถิด”“ประเดี๋ยวเมื่อเจ้าเมืองตานมาถึง ยังต้องให้เขาดูด้วย”เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเบามาก จงใจมิให้เฝิงซานกวงกับลูกน้องเขาได้ยินแต่แม่ลูกตระกูลเฉียวและฉู่จวินสิงกลับได้ยินชัดเจนฉู่จวินสิงมุมปากเชิดขึ้น คิดในใจว่าการจะสั่งสอนคนเช่นเฝิงซานกวง ต้องใช้วิธีนี้จึงจะสาสมเฝิงซานกวงได้ยินไม่ชัดว่าเจี่ยนอันอันพูดเรื่องใด แต่มั่นใจว่าคงมิใช่เรื่องดีแน่นอนเฉียวซื่อรับเอากระดาษและพู่กันไป พลางเขียนชื่อตนเองบนกระดาษด้วยลายมือโย้เย้นางกำลังคิดอยู่ว่าต้องกัดนิ้วตนให้ขาดดีหรือไม่ พลันเห็นเจี่ยนอันอันไม่รู้ไปหยิบแป้นประทับตราจากที่ใดออกมาหนึ่งอันเจี่ยนอันอันกล่าวยิ้มๆ “พี่เฉียว การประทับตราของเราไม่ต้องเสียโลหิต”เฉียวซื่อยิ้มตามเช่นกัน พลางกดนิ้วมือลงบนแป้นนั้น แล้วประทับลายนิ้วลงไปบนสัญญาอีกทีเมื่อต่างลงนามในสัญญาฉบับใหม่เรียบร้อย ฉบับเก่าก็นับว่าเป็นโมฆะไปแต่เจี่ยนอันอันกลับไม่คิดฉีกสัญญาฉบับเก่าทิ้งไป นางจะรอให้เจ้าเมืองตานมาถึง และให้เขาดูเงื่อนไขเอาเปรียบที่อยู่ในนั้นนางใช้วิธีเดียวกันนี้ เขียนสัญญาใหม่ขึ้นมาอีกฉบับ
ยามนี้เขารู้สึกเสียใจยิ่ง เมื่อครู่ไม่ควรกล่าวถึงท่านอารองออกมาเร็วถึงเพียงนั้นแต่บัดนี้ลูกน้องไปเชิญท่านอามาแล้ว ถึงตอนนั้นเขาจะทำอย่างไรดี?เมื่อนึกถึงตรงนี้ เฝิงซานกวงรีบกล่าวต่อลูกน้องอีกคน “เจ้าไปบอกให้อู่เฉียงกลับมา”ลูกน้องผู้นั้นรับคำสั่งกำลังจะรีบวิ่งไปแต่เดินได้ไม่ถึงสองก้าว พลันถูกฉู่จวินสิงขวางหน้าไว้ก่อน“ผู้ใดกล้าขยับเขยื้อน ข้าจะให้ผู้นั้นเลือดนองอาบพื้นดินในบัดดล”ลูกน้องผู้นั้นได้แต่หวาดกลัวจนชะงักงัน พร้อมหันไปมองเฝิงซานกวง“ลูกพี่...”เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ไปก็ไม่ได้อยู่ต่อก็มีความผิดเฝิงซานกวงโกรธจนกำหมัดแน่น เสียงขบฟันดังกรอดจนได้ยินชัด“พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”เขาเริ่มรู้แล้วว่า วันนี้ตนน่าจะเจอจิ้งจอกเขี้ยวลากดินเข้าให้แล้วดูท่าหากไม่ต้อนรับขับสู้พวกเขาให้ดี เกรงว่าอีกประเดี๋ยวจะมีจุดจบที่ไม่สู้งามนักเจี่ยนอันอันเห็นว่าเฝิงซานกวงน่าจะอับจนปัญญา จึงเอาสัญญาที่เฉียวซื่อมอบให้นางออกมา“เฝิงซานกวง นี่คือสัญญาที่เจ้าทำไว้กับเฉียวซื่อ ในนี้มีเงื่อนไขข้อหนึ่ง ข้าอาจต้องแก้ไขเล็กน้อย”เฝิงซานกวงกัดฟันกรอดอีกครั้ง บันดาลโทสะเสียจนใบหน้าที่อยู
พวกเขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรญาติที่เป็นขุนนางของลูกพี่เป็นผู้มีอิทธิพลนัก ดูแลทุกอย่างในอำเภอไถหยางก็ว่าได้เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็น “คุยมาตั้งนาน ยังไม่เห็นบอกชื่อว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ข้าว่าคงจะแต่งเรื่องส่งเดชมากกว่า”เฝิงซานกวงถูกเจี่ยนอันอันยุยงอีกครั้ง เดิมทีเขาก็ไม่อยากเอ่ยชื่อเจ้าเมืองออกมาแต่ครั้งนี้เห็นทีไม่พูดก็ไม่ได้เสียแล้ว“ฮึ่ม พูดแล้วพวกเจ้าจะตกใจ ท่านอารองของข้าเป็นเจ้าเมืองแห่งอำเภอไถหยาง”“หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องกิจการในเหมืองของข้า ข้าจะให้ท่านอาส่งคนมาจับพวกเจ้าไปขังคุกเสีย!”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินว่าอารองของเฝิงซานกวงก็คือเจ้าเมืองตานนั่นเอง นางจึงเริ่มมีแผนการในใจ“อ้อ หมายถึงเจ้าเมืองตานผู้นั้นหรอกรึ? ยังนึกว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่ใดเสียอีก”“เชิญไปเรียกตัวมาได้เลย แล้วเรามายันกันซึ่งหน้า ให้รู้ไปว่าเขาจะเข้าข้างเจ้า หรือเห็นด้วยกับเรามากกว่า”เฝิงซานกวงมองดูท่าทีของเจี่ยนอันอัน คล้ายไม่กลัวกระทั่งคนเป็นเจ้าเมือง จึงให้ตกใจซ้ำอีกเขาแอบคิดในใจ หรือว่าท่านอารองจะรู้จักกับคนสองคนนี้?จึงหันไปกระซิบกระซาบต่อลูกน้องข้างกาย “รีบไปเชิญอารองข้ามาเดี๋ยวนี้”
เหล่าคนงานที่เข้าออกเหมืองแร่เห็นเหตุการณ์เข้า ต่างก็ตกใจเป็นอย่างมากเพราะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นลูกน้องของนายจ้างถูกผู้อื่นทำร้ายเช่นนี้แม้แต่ละคนจะมีความตกใจ แต่ลึกๆ กลับรู้สึกสะใจมากกว่าเพราะบริวารของเฝิงซานกวงเหล่านี้ ปกติมักจะใช้กำลังกับพวกเขาบ่อยๆทุกครั้งที่พวกเขาขุดหาแร่ออกมาไม่ได้ปริมาณตามที่ต้องการ ลูกน้องเฝิงซานกวงก็พากันมารุมซ้อมพวกเขาอย่างหนัก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าไปบอกใครบางคนเคยคิดหนีไปจากที่นี่ แต่ครั้งใดที่มีผู้หลบหนี มักถูกจับกลับมาแล้วซ้อมหนักยิ่งกว่าเดิมอีกที่สำคัญพวกเขาแทบจำไม่ได้ว่าตนคือใคร บ้านช่องอยู่ที่ใดจึงได้แต่ใช้แรงกายแลกกับเงินน้อยนิดเพียงสองอีแปะในแต่ละวัน อดทนทำงานอยู่ที่นี่ต่อไปเมื่อชายสองคนถูกทำร้ายเข้า จึงมีลูกน้องเฝิงซานกวงตามออกมาอีกทุกคนเมื่อเห็นว่ามีคนมาก่อเรื่อง จึงกรูกันเข้าหาฉู่จวินสิงทันทีแต่มิต้องรอให้พวกเขามาเข้าใกล้ ฉู่จวินสิงใช้กำลังภายในซัดออกไปก่อนแล้วทุกคนต่างทยอยล้มลง พลางกลิ้งไปมา ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดทันใดนั้นเอง มีเสียงหนึ่งตะคอกดังขึ้น “ผู้ใดกล้าบังอาจมาก่อเรื่องในเหมืองของข้า อยากตายหรืออย่างไร?”ใบ
แต่บัดนี้นางเปิดร้านมาสิบกว่าวัน ขายได้เพียงรูปสัตว์โลหะไม่กี่ตัวเท่านั้นเฉียวซื่อบอกเล่าสิ่งที่พบเจอให้เจี่ยนอันอันฟัง ทำให้นางเกิดความเข้าใจขึ้นทันทีที่แท้เฉียวซื่อถูกเฝิงซานกวงหลอกลวงมาแต่แรกเจี่ยนอันอันเพียงคิดว่าต่อให้นางซื้อของตกแต่งเหล่านี้กลับไป ก็มิได้ใช้ประโยชน์นักจึงนำหนูโลหะตัวเล็กในมือวางกลับที่เดิมเฉียวซื่อเห็นเจี่ยนอันอันทำเช่นเดียวกับลูกค้าอื่นในร้าน เพียงเข้ามาหยิบดูเล็กน้อย จากนั้นจึงวางของตกแต่งลงไว้ที่เดิมดูแล้วคล้ายไม่สู้ถูกใจผลงานที่นางสร้างสรรค์ออกมาเท่าใดนัก พลันเกิดความรู้สึกท้อแท้ นางคงไม่เหมาะจะทำอาชีพนี้จริงๆ กระมังหากตอนนี้สามียังอยู่ก็คงดี นางจะได้ฝึกวิชาการตีเหล็กจากเขาให้ออกมาเป็นงานอื่นบ้างและเมื่อครู่เจี่ยนอันอันรู้จากปากเฉียวซื่อ ว่าเฝิงซานกวงได้เปิดกิจการเหมืองแร่แห่งหนึ่งทุกวันจะมีคนงานไปด้านหลังภูเขาที่อยู่ห่างไกล ขุดเอาแร่เหล็กและหยกออกมา เพื่อนำกลับมาถลุงเป็นเครื่องหยกและของใช้ที่ทำจากเหล็กนางเห็นเฉียวซื่อคล้ายมีอาการท้อใจ จึงกล่าวยิ้มแย้ม “พี่เฉียว ท่านพาข้าไปดูที่เหมืองของเฝิงซานกวงก่อน ข้ามีสิ่งของบางอย่างต้องการจะซื้อ”
เจี่ยนอันอันหยิบมากวาดตาดูก็มองความผิดปกติบนนั้นออกได้ในทันที“เงื่อนไขในนี้เข้มงวดเกินไปแล้ว ถ้าฝ่ายไหนยุติสัญญาจะต้องชดเชยให้อีกฝ่ายเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึง”“เจ้าหมอนี่ช่างกล้าเขียน สัญญานี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเงื่อนไขแบบมัดมือชกกันชัดๆ”“ข้าว่าท่านไม่ร่วมงานกับเขาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้เฉียวซื่อใจหายวูบนางรู้จักตัวหนังสือแค่ไม่กี่ตัว นอกจากเขียนชื่อตัวเองเป็นแล้ว เงื่อนไขในนั้นนางอ่านไม่เข้าใจเลยสักนิดเฝินซานกวงเป็นคนอ่านให้นางฟัง นางรู้สึกว่าเงื่อนไขสมเหตุสมผลมากจึงลงนามในสัญญากับอีกฝ่ายแต่คิดไม่ถึงเลยว่า เฝิงซานกวงจะกล้าเล่นเล่ห์กับนางแบบนี้เดิมนั้นนางอยากยกเลิกสัญญากับอีกฝ่าย แต่กลับได้ยินเฝิงซานกวงพูดว่า ถ้านางกล้าเป็นฝ่ายยกเลิกสัญญาก็จะต้องชดเชยเงินให้เฝิงซานกวงเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึงตอนนั้นเฉียวซื่อตกใจยิ่งนักนางเคยไปถามเถ้าแก่ร้านข้างเคียง ฝ่ายตรงข้ามก็บอกว่าเงื่อนไขนี้เขียนไว้อย่างชัดเจน ต้องจ่ายเงินชดเชยให้อีกฝ่ายหนึ่งแสนตำลึงจริงๆเงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้ นางจะไปหาเงินมากมายขนาดนี้มาจากที่ไหนถึงตอนนี้เฉียวซื่อจึงตระหนักว่
ตอนนี้เขาทำได้เพียงอดทนอดกลั้นต่อความเจ็บปวด ยอมรับการทุบตีจากเฉียวอี้บริเวณรอบๆ มีคนล้อมเข้ามามุงดูจำนวนมาก พวกเขาต่างชี้ไม้ชี้มือมาทางชายผู้นั้น“คนคนนี้แค่เห็นก็รู้แล้วว่าต้องไม่ใช่คนดีแน่ ดูหน้าตาทรงโจรของเขาสิ แปดส่วนคงเป็นเพราะไปหาเรื่องคนอื่นก่อน ถึงได้ถูกเด็กคนนั้นซ้อมเอาแบบนี้”“เมื่อครู่ข้าได้ยินแล้ว เขาไปลงไม้ลงมือกับแม่ของเด็กคนนั้น ข้าว่าตีเขายังน้อยไป ควรแจ้งความมากกว่า”คนมุงบริเวณรอบๆ ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นานาเฉียวอี้ควงหมัดทักทายใบหน้าของชายผู้นั้นหนักกว่าเดิมในไม่ช้า เฉียวอี้ก็ตีจนรู้สึกเจ็บกำปั้น แต่เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจนกระทั่งอัดศีรษะชายผู้นั้นจนบวมเป่งเหมือนหมู เฉียวอี้ถึงได้หยุดมือพร้อมหอบหายใจแม้ว่ากำปั้นของเฉียวอี้จะไม่ใหญ่ แต่ครั้นทุบตีคนก็ร้ายกาจยิ่งนักเห็นใบหน้าชายผู้นั้นเขียวช้ำไปหมด เฉียวอี้ก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากเจี่ยนอันอันกล่าวกับชายผู้นั้นว่า “หากวันหน้าเจ้ายังกล้ามาคุกคามแม่ลูกตระกูลเฉียวอีก ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าสบายแบบนี้แน่ ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”ชายผู้นั้นไม่กล้าพูดมาก ลุกขึ้นมากุมศีรษะแล้วเผ่นหนีไปคนมุงบริเวณรอบๆ เ
เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากัน“พวกเจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้” ฉู่จวินสิงว่าแล้วก็ก้าวยาวๆ ตรงไปทางตรอกน้อยชายผู้นั้นเห็นว่าฉู่จวินสิงตรงมาทางเขาก็หันหลังเตรียมวิ่งหนีแต่เขาวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกถีบเข้าที่เอวเสียแล้วชายผู้นั้นถูกถีบกระเด็นไปไกล คว่ำหน้าอยู่บนพื้นร้องโอดโอยออกมาอย่างทนไม่ไหวฉู่จวินสิงย่างสามขุมตรงเข้าไปหาแล้วหิ้วคอเสื้อของชายผู้นั้นขึ้นมาอย่างไม่ปรานีปราศรัย“ไปกับข้า!”ฉู่จวินสิงกล่าวพลางผลักชายผู้นั้นตรงออกไปนอกตรอกชายผู้นั้นได้ลิ้มรสความร้ายกาจของฉู่จวินสิงแล้วย่อมไม่กล้าวิ่งหนีส่งเดชเขาไม่อยากถูกถีบอีกหรอกนะ จนถึงตอนนี้เอวยังระบมอยู่เลยฉู่จวินสิงผลักชายผู้นั้นมาถึงตรงหน้าเจี่ยนอันอันกับเฉียวอี้แล้วกล่าวเสียงเข้ม “บอกมา ระหว่างเจ้ากับเด็กคนนี้เป็นเรื่องอะไรกันแน่?”ชายผู้นั้นมองเฉียวอี้ แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นแค้น“คุณชายท่านนี้ ข้าไม่รู้จักเขาเสียหน่อย เขาวิ่งออกมาถนนใหญ่เอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าเลยนะ”ขณะที่ชายผู้นั้นพูดก็ถลึงตาใส่เฉียวอี้อย่างดุร้ายเฉียวอี้เห็นฝ่ายตรงข้ามไม่ยอมรับ เขาเงยหน้าขึ้นมาด้วยความโมโห แล้วตวาดใส่ชายผู้นั้นว่า“ท่านโก
เจี่ยนอันอันเห็นว่าฉู่จวินสิงก่อสร้างเป็น นางก็วางใจไปได้มากนางยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ใช่กระโจม แต่เป็นโรงเรือนสำหรับเพาะปลูกแบบหนึ่ง”นางมีความคิดคร่าวๆ ในใจแล้วจึงรีบกลับบ้านไปกับฉู่จวินสิงนางหยิบกระดาษและปากกาออกมาจากในมิติ แล้ววาดภาพร่างบนโต๊ะฉู่จวินสิงนั่งอยู่ข้างๆ ตั้งใจดูภาพร่างโรงเรือนที่เจี่ยนอันอันวาดที่นี่ไม่มีเหล็กเส้น เจี่ยนอันอันยังไม่อยากใช้เงินจำนวนมากไปซื้อจากในร้านค้านางต้องการสร้างโรงเรือนสำหรับคนในหมู่บ้านทุกคน เหล็กเส้นที่ต้องใช้จึงมีไม่น้อยหากใช้เงินไปซื้อมา นั่นไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ เลยนางไม่อยากใช้เงินพวกนั้นในมิติมากเกินไป นางยังรอที่จะสนับสนุนฉู่จวินสิงขึ้นนั่งบัลลังก์ฮ่องเต้หลังจากการทำสงครามกลับเมืองจิงโจวในวันหน้าเมื่อถึงตอนนั้น เงินทองของล้ำค่าเหล่านั้นในมิติก็จะได้นำไปใช้แล้วฮ่องเต้จนกรอบคนหนึ่งที่ไม่สามารถจ่ายเบี้ยหวัดให้เหล่าขุนนางได้ ทั้งยังไม่สามารถทำให้ชาวบ้านอยู่ดีมีสุข กับฮ่องเต้ที่มั่งคั่งร่ำรวยคนหนึ่ง เงินในมือสามารถซื้อเมืองทั้งเมืองได้ชาวบ้านกับเหล่าขุนนางจะเอนเอียงไปทางคนไหนมากกว่า นั่นไม่ต้องพูดก็สามารถรู้ได้แล้วในไม่ช้า เจี่ยน