สือเจี้ยจดจำคำสาปหนอนศพได้แล้ว หากว่าแม่นมหลี่กล้าลงมือกับเขา เขาก็จะท่องคำสาปหนอนศพมาจัดการกับนางส่วนเตียวเฉียงนั้น เจี่ยนอันอันก็พูดแล้วว่า หากว่าเขาลงมือ พิษของเขาก็เริ่มออกฤทธิ์ฉะนั้นตอนนี้เขาไม่กลัวทั้งสองคนนี้แม้แต่น้อยสือเจี้ยจ้องมองไปยังแม่นมหลี่และเตียวเฉียง ก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง “พวกเจ้ายังไม่รีบคุกเข่าลงแต่โดยดีอีก หรือว่าจะให้พิษมันกำเริบออกมาอย่างนั้นหรือ!”แม่นมหลี่และเตียวเฉียงกัดฟัน พวกเขาพบว่าเจี่ยนอันอันในตอนนี้ ลงมือด้วยไม่ง่ายนักรอจนเมื่อเจี่ยนอันอันจากไปแล้ว ดูสิว่าเขาจะจัดการกับสือเจี้ยอย่างไรทั้งสองคนส่งเสียงฮึดฮัดออกมา ถึงได้คุกเข่าลงไปเจี่ยนอันอันตบไหล่ของสือเจี้ยอย่างพึงพอใจ “ที่นี่ก็มอบให้เจ้าแล้ว”สือเจี้ยประสานมือคำนับเจี่ยนอันอัน มองส่งเจี่ยนอันอันจากไปกวนซินจูงมือเล็กๆ ของฉู่ตั๋วตั่ว แล้วโดยเข้าไปพักผ่อนในห้องโดยไม่แม้แต่จะมองไปยังคนที่คุกเข่าอยู่กลางลานเรือนรอจนเมื่อเจี่ยนอันอันและชิวเหลียนจากไปแล้ว แม่นมหลี่ก็จะลุกขึ้นมาตบไปยังสือเจี้ยแต่เมื่อนางขยับร่างกาย ก็มองเห็นริมฝีปากของสือเจี้ยเคลื่อนไหวขึ้นไม่รู้ว่าเขากำลังท่อง
ฉู่จวินสิงมองในมือของเจี่ยนอันอันที่มีมีดเล่มเล็กๆ เพิ่มขึ้นมา นางก้มหน้าลง แล้วตั้วใจแกะสลักอักษรลงบนป้ายคำสั่งนั่นอย่างตั้งใจเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันแกะสลักบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย เขาก็หยิบมีดเล่มเล็กๆ ขึ้นมา“ข้าแกะสลักเอง เจ้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว นอนลงพักผ่อนเถอะ”ฉู่จวินสิงพูดออกมา แล้วอาศัยแสงเทียนตั้งใจแกะสลักตัวอักษรขึ้นมาไม่นานนักบนป้ายคำสั่ง ก็มีตัวอักษร ‘เหยียน’ เพิ่มขึ้นมาเจี่ยนอันอันที่เดิมทีที่นอนลงไปแล้ว เมื่อเห็นว่าฉู่จวินสิงสลักตัวอักษรเสร็จแล้ว นางก็รีบลุกขึ้นในตอนที่นางเห็นตัวอักษรที่ฉู่จวินสิงสลักเรียบร้อยแล้ว ช่างดูเหมือนของจริงนั้น นางก็อดที่จะยกนิ้วโป้งให้ฉู่จวินสิงไม่ได้“ทักษะของท่าน หากว่าอยู่ในยุคสมัยปัจจุบันแล้ว ท่านคงจะสามารถไปแกะสลักตราประทับทางการ เพื่อทำใบรับรองปลอมได้เลย”ฉู่จวินสิงไม่รู้ว่าอะไรคือตราประทับทางการปลอม แต่เขาก็ฟังออกว่าเจี่ยนอันอันกำลังชื่นชมว่าทักษะของเขายอดเยี่ยมใบหน้าของเขาไม่ท่าทีใดออกมา แต่ในใจกลับลอบยินดีฉู่จวินสิงเม้มริมฝีปากเล็กน้อย แล้วนำป้ายคำสั่งที่สลักเรียบร้อยแล้วยื่นให้กับเจี่ยนอันอัน“ตอนนี้ป้ายคำสั่งก็สลักเรีย
เขาอยากจะครอบครองเจี่ยนอันอันมานานแล้ว หลายวันมานี้เขาล้วนแต่อดทนเอาไว้เขาไม่อยากทำเรื่องที่เจี่ยนอันอันไม่ยินยอม แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็แต่งงานกันมาหลายวันแล้วที่พวกเขาทั้งสองคนทำมากที่สุด กลับมีเพียงแค่กอดและจูบกันเท่านั้นในฐานะที่เป็นชายหนุ่มทั่วไป ฉู่จวินสิงก็แทบจะทนต่อไปไม่ไหวแล้วเจี่ยนอันอันไม่กล้าจะมองสบตากับฉู่จวินสิงใบหน้าของนางที่เพิ่งจะหันไปอีกด้านหนึ่ง ก็ถูกฉู่จวินสิงบีบคาง แล้วหันกลับมา“เจ้าจนกระทั่งถึงตอนนี้ ยังไม่ชอบข้าอีกหรือ?”ฉู่จวินสิงไม่เข้าใจ ว่าทำไมเจี่ยนอันอันถึงได้ปฏิเสธเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกรงว่าก็คงจะมีเพียงแค่เหตุผลเดียว นั่งก็คือเจี่ยนอันอันไม่ได้ชอบเขาในตอนที่เขาถามออกมานั้น หัวใจของเขาก็เต้นแรงแล้วเขารอคำตอบของเจี่ยนอันอัน กลัวก็แต่จะนางจะพูดออกมาว่า ‘ไม่ชอบเขา’ สามคำนี้เจี่ยนอันอันอ้าปากออก น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นเล็กเบาลงราวกับยุง“ข้าชอบท่าน”เจี่ยนอันอันพูดขึ้น พร้อมเลื่อนสายตามองไปที่อื่นอย่างเขินอายนางกำลังจะพ่ายแพ้ให้กับตนเองแล้วทำไมในเรื่องระหว่างชายหญิง นางถึงได้ไม่มีความกล้ากันชอบก็คือชอบสิ มีอะไรให้ไม่กล้าพูดออกมากันเจี
เจี่ยนอันอันเขินอายเสียจนใบหน้าแดงก่ำ นางอยากจะลงไป ทว่ากลับถูกฉู่จวินสิงกอดแน่นยิ่งขึ้น“เอวของเจ้าเจ็บอยู่ อย่าได้ขยับไป หากว่าตกลงไปข้าจะต้องปวดใจเป็นแน่”คำของฉู่จวินสิง ลอยดังเข้าหูของทุกคนเหล่าสาวใช้ก้มหน้าลงอย่างรู้ทัน เม้มปากลอบยิ้มออกมาฮูหยินใหญ่และฮูหยินรองมองสบตากัน ใบหน้าต่างก็แต้มไปด้วยรอยยิ้มยินดีฉู่จวินสิงเจ้าเด็กคนนี้ ในที่สุดก็ได้เปิดโลกแล้วดูเหมือนว่าความคิดที่อยากจะอุ้มหลานชายของพวกนาง ใกล้จะเป็นจริงแล้วฉู่อันเจ๋อที่นั่งดื่มชาอยู่ในสวน ในตอนที่ได้ยินประโยคนี้นั้น ก็ส่งเสียง “พรืด” ดังขึ้นแล้วพ่นน้ำชาในปากออกมาจนหมดเขากระแอมออกมาสองครั้ง ยิ้มชั่วร้ายแล้วมองไปยังฉู่จวินหลุน“พี่ใหญ่ ท่านว่าพี่รองกับพี่สะใภ้รองของข้าเมื่อคืนนี้ทำอะไรกัน เอวของพี่สะใภ้รองถึงได้เจ็บปวดเสียจนไม่อาจเดินได้?”ฉู่จวินหลุนจ้องมองไปยังฉู่อันเจ๋ออย่างอารมณ์ไม่ดีนัก “เจ้าเด็กนี่ เรื่องที่ไม่ควรถามก็อย่าถาม ดื่มชาของเจ้าไปเถิด”ฉู่อันเจ๋อหันกายไป ปิดปากแล้วลอบหัวเราะ “ฮี่ๆ ๆ” ออกมาอย่าคิดว่าเขายังไม่เคยแต่งงานมาก่อน ทว่าหลายสิบปีมานี้ก็ไม่ใช่ว่าใช้ชีวิตไปเปล่าๆทำไมเขาจะคาดเดาไ
สือเจี้ยเมื่อเห็นเข้า ก็นึกถึงคำสาปหนอนศพ เพื่อใช้มาจัดการกับแม่นมหลี่แต่กลับถูกกวนซินห้ามเอาไว้ นางไม่อยากให้เพียงเพราะอาหารมื้อหนึ่ง จะทำให้แม่นมหลี่น้ำลายฟูมปากอีกครั้ง ดูแล้วช่างน่าอนาถ นางจะทำให้ฉู่ตั๋วตั่วตกใจได้ กวนซินสามารถทนได้ ทว่าฉู่ตั๋วตั่วยังเล็ก ไม่มีทางทนความหิวโหยเช่นนี้ได้ยังไม่ทันได้รอให้กวนซินได้พูดขึ้น ฉู่ตั๋วตั่วก็โพล่งออกมา “ท่านยาย ข้ากับท่านแม่ยังไม่ได้กินข้าว ตอนนี้หิวมากแล้ว” เสียงของฉู่ตั๋วตั่วเพิ่งจบไป ท้องก็ส่งเสียงตอบรับดัง “จ๊อกๆ” ออกมา ฮูหยินใหญ่ชอบฉู่ตั๋วตั๋วเป็นอย่างมาก เด็กคนนี้ปากหวานนัก ถึงแม้ว่านางจะไม่มีสายสัมพันธุ์ทางสายเลือดใดๆ แต่กลับเรียกนางว่าท่านยายทุกคำฮูหยินใหญ่รีบให้เหล่าสาวใช้ ไปยกอาหารมาให้กวนซินและฉู่ตั๋วตั่วกิน ก่อนหน้านั้นกวนซินเป็นชายารองของรัชทายาท กิน สวมใส่ล้วนแต่เป็นของชั้นดีทว่าวันนี้ไม่เหมือนเก่า อย่าพูดถึงว่าจะเป็นอาหารที่เหลือจากผู้อื่นกินเลย ต่อให้จะมอบหมันโถวแห้งๆ ในนาง นางก็ยินยอมจะกินมัน ฉู่ตั๋วตั่วยิ่งไม่ใส่ใจมันนางหิวมาตลอดคืนแล้ว ในตอนนี้เห็นอาหารที่ถูกวางไว้บนโต๊ะ ก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลง
เจี่ยนอันอันไม่รู้จักแม้แต่คนเดียว จึงไม่ได้ใส่ใจนางเก็บสมุนไพรขึ้นมา แล้วพูดกับฉู่ตั๋วตั่ว “ตั๋วตั่วลองดู สมุนไพรนี้เรียกว่ารากมังกรหัก มีพิษ”“หากว่าบาดแผลถูกแปดเปื้อนจากส่วนผสมของสมุนไพรชนิดนี้ พิษจะซึมผ่านเลือดเข้าไปในร่างกาย”ฉู่ตั๋วตั่วจ้องมองไปยังรากมังกรหักในมือของเจี่ยนอันอันโดยไม่หันเหสายตาไปที่ใดนางถามออกมาอย่างประหลาดใจ “ท่านน้า สมุนไพรชนิดนี้มีพิษร้ายแรงมากเพียงใดกัน?”“ส่วนผสมจากสมุนไพรชนิดนี้หากซึมผ่านเข้าไปทางเลือด จะทำให้บาดแผลของผู้คนเกิดอาการเหน็บชาขึ้นมา”เจี่ยนอันอันพูดขึ้นพลางเดินไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว ย่อกายลงไปหยิบสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งขึ้นมา“ตั๋วตั่วลองดู นี่เป็นหญ้าหุยกัง มีพิษเช่นกัน”“หากว่ามันผสมเข้ากับรากมังกรหักแล้ว ก็จะทำให้คนเป็นอัมพาตไปได้ครึ่งกาย”ฉู่ตั๋วตั่วจดจำชื่อและประโยชน์ของสมุนไพรทั้งสองชนิดไว้ในตอนที่ทั้งสองคนกำลังพูดกันอยู่นั้น รถม้าเก่าๆ คันนั้น ก็ขับมาไม่ไกลจากทั้งสองคนมากนักมีคนบนรถม้าส่งเสียงตะโกนดังออกมา “ไม่ทราบว่าที่นี่คือหมู่บ้านชิงสุ่ยใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันหันหน้าไป มองไปทางด้านของรถม้า“ที่นี่คือหมู่บ้านชิงสุ่ย พว
เจี่ยนอันอันให้ฉู่ตั๋วตั่วไปเก็บรากมังกรหักและหญ้าหุยกังเองฉู่ตั๋วตั่วหลักแหลมยิ่งนัก นางจดจำรูปลักษณ์ของสมุนไพรทั้งสองชนิดนี้ได้นานแล้วไม่นานนางก็เก็บรากมังกรหักและหญ้าหุยกังได้จำนวนมากเจี่ยนอันอันพยักหน้าให้ฉู่ตั๋วตั่วอย่างพึงพอใจ“ตั๋วตั่วฉลาดมาก ถึงได้จดจำลักษณะของสมุนไพรทั้งสองชนิดนี้ได้อย่างรวดเร็ว”“ไปเถอะ ป้าจะพาเจ้าไปปรุงยา”เจี่ยนอันอันหยิบยาสมุนไพร แล้วจูงมือเล็กๆ ของฉู่ตั๋วตั่วเดินมุ่งหน้าไปยังเรือนของตนเองทั้งสองคนมาถึงยังที่ไม่ไกลไปจากเรือนมากนัก ก็มองเห็นรถม้าคันเมื่อครู่นี้หยุดอยู่ตรงหน้าประตูเรือนของนางคนอื่นๆ บนรถม้านอกจากหญิงชราและชายหนุ่มที่หมดสติแล้ว ล้วนแต่ลงมาจากรถม้าพวกเขายืนอยู่ตรงหน้าประตูเรือนด้วยใบหน้าลำบากใจข้างๆ พวกเขานั้น ยังมีท่านปู่เฉินหัวหน้าหมู่บ้านยืนอยู่ด้วยท่านปู่เฉินพูดด้วยความลำบากใจ “หมู่บ้านชิงสุ่ยมีบ้านอยู่เพียงแค่ยี่สิบกว่าหลังเท่านั้น ตอนนี้ก็ไม่มีที่ให้พวกท่านพักอาศัยอยู่ได้แล้ว หรือไม่พวกท่านก็ไปหาที่อยู่อาศัยเถิด”เฉียนซื่อที่นั่งอยู่บนรถม้า กระแทกไม้เท้าในมืออย่างแรง“ไม่มีที่ให้อยู่ หรือว่าเจ้าคิดจะให้พวกเราไปนอนเร่
เฉียนซื่อส่งเสียงเย้ยหยันน่ากลัวออกมา ในดวงตาฉายแววชั่วร้ายวาบผ่าน“อาศัยที่ข้าเป็นย่ารองของท่านแม่ทัพ ข้าบอกว่าจะอาศัยที่นี่ก็ต้องอาศัยที่นี่”“ไม่ต้องพูดจาไร้สาระให้มาก รีบให้คนในครอบครัวของพวกเจ้าย้ายออกไปให้หมด ข้าจะเข้าอาศัย”เมื่อฉู่จวินสิงได้ยินว่าอีกฝ่ายคือย่าของแม่ทัพ เขาก็รีบเลื่อนสายตามองไปยังชายหนุ่มที่ยังคงสลบอยู่บนรถม้าคนนั้นใบหน้าของคนผู้นั้นเต็มไปเลือด เสื้อผ้าหยาบกระด้างเองก็เปื้อนเลือดแดงฉานฉู่จวินสิงจำคนผู้นั้นได้ ก็คือแม่ทัพเสิ่นจือเจิ้งของเมืองซินเหอเขาไม่คิดเลยว่า เสิ่นจือเจิ้งเองก็จะถูกเนรเทศมายังเมืองอินเป่ยเช่นกันดูเหมือนว่าฉู่ชางเหยียนคงคิดที่จะกำจัดคนของฮ่องเต้พระองค์ก่อนให้หมด เพื่อที่จะขยายอำนาจใหม่ของเขาได้และในตอนที่ฉู่จวินสิงกำลังจะพูดขึ้นนั้น จู่ๆ เสียงของเจี่ยนอันอันก็ดังขึ้น“ข้าจะว่าใครกันที่กล้าเข้ามายึดครองเรือนข้า ข้าจะถลกหนังของคนนั้นเสีย!”เจี่ยนอันอันดึงมือของฉู่ตั๋วตั่ว เดินก้าวใหญ่เข้ามายังประตูเรือนนางให้ฉู่ตั๋วตั่วกลับไปรอด้านในเรือน ใช้สายตาเย็นชากรุ่นโกรธมองไปยังหญิงชราบนรถม้าเฉียนซื่อเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือหญิงชาวบ้านที
เสียงของเจี่ยนอันอันดังขึ้นจากด้านหลัง “บอกให้พวกเขาถอยออกไป หาไม่ข้าจะให้พวกท่านตายทั้งบ้าน!”เจ้าเมืองข่งรู้ดีว่าสองคนนี้วรยุทธ์ไม่เบา จึงไม่กล้าทำการบุ่มบ่าม ได้แต่รีบโบกมือให้เหล่าทหารจนแม้แต่สะใภ้รองที่อยู่บนเตียง ก็ตกใจกับคำพูดเจี่ยนอันอันเสียจนต้องรีบหยุดร้องไห้โดยพลันรอให้ทหารออกไปหมดแล้ว เจ้าเมืองข่งจึงได้ถามเสียงสั่น “พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”“ที่เรามานี่ ย่อมได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ ให้สืบเรื่องราวการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อน”เจ้าเมืองข่งได้ยินคำพูดของฉู่จวินสิง พลันขมวดคิ้วมุ่น สองตาจ้องเขม็งไปที่เขาเพียงไม่นานเจ้าเมืองข่งก็สังเกตจากบุคลิกและการแต่งกายของฉู่จวินสิง ดูออกว่าอีกฝ่ายเป็นชาวจิงโจวจริงๆแต่จะบอกว่ารับพระบัญชามาจากฮ่องเต้ ก็ออกจะฟังไม่ขึ้นไปเสียหน่อย“พวกเจ้ามีสิ่งใดมายืนยันว่ารับพระบัญชามาสืบสวนข้าจริง?”ซ้ำยังเป็นเรื่องเมื่อสามปีที่แล้วฮ่องเต้ทรงมีราชกิจมากมาย จู่ๆ จะทรงนึกได้อย่างไรว่าต้องสืบสวนเรื่องการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อนไม่แน่ว่าสองคนนี้ อาจเป็นผู้ใดส่งมาแก้แค้นเขาก็ได้เพราะเขาเคยรับผลประโยชน์จากผู้อื่นมาไม่น้อย อีกทั้งให้ผู้ที่สอบตก
แม้แต่บุตรชายโง่งมของเขาก็ยังไม่กลับบ้านมาแต่เสียงนี้กลับได้ยินแจ่มชัด จนเขามั่นใจว่าในห้องยังมีผู้อื่นอยู่อีกพลันรีบลุกขึ้นยืน มองไปยังห้องว่างเปล่าแล้วตะคอกเสียงดัง “เป็นผู้ใดกัน รีบออกมาเดี๋ยวนี้!”ถึงขั้นนี้แลว ทั้งเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงจึงไม่คิดหลบซ่อนตัวอีกทั้งคู่จึงปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเจ้าเมืองข่งการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของคนทั้งคู่ ยิ่งทำให้เจ้าเมืองข่งตกใจเสียจนนั่งทับลงบนร่างสะใภ้รองโดยไม่รู้ตัวส่วนทางสะใภ้รองจู่ๆ ถูกคนมานั่งทับ ก็ทำเอานางเจ็บจนร้องโอย พลันรีบลืมตาขึ้นเจ้าเมืองข่งเพิ่งรู้ตัวว่าตนได้นั่งทับร่างสะใภ้รองอยู่ จึงรีบกระโดดผึงขึ้นมาในบัดดลเขาชี้หน้าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง พลางกล่าวตวาด “พวกเจ้าเป็นใครกัน ไฉนมาอยู่ในบ้านข้าได้?”เจี่ยนอันอันยิ้มหยันขณะมองหน้าเจ้าเมืองข่ง นางไม่ได้พูดจา แต่ในมือถือเข็มเงินเล่มหนึ่งอยู่นานแล้วนางดีดนิ้วหนึ่งที เข็มเงินรีบพุ่งไปยังเด็กชายที่นอนอยู่บนเตียงเข็มนั้นไปปักที่ศีรษะของเด็กชาย พลันได้ยินเสียงเด็กร้อง “อึ่ก” แล้วกระอักโลหิตสดออกมาคำหนึ่งเจ้าเมืองข่งรีบหันไปดูด้วยความตกใจ จึงเห็นบนศีรษะของหลานตัวน้อย มี
เจ้าเมืองข่งลุกพรวดขึ้น เขารีบประสานมือให้กับบรรดาพ่อค้า “ขออภัยด้วยทุกท่าน ที่บ้านข้ามีธุระ ต้องรีบไปจัดการ”“ขอให้ทุกท่านกลับไปก่อน รอให้ถึงเวลาสอบจอหงวนในอีกหนึ่งปี ข้าจะช่วยให้ลูกๆ ของพวกเจ้าสอบผ่านโดยราบรื่น”เจ้าเมืองข่งว่าจบก็ให้พ่อบ้านส่งแขกส่วนตัวเขารีบเดินไปทางห้องนอนของหลานชายเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากันก่อนจะตามไปทันทีหลังจากที่ทั้งสองคนเดินตามเจ้าเมืองข่งอยู่นานมาก พวกเขาก็มาถึงหน้าห้องนอนในที่สุดเจ้าเมืองข่งรีบเดินเข้าไป เห็นลูกชายคนรองยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่หน้าเตียงหลานชายวัยหกขวบที่อยู่บนเตียงกำลังกลอกตา ปากพ่นฟองขาวฟอด ร่างกายชักเกร็งส่วนลูกสะใภ้รองของเขากำลังนอนหมดสติอยู่บนพื้นลูกชายคนรองยืนซื่ออยู่หน้าเตียงไม่ต่างจากท่อนไม้ แน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน“ปัดโธ่ เจ้าลูกโง่ เจ้ามาทำอะไรที่นี่”เจ้าเมืองข่งตบเข่าฉาดด้วยความร้อนอกร้อนใจเมื่อเห็นลูกชายคนรองเขาสั่งให้บ่าวรับใช้เขามาลากนายน้อยรองออกไปทันทีในตอนนี้เอง จู่ๆ คุณชายรองก็ปรบมือร้องอย่างมีความสุข“สนุกมาก คนหนึ่งแกล้งชัก ส่วนอีกคนจะแกล้งตาย ข้าเองก็อยากเล่นกับพวกเจ้าด้วย”คุณชายรองว่าจบก็ไปนอนทับ
บัดนี้ลูกของพวกเขาต่างสอบได้ตำแหน่งซิ่วไฉขอเพียงต่อไปมอบสมบัติให้เจ้าเมืองข่งมากขึ้น วันหน้าก็จะสอบได้ตำแหน่งที่ดียิ่งกว่านี้เจี่ยนอันอันมองเห็นว่าเจ้าเมืองข่งมีใบหน้าเหลี่ยม ความละโมบแผ่ออกมาทางดวงตาเรียวเล็กเป็นระยะๆนางลอบถากถางในใจว่า “หน้าตาของเจ้าเมืองผู้นี้สะท้อนให้เห็นถึงตัวจริงๆ”พ่อค้าคนหนึ่งพูดว่า “ใต้เท้าข่ง ไม่ทราบว่าหลานชายของท่านป่วยเป็นอะไรกันแน่หรือ?”เจ้าเมืองข่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งในตำแหน่งประธานเขาส่งสัญญาณให้ทุกคนนั่งลงได้ มีสาวใช้ยกน้ำชาเข้ามาให้ทุกคน“เดิมทีแล้วหลานชายของข้าก็ร่าเริงแจ่มใสดี แต่ไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไร ช่วงนี้ล้มป่วยอยู่ตลอด ตอนนี้แค่จะพูดยังยากเลย”เจ้าเมืองข่งขมวดคิ้วแน่นด้วยความกลัดกลุ้มเมื่อพูดถึงตรงนี้“ไม่มีหมอที่จะรักษาได้หรือ?” พ่อค้าอีกคนเอ่ยถามเจ้าเมืองข่งถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง เขาส่ายหน้าว่า “ข้าตามหมอมาทั่วเมืองหลี่จงแล้ว แต่ไม่มีคนใดที่จะรักษาได้”พ่อค้าที่นำผนึกหัวใจพระพุทธมาให้ฟังถึงตรงนี้ก็หยิบมันออกมาจากอกเสื้อทันทีผนึกหัวใจพระพุทธถูกแสงส่องกระทบเป็นสีรุ้งระยิบระยับเขาลุกขึ้นประสานมือพูดกับเจ้าเ
ทั้งสองคนลงจากหลังม้า นำม้าไปผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่ แต่ในจังหวะที่กำลังจะไปจวนเป่าเซวียน พวกเขาก็เห็นรถม้าหลายคันทยอยกันมาหยุดจอดหน้าจวนเป่าเซวียนผู้คนที่ลงมาจากรถม้าล้วนแล้วแต่แต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหราดูจากการแต่งกายของพวกเขาแล้วน่าจะไม่ใช้ข้าราชการ ดูคล้ายพ่อค้ามากกว่าไม่รู้เหมือนกันว่าที่จวนเจ้าเมืองกำลังมีงานอะไร ถึงได้มีคนมาเยอะขนาดนี้คนเหล่านั้นเดินไปที่ประตูแล้วนำเทียบเชิญออกมาจากอกเสื้อพ่อบ้านยิ้มกว้างทันทีที่เห็นเทียบเชิญเขาประสานมือพูดว่า “รีบเชิญด้านใน ใต้เท้ารออยู่นานแล้ว”พ่อค้าเหล่านั้นประสานมือตอบก่อนจะสืบเท้าเข้าไปดูเหมือนว่า หากพวกเจี่ยนอันอันจะเข้าไปในจวนเป่าเซวียนก็จำเป็นต้องมีเทียบเชิญเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากัน ทั้งสองท่องในใจทันทีว่าล่องหนครานี้ก็จะไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นหรือมองเห็นพวกเขาแล้ว เลือนหายไปในอากาศภายในเสี้ยวพริบตาทั้งสองเดินวางมาดกรีดกรายเข้าไปต่อหน้าต่อตาพ่อบ้านจังหวะที่ทั้งสองคนเดินผ่านพ่อบ้าน พ่อบ้านก็ได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างนั่นเป็นกลิ่นที่มีเพียงสตรีเท่านั้นที่จะแผ่ออกมาได้เขามองรอบทิศ นอกจากพ่อค้าไม่กี่คนที่เพิ่งเข้าไปแ
“พวกข้ากินมาแล้ว เจ้าเฝ้าศพต่อเถิด”เจี่ยนอันอันพยักหน้ายิ้มให้หม่าจั๋วหม่าจั๋วขานรับแล้วนั่งคุกเข่าอีกครั้งเจี่ยนอันอันนำอาหารที่พกมาด้วยออกมาจากห้วงมิติเคราะห์ดีที่อาหารพวกนี้ถูกเก็บไว้ในห้วงมิติ ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียเมื่อครู่นี้นางได้ยืมใช้ห้องครัวของบ้านพ่อแม่หม่าจั๋วในการอุ่นอาหารนางกับฉู่จวินสิงทำความเคารพให้ร่างทั้งสองที่อยู่ในโลงศพ “รบกวนแล้ว”จากนั้นนั่งลงข้างหม่าจั๋วฉู่จวินสิงพูดกับหม่าจั๋ว “เจ้ากินข้าวก่อน ประเดี๋ยวข้ามีเรื่องจะคุยด้วย”หม่าจั๋วมองอาหารเบื้องหน้าด้วยสีหน้างุนงง คิดในใจว่าอาหารพวกนี้มาจากที่ใด?เขาไม่เห็นว่าเจี่ยนอันอันจะถือกล่องอาหารมาด้วยแต่อย่างใด ทว่าอาหารพวกนี้กลับโผล่ออกมาจากอากาศฉู่จวินสิงเห็นหม่าจั๋วมองอาหารบนพื้นด้วยความงุนงงก็แต่งเรื่องโกหกว่าบอกว่าเขามอบถุงเฉียนคุนที่สามารถเก็บทุกอย่างให้เจี่ยนอันอัน และอาหารพวกนี้ก็ถูกเก็บในถุงเฉียนคุนหม่าจั๋วเข้าใจโดยพลัน คิดในใจว่ามิน่าเล่า ท่านอ๋องกับพระชายาถึงได้บอกว่ากินอาหารมาแล้วเขาไม่ได้ปฏิเสธอีกต่อไป หยิบชามกับตะเกียบขึ้นมาทานอาหารเขาทานอาหารเสร็จอย่างรวดเร็ว เจี่ยนอันอันเก็บกล่อง
เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงขมวดคิ้วแน่นก็รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรเจี่ยนอันอันถาม “บุตรชายของท่านถูกเจ้าหน้าที่คนใดทำร้าย?”หวังโหย่วเหอตอบโดยพลัน “บุตรชายของข้าถูกเจ้าหน้าที่เมืองหลี่จงทำร้าย ที่นั่นเป็นสถานที่จัดสอบจอหงวน”“เจ้าหน้าที่ที่นั่นไม่ฟังคำอธิบายของบุตรชายข้า ยืนกรานว่าเขาเป็นผู้ที่มาแอบอ้างคนอื่น”หวังโหย่วเหอกัดฟันพูดต่อเมื่อเล่าถึงตรงนี้ “ข้าได้ยินบุตรชายเล่าว่า ผู้ที่มาแทนที่เขาวางตัวเย่อหยิ่งอวดดีมาก ซ้ำยังบอกว่าบิดาของตนของเจ้าหน้าที่ทางการของที่ใดสักที่”“เจ้าหน้าที่ทางการพวกนั้นไม่กล้าทำอะไรเขา ทำยังลืมตาข้างหนึ่ง หลับตาข้างหนึ่งต่อเรื่องที่เขาโกงการสอบ”หวังโหย่วเหอเล่าถึงตรงนี้ก็โกรธจนตัวสั่นเทิ้มเขาโกรธที่ตัวเองไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทางการ ทำให้บุตรชายต้องมีจุดจบที่น่าเวทนาเช่นนี้ เจี่ยนอันอันไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนจะพูดกับหวังโหย่วเหอ “ท่านกลับบ้านไปก่อน ขอเวลาพวกข้าคิดหาวิธีรับมือสักพัก”หวังโหย่วเหอเช็ดน้ำตาบนใบหน้า เขาโค้งคำนับให้ทั้งสองก่อนจะหันตัวเดินจากไปฉู่จวินสิงปิดประตูลงแล้วกลับไปนั่งที่เก้าอี้หินเขากำหมัดแน่น ไอเย็นแผ่ซ่านออกมารอบกายเป้าหมายของก
สีหน้าของฉู่จวินสิงยังคงเย็นชา ไม่ได้ลดความระแวดระวังลงเพราะอีกฝ่ายเป็นชาวบ้านที่นี่แต่อย่างใด“เจ้ามีธุระอะไรกับข้า?”บุรุษผู้นี้เห็นว่าฉู่จวินสิงคือเยียนอ๋องจริงๆ ก็ทิ้งตัวคุกเข่ากับพื้นโดยพลันเขาชูกระดาษในมือขึ้นเหนือศีรษะ ปากร้องว่า “ขอให้เยียนอ๋องช่วยล้างแค้นให้กับลูกชายข้าด้วยเถิด!”บุรุษผู้นี้พูดจบแล้วมีน้ำตาสองสายไหลออกมาฉู่จวินกับและเจี่ยนอันอันต่างก็ตกใจกับการกระทำของบุรุษผู้นี้ นี่เขากำลังทำอะไร?ฉู่จวินสิงรับกระดาษมากางออก ในนั้นเขียนไว้ว่า‘บุตรของข้าหวังหวยซู เดิมแล้วสอบได้ตำแหน่งจอหงวน แต่กลับถูกสวมรอยหลังจากที่หวังหวยซูทราบเรื่องก็ได้ไปต่อว่าคนที่สวมรอยทว่ากลับถูกเจ้าหน้าที่ทางการมองว่าเขาอยากได้ตำแหน่งจ้วงหยวนมากจนมาแอบอ้างตำแหน่งของคนอื่นหวังหวยซูถูกเจ้าหน้าที่ทางการทำร้ายบาดเจ็บสาหัสสุดท้ายก็สอบไม่ผ่าน หลังจากที่ถูกคนในหมู่บ้านพาตัวกลับมาก็เศร้าหมองทุกข์ระทมเขารับความจริงเรื่องนี้ไม่ไหว กระโดดน้ำจบชีวิตในท้ายที่สุดขอให้ใต้เท้าช่วยคืนความเป็นธรรม กลับคำพิพากษา จับกุมคนร้าย คืนเกียรติยศให้กับหวังหวยซู’บริเวณท้ายกระดาษมีชื่อกับรอยประทับฝ่ามือของชา
เพื่อความปลอดภัยของแคว้นไท่ยวนแล้ว ท่านอ๋องฝ่าอันตรายเสี่ยงชีวิตสังหารศัตรูในสนามรบแต่แล้วเมื่อกลับถึงเมืองหลวงจิงโจวกลับถูกยึดทรัพย์และเนรเทศตอนนี้หม่าลู่ผู้เป็นพี่ชายของเขาก็กำลังถูกทหารไล่สังหาร นี่ยิ่งทำให้หม่าจั๋วขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถูกความโกรธแค้น อยากจะสังหารฮ่องเต้สุนัขให้รู้แล้วรู้รอดบัดนี้เขาเหลือหม่าลู่เป็นครอบครัวเพียงคนเดียว มันทำให้เขาอยากรีบตามหาหม่าลู่ให้พบอยากตามเยียนอ๋องกลับไปที่เมืองหลวงจิงโจวเมื่อคิดถึงตรงนี้ หม่าจั๋วก็พูดว่า “เยียนอ๋อง ไม่ว่าตอนนี้ท่านจะมีสถานะอะไร ท่านก็เป็นเยียนอ๋องสำหรับข้าเสมอ”“ถัดจากนี้พวกเราจะทำอย่างไร จะกลับไปที่เมืองหลวงจิงโจวหรือไม่?”ฉู่จวินสิงไตร่ตรองก่อนจะตอบว่า “ตอนนี้ยังกลับไปไม่ได้ ข้าจำเป็นต้องรวบรวมกำลังให้พร้อมก่อนจึงจะกลับไปได้”“เรื่องนี้ต้องค่อยๆ ปรึกษากันให้ดีก่อน สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือตามหาพี่ชายของเจ้ากับผู้ใต้บังคับบัญชาคนอื่นๆ ให้เจอ”หม่าจั๋วถอนหายใจ ท่ามกลางฝูงชนมากมายขนาดนี้ เขาจะไปตามหาพี่ชายกับคนอื่นที่เหลือจากที่ใด“ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่กับพวกเฉินเช่อหนีไปอยู่ที่ใด”หม่าจั๋วพูดจบก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกคร