สือเจี้ยเมื่อเห็นเข้า ก็นึกถึงคำสาปหนอนศพ เพื่อใช้มาจัดการกับแม่นมหลี่แต่กลับถูกกวนซินห้ามเอาไว้ นางไม่อยากให้เพียงเพราะอาหารมื้อหนึ่ง จะทำให้แม่นมหลี่น้ำลายฟูมปากอีกครั้ง ดูแล้วช่างน่าอนาถ นางจะทำให้ฉู่ตั๋วตั่วตกใจได้ กวนซินสามารถทนได้ ทว่าฉู่ตั๋วตั่วยังเล็ก ไม่มีทางทนความหิวโหยเช่นนี้ได้ยังไม่ทันได้รอให้กวนซินได้พูดขึ้น ฉู่ตั๋วตั่วก็โพล่งออกมา “ท่านยาย ข้ากับท่านแม่ยังไม่ได้กินข้าว ตอนนี้หิวมากแล้ว” เสียงของฉู่ตั๋วตั่วเพิ่งจบไป ท้องก็ส่งเสียงตอบรับดัง “จ๊อกๆ” ออกมา ฮูหยินใหญ่ชอบฉู่ตั๋วตั๋วเป็นอย่างมาก เด็กคนนี้ปากหวานนัก ถึงแม้ว่านางจะไม่มีสายสัมพันธุ์ทางสายเลือดใดๆ แต่กลับเรียกนางว่าท่านยายทุกคำฮูหยินใหญ่รีบให้เหล่าสาวใช้ ไปยกอาหารมาให้กวนซินและฉู่ตั๋วตั่วกิน ก่อนหน้านั้นกวนซินเป็นชายารองของรัชทายาท กิน สวมใส่ล้วนแต่เป็นของชั้นดีทว่าวันนี้ไม่เหมือนเก่า อย่าพูดถึงว่าจะเป็นอาหารที่เหลือจากผู้อื่นกินเลย ต่อให้จะมอบหมันโถวแห้งๆ ในนาง นางก็ยินยอมจะกินมัน ฉู่ตั๋วตั่วยิ่งไม่ใส่ใจมันนางหิวมาตลอดคืนแล้ว ในตอนนี้เห็นอาหารที่ถูกวางไว้บนโต๊ะ ก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลง
เจี่ยนอันอันไม่รู้จักแม้แต่คนเดียว จึงไม่ได้ใส่ใจนางเก็บสมุนไพรขึ้นมา แล้วพูดกับฉู่ตั๋วตั่ว “ตั๋วตั่วลองดู สมุนไพรนี้เรียกว่ารากมังกรหัก มีพิษ”“หากว่าบาดแผลถูกแปดเปื้อนจากส่วนผสมของสมุนไพรชนิดนี้ พิษจะซึมผ่านเลือดเข้าไปในร่างกาย”ฉู่ตั๋วตั่วจ้องมองไปยังรากมังกรหักในมือของเจี่ยนอันอันโดยไม่หันเหสายตาไปที่ใดนางถามออกมาอย่างประหลาดใจ “ท่านน้า สมุนไพรชนิดนี้มีพิษร้ายแรงมากเพียงใดกัน?”“ส่วนผสมจากสมุนไพรชนิดนี้หากซึมผ่านเข้าไปทางเลือด จะทำให้บาดแผลของผู้คนเกิดอาการเหน็บชาขึ้นมา”เจี่ยนอันอันพูดขึ้นพลางเดินไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว ย่อกายลงไปหยิบสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งขึ้นมา“ตั๋วตั่วลองดู นี่เป็นหญ้าหุยกัง มีพิษเช่นกัน”“หากว่ามันผสมเข้ากับรากมังกรหักแล้ว ก็จะทำให้คนเป็นอัมพาตไปได้ครึ่งกาย”ฉู่ตั๋วตั่วจดจำชื่อและประโยชน์ของสมุนไพรทั้งสองชนิดไว้ในตอนที่ทั้งสองคนกำลังพูดกันอยู่นั้น รถม้าเก่าๆ คันนั้น ก็ขับมาไม่ไกลจากทั้งสองคนมากนักมีคนบนรถม้าส่งเสียงตะโกนดังออกมา “ไม่ทราบว่าที่นี่คือหมู่บ้านชิงสุ่ยใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันหันหน้าไป มองไปทางด้านของรถม้า“ที่นี่คือหมู่บ้านชิงสุ่ย พว
เจี่ยนอันอันให้ฉู่ตั๋วตั่วไปเก็บรากมังกรหักและหญ้าหุยกังเองฉู่ตั๋วตั่วหลักแหลมยิ่งนัก นางจดจำรูปลักษณ์ของสมุนไพรทั้งสองชนิดนี้ได้นานแล้วไม่นานนางก็เก็บรากมังกรหักและหญ้าหุยกังได้จำนวนมากเจี่ยนอันอันพยักหน้าให้ฉู่ตั๋วตั่วอย่างพึงพอใจ“ตั๋วตั่วฉลาดมาก ถึงได้จดจำลักษณะของสมุนไพรทั้งสองชนิดนี้ได้อย่างรวดเร็ว”“ไปเถอะ ป้าจะพาเจ้าไปปรุงยา”เจี่ยนอันอันหยิบยาสมุนไพร แล้วจูงมือเล็กๆ ของฉู่ตั๋วตั่วเดินมุ่งหน้าไปยังเรือนของตนเองทั้งสองคนมาถึงยังที่ไม่ไกลไปจากเรือนมากนัก ก็มองเห็นรถม้าคันเมื่อครู่นี้หยุดอยู่ตรงหน้าประตูเรือนของนางคนอื่นๆ บนรถม้านอกจากหญิงชราและชายหนุ่มที่หมดสติแล้ว ล้วนแต่ลงมาจากรถม้าพวกเขายืนอยู่ตรงหน้าประตูเรือนด้วยใบหน้าลำบากใจข้างๆ พวกเขานั้น ยังมีท่านปู่เฉินหัวหน้าหมู่บ้านยืนอยู่ด้วยท่านปู่เฉินพูดด้วยความลำบากใจ “หมู่บ้านชิงสุ่ยมีบ้านอยู่เพียงแค่ยี่สิบกว่าหลังเท่านั้น ตอนนี้ก็ไม่มีที่ให้พวกท่านพักอาศัยอยู่ได้แล้ว หรือไม่พวกท่านก็ไปหาที่อยู่อาศัยเถิด”เฉียนซื่อที่นั่งอยู่บนรถม้า กระแทกไม้เท้าในมืออย่างแรง“ไม่มีที่ให้อยู่ หรือว่าเจ้าคิดจะให้พวกเราไปนอนเร่
เฉียนซื่อส่งเสียงเย้ยหยันน่ากลัวออกมา ในดวงตาฉายแววชั่วร้ายวาบผ่าน“อาศัยที่ข้าเป็นย่ารองของท่านแม่ทัพ ข้าบอกว่าจะอาศัยที่นี่ก็ต้องอาศัยที่นี่”“ไม่ต้องพูดจาไร้สาระให้มาก รีบให้คนในครอบครัวของพวกเจ้าย้ายออกไปให้หมด ข้าจะเข้าอาศัย”เมื่อฉู่จวินสิงได้ยินว่าอีกฝ่ายคือย่าของแม่ทัพ เขาก็รีบเลื่อนสายตามองไปยังชายหนุ่มที่ยังคงสลบอยู่บนรถม้าคนนั้นใบหน้าของคนผู้นั้นเต็มไปเลือด เสื้อผ้าหยาบกระด้างเองก็เปื้อนเลือดแดงฉานฉู่จวินสิงจำคนผู้นั้นได้ ก็คือแม่ทัพเสิ่นจือเจิ้งของเมืองซินเหอเขาไม่คิดเลยว่า เสิ่นจือเจิ้งเองก็จะถูกเนรเทศมายังเมืองอินเป่ยเช่นกันดูเหมือนว่าฉู่ชางเหยียนคงคิดที่จะกำจัดคนของฮ่องเต้พระองค์ก่อนให้หมด เพื่อที่จะขยายอำนาจใหม่ของเขาได้และในตอนที่ฉู่จวินสิงกำลังจะพูดขึ้นนั้น จู่ๆ เสียงของเจี่ยนอันอันก็ดังขึ้น“ข้าจะว่าใครกันที่กล้าเข้ามายึดครองเรือนข้า ข้าจะถลกหนังของคนนั้นเสีย!”เจี่ยนอันอันดึงมือของฉู่ตั๋วตั่ว เดินก้าวใหญ่เข้ามายังประตูเรือนนางให้ฉู่ตั๋วตั่วกลับไปรอด้านในเรือน ใช้สายตาเย็นชากรุ่นโกรธมองไปยังหญิงชราบนรถม้าเฉียนซื่อเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือหญิงชาวบ้านที
ตั้งแต่นั้นมา คนในจวนล้วนแต่เริ่มหวาดกลัวเฉียนซื่อกันขึ้นมาพวกเขาล้วนแต่บอกว่าเฉียนซื่อใช้คาถาได้ ห้ามล่วงเกินโดยเด็ดขาดและในตอนที่เจี่ยนอันอันคิดจะพูดขึ้นมานั้น จู่ๆ เบื้องหน้าก็ปรากฏภาพฉากกลุ่มหนึ่งขึ้นมาในภาพฉากนั้น เป็นคนกลุ่มนี้ที่นอนพักอยู่ด้านนอกในตอนกลางคืนคนอื่นๆ ล้วนแต่หลับกันอยู่บนพื้นแล้ว มีเพียงแค่หญิงชราเฉียนซื่อเท่านั้นที่นั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่นในปากของนางไม่รู้ว่ากำลังท่องอะไรอยู่ ไม่นานนักก็มีสายลมทมิฬพัดขึ้นเฉียนซื่อใช้ไม้เท้าในมือ ชี้มายังเรือนที่เจี่ยนอันอันอาศัยอยู่ไม่นานนักสายลมทมิฬนั้น ก็พัดเข้ามาทางลานเรือนสายลมทมิฬนั่นพัดเข้ามากลางเรือน เข้าไปในเรือนที่เจี่ยนอันอันอาศัยอยู่อย่างรวดเร็วสายลมทมิฬนั้นกลายเป็นหมอกดำ เข้าไปในปากและจมูกของเจี่ยนอันอันทั่วทั้งกายของเจี่ยนอันอันกระตุกขึ้นทันที ทว่าความเคลื่อนไหวของนาง กลับไม่ได้ทำให้ฉู่จวินสิงตื่นขึ้นมาหลังจากที่เจี่ยนอันกระตุกอยู่ครู่หนึ่ง นางจึงลงมาจากเตียงนางเคลื่อนไหวราวกับเสาไม้ เปิดประตูแล้วเดินออกไปมายังด้านหน้าห้องครัว นางหยิบมีดทำอาหารบนเขียงขึ้นมา แล้วเฉือนลงไปบนใบหน้าของตนเองเลือด
กวนซินและฉู่ตั๋วตั่วเดิมทีก็มิได้ออกไปที่ไหน พอได้ยินคำบอกเล่าของเจี่ยนอันอัน ต่างก็อดรู้สึกหวาดหวั่นแทนนางไม่ได้ฮูหยินใหญ่ครุ่นคิดไปมา ก็ยังหาหนทางแก้ไขที่เหมาะสมไม่ได้นางร้อนใจจนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีฮูหยินรองกล่าวขึ้นว่า “อันอัน งั้นเจ้าหลบออกไปก่อนสักสองสามวันดีหรือไม่ รอให้เรื่องนี้เบาลงแล้วค่อยกลับมา”ฮูหยินใหญ่ได้ยินดังนั้น ก็รีบเอ่ยเสริมด้วยความกระตือรือร้นว่า “ใช่แล้วอันอัน หรือเจ้าจะไปหาเซิ่งฟางยังที่ว่าการอำเภอดีเล่า”“ที่นั่นมีพลังหยางหนักแน่น พวกวิชาอาถรรพ์พวกนี้คงไม่อาจตามไปถึงได้”เจี่ยนอันอันเพียงส่ายหน้าช้า ๆ นางรู้สึกว่าในเมื่อเฉียนซื่อหมายมั่นจะยึดครองที่นี่ไว้ให้ได้...หากนางหลบไปอยู่ที่ว่าการอำเภอ แล้วคนเหล่านี้เล่าจะทำเช่นไร?แม้ฉู่จวินสิงและคนอื่น ๆ จะมีวรยุทธ์ติดตัว แต่เกรงว่าคงมิอาจรับมือกับวิชาอาถรรพ์ของเฉียนซื่อได้เวลานี้นางจำต้องหาหนทางรับมือกับยายเฒ่าผู้ชั่วร้ายนั่นให้ได้ ไม่อาจปล่อยให้นางสำเร็จในสิ่งที่หมายมั่นตอนนี้ถึงยามค่ำคืนยังมีเวลาอีกครึ่งวันสมองของเจี่ยนอันอันทำงานอย่างรวดเร็ว ขณะที่ทุกคนรอบตัวต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดเต็มไปด้วยความก
เจี่ยนอันอันโกรธจัด นี่เขาคิดจะทำอะไรกันแน่ตอนนี้ ตำราเล่มนี้คือความหวังเดียวของนางที่จะจัดการกับคาถาอาคมของยายมารเฒ่าคนนั้นได้นี่มันไม่ใช่แค่เรื่องของนางเองเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวพันถึงชีวิตของคนทั้งครอบครัวของฉู่จวินสิงยายมารเฒ่านั่นเมื่อคิดจะยึดครองบ้านของพวกเขา ก็ไม่มีทางปล่อยตระกูลฉู่ไปง่าย ๆ แน่นอนแต่เหตุใดฉู่จวินสิงถึงได้พยายามขัดขวางนางไม่ให้ดูตำราเล่มนี้อย่างสุดกำลัง แล้วยังถึงขั้นคิดจะเผามันทิ้ง“ฉู่จวินสิง ข้าจะนับถึงสาม หากท่านยังไม่คืนตำราให้ข้า ก็อย่าหาว่าข้าจะไม่เห็นแก่ความเป็นสามีภรรยากันอีกต่อไป”ฉู่จวินสิงเองก็มองออกว่าเจี่ยนอันอันโกรธจริง ๆ เขาขมวดคิ้วแน่น แต่ก็ไม่ได้ปล่อยนางออกจากอ้อมแขน“ตำราเล่มนี้ก็เป็นตำราต้องห้าม เมื่อครานั้นเสด็จพ่อของข้าเคยอ่านมัน แล้วไม่นานก็ทรงประชวรหนักจนสวรรคต”“ข้าจะมองดูเฉย ๆ ปล่อยให้เจ้าเจอชะตากรรมเดียวกับเสด็จพ่อไม่ได้”เมื่อได้ยินฉู่จวินสิงพูดเช่นนี้ เจี่ยนอันอันก็พลันเข้าใจถึงความตั้งใจของเขาแต่ถึงกระนั้น ตำราเล่มนี้ก็เป็นแค่ตำราเกี่ยวกับการทำนายธรรมดาเท่านั้น เหตุใดอดีตฮ่องเต้อ่านมันแล้วถึงกับสวรรคตได้?เมื่อเห็นเจี่ย
เจี่ยนอันอันเห็นเช่นนั้น ก็รู้ได้ทันทีว่าความคิดของนางนั้นถูกต้องนางถอนหายใจยาว พลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า “อดีตฮ่องเต้ไม่ได้ทรงแสวงหาความเป็นอมตะหรอก นี่มันเหมือนกับทรงมุ่งหน้าสู่ความตายเสียมากกว่า!”โชคดีที่นางเคยอ่านตำราประเภทนี้มาก่อน จึงมองออกในทันทีว่าเนื้อหาในตำราเล่มนี้ล้ำลึกเกินไปหากคนธรรมดาอ่าน แม้จะไม่ถึงกับเสียสติ ก็อาจล้มป่วยหนักได้เพราะคนธรรมดาไม่มีปัญญาหยั่งรู้ถึงความลับที่ซ่อนอยู่ในตำราเล่มนี้แต่ถ้าเป็นผู้ที่เข้าใจศาสตร์ลี้ลับบ้าง เมื่ออ่านแล้วกลับสามารถพัฒนาตนเองจนบรรลุความหมายที่แฝงไว้ในตำราได้คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ใจของฉู่จวินสิงเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมานอกอก“อันอัน เจ้าหมายความว่าอย่างไร รีบอธิบายให้ชัดเจน”เจี่ยนอันอันเห็นว่าเขาไม่ได้พยายามแย่งตำราสามชะตามรรคาลี้ลับไปอีก นางจึงดึงเขากลับมานั่งลงบนเตียงอุ่นอีกครั้งนางไม่ได้บอกความคิดของตัวเองออกไปในทันที แต่กลับเป็นฝ่ายซักถามฉู่จวินสิง“ตอนนั้น ใครกันที่เป็นคนนำตำราเล่มนี้ถวายอดีตฮ่องเต้?”ฉู่จวินสิงตอบอย่างตรงไปตรงมา “เป็นนักทำนายนามเหวยป๋อจื่อ เขาเคยได้รับการช่วยชีวิตจากเสด็จพ่อ”“ด้วยความซา
หลังจากทั้งคู่กินข้าวเสร็จ กลับไม่ได้พักผ่อนอยู่ในโรงเตี๊ยมหลังจากออกไปข้างนอก ก็มาอยู่ในมุมๆ หนึ่งซึ่งปลอดคนในใจรีบท่องชื่อว่านผิงพร้อมกัน และไม่นานก็หายตัวไปจากซอกมุมนั้นเมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง จึงเห็นว่านผิงกับพวกกำลังเที่ยวจับคนอยู่ทุกครั้งที่จับชายคนหนึ่งได้ ก็จะหยิบภาพเขียนออกมาเปรียบเทียบดูใบหน้าทำเอาผู้คนบนท้องถนนต่างตกใจเป็นการใหญ่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันยังอยู่ในสภาพอำพรางกายอยู่ ว่านผิงกับพวกจึงไม่รู้ว่ามีคนมาคอยติดตามและพวกเขาก็ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น กลับเดินตามพวกว่านผิงไปเรื่อยๆโดยตั้งใจว่าจะหาโอกาสเหมาะ ค่อยลงมือเสียทีเดียวเพราะถ้าอยู่ท้องถนนแล้วลงมือฆ่าคน อาจทำให้ชาวบ้านตื่นตระหนกเป็นอย่างมากพวกเขาจับคนมาหลายคน แต่ล้วนไม่ใช่คนในภาพเขียนทำเอาว่านผิงโกรธจนกำหมัดแน่น มองหน้าลูกน้องพร้อมกล่าวเสียงดุ “พวกมันยังอยู่ในเมืองหลี่จง รีบไปค้นหาให้ทั่ว อย่าได้ปล่อยผ่านแม้แต่คนเดียว!”“ขอรับ ท่านหัวหน้า”ลูกน้องรับคำโดยพร้อมเพรียง และตามหาต่อไปเมื่อพวกเขามาถึงที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง พลันเห็นข้างหน้ามีบ้านเล็กหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ดูจากประตูที่เก่าโทร
ว่านผิงส่งสายตาให้เหล่าลูกน้อง ทุกคนรีบวิ่งขึ้นชั้นบนไปต่างถือเอาภาพเหมือนออกมา พร้อมเปรียบเทียบบนใบหน้าแขกทีละคน เมื่อเห็นว่าล้วนไม่ใช่คนที่ตนต้องการจะหา อีกทั้งมองดูในห้อง จนแน่ใจว่าไม่มีใครหลบซ่อนอยู่ จึงลงไปยังชั้นล่าง“หัวหน้า ชั้นบนไม่มีคนที่เราจะหา”ว่านผิงเหลียวมองคนที่นั่งกินอาหารอยู่ในโรงเตี๊ยม มองดูแต่ละคนแล้วสำรวจขึ้นลง สุดท้ายไปจับจ้องอยู่ที่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันเขาเห็นคนทั้งคู่ต่างก้มหน้ากินข้าว แทบไม่เงยหน้าขึ้นมองผู้ใดเสียด้วยซ้ำจึงผละจากเถ้าแก่ เดินจ้ำอ้าวไปทางฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน“เงยหน้าขึ้นมา” ว่านผิงกล่าวเสียงตะคอก กระบี่ในมือชี้ที่ลำคอฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงแทบไม่นำพาต่อกระบี่ที่พาดคอ พลางวางตะเกียบลง หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมุมปาก “ว่าอย่างไร เจ้าคิดลงมือกับข้าด้วยรึ?”ฉู่จวินสิงเลียนแบบน้ำเสียงของอิ่นเจียง พลางเหลือบตาขึ้นมองว่านผิงทันทีที่ว่านผิงเห็นหน้าฉู่จวินสิงชัดเจน จึงตกใจจนตัวสั่น พลางรีบเก็บกระบี่ขึ้น“ข้าน้อยไม่รู้ว่าใต้เท้ามาอยู่นี่ เมื่อครู่ล่วงเกินไป ขอท่านโปรดอภัยด้วย”ว่านผิงยืนอยู่ด้านข้างฉู่จวินสิง ในใจรู้สึกขนลุกขนชัน
ฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันในที่สุดก็ลืมตาขึ้น จึงได้กล่าวกับนาง “เมื่อครู่ข้าเรียกเจ้าอยู่หลายที เจ้าก็ไม่ขานตอบ ข้ายังนึกว่าเกิดอะไรขึ้นเสียอีก”เจี่ยนอันอันเพิ่งจะนึกได้ เมื่อครู่นางกำลังเพ่งมองภาพในมิติอยู่ ข้างโสตได้ยินเสียงคนเรียกชื่อนางจริงๆเพียงแต่ความสนใจของนาง ล้วนไปอยู่ในภาพนั้นหมดสิ้น จึงไม่ได้ใส่ใจการเรียกหาของฉู่จวินสิงนางจึงยอมให้ฉู่จวินสิงมานั่งด้านข้าง พร้อมนำภาพที่เห็น บอกเล่าให้เขาฟัง“จากที่เจ้าเล่ามา ชายสองคนที่เห็นนั้น อาจเป็นลูกน้องข้าก็ได้”เจี่ยนอันอันก็นึกถึงข้อนี้เช่นกัน หากชายสองคนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาจริง เบื้องหน้านางคงไม่ปรากฏภาพเช่นนั้นออกมา“เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็รออยู่ในโรงเตี๊ยมนี้แหละ เพราะที่ๆ สองคนนั้นจะมาพักก็คือโรงเตี๊ยมแห่งนี้”ฉู่จวินสิงได้ยินดังนี้ พลันเกิดความคิดในใจขอเพียงชายสองคนนั้นปรากฏตัวขึ้น เขาก็จะได้สมทบกับพวกเขาทันทีเพียงแต่ไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งห้าคนหลบหนีพร้อมกัน เหตุใดจึงได้พลัดหลงกันเช่นนี้?หรือว่าลูกน้องอีกสามคนได้ถูกคนของฉู่ชางเหยียนจับกลับไปเสียแล้ว?เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงขมวดคิ้วมุ่น นางจึงเอ่ยปาก “อย่าเพ
ฉู่จวินสิงกล่าวเสียงก้อง “เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะให้เวลาท่านสามวันในการสืบเรื่องนี้”“ถ้าไม่ได้ตัวผู้ก่อเหตุมา ข้าจะทำตามรับสั่งของฝ่าบาท สั่งประหารพวกท่านทั้งครอบครัว”คำพูดของฉู่จวินสิง ทำให้เจ้าเมืองข่งสะดุ้งอย่างแรงจนแม้แต่สะใภ้รองที่คุกเข่าอยู่ด้านข้าง ก็พลอยหวาดกลัวจนตัวสั่นไปด้วยนางแอบเหลียวมองเจ้าเมืองข่ง เห็นอีกฝ่ายก้มหน้าก้มตา ไม่รู้ว่าจะตามหาคนผู้นั้นได้พบหรือไม่หลังจากฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันจากไปแล้ว เจ้าเมืองข่งค่อยทรุดตัวลงกับพื้นเขาหายใจหอบแรง หวังจะช่วยระงับความหวาดหวั่นในใจบ้างสะใภ้รองได้ยินว่าโทษถึงขั้นประหารชีวิต ทำให้นางร้อนใจจนเดือดพล่านยิ่งกว่ามดที่อยู่บนฝาหม้อร้อน น้ำตาก็ยิ่งไหลรินไม่หยุด“ท่านพ่อ ข้ายังไม่อยากตาย โรคของซีเอ๋อร์ยังไม่ทันรักษาให้หายขาด เขาจะถูกประหารเช่นนี้ไม่ได้ ท่านต้องรีบจับกุมผู้แอบอ้างชื่อผู้นั้นให้ได้นะเจ้าคะ!”เจ้าเมืองข่งมีแผนการในใจอยู่แล้ว จึงถลึงตาใส่สะใภ้รอง พลางกล่าว “เลิกร้องไห้เสียที รีบไปดูซีเอ๋อร์ก่อนว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”สะใภ้รองรีบซับน้ำตาที่นองหน้าอยู่ พลางลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างเตียงมองดูซีเอ๋อร์ขณะนั้นมีสาวใ
เสียงของเจี่ยนอันอันดังขึ้นจากด้านหลัง “บอกให้พวกเขาถอยออกไป หาไม่ข้าจะให้พวกท่านตายทั้งบ้าน!”เจ้าเมืองข่งรู้ดีว่าสองคนนี้วรยุทธ์ไม่เบา จึงไม่กล้าทำการบุ่มบ่าม ได้แต่รีบโบกมือให้เหล่าทหารจนแม้แต่สะใภ้รองที่อยู่บนเตียง ก็ตกใจกับคำพูดเจี่ยนอันอันเสียจนต้องรีบหยุดร้องไห้โดยพลันรอให้ทหารออกไปหมดแล้ว เจ้าเมืองข่งจึงได้ถามเสียงสั่น “พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”“ที่เรามานี่ ย่อมได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ ให้สืบเรื่องราวการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อน”เจ้าเมืองข่งได้ยินคำพูดของฉู่จวินสิง พลันขมวดคิ้วมุ่น สองตาจ้องเขม็งไปที่เขาเพียงไม่นานเจ้าเมืองข่งก็สังเกตจากบุคลิกและการแต่งกายของฉู่จวินสิง ดูออกว่าอีกฝ่ายเป็นชาวจิงโจวจริงๆแต่จะบอกว่ารับพระบัญชามาจากฮ่องเต้ ก็ออกจะฟังไม่ขึ้นไปเสียหน่อย“พวกเจ้ามีสิ่งใดมายืนยันว่ารับพระบัญชามาสืบสวนข้าจริง?”ซ้ำยังเป็นเรื่องเมื่อสามปีที่แล้วฮ่องเต้ทรงมีราชกิจมากมาย จู่ๆ จะทรงนึกได้อย่างไรว่าต้องสืบสวนเรื่องการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อนไม่แน่ว่าสองคนนี้ อาจเป็นผู้ใดส่งมาแก้แค้นเขาก็ได้เพราะเขาเคยรับผลประโยชน์จากผู้อื่นมาไม่น้อย อีกทั้งให้ผู้ที่สอบตก
แม้แต่บุตรชายโง่งมของเขาก็ยังไม่กลับบ้านมาแต่เสียงนี้กลับได้ยินแจ่มชัด จนเขามั่นใจว่าในห้องยังมีผู้อื่นอยู่อีกพลันรีบลุกขึ้นยืน มองไปยังห้องว่างเปล่าแล้วตะคอกเสียงดัง “เป็นผู้ใดกัน รีบออกมาเดี๋ยวนี้!”ถึงขั้นนี้แลว ทั้งเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงจึงไม่คิดหลบซ่อนตัวอีกทั้งคู่จึงปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเจ้าเมืองข่งการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของคนทั้งคู่ ยิ่งทำให้เจ้าเมืองข่งตกใจเสียจนนั่งทับลงบนร่างสะใภ้รองโดยไม่รู้ตัวส่วนทางสะใภ้รองจู่ๆ ถูกคนมานั่งทับ ก็ทำเอานางเจ็บจนร้องโอย พลันรีบลืมตาขึ้นเจ้าเมืองข่งเพิ่งรู้ตัวว่าตนได้นั่งทับร่างสะใภ้รองอยู่ จึงรีบกระโดดผึงขึ้นมาในบัดดลเขาชี้หน้าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง พลางกล่าวตวาด “พวกเจ้าเป็นใครกัน ไฉนมาอยู่ในบ้านข้าได้?”เจี่ยนอันอันยิ้มหยันขณะมองหน้าเจ้าเมืองข่ง นางไม่ได้พูดจา แต่ในมือถือเข็มเงินเล่มหนึ่งอยู่นานแล้วนางดีดนิ้วหนึ่งที เข็มเงินรีบพุ่งไปยังเด็กชายที่นอนอยู่บนเตียงเข็มนั้นไปปักที่ศีรษะของเด็กชาย พลันได้ยินเสียงเด็กร้อง “อึ่ก” แล้วกระอักโลหิตสดออกมาคำหนึ่งเจ้าเมืองข่งรีบหันไปดูด้วยความตกใจ จึงเห็นบนศีรษะของหลานตัวน้อย มี
เจ้าเมืองข่งลุกพรวดขึ้น เขารีบประสานมือให้กับบรรดาพ่อค้า “ขออภัยด้วยทุกท่าน ที่บ้านข้ามีธุระ ต้องรีบไปจัดการ”“ขอให้ทุกท่านกลับไปก่อน รอให้ถึงเวลาสอบจอหงวนในอีกหนึ่งปี ข้าจะช่วยให้ลูกๆ ของพวกเจ้าสอบผ่านโดยราบรื่น”เจ้าเมืองข่งว่าจบก็ให้พ่อบ้านส่งแขกส่วนตัวเขารีบเดินไปทางห้องนอนของหลานชายเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากันก่อนจะตามไปทันทีหลังจากที่ทั้งสองคนเดินตามเจ้าเมืองข่งอยู่นานมาก พวกเขาก็มาถึงหน้าห้องนอนในที่สุดเจ้าเมืองข่งรีบเดินเข้าไป เห็นลูกชายคนรองยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่หน้าเตียงหลานชายวัยหกขวบที่อยู่บนเตียงกำลังกลอกตา ปากพ่นฟองขาวฟอด ร่างกายชักเกร็งส่วนลูกสะใภ้รองของเขากำลังนอนหมดสติอยู่บนพื้นลูกชายคนรองยืนซื่ออยู่หน้าเตียงไม่ต่างจากท่อนไม้ แน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน“ปัดโธ่ เจ้าลูกโง่ เจ้ามาทำอะไรที่นี่”เจ้าเมืองข่งตบเข่าฉาดด้วยความร้อนอกร้อนใจเมื่อเห็นลูกชายคนรองเขาสั่งให้บ่าวรับใช้เขามาลากนายน้อยรองออกไปทันทีในตอนนี้เอง จู่ๆ คุณชายรองก็ปรบมือร้องอย่างมีความสุข“สนุกมาก คนหนึ่งแกล้งชัก ส่วนอีกคนจะแกล้งตาย ข้าเองก็อยากเล่นกับพวกเจ้าด้วย”คุณชายรองว่าจบก็ไปนอนทับ
บัดนี้ลูกของพวกเขาต่างสอบได้ตำแหน่งซิ่วไฉขอเพียงต่อไปมอบสมบัติให้เจ้าเมืองข่งมากขึ้น วันหน้าก็จะสอบได้ตำแหน่งที่ดียิ่งกว่านี้เจี่ยนอันอันมองเห็นว่าเจ้าเมืองข่งมีใบหน้าเหลี่ยม ความละโมบแผ่ออกมาทางดวงตาเรียวเล็กเป็นระยะๆนางลอบถากถางในใจว่า “หน้าตาของเจ้าเมืองผู้นี้สะท้อนให้เห็นถึงตัวจริงๆ”พ่อค้าคนหนึ่งพูดว่า “ใต้เท้าข่ง ไม่ทราบว่าหลานชายของท่านป่วยเป็นอะไรกันแน่หรือ?”เจ้าเมืองข่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งในตำแหน่งประธานเขาส่งสัญญาณให้ทุกคนนั่งลงได้ มีสาวใช้ยกน้ำชาเข้ามาให้ทุกคน“เดิมทีแล้วหลานชายของข้าก็ร่าเริงแจ่มใสดี แต่ไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไร ช่วงนี้ล้มป่วยอยู่ตลอด ตอนนี้แค่จะพูดยังยากเลย”เจ้าเมืองข่งขมวดคิ้วแน่นด้วยความกลัดกลุ้มเมื่อพูดถึงตรงนี้“ไม่มีหมอที่จะรักษาได้หรือ?” พ่อค้าอีกคนเอ่ยถามเจ้าเมืองข่งถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง เขาส่ายหน้าว่า “ข้าตามหมอมาทั่วเมืองหลี่จงแล้ว แต่ไม่มีคนใดที่จะรักษาได้”พ่อค้าที่นำผนึกหัวใจพระพุทธมาให้ฟังถึงตรงนี้ก็หยิบมันออกมาจากอกเสื้อทันทีผนึกหัวใจพระพุทธถูกแสงส่องกระทบเป็นสีรุ้งระยิบระยับเขาลุกขึ้นประสานมือพูดกับเจ้าเ
ทั้งสองคนลงจากหลังม้า นำม้าไปผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่ แต่ในจังหวะที่กำลังจะไปจวนเป่าเซวียน พวกเขาก็เห็นรถม้าหลายคันทยอยกันมาหยุดจอดหน้าจวนเป่าเซวียนผู้คนที่ลงมาจากรถม้าล้วนแล้วแต่แต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหราดูจากการแต่งกายของพวกเขาแล้วน่าจะไม่ใช้ข้าราชการ ดูคล้ายพ่อค้ามากกว่าไม่รู้เหมือนกันว่าที่จวนเจ้าเมืองกำลังมีงานอะไร ถึงได้มีคนมาเยอะขนาดนี้คนเหล่านั้นเดินไปที่ประตูแล้วนำเทียบเชิญออกมาจากอกเสื้อพ่อบ้านยิ้มกว้างทันทีที่เห็นเทียบเชิญเขาประสานมือพูดว่า “รีบเชิญด้านใน ใต้เท้ารออยู่นานแล้ว”พ่อค้าเหล่านั้นประสานมือตอบก่อนจะสืบเท้าเข้าไปดูเหมือนว่า หากพวกเจี่ยนอันอันจะเข้าไปในจวนเป่าเซวียนก็จำเป็นต้องมีเทียบเชิญเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากัน ทั้งสองท่องในใจทันทีว่าล่องหนครานี้ก็จะไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นหรือมองเห็นพวกเขาแล้ว เลือนหายไปในอากาศภายในเสี้ยวพริบตาทั้งสองเดินวางมาดกรีดกรายเข้าไปต่อหน้าต่อตาพ่อบ้านจังหวะที่ทั้งสองคนเดินผ่านพ่อบ้าน พ่อบ้านก็ได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างนั่นเป็นกลิ่นที่มีเพียงสตรีเท่านั้นที่จะแผ่ออกมาได้เขามองรอบทิศ นอกจากพ่อค้าไม่กี่คนที่เพิ่งเข้าไปแ