เมื่อสือเจี้ยกลับออกมา เจี่ยนอันอันก็ให้เขาลากแม่นมหลี่กับบ่าวรับใช้คนอื่นๆ ที่เหลือเข้าไปในลานบ้านให้หมดชิวเหลียนยืนพูดด้วยความสงสัยอยู่ด้านข้าง “ฮูหยินน้อยรอง ท่านให้พวกเขากินอะไรหรือเจ้าคะ เหตุใดจึงเหมือนยาพิษ?”เจี่ยนอันอันยิ้มบางๆ ดวงตาฉายประกายเย็นยะเยียบเหี้ยมโหด“ข้าให้พวกเขากินโอสถหนอนศพ หากพวกเขากล้ารังควานกวนซินกับฉู่ตั๋วตั่วอีก หนอนศพในตัวพวกเขาก็จะกัดกินอวัยวะภายในของพวกเขาให้สิ้นซาก”นางได้เรียนรู้วิธีใช้โอสถหนอนศพพวกนี้มาจากพ่อที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วของนางสือเจี้ยที่เพิ่งเดินออกมาฟังถ้อยคำของเจี่ยนอันอันแล้วอดที่จะขนหัวลุกไม่ได้เคราะห์ดีที่เขาไม่ได้เอาแต่ทำร้ายกวนซินกับฉู่ตั๋วตั่วเหมือนพวกแม่นมหลี่มิเช่นนั้นคงมีจุดจบแบบเดียวกันเดิมทีสือเจี้ยก็เป็นคนใกล้ชิดของกวนซิน ระหว่างที่ถูกเนรเทศมาด้วยกัน แม่นมหลี่ได้พยายามซื้อตัวเขาด้วยเงินแต่สือเจี้ยเป็นคนแยกบุญคุณความแค้นชัดเจนมาโดยตลอด เขาไม่อยากเข้าพวกกับคนเลวจึงปฏิเสธแม่นมหลี่ไปเรื่องนี้ทำให้แม่นมหลี่มองว่าเขากับกวนซินเป็นพวกเดียวกันแม่นมหลี่ไม่เพียงแต่ชอบทรมานกวนซินกับฉู่ตั๋วตั่ว แต่ยังมอบงานที่ต้องใช
กวนซินพบว่าเมื่อครู่นี้เจี่ยนอันอันไม่ได้ป้อนโอสถหนอนศพให้กับเตียวเฉียงนางอดถามไม่ได้ว่า “อันอัน เหตุใดเมื่อครู่นี้จึงไม่ป้อนโอสถหนอนศพให้เตียวเฉียงหรือ?”เจี่ยนอันอันตอบด้วยรอยยิ้ม “เมื่อครู่นี้ข้าแทงเขาด้วยเข็มอาบยาพิษไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องเปลืองโอสถหนอนศพกับเขาอีก”กวนซินขานรับว่า “อ้อ” แล้วไม่ได้พูดอะไรอีกกระนั้นนางก็ยังคงไม่สบายใจเล็กน้อย เพราะเตียวเฉียงเป็นคนที่มีศิลปะการต่อกล้าแกร่งที่สุดในบรรดาคนเหล่านี้หากวันใดได้รับการถอนพิษ เขาต้องหวนกลับมาแก้แค้นเจี่ยนอันอันแน่นอนเจี่ยนอันอันมองออกว่ากวนซินกังวลเรื่องอะไร นางตบบ่าอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา“วางใจเถิด ยาพิษที่ข้าใช้กับเขามีฤทธิ์รุนแรงกว่าโอสถหนอนศพหลายเท่า”“หากหลังจากนี้เขากล้ามีความคิดสกปรกต่อเจ้า พิษในตัวเขาก็จะออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว”ใบหน้าของเจี่ยนอันอันมีรอยยิ้มไม่ชอบมาพากลเมื่อพูดถึงตรงนี้“บัดนี้เตียวเฉียงไม่อาจประกอบกิจทางกามได้อีกต่อไปแล้ว เขาไม่ต่างอะไรกับขันที”“ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อใดที่เขามีความคิดที่จะลงมือ พิษในร่างกายก็จะออกฤทธิ์ทันที”กวนซินฟังจบแล้วมองเจี่ยนอันอันด้วยความตื่นตะลึงภายในใจรู้สึกตื่นเ
กวนซินถูกส่ายแขนจนหมดคำจะพูดนางเงยหน้ามองไปทางเจี่ยนอันอัน พบว่าอีกฝ่ายพยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้มแม้ว่ากวนซินจะยังไม่ค่อยเชื่อใจเจี่ยนอันอันนัก แต่นางก็ไม่อาจพูดอะไรได้อีกเพราะถึงอย่างไรเสีย ที่ตัวนางสามารถยืนอยู่ที่นี่ได้อย่างปลอดภัยและไม่ถูกเตียวเฉียงทำร้ายทั้งหมดต้องขอบคุณในความช่วยเหลือจากเจี่ยนอันอันนางลุกขึ้นพูดด้วยสีหน้าจนใจ “อันอัน เจ้าสอนวิธีใช้ยาพิษอย่างง่ายๆ ให้ตั๋วตั่วก่อนแล้วกัน อย่าเพิ่งสอนที่ซับซ้อนเกินไป”“ข้ากลัวว่านางจะทำตัวเองบาดเจ็บ อย่างไรข้าก็มีลูกแค่คนเดียว ไม่อาจเสียนางไปอีกคนจริงๆ”เจี่ยนอันอันเลิกคิ้ว นางนึกถึงตอนที่จับชีพจรให้กวนซินก่อนหน้านี้และพบว่าอีกฝ่ายกำลังตั้งครรภ์ดูท่าว่ากวนซินคงยังไม่รู้ว่าในท้องตัวเองมีเด็กอยู่อีกคนเจี่ยนอันอันขยับเข้าไปใกล้หูกวนซินและกระซิบว่า “เกรงว่าเจ้ายังมีลูกอีกคนที่ต้องปกป้องนะ”กวนซินฟังแล้วมีสีหน้าประหลาดใจนางยังมีลูกอีกคนงั้นหรือ นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?สายตาของเจี่ยนอันอันจ้องมองไปที่ท้องของกวนซินนางยังคงใช้ระดับเสียงที่ได้ยินกันแค่สองคน “เจ้าตั้งท้องแล้ว คงไม่รู้ตัวสินะ”กวนซินถอยหลังออกไปก้าวหนึ่
เจี่ยนอันอันเดินเข้าไปกลางลานเรือน ก็มองเห็นแม่นมหลี่นั่งอยู่บนพื้นส่งเสียงครวญครางออกมาคนเหล่านั้นเองก็พากันนั่งลง สีหน้าของพวกเขาแต่ละคนซีดขาว ส่งเสียงร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดออกมาไม่หยุดปากแม้แต่เตียวเฉียงเองในตอนนี้ก็ฟื้นขึ้นมาแล้วเมื่ออูเฉียงมองเห็นเจี่ยนอันอัน ดวงตาเผยแววดุร้ายออกมาเมื่อคิดว่าตัวเองถูกเจี่ยนอันอันทำร้ายจนกลายเป็นเช่นนี้ เขาก็โมโหเป็นอย่างมากเขาตอนนี้อยากจะบีบคอเจี่ยนอันอันให้หักไปจริงๆทว่าในตอนที่เขากำลังจะลงมือนั้น ร่างกายก็เจ็บปวดอย่างยิ่งเสียราวกับกระดูกหักเจี่ยนอันอันจ้องมองคนทั้งหลายในลานเรือนนั้นด้วยสายตาเย็นชา เมื่อพูดออกมาก็ยิ่งทำให้พวกเขาคิดอยากฆ่าเจี่ยนอันอัน“พวกเจ้าคุกเข่าลงกลางลานเรือนนี้ให้ข้า คุกเข่าไปจนฟ้าสว่าง”“หากว่าพวกเจ้าใครกล้าขยับแล้ว ข้าจะให้สือเจี้ยมาลงโทษพวกเจ้า”ในใจของแม่นมหลี่และเตียวเฉียงเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมทำไมพวกเขาถึงต้องมาคุกเข่าอยู่ที่เรือนนี้ ที่นี้ไม่ใช่วังหลวงเสียหน่อย แต่เป็นเพียงแค่หมู่บ้านยากจนที่แม้แต่ข้าวก็ยังไม่มีกินนอกจากนี้แล้วจะให้พวกเขาคุกเข่า คุกเข่าให้ใครกัน?ที่นี่ไม่มีเชื้อพระวงศ์อะไรกัน
สือเจี้ยจดจำคำสาปหนอนศพได้แล้ว หากว่าแม่นมหลี่กล้าลงมือกับเขา เขาก็จะท่องคำสาปหนอนศพมาจัดการกับนางส่วนเตียวเฉียงนั้น เจี่ยนอันอันก็พูดแล้วว่า หากว่าเขาลงมือ พิษของเขาก็เริ่มออกฤทธิ์ฉะนั้นตอนนี้เขาไม่กลัวทั้งสองคนนี้แม้แต่น้อยสือเจี้ยจ้องมองไปยังแม่นมหลี่และเตียวเฉียง ก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง “พวกเจ้ายังไม่รีบคุกเข่าลงแต่โดยดีอีก หรือว่าจะให้พิษมันกำเริบออกมาอย่างนั้นหรือ!”แม่นมหลี่และเตียวเฉียงกัดฟัน พวกเขาพบว่าเจี่ยนอันอันในตอนนี้ ลงมือด้วยไม่ง่ายนักรอจนเมื่อเจี่ยนอันอันจากไปแล้ว ดูสิว่าเขาจะจัดการกับสือเจี้ยอย่างไรทั้งสองคนส่งเสียงฮึดฮัดออกมา ถึงได้คุกเข่าลงไปเจี่ยนอันอันตบไหล่ของสือเจี้ยอย่างพึงพอใจ “ที่นี่ก็มอบให้เจ้าแล้ว”สือเจี้ยประสานมือคำนับเจี่ยนอันอัน มองส่งเจี่ยนอันอันจากไปกวนซินจูงมือเล็กๆ ของฉู่ตั๋วตั่ว แล้วโดยเข้าไปพักผ่อนในห้องโดยไม่แม้แต่จะมองไปยังคนที่คุกเข่าอยู่กลางลานเรือนรอจนเมื่อเจี่ยนอันอันและชิวเหลียนจากไปแล้ว แม่นมหลี่ก็จะลุกขึ้นมาตบไปยังสือเจี้ยแต่เมื่อนางขยับร่างกาย ก็มองเห็นริมฝีปากของสือเจี้ยเคลื่อนไหวขึ้นไม่รู้ว่าเขากำลังท่อง
ฉู่จวินสิงมองในมือของเจี่ยนอันอันที่มีมีดเล่มเล็กๆ เพิ่มขึ้นมา นางก้มหน้าลง แล้วตั้วใจแกะสลักอักษรลงบนป้ายคำสั่งนั่นอย่างตั้งใจเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันแกะสลักบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย เขาก็หยิบมีดเล่มเล็กๆ ขึ้นมา“ข้าแกะสลักเอง เจ้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว นอนลงพักผ่อนเถอะ”ฉู่จวินสิงพูดออกมา แล้วอาศัยแสงเทียนตั้งใจแกะสลักตัวอักษรขึ้นมาไม่นานนักบนป้ายคำสั่ง ก็มีตัวอักษร ‘เหยียน’ เพิ่มขึ้นมาเจี่ยนอันอันที่เดิมทีที่นอนลงไปแล้ว เมื่อเห็นว่าฉู่จวินสิงสลักตัวอักษรเสร็จแล้ว นางก็รีบลุกขึ้นในตอนที่นางเห็นตัวอักษรที่ฉู่จวินสิงสลักเรียบร้อยแล้ว ช่างดูเหมือนของจริงนั้น นางก็อดที่จะยกนิ้วโป้งให้ฉู่จวินสิงไม่ได้“ทักษะของท่าน หากว่าอยู่ในยุคสมัยปัจจุบันแล้ว ท่านคงจะสามารถไปแกะสลักตราประทับทางการ เพื่อทำใบรับรองปลอมได้เลย”ฉู่จวินสิงไม่รู้ว่าอะไรคือตราประทับทางการปลอม แต่เขาก็ฟังออกว่าเจี่ยนอันอันกำลังชื่นชมว่าทักษะของเขายอดเยี่ยมใบหน้าของเขาไม่ท่าทีใดออกมา แต่ในใจกลับลอบยินดีฉู่จวินสิงเม้มริมฝีปากเล็กน้อย แล้วนำป้ายคำสั่งที่สลักเรียบร้อยแล้วยื่นให้กับเจี่ยนอันอัน“ตอนนี้ป้ายคำสั่งก็สลักเรีย
เขาอยากจะครอบครองเจี่ยนอันอันมานานแล้ว หลายวันมานี้เขาล้วนแต่อดทนเอาไว้เขาไม่อยากทำเรื่องที่เจี่ยนอันอันไม่ยินยอม แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็แต่งงานกันมาหลายวันแล้วที่พวกเขาทั้งสองคนทำมากที่สุด กลับมีเพียงแค่กอดและจูบกันเท่านั้นในฐานะที่เป็นชายหนุ่มทั่วไป ฉู่จวินสิงก็แทบจะทนต่อไปไม่ไหวแล้วเจี่ยนอันอันไม่กล้าจะมองสบตากับฉู่จวินสิงใบหน้าของนางที่เพิ่งจะหันไปอีกด้านหนึ่ง ก็ถูกฉู่จวินสิงบีบคาง แล้วหันกลับมา“เจ้าจนกระทั่งถึงตอนนี้ ยังไม่ชอบข้าอีกหรือ?”ฉู่จวินสิงไม่เข้าใจ ว่าทำไมเจี่ยนอันอันถึงได้ปฏิเสธเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกรงว่าก็คงจะมีเพียงแค่เหตุผลเดียว นั่งก็คือเจี่ยนอันอันไม่ได้ชอบเขาในตอนที่เขาถามออกมานั้น หัวใจของเขาก็เต้นแรงแล้วเขารอคำตอบของเจี่ยนอันอัน กลัวก็แต่จะนางจะพูดออกมาว่า ‘ไม่ชอบเขา’ สามคำนี้เจี่ยนอันอันอ้าปากออก น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นเล็กเบาลงราวกับยุง“ข้าชอบท่าน”เจี่ยนอันอันพูดขึ้น พร้อมเลื่อนสายตามองไปที่อื่นอย่างเขินอายนางกำลังจะพ่ายแพ้ให้กับตนเองแล้วทำไมในเรื่องระหว่างชายหญิง นางถึงได้ไม่มีความกล้ากันชอบก็คือชอบสิ มีอะไรให้ไม่กล้าพูดออกมากันเจี
เจี่ยนอันอันเขินอายเสียจนใบหน้าแดงก่ำ นางอยากจะลงไป ทว่ากลับถูกฉู่จวินสิงกอดแน่นยิ่งขึ้น“เอวของเจ้าเจ็บอยู่ อย่าได้ขยับไป หากว่าตกลงไปข้าจะต้องปวดใจเป็นแน่”คำของฉู่จวินสิง ลอยดังเข้าหูของทุกคนเหล่าสาวใช้ก้มหน้าลงอย่างรู้ทัน เม้มปากลอบยิ้มออกมาฮูหยินใหญ่และฮูหยินรองมองสบตากัน ใบหน้าต่างก็แต้มไปด้วยรอยยิ้มยินดีฉู่จวินสิงเจ้าเด็กคนนี้ ในที่สุดก็ได้เปิดโลกแล้วดูเหมือนว่าความคิดที่อยากจะอุ้มหลานชายของพวกนาง ใกล้จะเป็นจริงแล้วฉู่อันเจ๋อที่นั่งดื่มชาอยู่ในสวน ในตอนที่ได้ยินประโยคนี้นั้น ก็ส่งเสียง “พรืด” ดังขึ้นแล้วพ่นน้ำชาในปากออกมาจนหมดเขากระแอมออกมาสองครั้ง ยิ้มชั่วร้ายแล้วมองไปยังฉู่จวินหลุน“พี่ใหญ่ ท่านว่าพี่รองกับพี่สะใภ้รองของข้าเมื่อคืนนี้ทำอะไรกัน เอวของพี่สะใภ้รองถึงได้เจ็บปวดเสียจนไม่อาจเดินได้?”ฉู่จวินหลุนจ้องมองไปยังฉู่อันเจ๋ออย่างอารมณ์ไม่ดีนัก “เจ้าเด็กนี่ เรื่องที่ไม่ควรถามก็อย่าถาม ดื่มชาของเจ้าไปเถิด”ฉู่อันเจ๋อหันกายไป ปิดปากแล้วลอบหัวเราะ “ฮี่ๆ ๆ” ออกมาอย่าคิดว่าเขายังไม่เคยแต่งงานมาก่อน ทว่าหลายสิบปีมานี้ก็ไม่ใช่ว่าใช้ชีวิตไปเปล่าๆทำไมเขาจะคาดเดาไ
เจี่ยนอันอันไม่ได้สนใจเฉินเช่อ นางโยนกระโปรงสีเหลืองอ่อนอีกชุดให้หม่าลู่“เจ้าเองก็รีบเปลี่ยนชุด พวกเราจะมามัวเสียเวลาไม่ได้”หม่าลู่มองกระโปรงสีเหลืองอ่อนในมือ ร้องขนขื่นในใจนี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!เพื่อหลบหนีจากการไล่สังหารของทหารไล่ล่าแล้ว เขาไม่เพียงต้องปลอมตัวเป็นสตรีร่วมกับเฉินเฉิง แต่ยังต้องสวมชุดกระโปรงสีเหลืองอ่อนนี่ด้วยเฉินเช่อลูบหนวดเคราบนหน้าตัวเอง พูดด้วยสีหน้าขมขื่นว่า “ฮูหยิน ท่านอย่าทำให้พวกข้าลำบากใจเลยขอรับ”“ข้ามีหนวดเคราเต็มหน้า หากสวมกระโปรงสีเหลืองอ่อน ท่านไม่คิดว่าออกไปแล้วจะถูกมองเป็นตัวประหลาดหรือ”หม่าลู่พูดอย่างสุภาพ เขาหันไปมองฉู่จวินสิงด้วยสีหน้าขมขื่นอยากให้ฉู่จวินสิงช่วยพูดให้พวกเขา ฮูหยินจะได้ไม่ทำให้พวกเขาลำบากใจอีกแต่ฉู่จวินสิงกลับรู้สึกว่าความคิดของเจี่ยนอันอันไม่เลวเขาพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “อันอันบอกให้พวกเจ้าใส่ พวกเจ้าก็ใส่ เลิกพูดจาไร้สาระ”“นายท่าน!”“ท่านอ๋อง!”เฉินเช่อกับหม่าลู่มีสีหน้าขมขื่น เมื่อครู่นี้ทั้งสองคนฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ฉู่จวินสิงนึกไม่ถึงว่าฉู่จวินสิงจะตามใจภรรยาตัวเองขนาดนั้นไม่ว่านางจะพูดอะไร เขาก็จะให้พว
หลังจากที่ฉู่จวินสิงเล่าเรื่องที่ตัวเองกับเจี่ยนอันอันไปสั่งสอนเจ้าเมืองข่งให้ฟังก็ได้รับการตอบสนองจากเฉินเช่อและหม่าลู่ทันที“นายท่าน ท่านช่างปราดเปรื่องปรีชายิ่งนัก”หม่าลู่อดชมไม่ได้เฉินเช่อกระทุ้งหม่าลู่ “เรื่องนี้ยังต้องให้เจ้าพูดอีกหรือ นายท่านของพวกเราก็ปราดเปรื่องปรีชามาโดยตลอดอยู่แล้ว”หม่าลู่รู้ว่าเฉินเช่อเป็นพวกไม่คิดก่อนพูด เขาจึงไม่ได้โกรธเคืองต่อคำพูดของอีกฝ่ายแต่อย่างใด“นายท่านของพวกเราสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นขนาดนี้ จะได้รับกระบี่ล้ำค่าก็สมควรแล้ว”เฉินเช่อหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดความคิดในใจออกมาหม่าลู่ชมอย่างไม่ยอมตามหลัง “นายท่านของพวกเราไม่เพียงมีศิลปะการต่อสู้กล้าแกร่ง แม้แต่สมองก็ยังดีกว่าพวกเรา”“มิเช่นนั้นคงไม่อาจนำทัพอันใหญ่โตของพวกเราให้ชนะศึกมากมายขนาดนั้น”คำชมยกใหญ่ต่อฉู่จวินสิงของสองคนนี้ทำให้เจี่ยนอันอันที่ฟังอยู่ด้านข้างต้องยกยิ้มผู้ใต้บังคับบัญชาของฉู่จวินสิงพูดเก่งแบบนี้กันหมดเลยหรือ ฝีปากดีกันทุกคนเลย“พวกเจ้าสองกลายเป็นคนช่างพูดช่างเจรจาแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร”“ที่ผ่านมาคงเอาแต่ฝึกปรือฝีปากสินะ ได้พัฒนาศิลปะการต่อสู้ของตัวเองบ
ไม่ช้า พ่อบ้านก็เดินเข้ามาในห้องโถงพร้อมกับกระบี่ที่เปล่งประกายแวววาวเมื่อเห็นว่าฉู่จวินสิงกำลังพาดดาบไว้ที่คอของใต้เท้าตัวเองเขาก็ตกใจกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงเจ้าเมืองข่งเห็นพ่อบ้านเดินเข้ามาก็รีบพูดว่า “รีบมอบกระบี่เฝินเทียนเล่มนี้ให้ใต้เท้า!”พ่อบ้านก้าวออกไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกขนหัวลุก มอบกระบี่เฝินเทียนให้กับฉู่จวินสิงด้วยมือทั้งสองข้างเจ้าเมืองข่งพูดขึ้นอีกครั้ง “ใต้เท้า วันนี้ข้าขอมอบกระบี่เฝินเทียนให้แก่ท่าน หวังว่าท่านจะไม่กราบทูลเรื่องนี้ต่อฝ่าบาท”ฉู่จวินสิงรับกระบี่เฝินเทียน เมื่อชักกระบี่ออกจากฝัก เขาก็ต้องถูกไอเย็นจากกระบี่ปะทะใส่ทันทีฉู่จวินสิงกุมกระบี่เฝินเทียนไว้ในมือ ไอเย็นบนนั้นถูกกำลังภายในของเขาขับไล่อย่างรวดเร็วฉู่จวินสิงเอ่ยว่า “เป็นกระบี่ที่ดี!”ตอนนี้ความเย็นชาบนใบหน้าของฉู่จวินสิงค่อยๆ ลดลงเช่นกันเขาถือกระบี่เฝินเทียน มอบดาบยาวในมือให้เจี่ยนอันอัน“ในเมื่อเจ้ารู้จักอ่านสถานการณ์เช่นนี้ ข้าก็จะยอมปล่อยเจ้าไปสักครั้ง”“แต่หากเจ้ากล้าทำเรื่องที่ผิดต่อฟ้าดินเช่นนี้อีก วันใดข้ารู้ ข้าจะสังหารครอบครัวทั้งหมดของเจ้าอย่างแน่นอน”ถ้อยคำของฉู่
นายน้อยรองได้ยินคนอื่นด่าตัวเองว่าโง่ก็เบะปากร้องไห้อีกครั้งในมือเจี่ยนอันอันปรากฏยาพิษเม็ดหนึ่งจังหวะที่กำลังจะโยนยาพิษเม็ดนี้เข้าปากนายน้อยรอง นางก็เห็นเจ้าเมืองข่งสืบเท้าเดินมาทางนี้เขาได้ยินถ้อยคำทั้งหมดที่เจี่ยนอันอันด่าลูกชายคนรองของเขาภายในใจเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟลูกชายคนรองของเขาเคยป่วยหนักเมื่อครั้งเยาว์วัย หลังจากหายดีก็กลายเป็นคนที่สติไม่สมประกอบเช่นนี้ภายในจวนมีเพียงเขาที่สามารถด่าลูกชายคนรองว่าโง่ คนอื่นห้ามว่าร้ายแม้แต่นิดเดียวทว่าบุรุษตัวเตี้ยคนนี้กลับกล้าใช้ถ้อยคำหยาบคายเช่นนี้กับลูกชายคนรองของเขาแม้ว่าเจ้าเมืองข่งจะไม่พอใจ แต่เขากลับไม่กล้าล่วงเกินคนจากราชสำนักสองคนนี้เขาเดินมาที่เบื้องหน้าคนทั้งสอง จากนั้นพูดกับสาวใช้ด้วยความโมโห “มัวทำอะไรอยู่ รีบพานายน้อยกลับไปพักผ่อนสิ”“เจ้าค่ะ!” สาวใช้ทั้งสองขานรับแล้วประคองนายน้อยรองออกจากที่นี่นายน้อยรองเดินร้องไห้ไปตลอดทาง เสียงร้องไห้เหมือนเสียงลานี้ แม้อยู่ห่างออกไปไกลก็ยังได้ยินเจ้าเมืองข่งทำความเคารพต่อคนทั้งสอง “ใต้เท้า กรุณาตามข้าเข้าไปนั่งด้านในห้องโถง”ฉู่จวินสิงปล่อยตัวเจี่ยนอันอัน ทั้งสองคนเดิน
จวนเป่าเซวียนอยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกลนัก ทั้งสองคนเดินเพียงไม่นานก็มาถึงหน้าจวนองครักษ์สองคนที่เฝ้าอยู่หน้าทางเข้าเห็นทั้งสองคนจะเดินเข้าไปก็ชักดาบข้างเอวออกมาขวางทันที“บังอาจ รู้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ใด นี่ไม่ใช่ที่ที่พวกเจ้าเข้าได้ตามใจชอบ”เพิ่งจะสิ้นเสียงขององครักษ์ ใบหน้าก็ถูกต่อยหมัดเข้าใส่ความเร็วของฉู่จวินสิงว่องไวมาก องครักษ์ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวก็ถูกต่อยเข้าที่ใบหน้าองครักษ์ที่เป็นคนพูดถูกต่อยให้เซถอยไปหลายก้าว ร่างกายกระแทกเข้ากับวงกบประตูก่อนจะหยุดลงองครักษ์อีกคนเห็นดังนี้ก็แกว่งดาบฟันใส่ฉู่จวินสิงแต่ดาบของเขายังไม่ทันสัมผัสถูกฉู่จวินสิงก็ถูกคลื่นพลังไร้รูปกลุ่มหนึ่งผลักใส่องครักษ์คนนั้นกระเด็นล้มลงกับพื้นโดยพลันองครักษ์รู้สึกอึดอัดในทรวงอก โลหิตพรั่งพรูออกมาทางลำคอเขาอดที่จะกระอักโลหิตคำโตออกมาไม่ได้ครานี้องครักษ์ทั้งสองไม่กล้าลงมือต่อฉู่จวินสิงอีก พวกเขามองออกว่าฉู่จวินสิงไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายๆองครักษ์ที่ถูกต่อยหน้ารีบหันตัววิ่งเข้าไปในจวนเป่าเซวียนไม่ช้า พ่อบ้านก็พาคนกลุ่มหนึ่งออกมาเมื่อเขาเห็นฉู่จวินสิงกับเจี่ยนอันอัน ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มออก
เมื่อฉู่จวินสิงกลับเข้ามาในห้อง เขาก็เห็นเจี่ยนอันอันนั่งอยู่บนเตียง“ท่านไปที่ใดมา ข้าตื่นมาแล้วไม่เจอเจ้า หรือว่าจะมีทหารไล่ตามมาจับอีกแล้ว?”เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงกลับมา สภาพจิตใจที่ตึงเครียดเป็นกังวลของนางถึงได้ค่อยคลายลงฉู่จวินสิงเล่าเรื่องที่สังหารทหารไล่ล่าร่วมกับเฉินเช่อและหม่าลู่เมื่อครู่ให้นางฟังเจี่ยนอันอันมองว่าหากปล่อยให้ศพของทหารกลุ่มนั้นไว้ในบ้านร้างทั้งอย่างนี้คงไม่ดีนักเมื่อเวลาผ่านไปนานวัน ศพของพวกเขาก็จะถูกพบนางลุกจากเตียงทันที จับมือฉู่จวินสิงเดินออกไปด้านนอก“ตอนนี้คนพวกนั้นอยู่ที่ใด ท่านช่วยพาข้าไปดูหน่อย ข้าจะได้กำจัดศพให้เรียบร้อย”ฉู่จวินสิงพาเจี่ยนอันอันเข้าไปในบ้านร้างเจี่ยนอันอันเห็นศพของทหารไล่ล่าเหล่านั้นนอนกองกันอยู่หลังจากที่นางเก็บอาวุธของคนกลุ่มนี้เข้าสู่ห้วงมิติ ก็นำผงสลายศพออกมาทำให้ศพของพวกเขากลายเป็นน้ำหนองหลังจากที่ทั้งสองคนออกจากบ้านร้างก็กลับไปพักผ่อนที่โรงเตี๊ยมต่อเช้าวันรุ่งขึ้น ภายในโรงเตี๊ยมก็มีบรรยากาศคึกคักเมื่อเจี่ยนอันอันตื่นนอน สิ่งแรกที่นางทำคือลูบหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าเคราะห์ดีที่หน้ากากหนังมนุษย์นี้ติดแ
ส่วนเจี่ยนกั๋วกงนั้น ฉู่จวินสิงหาได้คิดจะกำจัดเขาในทันทีไม่ปล่อยให้เจี่ยนกั๋วกงมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสักระยะก่อนหากเจี่ยนกั๋วกงกล้ามาหาเรื่องถึงตัวเขาเมื่อใด เขาย่อมไม่มีทางปรานีต่ออีกฝ่ายแน่ทั้งสองสนทนากันอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะแยกย้ายกันนอนพักผ่อนยามค่ำคืน เจี่ยนอันอันนอนไม่ค่อยหลับเพราะไม่คุ้นชินกับที่นอน หลังจากล้มตัวลงนอนเพียงไม่นาน นางก็เริ่มพลิกตัวไปมาเตียงนี้แคบเกินไป ไม่เหมือนตอนนอนบนเตียงกว้างในบ้านของนางที่สบายยิ่งกว่าไม่นานนักเจี่ยนอันอันก็กลิ้งตกจากเตียงสู่พื้นเจี่ยนอันอันตื่นขึ้นมาในสภาพงัวเงีย เจ็บจนร้องโอดโอยฉู่จวินสิงได้ยินเสียงผิดปกติ ก็ลืมตาขึ้นโดยพลันแล้วเขาก็เห็นเจี่ยนอันอันกำลังคลำทางลุกขึ้นจากพื้นนางคลำหาทางด้วยอาการงัวเงียเพื่อจะกลับไปยังเตียงของตนและนอนลงอีกครั้งฉู่จวินสิงกำลังจะลุกไปช่วยเจี่ยนอันอัน ก็มีเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นจากนอกห้องเขารีบตรงไปที่ประตูห้องทันที จากนั้นก็มีคนเคาะประตูฉู่จวินสิงกดเสียงต่ำ “ผู้ใด?”“นายท่าน ข้าเอง เฉินเช่อ”ฉู่จวินสิงได้ยินเสียงของเฉินเช่อก็เปิดประตูออกไปทันทีเมื่อออกมานอกประตู ก็พบว่าเฉินเช่อและหม่าลู
ท่านหมอเฒ่าไม่ได้อยากกลับมาที่จวนเป่าเซวียนเพื่อรักษาคุณชายน้อยอีกครั้งทว่าเขาถูกพ่อบ้านขู่เข็ญและกดดัน จำต้องกัดฟันเดินตามพ่อบ้านกลับมาผลลัพธ์ก็คือภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าเขา ทำให้ขนลุกซู่ไปทั้งร่างเจ้าเมืองข่งเห็นว่าท่านหมอเฒ่ากลับมาแล้ว จึงรีบสั่งให้เขาจัดการป้อนยาแก่ข่งซีทันทีท่านหมอเฒ่าจนใจ ทำได้แค่หยิบขวดยาออกมาจากหีบยา พร้อมกับสั่งให้บ่าวหญิงไปรินน้ำมาให้จากนั้นเขาจึงหยิบยาเม็ดออกมาป้อนลงในปากของข่งซีทีละเม็ด ก่อนจะป้อนน้ำตามไปหนึ่งอึกไม่นานนัก ในที่สุดข่งซีก็หยุดชักกระตุกท่านหมอเฒ่าสั่งให้พ่อบ้านนำเทียบยาที่เขาเขียนไว้ก่อนหน้านี้ ไปต้มยาให้ข่งซีดื่มเมื่อจัดการทุกสิ่งเรียบร้อยแล้ว ท่านหมอเฒ่าจึงรีบกล่าวลาแล้วออกไปทว่าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงยังไม่ได้จากไปไหน ทั้งสองยังคงอยู่ในห้อง มองเหตุการณ์เบื้องหน้าเมื่อเห็นท่าทางของเจ้าเมืองข่งที่ทรุดลงด้วยความหวาดกลัว เจี่ยนอันอันก็คิดเพียงว่าน่าขันนักทั้งสองไม่ได้ก่อกวนเจ้าเมืองข่งต่อไป ฉู่จวินสิงกำลังจะจากไป ทว่ากลับถูกเจี่ยนอันอันดึงตัวไว้เมื่อทั้งสองออกมานอกห้องแล้ว พอเห็นว่าโดยรอบไร้ผู้คน เจี่ยนอันอันจึงกระซิบเบา
หากจอหงวนอีกสองคนเป็นเช่นเดียวกับวิญญาณตนนี้ ตายไปแล้วกลายเป็นวิญญาณอาฆาตพากันมายังจวนเพื่อทวงชีวิตเขาเช่นนั้นเขาคงต้องไปเฝ้ายมบาลเป็นแน่แล้วเจ้าเมืองข่งตัดสินใจแน่วแน่ ในเมื่อเขาได้เปิดเผยเรื่องของเจี่ยนกั๋วกงไปแล้วเช่นนั้นก็บอกความจริงทั้งหมดเสียเลย เผื่อว่าวิญญาณตนนี้อาจไว้ชีวิตเขาก็เป็นได้เขารีบเงยหน้าขึ้นมองม่านเตียง ทว่าเมื่อเห็นโลหิตที่ถูกสาดจนเปรอะเปื้อนไปทั่วเขาก็ตกใจจนรีบก้มหน้าโดยพลัน“หากท่านจะทวงความเป็นธรรมก็ไปทวงจากเจี่ยนกั๋วกงเถิด เรื่องทั้งหมดนี้เขาเป็นคนสั่งให้ข้าทำทั้งสิ้น”“เขายังกล่าวไว้อีกว่าหากข้าทำได้ดี เขาก็จะหาทางช่วยข้าให้ได้เลื่อนตำแหน่ง”ฉู่จวินสิงจดจำชื่อของขุนนางตรวจการหยางและเจี่ยนกั๋วกงไว้ในใจ ก่อนจะแค่นเสียงเย็นชา จากนั้นกล่าวขึ้นอีกว่า“วันพรุ่งนี้เจ้าจงไปติดประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่า ข้าหวังหวยซูคือผู้ที่สอบได้จอหงวนเมื่อสามปีก่อน”“และให้ถอนชื่อผู้ที่สวมรอยข้าออกจากรายนามจอหงวนเสีย!”เจ้าเมืองข่งได้ฟังดังนั้น หัวใจก็วูบลงเขาเป็นแค่เจ้าเมืองตำแหน่งเล็ก ๆ ไหนเลยจะมีอำนาจใดไปลบชื่อผู้ที่สอบได้จอหงวนเล่ายิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้ล่วงเลยมา