“ผู้ใดก็ได้ช่วยด้วย ฆ่าคนแล้ว!” แม่นมหลี่แผดร้องสุดเสียงเมื่อตั้งสติได้เสียงร้องของนางเรียกให้บ่าวรับใช้คนอื่นๆ ในบ้านออกมาดูเมื่อพวกเขาวิ่งออกมาก็เห็นว่าแม่นมหลี่ทรุดอยู่ข้างประตู ส่วนเตียวเฉียงกำลังนอนหมดสติอยู่บนพื้นห่างออกไปไม่ไกลคือกวนซินกับฉู่ตั๋วตั่วเวลานี้กวนซินมีน้ำตาไหลนองหน้า ส่วนฉู่ตั๋วตั่วก็กำลังหมดสติเช่นกัน พร้อมกันนั้นยังมีหญิงสาวแปลกหน้าอีกสองนางยืนอยู่ที่ริมกำแพง พวกนางกำลังจ้องพวกเขาอย่างดุร้าย“แม่นมหลี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” บ่าวรับใช้นามว่าสือเจี้ยถามแล้วจะเข้าไปประคองแม่นมหลี่แม่นมหลี่กลัวจนตัวสั่นเทิ้ม อีกทั้งยังมีบาดแผลจากการถูกหนูกัดอยู่เต็มตัวตอนนี้นางขยับตัวเพียงเล็กน้อยก็รู้สึกเจ็บแล้ว“อย่ามาแตะตัวข้า รีบไปจัดการนังเด็กชั่วสองคนนั้น!”แม่นมหลี่พูดพลางชี้ไปทางเจี่ยนอันอันกับชิวเหลียนสือเจี้ยหันไปมองแล้วค่อยจำเจี่ยนอันอันได้เขานึกถึงยามที่ถูกทำร้ายระหว่างเดินทางเมื่อวันนั้น เจี่ยนอันอันเป็นคนป้อนโอสถรักษาให้กับเขาทำให้ร่างกายของเขาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วสือเจี้ยรู้สึกซาบซึ้งต่อการช่วยเหลือของเจี่ยนอันอันมาโดยตลอด ทำให้ตอนนี้ไม่อยากจับเ
เพิ่งจะสิ้นเสียงของแม่นมหลี่ ป้ายคำสั่งในมือนางก็ถูกเจี่ยนอันอันแย่งไปแม่นมหลี่รู้สึกว่าภายในมือว่างเปล่า ครั้นได้สติก็พบว่าเจี่ยนอันอันกำลังถือป้ายคำสั่งไว้ในมือและมองเหยียดลงมาที่นาง“เห็นป้ายคำสั่งก็เปรียบเสมือนเห็นฮ่องเต้ ยายแก่คางคก ผู้ที่ควรคุกเข่าน่าจะเป็นเจ้ามากกว่ากระมัง!”แม่นมหลี่โกรธจนหัวแทบระเบิดนางนึกไม่ถึงว่าเจี่ยนอันอันจะกล้าแย่งป้ายคำสั่งจากมือนางนางอดกลั้นต่อความเจ็บปวดแสนสาหัสและยืนขึ้นโดยจับวงกบประตู“นังเด็กเวร คืนป้ายคำสั่งมาเดี๋ยวนี้!”แม่นมหลี่ว่าจบก็จะเข้าไปแย่งป้ายคำสั่งเจี่ยนอันอันถีบเข้าที่หัวเข่าของแม่นมหลี่ ถีบให้แม่นมหลี่คุกเข่าดังตุบ อยู่เบื้องหน้านางแม่นมหลี่ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด ครั้นจะลุกขึ้นก็ถูกเจี่ยนอันอันถีบให้ล้มลงเหมือนเดิมเจี่ยนอันอันเหยียบลงที่บ่าของแม่นมหลี่และมองลงไปที่อีกฝ่ายอย่างเย็นชาเย่อหยิ่ง“อย่าคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ฉู่ชางเหยียนส่งมาแล้วจะกล้าทำอะไรข้าได้”“ตอนนี้ป้ายคำสั่งอยู่ในมือข้า เจ้าพบข้าแล้วก็เหมือนพบฮ่องเต้”“หากเจ้ากล้าทำอะไรไม่ดูตาม้าตาเรืออีก เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าต้องกวาดล้างผู้กระทำความผิดแทนฮ่องเต
เจี่ยนอันอันรีบนำโอสถรักษาบาดแผลภายในเม็ดหนึ่งออกมาจากห้วงมิตินางบีบปากของฉู่ตั๋วตั่วและป้อนโอสถเข้าไปโอสถละลายทันทีที่เข้าปากและไหลเข้าสู่ร่างกายของฉู่ตั๋วตั่วอย่างรวดเร็วกวนซินมองฉู่ตั๋วตั่วไม่ละสายตา นางไม่รู้ว่าเจี่ยนอันอันป้อนโอสถอะไรให้ฉู่ตั๋วตั่วแต่เวลานี้ นางเชื่อในตัวเจี่ยนอันอันอย่างสุดหัวใจหากไม่ใช่เพราะตอนนั้นมีการรักษาจากเจี่ยนอันอัน เกรงว่านางคงตายระหว่างเดินทางไปแล้วกวนซินเห็นเปลือกตาของฉู่ตั๋วตั่วขยับ จากนั้นฟื้นคืนสติอย่างรวดเร็วเมื่อฉู่ตั๋วตั่วลืมตามาเห็นว่าผู้ที่กำลังกอดตัวเองคือกวนซิน นางก็ร้องไห้ “ฮือ” ออกมา“ตั๋วตั่ว ลูกรักของแม่ ในที่สุดเจ้าก็ฟื้น”กวนซินกอดฉู่ตั๋วตั่วแน่น น้ำตาเม็ดโตร่วงหยดลงมาฉู่ตั๋วตั่วหยุดร้องไห้และเอื้อมมือน้อยๆ ไปเช็ดน้ำตาให้กวนซิน“ท่านแม่ อย่าร้องไห้”เสียงที่ไร้เดียงสาและอ่อนแรงของฉู่ตั๋วตั่วทำให้กวนซินปวดใจหนักเข้าไปอีกเจี่ยนอันอันจับชีพจรให้ฉู่ตั๋วตั่วอีกครั้ง เมื่อพบว่าไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วค่อยถอนหายใจด้วยความโล่งอกเคราะห์ดีที่ภายในคลังยาของนางมีโอสถรักษาแผลอยู่เยอะมากแม้จะใช้ไปเยอะมากแล้วแต่ก็ยังมีเหลืออีกมา
เมื่อสือเจี้ยกลับออกมา เจี่ยนอันอันก็ให้เขาลากแม่นมหลี่กับบ่าวรับใช้คนอื่นๆ ที่เหลือเข้าไปในลานบ้านให้หมดชิวเหลียนยืนพูดด้วยความสงสัยอยู่ด้านข้าง “ฮูหยินน้อยรอง ท่านให้พวกเขากินอะไรหรือเจ้าคะ เหตุใดจึงเหมือนยาพิษ?”เจี่ยนอันอันยิ้มบางๆ ดวงตาฉายประกายเย็นยะเยียบเหี้ยมโหด“ข้าให้พวกเขากินโอสถหนอนศพ หากพวกเขากล้ารังควานกวนซินกับฉู่ตั๋วตั่วอีก หนอนศพในตัวพวกเขาก็จะกัดกินอวัยวะภายในของพวกเขาให้สิ้นซาก”นางได้เรียนรู้วิธีใช้โอสถหนอนศพพวกนี้มาจากพ่อที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วของนางสือเจี้ยที่เพิ่งเดินออกมาฟังถ้อยคำของเจี่ยนอันอันแล้วอดที่จะขนหัวลุกไม่ได้เคราะห์ดีที่เขาไม่ได้เอาแต่ทำร้ายกวนซินกับฉู่ตั๋วตั่วเหมือนพวกแม่นมหลี่มิเช่นนั้นคงมีจุดจบแบบเดียวกันเดิมทีสือเจี้ยก็เป็นคนใกล้ชิดของกวนซิน ระหว่างที่ถูกเนรเทศมาด้วยกัน แม่นมหลี่ได้พยายามซื้อตัวเขาด้วยเงินแต่สือเจี้ยเป็นคนแยกบุญคุณความแค้นชัดเจนมาโดยตลอด เขาไม่อยากเข้าพวกกับคนเลวจึงปฏิเสธแม่นมหลี่ไปเรื่องนี้ทำให้แม่นมหลี่มองว่าเขากับกวนซินเป็นพวกเดียวกันแม่นมหลี่ไม่เพียงแต่ชอบทรมานกวนซินกับฉู่ตั๋วตั่ว แต่ยังมอบงานที่ต้องใช
กวนซินพบว่าเมื่อครู่นี้เจี่ยนอันอันไม่ได้ป้อนโอสถหนอนศพให้กับเตียวเฉียงนางอดถามไม่ได้ว่า “อันอัน เหตุใดเมื่อครู่นี้จึงไม่ป้อนโอสถหนอนศพให้เตียวเฉียงหรือ?”เจี่ยนอันอันตอบด้วยรอยยิ้ม “เมื่อครู่นี้ข้าแทงเขาด้วยเข็มอาบยาพิษไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องเปลืองโอสถหนอนศพกับเขาอีก”กวนซินขานรับว่า “อ้อ” แล้วไม่ได้พูดอะไรอีกกระนั้นนางก็ยังคงไม่สบายใจเล็กน้อย เพราะเตียวเฉียงเป็นคนที่มีศิลปะการต่อกล้าแกร่งที่สุดในบรรดาคนเหล่านี้หากวันใดได้รับการถอนพิษ เขาต้องหวนกลับมาแก้แค้นเจี่ยนอันอันแน่นอนเจี่ยนอันอันมองออกว่ากวนซินกังวลเรื่องอะไร นางตบบ่าอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา“วางใจเถิด ยาพิษที่ข้าใช้กับเขามีฤทธิ์รุนแรงกว่าโอสถหนอนศพหลายเท่า”“หากหลังจากนี้เขากล้ามีความคิดสกปรกต่อเจ้า พิษในตัวเขาก็จะออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว”ใบหน้าของเจี่ยนอันอันมีรอยยิ้มไม่ชอบมาพากลเมื่อพูดถึงตรงนี้“บัดนี้เตียวเฉียงไม่อาจประกอบกิจทางกามได้อีกต่อไปแล้ว เขาไม่ต่างอะไรกับขันที”“ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อใดที่เขามีความคิดที่จะลงมือ พิษในร่างกายก็จะออกฤทธิ์ทันที”กวนซินฟังจบแล้วมองเจี่ยนอันอันด้วยความตื่นตะลึงภายในใจรู้สึกตื่นเ
กวนซินถูกส่ายแขนจนหมดคำจะพูดนางเงยหน้ามองไปทางเจี่ยนอันอัน พบว่าอีกฝ่ายพยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้มแม้ว่ากวนซินจะยังไม่ค่อยเชื่อใจเจี่ยนอันอันนัก แต่นางก็ไม่อาจพูดอะไรได้อีกเพราะถึงอย่างไรเสีย ที่ตัวนางสามารถยืนอยู่ที่นี่ได้อย่างปลอดภัยและไม่ถูกเตียวเฉียงทำร้ายทั้งหมดต้องขอบคุณในความช่วยเหลือจากเจี่ยนอันอันนางลุกขึ้นพูดด้วยสีหน้าจนใจ “อันอัน เจ้าสอนวิธีใช้ยาพิษอย่างง่ายๆ ให้ตั๋วตั่วก่อนแล้วกัน อย่าเพิ่งสอนที่ซับซ้อนเกินไป”“ข้ากลัวว่านางจะทำตัวเองบาดเจ็บ อย่างไรข้าก็มีลูกแค่คนเดียว ไม่อาจเสียนางไปอีกคนจริงๆ”เจี่ยนอันอันเลิกคิ้ว นางนึกถึงตอนที่จับชีพจรให้กวนซินก่อนหน้านี้และพบว่าอีกฝ่ายกำลังตั้งครรภ์ดูท่าว่ากวนซินคงยังไม่รู้ว่าในท้องตัวเองมีเด็กอยู่อีกคนเจี่ยนอันอันขยับเข้าไปใกล้หูกวนซินและกระซิบว่า “เกรงว่าเจ้ายังมีลูกอีกคนที่ต้องปกป้องนะ”กวนซินฟังแล้วมีสีหน้าประหลาดใจนางยังมีลูกอีกคนงั้นหรือ นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?สายตาของเจี่ยนอันอันจ้องมองไปที่ท้องของกวนซินนางยังคงใช้ระดับเสียงที่ได้ยินกันแค่สองคน “เจ้าตั้งท้องแล้ว คงไม่รู้ตัวสินะ”กวนซินถอยหลังออกไปก้าวหนึ่
เจี่ยนอันอันเดินเข้าไปกลางลานเรือน ก็มองเห็นแม่นมหลี่นั่งอยู่บนพื้นส่งเสียงครวญครางออกมาคนเหล่านั้นเองก็พากันนั่งลง สีหน้าของพวกเขาแต่ละคนซีดขาว ส่งเสียงร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดออกมาไม่หยุดปากแม้แต่เตียวเฉียงเองในตอนนี้ก็ฟื้นขึ้นมาแล้วเมื่ออูเฉียงมองเห็นเจี่ยนอันอัน ดวงตาเผยแววดุร้ายออกมาเมื่อคิดว่าตัวเองถูกเจี่ยนอันอันทำร้ายจนกลายเป็นเช่นนี้ เขาก็โมโหเป็นอย่างมากเขาตอนนี้อยากจะบีบคอเจี่ยนอันอันให้หักไปจริงๆทว่าในตอนที่เขากำลังจะลงมือนั้น ร่างกายก็เจ็บปวดอย่างยิ่งเสียราวกับกระดูกหักเจี่ยนอันอันจ้องมองคนทั้งหลายในลานเรือนนั้นด้วยสายตาเย็นชา เมื่อพูดออกมาก็ยิ่งทำให้พวกเขาคิดอยากฆ่าเจี่ยนอันอัน“พวกเจ้าคุกเข่าลงกลางลานเรือนนี้ให้ข้า คุกเข่าไปจนฟ้าสว่าง”“หากว่าพวกเจ้าใครกล้าขยับแล้ว ข้าจะให้สือเจี้ยมาลงโทษพวกเจ้า”ในใจของแม่นมหลี่และเตียวเฉียงเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมทำไมพวกเขาถึงต้องมาคุกเข่าอยู่ที่เรือนนี้ ที่นี้ไม่ใช่วังหลวงเสียหน่อย แต่เป็นเพียงแค่หมู่บ้านยากจนที่แม้แต่ข้าวก็ยังไม่มีกินนอกจากนี้แล้วจะให้พวกเขาคุกเข่า คุกเข่าให้ใครกัน?ที่นี่ไม่มีเชื้อพระวงศ์อะไรกัน
สือเจี้ยจดจำคำสาปหนอนศพได้แล้ว หากว่าแม่นมหลี่กล้าลงมือกับเขา เขาก็จะท่องคำสาปหนอนศพมาจัดการกับนางส่วนเตียวเฉียงนั้น เจี่ยนอันอันก็พูดแล้วว่า หากว่าเขาลงมือ พิษของเขาก็เริ่มออกฤทธิ์ฉะนั้นตอนนี้เขาไม่กลัวทั้งสองคนนี้แม้แต่น้อยสือเจี้ยจ้องมองไปยังแม่นมหลี่และเตียวเฉียง ก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง “พวกเจ้ายังไม่รีบคุกเข่าลงแต่โดยดีอีก หรือว่าจะให้พิษมันกำเริบออกมาอย่างนั้นหรือ!”แม่นมหลี่และเตียวเฉียงกัดฟัน พวกเขาพบว่าเจี่ยนอันอันในตอนนี้ ลงมือด้วยไม่ง่ายนักรอจนเมื่อเจี่ยนอันอันจากไปแล้ว ดูสิว่าเขาจะจัดการกับสือเจี้ยอย่างไรทั้งสองคนส่งเสียงฮึดฮัดออกมา ถึงได้คุกเข่าลงไปเจี่ยนอันอันตบไหล่ของสือเจี้ยอย่างพึงพอใจ “ที่นี่ก็มอบให้เจ้าแล้ว”สือเจี้ยประสานมือคำนับเจี่ยนอันอัน มองส่งเจี่ยนอันอันจากไปกวนซินจูงมือเล็กๆ ของฉู่ตั๋วตั่ว แล้วโดยเข้าไปพักผ่อนในห้องโดยไม่แม้แต่จะมองไปยังคนที่คุกเข่าอยู่กลางลานเรือนรอจนเมื่อเจี่ยนอันอันและชิวเหลียนจากไปแล้ว แม่นมหลี่ก็จะลุกขึ้นมาตบไปยังสือเจี้ยแต่เมื่อนางขยับร่างกาย ก็มองเห็นริมฝีปากของสือเจี้ยเคลื่อนไหวขึ้นไม่รู้ว่าเขากำลังท่อง
ขณะที่เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากเจี่ยนอันอันถูกเนรเทศไปพร้อมกับครอบครัวฉู่จวินสิงหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันต้องติดตามครอบครัวฉู่จวินสิงเดินทางไปยังแดนเนรเทศ ไม่สามารถนำสิ่งของล้ำค่ามากมายขนาดนั้นติดตัวไปด้วยเจี่ยนกั๋วกงคงสงสัยไปแล้วว่าเงินเหล่านั้นถูกเจี่ยนอันอันขโมยไปแต่เรื่องที่คลังหลวงถูกปล้นก็ทำให้เจี่ยนกั๋วกงรู้สึกถึงความผิดปกติของเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้งคราวก่อนเขาเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ เดิมตั้งใจว่าจะกราบทูลเรื่องนี้ด้วยแต่คิดไม่ถึงเลยว่าตนเองเพิ่งเอ่ยถึงเรื่องที่ว่าครอบครัวฉู่จวินสิงอาจยังไม่ตายก็ถูกฉู่ชางเหยียนตำหนิเอาอีกแล้วเขาไหนเลยจะมีความกล้าเอ่ยถึงเรื่องนี้กับฉู่ชางเหยียนอีกแต่ตอนนี้พอมาใคร่ครวญดีๆ แล้ว โจรที่ปล้นจวนกั๋วกงผู้นี้มีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นโจรที่ปล้นคลังหลวงเดิมนั้น เจี่ยนกั๋วกงอยากสืบสวนเรื่องที่บ้านตนเองถูกปล้นอย่างเงียบๆอย่างไรเสียเรื่องนี้พูดออกมาแล้วก็มีแต่จะทำให้พวกขุนนางที่เป็นอริกับเขาหัวเราะเยาะแต่เวลาผ่านมานานขนาดนี้แล้ว เขากลับจับไม่ได้กระทั่งเงาของเจ้าโจรร้ายผู้นั้นยามนี้คลังหลวงถูกปล้นมานานขนาดนี้ก็ยังไม่มีใครจับตัวโจรผู้นั
จังหวะที่พวกเขาเพิ่งเดินออกมาจากคุกหลวง ทหารรักษาการณ์กลุ่มหนึ่งก็ลาดตระเวนผ่านมาพอดีเมื่อพวกเขาเห็นพวกฉู่จวินสิงก็ล้วนประหลาดใจ“พวกเจ้าเข้าไปทำอะไรในคุกหลวง?” ทหารรักษาการณ์ที่นำหน้ามาถามด้วยความประหลาดใจเขาเห็นว่าทหารรักษาการณ์สิบกว่าคนนี้ล้วนไม่คุ้นหน้า แต่พวกเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากอย่างไรเสียทหารรักษาการณ์ในวังหลวงก็มีอยู่จำนวนมาก ถึงมีคนหน้าไม่คุ้นปรากฏตัวขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกฉู่จวินสิงกล่าวเสียงขรึม “ตอนพวกข้าลาดตระเวนมาถึงที่นี่ ได้ยินเสียงร้องดังมาจากข้างในจึงเข้าไปตรวจดู”“ดีที่ข้างในมีแค่คนที่ถูกทรมานส่งเสียงร้อง แต่ไม่เจอตัวโจรร้ายที่โกนหัวฝ่าบาท”ทหารรักษาการณ์เหล่านั้นได้ยินแล้วก็พยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงเข้าใจ“ในเมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเราก็ลาดตระเวนต่อกันเถอะ”“พวกเจ้าไปลาดตระเวนทางนั้น พวกข้าจะไปลาดตระเวนทางนี้”ฉู่จวินสิงว่าแล้วก็แยกจากทหารรักษาการณ์กลุ่มนั้นฉู่จวินสิงนำทหารเหล่านั้นตรงไปยังทางออกของวังหลวงเมื่อเจอกับทหารรักษาการณ์กลุ่มอื่นระหว่างทาง ต่างฝ่ายก็เพียงแต่พยักหน้าให้กันเล็กน้อยเท่านั้นไม่มีใครสังเกตว่าพวกเขาเป็นคนที่ปลอมตัวเป็นทหารรักษาการณ
เจี่ยนอันอันยิ้มกล่าว “พรุ่งนี้ข้าก็สามารถไปจากที่นี่ได้แล้ว”ฉู่จวินสิงจึงตัดสินใจค้างคืนกับเจี่ยนอันอันที่นี่เขาไม่อยากกลับไปที่โรงเตี๊ยม ที่นั่นเสียงดังเกินไป บวกกับเขาคิดถึงเจี่ยนอันอันหลายวันที่ผ่านมา เขาไม่ได้นอนหลับเต็มอิ่มเลยฉู่จวินสิงอยู่ค้างคืนด้วยได้ เจี่ยนอันอันย่อมดีใจอยู่แล้วอย่างไรเสียก็คงไม่มีใครบุกเข้ามาในห้องนี้อย่างปุบปับอยู่แล้วพอถึงพรุ่งนี้เช้า ฉู่จวินสิงค่อยทำเหมือนกับว่าเพิ่งมารับเจี่ยนอันอัน คนทั้งสองก็สามารถจากไปพร้อมกันได้แล้วทั้งคู่นอนอยู่บนเตียง เนื่องจากไม่ได้เจอกันหลายวันพวกเขาจึงเริ่มอิงแอบแนบชิดกัน ฉู่จวินสิงออกแรงอย่างนุ่มนวลด้วยกลัวว่าจะกระทบกระเทือนทารกในครรภ์เจี่ยนอันอันหลังเสร็จกิจแล้ว ทั้งคู่ก็สวมกอดกันนอนหลับไปจนถึงเช้าตรู่วันถัดมา ฉู่จวินสิงก็ทำให้ตัวเองล่องหนระหว่างที่เจี่ยนอันอันกำลังทำอาหารอยู่ ฉู่จวินสิงก็มาเคาะประตูเรือนโดยทำเหมือนกับว่าแวะมาเยี่ยมกะทันหันฮวาหลานเอ๋อร์ไปเปิดประตู เห็นว่าฉู่จวินสิงมาแล้ว คราวนี้นางไม่ได้เย็นชาเหมือนครั้งก่อน แต่ยิ้มแฉ่งให้ฉู่จวินสิง“เยียนอ๋องมาหาพี่หญิงเจี่ยนสินะ พี่หญิงเจี่ยนของข้าทำ
“หลังกินข้าวมื้อนี้เสร็จ เจ้าก็ไปจากที่นี่เสียเถอะ สิ่งที่ข้าควรสอนก็สอนไปหมดแล้ว เจ้าไม่มีความจำเป็นต้องพักอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว”ซางหมิงกินข้าวเสร็จอย่างรวดเร็วแล้วลุกขึ้นก้าวยาวๆ ออกไปจากห้องกินข้าวเจี่ยนอันอันรู้ว่าซางหมิงยังโกรธเรื่องเมื่อเย็นวาน นางเป็นฝ่ายผิดก่อนจึงไม่ได้โกรธเพราะคำพูดของซางหมิงเพื่อชดเชยให้กับเรื่องเมื่อเย็นวาน เจี่ยนอันอันจึงรีบกินข้าวให้เสร็จแล้วไปหาซางหมิงนางมาถึงสถานที่ที่ซางหมิงทำหน้ากากก็เห็นอีกฝ่ายกำลังนั่งทำหน้ากากอยู่ที่โต๊ะเจี่ยนอันอันหยิบยาถอนพิษที่ต้มไว้ตั้งแต่เมื่อเย็นวานออกมาจากในมิติแล้ววางลงตรงหน้าซางหมิง“ผู้วิเศษซาง นี่คือยาถอนพิษที่ข้าต้มเอง ท่านดื่มยานี้ก่อนแล้วข้าค่อยไปก็ยังไม่สาย”ซางหมิงเหลือบมองยาถอนพิษสองถ้วยนั้นแล้วมองไปทางเจี่ยนอันอัน“เจ้าแน่ใจนะว่ายาสองถ้วยนี้สามารถกำจัดพิษในร่างข้าได้?”เห็นเจี่ยนอันอันพยักหน้ายิ้มๆ เขาก็ไม่พูดมาก หยิบถ้วยยาขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ทันทีหลังดื่มยาสองถ้วยนั้นจนหมด ซางหมิงก็รู้สึกว่าพิษในร่างกำลังสลายไปอย่างรวดเร็วบริเวณที่เดิมทียังเจ็บปวดอยู่บ้างก็รู้สึกโล่งสบายหาใดเปรียบ เพราะได้ดื่มยาสอง
เรือนผมที่เคยยาวดกดำ ภายในคืนเดียวมลายหายไปสิ้นเห็นเพียงศีรษะที่โกร๋นโล่งเตียนไม่เหลือแม้แต่ผมเส้นเดียว!เจียงหวยตกใจจนหน้าซีดเผือด พลางทรุดร่างลง ‘โครม’ ที่หน้าพระแท่นมังกรฉู่ชางเหยีนมองดูสีหน้าตกตะลึงของเจียงหวย พลันยิ่งบันดาลโทสะมากขึ้น“เจ้าถูกผีหลอกเข้าหรือไร?”เจียงหวยกลัวจนตัวสั่นงันงก พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ฝ่า...ฝ่าบาท เส้นพระเกศา...”ทันใดนั้นเอง ฉู่ชางเหยียนเพิ่งตระหนักว่าศีรษะเย็นผิดปกติจึงรีบเอามือลูบศีรษะตนเองโดยพลันไม่ลูบยังพอว่า ลูบไปเจอแต่ศีรษะโล้นเลี่ยนนี่สิ!“เกิดเรื่องอันใดขึ้น ผมของข้าเล่า? บังอาจนัก ผู้ใดมาโกนผมของข้าไปหมด?”“ทหาร รีบไปจับคนที่เมื่อคืนแอบเข้ามาในตำหนักข้า ข้าจะจับมากุดหัวเสีย แล้วถลกหนังมันด้วย”เจียงหวยหัวใจหล่นไปถึงตาตุ่ม เคราะห์ดีเมื่อคืนเขาไม่ได้ถวายงานอยู่ในตำหนักหลงเหอแต่ไปเลี้ยงอาหารนกแร้งสองตัวนั้น กว่าจะป้อนจนอิ่มหนำก็ค่ำมืดเต็มทีเขาเห็นว่าดึกมากแล้ว จึงมิได้กลับเข้าตำหนักหลงเหออีก ด้วยเกรงว่าจะรบกวนการบรรทมของฮ่องเต้ปรากฏว่าเพียงคืนเดียวที่เขาไม่ได้อยู่ถวายงาน กลับเกิดเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ขึ้นเขากลัวว่าถ้าฮ
เมื่อเจี่ยนอันอันดูถึงตรงนี้ มุมปากได้เหยียดขึ้นนานแล้วนางเห็นเจี่ยนกั๋วกงหน้าไม่อายผู้นั้น เมื่อถูกฮ่องเต้ตวาดเข้า ก็ทำตัวหงอ หดคอราวกับลูกเต่าตัวหนึ่งเป็นสิ่งที่นางรู้สึกสะใจยิ่ง!เจี่ยนกั๋วกงยังคิดเอาหน้าต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ คิดจะให้ส่งคนไปสืบสวนครอบครัวฉู่จวินสิงที่อยู่ในเมืองอินเป่ยอีกสุดท้ายลูกคิดรางแก้วของเขาก็พังทลาย ซ้ำยังถูกฮ่องเต้ชั่วด่าใส่หน้าอีก!เจี่ยนอันอันยังคิดว่าเจี่ยนกั๋วกงถูกด่าเบาไปด้วยซ้ำ ฮ่องเต้ชั่วน่าจะลงโทษฐานสร้างความวุ่นวายใจแก่เบื้องบนอีกกระทงหนึ่งเพราะอย่างไรก็ล้วนมิใช่คนดีทั้งคู่ ตายคนหนึ่งแผ่นดินจะได้สูงขึ้นบ้างแต่เสียดายฮ่องเต้ชั่วกลับมิได้ทำเช่นนั้น ข้อนี้ทำให้เจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าและถอนหายใจ“หากตอนนี้ข้าเป็นฮ่องเต้ชั่วนั่น คงไม่ปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่ต่อไปแน่”หลังจากเจี่ยนอันอันแอบแช่งชักหักกระดูกในใจ พลันนึกไปถึงนกแร้งสองตัวนั้นตอนที่นางกับฉู่จวินสิงสังหารอิ่นเจียงนั้น ก็เคยเห็นนกแร้งสองตัวนี้แต่ไม่คิดว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงของฉู่ชางเหยียนที่อยู่ในวังหลวงคราวก่อนที่ๆ พวกมันปรากฏตัว คงถูกฉู่ชางเหยียนส่งให้ไปสังเกตความเค
ฉู่ชางเหยียนหันมาทางเจี่ยนกั๋วกงต่อ น้ำเสียงเย็นชา “ท่านบอกว่าฉู่จวินสิงยังไม่ตาย แล้วนี่จะอธิบายอย่างไร?”เจี่ยนกั๋วกงรู้ดีว่า ฉู่ชางเหยียนได้เลี้ยงนกแร้งไว้สองตัวเมื่อครู่ขณะเห็นนก เขายังนึกว่าพวกมันคงหิวในเวลาค่ำคืน จึงออกมาหากินที่ไหนได้ แท้จริงแล้วพวกมันถูกฉู่ชางเหยียนส่งไปเมืองอินเป่ยต่างหากแม้แต่นกแร้งสองตัวนี้ยังยืนยันว่าครอบครัวฉู่จวินสิงได้เสียชีวิต แล้วเขาก็ไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของตนเองจึงหวาดกลัวจนรู้สึกขนหัวลุกชัน พร้อมรีบคุกเข่าลง“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเพียงสงสัยว่าฉู่จวินสิงและครอบครัวยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่มีหลักฐานยืนยัน ขอฝ่าบาททรงอภัยด้วย”ฉู่ชางเหยียนทำเสียงฮึในลำคอ พลางตะโกนไปยังด้านนอก “ใครก็ได้!”ไม่นานจึงมีองครักษ์ผู้หนึ่งเข้ามา“ไปตามอิ่นเจียงมาพบข้า ข้าจะถามเขาให้รู้”องครักษ์รับบัญชา พร้อมรีบถอยออกไปเจี่ยนกั๋วกงยังคงคุกเข่าอยู่ที่เดิม ในใจไม่สู้สบายนักถ้าอิ่นเจียงมาถึง พร้อมกล่าวยืนยันอีกครั้งว่าตนได้สังหารฉู่จวินสิงและครอบครัวไปแล้วจริงๆแล้วเขาจะทำอย่างไรให้ฮ่องเต้ทรงเชื่อในคำสันนิษฐานของเขาได้?ซ้ำยังมีความรู้สึกว่า เรื่องนี้อ
เขารู้ว่าขุนนางกลุ่มนี้มิได้เห็นตนถูกปลดเป็นสามัญชน ซ้ำยังถูกเนรเทศไปอยู่เมืองอินเป่ย จนเลือกที่จะสวามิภักดิ์ต่อฉู่ชางเหยียนแต่กลับวางแผนเงียบๆ ว่าจะล้างมลทินให้ตนได้อย่างไร เพื่อให้กลับมาเมืองจิงโจวอีกครั้ง ครองตำแหน่งเยียนอ๋องตามเดิมฉู่จวินสิงรู้สึกปลื้มใจยิ่ง เขาคิดว่าตนดูคนไม่ผิด ขุนนางเหล่านี้มีความภักดีที่จะอยู่กับเขาอย่างจริงใจเพียงแต่ฐานะเขาตอนนี้ยังไม่เหมาะจะเผยตัว จึงมิได้ปรากฏตัวให้เหล่าขุนนางได้เห็นฉู่จวินสิงด้านหนึ่งเป็นห่วงเจี่ยนอันอัน อีกด้านก็นึกถึงอนาคตว่าจะบุกเข้าเมืองจิงโจวได้อย่างไรและขุนนางเหล่านั้นต่างก็มีกำลังทหารอยู่ในมือรอจนเขากลับไปจิงโจวเมื่อใด จะเป็นเวลาที่จะได้ชิงอำนาจกลับคืนมาอีกครั้ง......เจี่ยนอันอันมองดูยาในหม้อที่ต้มเสร็จแล้ว จึงรินเอาน้ำออกมา ส่วนกากยาถูกเททิ้งไปยาสองชามนี้เพียงพอที่จะขจัดพิษในตัวซางหมิงได้หมดนางนำยาไปเก็บไว้ในห้วงมิติ รอเพียงพรุ่งนี้เช้าซางหมิงตื่นมา ก็จะให้เขาดื่มเจี่ยนอันอันกลับเข้าห้องนอน พร้อมนำแว่นตาล่องหนออกมาใส่ไม่นานจึงมองเห็นฉู่ชางเหยียนนั่งอยู่ในห้องทรงอักษรและในห้องนั้นไม่เพียงมีฉู่ชางเหยียนกับมหา
เป็นครั้งแรกที่ฮวาหลานเอ๋อร์ได้เห็นโจ๊กแปดสมบัติ นางมองดูกระป๋องนั้นด้วยความแปลกใจ ไม่รู้ว่าควรจะเปิดอย่างไรดีเจี่ยนอันอันตบหน้าผากตนเอง พลันฝากระป๋องจึงเปิดออกง่ายดาย นำช้อนที่อยู่ข้างในกางออกเรียบร้อย พร้อมส่งให้ฮวาหลานเอ๋อร์“นี่ก็คือโจ๊กแปดสมบัติ รสชาติหอมหวาน แม้จะเย็นชืดไปบ้าง แต่กินไม่ยาก”เจี่ยนอันอันกล่าวพลาง ยื่นโจ๊กให้แก่ฮวาหลานเอ๋อร์ฮวาหลานเอ๋อร์ได้กลิ่นหอมของโจ๊กมาเตะจมูก จึงรีบตักเข้าปากเร็วพลันรสชาติหอมหวานและเนียนนุ่ม อบอวลอยู่ในปากนางทันที“พี่เจี่ยน โจ๊กแปดสมบัตินี้ช่างอร่อยจริง”ฮวาหลานเอ๋อร์กล่าวพลาง รีบอ้าปากกินแล้วกินอีกไม่นานโจ๊กแปดสมบัติทั้งกระป๋องก็ถูกนางกินหมดเกลี้ยงนางมิได้ถามเจี่ยนอันอันเอาโจ๊กชนิดนี้มาจากที่ใด คิดแต่ว่าเจี่ยนอันอันคงจะทำเอง“อิ่มแล้วก็กลับไปพักผ่อนเสีย ข้าอยู่ทางนี้ยังต้องต้มยาอีกสักพัก”เจี่ยนอันอันไม่ต้องการให้ฮวาหวานเอ๋อร์มาอยู่ข้างกาย เพราะเป็นเด็กอายุยังน้อย ต้องการการพักผ่อนอย่างเต็มที่ฮวาหลานเอ๋อร์ยิ้มให้เจี่ยนอันอันอย่างมีความสุข พลางยืนขึ้นแล้วกระโดดโลดเต้นเดินจากไปเจี่ยนอันอันอยู่ในครัวต้มยาต่อไปอีก จากนั้นจึงร