เจี่ยนอันอันหยิบสมุนไพรหลายชนิดออกมาจากในคลังวัสดุยาอีกครั้งนางเปิดประตูไปกล่าวกับซ่างชิวว่า “ท่านนำสมุนไพรพวกนี้ไปต้ม จำไว้ว่าต้องต้มโดยใช้ไฟอ่อน”ซ่างชิวมองสมุนไพรในมือแล้ววิ่งไปต้มยาในครัวโดยไม่ลังเลชาวบ้านที่ยืนอออยู่ในลานเรือนเห็นเจี่ยนอันอันเดินกลับเข้าไปในห้องอีกครั้งพวกเขาอยากชะโงกหน้าเข้าไปดูว่ายามนี้ในห้องเป็นอย่างไรบ้างแต่พวกเขายังไม่ทันเห็นอะไร เจี่ยนอันอันก็ปิดประตูลงเสียแล้วเจี่ยนอันอันจับชีพจรให้ตงเยว่อีกครั้งยามนี้ชีพจรของตงเยว่เป็นปกติแล้วผ่านไปไม่นาน ตงเยว่ก็ลืมตาขึ้นมานางเห็นว่าผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือหญิงแปลกหน้าคนหนึ่ง ขณะที่บิดาของตนไม่อยู่ในห้องตงเยว่ทำท่าจะกระถดหนีไปด้านในของเตียงอุ่นด้วยสีหน้าแตกตื่นแต่ร่างกายนางอ่อนแอเกินไป ครู่ก่อนอาการป่วยยังกำเริบตอนนี้กระทั่งนางจะพลิกตัวก็ยังยากเย็นแสนเข็ญซ่างตงเยว่เห็นว่าตนเองไม่อาจขยับตัวได้ก็ตกใจจนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีเจี่ยนอันอันยิ้มเอ่ยกับซ่างตงเยว่ “เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าไม่ใช่คนร้าย พ่อเจ้าเป็นคนเรียกข้ามารักษาอาการป่วยของเจ้า”ซ่างตงเยว่ไม่เชื่อคำพูดของเจี่ยนอันอัน นางเผยอปากถามเสียงอ่อนแร
ครั้นซ่างชิวได้ยินว่าอาการป่วยของลูกสาวเขาสามารถรักษาให้หายดีได้ หัวใจที่เครียดเขม็งก็ผ่อนคลายลงหลายส่วน“ได้ๆ ๆ ขอเพียงแม่นางสามารถรักษาอาการป่วยของตงเยว่ลูกข้าให้หายดีได้ อย่าว่าแต่หนึ่งปี ต่อให้สิบปีข้าก็รอไหว”เจี่ยนอันอันยิ้มบางพลางโบกมือ “ไม่นานถึงหนึ่งปีหรอก ท่านให้เวลาข้าสักอาทิตย์ ข้าก็สามารถรักษาตงเยว่ให้หายดีได้แล้ว”ชาวบ้านบริเวณนั้นล้วนคิดว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้เลยซ่างตงเยว่ป่วยเช่นนี้มาตั้งแต่เกิดแล้วนางไม่สามารถกระโดดโลดเต้นวิ่งเล่นไปทั่วเหมือนเด็กคนอื่นๆ ในหมู่บ้านชิงสุ่ยในอดีตหมอชราของหมู่บ้านชิงสุ่ยยังบอกว่าอย่างมากซ่างตงเยว่มีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินอายุแปดขวบหมอชราของหมู่บ้านชิงสุ่ยรักษาคนมาหลายสิบปีแล้วเขาได้รับความนับหน้าถือตาอย่างสูงในหมู่บ้านแม้แต่เขายังพูดว่าโรคของซ่างชิวไร้ยารักษาแม่นางน้อยผู้นี้จะรักษาโรคของซ่างตงเยว่ให้หายดีภายในเวลาสั้นๆ แค่อาทิตย์เดียวได้อย่างไรนางคงไม่ได้คุยโวหลอกลวงพวกเขากระมังแต่ซ่างชิวกลับเชื่อถือคำพูดของเจี่ยนอันอันอย่างมากเขารู้สึกว่าเจี่ยนอันอันไม่เหมือนคนที่จะคุยโวโอ้อวดยาแก้พิษที่เจี่ยนอันอันให้เขามาก่อนหน้านี
ผ่านไปครู่ใหญ่ ซ่างชิวถึงเดินออกมาจากในห้องชาวบ้านบริเวณนั้นล้วนถามเขาด้วยความวิตกกังวลว่าตงเยว่เป็นอย่างไรบ้าง?“ตงเยว่หลับไปแล้ว นางไม่เป็นไรแล้ว”ขณะที่ซ่างชิวกล่าววาจานั้น ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มผ่อนคลายออกมาชาวบ้านที่อยู่ตรงนั้นเห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกทุกคนเห็นว่าที่นี่ไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็แยกย้ายจากไปเจี่ยนอันอันพาซ่างชิวและชาวบ้านที่มาทำงานคนนั้นกลับมาที่บ้านเวลานั้น ฉู่จวินสิงนั่งอยู่ในลานเรือนมาตลอด ไม่ได้กลับห้องไปพักผ่อนเห็นเจี่ยนอันอันกลับมา จิตใจที่เขม็งเกลียวของเขาค่อยผ่อนคลายลงทีละน้อยเจี่ยนอันอันคิดไม่ถึงว่าฉู่จวินสิงจะยังคงนั่งอยู่ในลานบ้านอากาศร้านขนาดนี้ เขาไม่รู้สึกว่าแดดเผาบ้างเลยหรือ?เขาอย่าบอกนางเชียวนะว่าเขานั่งตากแดดแบบนี้เพื่อรับแคลเซียมน่ะ“ไยท่านไม่กลับไปพักผ่อนในห้อง มานั่งตรงนี้ทำไม?”เจี่ยนอันอันกล่าวพลางเดินมาถึงตรงหน้าฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงชี้ไปที่ห้องครัว “ข้าให้สาวใช้เก็บอาหารไว้ให้ เจ้าให้บ่าวรับใช้ยกออกมากินเถอะ”ฉู่จวินสิงพูดแล้วก็ค้ำโต๊ะลุกขึ้นยืน เดินกลับเข้าห้องไปทีละก้าวเจี่ยนอันอันเห็นว่าฉู่จวินสิงสามารถเด
อวี๋ว่านบอกความคิดในใจออกมาเจี่ยนอันอันฟังแล้วก็โบกมือเบาๆ “ไม่ต้องไปตัดต้นไม้ให้ยุ่งยากหรอก ข้ามีวัสดุไม้อยู่แล้ว”อวี๋ว่านได้ยินว่าเจี่ยนอันอันมีวัสดุไม้ก็ตอบตกลงทันที “เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหา”“ท่านบอกข้ามาว่าอยากได้เก้าอี้รถเข็นแบบไหน ข้าจะทำเก้าอี้รถเข็นให้ท่านคืนนี้เลย”เจี่ยนอันอันกล่าว “ไว้ข้าวาดแบบให้ท่านก่อน ถึงตอนนั้นท่านแค่ทำออกมาตามแบบก็ใช้ได้แล้ว”“แล้วก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนทำภายในคืนนี้หรอก ตอนกลางคืนมันมืด ทำตอนกลางวันดีกว่า”อวี๋ว่านรับคำอย่างซื่อๆ แล้วเริ่มกินข้าวเจี่ยนอันอันหันกลับไปทางซ่างชิวอีกครั้ง เอ่ยกับเขาว่า “ท่านเองก็ไม่จำเป็นต้องสงสัยในความสามารถของข้า ข้าบอกว่าสามารถรักษาให้หายดีภายในหนึ่งอาทิตย์ได้ก็ย่อมสามารถทำเช่นนั้น”ซ่างชิวตระหนักว่าคำถามเมื่อครู่ของตนเองไม่ค่อยเหมาะสมนักเขารีบเอ่ยว่า “เมื่อครู่ข้าพูดมากเกินไปแล้ว แม่นางโปรดอย่าเก็บไปใส่ใจ”หลังคนทั้งสามกินข้าวเสร็จแล้ว ซ่างชิวกับอวี๋ว่านก็ไปทำงานต่อที่ท้ายเรือนเจี่ยนอันอันกำลังจะเก็บถ้วยชามบนโต๊ะก็เห็นเหล่าสาวใช้เดินออกมาพวกนางรีบแย่งถ้วยชามในมือเจี่ยนอันอันแล้วนำไปล้างในครัวสี่เอ๋อร์
“เจ้าหมายความว่าขาพี่ใหญ่สามารถรักษาให้หายดีได้?”เจี่ยนอันอันบอกเล่าคำพูดที่ฟางอิ๋งเคยพูดไว้ให้ฉู่จวินสิงฟังหลังฉู่จวินสิงได้ฟังแล้ว ความรู้สึกก็เปลี่ยนเป็นซับซ้อนขึ้นมาปีนั้นตอนอยู่ในสนามรบ พี่ใหญ่ถูกธนูยิงก็เพราะปกป้องเขาตอนนั้นเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกันกว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาก็เป็นห้าวันหลังจากนั้นเขารู้จากผู้ใต้บังคับบัญชาว่าอาการบาดเจ็บของฉู่จวินหลุนไม่สามารถรักษาได้สุดท้ายก็ต้องพิการไปชั่วชีวิตเขารู้สึกละอายใจมาโดยตลอด คิดว่าตัวเองทำผิดต่อพี่ใหญ่แต่คิดไม่ถึงว่าที่สองขาของพี่ใหญ่ไม่สามารถยืนขึ้นได้เป็นเพราะถูกฉู่ชางเหยียนทำร้ายตอนนี้เขาเองก็ถูกฉู่ชางเหยียนลดขั้นเป็นสามัญชน คนทั้งครอบครัวถูกเนรเทศมาที่นี่ฉู่จวินสิงยิ่งคิดก็ยิ่งมีโทสะ มือทั้งสองกำเป็นหมัด อยากกลับเมืองจิงโจวไปคิดบัญชีกับฉู่ชางเหยียนเสียเดี๋ยวนี้ใจจะขาดเจี่ยนอันอันนำสมุดกลับมาก้มหน้าวาดรูปต่อไปนางเอ่ยโดยไม่เงยหน้า “วิญญูชนแก้แค้น สิบปีก็ยังไม่สาย ตอนนี้ท่านไม่ต้องคิดอะไรมาก ความแค้นนี้จะต้องได้ชำระไม่ช้าก็เร็ว”ฉู่จวินสิงคิดไม่ถึงว่าเจี่ยนอันอันจะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่เขาจ้องมองเจี่ยนอันอัน
หัวใจของเจี่ยนอันอันเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อต้องมาถูกบุรุษหน้าตาดีมองแบบนี้นางรีบก้มหน้าลงในทันใด ไม่กล้ามองฉู่จวินสิงอีก“เมื่อครู่ข้ามือหนักไปหน่อย ขออภัย”เจี่ยนอันอันพูดโดยไม่หยุดมือขณะที่นางกำลังทายารักษาให้ฉู่จวินสิง มือของนางก็ถูกมือหนาข้างหนึ่งกุมเอาไว้เจี่ยนอันอันอยากชักมือกลับแต่ต้องพบว่าอีกฝ่ายกุมแน่นกว่าเดิม“นี่ ท่านคิดจะทำอะไรอีก เมื่อครู่ข้าก็ขอโทษไปแล้ว อย่าให้มันมากเกินไปนัก!”เจี่ยนอันอันพูดแล้วเงยหน้าขึ้นทันควันที่นางไม่รู้ก็คือ ใบหน้าของฉู่จวินสิงขยับเข้ามาใกล้มากครั้นนางเงยหน้าขึ้น ริมฝีปากของทั้งสองจึงประกบเข้าด้วยกันพอดีเจี่ยนอันอันรีบถอยหลังกรูดประหนึ่งโดนไฟดูดแต่นางบังเอิญนั่งอยู่ที่ขอบเตียงพอดี เมื่อถอยหลังเช่นนี้จึงเกือบร่วงตกพื้นฉู่จวินสิงตาไวมือไว เขาโอบเอวของเจี่ยนอันอันเอาไว้“ระวังหน่อย” ฉู่จวินสิงพูดแล้วโอบเจี่ยนอันอันที่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเข้ามาไว้ในอ้อมอกตัวเองครั้นเจี่ยนอันอันคืนสติ นางก็รีบผลักฉู่จวินสิงอย่างแรง“ฉู่จวินสิง คนเลว ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”หน้าอกของฉู่จวินสิงเจ็บจากการถูกผลัก แต่เขาไม่อยากปล่อยเจี่ยนอันอันทั้งอย่างนี้
เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงปล่อยมือออกก็แทงเข็มเงินในมือเข้าที่ซี่โครงของเขาอย่างแรงฉู่จวินสิงรู้สึกเจ็บแปลบ เขาไม่ร้องแม้แต่คำเดียว เพียงหลับตารอให้เจี่ยนอันอันใจเย็นลงจังหวะที่เจี่ยนอันอันดึงเข็มออก มีโลหิตสีดำไหลออกมาโลหิตสีดำคั่งค้างอยู่ที่นี่มาโดยตลอด เป็นสาเหตุที่ทำให้ซี่โครงของฉู่จวินสิงไม่หายดีสักทีจริงอยู่ว่าเมื่อครู่นี้นางโกรธเคืองมาก แต่นางไม่ได้อยากทำร้ายฉู่จวินสิงเป็นครั้งที่สองเจี่ยนอันอันพูดเมื่อเห็นโลหิตสีดำไหลออกมา “หากมีครั้งหน้า ข้าจะทำให้ท่านนอนติดเตียงไปตลอดชีวิต ไม่มีวันได้ลุกขึ้น”ฉู่จวินสิงลืมตาขึ้นก็พบว่าเจี่ยนอันอันดูจะใจเย็นลงแล้วเขาขานตอบว่า “อืม” แล้วไม่ได้พูดอะไรอีกเจี่ยนอันอันพบว่ายาในขวดยาหมดลงแล้วนางดึงเข็มออกมาแล้วทิ้งขวดยาไว้ในห้วงมิติฉู่จวินสิงรู้สึกว่าหลังจากที่ซี่โครงถูกเข็มแทงเมื่อครู่ ความรู้สึกเจ็บก็มลายหายไปไม่เพียงเท่านั้น เขารู้สึกหายใจโล่งขึ้นด้วยแม้จะเป็นยามที่โมโหสุดขีด แต่เจี่ยนอันอันก็ไม่ได้ฆ่าเขาการค้นพบนี้ทำให้ภายในใจฉู่จวินสิงรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในทันใด ความรู้สึกประหลาดที่มีต่อเจี่ยนอันอันยิ่งลึกซึ้งมากขึ้นไปอ
เวลาล่วงเลยไปถึงช่วงค่ำอย่างรวดเร็วพวกซ่างชิวทำงานกันใกล้เสร็จแล้ว ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้านไปกินข้าวและพักผ่อนหลังจากที่ครอบครัวของฉู่จวินสิงกินมื้อเย็นกันเสร็จก็ออกมานั่งรับลมเย็นๆ ที่ลานบ้านฮูหยินใหญ่เห็นเจี่ยนอันอันเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันก็พูดด้วยความสงสาร “อันอัน พรุ่งนี้อย่าทำงานหนักขนาดนี้อีกเลย”“ครอบครัวเรามีบ่าวรับใช้ เรื่องบางเรื่องมอบให้พวกเขาจัดการก็พอ”ฮูหยินรองที่เงียบมาโดยตลอดเอ่ยปากพูดเช่นกัน “พี่หญิงพูดถูก อันอัน พรุ่งนี้อย่าทำแบบนี้อีก”“เจ้ายังไม่ตบแต่งกับจวินสิงแต่กลับทำงานหนักขนาดนี้ มันทำให้พวกข้าเกรงใจ”เจี่ยนอันอันส่งยิ้มให้ทั้งสองคน “รอให้สร้างโรงเก็บของเสร็จแล้วข้าค่อยพักเจ้าค่ะ”ฮูหยินใหญ่และฮูหยินรองต่างก็มองเจี่ยนอันอันด้วยสีหน้าปลื้มใจพวกนางรู้สึกว่าเจี่ยนอันอันไม่มีความบอบบางไม่สู้งานของคุณหนูใหญ่แม้แต่น้อยไม่เพียงเท่านั้น เจี่ยนอันอันยังคอยดูแลทุกอย่างมาตลอดหลายวันหากให้นางเป็นผู้ดูแลครอบครัว เช่นนั้นต้องดูแลบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อยได้แน่นอน ทั้งสองคนต่างก็หวังว่าฉู่จวินสิงจะได้แต่งเจี่ยนอันอันเข้าเรือนในเร็ววันหลังจากที่เจี่ยนอ
แต่หากเป็นความผิดของอีกฝ่ายหนึ่ง เขาในฐานะอารอง ก็จะไม่ละเว้นผู้ทำร้ายเฝิงซานกวงเช่นกันแต่ไม่คาดคิดว่า เพียงลงจากรถม้า ก็ได้เห็นเยียนอ๋องและพระชายาอยู่ที่นี่ด้วยเจ้าเมืองตานนึกหวั่นใจขึ้น คงไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงไปทำความผิดอันใดเข้าอีกหรอกนะเจี่ยนอันอันใบหน้าแฝงรอยยิ้ม พร้อมนำสัญญาเผด็จการที่เฝิงซานกวงและเฉียวซื่อทำไว้ฉบับแรกให้เจ้าเมืองตานได้ดูเจ้าเมืองตานดูแล้วจึงเกิดความสงสัย “ในสัญญาได้ลงชื่อทั้งสองฝ่ายไว้ แสดงว่าอีกฝ่ายก็ยินยอมพร้อมใจ แล้วจะผิดอย่างไร?”แม้ว่าเงื่อนไขที่ระบุไว้จะมีแต่ความเอารัดเอาเปรียบ แต่ก็มิได้บ่งบอกถึงสิ่งใดไฉนจึงต้องบาดหมางจนให้เขามาด้วยตนเอง?และเจ้าเมืองตานก็เห็นลูกน้องของเฝิงซานกวง ต่างถูกทำร้ายจนสะบักสะบอมเขามองหน้าเจี่ยนอันอันด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางกับฉู่จวินสิงจึงต้องทำร้ายลูกน้องเฝิงซานกวงเช่นนี้เจี่ยนอันอันดึงตัวแม่ลูกตระกูลเฉียวมาเข้าใกล้ พลางกล่าวต่อเจ้าเมืองตาน “เจ้าเมืองตาน คนนี้ก็คือผู้ทำสัญญากับเฝิงซานกวง”“นางไม่รู้หนังสือ ข้อความในสัญญาล้วนเป็นเฝิงซานกวงอ่านให้ฟังทั้งสิ้น”“แต่เท่าที่ข้ารู้ เฝิงซานกวงมิได้อ่านเนื้อ
เจี่ยนอันอันแม้ถูกด่าว่าก็หาโกรธเคืองไม่ กลับกลายเป็นฉู่จวินสิงที่เดินขึ้นหน้า พลางต่อยเข้าที่ปากเฝิงซานกวงหนึ่งหมัด“เจ้ากล้าด่าเหนียงจื่อของข้า เห็นทีอยากถูกเลาะฟันออกจากปากเสียแล้ว”หมัดนี้ของฉู่จวินสิงหนักหน่วงยิ่ง ถึงขั้นทำให้ฟันหน้าของเฝิงซานกวงร่วงสองซี่ในบัดดลแต่เพราะเฝิงซานกวงถูกผ้าพันแผลปิดหน้าไว้หมด ฟันหน้าจึงค้างอยู่ในปาก จะบ้วนทิ้งก็ไม่ได้ กลืนลงคอก็ไม่กล้าอีกฟันหน้าถูกค่อยจนร่วง ริมฝีปากก็ยังแตกซ้ำความเจ็บปวดในปากนั้น แทบทำให้เฝิงซานกวงอยากด่าไปถึงบุพการีแต่ภายหลังได้ลิ้มลองหมัดของฉู่จวินสิง เขากลับไม่กล้าใช้คำพูดดุเดือดออกมาอีกแม้แต่คำเดียวทันใดนั้นเอง มีเสียงรถม้าแว่วมาแต่ไกลทุกคนหันมองไปตามเสียงนั้น จึงเห็นรถม้าของทางการวิ่งตรงมาคันหนึ่งและผู้ที่ไปส่งข่าวยังจวนเจ้าเมืองตาน ก็วิ่งตามหลังรถม้ามาเจี่ยนอันอันผุดรอยยิ้มที่มุมปาก ดูท่าเจ้าเมืองตานมาได้รวดเร็วดีแท้รถม้ามาหยุดที่เบื้องหน้าทุกคนเร็วพลัน โดยมีเจ้าเมืองตานเปิดผ้าม่านแล้วก้าวเดินลงมาทันทีที่เห็นเฝิงซานกวงใบหน้าห่อด้วยผ้าพันแผลหนาเตอะ ซ้ำมุมปากยังมีคราบโลหิตซึมออกมา“เจ้าไปก่อกรรมทำเข็ญเรื่อง
เจี่ยนอันอันยิ้มเล็กน้อย “พี่เฉียว อย่ามัวยืนเฉย รีบลงชื่อก่อนเถิด”“ประเดี๋ยวเมื่อเจ้าเมืองตานมาถึง ยังต้องให้เขาดูด้วย”เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเบามาก จงใจมิให้เฝิงซานกวงกับลูกน้องเขาได้ยินแต่แม่ลูกตระกูลเฉียวและฉู่จวินสิงกลับได้ยินชัดเจนฉู่จวินสิงมุมปากเชิดขึ้น คิดในใจว่าการจะสั่งสอนคนเช่นเฝิงซานกวง ต้องใช้วิธีนี้จึงจะสาสมเฝิงซานกวงได้ยินไม่ชัดว่าเจี่ยนอันอันพูดเรื่องใด แต่มั่นใจว่าคงมิใช่เรื่องดีแน่นอนเฉียวซื่อรับเอากระดาษและพู่กันไป พลางเขียนชื่อตนเองบนกระดาษด้วยลายมือโย้เย้นางกำลังคิดอยู่ว่าต้องกัดนิ้วตนให้ขาดดีหรือไม่ พลันเห็นเจี่ยนอันอันไม่รู้ไปหยิบแป้นประทับตราจากที่ใดออกมาหนึ่งอันเจี่ยนอันอันกล่าวยิ้มๆ “พี่เฉียว การประทับตราของเราไม่ต้องเสียโลหิต”เฉียวซื่อยิ้มตามเช่นกัน พลางกดนิ้วมือลงบนแป้นนั้น แล้วประทับลายนิ้วลงไปบนสัญญาอีกทีเมื่อต่างลงนามในสัญญาฉบับใหม่เรียบร้อย ฉบับเก่าก็นับว่าเป็นโมฆะไปแต่เจี่ยนอันอันกลับไม่คิดฉีกสัญญาฉบับเก่าทิ้งไป นางจะรอให้เจ้าเมืองตานมาถึง และให้เขาดูเงื่อนไขเอาเปรียบที่อยู่ในนั้นนางใช้วิธีเดียวกันนี้ เขียนสัญญาใหม่ขึ้นมาอีกฉบับ
ยามนี้เขารู้สึกเสียใจยิ่ง เมื่อครู่ไม่ควรกล่าวถึงท่านอารองออกมาเร็วถึงเพียงนั้นแต่บัดนี้ลูกน้องไปเชิญท่านอามาแล้ว ถึงตอนนั้นเขาจะทำอย่างไรดี?เมื่อนึกถึงตรงนี้ เฝิงซานกวงรีบกล่าวต่อลูกน้องอีกคน “เจ้าไปบอกให้อู่เฉียงกลับมา”ลูกน้องผู้นั้นรับคำสั่งกำลังจะรีบวิ่งไปแต่เดินได้ไม่ถึงสองก้าว พลันถูกฉู่จวินสิงขวางหน้าไว้ก่อน“ผู้ใดกล้าขยับเขยื้อน ข้าจะให้ผู้นั้นเลือดนองอาบพื้นดินในบัดดล”ลูกน้องผู้นั้นได้แต่หวาดกลัวจนชะงักงัน พร้อมหันไปมองเฝิงซานกวง“ลูกพี่...”เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ไปก็ไม่ได้อยู่ต่อก็มีความผิดเฝิงซานกวงโกรธจนกำหมัดแน่น เสียงขบฟันดังกรอดจนได้ยินชัด“พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”เขาเริ่มรู้แล้วว่า วันนี้ตนน่าจะเจอจิ้งจอกเขี้ยวลากดินเข้าให้แล้วดูท่าหากไม่ต้อนรับขับสู้พวกเขาให้ดี เกรงว่าอีกประเดี๋ยวจะมีจุดจบที่ไม่สู้งามนักเจี่ยนอันอันเห็นว่าเฝิงซานกวงน่าจะอับจนปัญญา จึงเอาสัญญาที่เฉียวซื่อมอบให้นางออกมา“เฝิงซานกวง นี่คือสัญญาที่เจ้าทำไว้กับเฉียวซื่อ ในนี้มีเงื่อนไขข้อหนึ่ง ข้าอาจต้องแก้ไขเล็กน้อย”เฝิงซานกวงกัดฟันกรอดอีกครั้ง บันดาลโทสะเสียจนใบหน้าที่อยู
พวกเขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรญาติที่เป็นขุนนางของลูกพี่เป็นผู้มีอิทธิพลนัก ดูแลทุกอย่างในอำเภอไถหยางก็ว่าได้เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็น “คุยมาตั้งนาน ยังไม่เห็นบอกชื่อว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ข้าว่าคงจะแต่งเรื่องส่งเดชมากกว่า”เฝิงซานกวงถูกเจี่ยนอันอันยุยงอีกครั้ง เดิมทีเขาก็ไม่อยากเอ่ยชื่อเจ้าเมืองออกมาแต่ครั้งนี้เห็นทีไม่พูดก็ไม่ได้เสียแล้ว“ฮึ่ม พูดแล้วพวกเจ้าจะตกใจ ท่านอารองของข้าเป็นเจ้าเมืองแห่งอำเภอไถหยาง”“หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องกิจการในเหมืองของข้า ข้าจะให้ท่านอาส่งคนมาจับพวกเจ้าไปขังคุกเสีย!”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินว่าอารองของเฝิงซานกวงก็คือเจ้าเมืองตานนั่นเอง นางจึงเริ่มมีแผนการในใจ“อ้อ หมายถึงเจ้าเมืองตานผู้นั้นหรอกรึ? ยังนึกว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่ใดเสียอีก”“เชิญไปเรียกตัวมาได้เลย แล้วเรามายันกันซึ่งหน้า ให้รู้ไปว่าเขาจะเข้าข้างเจ้า หรือเห็นด้วยกับเรามากกว่า”เฝิงซานกวงมองดูท่าทีของเจี่ยนอันอัน คล้ายไม่กลัวกระทั่งคนเป็นเจ้าเมือง จึงให้ตกใจซ้ำอีกเขาแอบคิดในใจ หรือว่าท่านอารองจะรู้จักกับคนสองคนนี้?จึงหันไปกระซิบกระซาบต่อลูกน้องข้างกาย “รีบไปเชิญอารองข้ามาเดี๋ยวนี้”
เหล่าคนงานที่เข้าออกเหมืองแร่เห็นเหตุการณ์เข้า ต่างก็ตกใจเป็นอย่างมากเพราะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นลูกน้องของนายจ้างถูกผู้อื่นทำร้ายเช่นนี้แม้แต่ละคนจะมีความตกใจ แต่ลึกๆ กลับรู้สึกสะใจมากกว่าเพราะบริวารของเฝิงซานกวงเหล่านี้ ปกติมักจะใช้กำลังกับพวกเขาบ่อยๆทุกครั้งที่พวกเขาขุดหาแร่ออกมาไม่ได้ปริมาณตามที่ต้องการ ลูกน้องเฝิงซานกวงก็พากันมารุมซ้อมพวกเขาอย่างหนัก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าไปบอกใครบางคนเคยคิดหนีไปจากที่นี่ แต่ครั้งใดที่มีผู้หลบหนี มักถูกจับกลับมาแล้วซ้อมหนักยิ่งกว่าเดิมอีกที่สำคัญพวกเขาแทบจำไม่ได้ว่าตนคือใคร บ้านช่องอยู่ที่ใดจึงได้แต่ใช้แรงกายแลกกับเงินน้อยนิดเพียงสองอีแปะในแต่ละวัน อดทนทำงานอยู่ที่นี่ต่อไปเมื่อชายสองคนถูกทำร้ายเข้า จึงมีลูกน้องเฝิงซานกวงตามออกมาอีกทุกคนเมื่อเห็นว่ามีคนมาก่อเรื่อง จึงกรูกันเข้าหาฉู่จวินสิงทันทีแต่มิต้องรอให้พวกเขามาเข้าใกล้ ฉู่จวินสิงใช้กำลังภายในซัดออกไปก่อนแล้วทุกคนต่างทยอยล้มลง พลางกลิ้งไปมา ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดทันใดนั้นเอง มีเสียงหนึ่งตะคอกดังขึ้น “ผู้ใดกล้าบังอาจมาก่อเรื่องในเหมืองของข้า อยากตายหรืออย่างไร?”ใบ
แต่บัดนี้นางเปิดร้านมาสิบกว่าวัน ขายได้เพียงรูปสัตว์โลหะไม่กี่ตัวเท่านั้นเฉียวซื่อบอกเล่าสิ่งที่พบเจอให้เจี่ยนอันอันฟัง ทำให้นางเกิดความเข้าใจขึ้นทันทีที่แท้เฉียวซื่อถูกเฝิงซานกวงหลอกลวงมาแต่แรกเจี่ยนอันอันเพียงคิดว่าต่อให้นางซื้อของตกแต่งเหล่านี้กลับไป ก็มิได้ใช้ประโยชน์นักจึงนำหนูโลหะตัวเล็กในมือวางกลับที่เดิมเฉียวซื่อเห็นเจี่ยนอันอันทำเช่นเดียวกับลูกค้าอื่นในร้าน เพียงเข้ามาหยิบดูเล็กน้อย จากนั้นจึงวางของตกแต่งลงไว้ที่เดิมดูแล้วคล้ายไม่สู้ถูกใจผลงานที่นางสร้างสรรค์ออกมาเท่าใดนัก พลันเกิดความรู้สึกท้อแท้ นางคงไม่เหมาะจะทำอาชีพนี้จริงๆ กระมังหากตอนนี้สามียังอยู่ก็คงดี นางจะได้ฝึกวิชาการตีเหล็กจากเขาให้ออกมาเป็นงานอื่นบ้างและเมื่อครู่เจี่ยนอันอันรู้จากปากเฉียวซื่อ ว่าเฝิงซานกวงได้เปิดกิจการเหมืองแร่แห่งหนึ่งทุกวันจะมีคนงานไปด้านหลังภูเขาที่อยู่ห่างไกล ขุดเอาแร่เหล็กและหยกออกมา เพื่อนำกลับมาถลุงเป็นเครื่องหยกและของใช้ที่ทำจากเหล็กนางเห็นเฉียวซื่อคล้ายมีอาการท้อใจ จึงกล่าวยิ้มแย้ม “พี่เฉียว ท่านพาข้าไปดูที่เหมืองของเฝิงซานกวงก่อน ข้ามีสิ่งของบางอย่างต้องการจะซื้อ”
เจี่ยนอันอันหยิบมากวาดตาดูก็มองความผิดปกติบนนั้นออกได้ในทันที“เงื่อนไขในนี้เข้มงวดเกินไปแล้ว ถ้าฝ่ายไหนยุติสัญญาจะต้องชดเชยให้อีกฝ่ายเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึง”“เจ้าหมอนี่ช่างกล้าเขียน สัญญานี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเงื่อนไขแบบมัดมือชกกันชัดๆ”“ข้าว่าท่านไม่ร่วมงานกับเขาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้เฉียวซื่อใจหายวูบนางรู้จักตัวหนังสือแค่ไม่กี่ตัว นอกจากเขียนชื่อตัวเองเป็นแล้ว เงื่อนไขในนั้นนางอ่านไม่เข้าใจเลยสักนิดเฝินซานกวงเป็นคนอ่านให้นางฟัง นางรู้สึกว่าเงื่อนไขสมเหตุสมผลมากจึงลงนามในสัญญากับอีกฝ่ายแต่คิดไม่ถึงเลยว่า เฝิงซานกวงจะกล้าเล่นเล่ห์กับนางแบบนี้เดิมนั้นนางอยากยกเลิกสัญญากับอีกฝ่าย แต่กลับได้ยินเฝิงซานกวงพูดว่า ถ้านางกล้าเป็นฝ่ายยกเลิกสัญญาก็จะต้องชดเชยเงินให้เฝิงซานกวงเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึงตอนนั้นเฉียวซื่อตกใจยิ่งนักนางเคยไปถามเถ้าแก่ร้านข้างเคียง ฝ่ายตรงข้ามก็บอกว่าเงื่อนไขนี้เขียนไว้อย่างชัดเจน ต้องจ่ายเงินชดเชยให้อีกฝ่ายหนึ่งแสนตำลึงจริงๆเงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้ นางจะไปหาเงินมากมายขนาดนี้มาจากที่ไหนถึงตอนนี้เฉียวซื่อจึงตระหนักว่
ตอนนี้เขาทำได้เพียงอดทนอดกลั้นต่อความเจ็บปวด ยอมรับการทุบตีจากเฉียวอี้บริเวณรอบๆ มีคนล้อมเข้ามามุงดูจำนวนมาก พวกเขาต่างชี้ไม้ชี้มือมาทางชายผู้นั้น“คนคนนี้แค่เห็นก็รู้แล้วว่าต้องไม่ใช่คนดีแน่ ดูหน้าตาทรงโจรของเขาสิ แปดส่วนคงเป็นเพราะไปหาเรื่องคนอื่นก่อน ถึงได้ถูกเด็กคนนั้นซ้อมเอาแบบนี้”“เมื่อครู่ข้าได้ยินแล้ว เขาไปลงไม้ลงมือกับแม่ของเด็กคนนั้น ข้าว่าตีเขายังน้อยไป ควรแจ้งความมากกว่า”คนมุงบริเวณรอบๆ ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นานาเฉียวอี้ควงหมัดทักทายใบหน้าของชายผู้นั้นหนักกว่าเดิมในไม่ช้า เฉียวอี้ก็ตีจนรู้สึกเจ็บกำปั้น แต่เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจนกระทั่งอัดศีรษะชายผู้นั้นจนบวมเป่งเหมือนหมู เฉียวอี้ถึงได้หยุดมือพร้อมหอบหายใจแม้ว่ากำปั้นของเฉียวอี้จะไม่ใหญ่ แต่ครั้นทุบตีคนก็ร้ายกาจยิ่งนักเห็นใบหน้าชายผู้นั้นเขียวช้ำไปหมด เฉียวอี้ก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากเจี่ยนอันอันกล่าวกับชายผู้นั้นว่า “หากวันหน้าเจ้ายังกล้ามาคุกคามแม่ลูกตระกูลเฉียวอีก ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าสบายแบบนี้แน่ ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”ชายผู้นั้นไม่กล้าพูดมาก ลุกขึ้นมากุมศีรษะแล้วเผ่นหนีไปคนมุงบริเวณรอบๆ เ