“เจ้าหมายความว่าขาพี่ใหญ่สามารถรักษาให้หายดีได้?”เจี่ยนอันอันบอกเล่าคำพูดที่ฟางอิ๋งเคยพูดไว้ให้ฉู่จวินสิงฟังหลังฉู่จวินสิงได้ฟังแล้ว ความรู้สึกก็เปลี่ยนเป็นซับซ้อนขึ้นมาปีนั้นตอนอยู่ในสนามรบ พี่ใหญ่ถูกธนูยิงก็เพราะปกป้องเขาตอนนั้นเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกันกว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาก็เป็นห้าวันหลังจากนั้นเขารู้จากผู้ใต้บังคับบัญชาว่าอาการบาดเจ็บของฉู่จวินหลุนไม่สามารถรักษาได้สุดท้ายก็ต้องพิการไปชั่วชีวิตเขารู้สึกละอายใจมาโดยตลอด คิดว่าตัวเองทำผิดต่อพี่ใหญ่แต่คิดไม่ถึงว่าที่สองขาของพี่ใหญ่ไม่สามารถยืนขึ้นได้เป็นเพราะถูกฉู่ชางเหยียนทำร้ายตอนนี้เขาเองก็ถูกฉู่ชางเหยียนลดขั้นเป็นสามัญชน คนทั้งครอบครัวถูกเนรเทศมาที่นี่ฉู่จวินสิงยิ่งคิดก็ยิ่งมีโทสะ มือทั้งสองกำเป็นหมัด อยากกลับเมืองจิงโจวไปคิดบัญชีกับฉู่ชางเหยียนเสียเดี๋ยวนี้ใจจะขาดเจี่ยนอันอันนำสมุดกลับมาก้มหน้าวาดรูปต่อไปนางเอ่ยโดยไม่เงยหน้า “วิญญูชนแก้แค้น สิบปีก็ยังไม่สาย ตอนนี้ท่านไม่ต้องคิดอะไรมาก ความแค้นนี้จะต้องได้ชำระไม่ช้าก็เร็ว”ฉู่จวินสิงคิดไม่ถึงว่าเจี่ยนอันอันจะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่เขาจ้องมองเจี่ยนอันอัน
หัวใจของเจี่ยนอันอันเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อต้องมาถูกบุรุษหน้าตาดีมองแบบนี้นางรีบก้มหน้าลงในทันใด ไม่กล้ามองฉู่จวินสิงอีก“เมื่อครู่ข้ามือหนักไปหน่อย ขออภัย”เจี่ยนอันอันพูดโดยไม่หยุดมือขณะที่นางกำลังทายารักษาให้ฉู่จวินสิง มือของนางก็ถูกมือหนาข้างหนึ่งกุมเอาไว้เจี่ยนอันอันอยากชักมือกลับแต่ต้องพบว่าอีกฝ่ายกุมแน่นกว่าเดิม“นี่ ท่านคิดจะทำอะไรอีก เมื่อครู่ข้าก็ขอโทษไปแล้ว อย่าให้มันมากเกินไปนัก!”เจี่ยนอันอันพูดแล้วเงยหน้าขึ้นทันควันที่นางไม่รู้ก็คือ ใบหน้าของฉู่จวินสิงขยับเข้ามาใกล้มากครั้นนางเงยหน้าขึ้น ริมฝีปากของทั้งสองจึงประกบเข้าด้วยกันพอดีเจี่ยนอันอันรีบถอยหลังกรูดประหนึ่งโดนไฟดูดแต่นางบังเอิญนั่งอยู่ที่ขอบเตียงพอดี เมื่อถอยหลังเช่นนี้จึงเกือบร่วงตกพื้นฉู่จวินสิงตาไวมือไว เขาโอบเอวของเจี่ยนอันอันเอาไว้“ระวังหน่อย” ฉู่จวินสิงพูดแล้วโอบเจี่ยนอันอันที่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเข้ามาไว้ในอ้อมอกตัวเองครั้นเจี่ยนอันอันคืนสติ นางก็รีบผลักฉู่จวินสิงอย่างแรง“ฉู่จวินสิง คนเลว ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”หน้าอกของฉู่จวินสิงเจ็บจากการถูกผลัก แต่เขาไม่อยากปล่อยเจี่ยนอันอันทั้งอย่างนี้
เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงปล่อยมือออกก็แทงเข็มเงินในมือเข้าที่ซี่โครงของเขาอย่างแรงฉู่จวินสิงรู้สึกเจ็บแปลบ เขาไม่ร้องแม้แต่คำเดียว เพียงหลับตารอให้เจี่ยนอันอันใจเย็นลงจังหวะที่เจี่ยนอันอันดึงเข็มออก มีโลหิตสีดำไหลออกมาโลหิตสีดำคั่งค้างอยู่ที่นี่มาโดยตลอด เป็นสาเหตุที่ทำให้ซี่โครงของฉู่จวินสิงไม่หายดีสักทีจริงอยู่ว่าเมื่อครู่นี้นางโกรธเคืองมาก แต่นางไม่ได้อยากทำร้ายฉู่จวินสิงเป็นครั้งที่สองเจี่ยนอันอันพูดเมื่อเห็นโลหิตสีดำไหลออกมา “หากมีครั้งหน้า ข้าจะทำให้ท่านนอนติดเตียงไปตลอดชีวิต ไม่มีวันได้ลุกขึ้น”ฉู่จวินสิงลืมตาขึ้นก็พบว่าเจี่ยนอันอันดูจะใจเย็นลงแล้วเขาขานตอบว่า “อืม” แล้วไม่ได้พูดอะไรอีกเจี่ยนอันอันพบว่ายาในขวดยาหมดลงแล้วนางดึงเข็มออกมาแล้วทิ้งขวดยาไว้ในห้วงมิติฉู่จวินสิงรู้สึกว่าหลังจากที่ซี่โครงถูกเข็มแทงเมื่อครู่ ความรู้สึกเจ็บก็มลายหายไปไม่เพียงเท่านั้น เขารู้สึกหายใจโล่งขึ้นด้วยแม้จะเป็นยามที่โมโหสุดขีด แต่เจี่ยนอันอันก็ไม่ได้ฆ่าเขาการค้นพบนี้ทำให้ภายในใจฉู่จวินสิงรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในทันใด ความรู้สึกประหลาดที่มีต่อเจี่ยนอันอันยิ่งลึกซึ้งมากขึ้นไปอ
เวลาล่วงเลยไปถึงช่วงค่ำอย่างรวดเร็วพวกซ่างชิวทำงานกันใกล้เสร็จแล้ว ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้านไปกินข้าวและพักผ่อนหลังจากที่ครอบครัวของฉู่จวินสิงกินมื้อเย็นกันเสร็จก็ออกมานั่งรับลมเย็นๆ ที่ลานบ้านฮูหยินใหญ่เห็นเจี่ยนอันอันเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันก็พูดด้วยความสงสาร “อันอัน พรุ่งนี้อย่าทำงานหนักขนาดนี้อีกเลย”“ครอบครัวเรามีบ่าวรับใช้ เรื่องบางเรื่องมอบให้พวกเขาจัดการก็พอ”ฮูหยินรองที่เงียบมาโดยตลอดเอ่ยปากพูดเช่นกัน “พี่หญิงพูดถูก อันอัน พรุ่งนี้อย่าทำแบบนี้อีก”“เจ้ายังไม่ตบแต่งกับจวินสิงแต่กลับทำงานหนักขนาดนี้ มันทำให้พวกข้าเกรงใจ”เจี่ยนอันอันส่งยิ้มให้ทั้งสองคน “รอให้สร้างโรงเก็บของเสร็จแล้วข้าค่อยพักเจ้าค่ะ”ฮูหยินใหญ่และฮูหยินรองต่างก็มองเจี่ยนอันอันด้วยสีหน้าปลื้มใจพวกนางรู้สึกว่าเจี่ยนอันอันไม่มีความบอบบางไม่สู้งานของคุณหนูใหญ่แม้แต่น้อยไม่เพียงเท่านั้น เจี่ยนอันอันยังคอยดูแลทุกอย่างมาตลอดหลายวันหากให้นางเป็นผู้ดูแลครอบครัว เช่นนั้นต้องดูแลบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อยได้แน่นอน ทั้งสองคนต่างก็หวังว่าฉู่จวินสิงจะได้แต่งเจี่ยนอันอันเข้าเรือนในเร็ววันหลังจากที่เจี่ยนอ
ฉู่จวินหลุนฟังที่เซิ่งฟางพูดแล้วกัดฟันพูดว่า “ทั้งหมดเป็นแผนการฉู่ชางเหยียน”“เขาวางแผนเช่นนี้เพื่อหมายจะชิงบัลลังก์”“เกรงว่าคลังสมบัติที่เมืองอินเป่ยอะไรนั่นจะเรื่องที่เขาจินตนาการขึ้นมาเองมากกว่า”“ในฐานะที่พวกข้าเป็นองค์ชายของแคว้นไท่ยวน พวกข้าไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อนว่าเมืองอินเป่ยมีคลังสมบัติ”“แม้แต่ขุนนางคนสำคัญในราชสำนักก็ยังไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้”ฉู่จวินสิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธแค้นเช่นกัน เขามองขาที่พิการของพี่ใหญ่จากนั้นนึกถึงถ้อยคำที่เจี่ยนอันอันเคยพูดด้วย ยิ่งโกรธแค้นหนักกว่าเดิมเวลานี้เขานึกย้อนเสียใจจริงๆ ที่ไม่เห็นธาตุแท้ของฉู่ชางเหยียนให้เร็วกว่านี้เขาไม่ได้กวาดล้างกองกำลังของฉู่ชางเหยียนให้ราบพนาสูญ เพราะเห็นแก่ที่เป็นองค์ชายเหมือนกันส่งผลให้เกิดเหตุการณ์หลายอย่างในเวลาต่อมาฉู่อันเจ๋ออดด่าไม่ได้เช่นกัน “เจ้าคนสารเลวฉู่ชางเหยียน เขาทำให้พวกเราถูกเนรเทศมาอยู่ที่นี่!”“หากวันใดได้กลับไปที่เมืองจิงโจว ข้าจะเป็นคนแรกที่สังหารเขา!”ฮูหยินรองได้ยินฉู่อันเจ๋อก่นด่าเสียงดังขนาดนี้ก็รีบร้องปราม “เจ๋อเอ๋อร์ เจ้าอย่าพูดเหลวไหล”“ท่านแม่ ข้าไม่ได้พูดเหลวไหล
ฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันยอมคุยกับตัวเองในที่สุด หัวใจที่ว่างเปล่าของเขาก็เปลี่ยนจากมืดมนมาเป็นสดใสในทันใดเขานั่งลงข้างเตียงอุ่น กอดผ้าห่มไม่ยอมคืนให้เจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันแค่นเสียงฮึดฮัดแล้วหันหน้าหนี ไม่อยากมองเขา ฉู่จวินสิงพูดอีกครั้ง “เจ้าหายโกรธได้หรือไม่? จะทุบตีข้าก็ได้ ข้าทนไหว”ที่ผ่านมาเขาเอาใจผู้ใดไม่เป็น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการพูดเอาใจหญิงสาวอย่างนอบน้อมเช่นนี้จู่ๆ ภายในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบงันผ่านไปครู่หนึ่ง เจี่ยนอันอันถึงค่อยพูดว่า “ท่านมานี่หน่อย”ฉู่จวินสิงไม่รู้ว่าเจี่ยนอันอันจะทำอะไร ได้แต่ทำตามที่นางบอกเขาโน้มตัวเข้าไปใกล้เจี่ยนอัน จากนั้นพบว่านางหันมาจูบริมฝีปากเขาอย่างแรงหลังจากที่จูบฉู่จวินสิง ใบหน้าของเจี่ยนอันอันก็แดงก่ำ“ครานี้พวกเราเสมอกันแล้ว ท่านกลับไปที่เตียงฝั่งของท่านได้แล้วล่ะ”ฉู่จวินสิงยกมือแตะริมฝีปากตัวเองเขาคิดไม่ถึงว่าเจี่ยนอันอันจะทำแบบนี้ครั้นเห็นฉู่จวินสิงแน่นิ่งไม่ขยับ ดวงตาเมล็ดซิ่งของเจี่ยนอันอันก็เบิกโพลงขึ้น“เหตุใดยังไม่กลับไปอีก หรือว่าต้องให้ข้าแทงท่านอีกเข็ม?”ฉู่จวินสิงได้สติ มุมปากยกโค้งเป็นรอยยิ้มหล่อเหลา
“แม่นาง ท่านช่วยเหลือข้ามากขนาดนี้ ข้าไม่รู้ว่าควรพูดอะไรจริงๆ”เบ้าตาของซ่างชิวแดงพร่าเล็กน้อย ภายในใจรู้สึกผิดต่อเจี่ยนอันอันมากขึ้นไปอีกเมื่อไม่กี่วันก่อน พวกเขาพยายามขัดขวางไม่ให้เจี่ยนอันอันกับครอบครัวของนางมาอยู่ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยอย่างสุดกำลังทว่าเจี่ยนอันอันไม่เพียงไม่ถือสา แต่ยังรักษาอาการป่วยให้ลูกสาวของเขาด้วยเขาคิดว่าตัวเองคงไม่ได้รับค่าแรงใดๆ นึกไม่ถึงว่าจะได้มาห้าตำลึงต่อให้เขาเข้าไปทำงานในเมืองก็ไม่มีทางหาเงินได้มากขนาดนี้ภายในเวลาแค่สามวันเจี่ยนอันอันเห็นพวกซ่างชิวมีอาการตื้นตันก็พูด “ต่อไปพวกข้าต้องอยู่ที่นี่อีกนาน”“ถึงเวลาแล้วคงต้องรบกวนพวกท่าน”“ค่าแรงนี้เป็นค่าตอบแทนที่พวกท่านสร้างโรงเก็บของ พวกท่านก็รับไว้เถิด”พวกซ่างชิวไม่รู้จะพูดอะไรดี พวกเขาเก็บเงินแล้วโค้งตัวขอบคุณเจี่ยนอันอันหลังจากที่อีกสามคนจากไป มีเพียงซ่างชิวกับอวี๋ว่านที่อยู่ต่อเจี่ยนอันอันเห็นว่าซ่างชิวอยู่ต่อก็ถามด้วยความสงสัย “เหตุใดไม่กลับไปพร้อมกับพวกเขา?”ซ่างชิวเกาท้ายทอยพลางตอบด้วยสีหน้าซื่อๆ “แม่นาง ข้าอยากอยู่ต่อ เผื่อว่าจะมีอะไรให้ข้าช่วย”เจี่ยนอันอันคิดแล้วพยักหน้า “ถ้าเช
ฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันซักไซ้เอาความก็ยักไหล่“ไม่ได้พูดอะไร แค่บอกว่าไม้พะยูงหอมชั้นดีพวกนั้นเป็นของที่เจ้าขนมาจากบ้านมารดา”เจี่ยนอันอันต้องไม่เชื่ออยู่แล้วว่าฉู่จวินสิงจะพูดแค่นี้นางซักไซ้ต่อ “ไม่มีทางที่ท่านจะพูดแค่นี้ รีบบอกความจริงข้ามา ท่านพูดเรื่องที่จะแต่งงานกับข้าให้ฮูหยินใหญ่ฟังด้วยใช่หรือไม่?”ฉู่จวินสิงรู้สึกว่าเจี่ยนอันอันฉลาดเหนือคนธรรมดาจริงๆ เป็นความจริงที่เขาพูดเรื่องนี้กับฮูหยินใหญ่ฉู่จวินสิงกระแอมเบาๆ “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ยินดีแต่งงานกับข้า แต่นี่เป็นการแต่งงานที่ฮ่องเต้ทรงพระราชทาน”“ตอนนั้นเขาสั่งแล้วว่าเจ้ากับข้าต้องแต่งงานกันภายในหนึ่งเดือน”คำพูดของฉู่จวินสิงเป็นความจริง เจี่ยนอันอันเข้าใจถึงเส้นตายของการแต่งงานครั้งนี้จากความทรงจำของร่างเดิมวันที่ครอบครัวของฉู่จวินสิงถูกยึดทรัพย์และเนรเทศก็คือวันสุดท้ายที่นางต้องแต่งงานกับฉู่จวินสิงพอดีหากวันนั้นไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นเสียก่อน ตอนนี้นางก็คงแต่งงานกับฉู่จวินสิงไปแล้วตอนนี้พวกนางเลยกำหนดเส้นตายที่ต้องแต่งงานมาหลายวันแล้วเคราะห์ดีที่สวรรค์สูงฮ่องเต้ห่างไกล[1] แม้พวกนางจะยังไม่แต่งงานกัน แต่ฝั่
ประจวบกับที่เวลานั้น เสียงเจี่ยนอันอันดังขึ้นพอดี“เจ้าอย่าเพิ่งพูดอะไร ประเดี๋ยวข้าจะให้เจ้ากินยาแก้พิษ เจ้าก็จะหายดีแล้ว”เจี่ยนอันอันกล่าวพลางเบี่ยงเบนความสนใจไปยังเข็มเงินไม่กี่เล่มนั้นอวี๋เสี่ยวเยว่กวาดสายตามองไปรอบๆ ถึงตอนนี้ค่อยสังเกตเห็นโลงศพสีดำโลงนั้นพอคิดถึงว่าเมื่อครู่ตนเองอยู่ในโลงศพ ทั้งข่วนทั้งเตะไปยกหนึ่ง แต่กลับไม่มีใครคิดจะช่วยนางออกมานางนึกหวาดกลัวทีหลังจนน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัวตอนที่ตื่นขึ้นมาในโลงศพ อวี๋เสี่ยวเยว่ก็สำนึกเสียใจแล้วความมืดมิดที่ไร้จุดสิ้นสุดแบบนั้น บวกกับความอึดอัดเหมือนขาดอากาศหายใจฉับพลันนั้น อวี๋เสี่ยวเยว่ก็ออกแรงทั้งข่วนทั้งเตะสี่ด้านของโลงศพด้วยความหวาดกลัวนางอยากร้องขอความช่วยเหลือ แต่กลับพบว่าในปากตนเองถูกอะไรบางอย่างอุดไว้ความหวาดกลัวอยู่เหนือความอยากตาย อวี๋เสี่ยวเยว่ตกใจจนน้ำตาไหลพรากแต่กลับไม่มีใครรู้สถานการณ์ของนางในยามนั้นตอนนี้นางไม่อยากตาย ทั้งยังนึกเสียใจที่ไปกินยาพิษฆ่าตัวตายเพื่อคนสารเลวนั่นจนกระทั่งได้ยินว่าข้างนอกมีคนมาขวางทางทุกคนไว้นางยังได้ยินเสียงพูดจาของสตรีทั้งสองคน รวมถึงเสียงพูดของพี่ใหญ่ พี่สะใภ้และ
เชิญหมอมาตรวจดูก็วินิจฉัยไม่พบว่าเป็นเพราะเหตุใดหลายปีมานี้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ ที่หมู่บ้านซีโข่วในหมู่บ้านซีโข่วของพวกเขามีคำร่ำลืออย่างหนึ่งว่า หากในบ้านมีคนตาย ห้ามพลาดฤกษ์ฝังศพเป็นอันขาดมิฉะนั้นคนในครอบครัวจะเคราะห์ร้ายต่อมา เมื่อพวกอวี๋ผิงเหลียงอาการป่วยดีขึ้นก็ไปเชิญนักพรตมาทำพิธีที่บ้านด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนในบ้านไม่ประสบเคราะห์ร้ายอีกพวกเขาเพิ่งได้ใช้ชีวิตอย่างสงบไม่กี่ปี หรือจะต้องปล่อยให้เรื่องในปีนั้นเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างนั้นรึ!ติงซื่อจะลืมเรื่องในปีนั้นได้อย่างไร แต่ตอนนี้ใช่เวลามาพูดเรื่องพวกนี้งั้นรึ?คนเป็นแม่อย่างนางจะมองดูลูกตัวเองนอนอยู่ตรงหน้าโดยไม่ช่วยเหลือได้อย่างไรเห็นอวี๋ผิงเหลียงยังยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ ติงซื่อก็ร้อนใจจนเอ่ยด้วยความโมโห “เจ้ายังยืนบื้ออยู่ทำไม ยังไม่รีบหันหลังอีก”อวี๋ผิงเหลียงถอนหายใจอย่างแรง แล้วหันหลังไปอย่างไร้ทางเลือกเขาจะไม่อยากช่วยเสี่ยวเยว่ได้อย่างไรแต่เสี่ยวเยว่ยอมตายเพื่อเจ้าสารเลวในหมู่บ้านคนนั้นหลังนางกินยาพิษร้ายแรงลงไปก็หมดลมหายใจแล้วที่นางแสดงอาการข่วนเตะในโลงศพแบบนั้นจะต้องเป็นเพราะในใจยังไม่ยินยอมพร
ติงซื่อได้ยินคำพูดของอวี๋ผิงเหลียงแล้ว จิตใจก็เริ่มกระสับกระส่ายขึ้นมาแต่ถ้าอวี๋เสี่ยวเยว่ยังไม่ตายจริงๆ มิเท่ากับว่าพวกตนได้กระทำความผิดพลาดใหญ่หลวงลงไปหรอกหรือติงซื่อนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ในที่สุดก็ยังตัดสินใจว่าเปิดโลงศพออกมาก่อนค่อยว่ากันอีกทีหลังติงซื่อตัดสินใจเด็ดขาดแล้วก็มองไปทางอวี๋ผิงเหลียง“ผิงเหลียง เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว เรื่องนี้ข้าตัดสินใจดีแล้ว”“ต่อให้หลังจากนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้น หญิงแก่อย่างข้าจะรับผิดชอบเองคนเดียว”อวี๋ผิงเหลียงเห็นว่าคำพูดของตนเองไม่สามารถโน้มน้าวได้ เขาได้แต่ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง มือที่กุมธงนำวิญญาณก็สั่นเทิ้มขึ้นมาเหยียนซวงเห็นว่าในที่สุดคำพูดของตนเองก็ถูกติงซื่อรับฟังแล้ว นางผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกติงซื่อบอกให้ชายร่างใหญ่หลายคนนั้นเปิดโลงศพออกไม่ว่าคนข้างในจะเป็นหรือตายก็จะไม่สร้างความลำบากให้พวกเขาชายร่างใหญ่หลายคนนั้นไม่พูดมาก เริ่มมองหาอุปกรณ์มาเปิดโลงศพไปทั่วเจี่ยนอันอันเห็นอย่างนั้นก็รีบซื้อชะแลงอันหนึ่งมาจากร้านค้าในมิตินางส่งชะแลงให้หนึ่งในชายร่างใหญ่เหล่านั้นชายร่างใหญ่ผู้นั้นพยักหน้าให้เจี่ยนอันอันน้อยๆ แล้วออกแรงถอน
เหยียนซวงรีบร้อนอธิบาย “ฮูหยินท่านนี้ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะขัดขวางธุระของพวกท่าน”“แต่เมื่อครู่นี้ข้าได้ยินเสียงเคาะดังออกมาจากในโลงศพ”“ข้าจึงอาจหาญมาขวางไว้ หวังว่าพวกท่านจะวางโลงลงมาดู เผื่อว่าคนผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่”วาจาของเหยียนซวงทำให้ทุกคนอึ้งไปเสียงเป่าปี่ตีฆ้องหยุดลงในเวลานั้นเองทุกคนมองเหยียนซวงด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ แม้แต่สตรีที่ร้องห่มร้องไห้เหล่านั้นก็ยังเงยหน้ามองมาทางนี้“แม่สามี ไม่อย่างนั้นพวกเราเปิดโลงดูหน่อยดีไหมเจ้าคะ ไม่แน่ว่าน้องเล็กอาจยังไม่ตายก็ได้?”สตรีผู้หนึ่งเดินมาทางนี้ นางเช็ดน้ำตาบนใบหน้า มองไปทางหญิงชราด้วยแววตาจริงใจยามนี้หญิงชราติงซื่อก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกันนางเองก็อยากเปิดโลงออกดู แต่โลงศพนี้ถูกตอกตะปูไว้แล้ว เปิดออกได้ง่ายขนาดนั้นเสียที่ไหนนอกจากนี้ อาศัยเพียงวาจาของคนแปลกหน้าคนหนึ่ง แล้วจะพิสูจน์ความจริงเท็จของวาจานางได้อย่างไร?ติงซื่อไม่พูดอันใด นางหันไปมองคนอื่นๆ ด้านหลัง อยากฟังความคิดเห็นของทุกคนชายที่แบกธงนำวิญญาณผู้นั้นเอ่ยปากขึ้นก่อน“ไม่ได้ พวกเราล่าช้าไปแล้ว ถ้ายังไม่นำโลงศพไปฝังอีกก็จะกระทบเรื่องใหญ่แล้ว”“พวกท่านไม่กลัวว่
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น เวินอี๋ก็เดินเข้ามา“คารวะแม่นางเจี่ยน!” เวินอี๋พูดขึ้น แล้วทำความเคารพเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “พี่เวินไม่จำต้องมากพิธี ร่างกายของท่านเพิ่งจะหายดีได้ไม่นาน ยังต้องระมัดระวังให้มาก”“ขอบคุณแม่นางเจี่ยนมากที่รักษาอาการป่วยของข้าจนหาย เดิมทีข้าคิดว่าไม่กี่วันนี้ก็จะไปเยี่ยมท่านกับใต้เท้าที่หมู่บ้านชิงสุ่ย”“ไม่คิดเลยว่าท่านจะมาเอง”เวินอี๋มองออก ว่าที่นี่มีเพียงแค่เจี่ยนอันอันและเหยียนซวงสองคนเท่านั้นฉู่จวินสิงดูเหมือนว่าจะไม่ได้ตามมาด้วยเขาถามออกมาอย่างประหลาดใจ “ใต้เท้าของข้าเหตุใดถึงได้ไม่มากับท่านด้วย?”เจี่ยนอันอันยิ้มออกมา “ข้าให้เขาคอยดูแลอยู่ที่เรือน”เจี่ยนอันอันพูดจบ ก็หันไปมองยังจงซิ่น“ท่านผู้เฒ่าจง ข้าอยากจะถามสักหน่อย ว่าในอำเภอไถหยางนี่พอจะมีโรงโอสถดีๆ อยู่หรือไม่?”“ข้าอยากจะซื้อวัตถุดิบยาบางอย่าง เพื่อรักษาอาการป่วยให้น้องชายของเหยียนซวง”จงซิ่นเมื่อได้ยินว่าจะรักษาอาการป่วยให้เหยียนอวี่ เขาก็ขมวดคิ้วออกมา แล้วส่ายศีรษะเบาๆ“วัตถุดิบทำยาทั้งหมดที่ขายอยู่ในโรงโอสถของอำเภอไถหยางล้วนมีแต่ของธร
“ยังไม่รีบตามไปอีก!” เซิ่งฟางขมวดคิ้วขึ้น แล้วออกคำสั่งเจ้าหน้าที่ทางการ เจ้าหน้าที่ทางการทั้งสองไม่กล้าชักช้า รีบตามออกไป เจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าที่นี้ไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับนางแล้ว จึงมาเบื้องหน้าของเซิ่งฟาง “พี่เซิ่ง ข้ายังมีเรื่องให้ต้องจัดการอีก เช่นนี้ก็ไม่รบกวนท่านจัดการเรื่องคดีความแล้ว”“น้องอันอันรีบไปจัดการเรื่องของเจ้าเถอะ ที่นี่ไม่ได้เงียบสงบเหมือนกับหมู่บ้านชิงสุ่ย เจ้าจะต้องระวังให้มาก” เจี่ยนอันอันยิ้มแล้วพยักหน้าออกมา กลับไปยังด้านหน้ารถม้า ส่งสัญญาณให้เหยียนซวงขึ้นรถม้าไปหลังจากที่เหยียนซวงขึ้นรถม้าไปแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมา “แม่นางเจี่ยนรู้จักกับนายอำเภออย่างนั้นหรือ?”“ข้าได้ยินท่านลุงจงบอกว่า นายอำเภอก่อนหน้านั้นเคยเป็นเจ้าเมืองอินเป่ย” “ภายหลังเกิดสงครามวุ่นวายในเมืองอินเป่ย นายอำเภอเองก็ถูกทรยศ กลายเป็นคนบาปของเมืองอินเป่ย”เจี่ยนอันอันกลับไม่คิดเลยว่า จงซิ่นจะบอกเหยียนซวงมากมายเช่นนี้ “ผู้เฒ่าจงยังพูดอะไรกับเจ้าอีก?” เจี่ยนอันอันประหลาดใจเล็กน้อย “ท่านลุงจงยังบอกว่า อันที่จริงแล้วนายอำเภอเป็นคนดีมาก” “ในตอนที่เขาเป็นเจ้าเมืองนั้
เจี่ยนอันอันไม่ได้พูดถึงจุดประสงค์ที่ตัวเองมาที่นี่ แต่เป็นพูดกับเซิ่งฟางว่า "พี่เซิ่ง คนผู้นี้ได้รับบาดเจ็บมาไม่น้อย ท่านรีบนำเปลหามมาเถอะ"เจ้าหน้าที่ทางการเข้าใจทันที รีบวิ่งไปหยิบเปลหามมาเจี่ยนอันอันลุกขึ้นยืน มองไปยังเหล่าเจ้าหน้าที่ทางการที่ยกสวีจงฉือขึ้นใส่เปลหาม เดิมทีนางคิดจะออกไปทันที เพราะอย่างไรแล้วก็ยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องไปทำแต่กลับได้ยินเสียงชายคนหนึ่งตะโกนออกมาเสียงดังว่า "เป็นนางนั่นแหล่ะที่แทงเขาไปหลายแผล!"เจี่ยนอันอันมองตรงไปตามเสียง ก็มองเห็นชายหนุ่มที่ก่อนหน้านั้นวิ่งออกมาจากกลุ่มคน กำลังยกมือชี้มาทางนางคำพูดของชายหนุ่ม ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็หันไปมองยังเขาชายหนุ่มเผชิญกับสายตาของทุกคน ใบหน้าไม่มีความหวาดกลัวใดๆเขายืนยันว่าเป็นเจี่ยนอันอันที่แทงคนผู้นั้นจนบาดเจ็บทุกคนต่างก็พากันไม่แน่ใจ ทยอยมองไปยังเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วแน่น จ้องมองอีกฝ่ายขึ้นๆ ลงๆชายคนนั้นดูน่าเกลียดและหยาบคาย ดวงตาเป็นประกายวิบวับเพียงแค่มองก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีเจี่ยนอันอันส่งเสียงดังถามออกมา "ขอถามเจ้าหน่อย เจ้าใช้ตาข้างไหนที่เห็นว่าข้าแทงคนผู้นั้นจนบา
เจี่ยนอันอันไม่คุ้นเคยกับอำเภอไถหยาง แต่นางก็ไม่อยากไปหาเซิ่งฟางที่ที่ว่าการอำเภอเพราะอย่างไรแล้วเซิ่งฟางก็เป็นถึงนายอำเภอ แต่ละวันก็มีภาระหน้าที่ราชการพัวพัน จะไปมีเวลาว่างที่ไหนเพื่อนำนางไปหาโรงโอสถกันนางคิดถึงจงซิ่นขึ้นมา บางทีเขาอาจจะช่วยเหลือนางได้เมื่อคิดถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันก็พูดขึ้น "ข้าจะไปหาผู้เฒ่าจง เจ้าอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนน้องชายเถิด"เจี่ยนอันอันพูดเสร็จก็จะออกไป กลับได้ยินเหยียนซวงพูดขึ้น "ข้าอยากไปกับท่านด้วย"เหยียนซวงเหลือบมองไปยังเหยียนอวี่ เขายังคงหลับตาอยู่ โดยไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลยและต่อให้นางจะคอยเฝ้าอยู่ข้างกายของเหยียนอวี่ ก็ทำได้เพียงแค่ร้อนรนอยู่ไม่สู้ไปด้วยกันกับเจี่ยนอันอัน เผื่อว่าอาจจะช่วยเหลืออะไรนางได้บ้าง"เช่นนั้นก็ดี เจ้าไปกับข้า"เจี่ยนอันอันพูดขึ้น พลางเดินก้าวใหญ่ออกไปจากห้องทั้งสองคนนั่งบนรถม้า มุ่งหน้าไปทิศทางเรือนของจงซิ่นและเพิ่งจะเดินทางไปได้เพียงแค่ครึ่งทางเท่านั้น ก็พบว่าตรงที่ไม่ไกลออกไปนั้น มีกลุ่มคนบางส่วนคอยรุมล้อมกันอยู่เจี่ยนอันอันไม่ได้สนใจ นางขับรถม้ามุ่งหน้าต่อไปยังเบื้องหน้าทว่าในตอนที่รถม้ามาถึงข้างๆ ข
รอจนเมื่อเหยียนซวงเปลี่ยนเสร็จแล้ว เจี่ยนอันอันจึงเก็บผ้าสีแดงแล้วใช้ผงสลายศพ โรยลงบนผ้าที่เพิ่งจะเปลี่ยนไปเมื่อครู่นี้ทันใดนั้นผ้าก็เปลี่ยนเป็นแอ่งน้ำทันทีเหยียนซวงไม่คิดเลยว่า เจี่ยนอันอันไม่เพียงไม่รังเกียจที่นางสกปรก ยังช่วยนางทำลายผ้าที่เลอะประจำเดือนของนางอย่างใส่ใจในใจของนางยิ่งรู้สึกของคุณเจี่ยนอันอันมากยิ่งขึ้นเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าเหยียนซวงยังคงยืนอึ้งตะลึงอยู่ที่นั่น นางก็ตบไปยังไหล่ของเหยียนซวง“พวกเรารีบไปอำเภอไถหยางกันเถอะ น้องชายของเจ้ายังรอให้เจ้ากลับไป”เมื่อคิดว่าน้องชายยังคงรอนางอยู่ที่บ้าน เหยียนซวงก็รีบเร่งฝีเท้าขึ้นทั้งสองคนนั่งบนรถม้า ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นเหยียนซวงเป็นคนขับรถม้านางไม่อยากให้เจี่ยนอันอันเหนื่อยล้าอีก นอกจากนี้แล้วเจี่ยนอันอันยังช่วยนางมากมายนางรับบทคนขับรถ รีบเดินทางมุ่งหน้าไปยังอำเภอไถหยางเจี่ยนอันอันเหลือบมองไปยังคราบเลือดบนรถม้า นางอาศัยโอกาสที่เหยียนซวงไม่ได้หันมามองนางรีบหยิบขวดน้ำออกมาจากห้วงมิติ แล้วล้างคราบเลือดทั้งหมดออกไปจนสะอาดเพราะว่าเหยียนซวงรีบกลับไปหาน้องชาย รถม้าก็ถูกนางขับไปอย่างรวดเร็วครึ่งชั่วยามผ่านไป