“แม่นาง ท่านช่วยเหลือข้ามากขนาดนี้ ข้าไม่รู้ว่าควรพูดอะไรจริงๆ”เบ้าตาของซ่างชิวแดงพร่าเล็กน้อย ภายในใจรู้สึกผิดต่อเจี่ยนอันอันมากขึ้นไปอีกเมื่อไม่กี่วันก่อน พวกเขาพยายามขัดขวางไม่ให้เจี่ยนอันอันกับครอบครัวของนางมาอยู่ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยอย่างสุดกำลังทว่าเจี่ยนอันอันไม่เพียงไม่ถือสา แต่ยังรักษาอาการป่วยให้ลูกสาวของเขาด้วยเขาคิดว่าตัวเองคงไม่ได้รับค่าแรงใดๆ นึกไม่ถึงว่าจะได้มาห้าตำลึงต่อให้เขาเข้าไปทำงานในเมืองก็ไม่มีทางหาเงินได้มากขนาดนี้ภายในเวลาแค่สามวันเจี่ยนอันอันเห็นพวกซ่างชิวมีอาการตื้นตันก็พูด “ต่อไปพวกข้าต้องอยู่ที่นี่อีกนาน”“ถึงเวลาแล้วคงต้องรบกวนพวกท่าน”“ค่าแรงนี้เป็นค่าตอบแทนที่พวกท่านสร้างโรงเก็บของ พวกท่านก็รับไว้เถิด”พวกซ่างชิวไม่รู้จะพูดอะไรดี พวกเขาเก็บเงินแล้วโค้งตัวขอบคุณเจี่ยนอันอันหลังจากที่อีกสามคนจากไป มีเพียงซ่างชิวกับอวี๋ว่านที่อยู่ต่อเจี่ยนอันอันเห็นว่าซ่างชิวอยู่ต่อก็ถามด้วยความสงสัย “เหตุใดไม่กลับไปพร้อมกับพวกเขา?”ซ่างชิวเกาท้ายทอยพลางตอบด้วยสีหน้าซื่อๆ “แม่นาง ข้าอยากอยู่ต่อ เผื่อว่าจะมีอะไรให้ข้าช่วย”เจี่ยนอันอันคิดแล้วพยักหน้า “ถ้าเช
ฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันซักไซ้เอาความก็ยักไหล่“ไม่ได้พูดอะไร แค่บอกว่าไม้พะยูงหอมชั้นดีพวกนั้นเป็นของที่เจ้าขนมาจากบ้านมารดา”เจี่ยนอันอันต้องไม่เชื่ออยู่แล้วว่าฉู่จวินสิงจะพูดแค่นี้นางซักไซ้ต่อ “ไม่มีทางที่ท่านจะพูดแค่นี้ รีบบอกความจริงข้ามา ท่านพูดเรื่องที่จะแต่งงานกับข้าให้ฮูหยินใหญ่ฟังด้วยใช่หรือไม่?”ฉู่จวินสิงรู้สึกว่าเจี่ยนอันอันฉลาดเหนือคนธรรมดาจริงๆ เป็นความจริงที่เขาพูดเรื่องนี้กับฮูหยินใหญ่ฉู่จวินสิงกระแอมเบาๆ “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ยินดีแต่งงานกับข้า แต่นี่เป็นการแต่งงานที่ฮ่องเต้ทรงพระราชทาน”“ตอนนั้นเขาสั่งแล้วว่าเจ้ากับข้าต้องแต่งงานกันภายในหนึ่งเดือน”คำพูดของฉู่จวินสิงเป็นความจริง เจี่ยนอันอันเข้าใจถึงเส้นตายของการแต่งงานครั้งนี้จากความทรงจำของร่างเดิมวันที่ครอบครัวของฉู่จวินสิงถูกยึดทรัพย์และเนรเทศก็คือวันสุดท้ายที่นางต้องแต่งงานกับฉู่จวินสิงพอดีหากวันนั้นไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นเสียก่อน ตอนนี้นางก็คงแต่งงานกับฉู่จวินสิงไปแล้วตอนนี้พวกนางเลยกำหนดเส้นตายที่ต้องแต่งงานมาหลายวันแล้วเคราะห์ดีที่สวรรค์สูงฮ่องเต้ห่างไกล[1] แม้พวกนางจะยังไม่แต่งงานกัน แต่ฝั่
เจี่ยนอันอันเดินไปเปิดประตูก็เห็นว่าอวี๋ว่านมายืนอยู่หน้าห้องพร้อมกับถือแบบแปลนของรถเข็นไว้ในมืออวี๋ว่านพูดด้วยความเกรงใจเมื่อเห็นเจี่ยนอันอันออกมา “แม่นาง ข้ารู้สึกว่าตำแหน่งของอาวุธลับไม่ค่อยเหมาะสมนัก”เจี่ยนอันอันมองแบบแปลน ไม่เข้าใจว่ามีอะไรไม่เหมาะสม?ฉู่จวินสิงได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งสองคนก็เคลื่อนตัวลงจากเตียงอุ่นเขาเดินมาที่ด้านหลังเจี่ยนอันอันก่อนจะถามเสียงทุ้ม “แบบแปลนมีอันใดไม่เหมาะสมหรือ?”อวี๋ว่านชี้ไปยังพื้นที่บริเวณหนึ่งในแบบแปลน “เชิญพวกท่านดู นี่เป็นจุดที่จะติดตั้งอาวุธลับ”“หากใช้งานไม่เหมาะสมก็จะมีความเสี่ยงต่อการติดขัด”เจี่ยนอันอันไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้ นางเพียงแต่วาดแบบแปลนรถเข็นออกมาตามจินตนาการของตัวเองนึกไม่ถึงว่าการออกแบบเช่นนี้จะมีความเสี่ยงต่อการติดขัดด้วยหากอาวุธลับเกิดการติดขัดภายใต้สถานการณ์ที่ต้องเผชิญกับศัตรู เช่นนั้นการยิงอาวุธลับก็จะล่าช้าออกไปส่งผลให้ผู้ที่นั่งอยู่บนรถเข็นต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมากเช่นกันเจี่ยนอันอันเงยหน้ามองอวี๋ว่าน “พี่อวี๋ ในความเห็นของท่านแล้ว ตำแหน่งอาวุธลับของรถเข็นคันนี้ควรอยู่ที่ใด?”อวี๋ว่านเกาท
เคราะห์ดีที่การซ่อมแซมบ้านไม่ได้มีอะไรยาก ไม่จำเป็นต้องเรียกคนมาเพิ่มซ่างชิวกับอวี๋ว่านใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วยามกว่าก็ซ่อมแซมห้องทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยเจี่ยนอันอันไม่ได้อยู่นิ่งภายในห้อง นางต้มยาให้ฉู่จวินสิงเสร็จแล้วต้มยาให้ตงเยว่ต่อ ครั้นเห็นว่าฉู่จวินสิงดื่มยาเรียบร้อยค่อยไปที่บ้านซ่างชิวตอนนี้ซ่างตงเยว่สามารถลุกออกมาเดินเล่นที่ลานบ้านได้แล้วนางกำลังต้มน้ำข้าวอยู่ในครัว เมื่อเห็นเจี่ยนอันอันมาหาก็รีบออกมาต้อนรับ“ท่านอามาแล้ว” ซ่างตงเยว่ส่งยิ้มมีความสุขให้เจี่ยนอันอันในช่วงสองสามวันมานี้ เจี่ยนอันอันจะให้ซ่างชิวส่งยามาให้ทุกวันตอนเที่ยงหลังจากได้ดื่มยา สุขภาพร่างกายของนางก็ค่อยๆ แข็งแรงขึ้นนึกไม่ถึงว่าวันนี้เจี่ยนอันอันจะมาหาด้วยตัวเองเจี่ยนอันอันจับชีพจรให้ซ่างตงเยว่ พบว่าตอนนี้สุขภาพของนางดีขึ้นจากเดิมเกินครึ่งแล้วนางพูดกับซ่างตงเยว่ “อีกสองวันเจ้าก็หายดีแล้ว”ซ่างตงเยว่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันที่ตัวเองหายป่วยนางคุกเข่าเบื้องหน้าเจี่ยนอันอันดัง ‘ตุบ’ ด้วยความตื้นตันใจ“บุญคุณยิ่งใหญ่ของท่านอา ข้าจะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต”เจี่ยนอันอันประคองซ่างตงเยว่ให้ล
อวี้เฟิ่งเห็นว่าตัวเองไปไม่ได้ก็รีบวิงวอน “น้องสาวผู้แสนดี ก่อนหน้านี้เป็นความผิดของข้าทั้งหมด”“เจ้าเองก็หักข้อมือของข้าไปแล้ว จนถึงบัดนี้ก็ยังเจ็บปวดแสนสาหัส”“ได้โปรดใจกว้างด้วยเถิด อย่าได้ถือสาหาความข้าอีกเลย”เจี่ยนอันอันไม่สนใจคำวิงวอนของอวี้เฟิ่ง นางหมุนตัวไปมองซ่างตงเยว่“พ่อเจ้าติดเงินบ้านนางจริงหรือ?”ซ่างตงเยว่เดินตามเข้ามามองอวี้เฟิ่งด้วยความหวาดกลัวอยู่ในที นางพูดเสียงแผ่วเบาว่า “เป็นความจริงที่ท่านพ่อติดเงินบ้านนาง แต่ท่านพ่อบอกแล้วว่าจะคืนให้ในอีกไม่กี่วันเจ้าค่ะ”อวี้เฟิงถลึงตาใส่ซ่างตงชิวแล้วบ่นพึมพำเสียงเบา “คำพูดของพ่อเจ้าไม่ต่างกับผายลม”“เขาพูดแบบนี้มาตั้งกี่วันแล้ว ไม่เห็นจะคืนให้สักที”เจี่ยนอันอันได้ยินดังนี้ก็คว้าข้อมืออวี้เฟิ่งและบีบแรงขึ้นอีกความเจ็บปวดส่งผ่านเข้ามาทางแขนของอวี้เฟิ่ง นางร้อง “โอ๊ย” แล้วงอตัวด้วยความเจ็บปวด“น้องสาวโปรดไว้ชีวิต!”เจี่ยนอันอันแค่นเสียงเย็น นางออกแรงมากขึ้นเล็กน้อย“ผู้ใดเป็นน้องหญิงของเจ้า น่าไม่อายจริงๆ กล้านับญาติไปทั่ว!”อวี้เฟิ่งสะอึกกับคำพูดของเจี่ยนอันอัน ความเจ็บปวดแสนสาหัสที่แขนทำให้นางเจ็บจนตัวสั่นเหง
ซ่างตงเยว่เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันช่วยจ่ายเงินคืนแทนพ่อของนาง นางก็คุกเข่าลงด้วยความตื่นเต้นอีกครั้งเจี่ยนอันอันรีบประคองซ่างตงเยว่ขึ้นมา แล้วพูดกับนาง “หากว่าภายหน้าอวี้เฟิ่งยังมารังควาญครอบครัวของพวกเจ้า เจ้าก็มาหาข้าได้ ข้ามีวิธีการจัดการกับนาง”ซ่างตงเยว่รู้สึกซาบซึ้งเสียจนจมูกแสบร้อน น้ำตาไหลรินลงมานางเงยหน้าเล็กๆ ขึ้น แล้วพูดอ้อนวอน “ท่านอา ท่านให้ข้าไปช่วยงานที่เรือนของท่านเถอะเจ้าค่ะ ไม่ว่าอะไรข้าก็ทำได้ทั้งหมด”เจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าซ่างตงเยว่คิดไปช่วยงานที่เรือนนางอีก นางก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธอีก“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็รอจนอาการป่วยของเจ้าดีขึ้นเสียก่อน เจ้าก็ไปทำงานที่จวนของข้าก็แล้วกัน”ซ่างตงเยว่เมื่อได้ยินเข้า ก็รีบใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาบนใบหน้านางพยักหน้าให้เจี่ยนอันอันอย่างแรง ใบหน้าเผยรอยยิ้มอย่างมีความสุขขึ้นมา“ขอบคุณท่านอา ข้าจะตั้งใจทำงานให้ดีๆ แน่เจ้าค่ะ”ซ่างตงเยว่เดินเข้าไปในห้องครัว ก่อนจะยกโจ๊กออกมาชามหนึ่ง“ท่านอาคงจะหิวแล้ว ท่านกินโจ๊กเสียหน่อยเถอะ”เจี่ยนอันอันมองโจ๊กที่อยู่ในชาม มีข้าวอยู่เพียงไม่กี่เมล็ดเท่านั้นนางรับชามมา ก่อนจะวางลงบนโต๊ะกลา
ซ่างตงเยว่เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันดีกับนางเช่นนี้ ในที่สุดนางก็ทนต่อไปไม่ได้อีก เริ่มร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้งทุกคนมองไปยังซ่างตงเยว่ที่ร้องไห้ออกมา ก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาเล็กน้อยเด็กคนนี้ร่างกายอ่อนแอผอมบางเช่นนี้ อีกทั้งยังถูกโรคร้ายทรมานมาตลอดปีช่างเป็นเด็กที่น่าสงสารเสียจริงเจี่ยนอันอันก็ตบหลังซ่างตงเยว่เบาๆ แล้วพูดปลอบโยนออกมา “ไม่ต้องร้องไห้แล้ว หากว่าร้องไห้มากจนเกินไปก็จะเปลี่ยนเป็นไม่น่ารักแล้วนะ”คำพูดของเจี่ยนอันอัน ทำให้ซ่างตงเยว่หัวเราะออกมานางเช็ดน้ำตาบนใบหน้า แล้วเริ่มกินข้าวคำใหญ่ขึ้นมาซ่างตงเยว่ตัดสินใจแล้ว ว่าต่อให้ทั้งชาตินี้จะต้องเป็นวัวเป็นม้า ก็จะต้องติดตามเจี่ยนอันอันซ่างชิวเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันดีต่อบุตรสาวเขาเช่นนี้ ในใจของเขาก็ค่อยๆ ซาบซึ้งในบุญคุณของเจี่ยนอันอันเงียบๆรอจนเมื่อทุกคนทานอาหารกันเรียบร้อยแล้ว ซ่างชิวและอวี๋ว่านก็ไปทำรถเข็นต่อซ่างตงเยว่ย่อกายนั่งลงข้างกายของทั้งสองคน คอยมองพวกเขาทำงานนางพูดกับซ่างชิวออกมา “ท่านพ่อ วันนี้ป้าอวี้เฟิ่งมาเอาเงินที่บ้านของเรา”ซ่างชิวเมื่อได้ยินคำนี้ ก็รีบหยุดงานในมือลงเขาหันไปมองทางซ่างตงเยว่ “นางทำ
นอกจากนี้ ครอบครัวของเขาเองก็ไม่มีอะไรที่มีค่า เป็นเพียงแค่บ้านผุพังเท่านั้นและไม่ว่าจะอย่างไรครอบครัวของอวี้เฟิ่ง ก็ไม่มีทางทำเรื่องที่น่ารังเกียจเช่นนี้ออกมาได้เจี่ยนอันอันถามซ่างตงเยว่ “ทำไมเรื่องนี้เจ้าถึงไม่ยอมบอกพ่อของเจ้า?”ซ่างตงเยว่เหลือบมองไปยังซ่างชิว ก้มหน้าแล้วพูดออกมา “ท่านพ่อไม่เชื่อคำของข้า ข้าก็เลยไม่กล้าพูดออกมา”เจี่ยนอันอันถามซ่างชิวออกมาอีกครั้ง “บ้านของท่านหากว่าเมื่อไม่มีคนอาศัยแล้ว ก็จะมีคนเข้าครอบครองได้แต่ตามใจชอบหรือ?”ซ่างชิวพยักหน้าออกมาเบาๆ “หมู่บ้านชิงสุ่ยเป็นเมืองที่ยากจนมากที่สุดของเมืองอินเป่ย” “ในปีนั้นหลังจากการสังหารหมู่แล้ว มีทั้งที่ตาย และจากที่นี่ไป” “บ้านที่ไม่มีคนอาศัยอยู่นั้น ก็ถูกหัวหน้าหมู่บ้านจัดสรรปันส่วนบ้านว่างเหล่านี้ให้กับทุกคน” “ครอบครัวของข้าก็เหลือเพียงแค่พวกเราสองพ่อลูก ก็เลยไม่ได้ต้องการบ้านหลังอื่นอีก”เจี่ยนอันอันเข้าใจแล้ว เรื่องนี้จะต้องมีที่มา ล้วนแต่มีที่มาจากหัวหน้าหมู่บ้านหากว่าหัวหน้าหมู่บ้านไม่ได้ออกหน้าจัดสรรบ้านแล้ว อวี้เฟิ่งก็คงไม่คิดครอบครองบ้านของซ่างชิวแต่เรื่องที่ดินของบ้านซ่างชิวไม่อาจทำการเพาะป
ประจวบกับที่เวลานั้น เสียงเจี่ยนอันอันดังขึ้นพอดี“เจ้าอย่าเพิ่งพูดอะไร ประเดี๋ยวข้าจะให้เจ้ากินยาแก้พิษ เจ้าก็จะหายดีแล้ว”เจี่ยนอันอันกล่าวพลางเบี่ยงเบนความสนใจไปยังเข็มเงินไม่กี่เล่มนั้นอวี๋เสี่ยวเยว่กวาดสายตามองไปรอบๆ ถึงตอนนี้ค่อยสังเกตเห็นโลงศพสีดำโลงนั้นพอคิดถึงว่าเมื่อครู่ตนเองอยู่ในโลงศพ ทั้งข่วนทั้งเตะไปยกหนึ่ง แต่กลับไม่มีใครคิดจะช่วยนางออกมานางนึกหวาดกลัวทีหลังจนน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัวตอนที่ตื่นขึ้นมาในโลงศพ อวี๋เสี่ยวเยว่ก็สำนึกเสียใจแล้วความมืดมิดที่ไร้จุดสิ้นสุดแบบนั้น บวกกับความอึดอัดเหมือนขาดอากาศหายใจฉับพลันนั้น อวี๋เสี่ยวเยว่ก็ออกแรงทั้งข่วนทั้งเตะสี่ด้านของโลงศพด้วยความหวาดกลัวนางอยากร้องขอความช่วยเหลือ แต่กลับพบว่าในปากตนเองถูกอะไรบางอย่างอุดไว้ความหวาดกลัวอยู่เหนือความอยากตาย อวี๋เสี่ยวเยว่ตกใจจนน้ำตาไหลพรากแต่กลับไม่มีใครรู้สถานการณ์ของนางในยามนั้นตอนนี้นางไม่อยากตาย ทั้งยังนึกเสียใจที่ไปกินยาพิษฆ่าตัวตายเพื่อคนสารเลวนั่นจนกระทั่งได้ยินว่าข้างนอกมีคนมาขวางทางทุกคนไว้นางยังได้ยินเสียงพูดจาของสตรีทั้งสองคน รวมถึงเสียงพูดของพี่ใหญ่ พี่สะใภ้และ
เชิญหมอมาตรวจดูก็วินิจฉัยไม่พบว่าเป็นเพราะเหตุใดหลายปีมานี้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ ที่หมู่บ้านซีโข่วในหมู่บ้านซีโข่วของพวกเขามีคำร่ำลืออย่างหนึ่งว่า หากในบ้านมีคนตาย ห้ามพลาดฤกษ์ฝังศพเป็นอันขาดมิฉะนั้นคนในครอบครัวจะเคราะห์ร้ายต่อมา เมื่อพวกอวี๋ผิงเหลียงอาการป่วยดีขึ้นก็ไปเชิญนักพรตมาทำพิธีที่บ้านด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนในบ้านไม่ประสบเคราะห์ร้ายอีกพวกเขาเพิ่งได้ใช้ชีวิตอย่างสงบไม่กี่ปี หรือจะต้องปล่อยให้เรื่องในปีนั้นเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างนั้นรึ!ติงซื่อจะลืมเรื่องในปีนั้นได้อย่างไร แต่ตอนนี้ใช่เวลามาพูดเรื่องพวกนี้งั้นรึ?คนเป็นแม่อย่างนางจะมองดูลูกตัวเองนอนอยู่ตรงหน้าโดยไม่ช่วยเหลือได้อย่างไรเห็นอวี๋ผิงเหลียงยังยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ ติงซื่อก็ร้อนใจจนเอ่ยด้วยความโมโห “เจ้ายังยืนบื้ออยู่ทำไม ยังไม่รีบหันหลังอีก”อวี๋ผิงเหลียงถอนหายใจอย่างแรง แล้วหันหลังไปอย่างไร้ทางเลือกเขาจะไม่อยากช่วยเสี่ยวเยว่ได้อย่างไรแต่เสี่ยวเยว่ยอมตายเพื่อเจ้าสารเลวในหมู่บ้านคนนั้นหลังนางกินยาพิษร้ายแรงลงไปก็หมดลมหายใจแล้วที่นางแสดงอาการข่วนเตะในโลงศพแบบนั้นจะต้องเป็นเพราะในใจยังไม่ยินยอมพร
ติงซื่อได้ยินคำพูดของอวี๋ผิงเหลียงแล้ว จิตใจก็เริ่มกระสับกระส่ายขึ้นมาแต่ถ้าอวี๋เสี่ยวเยว่ยังไม่ตายจริงๆ มิเท่ากับว่าพวกตนได้กระทำความผิดพลาดใหญ่หลวงลงไปหรอกหรือติงซื่อนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ในที่สุดก็ยังตัดสินใจว่าเปิดโลงศพออกมาก่อนค่อยว่ากันอีกทีหลังติงซื่อตัดสินใจเด็ดขาดแล้วก็มองไปทางอวี๋ผิงเหลียง“ผิงเหลียง เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว เรื่องนี้ข้าตัดสินใจดีแล้ว”“ต่อให้หลังจากนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้น หญิงแก่อย่างข้าจะรับผิดชอบเองคนเดียว”อวี๋ผิงเหลียงเห็นว่าคำพูดของตนเองไม่สามารถโน้มน้าวได้ เขาได้แต่ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง มือที่กุมธงนำวิญญาณก็สั่นเทิ้มขึ้นมาเหยียนซวงเห็นว่าในที่สุดคำพูดของตนเองก็ถูกติงซื่อรับฟังแล้ว นางผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกติงซื่อบอกให้ชายร่างใหญ่หลายคนนั้นเปิดโลงศพออกไม่ว่าคนข้างในจะเป็นหรือตายก็จะไม่สร้างความลำบากให้พวกเขาชายร่างใหญ่หลายคนนั้นไม่พูดมาก เริ่มมองหาอุปกรณ์มาเปิดโลงศพไปทั่วเจี่ยนอันอันเห็นอย่างนั้นก็รีบซื้อชะแลงอันหนึ่งมาจากร้านค้าในมิตินางส่งชะแลงให้หนึ่งในชายร่างใหญ่เหล่านั้นชายร่างใหญ่ผู้นั้นพยักหน้าให้เจี่ยนอันอันน้อยๆ แล้วออกแรงถอน
เหยียนซวงรีบร้อนอธิบาย “ฮูหยินท่านนี้ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะขัดขวางธุระของพวกท่าน”“แต่เมื่อครู่นี้ข้าได้ยินเสียงเคาะดังออกมาจากในโลงศพ”“ข้าจึงอาจหาญมาขวางไว้ หวังว่าพวกท่านจะวางโลงลงมาดู เผื่อว่าคนผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่”วาจาของเหยียนซวงทำให้ทุกคนอึ้งไปเสียงเป่าปี่ตีฆ้องหยุดลงในเวลานั้นเองทุกคนมองเหยียนซวงด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ แม้แต่สตรีที่ร้องห่มร้องไห้เหล่านั้นก็ยังเงยหน้ามองมาทางนี้“แม่สามี ไม่อย่างนั้นพวกเราเปิดโลงดูหน่อยดีไหมเจ้าคะ ไม่แน่ว่าน้องเล็กอาจยังไม่ตายก็ได้?”สตรีผู้หนึ่งเดินมาทางนี้ นางเช็ดน้ำตาบนใบหน้า มองไปทางหญิงชราด้วยแววตาจริงใจยามนี้หญิงชราติงซื่อก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกันนางเองก็อยากเปิดโลงออกดู แต่โลงศพนี้ถูกตอกตะปูไว้แล้ว เปิดออกได้ง่ายขนาดนั้นเสียที่ไหนนอกจากนี้ อาศัยเพียงวาจาของคนแปลกหน้าคนหนึ่ง แล้วจะพิสูจน์ความจริงเท็จของวาจานางได้อย่างไร?ติงซื่อไม่พูดอันใด นางหันไปมองคนอื่นๆ ด้านหลัง อยากฟังความคิดเห็นของทุกคนชายที่แบกธงนำวิญญาณผู้นั้นเอ่ยปากขึ้นก่อน“ไม่ได้ พวกเราล่าช้าไปแล้ว ถ้ายังไม่นำโลงศพไปฝังอีกก็จะกระทบเรื่องใหญ่แล้ว”“พวกท่านไม่กลัวว่
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น เวินอี๋ก็เดินเข้ามา“คารวะแม่นางเจี่ยน!” เวินอี๋พูดขึ้น แล้วทำความเคารพเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “พี่เวินไม่จำต้องมากพิธี ร่างกายของท่านเพิ่งจะหายดีได้ไม่นาน ยังต้องระมัดระวังให้มาก”“ขอบคุณแม่นางเจี่ยนมากที่รักษาอาการป่วยของข้าจนหาย เดิมทีข้าคิดว่าไม่กี่วันนี้ก็จะไปเยี่ยมท่านกับใต้เท้าที่หมู่บ้านชิงสุ่ย”“ไม่คิดเลยว่าท่านจะมาเอง”เวินอี๋มองออก ว่าที่นี่มีเพียงแค่เจี่ยนอันอันและเหยียนซวงสองคนเท่านั้นฉู่จวินสิงดูเหมือนว่าจะไม่ได้ตามมาด้วยเขาถามออกมาอย่างประหลาดใจ “ใต้เท้าของข้าเหตุใดถึงได้ไม่มากับท่านด้วย?”เจี่ยนอันอันยิ้มออกมา “ข้าให้เขาคอยดูแลอยู่ที่เรือน”เจี่ยนอันอันพูดจบ ก็หันไปมองยังจงซิ่น“ท่านผู้เฒ่าจง ข้าอยากจะถามสักหน่อย ว่าในอำเภอไถหยางนี่พอจะมีโรงโอสถดีๆ อยู่หรือไม่?”“ข้าอยากจะซื้อวัตถุดิบยาบางอย่าง เพื่อรักษาอาการป่วยให้น้องชายของเหยียนซวง”จงซิ่นเมื่อได้ยินว่าจะรักษาอาการป่วยให้เหยียนอวี่ เขาก็ขมวดคิ้วออกมา แล้วส่ายศีรษะเบาๆ“วัตถุดิบทำยาทั้งหมดที่ขายอยู่ในโรงโอสถของอำเภอไถหยางล้วนมีแต่ของธร
“ยังไม่รีบตามไปอีก!” เซิ่งฟางขมวดคิ้วขึ้น แล้วออกคำสั่งเจ้าหน้าที่ทางการ เจ้าหน้าที่ทางการทั้งสองไม่กล้าชักช้า รีบตามออกไป เจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าที่นี้ไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับนางแล้ว จึงมาเบื้องหน้าของเซิ่งฟาง “พี่เซิ่ง ข้ายังมีเรื่องให้ต้องจัดการอีก เช่นนี้ก็ไม่รบกวนท่านจัดการเรื่องคดีความแล้ว”“น้องอันอันรีบไปจัดการเรื่องของเจ้าเถอะ ที่นี่ไม่ได้เงียบสงบเหมือนกับหมู่บ้านชิงสุ่ย เจ้าจะต้องระวังให้มาก” เจี่ยนอันอันยิ้มแล้วพยักหน้าออกมา กลับไปยังด้านหน้ารถม้า ส่งสัญญาณให้เหยียนซวงขึ้นรถม้าไปหลังจากที่เหยียนซวงขึ้นรถม้าไปแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมา “แม่นางเจี่ยนรู้จักกับนายอำเภออย่างนั้นหรือ?”“ข้าได้ยินท่านลุงจงบอกว่า นายอำเภอก่อนหน้านั้นเคยเป็นเจ้าเมืองอินเป่ย” “ภายหลังเกิดสงครามวุ่นวายในเมืองอินเป่ย นายอำเภอเองก็ถูกทรยศ กลายเป็นคนบาปของเมืองอินเป่ย”เจี่ยนอันอันกลับไม่คิดเลยว่า จงซิ่นจะบอกเหยียนซวงมากมายเช่นนี้ “ผู้เฒ่าจงยังพูดอะไรกับเจ้าอีก?” เจี่ยนอันอันประหลาดใจเล็กน้อย “ท่านลุงจงยังบอกว่า อันที่จริงแล้วนายอำเภอเป็นคนดีมาก” “ในตอนที่เขาเป็นเจ้าเมืองนั้
เจี่ยนอันอันไม่ได้พูดถึงจุดประสงค์ที่ตัวเองมาที่นี่ แต่เป็นพูดกับเซิ่งฟางว่า "พี่เซิ่ง คนผู้นี้ได้รับบาดเจ็บมาไม่น้อย ท่านรีบนำเปลหามมาเถอะ"เจ้าหน้าที่ทางการเข้าใจทันที รีบวิ่งไปหยิบเปลหามมาเจี่ยนอันอันลุกขึ้นยืน มองไปยังเหล่าเจ้าหน้าที่ทางการที่ยกสวีจงฉือขึ้นใส่เปลหาม เดิมทีนางคิดจะออกไปทันที เพราะอย่างไรแล้วก็ยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องไปทำแต่กลับได้ยินเสียงชายคนหนึ่งตะโกนออกมาเสียงดังว่า "เป็นนางนั่นแหล่ะที่แทงเขาไปหลายแผล!"เจี่ยนอันอันมองตรงไปตามเสียง ก็มองเห็นชายหนุ่มที่ก่อนหน้านั้นวิ่งออกมาจากกลุ่มคน กำลังยกมือชี้มาทางนางคำพูดของชายหนุ่ม ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็หันไปมองยังเขาชายหนุ่มเผชิญกับสายตาของทุกคน ใบหน้าไม่มีความหวาดกลัวใดๆเขายืนยันว่าเป็นเจี่ยนอันอันที่แทงคนผู้นั้นจนบาดเจ็บทุกคนต่างก็พากันไม่แน่ใจ ทยอยมองไปยังเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วแน่น จ้องมองอีกฝ่ายขึ้นๆ ลงๆชายคนนั้นดูน่าเกลียดและหยาบคาย ดวงตาเป็นประกายวิบวับเพียงแค่มองก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีเจี่ยนอันอันส่งเสียงดังถามออกมา "ขอถามเจ้าหน่อย เจ้าใช้ตาข้างไหนที่เห็นว่าข้าแทงคนผู้นั้นจนบา
เจี่ยนอันอันไม่คุ้นเคยกับอำเภอไถหยาง แต่นางก็ไม่อยากไปหาเซิ่งฟางที่ที่ว่าการอำเภอเพราะอย่างไรแล้วเซิ่งฟางก็เป็นถึงนายอำเภอ แต่ละวันก็มีภาระหน้าที่ราชการพัวพัน จะไปมีเวลาว่างที่ไหนเพื่อนำนางไปหาโรงโอสถกันนางคิดถึงจงซิ่นขึ้นมา บางทีเขาอาจจะช่วยเหลือนางได้เมื่อคิดถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันก็พูดขึ้น "ข้าจะไปหาผู้เฒ่าจง เจ้าอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนน้องชายเถิด"เจี่ยนอันอันพูดเสร็จก็จะออกไป กลับได้ยินเหยียนซวงพูดขึ้น "ข้าอยากไปกับท่านด้วย"เหยียนซวงเหลือบมองไปยังเหยียนอวี่ เขายังคงหลับตาอยู่ โดยไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลยและต่อให้นางจะคอยเฝ้าอยู่ข้างกายของเหยียนอวี่ ก็ทำได้เพียงแค่ร้อนรนอยู่ไม่สู้ไปด้วยกันกับเจี่ยนอันอัน เผื่อว่าอาจจะช่วยเหลืออะไรนางได้บ้าง"เช่นนั้นก็ดี เจ้าไปกับข้า"เจี่ยนอันอันพูดขึ้น พลางเดินก้าวใหญ่ออกไปจากห้องทั้งสองคนนั่งบนรถม้า มุ่งหน้าไปทิศทางเรือนของจงซิ่นและเพิ่งจะเดินทางไปได้เพียงแค่ครึ่งทางเท่านั้น ก็พบว่าตรงที่ไม่ไกลออกไปนั้น มีกลุ่มคนบางส่วนคอยรุมล้อมกันอยู่เจี่ยนอันอันไม่ได้สนใจ นางขับรถม้ามุ่งหน้าต่อไปยังเบื้องหน้าทว่าในตอนที่รถม้ามาถึงข้างๆ ข
รอจนเมื่อเหยียนซวงเปลี่ยนเสร็จแล้ว เจี่ยนอันอันจึงเก็บผ้าสีแดงแล้วใช้ผงสลายศพ โรยลงบนผ้าที่เพิ่งจะเปลี่ยนไปเมื่อครู่นี้ทันใดนั้นผ้าก็เปลี่ยนเป็นแอ่งน้ำทันทีเหยียนซวงไม่คิดเลยว่า เจี่ยนอันอันไม่เพียงไม่รังเกียจที่นางสกปรก ยังช่วยนางทำลายผ้าที่เลอะประจำเดือนของนางอย่างใส่ใจในใจของนางยิ่งรู้สึกของคุณเจี่ยนอันอันมากยิ่งขึ้นเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าเหยียนซวงยังคงยืนอึ้งตะลึงอยู่ที่นั่น นางก็ตบไปยังไหล่ของเหยียนซวง“พวกเรารีบไปอำเภอไถหยางกันเถอะ น้องชายของเจ้ายังรอให้เจ้ากลับไป”เมื่อคิดว่าน้องชายยังคงรอนางอยู่ที่บ้าน เหยียนซวงก็รีบเร่งฝีเท้าขึ้นทั้งสองคนนั่งบนรถม้า ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นเหยียนซวงเป็นคนขับรถม้านางไม่อยากให้เจี่ยนอันอันเหนื่อยล้าอีก นอกจากนี้แล้วเจี่ยนอันอันยังช่วยนางมากมายนางรับบทคนขับรถ รีบเดินทางมุ่งหน้าไปยังอำเภอไถหยางเจี่ยนอันอันเหลือบมองไปยังคราบเลือดบนรถม้า นางอาศัยโอกาสที่เหยียนซวงไม่ได้หันมามองนางรีบหยิบขวดน้ำออกมาจากห้วงมิติ แล้วล้างคราบเลือดทั้งหมดออกไปจนสะอาดเพราะว่าเหยียนซวงรีบกลับไปหาน้องชาย รถม้าก็ถูกนางขับไปอย่างรวดเร็วครึ่งชั่วยามผ่านไป