เคราะห์ดีที่การซ่อมแซมบ้านไม่ได้มีอะไรยาก ไม่จำเป็นต้องเรียกคนมาเพิ่มซ่างชิวกับอวี๋ว่านใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วยามกว่าก็ซ่อมแซมห้องทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยเจี่ยนอันอันไม่ได้อยู่นิ่งภายในห้อง นางต้มยาให้ฉู่จวินสิงเสร็จแล้วต้มยาให้ตงเยว่ต่อ ครั้นเห็นว่าฉู่จวินสิงดื่มยาเรียบร้อยค่อยไปที่บ้านซ่างชิวตอนนี้ซ่างตงเยว่สามารถลุกออกมาเดินเล่นที่ลานบ้านได้แล้วนางกำลังต้มน้ำข้าวอยู่ในครัว เมื่อเห็นเจี่ยนอันอันมาหาก็รีบออกมาต้อนรับ“ท่านอามาแล้ว” ซ่างตงเยว่ส่งยิ้มมีความสุขให้เจี่ยนอันอันในช่วงสองสามวันมานี้ เจี่ยนอันอันจะให้ซ่างชิวส่งยามาให้ทุกวันตอนเที่ยงหลังจากได้ดื่มยา สุขภาพร่างกายของนางก็ค่อยๆ แข็งแรงขึ้นนึกไม่ถึงว่าวันนี้เจี่ยนอันอันจะมาหาด้วยตัวเองเจี่ยนอันอันจับชีพจรให้ซ่างตงเยว่ พบว่าตอนนี้สุขภาพของนางดีขึ้นจากเดิมเกินครึ่งแล้วนางพูดกับซ่างตงเยว่ “อีกสองวันเจ้าก็หายดีแล้ว”ซ่างตงเยว่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันที่ตัวเองหายป่วยนางคุกเข่าเบื้องหน้าเจี่ยนอันอันดัง ‘ตุบ’ ด้วยความตื้นตันใจ“บุญคุณยิ่งใหญ่ของท่านอา ข้าจะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต”เจี่ยนอันอันประคองซ่างตงเยว่ให้ล
อวี้เฟิ่งเห็นว่าตัวเองไปไม่ได้ก็รีบวิงวอน “น้องสาวผู้แสนดี ก่อนหน้านี้เป็นความผิดของข้าทั้งหมด”“เจ้าเองก็หักข้อมือของข้าไปแล้ว จนถึงบัดนี้ก็ยังเจ็บปวดแสนสาหัส”“ได้โปรดใจกว้างด้วยเถิด อย่าได้ถือสาหาความข้าอีกเลย”เจี่ยนอันอันไม่สนใจคำวิงวอนของอวี้เฟิ่ง นางหมุนตัวไปมองซ่างตงเยว่“พ่อเจ้าติดเงินบ้านนางจริงหรือ?”ซ่างตงเยว่เดินตามเข้ามามองอวี้เฟิ่งด้วยความหวาดกลัวอยู่ในที นางพูดเสียงแผ่วเบาว่า “เป็นความจริงที่ท่านพ่อติดเงินบ้านนาง แต่ท่านพ่อบอกแล้วว่าจะคืนให้ในอีกไม่กี่วันเจ้าค่ะ”อวี้เฟิงถลึงตาใส่ซ่างตงชิวแล้วบ่นพึมพำเสียงเบา “คำพูดของพ่อเจ้าไม่ต่างกับผายลม”“เขาพูดแบบนี้มาตั้งกี่วันแล้ว ไม่เห็นจะคืนให้สักที”เจี่ยนอันอันได้ยินดังนี้ก็คว้าข้อมืออวี้เฟิ่งและบีบแรงขึ้นอีกความเจ็บปวดส่งผ่านเข้ามาทางแขนของอวี้เฟิ่ง นางร้อง “โอ๊ย” แล้วงอตัวด้วยความเจ็บปวด“น้องสาวโปรดไว้ชีวิต!”เจี่ยนอันอันแค่นเสียงเย็น นางออกแรงมากขึ้นเล็กน้อย“ผู้ใดเป็นน้องหญิงของเจ้า น่าไม่อายจริงๆ กล้านับญาติไปทั่ว!”อวี้เฟิ่งสะอึกกับคำพูดของเจี่ยนอันอัน ความเจ็บปวดแสนสาหัสที่แขนทำให้นางเจ็บจนตัวสั่นเหง
ซ่างตงเยว่เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันช่วยจ่ายเงินคืนแทนพ่อของนาง นางก็คุกเข่าลงด้วยความตื่นเต้นอีกครั้งเจี่ยนอันอันรีบประคองซ่างตงเยว่ขึ้นมา แล้วพูดกับนาง “หากว่าภายหน้าอวี้เฟิ่งยังมารังควาญครอบครัวของพวกเจ้า เจ้าก็มาหาข้าได้ ข้ามีวิธีการจัดการกับนาง”ซ่างตงเยว่รู้สึกซาบซึ้งเสียจนจมูกแสบร้อน น้ำตาไหลรินลงมานางเงยหน้าเล็กๆ ขึ้น แล้วพูดอ้อนวอน “ท่านอา ท่านให้ข้าไปช่วยงานที่เรือนของท่านเถอะเจ้าค่ะ ไม่ว่าอะไรข้าก็ทำได้ทั้งหมด”เจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าซ่างตงเยว่คิดไปช่วยงานที่เรือนนางอีก นางก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธอีก“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็รอจนอาการป่วยของเจ้าดีขึ้นเสียก่อน เจ้าก็ไปทำงานที่จวนของข้าก็แล้วกัน”ซ่างตงเยว่เมื่อได้ยินเข้า ก็รีบใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาบนใบหน้านางพยักหน้าให้เจี่ยนอันอันอย่างแรง ใบหน้าเผยรอยยิ้มอย่างมีความสุขขึ้นมา“ขอบคุณท่านอา ข้าจะตั้งใจทำงานให้ดีๆ แน่เจ้าค่ะ”ซ่างตงเยว่เดินเข้าไปในห้องครัว ก่อนจะยกโจ๊กออกมาชามหนึ่ง“ท่านอาคงจะหิวแล้ว ท่านกินโจ๊กเสียหน่อยเถอะ”เจี่ยนอันอันมองโจ๊กที่อยู่ในชาม มีข้าวอยู่เพียงไม่กี่เมล็ดเท่านั้นนางรับชามมา ก่อนจะวางลงบนโต๊ะกลา
ซ่างตงเยว่เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันดีกับนางเช่นนี้ ในที่สุดนางก็ทนต่อไปไม่ได้อีก เริ่มร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้งทุกคนมองไปยังซ่างตงเยว่ที่ร้องไห้ออกมา ก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาเล็กน้อยเด็กคนนี้ร่างกายอ่อนแอผอมบางเช่นนี้ อีกทั้งยังถูกโรคร้ายทรมานมาตลอดปีช่างเป็นเด็กที่น่าสงสารเสียจริงเจี่ยนอันอันก็ตบหลังซ่างตงเยว่เบาๆ แล้วพูดปลอบโยนออกมา “ไม่ต้องร้องไห้แล้ว หากว่าร้องไห้มากจนเกินไปก็จะเปลี่ยนเป็นไม่น่ารักแล้วนะ”คำพูดของเจี่ยนอันอัน ทำให้ซ่างตงเยว่หัวเราะออกมานางเช็ดน้ำตาบนใบหน้า แล้วเริ่มกินข้าวคำใหญ่ขึ้นมาซ่างตงเยว่ตัดสินใจแล้ว ว่าต่อให้ทั้งชาตินี้จะต้องเป็นวัวเป็นม้า ก็จะต้องติดตามเจี่ยนอันอันซ่างชิวเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันดีต่อบุตรสาวเขาเช่นนี้ ในใจของเขาก็ค่อยๆ ซาบซึ้งในบุญคุณของเจี่ยนอันอันเงียบๆรอจนเมื่อทุกคนทานอาหารกันเรียบร้อยแล้ว ซ่างชิวและอวี๋ว่านก็ไปทำรถเข็นต่อซ่างตงเยว่ย่อกายนั่งลงข้างกายของทั้งสองคน คอยมองพวกเขาทำงานนางพูดกับซ่างชิวออกมา “ท่านพ่อ วันนี้ป้าอวี้เฟิ่งมาเอาเงินที่บ้านของเรา”ซ่างชิวเมื่อได้ยินคำนี้ ก็รีบหยุดงานในมือลงเขาหันไปมองทางซ่างตงเยว่ “นางทำ
นอกจากนี้ ครอบครัวของเขาเองก็ไม่มีอะไรที่มีค่า เป็นเพียงแค่บ้านผุพังเท่านั้นและไม่ว่าจะอย่างไรครอบครัวของอวี้เฟิ่ง ก็ไม่มีทางทำเรื่องที่น่ารังเกียจเช่นนี้ออกมาได้เจี่ยนอันอันถามซ่างตงเยว่ “ทำไมเรื่องนี้เจ้าถึงไม่ยอมบอกพ่อของเจ้า?”ซ่างตงเยว่เหลือบมองไปยังซ่างชิว ก้มหน้าแล้วพูดออกมา “ท่านพ่อไม่เชื่อคำของข้า ข้าก็เลยไม่กล้าพูดออกมา”เจี่ยนอันอันถามซ่างชิวออกมาอีกครั้ง “บ้านของท่านหากว่าเมื่อไม่มีคนอาศัยแล้ว ก็จะมีคนเข้าครอบครองได้แต่ตามใจชอบหรือ?”ซ่างชิวพยักหน้าออกมาเบาๆ “หมู่บ้านชิงสุ่ยเป็นเมืองที่ยากจนมากที่สุดของเมืองอินเป่ย” “ในปีนั้นหลังจากการสังหารหมู่แล้ว มีทั้งที่ตาย และจากที่นี่ไป” “บ้านที่ไม่มีคนอาศัยอยู่นั้น ก็ถูกหัวหน้าหมู่บ้านจัดสรรปันส่วนบ้านว่างเหล่านี้ให้กับทุกคน” “ครอบครัวของข้าก็เหลือเพียงแค่พวกเราสองพ่อลูก ก็เลยไม่ได้ต้องการบ้านหลังอื่นอีก”เจี่ยนอันอันเข้าใจแล้ว เรื่องนี้จะต้องมีที่มา ล้วนแต่มีที่มาจากหัวหน้าหมู่บ้านหากว่าหัวหน้าหมู่บ้านไม่ได้ออกหน้าจัดสรรบ้านแล้ว อวี้เฟิ่งก็คงไม่คิดครอบครองบ้านของซ่างชิวแต่เรื่องที่ดินของบ้านซ่างชิวไม่อาจทำการเพาะป
ฉู่จวินหลุนได้ยินฟางอิ๋งพูดออกมา เพียงแค่กดปุ่มเท่านั้น รถเข็นก็สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยตนเองไม่นานเขาก็เข้าใจมันและควบคุมรถเข็นได้ แล้วเดินทางไปได้ทุกที่ที่เขาต้องการใบหน้าของฉู่จวินหลุน ค่อยๆ เผยรอยยิ้มที่ยากจะเห็นได้ออกมาเขาอุ้มฉู่จื่อซีขึ้นมาบนขาของตนเองพาเขาหมุนวนไปทั่วลานรอจนเมื่อฉู่จวินหลุนเหนื่อยแล้ว ถึงได้คืนรถเข็นให้กับเจี่ยนอันอัน“รถเข็นนี้ไม่เลวเลย พี่ใหญ่ชอบมันมาก”ฉู่จวินหลุนนั่งอยู่ในลาน ในใจรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งมีรถเข็นคันนี้ ต่อไปเขาก็ไม่ต้องถูกคนอุ้มไปมาแล้วเจี่ยนอันอันมองไปยังรถเข็น เห็นว่าบนนั้นมีปุ่มกลไกหายไปปุ่มหนึ่งแล้วอาวุธลับที่ซ่อนอยู่วางเอาไว้ที่ไหนกัน?เจี่ยนอันอันหันไปมองทางอวี๋ว่าน “พี่อวี๋ กลไลอาวุธลับของรถเข็นอยู่ที่ไหนกัน ทำไมข้าถึงได้หามันไม่เจอ?”อวี๋ว่านเดินเข้ามา ชี้ไปยังด้านหน้าของพนักแขนแล้วพูดว่า “แม่นางลองดู ตรงนี้มีช่องซ่อนอยู่ อาวุธลับสามารถวางไว้ในนั้นได้” “ขอเพียงแค่กดปุ่มไปเบาๆ อาวุธลับก็จะลอยออกมาจากด้านใน”เจี่ยนอันอันกดช่องลับนั้นเบาๆ และได้ยินเสียง ‘ฟึบ’ ดังออกมาเบาๆ ช่องลับเปิดออก ก้อนหินก้อนเล็กๆ ก็ลอยออกม
รอจนเมื่อพวกของซ่างชิวทั้งสามคนจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันก็หยิบเอาอาวุธลับออกมาจากคลังอาวุธในห้วงมิติจำนวนหนึ่ง แล้วใส่เข้าไปในกลไกของรถเข็นฉู่จวินหลุนเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันเหมือนราวกับว่าเสกอาวุธออกมาราวกับว่าใช้มายากลในใจของเขาทันใดนั้นก็เริ่มบ่นพึมพำออกมาในฐานะที่เป็นคุณหนูใหญ่จวนกั๋วกง แล้วจะไปมีอาวุธลับซ่อนอยู่ที่กายได้อย่างไรกัน?ฉู่จวินหลุนส่งเสียงถามออกมา “อันอัน อาวุธลับพวกนี้เจ้าไปเอามาจากที่ใดกัน?”เจี่ยนอันอันรู้ว่าฉู่จวินหลุนจะต้องถามออกมา นางก็หาเหตุผลเอาไว้แล้ว“ข้าซื้อมันมาจากท่านรองหัวหน้าตอนอยู่ที่ค่ายเทียนอวิ๋นเจ้าค่ะ”ในใจของฉู่จวินหลุนคิด ค่ายเทียนอวิ๋นเป็นค่ายโจร หากว่าที่นั่นจะมีอาวุธลับอยู่ก็เป็นเรื่องปกติทั่วไปเพียงแต่ไม่คิดเลยว่า เจี่ยนอันอันจะคิดได้รอบคอบเช่นนี้เกรงว่านางก็คงจะคิดเอาไว้นานแล้ว ว่าต่อไปจะต้องสร้างรถเข็นที่ติดตั้งอาวุธลับซ่อนเอาไว้ให้เขาโชคดีที่มีหมู่บ้านชิงสุ่ยมีคนที่สามารถสร้างเข็นนี้ได้อาวุธลับเหล่านี้ ต่อไปก็จะต้องได้ใช้ประโยชน์อย่างแน่นอนเมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉู่จวินหลุนเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกสายตาของเขาที่มองไปยังเจี่ยน
ฮูหยินรองเมื่อเห็นว่าฮูหยินใหญ่กลับมา นางก็รีบร้อนถามขึ้น “เป็นอย่างไรบ้าง ทางด้านอันอันเห็นด้วยหรือไม่?”เหล่าญาติอีกห้าคนก็รุมเข้ามาฮูหยินใหญ่ยิ้มหรี่ตาแล้วพยักหน้า “ตกลงแล้ว”ฮูหยินรองเมื่อได้ยินเข้า ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มยินดีออกมา “คราวนี้ดีแล้ว ข้ารอดื่มเหล้ามงคลของจวินสิงและอันอันมาโดยตลอด”ฉีเซินหย่วนญาติคนสนิทยิ้มออกมาแล้วลูบเคราเขาเป็นอาของฮูหยินรอง และยังเป็นขุนนางผู้ใหญ่ในราชสำนักเดิมทีเขาเพียงแค่มาเยี่ยมฮูหยินรองที่จวนเยียนอ๋องกลับไม่คิดเลยว่าหลังจากเพิ่งเข้าพักได้เพียงแค่วันเดียว ก็บังเอิญพบเข้ากับเรื่องที่จวนเยียนอ๋องถูกตรวจค้นเข้าและฮ่องเต้ก็มีบัญชาออกมา ขอเพียงแค่คนที่เข้าไปยังจวนเยียนอ๋อง ก็จะถูกมองว่าเป็นพรรคพวกเดียวกับเยียนอ๋องหากว่าเป็นขุนนางใหญ่ในราชสำนัก ก็จะถูกลดระดับให้เป็นสามัญชนเท่านั้น ฉีเซินหย่วนเองก็ไม่ยกเว้น ถูกเนรเทศมาที่นี่ด้วยกันกับคนในตระกูลเยียนอ๋องฉีเซินหย่วนเองก็ไม่ได้กล่าวโทษฉู่จวินสิงเพราะว่าเหตุนี้ เขาเป็นขุนนางในราชสำนักมาหลายปี และรู้ถึงพฤติกรรมของฮ่องเต้ฉู่ชางเหยียนดีนอกจากนี้แล้วคำสั่งของฮ่องเต้ไม่มีใครสามารถคัดค้านได้ฉี