“หนูบี! นั่งทำอะไรอยู่ คุณใหญ่กำลังจะมาถึงอยู่แล้ว”
ร่างบางสะดุ้งกับเสียงเรียก สติสัมปชัญญะค่อย ๆ กลับมาเหมือนเดิม รีบดึงขาที่เปียกชุ่มของตัวเองขึ้นขอบสระทันที
เสียงเรียกที่ดังออกมามันไม่ได้ทำให้สาวสวยอย่างหล่อนตกใจ แต่สิ่งที่ทำให้ตกใจและหัวใจเต้นแรงผิดปกติ คงเป็นเพราะชื่อของใครบางคนเท่านั้น
ผู้ชายใบหน้าเข้มที่เจอครั้งแรกหล่อนถึงกับร้องไห้กอดผู้เป็นพ่อไว้แน่น เมื่อรับรู้ว่าผู้เป็นพ่อจะส่งเธอให้กับผู้ชายร่างใหญ่ที่นั่งจังก้า แววตาที่ทอดมอง ผู้เป็นพ่อของเธออย่างเหยียดหยัน คงสมเพชกับการกระทำของผู้ชายที่ได้ชื่อว่าพ่อ ที่คิดจะขายแม้กระทั่งลูกสาว
แม้ชายหนุ่มจะไม่เอ่ยอะไรเลย หากแต่ผู้เป็นพ่อเท่านั้นที่เอ่ย
“หากคุณธาดาไม่รับลูกของผมไว้ ผมก็จะเอาไปขายซ่อง แล้วเอาเงินที่ได้มาจ่ายหนี้จ่ายดอกให้คุณ”
คนเป็นพ่อเอ่ยอย่างไม่รู้สึกรู้สา แต่เด็กน้อยร่างผอมบางถึงกับเข่าอ่อนทนยืนฟังคำเอ่ยของผู้เป็นพ่อไม่ไหว ร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่คิดอายใคร
คงเป็นเพราะมีความเป็นคนอยู่บ้างกระมังชายหนุ่มจึงจำใจรับเด็กหญิงไว้ พร้อมกับให้เงินก้อนหนึ่งกับผู้ชายที่ได้ใช้ลูกของตัวเองเพื่อขัดดอก นับแต่นั้นก็เงียบหายไม่เคยย่างกรายมาให้เห็นอีกเลย
“ค่ะ”
หญิงสาวตะโกนรับออกไป รีบลุกขึ้นไปหาคนต้นเสียงทันที
อาการฉีกยิ้มของสาวสวยตรงหน้า ทำให้ผู้หญิงต่างวัยอดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
“เป็นอะไร ยังทำใจให้ชินไม่ได้อีกหรือ?”
ป้าจุ้มหญิงวัยกลางคนส่งยิ้มบางๆ ให้ นางรู้ใจหญิงสาวคนนี้ดีกว่าใคร เพราะเธอไม่มีใคร หากจะมีก็คงเป็นเพื่อนที่มหาวิทยาลัย พอมีเรื่องไม่สบายใจส่วนมากเธอจึงเอามาปรึกษาและบอกกล่าวเสมอ
คนเราหากบางเวลาต้องการจะระบายความในใจ ถึงจะไม่ใช่คนใกล้ชิดดั่งเช่นญาติพี่น้องก็ตาม ใครก็ได้ที่พร้อมจะเป็นผู้ฟังที่ดี คนนั้นก็พร้อมจะปลดปล่อยสิ่งที่อัดอั้นออกมา ป้าจุ้มจึงได้รู้ว่าหญิงสาวประหม่าแค่ไหน ส่วนหล่อนได้สิทธิ์พิเศษกว่าใคร ๆ คือได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยจนจบ และก็มีเงินเดือนเหมือนลูกจ้างทั่วไป ถึงหล่อนจะทำในช่วงหลังเลิกเรียนและเสาร์-อาทิตย์ก็ตาม นี่คือความปรานีของผู้ชายคนนั้นที่ส่งเสียค่าใช้จ่ายในการเรียน โดยโอนเข้าบัญชีของหล่อนทุกเดือนตลอดเวลาที่เขาไม่ได้อยู่เมืองไทย
แล้วอย่างนี้หล่อนจะพบหน้าผู้ชายคนนั้นในฐานะอะไร ตอนนี้หล่อนทำใจยังไม่ได้เลย แม้ไม่ได้เห็นหน้าตลอดหลายปีที่ผ่านมาแต่ใบหน้าหล่อเข้มที่หล่อนไม่เคยได้เห็นรอยยิ้มเลยในช่วงที่พบกันเมื่อสิบปีก่อน ก็ยังอยู่ในความทรงจำหล่อนไม่เปลี่ยนแปลง
“คุณใหญ่คงจะเข้าไปข้างในแล้วล่ะ”
ป้าจุ้มเอ่ยขึ้นเบา ๆ และหยุดเดินกะทันหัน เมื่อเห็นความผิดแปลกกับสิ่งที่อยู่ด้านหน้า
รถเบนซ์ใหม่เอี่ยมสีดำมันวาวจอดอยู่หน้าตึก การกระทำของคนที่เดินอยู่ด้านหน้าส่งผลให้คนที่เดินอยู่ด้านหลังถึงกับจิกเล็บเท้าเบรกกะทันหัน
“มีอะไรหรือคะป้าจุ้ม?”
ร่างบางเอ่ยถาม เพราะหล่อนก็ยังไม่เห็นว่ามีอะไรจะขวางทางเดินที่ทำให้ป้าต้องหยุดกะทันหันอย่างนี้
“หนูบี ... จะใจลอยไปถึงไหน”
เสียงต่อว่าเบาๆ กับสายตาที่ค้อนมา แต่หญิงสาวอย่างหล่อนรู้ดีว่าที่จริงนั้นแฝงไปด้วยความห่วงใย
“คะ!”
หล่อนทำตาโตอย่างไม่รู้จริง ๆ ว่าที่ป้าจุ้มพูดและทำเหมือนกำลังบอกใบ้อะไร มันคืออะไร ก็สติหล่อนเพิ่งกลับมาก็ตอนที่จะชนหลังป้าจุ้มนั่นแหละ และก็ดีเท่าไหร่ที่หล่อนไม่เผลอชน
“หนูบี ... ป้าบอกว่าคุณใหญ่คงมาถึงแล้ว และตอนนี้คงเข้าไปข้างในแล้วล่ะ”
ป้าจุ้มพูด สายตายังค้อนหญิงสาวตรงหน้าไม่เลิกแต่มันไม่ได้จริงจังอะไร ต่างคนต่างรู้ดีความกังวลจึงไม่มีบนใบหน้าของทั้งสอง
“บีขอโทษค่ะ เลยทำให้ป้าจุ้มพลาดที่จะเจอคุณหนูของป้าจุ้มเป็นคนแรก ขอโทษนะคะ ... นะ ๆ บีขอโทษจริง ๆ นะคะ”
เธอกล่าวคำขอโทษรัว ๆ แล้วรีบสวมกอดนางทันที เธอได้ยินป้าจุ้มบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าป้าจุ้มจะเป็นคนเดินมาเปิดประตูรถให้ชายหนุ่มเองในวันที่เขากลับมา แต่เพราะเธอออกมาจากตึกทำให้ป้าจุ้มต้องเดินออกมาตาม ทำให้พลาดที่จะพบคุณหนูสุดที่รักไป
“ไม่เป็นไร เรารีบเข้าข้างในกันเถอะ ทุกคนคงคอยแล้วล่ะ”
เมื่อเจอสายตาออดอ้อนกับคำพูดหวาน ๆ ของหล่อน ทำให้สายตาที่ค้อนอย่างไม่จริงจังนักของผู้สูงอายุกว่าเปลี่ยนเป็นประกายอ่อนโยนที่แฝงไปด้วยความเมตตา แล้วทั้งสองก็ประคองกันเดินเข้าไปตึกใหญ่ทันที
ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกหันมอง โดยเฉพาะเจ้าของตึกที่ส่งสายตาไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันนึกว่าคนตาม กับคนที่ถูกตามจะหายหัวไม่กลับมาข้างในแล้วเสียอีก”
เสียงกระแนะกระแหนของคุณหญิงผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์ดังขึ้นทันทีที่สองคนต่างวัยโผล่หน้าให้เห็น พร้อม ๆ กับสายตาอีกสองคู่ของหนุ่มสาวหันมามองแวบหนึ่งแล้วหันกลับไป
ป้าจุ้มก้มหน้ารับคำเหมือนกับบีที่ได้แต่ทำใจไม่ให้คิดมากเรื่องนี้ เพราะเป็นประจำที่คุณหญิงปราณีจะต่อว่าหล่อนและหาเรื่องแขวะหล่อนอยู่บ่อยครั้งหากมีโอกาส คงเป็นเพราะความหมั่นไส้ในตัวหล่อนที่คุณลูกชายแผ่เมตตามายังหล่อนมากเกินไปกระมัง นางจึงรู้สึกไม่ถูกชะตากับหล่อนตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเหยียบในตึกหลังนี้
เมื่อเจอสายตาออดอ้อนกับคำพูดหวาน ๆ ของหล่อน ทำให้สายตาที่ค้อนอย่างไม่จริงจังนักของผู้สูงอายุกว่าเปลี่ยนเป็นประกายอ่อนโยนที่แฝงไปด้วยความเมตตา แล้วทั้งสองก็ประคองกันเดินเข้าไปตึกใหญ่ทันทีทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกหันมอง โดยเฉพาะเจ้าของตึกที่ส่งสายตาไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “ฉันนึกว่าคนตาม กับคนที่ถูกตามจะหายหัวไม่กลับมาข้างในแล้วเสียอีก”เสียงกระแนะกระแหนของคุณหญิงผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์ดังขึ้นทันทีที่สองคนต่างวัยโผล่หน้าให้เห็น พร้อม ๆ กับสายตาอีกสองคู่ของหนุ่มสาวหันมามองแวบหนึ่งแล้วหันกลับไปป้าจุ้มก้มหน้ารับคำเหมือนกับบีที่ได้แต่ทำใจไม่ให้คิดมากเรื่องนี้ เพราะเป็นประจำที่คุณหญิงปราณีจะต่อว่าหล่อนและหาเรื่องแขวะหล่อนอยู่บ่อยครั้งหากมีโอกาส คงเป็นเพราะความหมั่นไส้ในตัวหล่อนที่คุณลูกชายแผ่เมตตามายังหล่อนมากเกินไปกระมัง นางจึงรู้สึกไม่ถูกชะตากับหล่อนตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเหยียบในตึกหลังนี้“ใหญ่! เอาเด็กอะไรที่ไหนมา?”ดวงตาเบิกกว้างพร้อมกับคำถามของนางผู้เป็นแม่ที่นั่งอยู่ในตึก“คือ ... เด็ก ...”ชายหนุ่มเองก็ยากที่จะตอบ มองผู้เป็นแม่นิ่งแล้วหันมามองเด็กสาวที่ยืนประหม่าอยู่ด้านหลังของเขา
ชายหนุ่มหันมายิ้มบาง ๆ ให้ป้าจุ้มแทนการทักทายด้วยภาษา แล้วหันกลับไปเหมือนไม่ได้สนใจอะไรอีกบีสะอึกเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของป้าจุ้ม แต่หล่อนก็ได้แต่ก้มหน้านิ่ง ไม่กล้าสบตาใครทั้งนั้น เพราะตอนนี้หูอื้อตาลายท้องไส้ปั่นป่วน ขาก็พานสั่น แค่เห็นเสี้ยวหน้าของเขา แม้เขาจะไม่ได้สนใจว่าคนที่ชื่อบีจะมีตัวตน หรือยืนอยู่แถวนี้หรือไม่ และชื่อของหล่อนคงจะรำคาญหูหรือยังไงเขาจึงเหลือบมองหล่อนแวบเดียว“พี่ใหญ่...เมย์หิวแล้ว”เสียงหวานที่เรียกอย่างเป็นกันเองทำให้ใครบางคนถึงกับเหลือบมองอย่างน้อยใจลึก ๆเสียงหวานเอ่ยบอกชายหนุ่ม แต่เขากลับไม่ได้สนองตอบ คุณหญิงปราณีเสียอีกที่เดือดร้อน“ไปตั้งโต๊ะอาหารได้แล้ว”น้ำเสียงที่ดูเป็นเป็นเดือดเป็นร้อนแทนสาวสวยอย่างคุณปราณีดังขึ้น ทำให้ทุกคนในที่นั้นรีบจัดการทำตามทันทีเมื่อจัดของบนโต๊ะเรียบร้อย บีและป้าจุ้มก็ยืนคอยอยู่ที่โต๊ะอาหารเพื่อจะคอยรับใช้ ท่าทางอาหารบนโต๊ะคงเอร็ดอร่อย เพราะทุกคนรับประทานกันเงียบ ๆ แม้กระทั่งสาวสวยที่ชื่อเมย์คนนั้นด้วยหล่อนคงจะหิวจัดจริง ๆ คุณใหญ่ช่างใจร้ายปล่อยให้แฟนหิวจัดอย่างนี้ได้ไง ...บีแอบมองชายหนุ่มที่นั่งรับประทานข้าวเงียบ ๆ หลา
มนธิราก้มหน้านิ่ง รีบยื่นถ้วยของหวานให้แต่ละคนด้วยมือไม้สั่น ธาดารีบหยิบของหวานตักเข้าปาก ทำเป็นลืมเรื่องที่ยังตอบค้างคาอยู่ แล้วไม่สนใจอะไรอีกผิดกับเมรียังที่เก็บอารมณ์โกธรไว้ไม่หมดพานระบายด้วยสายตาใส่หญิงสาวตรงหน้าเมรีมองสำรวจหญิงสาวร่างสมส่วนในชุดเรียบง่ายตรงหน้า ก่อนหน้านี้หล่อนไม่คิดสนใจหญิงสาวตรงหน้านักเพราะคิดว่าสาวใช้ หรือไม่ก็ลูกคนใช้ในบ้าน แต่เมื่อพินิจดูตอนนี้ หญิงสาวคนนี้แม้ไร้เครื่องสำอางยังดูโดดเด่นสวยน่ามอง“ผู้หญิงคนนี้ ลูกคนใช้ในบ้านหรือคะ?”เมรีเอ่ยถามทันที ไม่อยากปล่อยให้ความสงสัยอยู่ในหัวนานเกินไปธาดาเกือบสำลักของหวานเมื่อได้ยินคำถาม มนธิราเองก็ตกใจกับคำถามของสาวสวย ไม่คิดว่าผู้หญิงที่คุณใหญ่ควงมาด้วยจะสนใจอะไรในตัวเธอ แต่สายตาทุกคู่มองตวัดส่งมาที่เธอ เหมือนเธอเป็นตัวต้นเหตุ ที่ทำให้เป็นคำถาม พร้อมกับเป็นคำตอบที่ยากจะตอบนางปราณีถึงกับปิดปากเงียบ กำลังหาคำตอบอยู่ในใจ สายตาของนางมองไปยังลูกชายที่เงียบไม่ต่างอะไรกับนางมนธิรารีบก้าวเท้าออกห่างไม่อยากรับฟังคำตอบ และการสนทนาของเจ้านายมากไปกว่านี้ เพราะการที่หล่อนเป็นอยู่ทุกวันนี้ มันก็เจ็บปวดพออยู่แล้ว แค่เขาผู้ชายท
“อย่าคิดมากสิ ... ที่ไม่อยากให้เจอเธอ เพราะฉันกลัวว่าพี่ธิปจะขอตามมาด้วยต่างหากล่ะ ฉันเลยต้องรีบหนีออกมา ไม่อยากเดินควงเดี๋ยวคนอื่นมองว่าฉันมีแฟนแล้วหรือไม่ก็เธอ อีกอย่างพี่ชายฉันเหมือนจะชอบเธออยู่นะบี”พูดจบยายเพื่อนรักปิดปากหัวเราะชอบใจ จนทำให้อีกคนที่ยืนอยู่ถึงกับอายหน้าแดง“เกินไปแล้วยายณี คนอย่างบีไม่มีใครสนใจหรอก”น้ำเสียงเศร้า ๆ เอ่ยโดยอีกคนไม่ทันได้สังเกตอาการหน้าแดงจางหาย เมื่อนึกถึงใบหน้าของใครบางคน แล้วรีบสลัดทิ้ง“บี! เป็นอะไร”เสียงเรียกดัง ๆ ของเพื่อนรักทำให้ร่างบางที่จมอยู่ในภวังค์สะดุ้ง“หือ ... อะไรหรือณี”หน้าเหวอเล็กน้อย“เปล่า...แค่เห็นบีเงียบไป มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”เสียงเรียบ ๆ พร้อมกับสีหน้าบ่งบอกถึงความเป็นห่วงและกังวล หล่อนรู้เรื่องเกี่ยวกับเพื่อนรักดี ดีในทุกเรื่อง จึงรับรู้ว่าไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้เพื่อนรักเป็นอย่างนี้แน่นอน น่าจะเป็นเรื่องคนที่รับหล่อนไปอุปการะเป็นแน่ เธอมั่นใจ“ไปเถอะ อย่าคิดมาก มีอะไรก็ค่อยว่า … วันนี้บีออกมาทั้งทีต้องจัดเต็มสักหน่อย”เมื่อเห็นเพื่อนรักสีหน้าไม่ดีขึ้น สาวเจ้าเลยกึ่งลากกึ่งจูงเพื่อนเข้าบ้านหน้าตาเฉย โดยลืมความตั้งใจของต
“เฮ้ เฮ้ น้องฉันเที่ยวบาร์แล้วหรือนี่ พ่อแม่รู้หรือยังเนี่ย” เมื่อแน่ใจว่าไม่ใช่ร้านอาหารอย่างที่คิดไว้ ชายหนุ่มถึงกับอ้าแขนขวางทางเดินทันที“มันดูไม่ดีเลยนะที่ผู้หญิงจะเข้ามาในที่แบบนี้”ชายหนุ่มอดที่จะต่อว่าไม่ได้ ส่งสายตาตำหนิไปยังน้องสาวอย่างจริงจัง แต่ชายหนุ่มไม่คิดจะส่งสายตาตำหนิไปยังผู้หญิงอีกคน เพราะเขารู้และแน่ใจว่าไม่ใช่ความคิดของมนธิราแน่ ...เมื่อโดนสายตาตำหนิจริงจังของพี่ชาย สาวสวยก็อดที่จะเถียงไม่ได้“พี่คะ น้องโตพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร และตอนนี้มันก็เป็นกลางวันอยู่นะคะ พี่อย่าคิดมากสิ”ว่าไปก็ดึงเพื่อนรักที่ยืนนิ่งเหมือนจะเห็นด้วยกับคำพูดของพี่ชายแล้วเพื่อนรักของเราหัวอ่อนเสียด้วยสิ ... ดึงร่างเพื่อนรักแล้วกระแทกพี่ชายที่ยืนกั้นทางด้านหน้าไปเบา ๆ เดินฉับ ๆ เข้าด้านในทันที ปล่อยให้พี่ชายยืนอึ้งเหมือนเห็นผีตอนกลางวันไปพักหนึ่ง“ยายณี งานนี้ต้องเป็นความคิดเธอแน่ ๆ”ชายหนุ่มมั่นใจอย่างนั้น เกาศีรษะตัวเอง เหนื่อยหน่ายกับความดื้อรั้นของน้องสาวสุดสวยคนเดียวของตัวเองเมื่อห้ามไม่ได้ก็เข้าไปร่วมดูเหตุการณ์ก็แล้วกัน ... ชายหนุ่มยกยิ้มเพราะรู้จักนิสัยห้าว ๆ ไม่กลัวอะไร ผิดกับ
คนที่โดนกล่าวถึงฉีกยิ้มออกไป เป็นไงเป็นกัน คิดเสียว่าเป็นรางวัลเลี้ยงน้องตัวเองที่เรียนจบก็แล้วกัน ...ชายหนุ่มคิดให้กำลังใจตัวเอง ไม่ใช่ว่าไม่มีเงิน แต่เงินสดที่ติดกระเป๋ามาน่ะมันมีไม่กี่พัน ก็น้องดันไม่บอกว่างานนี้มีเพื่อนเยอะนี่น่าเฮ้อ ... งานนี้คนหล่อเหงื่อตก“ไม่เอาหรือบี”ธาริณียื่นแก้วค็อกเทลสีฟ้าใสให้เพื่อนรัก แต่ก็โดนปฏิเสธอย่างนิ่มนวล “ไม่ดีกว่า ขอน้ำส้มก็พอ”ร่างบางเอ่ยพร้อมเอียงหลบ เมื่อคนที่เอ่ยชวนยื่นแก้วแตะริมฝีปากเธอไปแล้ว“ก็ได้ ไม่เห็นจะง้อเลย”ดึงแก้วกลับ เอ่ยน้ำเสียงงอน ๆ หันไปยังอีกคน และไม่ต้องสงสัยงานนี้ต้องมีคนเมาเป็นแน่ เพราะสภาพที่เห็นทุกคนรินน้ำอำพันดื่มกินเหมือนน้ำเปล่าเลยทีเดียวอนาธิปที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ เหลือบมองและแอบยิ้มอยู่ในใจ เมื่อเห็นว่าสาวสวยทุกนางและเพื่อนผู้ชายไม่กี่คนในกลุ่ม ไม่เว้นแม้น้องสาวของเขาเองก็กินของที่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ทุกคน แต่คนเดียวที่ไม่แตะต้องเลยก็คือมนธิราทำไมรู้สึกพอใจมนธิรานักนะ ... หล่อนไม่เหมือนกับน้องสาวเขาสักนิด ไม่ว่าจะเป็นท่าทางห้าว ๆ การแต่งตัว ต่างกันลิบลับ รสนิยมก็ต่างกันราวฟ้ากับดิน อีกคนหวานหยดแต่อีกคนเปรี้ยวจนเข็ดฟ
การแต่งตัวที่ธรรมดาอย่างกางเกงยีนเสื้อยืดแต่มันก็ทำให้เขาสะดุดตา มันแปลกดีนะ พวกสาว ๆ ที่ใส่สายเดี่ยวเกาะอกเขาไม่ยักจะติดใจจะเพ่งมองด้วยซ้ำ ... แต่กลับไปสนใจกับท่าทีเงอะงะนั้น... ชายหนุ่มนึกถึงใบหน้าของใครบางคนขึ้นมาทันที ... หน้าคล้ายกันมาก“มีอะไรหรือเปล่าคะ?”เสียงหวานกระซิบถาม และมองตามสายตานั้นเช่นกัน เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มดูจะมองและสนใจคนกลุ่มใหญ่นั้นนานเกินไปแล้ว“เปล่า ...”ชายหนุ่มละสายตาแล้วกลับมาคว้าแก้วไวน์ยกดื่มพรวดเดียวหมดแก้วกลบเกลื่อนอะไรบางอย่าง“สนใจใครในกลุ่มนั้นหรือเปล่า?”เสียงหวานยังเอ่ยต่อ ทำให้คนถูกถามถึงกับสะดุ้งน้อย ๆโชคดีที่คนพูดอย่างทีเล่นทีจริงไม่ได้หันมาสนใจคู่สนทนา หากสายตายังจับจ้องหนุ่มสาวกลุ่มนั้นไม่วางตา แต่แล้วสายตาของหล่อนเหมือนจะสะดุดกับสาวร่างบาง แม้จะไม่ค่อยถูกชะตากับสาวใช้ที่พบเมื่อตอนเช้า แต่รูปร่างหน้าตาหล่อนจำได้ติดตานั่นมันแม่คนใช้บ้านคุณใหญ่นิ แล้วคุณใหญ่ไม่เห็นหรือไงว่าคนใช้ในบ้านออกมาหาความสำราญในที่แบบนี้ มันไม่สมควร ...สาวสวยอย่างเมรีเหยียดยิ้ม เมื่อแน่ใจว่าตัวเองจำไม่ผิดคนไม่ผิดตัว แผนอยากแกล้งใครบางคนก็เริ่มผุดขึ้น อย่างไม่ต้องเสีย
อารมณ์ระเบิดของชายหนุ่มยังไม่หมด แต่กลับมาลงกับความเร็วของรถที่เหยียบคันเร่งจนหญิงสาวอย่างเมรีถึงกับหน้าซีด ไม่กล้าเอ่ยทักอะไร ปล่อยให้ชายหนุ่มจัดหนักกับรถบนถนนที่ขับแซงซ้ายแซงขวา เหมือนผู้ร้ายที่ปล้นธนาคารแล้วขับรถหนีตำรวจกระนั้นเมรีกลับถึงบ้านพักด้วยอารมณ์หงุดหงิด ทีแรกกะว่าหากมีเวลาเหมาะจะเอ่ยบอกความในใจให้ชายหนุ่มที่เธอหลงรักและหมายปอง แต่กลายเป็นว่าเหตุการณ์ที่อยากจะแกล้งใครบางคนกลับส่งผลกระทบมาถึงหล่อนเสียเอง“บ้าที่สุด!”เมรีกระแทกก้นบนเตียงหนุ่มพร้อมเหวี่ยงกระเป๋าสะพายหนังราคาแพงจนกระเด็นตกไปตรงมุมห้องโดยไม่สนใจว่ามันจะกระเด็นไปถูกอะไรและกระเป๋าราคาแพงจะเสียหายตรงไหนเมื่อนึกถึงคำปฏิเสธของชายหนุ่มที่หล่อนเอ่ยชวนเข้าบ้าน ยิ่งทำให้ร่างบางกัดริมฝีปากตัวเองแน่นจนรู้สึกเจ็บ“เมย์ต้องทำให้อาการเย็นชาของคุณ ร้อนขึ้นมาให้ได้ ธาดา ...”เสียงแค้นแหบแห้งเอ่ยขึ้นอย่างหมายมาดแม้จะรู้ว่าชายหนุ่มไม่เคยมีท่าทีจะแสดงออกว่าชอบหล่อนในฐานะแฟน และที่หล่อนได้อยู่ใกล้ชิดชายหนุ่ม เพราะผู้เป็นพ่อของเธอต่างหากที่เป็นหุ้นส่วนในโรงแรมด้วยกัน ความสนิทสนมหล่อนจึงมีมาก แต่หล่อนก็ยังต้องการจะเอาชนะใจน้ำแข็
เจ้าสาวกวาดตามองไปทั่วด้านหน้าแล้วโปรยยิ้มหวานออกมาเหมือนถูกใจกับคนด้านล่างเวที“ณี”เจ้าสาวบนเวทีที่เอ่ยเรียกเบาๆ อย่างดีใจ แม้จะไม่ได้ยินเสียงเรียกนั้น แต่ก็สื่อความหมายกันเข้าใจ ตาสบตา แล้วหันหลังให้กลุ่มสาวๆ ด้านล่างเวที กุหลาบสีแดงช่องามในมือเรียวถูกยกขึ้น พร้อมย่อเข่าลงเล็กน้อยสองสามครั้งเพื่อหยั่งน้ำหนักของในมือไปในตัว ก่อนจะส่งแรงเหวี่ยงไปทางด้านหลังทันทีช่อกุหลาบลอยละลิ่ว พร้อมเสียงวี้ดว้ายร้องด้วยความตื่นเต้นของสาวสวยทั้งหลายถูกปล่อยออกมา มีเพียงสาวสวยในชุดเกาะอกยาวระพื้นที่ไม่ได้กรีดร้องเหมือนคนอื่น สายตาจับจ้องช่อดอกไม้สีสดที่ลอยอยู่กลางอากาศ มือเรียวถูกยกขึ้นพร้อมกับรอรับอย่างรู้จังหวะ“ว้าย!”เธอกรีดร้อง โดยมือคว้าช่อกุหลาบงามไว้ได้อย่างเหมาะเหม็ง แต่เธอไม่ได้ทุ่มสุดตัว หากแต่ลงไปนอนกองอยู่กับพื้น ...สาวสวยที่ชวดช่อกุหลาบถึงกับเบะปากก็มี แต่บางคนก็ยิ้มเจื่อน ๆ มองผู้หญิงที่โชคดีได้ช่อกุหลาบ แต่ ... ไม่รู้ว่าโชคดีหรือร้ายน่ะสิทุกคนเริ่มถอยออกห่าง บางคนกลับไปนั่งโต๊ะของตัวเอง เจ้าบ่าวและเจ้าสาวยังยืนตะลึงค้าง แต่ภาพที่เห็นมันชัดเจนว่าคนที่รับช่อดอกไม้ได้ ล้มลงไปนอนแอ้งแ
ชายหนุ่มส่งเสียงคราง ร่างกายตึงเขม็ง อุ้งมือหนากำลังบีบเคล้นคลึงที่ทรวงอกจนล้นปลิ้นไปตามซอกนิ้วยาวแกร่ง ก่อนจะเปลี่ยนจากมือหนากลายเป็นปากหนานุ่มดูดกลืนบัวตูมที่กำลังชูช่อเด่น ดูดดึงซ้ายทีขวาทีจนหญิงสาวต้องบิดร่างกายส่ายไปมาเหมือนต้องการขับไล่ความเสียวซ่านให้บรรเทาเบาบางลง“คุ ... คุณใหญ่ บีไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”ร่างบางเอ่ยบอกเสียงกระเส่า สั่นสะท้าน หัวใจหวามหวิว เมื่อมือข้างหนึ่งกำลังลูบคลำไปยังส่วนล่างของบ่อน้ำหวาน ใช้นิ้วสะกิดยอดแหลมกลางกลีบกุหลาบที่กำลังแย้มบานถี่รัว ขาเรียวแยกออกจากกันอย่างลืมตัว สะโพกมนยกส่ายไปมารอรับเชิญชวนให้อีกคนเติมเต็มชายหนุ่มผละตัวออกห่างจัดการช่วงกลางลำตัวที่กำลังปวดร้าว ยกสะโพกผายที่เปิดอ้าอย่างท้าทายสอดแทรกความใหญ่โตเข้าเติมเต็มในกลีบกุหลาบที่กำลังชุ่มฉ่ำเสียงหวานกรีดร้องเบา ๆ ยามที่เจ้าสิ่งนั้นถูกเจ้าของสอดแทรกเข้าไป ก่อนจะขยับเนิบช้าและเพิ่มความเร็วขึ้น ทุกสัมผัสขยับกายในแต่ละครั้ง มีเสียงครางสุขสมขับกล่อมเป็นเสียงดนตรีไพเราะรุกเร้าเข้าหากันอย่างไม่ขาดตอนชายหนุ่มพ่นลมหายใจรู้สึกอึดอัดกับความคับแน่น ถอนกายแกร่งออกมาแล้วกระแทกเข้าไปใหม่ ขยับกระแทกเข้าอ
ร่างหนาลืมเรื่องชวนปวดหัวก่อนหน้านี้เสียสนิท ก้าวเท้าไปยังเตียงนุ่มหมายจะจัดการความร้อนในกายด้วยร่างกายที่กำลังนอนหลับอยู่ เขาก้มตัวไปหาร่างบาง มือหนาเอื้อมจับไหล่บางก่อนจะลากมือสาก ๆ ไปตามแขนเรียวงามอย่างปรารถนา“อือ ...”ร่างบางคราง สะบัดไหล่เหมือนรู้สึกรำคาญกับการถูกรบกวนเมื่อเห็นหญิงสาวเริ่มรู้สึกตัว คนหน้ามึนจัดการก้มกระซิบข้าง ๆ หู“บีฉันรักเธอนะ และรักลูกของเราด้วย”แม้คนที่นอนอยู่จะครึ่งหลับครึ่งตื่นหรือไม่ ชายหนุ่มก็รู้เขินอายกับการกระทำของตัวเอง“อื้อ ... จริงหรือคะ”เสียงหวานเอ่ยออกมาเบา ๆ เหมือนคนละเมอ ชายหนุ่มมองใบหน้าหญิงสาวนิ่ง สังเกตว่าหล่อนยังหลับตาอยู่ แต่เหมือนหล่อนจะตอบสนองกับคำพูดของเขาได้ดีตกลงหล่อนหลับแล้วละเมอ หรือหล่อนแกล้งหลับกันแน่ ... ชายหนุ่มไม่แน่ใจ ยื่นมือหนาจับปลายคางมนอีกครั้งแล้วขยับไปมาจนหน้าหวานหันไปตามแรงขยับ ท่าทางของคนหลับทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจคนอะไรหลับก็ยังตอบคำถามได้ ...เมื่อตั้งใจว่าจะบอกรักให้คนหลับฟังไม่ได้ผล ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นและเดินอ้อมเตียงไปอีกด้าน ทรุดตัวลงนั่งเต็มแรงจนเตียงยวบไปตามน้ำหนัก ทอดกายลงนอนแทรกไปใต้ผ้าห่มผืนหนาที่มีร่างบาง
คำบอกกล่าวที่เอ่ยยาวจนคนที่ฟังอยู่ รู้สึกเหมือนกำลังฟังครูบรรยายเหตุการณ์อะไรสักอย่างอยู่หน้าห้องที่ยาวนานมาก แต่คำพูดสุดท้ายมันทำให้ความรู้สึกนั้นพลันหายไปวินาทีถัดมา มันทำให้สมองเบลอร่างกายเบาโหวงเหมือนกำลังล่องลอยไร้แรงโน้มถ่วงของพื้นโลก แต่แล้วแรงสั่นสะเทือนทั้งหมดก็ไปกองอยู่ที่หน้าอกด้านซ้าย หญิงสาวถึงกับเซเข่าอ่อนมือหนาคว้าแขนเรียวเอาไว้ โดยหญิงสาวก็คว้าแขนแกร่งไว้เช่นกัน“คุณใหญ่ ... ไม่จริงใช่ไหม คุณใหญ่แกล้งบีใช่ไหม?”เสียงเบาแหบแห้ง สีหน้าไร้ความรู้สึกตื่นเต้นใด ๆ เอ่ยถามคนตัวโต“ทุกคำพูดเป็นเรื่องจริง”ชายหนุ่มยืนยันสีหน้าจริงจัง รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาหวังไว้อย่างน้อย ๆ หากเขาเอ่ยประโยคสำคัญออกไป หญิงสาวคงดีใจโผเข้ากอดเหมือนผู้หญิงหลาย ๆ คนที่ถูกคนรักขอแต่งาน จะต้องกระโดดกอดคอและหอมแก้มคนรักอย่างที่ควรจะเป็น แต่นี่ผู้หญิงที่เขาขอแต่งงานกลับเหมือนคนไร้ซึ่งความรู้สึก“หากเพราะคิดจะรับผิดชอบในสิ่งที่ทำมา และไถ่โทษด้วยการขอผู้หญิงแต่งงานโดยปราศจากความรัก คุณใหญ่ เก็บคำนั้นเอาไว้เถอะ”หล่อนพูดถึงประโยคขอแต่งงาน“บี ... ที่พี่พูดมาทั้งหมดมันชัดเจนแล้วนะว่าพี่ต้องการบี แล้วบีจะ
ใบหน้าขาวนวลกลายเป็นแดงซ่าน อยากข่วนหน้านั้นให้หายหล่อแต่ก็ได้แค่คิด เมื่อเห็นสายตาของผู้เป็นพ่อยิ้มเหมือนรู้ความสัมพันธ์ของเธอและชายหนุ่มดีหล่อนไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้ หากมีพื้นที่ที่ให้หล่อนได้แทรกกายหนี หล่อนอยากจะแทรกหายไปซะเดี๋ยวนั้นนิพาหันสบตากับสามี ถอนหายใจเบา ๆ แม้จะไม่ค่อยชอบใจท่าทางของชายหนุ่มที่ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของจนออกหน้าออกตาทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานแต่งการด้วยซ้ำ แต่กลับมาประกาศจะนอนห้องเดียวกับหญิงสาวเสียอย่างนั้น แต่เมื่อเห็นสามีไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับการกระทำของชายหนุ่ม นางจึงปล่อยเลยตามเลยไป“เสร็จแล้วขึ้นห้องเลยไหม ป้าจะพาไป”น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยถามลูกเลี้ยงสาว ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังมองนางอยู่เช่นกัน เหมือนอยากให้อีกคนเอ่ยชวนตัวเองด้วย แต่นางก็ไม่ได้ตอบสนองสายตานั้น แล้วก็จริงดังคาด เมื่อชายหนุ่มทำสีหน้าเหมือนคนผิดหวัง“ตามขึ้นไปพร้อมกันเลยครับคุณธาดา เดี๋ยวผมจะให้เด็กเอาชุดนอนผมไปให้ คุณคงพอใส่ได้”เสียงทุ้มของว่าที่พ่อตา ทำเอาชายหนุ่มที่หน้าหุบหันขวับไปมอง ปากหยักหนาได้รูปฉีกยิ้มกว้างทันที พร้อมพยักหน้าเป็นเชิงรับทราบสองหญิงต่างวัยหันมาส่งค้อนให้คู่ของต
ความเป็นห่วงลูก รู้สึกโกรธเจ้าของรถคันนั้นยิ่งนัก“ไปดูสิว่าใคร”เสียงทุ้มเอ่ยสั่งคนขับรถที่ยืนดูอยู่อีกฝั่งของรถออกไป คนถูกสั่งทำตามทันทีแสงไฟจากหน้ารถของคันที่วิ่งเข้ามาใหม่กระทบกับสายตาทำเอาหล่อนกับพ่อต้องหรี่ตาและเอามือป้องหน้าเอาไว้สองพ่อลูกมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ แต่ลักษณะของรถมันดูคุ้นๆ สำหรับหญิงสาว“คุณใหญ่!”เสียงแหลมเล็กเอ่ยอย่างตกใจปรับสีหน้าจากที่ตกใจเมื่อครู่กับการมาของชายหนุ่มให้กลับสู่สภาพปกติ“มาได้ยังไง...?”เสียงหวานเอ่ยถามทั้ง ๆ ที่ยังมึน ๆ อยู่“ก็ขับรถตามมา ไม่เห็นแปลก ...”ตอบทำสีหน้าขรึม เหมือนอยากให้อีกคนรู้ว่าเขากำลังไม่พอใจกับการกระทำของหล่อนอยู่“แล้วก็มารับบีกลับไร่ด้วย”ใบหน้าเรียบตึงกว่าเก่าพร้อมกับคำพูดเฉียบขาด ไม่อยากให้หล่อนรู้ว่าเขาดีใจแค่ไหนที่เห็นหล่อนในสภาพปลอดภัย“บีไม่กลับ”ขยับกระชับอ้อมแขนกอดผู้เป็นพ่อแน่นขึ้น“เชิญคุณใหญ่กลับไปคนเดียวเถอะ”ปากบางเอ่ยไล่ หล่อนไม่คิดจะเสียใจกับคำพูดที่ได้ยินมาอีกแล้ว เพราะหล่อนเสียน้ำตาไปมากและย้ำกับตัวเองเสมอว่าต้องมีสักวันมันจะต้องลงเอยแบบนี้ และหล่อนคิดว่าหล่อนทำถูกแล้ว“ได้ไง บีไม่กลับ ผมก็ไม่กลับ”เสีย
ร่างบางหยุดชะงักเมื่อนึกอะไรได้“คุณพ่อนอนอยู่โรงพยาบาลไม่ใช่หรือ”เสียงหวานเอ่ยถาม พร้อมคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากัน“ใช่ ... แต่พ่อก็ออกไล่หลังหนูนั่นแหละ ... ไป เราไปคุยกันต่อในรถดีกว่า ตอนนี้น้ำค้างเริ่มลงแล้วละ”ผู้เป็นพ่อเอ่ยก่อนจะประคองลูกสาวตรงไปยังรถที่ประตูที่ถูกเปิดอ้ารออยู่แสงไฟหน้ารถคันงามส่องให้คนในรถมองเห็นภาพด้านนอกได้ชัดเจน แม้จะอยู่ในระยะที่เขาบีบแตรและคนด้านนอกจะได้ยิน แต่เขาก็ไม่ต้องการให้หล่อนรู้จึงชะลอความเร็วลง รอให้รถคันนั้นออกไปก่อนและเขาจึงค่อยขับตามไป... มนธิรา เธอก็ร้ายใช่ย่อยนะ ปล่อยให้เขาเป็นห่วงแทบตายดันหนีออกมารอพ่ออยู่หน้าปากทางเข้าไร่เขานี่เอง แม้จะเป็นเส้นทางส่วนบุคคล แต่ที่เห็นหล่อนยืนอยู่มันใกล้ถนนใหญ่ที่มีรถสัญจรไปมาพลุกพล่าน หากมีเหตุร้ายหรือถูกใครทำร้าย เขาจะทำยังไง ... ชายหนุ่มกลั้นความรู้สึกโกรธในความกล้าบ้าบิ่นของหญิงสาวไม่ได้“ได้ตัวกลับมาเมื่อไหร่ละน่าดู ...”ชายหนุ่มยกยิ้มรู้สึกดีขึ้นเป็นกอง แม้จะไม่พอใจกับการกระทำของหญิงสาวอยู่ แต่หล่อนก็เลือกที่จะไปหาอ้อมกอดผู้เป็นพ่อแทนที่จะคิดทำร้ายตัวเองเหมือนครั้งก่อนท่ามกลางความมืดที่มีแสงส่องผ่านนาน ๆ
ท่ามกลางแสงไฟบนท้องถนน ในยามพลบค่ำที่พอให้เห็นเส้นทางและผู้คนที่ขับรถผ่านไปมา ร่างที่กำลังพะอืดพะอมพยายามพาหัวใจที่กำลังบอบช้ำเดินลัดเลาะตามเส้นทางที่เล็กและรกพอควร หล่อนไม่ต้องการเดินบนถนนใหญ่เพราะจะง่ายในการที่คนจะพบเจอ ตอนนี้หล่อนไม่อยากให้ใครมาเจอหล่อน ไม่ว่าคนที่รู้จักหรือคนสัญจรไปมา ร่างบางแทรกเข้าไปนั่งคุดคู้อยู่ใต้พุ่มไม้เตี้ย หยิบสิ่งของกำไว้ในมือ จ้องมองสิ่งนั้นนิ่งอย่างชั่งใจและครุ่นคิดพ่อคะ หวังว่าคุณพ่อจะมารับบีทันเวลานะคะ ... หัวใจเจ็บปวดครวญถึงผู้เป็นที่พึ่งพิงในยามนี้เครื่องสื่อสารในมือถูกกดโทรออก“พ่อคะ ... บีเองค่ะ ... มารับบีได้ไหมคะ ... บีอยู่หน้าปากทางเข้าไร่กาแฟคุณธาดา ... ค่ะ ... คุณพ่ออย่าช้านะคะ ... บะ ... บีกลัว”เสียงสั่นเครือเอ่ยขาดเป็นห้วงๆ ก่อนกดวางสายและเก็บสิ่งนั้นในมือกลับเข้าที่ กอดกระชับโอบไหล่ตัวเองอย่างรู้สึกสับสน พร้อมกับเสียงสะอื้นที่ส่งผ่านออกมาจากปากบางอย่างต่อเนื่องโชคดีที่หล่อนรับนามบัตรที่พ่อยื่นให้ตอนที่คุยกันที่เตียง โดยไม่มีใครเห็นและหล่อนรีบเก็บไว้กลัวผู้ชายเอาแต่ใจจะสงสัย เพราะหล่อนไม่อยากปวดหัวกับการถูกซักถามของคนตัวโต ไม่อย่างนั้นห
สายตาจริงจังต้องการคำตอบผู้เป็นแม่ คนเป็นน้องได้แต่นั่งรอลุ้นจนตัวโก่ง ไม่เอ่ยความคิดเห็นใด ๆ“แม่ไม่ต้องการ ...”น้ำเสียง แววตาฉายแววไม่พอใจ คนที่ได้ยินรู้สึกชาไปทั้งตัว ความรู้สึกผิดหวังและเสียใจมันทำให้ตัวเองเหมือนคนเลวที่ทำร้ายอีกคนจนกระอักเลือด แต่กลับไม่อาจทดแทนสิ่งที่ทำลงไปได้แล้วสุดท้ายเขาจะเลือกทำเพื่อใคร ...?“แม่ ...”ชายหนุ่มครางออกมาเบา ๆ รู้สึกเบาโหวงลอยคว้าง ไร้หลักพักพิง เคยคิดไว้ว่าจะพาความฝันของตัวเองให้ถึงจุดหมาย แต่ไม่ทันได้เอื้อมสัมผัสพลันหลักนั้นก็ถูกถอดถอนโดยเจ้าของเสียก่อนใบหน้าหล่อเหลาหมองลง ก้มหน้านิ่งไม่กล้าสบตาผู้เป็นแม่ ความรู้สึกผิดหวังกระชากความรู้สึกน้อยใจในโชคชะตาเข้ามาในความรู้สึก หวนคิดถึงผู้หญิงที่นอนอยู่ในห้องหล่อนก็ไม่ต่างอะไรกับตนเองที่กำลังถูกชะตาเล่นงานตอนนี้ เขาเริ่มรับรู้ความรู้สึกที่ต้องถูกห้ามในสิ่งที่ต้องการแล้วเขาก็ยังซ้ำเติมหล่อนให้เจ็บปวดกับสิ่งที่หล่อนไม่ได้ก่อเพิ่มขึ้นอีกอาชารู้สึกตกใจในคำพูดของผู้เป็นแม่ คราแรกที่เห็นพี่ชายตัวเองเอ่ยประโยค แม่ครับ แม่เชื่อใจผมสิครับ บางครั้งผู้หญิงที่เราคิดว่าพร้อมไปเสียทุกอย่างทั้งฐานะทางสังคม แ