อารมณ์ระเบิดของชายหนุ่มยังไม่หมด แต่กลับมาลงกับความเร็วของรถที่เหยียบคันเร่งจนหญิงสาวอย่างเมรีถึงกับหน้าซีด ไม่กล้าเอ่ยทักอะไร ปล่อยให้ชายหนุ่มจัดหนักกับรถบนถนนที่ขับแซงซ้ายแซงขวา เหมือนผู้ร้ายที่ปล้นธนาคารแล้วขับรถหนีตำรวจกระนั้น
เมรีกลับถึงบ้านพักด้วยอารมณ์หงุดหงิด ทีแรกกะว่าหากมีเวลาเหมาะจะเอ่ยบอกความในใจให้ชายหนุ่มที่เธอหลงรักและหมายปอง แต่กลายเป็นว่าเหตุการณ์ที่อยากจะแกล้งใครบางคนกลับส่งผลกระทบมาถึงหล่อนเสียเอง
“บ้าที่สุด!”
เมรีกระแทกก้นบนเตียงหนุ่มพร้อมเหวี่ยงกระเป๋าสะพายหนังราคาแพงจนกระเด็นตกไปตรงมุมห้องโดยไม่สนใจว่ามันจะกระเด็นไปถูกอะไรและกระเป๋าราคาแพงจะเสียหายตรงไหน
เมื่อนึกถึงคำปฏิเสธของชายหนุ่มที่หล่อนเอ่ยชวนเข้าบ้าน ยิ่งทำให้ร่างบางกัดริมฝีปากตัวเองแน่นจนรู้สึกเจ็บ
“เมย์ต้องทำให้อาการเย็นชาของคุณ ร้อนขึ้นมาให้ได้ ธาดา ...”
เสียงแค้นแหบแห้งเอ่ยขึ้นอย่างหมายมาด
แม้จะรู้ว่าชายหนุ่มไม่เคยมีท่าทีจะแสดงออกว่าชอบหล่อนในฐานะแฟน และที่หล่อนได้อยู่ใกล้ชิดชายหนุ่ม เพราะผู้เป็นพ่อของเธอต่างหากที่เป็นหุ้นส่วนในโรงแรมด้วยกัน ความสนิทสนมหล่อนจึงมีมาก แต่หล่อนก็ยังต้องการจะเอาชนะใจน้ำแข็งนั้นอยู่ดี และหล่อนเชื่อว่าสาวสวยที่เพรียบพร้อมอย่างเธอมันคงจะทำให้ธาดาติดหลุมที่พรางไว้ได้ไม่ยาก
ธาดาเมื่อส่งเมรีจนถึงหน้าบ้าน ก็ขับรถออกมาด้วยความเร็วพอๆ กับตอนขามา ในหัวของเขาตอนนี้มีแต่ใบหน้าใครคนหนึ่งที่นิสัยเงียบ ๆ ยิ้มน้อย ๆ ดวงตาเศร้า ๆ คนที่เขาไม่อยากรบกวนถามถึงความเป็นอยู่ เพราะกลัวหล่อนจะลำบากใจ แต่ที่ไหนได้ความเป็นห่วงของเขามันไม่มีความหมาย เขาได้แต่คิดไปฝ่ายเดียวเท่านั้น ในเมื่อทางออกของหล่อนคือพบปะเพื่อนฝูงเที่ยวบาร์ ไม่อยากเชื่อว่าเขาดูหล่อนพลาดไป ...
มนธิราถอนหายใจ เมื่อรถคันงามวิ่งมาจอดตรงหน้าประตูอัลลอยราคาแพงที่หล่อนอาศัยอยู่ กว่าจะอ้อนวอนเพื่อนรักให้มาส่งได้ หล่อนเกือบเสียน้ำตาไปแล้ว ร่างบางยิ้มให้เพื่อนรัก แล้วเปิดประตูรถลงทันที แต่ไม่ลืมที่จะขอบคุณชายหนุ่มที่ขับรถมาส่ง
“ขอบคุณคุณอนาธิปมากนะคะที่มาส่ง”
“ไม่เป็นไรครับ ยินดีเสมอ” เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
“แหม...บอกลาแต่พี่ชายหรือยะ น้องสาวคนสวยเขานั่งหัวโด่อยู่ทั้งคน ไม่คิดจะขอบคุณหรือไง?”
น้ำเสียงที่ดังออกมาจากภายในรถเรียกเสียงหัวเราะให้ทั้งคู่
“โทษที เกือบลืมแน่ะว่ายังมีสาวสวยอีกคนในรถ ขอบใจนะจ๊ะเพื่อนรัก”
มนธิราหันไปมองเพื่อนแล้วแหย่กลับด้วยคำพูด ทำให้สาวสวยอย่างธาริณีค้อนส่งเพื่อนตาโต
มนธิรายืนมองจนแสงไฟท้ายรถหายลับไป มองดูเวลาอีกครั้งตอนนี้เวลามันบ่งบอกว่าทุ่มครึ่ง หัวใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ อีกครั้ง ก่อนจะสูดลมหายใจเติมความกล้า แล้วเดินเข้าไปตรงจุดที่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยยืนอยู่
“อ้าว คุณบีหรอกหรือครับ ออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ผมไม่เห็น”
ลุงสมชายวัยกลางคนเอ่ยถามอย่างคุ้นเคย ก่อนจะจัดการเปิดประตูให้หล่อนเข้าไป
“อ้อ ... บีออกไปช่วงบ่ายค่ะ แต่ออกทางประตูหลัง ลุงสมเลยไม่เห็น”
ยิ้มบาง ๆ ตอบออกไป ปกติหล่อนใช้ประตูหลังบ่อยจึงไม่น่าแปลก บีพูดคุยกับลุงสมชายไม่นานก็เอ่ยลาเข้าตึกไป
มนธิรามองผ่านเข้าไปในตัวตึก เห็นแสงไฟยังเปิดอยู่ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย สงสัยคุณปราณียังไม่ขึ้นห้อง ปกติเวลานี้เจ้าของบ้านขึ้นห้องไปแล้ว ... หรือจะอยู่คุยกับลูกชายที่เพิ่งกลับจากเมืองนอกอยู่อีก ก็ลูกชายคนโตสุดที่รักเล่นหายไปนาน เป็นธรรมดาที่จะมีเรื่องคุยกันยาว
ร่างบางถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปอีกด้านซึ่งเป็นห้องสำหรับเธอที่นอนมาเป็นสิบปีแล้วอย่างเคยชิน แม้มันจะมืดสลัวเห็นทางเดินแค่ราง ๆ
“เพิ่งกลับหรือ?”
เสียงทุ้มห้วน ๆ ดังขึ้นในความมืด ทำให้ร่างบางถึงกับสะดุ้ง มองหาต้นเสียง
“อุ๊ย!!”
“เป็นอะไร แค่นี้ก็ตกใจ”
เสียงทุ้มเอ่ยอีกครั้ง พร้อมกับร่างใหญ่ที่อยู่ในชุดกางเกงสแล็กส์สีดำเนื้อดี โดยสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเดินออกมาจากมุมมืด และหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงสาว โดยทิ้งระยะห่างไม่มากนัก
“เอ่อ ... คือ ... เอ่อ”
จะดีใจหรือตกใจดีล่ะ ในเมื่อผู้ชายที่เธอใฝ่ฝันอยากให้เขารู้และสนใจว่ามีหล่อนอยู่บนโลกใบนี้ และต้องการจะพูดคุยกับเขามายืนอยู่ตรงหน้านี้แล้ว แต่หล่อนยังไม่ได้ทำใจ มันจึงทำให้หล่อนได้แต่ยืนอ้ำอึ้ง กำมือเข้าหากัน แข้งขาก็พลันอ่อนแรง
จะดีใจหรือตกใจดีล่ะ ในเมื่อผู้ชายที่เธอใฝ่ฝันอยากให้เขารู้และสนใจว่ามีหล่อนอยู่บนโลกใบนี้ และต้องการจะพูดคุยกับเขามายืนอยู่ตรงหน้านี้แล้ว แต่หล่อนยังไม่ได้ทำใจ มันจึงทำให้หล่อนได้แต่ยืนอ้ำอึ้ง กำมือเข้าหากัน แข้งขาก็พลันอ่อนแรงนี่เราเป็นอะไร ... กลัวจนพูดอะไรไม่ออกเลยหรือ!“ตกลงตอบได้หรือยัง ว่าเพิ่งกลับหรือ แล้วออกไปแบบนี้บ่อยใช่ไหม”ชายหนุ่มเอ่ยคำถามเพิ่มไปอีกข้อ“...”เงียบ เขารู้ว่าหล่อนไปไหนหรือ เขาเห็นหรือใครบอก ... ใบหน้าขาวซีดขึ้น ยิ่งมองเห็นสายตาดุ ๆ นั้นหล่อนยิ่งหน้าซีดลงไปอีก“ว่าไง?!” เสียงทุ้มเพิ่มน้ำหนักของเสียง“อึก!!!” หล่อนปิดปากเสียงดังอยู่ในลำคอหน้าก็ดุพออยู่แล้ว ยิ่งได้เสียงที่ดังเพิ่มเข้ามามันทำให้หล่อนอยากร้องไห้ ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้“คือ ... บี ... บีนัดกินเลี้ยงกับเพื่อน ... ที่เรียนจบอะค่ะ”เสียงแผ่วเบาหลบตาไม่กล้ามองชายตรงหน้า“อ้อ ... เรียนจบแล้วหรือ แล้วทำไมไม่บอกฉันล่ะ”เสียงที่ดูเบาลงทำให้มนธิราเงยหน้ามองคนที่พูด ด้วยไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินประโยคหลังจากเขาบีมีโอกาสบอกคุณหรือไง ... อีกอย่างคุณคงไม่ได้สนใจอะไร ขนาดเด็กในปกครองเรียนจบ คุณย
“ก็ว่าจะพาไปวันนี้ และพักอยู่ที่ทำงานเลย”“แล้วบอกนางบีมันหรือยัง ว่าจะพาไปด้วยน่ะ”“ให้ป้าจุ้มไปบอกแล้วครับ”ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาจึงตัดสินใจวานให้ป้าจุ้มไปบอก ทั้งที่จริงมันไม่ใช่เรื่องแปลกหากมันเป็นความประสงค์ของเขา มนธิราไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอย่างแน่นอน“ว่าไงนะคะ!?”เสียงแหลมเล็กดังขึ้นอย่างตกใจและตามมาด้วย เพล้ง!!! จานในมือหลุดร่วงลงไปอยู่ในอ่างล้างจาน โชคดีที่จานใบนั้นไม่แตก แต่เสียงที่ดังอย่างไม่ได้ตั้งใจ เสียงดังออกไปข้างนอกอย่างช่วยไม่ได้ แต่หญิงสาวก็ไม่ได้สนใจเสียงดังนั้น ว่าจะมีใครเข้ามาตำหนิอะไรหล่อน เพราะคำพูดประโยคที่ป้าจุ้มบอก มันน่าตกใจกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่าแม้ว่าก่อนหน้านี้ชายหนุ่มเคยเอ่ยให้ฟัง แต่ก็อดตกใจไม่ได้ มันเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน ไม่คิดว่าจะเป็นวันนี้หรือพรุ่งนี้ด้วยซ้ำ“ป้า ... หนู หนูยังไม่พร้อม”เสียงเอ่ยสั่นเครือกอดผู้หญิงวัยกลางคนไว้แน่น“มันคงไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก คุณใหญ่ใจดีนะ เขาแค่ต้องการให้หนูบีไปช่วยงานที่บริษัท คงไม่มีอะไรมาก”ป้าจุ้มเอ่ยเสียงเรียบ ก็ได้แต่ปลอบโยนร่างบางในอ้อมแขน ทำมากกว่านี้คงไม่ได้“แต่ ...”ร่างบางดั
“เอากระเป๋าเก็บไว้ท้ายรถ แล้วขึ้นมานั่งด้านหน้ากับฉัน”น้ำเสียงที่ยังทรงพลังทำให้สาวร่างบางถึงกับสะดุ้ง หัวใจเต้นรัวนี่ ... แค่เขาบอกให้นั่งด้านหน้าคู่กับเขา หล่อนก็หัวใจเต้นแรงจนออกนอกหน้า เจ็บใจตัวเองชะมัด!!!มนธิราจัดการกับกระเป๋าตัวเองเรียบร้อย ก็เดินมาเปิดประตูด้านหน้าคนขับพร้อมย่อตัวเข้าไปนั่ง หัวใจเต้นแรง ส่งผลให้เสียงปิดประตูดังกระแทกแรงผิดปกติ ร่างบางก้มศีรษะงุด ๆ รู้แน่ว่าต้องโดนสายตาดุ ๆ นั้นตำหนิแน่นอน จึงก้มหน้าทำใจ“ไม่ต้องดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่ขนาดนั้นก็ได้”ระเบิด!!! ลูกแรก ส่งออกมาเป็นคำพูดจนคนที่ก้มหน้าอยู่เงยสบตาอย่างไม่เข้าใจ“...”อึ้งจนอ้าปากค้าง ว่าจะกล่าวขอโทษที่ลืมตัวปิดประตูเสียงดังไป แต่ก็ลืมเมื่อเจอคำพูดที่หนักเอาการของคนข้าง ๆ ลืมว่าตัวเองจะพูดอะไรแต่หนุ่มหล่อกลับไม่สนใจว่าคำพูดตัวเองมันทำให้ใครคนหนึ่งถึงกับมึนงง กว่าสติจะกลับมาได้หัวก็เกือบทิ่มไปด้านหน้าชายหนุ่มกระชากรถคู่ใจออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว เร็วจนคนนั่งข้างรีบคาดเข็มขัดอย่างกลัวว่าหากขืนช้าอีกนิด มีหวังหล่อนได้ออกไปนอนเล่นอยู่นอกรถเป็นแน่ความเงียบ ๆ เริ่มก่อตัวขึ้นในเมื่อคนตรงหน้าไม่สนใจ ร่างบ
ยิ่งคิดหล่อนก็กลัวจนขึ้นสมอง กวาดสายตามองทิวทัศน์ด้านข้าง มองสูงขึ้นไปอีกนิด เห็นท้องฟ้าสีครามสดใสเพราะไม่มีตึกสูงๆ บดบัง ผิดกับความรู้สึกของหล่อนตอนนี้ มันหม่นหมองเสียเหลือเกินหล่อนไม่อยากละสายตาจากท้องฟ้านั้นเลย หากละจากภาพตรงนั้น แล้วมาพบความจริงที่ปวดใจมนธิราจึงจมดิ่งอยู่กับภาพนั้น เพื่อกลบเกลื่อนความกลัวภายใน อากาศที่เย็นฉ่ำทำให้เปลือกตาหล่อนเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆเรื่องของเรื่องก็เมื่อคืนหล่อนมัวแต่คิดมากเรื่องที่ชายหนุ่มพูดทิ้งท้ายไว้ แล้วก็เก็บเอาไปคิดจนไม่ได้หลับ กว่าจะหลับไปได้ก็เกือบสว่างตอนนี้บรรยากาศก็เป็นใจเสียเหลือเกิน แต่จนแล้วจนรอดหล่อนก็ไม่ไหวจริง ๆ จนเผลอหลับไปในที่สุดหากหล่อนจะรู้บ้างถึงเหตุการณ์ข้างหน้าต่อไป นั่นอาจทำให้หล่อนไม่อยากตื่นขึ้นมาอีกเลย ...อากาศเย็นเฉียบร่างบางที่ยังหลับอยู่ หดตัวคู้เข้าหากันเหมือนไม่อยากจะตื่น แต่อากาศที่หนาวเหน็บไม่อาจข่มตาหลับลงได้ต่อไป ร่างบางงัวเงียลุกขึ้นอย่างยากลำบากที่สุด รู้สึกแข้งขามันยืดไม่ออก ร่างบางกัดริมฝีปากตัวเองเพื่อข่มความเจ็บปวดเอาไว้ อาการเหน็บชามันเล่นงานเข้าแล้ว และมันก็ชาไปทั้งตัวแล้วด้วยตอนนี้“ซี้ดด! ปวดอ่ะ
แต่ ... ตัดความคิดที่ว่าเคยเห็นหญิงสาวที่ไหน เพราะตอนนี้เขาต้องทำงานให้เข้มงวดกว่าเดิม เมื่อเจ้านายต้องการความมีระเบียบของการทำงานมากกว่าเดิม และต้องการให้พนักงานทุกคนรักษาเวลาการทำงานเป็นที่หนึ่ง“...”มนธิราเหมือนจะอึ้ง จนเกิดอาการติดอ่างพูดไม่ออก ยิ่งบวกกับท่าทางที่ยืนสำรวจรูปร่างหล่อนอย่างไม่เกรงใจ ของผู้ชายที่เข้ามาทัก มันทำให้หล่อนเหมือนสมองหยุดทำงานไปชั่วขณะเมื่อมองสำรวจดีแล้ว พลากรดีดนิ้วดังเป๊าะ“สรุปว่าสวยไม่มีที่ติ”คำที่เอ่ยสรุปอย่างพอใจ ทำให้หญิงสาวหน้าร้อนผ่าว โดยที่หล่อนไม่ทันได้เอ่ยอะไร ก็ต้องตะลึงกับคำพูดชายหนุ่มอีกครั้ง“ไป ผมจะพาไปที่ห้องแต่งตัว”พูดจบร่างบางก็ถูกดึงจากจุดที่ยืนอยู่ เดินไปอีกฟากของชั้นสองที่หล่อนยืนอยู่มนธิราที่ถูกดึงให้เดิน ก็ไม่คิดจะขัดขืนอะไร เหมือนคนไร้ซึ่งวิญญาณ เขาพาไปไหนก็ไป ก็มันเป็นงานที่หล่อนต้องทำในหน้าที่ผู้หญิงขัดดอก ก็มันถูกต้องแล้วไม่ใช่หรือ ...“เปลี่ยนชุดนะ เสร็จแล้วออกมา ฉันจะได้พาไปที่โต๊ะ”ชายหนุ่มที่หล่อนเองไม่รู้จักแม้แต่ชื่อเอ่ยบอก พลางดันร่างหล่อนเข้าไปในห้อง โดยเขาเองไม่ได้ตามเข้ามาด้วยมนธิราเดินก้าวเท้าเข้ามาอย่างช้า ๆ ส
ชายหนุ่มไม่อยากแสดงอาการไม่พอใจกับคำตอบ แต่เขาเองเลือกที่จะถามแบบนั้น มันก็คงเป็นคำตอบที่สมควรแล้ว เพราะคนถามเองก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกัน“แล้วนายมายืนทำอะไรบนนี้”เมื่อได้คำตอบไม่เป็นที่น่าพอใจ ชายหนุ่มก็เลยถามเรื่องอื่นไป“อ้อ ... ผมมารอพนักงานผู้หญิง คงจะเข้ามาทำงานใหม่ ผมไม่เคยเห็นหน้า สวยด้วย”เสียงตอนท้ายเบาลงเหมือนกระซิบใบหน้าคมเข้มผูกปมที่คิ้ว เหมือนไม่ได้สนใจ แต่ ...“นายว่าอะไรนะ แล้วหล่อนอยู่ไหน?!!!”เสียงเข้มดังรัว จนคนที่ยืนอยู่ใกล้ถึงกับสะดุ้งพลากรลูบหูข้างที่อยู่ใกล้ชายหนุ่มป้อย ๆ“อยู่ ... อยู่ในห้องครับ กำลัง ... กำลัง แต่งตัว”“ให้มันได้อย่างนี้สิ!!”ชายหนุ่มเอ่ยอย่างคนหัวเสียหล่อนไม่ได้พาปากมาหรือไง ... และไม่ต้องถามอะไรซ้ำ เขามั่นใจว่าผู้หญิงในห้องนั้นเป็นมนธิราแน่นอน คนที่ยืนมองอาการคนเป็นนาย ถึงกับเกาศีรษะตัวเองอย่างงง ๆมนธิราหน้าร้อนผะผ่าว มองตัวเองซ้ายทีขวาที เหมือนกับว่าชุดที่เธอใส่อยู่นี้มันทำให้เธอเหมือนตัวประหลาด เมื่อมั่นใจว่าจัดการกับชุดใหม่เรียบร้อย ก็เดินตรงมายังประตูแม้จะใจสั่นอยู่บ้าง ก็ยืดอกพร้อมยอมรับความจริงที่ผู้มีพระคุณต้องการ แม้มันจะข
ร่างบางถอยหลังเพื่อตั้งหลักอย่างรวดเร็ว เมื่อคิดว่าผู้ชายตรงหน้าคงจะทำตามที่ลั่นวาจาไว้แน่แท้ใบหน้าขาวนวลไร้สีสัน ความกลัวเข้ามาเกาะกุมหัวใจอย่างสุดจะทน สายตาคมเข้มมองหล่อนเหมือนจะฉีกร่างหล่อนให้แตกสลาย มือเรียวบางกอดกระชับร่างตัวเองไว้ เหมือนกับว่าจะเป็นเกราะป้องกัน ชายหนุ่มคงจะทำอะไรเธอไม่ได้แล้วอาการตระหนกปนหวาดกลัวของมนธิรา ทำให้คนตรงหน้าเริ่มหัวเสียเข้าไปอีก หล่อนอยากใส่ชุดนี้จนไม่อยากถอดจริง ๆ หรือไง ให้ตายสิ!!แต่เขาก็ไม่หยุดอยู่แค่นั้นแน่ เมื่อเดินเข้าไปในระยะใกล้ ชายหนุ่มก็จะทำอย่างที่ปากพูดไว้ คือถอดให้หล่อน แต่แล้วมือหนาก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อร่างบางเอียงหลบมือหนาทันที และตามด้วย“ไม่ ไม่!! ยังไงบีก็ไม่ถอด คุณใหญ่คุณเป็นอะไรไปแล้ว ฮือฮืออออ”“...”ร่างแกร่งถึงกับหยุดชะงักกับเสียงแหลมเล็กที่ดังออกมาเหมือนกลั้นไว้ไม่อยู่ แถมหล่อนก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างมากมาย“เธอเป็นอะไรของเธอ ฉันบอกให้เธอถอดชุดบ้าบอออกไง”ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเบาลง เมื่อเห็นสภาพกลัวจนลนลานของหญิงสาว“แล้วฉันจะเป็นอะไรได้ ก็แค่ ...”ชายหนุ่มตอบ แต่ก็หยุดนิ่งมองผู้หญิงตรงหน้า คิ้วหนาเริ่มผูกปมและลำดับเ
ข้างทางมันมีอะไรดี!!! ชายหนุ่มนึกฉุนแม้บรรยากาศในรถมันจะพาให้หล่อนอยากจะหลับอีกแล้ว แต่คราวนี้หล่อนจะไม่เผลอหลับอีกต่อไปแล้ว หล่อนตั้งมั่นเพ่งมองข้างทางเหมือนว่ามันกำลังชวนหล่อนคุยอย่างไรอย่างนั้น“บี...”เสียงเรียกเบา ๆ เหมือนกับคนสนิทคุ้นเคยกันดีดังขึ้น จนคนที่นั่งเกือบจะหายเข้าไปเป็นเนื้อเดียวกับประตู สะดุ้ง แต่ก็ไม่ได้หันกลับมามองคนเรียก สายตายังมองข้างทางอยู่“บี!”น้ำเสียงเพิ่มน้ำหนักขึ้นมานิด แต่เจ้าของชื่อก็ยังทำตัวเหมือนทองไม่รู้ร้อน“นิ ... เธอคิดจะหันหลังคุยกับฉันหรือไง?”เสียงที่ดังมาตามอารมณ์เอ่ยขึ้น“มีอะไรหรือคะ”สีหน้าแปลกใจหันกลับมาพร้อมถาม ใบหน้าของหล่อนยังแฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง และสีหน้าแบบนี้ มันอยู่บนใบหน้าของเธอมานานแล้วให้มันได้อย่างนี้สิ! ชายหนุ่มสบถในใจ เขาเคยเห็นรอยยิ้มของหล่อนมาแล้ว แล้วรอยยิ้มนั้นมันไม่เคยอยู่บนใบหน้าหล่อนเวลาอยู่ต่อหน้าเขา ...“ทำหน้าให้มันดีกว่านี้ไม่ได้หรือไง เวลาอยู่กับฉัน!”เสียงชัดเจนเอ่ยดังออกมาชายหนุ่มมองหางตา เขาไม่อยากละสายตาจากบนท้องถนน แม้ชายหนุ่มเองจะอยากมองใบหน้าของคู่สนทนาก็ตามที“...”มนธิราอึ้ง ไม่รู้ว่านั่นคือคำสั่
เจ้าสาวกวาดตามองไปทั่วด้านหน้าแล้วโปรยยิ้มหวานออกมาเหมือนถูกใจกับคนด้านล่างเวที“ณี”เจ้าสาวบนเวทีที่เอ่ยเรียกเบาๆ อย่างดีใจ แม้จะไม่ได้ยินเสียงเรียกนั้น แต่ก็สื่อความหมายกันเข้าใจ ตาสบตา แล้วหันหลังให้กลุ่มสาวๆ ด้านล่างเวที กุหลาบสีแดงช่องามในมือเรียวถูกยกขึ้น พร้อมย่อเข่าลงเล็กน้อยสองสามครั้งเพื่อหยั่งน้ำหนักของในมือไปในตัว ก่อนจะส่งแรงเหวี่ยงไปทางด้านหลังทันทีช่อกุหลาบลอยละลิ่ว พร้อมเสียงวี้ดว้ายร้องด้วยความตื่นเต้นของสาวสวยทั้งหลายถูกปล่อยออกมา มีเพียงสาวสวยในชุดเกาะอกยาวระพื้นที่ไม่ได้กรีดร้องเหมือนคนอื่น สายตาจับจ้องช่อดอกไม้สีสดที่ลอยอยู่กลางอากาศ มือเรียวถูกยกขึ้นพร้อมกับรอรับอย่างรู้จังหวะ“ว้าย!”เธอกรีดร้อง โดยมือคว้าช่อกุหลาบงามไว้ได้อย่างเหมาะเหม็ง แต่เธอไม่ได้ทุ่มสุดตัว หากแต่ลงไปนอนกองอยู่กับพื้น ...สาวสวยที่ชวดช่อกุหลาบถึงกับเบะปากก็มี แต่บางคนก็ยิ้มเจื่อน ๆ มองผู้หญิงที่โชคดีได้ช่อกุหลาบ แต่ ... ไม่รู้ว่าโชคดีหรือร้ายน่ะสิทุกคนเริ่มถอยออกห่าง บางคนกลับไปนั่งโต๊ะของตัวเอง เจ้าบ่าวและเจ้าสาวยังยืนตะลึงค้าง แต่ภาพที่เห็นมันชัดเจนว่าคนที่รับช่อดอกไม้ได้ ล้มลงไปนอนแอ้งแ
ชายหนุ่มส่งเสียงคราง ร่างกายตึงเขม็ง อุ้งมือหนากำลังบีบเคล้นคลึงที่ทรวงอกจนล้นปลิ้นไปตามซอกนิ้วยาวแกร่ง ก่อนจะเปลี่ยนจากมือหนากลายเป็นปากหนานุ่มดูดกลืนบัวตูมที่กำลังชูช่อเด่น ดูดดึงซ้ายทีขวาทีจนหญิงสาวต้องบิดร่างกายส่ายไปมาเหมือนต้องการขับไล่ความเสียวซ่านให้บรรเทาเบาบางลง“คุ ... คุณใหญ่ บีไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”ร่างบางเอ่ยบอกเสียงกระเส่า สั่นสะท้าน หัวใจหวามหวิว เมื่อมือข้างหนึ่งกำลังลูบคลำไปยังส่วนล่างของบ่อน้ำหวาน ใช้นิ้วสะกิดยอดแหลมกลางกลีบกุหลาบที่กำลังแย้มบานถี่รัว ขาเรียวแยกออกจากกันอย่างลืมตัว สะโพกมนยกส่ายไปมารอรับเชิญชวนให้อีกคนเติมเต็มชายหนุ่มผละตัวออกห่างจัดการช่วงกลางลำตัวที่กำลังปวดร้าว ยกสะโพกผายที่เปิดอ้าอย่างท้าทายสอดแทรกความใหญ่โตเข้าเติมเต็มในกลีบกุหลาบที่กำลังชุ่มฉ่ำเสียงหวานกรีดร้องเบา ๆ ยามที่เจ้าสิ่งนั้นถูกเจ้าของสอดแทรกเข้าไป ก่อนจะขยับเนิบช้าและเพิ่มความเร็วขึ้น ทุกสัมผัสขยับกายในแต่ละครั้ง มีเสียงครางสุขสมขับกล่อมเป็นเสียงดนตรีไพเราะรุกเร้าเข้าหากันอย่างไม่ขาดตอนชายหนุ่มพ่นลมหายใจรู้สึกอึดอัดกับความคับแน่น ถอนกายแกร่งออกมาแล้วกระแทกเข้าไปใหม่ ขยับกระแทกเข้าอ
ร่างหนาลืมเรื่องชวนปวดหัวก่อนหน้านี้เสียสนิท ก้าวเท้าไปยังเตียงนุ่มหมายจะจัดการความร้อนในกายด้วยร่างกายที่กำลังนอนหลับอยู่ เขาก้มตัวไปหาร่างบาง มือหนาเอื้อมจับไหล่บางก่อนจะลากมือสาก ๆ ไปตามแขนเรียวงามอย่างปรารถนา“อือ ...”ร่างบางคราง สะบัดไหล่เหมือนรู้สึกรำคาญกับการถูกรบกวนเมื่อเห็นหญิงสาวเริ่มรู้สึกตัว คนหน้ามึนจัดการก้มกระซิบข้าง ๆ หู“บีฉันรักเธอนะ และรักลูกของเราด้วย”แม้คนที่นอนอยู่จะครึ่งหลับครึ่งตื่นหรือไม่ ชายหนุ่มก็รู้เขินอายกับการกระทำของตัวเอง“อื้อ ... จริงหรือคะ”เสียงหวานเอ่ยออกมาเบา ๆ เหมือนคนละเมอ ชายหนุ่มมองใบหน้าหญิงสาวนิ่ง สังเกตว่าหล่อนยังหลับตาอยู่ แต่เหมือนหล่อนจะตอบสนองกับคำพูดของเขาได้ดีตกลงหล่อนหลับแล้วละเมอ หรือหล่อนแกล้งหลับกันแน่ ... ชายหนุ่มไม่แน่ใจ ยื่นมือหนาจับปลายคางมนอีกครั้งแล้วขยับไปมาจนหน้าหวานหันไปตามแรงขยับ ท่าทางของคนหลับทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจคนอะไรหลับก็ยังตอบคำถามได้ ...เมื่อตั้งใจว่าจะบอกรักให้คนหลับฟังไม่ได้ผล ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นและเดินอ้อมเตียงไปอีกด้าน ทรุดตัวลงนั่งเต็มแรงจนเตียงยวบไปตามน้ำหนัก ทอดกายลงนอนแทรกไปใต้ผ้าห่มผืนหนาที่มีร่างบาง
คำบอกกล่าวที่เอ่ยยาวจนคนที่ฟังอยู่ รู้สึกเหมือนกำลังฟังครูบรรยายเหตุการณ์อะไรสักอย่างอยู่หน้าห้องที่ยาวนานมาก แต่คำพูดสุดท้ายมันทำให้ความรู้สึกนั้นพลันหายไปวินาทีถัดมา มันทำให้สมองเบลอร่างกายเบาโหวงเหมือนกำลังล่องลอยไร้แรงโน้มถ่วงของพื้นโลก แต่แล้วแรงสั่นสะเทือนทั้งหมดก็ไปกองอยู่ที่หน้าอกด้านซ้าย หญิงสาวถึงกับเซเข่าอ่อนมือหนาคว้าแขนเรียวเอาไว้ โดยหญิงสาวก็คว้าแขนแกร่งไว้เช่นกัน“คุณใหญ่ ... ไม่จริงใช่ไหม คุณใหญ่แกล้งบีใช่ไหม?”เสียงเบาแหบแห้ง สีหน้าไร้ความรู้สึกตื่นเต้นใด ๆ เอ่ยถามคนตัวโต“ทุกคำพูดเป็นเรื่องจริง”ชายหนุ่มยืนยันสีหน้าจริงจัง รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาหวังไว้อย่างน้อย ๆ หากเขาเอ่ยประโยคสำคัญออกไป หญิงสาวคงดีใจโผเข้ากอดเหมือนผู้หญิงหลาย ๆ คนที่ถูกคนรักขอแต่งาน จะต้องกระโดดกอดคอและหอมแก้มคนรักอย่างที่ควรจะเป็น แต่นี่ผู้หญิงที่เขาขอแต่งงานกลับเหมือนคนไร้ซึ่งความรู้สึก“หากเพราะคิดจะรับผิดชอบในสิ่งที่ทำมา และไถ่โทษด้วยการขอผู้หญิงแต่งงานโดยปราศจากความรัก คุณใหญ่ เก็บคำนั้นเอาไว้เถอะ”หล่อนพูดถึงประโยคขอแต่งงาน“บี ... ที่พี่พูดมาทั้งหมดมันชัดเจนแล้วนะว่าพี่ต้องการบี แล้วบีจะ
ใบหน้าขาวนวลกลายเป็นแดงซ่าน อยากข่วนหน้านั้นให้หายหล่อแต่ก็ได้แค่คิด เมื่อเห็นสายตาของผู้เป็นพ่อยิ้มเหมือนรู้ความสัมพันธ์ของเธอและชายหนุ่มดีหล่อนไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้ หากมีพื้นที่ที่ให้หล่อนได้แทรกกายหนี หล่อนอยากจะแทรกหายไปซะเดี๋ยวนั้นนิพาหันสบตากับสามี ถอนหายใจเบา ๆ แม้จะไม่ค่อยชอบใจท่าทางของชายหนุ่มที่ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของจนออกหน้าออกตาทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานแต่งการด้วยซ้ำ แต่กลับมาประกาศจะนอนห้องเดียวกับหญิงสาวเสียอย่างนั้น แต่เมื่อเห็นสามีไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับการกระทำของชายหนุ่ม นางจึงปล่อยเลยตามเลยไป“เสร็จแล้วขึ้นห้องเลยไหม ป้าจะพาไป”น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยถามลูกเลี้ยงสาว ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังมองนางอยู่เช่นกัน เหมือนอยากให้อีกคนเอ่ยชวนตัวเองด้วย แต่นางก็ไม่ได้ตอบสนองสายตานั้น แล้วก็จริงดังคาด เมื่อชายหนุ่มทำสีหน้าเหมือนคนผิดหวัง“ตามขึ้นไปพร้อมกันเลยครับคุณธาดา เดี๋ยวผมจะให้เด็กเอาชุดนอนผมไปให้ คุณคงพอใส่ได้”เสียงทุ้มของว่าที่พ่อตา ทำเอาชายหนุ่มที่หน้าหุบหันขวับไปมอง ปากหยักหนาได้รูปฉีกยิ้มกว้างทันที พร้อมพยักหน้าเป็นเชิงรับทราบสองหญิงต่างวัยหันมาส่งค้อนให้คู่ของต
ความเป็นห่วงลูก รู้สึกโกรธเจ้าของรถคันนั้นยิ่งนัก“ไปดูสิว่าใคร”เสียงทุ้มเอ่ยสั่งคนขับรถที่ยืนดูอยู่อีกฝั่งของรถออกไป คนถูกสั่งทำตามทันทีแสงไฟจากหน้ารถของคันที่วิ่งเข้ามาใหม่กระทบกับสายตาทำเอาหล่อนกับพ่อต้องหรี่ตาและเอามือป้องหน้าเอาไว้สองพ่อลูกมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ แต่ลักษณะของรถมันดูคุ้นๆ สำหรับหญิงสาว“คุณใหญ่!”เสียงแหลมเล็กเอ่ยอย่างตกใจปรับสีหน้าจากที่ตกใจเมื่อครู่กับการมาของชายหนุ่มให้กลับสู่สภาพปกติ“มาได้ยังไง...?”เสียงหวานเอ่ยถามทั้ง ๆ ที่ยังมึน ๆ อยู่“ก็ขับรถตามมา ไม่เห็นแปลก ...”ตอบทำสีหน้าขรึม เหมือนอยากให้อีกคนรู้ว่าเขากำลังไม่พอใจกับการกระทำของหล่อนอยู่“แล้วก็มารับบีกลับไร่ด้วย”ใบหน้าเรียบตึงกว่าเก่าพร้อมกับคำพูดเฉียบขาด ไม่อยากให้หล่อนรู้ว่าเขาดีใจแค่ไหนที่เห็นหล่อนในสภาพปลอดภัย“บีไม่กลับ”ขยับกระชับอ้อมแขนกอดผู้เป็นพ่อแน่นขึ้น“เชิญคุณใหญ่กลับไปคนเดียวเถอะ”ปากบางเอ่ยไล่ หล่อนไม่คิดจะเสียใจกับคำพูดที่ได้ยินมาอีกแล้ว เพราะหล่อนเสียน้ำตาไปมากและย้ำกับตัวเองเสมอว่าต้องมีสักวันมันจะต้องลงเอยแบบนี้ และหล่อนคิดว่าหล่อนทำถูกแล้ว“ได้ไง บีไม่กลับ ผมก็ไม่กลับ”เสีย
ร่างบางหยุดชะงักเมื่อนึกอะไรได้“คุณพ่อนอนอยู่โรงพยาบาลไม่ใช่หรือ”เสียงหวานเอ่ยถาม พร้อมคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากัน“ใช่ ... แต่พ่อก็ออกไล่หลังหนูนั่นแหละ ... ไป เราไปคุยกันต่อในรถดีกว่า ตอนนี้น้ำค้างเริ่มลงแล้วละ”ผู้เป็นพ่อเอ่ยก่อนจะประคองลูกสาวตรงไปยังรถที่ประตูที่ถูกเปิดอ้ารออยู่แสงไฟหน้ารถคันงามส่องให้คนในรถมองเห็นภาพด้านนอกได้ชัดเจน แม้จะอยู่ในระยะที่เขาบีบแตรและคนด้านนอกจะได้ยิน แต่เขาก็ไม่ต้องการให้หล่อนรู้จึงชะลอความเร็วลง รอให้รถคันนั้นออกไปก่อนและเขาจึงค่อยขับตามไป... มนธิรา เธอก็ร้ายใช่ย่อยนะ ปล่อยให้เขาเป็นห่วงแทบตายดันหนีออกมารอพ่ออยู่หน้าปากทางเข้าไร่เขานี่เอง แม้จะเป็นเส้นทางส่วนบุคคล แต่ที่เห็นหล่อนยืนอยู่มันใกล้ถนนใหญ่ที่มีรถสัญจรไปมาพลุกพล่าน หากมีเหตุร้ายหรือถูกใครทำร้าย เขาจะทำยังไง ... ชายหนุ่มกลั้นความรู้สึกโกรธในความกล้าบ้าบิ่นของหญิงสาวไม่ได้“ได้ตัวกลับมาเมื่อไหร่ละน่าดู ...”ชายหนุ่มยกยิ้มรู้สึกดีขึ้นเป็นกอง แม้จะไม่พอใจกับการกระทำของหญิงสาวอยู่ แต่หล่อนก็เลือกที่จะไปหาอ้อมกอดผู้เป็นพ่อแทนที่จะคิดทำร้ายตัวเองเหมือนครั้งก่อนท่ามกลางความมืดที่มีแสงส่องผ่านนาน ๆ
ท่ามกลางแสงไฟบนท้องถนน ในยามพลบค่ำที่พอให้เห็นเส้นทางและผู้คนที่ขับรถผ่านไปมา ร่างที่กำลังพะอืดพะอมพยายามพาหัวใจที่กำลังบอบช้ำเดินลัดเลาะตามเส้นทางที่เล็กและรกพอควร หล่อนไม่ต้องการเดินบนถนนใหญ่เพราะจะง่ายในการที่คนจะพบเจอ ตอนนี้หล่อนไม่อยากให้ใครมาเจอหล่อน ไม่ว่าคนที่รู้จักหรือคนสัญจรไปมา ร่างบางแทรกเข้าไปนั่งคุดคู้อยู่ใต้พุ่มไม้เตี้ย หยิบสิ่งของกำไว้ในมือ จ้องมองสิ่งนั้นนิ่งอย่างชั่งใจและครุ่นคิดพ่อคะ หวังว่าคุณพ่อจะมารับบีทันเวลานะคะ ... หัวใจเจ็บปวดครวญถึงผู้เป็นที่พึ่งพิงในยามนี้เครื่องสื่อสารในมือถูกกดโทรออก“พ่อคะ ... บีเองค่ะ ... มารับบีได้ไหมคะ ... บีอยู่หน้าปากทางเข้าไร่กาแฟคุณธาดา ... ค่ะ ... คุณพ่ออย่าช้านะคะ ... บะ ... บีกลัว”เสียงสั่นเครือเอ่ยขาดเป็นห้วงๆ ก่อนกดวางสายและเก็บสิ่งนั้นในมือกลับเข้าที่ กอดกระชับโอบไหล่ตัวเองอย่างรู้สึกสับสน พร้อมกับเสียงสะอื้นที่ส่งผ่านออกมาจากปากบางอย่างต่อเนื่องโชคดีที่หล่อนรับนามบัตรที่พ่อยื่นให้ตอนที่คุยกันที่เตียง โดยไม่มีใครเห็นและหล่อนรีบเก็บไว้กลัวผู้ชายเอาแต่ใจจะสงสัย เพราะหล่อนไม่อยากปวดหัวกับการถูกซักถามของคนตัวโต ไม่อย่างนั้นห
สายตาจริงจังต้องการคำตอบผู้เป็นแม่ คนเป็นน้องได้แต่นั่งรอลุ้นจนตัวโก่ง ไม่เอ่ยความคิดเห็นใด ๆ“แม่ไม่ต้องการ ...”น้ำเสียง แววตาฉายแววไม่พอใจ คนที่ได้ยินรู้สึกชาไปทั้งตัว ความรู้สึกผิดหวังและเสียใจมันทำให้ตัวเองเหมือนคนเลวที่ทำร้ายอีกคนจนกระอักเลือด แต่กลับไม่อาจทดแทนสิ่งที่ทำลงไปได้แล้วสุดท้ายเขาจะเลือกทำเพื่อใคร ...?“แม่ ...”ชายหนุ่มครางออกมาเบา ๆ รู้สึกเบาโหวงลอยคว้าง ไร้หลักพักพิง เคยคิดไว้ว่าจะพาความฝันของตัวเองให้ถึงจุดหมาย แต่ไม่ทันได้เอื้อมสัมผัสพลันหลักนั้นก็ถูกถอดถอนโดยเจ้าของเสียก่อนใบหน้าหล่อเหลาหมองลง ก้มหน้านิ่งไม่กล้าสบตาผู้เป็นแม่ ความรู้สึกผิดหวังกระชากความรู้สึกน้อยใจในโชคชะตาเข้ามาในความรู้สึก หวนคิดถึงผู้หญิงที่นอนอยู่ในห้องหล่อนก็ไม่ต่างอะไรกับตนเองที่กำลังถูกชะตาเล่นงานตอนนี้ เขาเริ่มรับรู้ความรู้สึกที่ต้องถูกห้ามในสิ่งที่ต้องการแล้วเขาก็ยังซ้ำเติมหล่อนให้เจ็บปวดกับสิ่งที่หล่อนไม่ได้ก่อเพิ่มขึ้นอีกอาชารู้สึกตกใจในคำพูดของผู้เป็นแม่ คราแรกที่เห็นพี่ชายตัวเองเอ่ยประโยค แม่ครับ แม่เชื่อใจผมสิครับ บางครั้งผู้หญิงที่เราคิดว่าพร้อมไปเสียทุกอย่างทั้งฐานะทางสังคม แ