“อย่าคิดมากสิ ... ที่ไม่อยากให้เจอเธอ เพราะฉันกลัวว่าพี่ธิปจะขอตามมาด้วยต่างหากล่ะ ฉันเลยต้องรีบหนีออกมา ไม่อยากเดินควงเดี๋ยวคนอื่นมองว่าฉันมีแฟนแล้วหรือไม่ก็เธอ อีกอย่างพี่ชายฉันเหมือนจะชอบเธออยู่นะบี”
พูดจบยายเพื่อนรักปิดปากหัวเราะชอบใจ จนทำให้อีกคนที่ยืนอยู่ถึงกับอายหน้าแดง
“เกินไปแล้วยายณี คนอย่างบีไม่มีใครสนใจหรอก”
น้ำเสียงเศร้า ๆ เอ่ยโดยอีกคนไม่ทันได้สังเกต
อาการหน้าแดงจางหาย เมื่อนึกถึงใบหน้าของใครบางคน แล้วรีบสลัดทิ้ง
“บี! เป็นอะไร”
เสียงเรียกดัง ๆ ของเพื่อนรักทำให้ร่างบางที่จมอยู่ในภวังค์สะดุ้ง
“หือ ... อะไรหรือณี”
หน้าเหวอเล็กน้อย
“เปล่า...แค่เห็นบีเงียบไป มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
เสียงเรียบ ๆ พร้อมกับสีหน้าบ่งบอกถึงความเป็นห่วงและกังวล หล่อนรู้เรื่องเกี่ยวกับเพื่อนรักดี ดีในทุกเรื่อง จึงรับรู้ว่าไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้เพื่อนรักเป็นอย่างนี้แน่นอน น่าจะเป็นเรื่องคนที่รับหล่อนไปอุปการะเป็นแน่ เธอมั่นใจ
“ไปเถอะ อย่าคิดมาก มีอะไรก็ค่อยว่า … วันนี้บีออกมาทั้งทีต้องจัดเต็มสักหน่อย”
เมื่อเห็นเพื่อนรักสีหน้าไม่ดีขึ้น สาวเจ้าเลยกึ่งลากกึ่งจูงเพื่อนเข้าบ้านหน้าตาเฉย โดยลืมความตั้งใจของตัวเองแต่แรก
และตอนนี้เริ่มผิดแผนไปแล้ว ที่ตั้งใจคิดว่าจะให้เพื่อนรออยู่ตรงนี้ แล้วตนจะแอบเข้าไปเอารถอย่างเงียบ ๆ ก็ผิดที่ดันลากเพื่อนติดมือมาเพื่อจะเอาใจเพื่อนเสียหน่อย กว่าจะนึกขึ้นได้ก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าของใครบางคน เสียแล้ว ...
“พี่ธิป/คุณธิป”
เสียงเอ่ยอย่างตกใจ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องเปล่งเสียงตกใจออกไป ก็ไม่ได้ทำอะไรผิด มากมาย
มนธิราดึงแขนออกจากมือเรียวของเพื่อนรักเร็ว ๆ แล้วยกมือไหว้คนตรงหน้า
“สวัสดีค่ะพี่อนาธิป”
แม้จะรู้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าจะไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เธอกับเพื่อนรักคุยอะไรกันไว้ แต่ก็รู้สึกผิดเล็กน้อยที่ไม่คิดจะเข้ามาทักทายจนต้องมาเจอกันเพราะเหตุบังเอิญที่ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเดินออกมา
“...”
อาการอึ้งของชายหนุ่ม ทำให้สองหญิงสาวถึงกับมองหน้ากันอย่างแปลกใจ
อย่าบอกนะว่าพี่อนาธิปจำหล่อนไม่ได้...
“บีหรือเปล่าเนี่ย ... โทษที สวยจนพี่เกือบจำไม่ได้แน่ะ”
พูดพลางเอามือลูบท้ายทอยตัวเอง ไม่บอกก็รู้ว่านี่คืออาการเขินของชายหนุ่ม
หญิงสาวที่ดูกะโปโลผอมบางเมื่อหลายปีก่อน มาบัดนี้ดูสวยงามรูปร่างสมส่วน ใบหน้างามที่ไม่เคยแต่งแต้มสีสัน มาวันนี้แต่งหน้าบาง ๆ มันทำให้เห็นแววความสวยขึ้นหลายเท่า
ท่าทางการสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าของชายหนุ่ม ที่ไม่ใช่สายตาจาบจ้วงอย่างผู้ชายทั่วไป แต่เป็นสายตาอย่างผู้ชายที่ชื่นชมน้องสาวคนหนึ่ง คนถูกชมถึงกับหน้าแดงแปร๊ด
“พี่อนาธิปก็หล่อใช่ย่อยซะที่ไหนกันล่ะ อุ๊บ!”
บีรีบปิดปากตัวเองเมื่อนึกได้ว่าตัวเองกล้ามากไปหรือเปล่าที่เอ่ยชมผู้ชายออกไปอย่างนั้น
‘ไม่น่าลืมตัวเลยแฮะ ... แต่พี่อนาธิปหล่อจริง ๆ นี่นา แถมใบหน้ารึก็ยิ้มแย้ม จนเราเผลอเสียงั้น’
คิดดังนั้น หน้าก็แดงระเรื่อจรดลำคอ ไม่ต่างอะไรกับผู้ชายที่ถูกชมก็แดงไม่แพ้กัน
“ฮะแฮ้ม!! นี่คิดจะชมกันอีกนานไหม ไม่ต้องไปทงไปเที่ยวแล้วมั้ง”
คนที่ถูกปล่อยเกาะไปพักใหญ่เอ่ยน้ำเสียงน้อยใจ ค้อนเพื่อนรักพร้อมกับพี่ชายตัวเองยกใหญ่
“อ๊ะ! สงสัยน้องสาวของพี่ธิปคงจะงอนแล้วละ”
อนาธิปเอ่ยแหย่น้องสาว โดยมีหญิงสาวเพื่อนรักทำสีหน้าเห็นด้วย
“เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ”
เพื่อนรักค้อนให้อีกรอบ ก่อนจะหายค้อนเมื่อเจอคำถามของพี่ชายตัวเอง
“ไหน เมื่อกี้ว่าจะไปเที่ยวไหนกันหรือ พี่ขอไปด้วยคนสิ”
มนธิรามองหน้าเพื่อนรัก คำตอบอยู่ที่เพื่อนหล่อนคนเดียว งานนี้เธอก็แค่คนที่ถูกชักนำ
โดนคำถามและสายตาอ้อนของพี่ชาย ทำให้ธาริณีเริ่มคิดแผนใหม่ทันที
“ได้ แต่งานนี้พี่ต้องเลี้ยงตลอดงาน”
น้ำเสียงกึ่งบังคับอย่างที่ไม่ต้องคิดปฏิเสธ
“ร้ายนักนะ ... ยายณี แต่ไม่เห็นจะยาก แค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ สองคนคงกินไม่จุเท่าไหร่”
ชายหนุ่มเอ่ยด้วยความยินดี แล้วรีบเดินนำไปที่รถก่อน
“เฮ้! ยายณี ทำไมไม่บอกพี่เค้าล่ะว่าพวกเราไปงานฉลองส่งท้ายที่เรียนจบกันนะ แล้วอีกอย่างไม่ใช่แค่เราสองคนนะ เพื่อนที่รออยู่อีกสิบกว่าคน มันจะไหวหรือ ...”
มนธิรากระซิบข้างหูเพื่อนรักที่ปิดปากหัวเราะชอบใจ หล่อนไม่ยักรู้ว่าเพื่อนชอบแกล้งพี่ชายตัวเองแบบนี้
“เหอะน่า ... ไม่ต้องกลัว พี่ชายฉันเงินเยอะ นี่ก็จะเริ่มทำงานต่อจากพ่อแล้วละ ตำแหน่งเสี่ย อนาธิป ธนเกียรติ รออยู่ตรงหน้าแล้ว”
สีหน้าชื่นชมพี่ชายมีอยู่เต็มใบหน้า ทำให้มนธิราคร้านจะเถียง
“เฮ้ เฮ้ น้องฉันเที่ยวบาร์แล้วหรือนี่ พ่อแม่รู้หรือยังเนี่ย” เมื่อแน่ใจว่าไม่ใช่ร้านอาหารอย่างที่คิดไว้ ชายหนุ่มถึงกับอ้าแขนขวางทางเดินทันที“มันดูไม่ดีเลยนะที่ผู้หญิงจะเข้ามาในที่แบบนี้”ชายหนุ่มอดที่จะต่อว่าไม่ได้ ส่งสายตาตำหนิไปยังน้องสาวอย่างจริงจัง แต่ชายหนุ่มไม่คิดจะส่งสายตาตำหนิไปยังผู้หญิงอีกคน เพราะเขารู้และแน่ใจว่าไม่ใช่ความคิดของมนธิราแน่ ...เมื่อโดนสายตาตำหนิจริงจังของพี่ชาย สาวสวยก็อดที่จะเถียงไม่ได้“พี่คะ น้องโตพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร และตอนนี้มันก็เป็นกลางวันอยู่นะคะ พี่อย่าคิดมากสิ”ว่าไปก็ดึงเพื่อนรักที่ยืนนิ่งเหมือนจะเห็นด้วยกับคำพูดของพี่ชายแล้วเพื่อนรักของเราหัวอ่อนเสียด้วยสิ ... ดึงร่างเพื่อนรักแล้วกระแทกพี่ชายที่ยืนกั้นทางด้านหน้าไปเบา ๆ เดินฉับ ๆ เข้าด้านในทันที ปล่อยให้พี่ชายยืนอึ้งเหมือนเห็นผีตอนกลางวันไปพักหนึ่ง“ยายณี งานนี้ต้องเป็นความคิดเธอแน่ ๆ”ชายหนุ่มมั่นใจอย่างนั้น เกาศีรษะตัวเอง เหนื่อยหน่ายกับความดื้อรั้นของน้องสาวสุดสวยคนเดียวของตัวเองเมื่อห้ามไม่ได้ก็เข้าไปร่วมดูเหตุการณ์ก็แล้วกัน ... ชายหนุ่มยกยิ้มเพราะรู้จักนิสัยห้าว ๆ ไม่กลัวอะไร ผิดกับ
คนที่โดนกล่าวถึงฉีกยิ้มออกไป เป็นไงเป็นกัน คิดเสียว่าเป็นรางวัลเลี้ยงน้องตัวเองที่เรียนจบก็แล้วกัน ...ชายหนุ่มคิดให้กำลังใจตัวเอง ไม่ใช่ว่าไม่มีเงิน แต่เงินสดที่ติดกระเป๋ามาน่ะมันมีไม่กี่พัน ก็น้องดันไม่บอกว่างานนี้มีเพื่อนเยอะนี่น่าเฮ้อ ... งานนี้คนหล่อเหงื่อตก“ไม่เอาหรือบี”ธาริณียื่นแก้วค็อกเทลสีฟ้าใสให้เพื่อนรัก แต่ก็โดนปฏิเสธอย่างนิ่มนวล “ไม่ดีกว่า ขอน้ำส้มก็พอ”ร่างบางเอ่ยพร้อมเอียงหลบ เมื่อคนที่เอ่ยชวนยื่นแก้วแตะริมฝีปากเธอไปแล้ว“ก็ได้ ไม่เห็นจะง้อเลย”ดึงแก้วกลับ เอ่ยน้ำเสียงงอน ๆ หันไปยังอีกคน และไม่ต้องสงสัยงานนี้ต้องมีคนเมาเป็นแน่ เพราะสภาพที่เห็นทุกคนรินน้ำอำพันดื่มกินเหมือนน้ำเปล่าเลยทีเดียวอนาธิปที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ เหลือบมองและแอบยิ้มอยู่ในใจ เมื่อเห็นว่าสาวสวยทุกนางและเพื่อนผู้ชายไม่กี่คนในกลุ่ม ไม่เว้นแม้น้องสาวของเขาเองก็กินของที่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ทุกคน แต่คนเดียวที่ไม่แตะต้องเลยก็คือมนธิราทำไมรู้สึกพอใจมนธิรานักนะ ... หล่อนไม่เหมือนกับน้องสาวเขาสักนิด ไม่ว่าจะเป็นท่าทางห้าว ๆ การแต่งตัว ต่างกันลิบลับ รสนิยมก็ต่างกันราวฟ้ากับดิน อีกคนหวานหยดแต่อีกคนเปรี้ยวจนเข็ดฟ
การแต่งตัวที่ธรรมดาอย่างกางเกงยีนเสื้อยืดแต่มันก็ทำให้เขาสะดุดตา มันแปลกดีนะ พวกสาว ๆ ที่ใส่สายเดี่ยวเกาะอกเขาไม่ยักจะติดใจจะเพ่งมองด้วยซ้ำ ... แต่กลับไปสนใจกับท่าทีเงอะงะนั้น... ชายหนุ่มนึกถึงใบหน้าของใครบางคนขึ้นมาทันที ... หน้าคล้ายกันมาก“มีอะไรหรือเปล่าคะ?”เสียงหวานกระซิบถาม และมองตามสายตานั้นเช่นกัน เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มดูจะมองและสนใจคนกลุ่มใหญ่นั้นนานเกินไปแล้ว“เปล่า ...”ชายหนุ่มละสายตาแล้วกลับมาคว้าแก้วไวน์ยกดื่มพรวดเดียวหมดแก้วกลบเกลื่อนอะไรบางอย่าง“สนใจใครในกลุ่มนั้นหรือเปล่า?”เสียงหวานยังเอ่ยต่อ ทำให้คนถูกถามถึงกับสะดุ้งน้อย ๆโชคดีที่คนพูดอย่างทีเล่นทีจริงไม่ได้หันมาสนใจคู่สนทนา หากสายตายังจับจ้องหนุ่มสาวกลุ่มนั้นไม่วางตา แต่แล้วสายตาของหล่อนเหมือนจะสะดุดกับสาวร่างบาง แม้จะไม่ค่อยถูกชะตากับสาวใช้ที่พบเมื่อตอนเช้า แต่รูปร่างหน้าตาหล่อนจำได้ติดตานั่นมันแม่คนใช้บ้านคุณใหญ่นิ แล้วคุณใหญ่ไม่เห็นหรือไงว่าคนใช้ในบ้านออกมาหาความสำราญในที่แบบนี้ มันไม่สมควร ...สาวสวยอย่างเมรีเหยียดยิ้ม เมื่อแน่ใจว่าตัวเองจำไม่ผิดคนไม่ผิดตัว แผนอยากแกล้งใครบางคนก็เริ่มผุดขึ้น อย่างไม่ต้องเสีย
อารมณ์ระเบิดของชายหนุ่มยังไม่หมด แต่กลับมาลงกับความเร็วของรถที่เหยียบคันเร่งจนหญิงสาวอย่างเมรีถึงกับหน้าซีด ไม่กล้าเอ่ยทักอะไร ปล่อยให้ชายหนุ่มจัดหนักกับรถบนถนนที่ขับแซงซ้ายแซงขวา เหมือนผู้ร้ายที่ปล้นธนาคารแล้วขับรถหนีตำรวจกระนั้นเมรีกลับถึงบ้านพักด้วยอารมณ์หงุดหงิด ทีแรกกะว่าหากมีเวลาเหมาะจะเอ่ยบอกความในใจให้ชายหนุ่มที่เธอหลงรักและหมายปอง แต่กลายเป็นว่าเหตุการณ์ที่อยากจะแกล้งใครบางคนกลับส่งผลกระทบมาถึงหล่อนเสียเอง“บ้าที่สุด!”เมรีกระแทกก้นบนเตียงหนุ่มพร้อมเหวี่ยงกระเป๋าสะพายหนังราคาแพงจนกระเด็นตกไปตรงมุมห้องโดยไม่สนใจว่ามันจะกระเด็นไปถูกอะไรและกระเป๋าราคาแพงจะเสียหายตรงไหนเมื่อนึกถึงคำปฏิเสธของชายหนุ่มที่หล่อนเอ่ยชวนเข้าบ้าน ยิ่งทำให้ร่างบางกัดริมฝีปากตัวเองแน่นจนรู้สึกเจ็บ“เมย์ต้องทำให้อาการเย็นชาของคุณ ร้อนขึ้นมาให้ได้ ธาดา ...”เสียงแค้นแหบแห้งเอ่ยขึ้นอย่างหมายมาดแม้จะรู้ว่าชายหนุ่มไม่เคยมีท่าทีจะแสดงออกว่าชอบหล่อนในฐานะแฟน และที่หล่อนได้อยู่ใกล้ชิดชายหนุ่ม เพราะผู้เป็นพ่อของเธอต่างหากที่เป็นหุ้นส่วนในโรงแรมด้วยกัน ความสนิทสนมหล่อนจึงมีมาก แต่หล่อนก็ยังต้องการจะเอาชนะใจน้ำแข็
จะดีใจหรือตกใจดีล่ะ ในเมื่อผู้ชายที่เธอใฝ่ฝันอยากให้เขารู้และสนใจว่ามีหล่อนอยู่บนโลกใบนี้ และต้องการจะพูดคุยกับเขามายืนอยู่ตรงหน้านี้แล้ว แต่หล่อนยังไม่ได้ทำใจ มันจึงทำให้หล่อนได้แต่ยืนอ้ำอึ้ง กำมือเข้าหากัน แข้งขาก็พลันอ่อนแรงนี่เราเป็นอะไร ... กลัวจนพูดอะไรไม่ออกเลยหรือ!“ตกลงตอบได้หรือยัง ว่าเพิ่งกลับหรือ แล้วออกไปแบบนี้บ่อยใช่ไหม”ชายหนุ่มเอ่ยคำถามเพิ่มไปอีกข้อ“...”เงียบ เขารู้ว่าหล่อนไปไหนหรือ เขาเห็นหรือใครบอก ... ใบหน้าขาวซีดขึ้น ยิ่งมองเห็นสายตาดุ ๆ นั้นหล่อนยิ่งหน้าซีดลงไปอีก“ว่าไง?!” เสียงทุ้มเพิ่มน้ำหนักของเสียง“อึก!!!” หล่อนปิดปากเสียงดังอยู่ในลำคอหน้าก็ดุพออยู่แล้ว ยิ่งได้เสียงที่ดังเพิ่มเข้ามามันทำให้หล่อนอยากร้องไห้ ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้“คือ ... บี ... บีนัดกินเลี้ยงกับเพื่อน ... ที่เรียนจบอะค่ะ”เสียงแผ่วเบาหลบตาไม่กล้ามองชายตรงหน้า“อ้อ ... เรียนจบแล้วหรือ แล้วทำไมไม่บอกฉันล่ะ”เสียงที่ดูเบาลงทำให้มนธิราเงยหน้ามองคนที่พูด ด้วยไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินประโยคหลังจากเขาบีมีโอกาสบอกคุณหรือไง ... อีกอย่างคุณคงไม่ได้สนใจอะไร ขนาดเด็กในปกครองเรียนจบ คุณย
“ก็ว่าจะพาไปวันนี้ และพักอยู่ที่ทำงานเลย”“แล้วบอกนางบีมันหรือยัง ว่าจะพาไปด้วยน่ะ”“ให้ป้าจุ้มไปบอกแล้วครับ”ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาจึงตัดสินใจวานให้ป้าจุ้มไปบอก ทั้งที่จริงมันไม่ใช่เรื่องแปลกหากมันเป็นความประสงค์ของเขา มนธิราไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอย่างแน่นอน“ว่าไงนะคะ!?”เสียงแหลมเล็กดังขึ้นอย่างตกใจและตามมาด้วย เพล้ง!!! จานในมือหลุดร่วงลงไปอยู่ในอ่างล้างจาน โชคดีที่จานใบนั้นไม่แตก แต่เสียงที่ดังอย่างไม่ได้ตั้งใจ เสียงดังออกไปข้างนอกอย่างช่วยไม่ได้ แต่หญิงสาวก็ไม่ได้สนใจเสียงดังนั้น ว่าจะมีใครเข้ามาตำหนิอะไรหล่อน เพราะคำพูดประโยคที่ป้าจุ้มบอก มันน่าตกใจกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่าแม้ว่าก่อนหน้านี้ชายหนุ่มเคยเอ่ยให้ฟัง แต่ก็อดตกใจไม่ได้ มันเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน ไม่คิดว่าจะเป็นวันนี้หรือพรุ่งนี้ด้วยซ้ำ“ป้า ... หนู หนูยังไม่พร้อม”เสียงเอ่ยสั่นเครือกอดผู้หญิงวัยกลางคนไว้แน่น“มันคงไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก คุณใหญ่ใจดีนะ เขาแค่ต้องการให้หนูบีไปช่วยงานที่บริษัท คงไม่มีอะไรมาก”ป้าจุ้มเอ่ยเสียงเรียบ ก็ได้แต่ปลอบโยนร่างบางในอ้อมแขน ทำมากกว่านี้คงไม่ได้“แต่ ...”ร่างบางดั
“เอากระเป๋าเก็บไว้ท้ายรถ แล้วขึ้นมานั่งด้านหน้ากับฉัน”น้ำเสียงที่ยังทรงพลังทำให้สาวร่างบางถึงกับสะดุ้ง หัวใจเต้นรัวนี่ ... แค่เขาบอกให้นั่งด้านหน้าคู่กับเขา หล่อนก็หัวใจเต้นแรงจนออกนอกหน้า เจ็บใจตัวเองชะมัด!!!มนธิราจัดการกับกระเป๋าตัวเองเรียบร้อย ก็เดินมาเปิดประตูด้านหน้าคนขับพร้อมย่อตัวเข้าไปนั่ง หัวใจเต้นแรง ส่งผลให้เสียงปิดประตูดังกระแทกแรงผิดปกติ ร่างบางก้มศีรษะงุด ๆ รู้แน่ว่าต้องโดนสายตาดุ ๆ นั้นตำหนิแน่นอน จึงก้มหน้าทำใจ“ไม่ต้องดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่ขนาดนั้นก็ได้”ระเบิด!!! ลูกแรก ส่งออกมาเป็นคำพูดจนคนที่ก้มหน้าอยู่เงยสบตาอย่างไม่เข้าใจ“...”อึ้งจนอ้าปากค้าง ว่าจะกล่าวขอโทษที่ลืมตัวปิดประตูเสียงดังไป แต่ก็ลืมเมื่อเจอคำพูดที่หนักเอาการของคนข้าง ๆ ลืมว่าตัวเองจะพูดอะไรแต่หนุ่มหล่อกลับไม่สนใจว่าคำพูดตัวเองมันทำให้ใครคนหนึ่งถึงกับมึนงง กว่าสติจะกลับมาได้หัวก็เกือบทิ่มไปด้านหน้าชายหนุ่มกระชากรถคู่ใจออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว เร็วจนคนนั่งข้างรีบคาดเข็มขัดอย่างกลัวว่าหากขืนช้าอีกนิด มีหวังหล่อนได้ออกไปนอนเล่นอยู่นอกรถเป็นแน่ความเงียบ ๆ เริ่มก่อตัวขึ้นในเมื่อคนตรงหน้าไม่สนใจ ร่างบ
ยิ่งคิดหล่อนก็กลัวจนขึ้นสมอง กวาดสายตามองทิวทัศน์ด้านข้าง มองสูงขึ้นไปอีกนิด เห็นท้องฟ้าสีครามสดใสเพราะไม่มีตึกสูงๆ บดบัง ผิดกับความรู้สึกของหล่อนตอนนี้ มันหม่นหมองเสียเหลือเกินหล่อนไม่อยากละสายตาจากท้องฟ้านั้นเลย หากละจากภาพตรงนั้น แล้วมาพบความจริงที่ปวดใจมนธิราจึงจมดิ่งอยู่กับภาพนั้น เพื่อกลบเกลื่อนความกลัวภายใน อากาศที่เย็นฉ่ำทำให้เปลือกตาหล่อนเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆเรื่องของเรื่องก็เมื่อคืนหล่อนมัวแต่คิดมากเรื่องที่ชายหนุ่มพูดทิ้งท้ายไว้ แล้วก็เก็บเอาไปคิดจนไม่ได้หลับ กว่าจะหลับไปได้ก็เกือบสว่างตอนนี้บรรยากาศก็เป็นใจเสียเหลือเกิน แต่จนแล้วจนรอดหล่อนก็ไม่ไหวจริง ๆ จนเผลอหลับไปในที่สุดหากหล่อนจะรู้บ้างถึงเหตุการณ์ข้างหน้าต่อไป นั่นอาจทำให้หล่อนไม่อยากตื่นขึ้นมาอีกเลย ...อากาศเย็นเฉียบร่างบางที่ยังหลับอยู่ หดตัวคู้เข้าหากันเหมือนไม่อยากจะตื่น แต่อากาศที่หนาวเหน็บไม่อาจข่มตาหลับลงได้ต่อไป ร่างบางงัวเงียลุกขึ้นอย่างยากลำบากที่สุด รู้สึกแข้งขามันยืดไม่ออก ร่างบางกัดริมฝีปากตัวเองเพื่อข่มความเจ็บปวดเอาไว้ อาการเหน็บชามันเล่นงานเข้าแล้ว และมันก็ชาไปทั้งตัวแล้วด้วยตอนนี้“ซี้ดด! ปวดอ่ะ
เจ้าสาวกวาดตามองไปทั่วด้านหน้าแล้วโปรยยิ้มหวานออกมาเหมือนถูกใจกับคนด้านล่างเวที“ณี”เจ้าสาวบนเวทีที่เอ่ยเรียกเบาๆ อย่างดีใจ แม้จะไม่ได้ยินเสียงเรียกนั้น แต่ก็สื่อความหมายกันเข้าใจ ตาสบตา แล้วหันหลังให้กลุ่มสาวๆ ด้านล่างเวที กุหลาบสีแดงช่องามในมือเรียวถูกยกขึ้น พร้อมย่อเข่าลงเล็กน้อยสองสามครั้งเพื่อหยั่งน้ำหนักของในมือไปในตัว ก่อนจะส่งแรงเหวี่ยงไปทางด้านหลังทันทีช่อกุหลาบลอยละลิ่ว พร้อมเสียงวี้ดว้ายร้องด้วยความตื่นเต้นของสาวสวยทั้งหลายถูกปล่อยออกมา มีเพียงสาวสวยในชุดเกาะอกยาวระพื้นที่ไม่ได้กรีดร้องเหมือนคนอื่น สายตาจับจ้องช่อดอกไม้สีสดที่ลอยอยู่กลางอากาศ มือเรียวถูกยกขึ้นพร้อมกับรอรับอย่างรู้จังหวะ“ว้าย!”เธอกรีดร้อง โดยมือคว้าช่อกุหลาบงามไว้ได้อย่างเหมาะเหม็ง แต่เธอไม่ได้ทุ่มสุดตัว หากแต่ลงไปนอนกองอยู่กับพื้น ...สาวสวยที่ชวดช่อกุหลาบถึงกับเบะปากก็มี แต่บางคนก็ยิ้มเจื่อน ๆ มองผู้หญิงที่โชคดีได้ช่อกุหลาบ แต่ ... ไม่รู้ว่าโชคดีหรือร้ายน่ะสิทุกคนเริ่มถอยออกห่าง บางคนกลับไปนั่งโต๊ะของตัวเอง เจ้าบ่าวและเจ้าสาวยังยืนตะลึงค้าง แต่ภาพที่เห็นมันชัดเจนว่าคนที่รับช่อดอกไม้ได้ ล้มลงไปนอนแอ้งแ
ชายหนุ่มส่งเสียงคราง ร่างกายตึงเขม็ง อุ้งมือหนากำลังบีบเคล้นคลึงที่ทรวงอกจนล้นปลิ้นไปตามซอกนิ้วยาวแกร่ง ก่อนจะเปลี่ยนจากมือหนากลายเป็นปากหนานุ่มดูดกลืนบัวตูมที่กำลังชูช่อเด่น ดูดดึงซ้ายทีขวาทีจนหญิงสาวต้องบิดร่างกายส่ายไปมาเหมือนต้องการขับไล่ความเสียวซ่านให้บรรเทาเบาบางลง“คุ ... คุณใหญ่ บีไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”ร่างบางเอ่ยบอกเสียงกระเส่า สั่นสะท้าน หัวใจหวามหวิว เมื่อมือข้างหนึ่งกำลังลูบคลำไปยังส่วนล่างของบ่อน้ำหวาน ใช้นิ้วสะกิดยอดแหลมกลางกลีบกุหลาบที่กำลังแย้มบานถี่รัว ขาเรียวแยกออกจากกันอย่างลืมตัว สะโพกมนยกส่ายไปมารอรับเชิญชวนให้อีกคนเติมเต็มชายหนุ่มผละตัวออกห่างจัดการช่วงกลางลำตัวที่กำลังปวดร้าว ยกสะโพกผายที่เปิดอ้าอย่างท้าทายสอดแทรกความใหญ่โตเข้าเติมเต็มในกลีบกุหลาบที่กำลังชุ่มฉ่ำเสียงหวานกรีดร้องเบา ๆ ยามที่เจ้าสิ่งนั้นถูกเจ้าของสอดแทรกเข้าไป ก่อนจะขยับเนิบช้าและเพิ่มความเร็วขึ้น ทุกสัมผัสขยับกายในแต่ละครั้ง มีเสียงครางสุขสมขับกล่อมเป็นเสียงดนตรีไพเราะรุกเร้าเข้าหากันอย่างไม่ขาดตอนชายหนุ่มพ่นลมหายใจรู้สึกอึดอัดกับความคับแน่น ถอนกายแกร่งออกมาแล้วกระแทกเข้าไปใหม่ ขยับกระแทกเข้าอ
ร่างหนาลืมเรื่องชวนปวดหัวก่อนหน้านี้เสียสนิท ก้าวเท้าไปยังเตียงนุ่มหมายจะจัดการความร้อนในกายด้วยร่างกายที่กำลังนอนหลับอยู่ เขาก้มตัวไปหาร่างบาง มือหนาเอื้อมจับไหล่บางก่อนจะลากมือสาก ๆ ไปตามแขนเรียวงามอย่างปรารถนา“อือ ...”ร่างบางคราง สะบัดไหล่เหมือนรู้สึกรำคาญกับการถูกรบกวนเมื่อเห็นหญิงสาวเริ่มรู้สึกตัว คนหน้ามึนจัดการก้มกระซิบข้าง ๆ หู“บีฉันรักเธอนะ และรักลูกของเราด้วย”แม้คนที่นอนอยู่จะครึ่งหลับครึ่งตื่นหรือไม่ ชายหนุ่มก็รู้เขินอายกับการกระทำของตัวเอง“อื้อ ... จริงหรือคะ”เสียงหวานเอ่ยออกมาเบา ๆ เหมือนคนละเมอ ชายหนุ่มมองใบหน้าหญิงสาวนิ่ง สังเกตว่าหล่อนยังหลับตาอยู่ แต่เหมือนหล่อนจะตอบสนองกับคำพูดของเขาได้ดีตกลงหล่อนหลับแล้วละเมอ หรือหล่อนแกล้งหลับกันแน่ ... ชายหนุ่มไม่แน่ใจ ยื่นมือหนาจับปลายคางมนอีกครั้งแล้วขยับไปมาจนหน้าหวานหันไปตามแรงขยับ ท่าทางของคนหลับทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจคนอะไรหลับก็ยังตอบคำถามได้ ...เมื่อตั้งใจว่าจะบอกรักให้คนหลับฟังไม่ได้ผล ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นและเดินอ้อมเตียงไปอีกด้าน ทรุดตัวลงนั่งเต็มแรงจนเตียงยวบไปตามน้ำหนัก ทอดกายลงนอนแทรกไปใต้ผ้าห่มผืนหนาที่มีร่างบาง
คำบอกกล่าวที่เอ่ยยาวจนคนที่ฟังอยู่ รู้สึกเหมือนกำลังฟังครูบรรยายเหตุการณ์อะไรสักอย่างอยู่หน้าห้องที่ยาวนานมาก แต่คำพูดสุดท้ายมันทำให้ความรู้สึกนั้นพลันหายไปวินาทีถัดมา มันทำให้สมองเบลอร่างกายเบาโหวงเหมือนกำลังล่องลอยไร้แรงโน้มถ่วงของพื้นโลก แต่แล้วแรงสั่นสะเทือนทั้งหมดก็ไปกองอยู่ที่หน้าอกด้านซ้าย หญิงสาวถึงกับเซเข่าอ่อนมือหนาคว้าแขนเรียวเอาไว้ โดยหญิงสาวก็คว้าแขนแกร่งไว้เช่นกัน“คุณใหญ่ ... ไม่จริงใช่ไหม คุณใหญ่แกล้งบีใช่ไหม?”เสียงเบาแหบแห้ง สีหน้าไร้ความรู้สึกตื่นเต้นใด ๆ เอ่ยถามคนตัวโต“ทุกคำพูดเป็นเรื่องจริง”ชายหนุ่มยืนยันสีหน้าจริงจัง รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาหวังไว้อย่างน้อย ๆ หากเขาเอ่ยประโยคสำคัญออกไป หญิงสาวคงดีใจโผเข้ากอดเหมือนผู้หญิงหลาย ๆ คนที่ถูกคนรักขอแต่งาน จะต้องกระโดดกอดคอและหอมแก้มคนรักอย่างที่ควรจะเป็น แต่นี่ผู้หญิงที่เขาขอแต่งงานกลับเหมือนคนไร้ซึ่งความรู้สึก“หากเพราะคิดจะรับผิดชอบในสิ่งที่ทำมา และไถ่โทษด้วยการขอผู้หญิงแต่งงานโดยปราศจากความรัก คุณใหญ่ เก็บคำนั้นเอาไว้เถอะ”หล่อนพูดถึงประโยคขอแต่งงาน“บี ... ที่พี่พูดมาทั้งหมดมันชัดเจนแล้วนะว่าพี่ต้องการบี แล้วบีจะ
ใบหน้าขาวนวลกลายเป็นแดงซ่าน อยากข่วนหน้านั้นให้หายหล่อแต่ก็ได้แค่คิด เมื่อเห็นสายตาของผู้เป็นพ่อยิ้มเหมือนรู้ความสัมพันธ์ของเธอและชายหนุ่มดีหล่อนไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้ หากมีพื้นที่ที่ให้หล่อนได้แทรกกายหนี หล่อนอยากจะแทรกหายไปซะเดี๋ยวนั้นนิพาหันสบตากับสามี ถอนหายใจเบา ๆ แม้จะไม่ค่อยชอบใจท่าทางของชายหนุ่มที่ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของจนออกหน้าออกตาทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานแต่งการด้วยซ้ำ แต่กลับมาประกาศจะนอนห้องเดียวกับหญิงสาวเสียอย่างนั้น แต่เมื่อเห็นสามีไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับการกระทำของชายหนุ่ม นางจึงปล่อยเลยตามเลยไป“เสร็จแล้วขึ้นห้องเลยไหม ป้าจะพาไป”น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยถามลูกเลี้ยงสาว ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังมองนางอยู่เช่นกัน เหมือนอยากให้อีกคนเอ่ยชวนตัวเองด้วย แต่นางก็ไม่ได้ตอบสนองสายตานั้น แล้วก็จริงดังคาด เมื่อชายหนุ่มทำสีหน้าเหมือนคนผิดหวัง“ตามขึ้นไปพร้อมกันเลยครับคุณธาดา เดี๋ยวผมจะให้เด็กเอาชุดนอนผมไปให้ คุณคงพอใส่ได้”เสียงทุ้มของว่าที่พ่อตา ทำเอาชายหนุ่มที่หน้าหุบหันขวับไปมอง ปากหยักหนาได้รูปฉีกยิ้มกว้างทันที พร้อมพยักหน้าเป็นเชิงรับทราบสองหญิงต่างวัยหันมาส่งค้อนให้คู่ของต
ความเป็นห่วงลูก รู้สึกโกรธเจ้าของรถคันนั้นยิ่งนัก“ไปดูสิว่าใคร”เสียงทุ้มเอ่ยสั่งคนขับรถที่ยืนดูอยู่อีกฝั่งของรถออกไป คนถูกสั่งทำตามทันทีแสงไฟจากหน้ารถของคันที่วิ่งเข้ามาใหม่กระทบกับสายตาทำเอาหล่อนกับพ่อต้องหรี่ตาและเอามือป้องหน้าเอาไว้สองพ่อลูกมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ แต่ลักษณะของรถมันดูคุ้นๆ สำหรับหญิงสาว“คุณใหญ่!”เสียงแหลมเล็กเอ่ยอย่างตกใจปรับสีหน้าจากที่ตกใจเมื่อครู่กับการมาของชายหนุ่มให้กลับสู่สภาพปกติ“มาได้ยังไง...?”เสียงหวานเอ่ยถามทั้ง ๆ ที่ยังมึน ๆ อยู่“ก็ขับรถตามมา ไม่เห็นแปลก ...”ตอบทำสีหน้าขรึม เหมือนอยากให้อีกคนรู้ว่าเขากำลังไม่พอใจกับการกระทำของหล่อนอยู่“แล้วก็มารับบีกลับไร่ด้วย”ใบหน้าเรียบตึงกว่าเก่าพร้อมกับคำพูดเฉียบขาด ไม่อยากให้หล่อนรู้ว่าเขาดีใจแค่ไหนที่เห็นหล่อนในสภาพปลอดภัย“บีไม่กลับ”ขยับกระชับอ้อมแขนกอดผู้เป็นพ่อแน่นขึ้น“เชิญคุณใหญ่กลับไปคนเดียวเถอะ”ปากบางเอ่ยไล่ หล่อนไม่คิดจะเสียใจกับคำพูดที่ได้ยินมาอีกแล้ว เพราะหล่อนเสียน้ำตาไปมากและย้ำกับตัวเองเสมอว่าต้องมีสักวันมันจะต้องลงเอยแบบนี้ และหล่อนคิดว่าหล่อนทำถูกแล้ว“ได้ไง บีไม่กลับ ผมก็ไม่กลับ”เสีย
ร่างบางหยุดชะงักเมื่อนึกอะไรได้“คุณพ่อนอนอยู่โรงพยาบาลไม่ใช่หรือ”เสียงหวานเอ่ยถาม พร้อมคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากัน“ใช่ ... แต่พ่อก็ออกไล่หลังหนูนั่นแหละ ... ไป เราไปคุยกันต่อในรถดีกว่า ตอนนี้น้ำค้างเริ่มลงแล้วละ”ผู้เป็นพ่อเอ่ยก่อนจะประคองลูกสาวตรงไปยังรถที่ประตูที่ถูกเปิดอ้ารออยู่แสงไฟหน้ารถคันงามส่องให้คนในรถมองเห็นภาพด้านนอกได้ชัดเจน แม้จะอยู่ในระยะที่เขาบีบแตรและคนด้านนอกจะได้ยิน แต่เขาก็ไม่ต้องการให้หล่อนรู้จึงชะลอความเร็วลง รอให้รถคันนั้นออกไปก่อนและเขาจึงค่อยขับตามไป... มนธิรา เธอก็ร้ายใช่ย่อยนะ ปล่อยให้เขาเป็นห่วงแทบตายดันหนีออกมารอพ่ออยู่หน้าปากทางเข้าไร่เขานี่เอง แม้จะเป็นเส้นทางส่วนบุคคล แต่ที่เห็นหล่อนยืนอยู่มันใกล้ถนนใหญ่ที่มีรถสัญจรไปมาพลุกพล่าน หากมีเหตุร้ายหรือถูกใครทำร้าย เขาจะทำยังไง ... ชายหนุ่มกลั้นความรู้สึกโกรธในความกล้าบ้าบิ่นของหญิงสาวไม่ได้“ได้ตัวกลับมาเมื่อไหร่ละน่าดู ...”ชายหนุ่มยกยิ้มรู้สึกดีขึ้นเป็นกอง แม้จะไม่พอใจกับการกระทำของหญิงสาวอยู่ แต่หล่อนก็เลือกที่จะไปหาอ้อมกอดผู้เป็นพ่อแทนที่จะคิดทำร้ายตัวเองเหมือนครั้งก่อนท่ามกลางความมืดที่มีแสงส่องผ่านนาน ๆ
ท่ามกลางแสงไฟบนท้องถนน ในยามพลบค่ำที่พอให้เห็นเส้นทางและผู้คนที่ขับรถผ่านไปมา ร่างที่กำลังพะอืดพะอมพยายามพาหัวใจที่กำลังบอบช้ำเดินลัดเลาะตามเส้นทางที่เล็กและรกพอควร หล่อนไม่ต้องการเดินบนถนนใหญ่เพราะจะง่ายในการที่คนจะพบเจอ ตอนนี้หล่อนไม่อยากให้ใครมาเจอหล่อน ไม่ว่าคนที่รู้จักหรือคนสัญจรไปมา ร่างบางแทรกเข้าไปนั่งคุดคู้อยู่ใต้พุ่มไม้เตี้ย หยิบสิ่งของกำไว้ในมือ จ้องมองสิ่งนั้นนิ่งอย่างชั่งใจและครุ่นคิดพ่อคะ หวังว่าคุณพ่อจะมารับบีทันเวลานะคะ ... หัวใจเจ็บปวดครวญถึงผู้เป็นที่พึ่งพิงในยามนี้เครื่องสื่อสารในมือถูกกดโทรออก“พ่อคะ ... บีเองค่ะ ... มารับบีได้ไหมคะ ... บีอยู่หน้าปากทางเข้าไร่กาแฟคุณธาดา ... ค่ะ ... คุณพ่ออย่าช้านะคะ ... บะ ... บีกลัว”เสียงสั่นเครือเอ่ยขาดเป็นห้วงๆ ก่อนกดวางสายและเก็บสิ่งนั้นในมือกลับเข้าที่ กอดกระชับโอบไหล่ตัวเองอย่างรู้สึกสับสน พร้อมกับเสียงสะอื้นที่ส่งผ่านออกมาจากปากบางอย่างต่อเนื่องโชคดีที่หล่อนรับนามบัตรที่พ่อยื่นให้ตอนที่คุยกันที่เตียง โดยไม่มีใครเห็นและหล่อนรีบเก็บไว้กลัวผู้ชายเอาแต่ใจจะสงสัย เพราะหล่อนไม่อยากปวดหัวกับการถูกซักถามของคนตัวโต ไม่อย่างนั้นห
สายตาจริงจังต้องการคำตอบผู้เป็นแม่ คนเป็นน้องได้แต่นั่งรอลุ้นจนตัวโก่ง ไม่เอ่ยความคิดเห็นใด ๆ“แม่ไม่ต้องการ ...”น้ำเสียง แววตาฉายแววไม่พอใจ คนที่ได้ยินรู้สึกชาไปทั้งตัว ความรู้สึกผิดหวังและเสียใจมันทำให้ตัวเองเหมือนคนเลวที่ทำร้ายอีกคนจนกระอักเลือด แต่กลับไม่อาจทดแทนสิ่งที่ทำลงไปได้แล้วสุดท้ายเขาจะเลือกทำเพื่อใคร ...?“แม่ ...”ชายหนุ่มครางออกมาเบา ๆ รู้สึกเบาโหวงลอยคว้าง ไร้หลักพักพิง เคยคิดไว้ว่าจะพาความฝันของตัวเองให้ถึงจุดหมาย แต่ไม่ทันได้เอื้อมสัมผัสพลันหลักนั้นก็ถูกถอดถอนโดยเจ้าของเสียก่อนใบหน้าหล่อเหลาหมองลง ก้มหน้านิ่งไม่กล้าสบตาผู้เป็นแม่ ความรู้สึกผิดหวังกระชากความรู้สึกน้อยใจในโชคชะตาเข้ามาในความรู้สึก หวนคิดถึงผู้หญิงที่นอนอยู่ในห้องหล่อนก็ไม่ต่างอะไรกับตนเองที่กำลังถูกชะตาเล่นงานตอนนี้ เขาเริ่มรับรู้ความรู้สึกที่ต้องถูกห้ามในสิ่งที่ต้องการแล้วเขาก็ยังซ้ำเติมหล่อนให้เจ็บปวดกับสิ่งที่หล่อนไม่ได้ก่อเพิ่มขึ้นอีกอาชารู้สึกตกใจในคำพูดของผู้เป็นแม่ คราแรกที่เห็นพี่ชายตัวเองเอ่ยประโยค แม่ครับ แม่เชื่อใจผมสิครับ บางครั้งผู้หญิงที่เราคิดว่าพร้อมไปเสียทุกอย่างทั้งฐานะทางสังคม แ