“เฮ้ เฮ้ น้องฉันเที่ยวบาร์แล้วหรือนี่ พ่อแม่รู้หรือยังเนี่ย”
เมื่อแน่ใจว่าไม่ใช่ร้านอาหารอย่างที่คิดไว้ ชายหนุ่มถึงกับอ้าแขนขวางทางเดินทันที
“มันดูไม่ดีเลยนะที่ผู้หญิงจะเข้ามาในที่แบบนี้”
ชายหนุ่มอดที่จะต่อว่าไม่ได้ ส่งสายตาตำหนิไปยังน้องสาวอย่างจริงจัง แต่ชายหนุ่มไม่คิดจะส่งสายตาตำหนิไปยังผู้หญิงอีกคน เพราะเขารู้และแน่ใจว่าไม่ใช่ความคิดของมนธิราแน่ ...
เมื่อโดนสายตาตำหนิจริงจังของพี่ชาย สาวสวยก็อดที่จะเถียงไม่ได้
“พี่คะ น้องโตพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร และตอนนี้มันก็เป็นกลางวันอยู่นะคะ พี่อย่าคิดมากสิ”
ว่าไปก็ดึงเพื่อนรักที่ยืนนิ่งเหมือนจะเห็นด้วยกับคำพูดของพี่ชาย
แล้วเพื่อนรักของเราหัวอ่อนเสียด้วยสิ ... ดึงร่างเพื่อนรักแล้วกระแทกพี่ชายที่ยืนกั้นทางด้านหน้าไปเบา ๆ เดินฉับ ๆ เข้าด้านในทันที ปล่อยให้พี่ชายยืนอึ้งเหมือนเห็นผีตอนกลางวันไปพักหนึ่ง
“ยายณี งานนี้ต้องเป็นความคิดเธอแน่ ๆ”
ชายหนุ่มมั่นใจอย่างนั้น เกาศีรษะตัวเอง เหนื่อยหน่ายกับความดื้อรั้นของน้องสาวสุดสวยคนเดียวของตัวเอง
เมื่อห้ามไม่ได้ก็เข้าไปร่วมดูเหตุการณ์ก็แล้วกัน ... ชายหนุ่มยกยิ้ม
เพราะรู้จักนิสัยห้าว ๆ ไม่กลัวอะไร ผิดกับมนธิราที่เป็นคนเงียบ ๆ เงียบจนบางทีเขาเองก็นึกสงสัยว่าหล่อนคงมีเรื่องอะไรไม่สบายใจอย่างหนักอยู่เป็นแน่ แต่ก็ไม่อยากถามและก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเพื่อนน้องสาวมากนัก และจนวันนี้สีหน้าของผู้หญิงคนนั้นก็ยังเหมือนเดิม เหมือนเมื่อหลายปีก่อน
ภายในร้านที่ตกแต่งไว้ค่อนข้างอับ ไม่มีหน้าต่างเหมือนร้านอาหารทั่วไป เสียงเพลงขับกล่อมเบา ๆ ภายในร้านทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด อื้ออึงจนเกินไป
“เฮ้!! ทางนี้ยายณี ยายบี”
เสียงตะโกนเรียกชื่อดังมาบวกกับการโบกมือของเพื่อน ๆ ทำให้คนเข้ามาใหม่ไม่ต้องเสียเวลาเดินหา
สายตาหนุ่มสาวหลายคู่ที่มองเลยไปยังชายหนุ่ม ที่เดินตามหลังหญิงสาวมาติดๆ บอกให้รู้ว่าหนุ่มหล่อคนนี้คงมาด้วยกัน
“ยายณี นั่นแฟนแกหรือวะ หล่อไม่เบา”
เสียงแหลมเล็กตะโกนได้ยินชัดเจน เผื่อไปถึงคนรอบข้าง
“เฮ้ย! ไม่ใช่”
ถามมาเร็ว ตอบเร็วกลับไปทันที
สาวสวยในชุดเดรสเปิดไหล่อุทาน
“อ้าว! ไม่ใช่แฟนแก ก็แฟนยายบีน่ะสิ”
เสียงเดิมคนเดิมถามกลับ เหมือนกลัวว่าใครจะชิงถามเสียก่อน นัยน์ตาเบิกกว้างอย่างคอยลุ้น
ผู้มาใหม่ทั้งสามอึ้งไปแล้วหลายเสียงในกลุ่มก็ถามขึ้นพร้อมๆ กัน แต่มีจุดประสงค์เดียว นั่นคือผู้ชายคนที่เดินมาด้วยเป็นใครกันแน่?
“ไปกันใหญ่แล้วยายฟาง นี่มันพี่ชายฉันย่ะ จำไม่ได้หรือไง แกก็เคยเจอมาแล้วไม่ใช่หรือ?”
เสียงตอบอย่างเหนื่อยหน่าย ว่าแล้วที่ไม่อยากให้พี่ชายมาด้วยก็เพราะแบบนี้แหละ ... ส่ายหน้าไปมา
“เออ...จริงด้วยว่ะ แต่นั่นมันก็หลายปีแล้ว แต่ตอนนี้หล่อ ... จีบได้ป่ะ”
เสียงเพื่อนสาวที่ชื่อฟางในชุดหวานแขนกุดสั้นเลยเข่า นั่งไขว้ขาโชว์เรียวขาขาวเห็นมาแต่ไกล เอ่ยทีเล่นทีจริงมองสายตาหวานเยิ้ม
ธาริณีต้องรีบกันท่าเอาไว้
“ไม่ได้! ฉันมีคนหมายตาไว้แล้ว ที่จะมาเป็นพี่สะใภ้ฉัน”
แล้วเหล่ตาไปยังเพื่อนที่ยืนอยู่ใกล้อย่างทีเล่นทีจริงเช่นกัน
“ว้า...”
เพื่อนหญิงที่ชื่อฟางครางออกมาเบา ๆ ทำหน้าเสียดาย
การกระทำของธาริณีที่พูดพลางหันมองไปยังเพื่อนรักนั้น คนที่เธอมองไม่มีโอกาสได้เห็นเพราะมัวแต่ส่งยิ้มให้เพื่อน ๆ ในกลุ่มอยู่
แต่งานนี้คนที่ได้ยินเต็ม ๆ และเห็นเหตุการณ์อย่างอนาธิปหัวใจพองโตคับอก คิดจะตบรางวัลให้กับน้องสาว เพราะเขาเองก็ไม่คิดจะรังเกียจมนธิราอยู่แล้ว หากเป็นไปได้เขาอยากให้น้องเป็นแม่สื่อแม่ชัก แต่สิ่งที่เขากลัวคือเรื่องราวที่ชายหนุ่มเคยได้ยินมา มนธิราอยู่ใต้อาณัติของใครบางคน ...
อนาธิปเริ่มคลายสีหน้าเมื่อเห็นว่าเพื่อนของน้องสาวไม่มีท่าทางมีพิษมีภัย แถมยังรักใคร่หยอกล้อกันไปมาสนุกไปอีกแบบ แล้วที่ว่ารับเลี้ยงตลอดงานมันรวมเข้าด้วยกันหรือเปล่าล่ะ...ชายหนุ่มคิดถึงตอนนี้ อยากจับน้องสาวมาตีก้นเสียให้เข็ด
เมื่อจัดการหาที่นั่งเรียบร้อยโดยมีอนาธิปที่นั่งข้างมนธิราและธาริณีนั่งอีกด้าน งานนี้มนธิราถูกนั่งขนาบโดยพี่น้องตระกูลธนเกียรติ
มนธิราเอียงมองเสียงกระซิบกระซาบระหว่างธาริณีกับเพื่อนอีกคนอย่างแปลกใจ
“ใครจะกินอะไรจัดไปเลย งานนี้พี่ชายณีเลี้ยงเอง”
หลังจากเสียงแหลมเล็กเงียบลง ก็มีเสียงเฮฮาตบมืออย่างพอใจของเพื่อน ๆ ในกลุ่ม แล้วการสั่งเมนูก็เริ่มขึ้น
คนที่โดนกล่าวถึงฉีกยิ้มออกไป เป็นไงเป็นกัน คิดเสียว่าเป็นรางวัลเลี้ยงน้องตัวเองที่เรียนจบก็แล้วกัน ...ชายหนุ่มคิดให้กำลังใจตัวเอง ไม่ใช่ว่าไม่มีเงิน แต่เงินสดที่ติดกระเป๋ามาน่ะมันมีไม่กี่พัน ก็น้องดันไม่บอกว่างานนี้มีเพื่อนเยอะนี่น่าเฮ้อ ... งานนี้คนหล่อเหงื่อตก“ไม่เอาหรือบี”ธาริณียื่นแก้วค็อกเทลสีฟ้าใสให้เพื่อนรัก แต่ก็โดนปฏิเสธอย่างนิ่มนวล “ไม่ดีกว่า ขอน้ำส้มก็พอ”ร่างบางเอ่ยพร้อมเอียงหลบ เมื่อคนที่เอ่ยชวนยื่นแก้วแตะริมฝีปากเธอไปแล้ว“ก็ได้ ไม่เห็นจะง้อเลย”ดึงแก้วกลับ เอ่ยน้ำเสียงงอน ๆ หันไปยังอีกคน และไม่ต้องสงสัยงานนี้ต้องมีคนเมาเป็นแน่ เพราะสภาพที่เห็นทุกคนรินน้ำอำพันดื่มกินเหมือนน้ำเปล่าเลยทีเดียวอนาธิปที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ เหลือบมองและแอบยิ้มอยู่ในใจ เมื่อเห็นว่าสาวสวยทุกนางและเพื่อนผู้ชายไม่กี่คนในกลุ่ม ไม่เว้นแม้น้องสาวของเขาเองก็กินของที่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ทุกคน แต่คนเดียวที่ไม่แตะต้องเลยก็คือมนธิราทำไมรู้สึกพอใจมนธิรานักนะ ... หล่อนไม่เหมือนกับน้องสาวเขาสักนิด ไม่ว่าจะเป็นท่าทางห้าว ๆ การแต่งตัว ต่างกันลิบลับ รสนิยมก็ต่างกันราวฟ้ากับดิน อีกคนหวานหยดแต่อีกคนเปรี้ยวจนเข็ดฟ
การแต่งตัวที่ธรรมดาอย่างกางเกงยีนเสื้อยืดแต่มันก็ทำให้เขาสะดุดตา มันแปลกดีนะ พวกสาว ๆ ที่ใส่สายเดี่ยวเกาะอกเขาไม่ยักจะติดใจจะเพ่งมองด้วยซ้ำ ... แต่กลับไปสนใจกับท่าทีเงอะงะนั้น... ชายหนุ่มนึกถึงใบหน้าของใครบางคนขึ้นมาทันที ... หน้าคล้ายกันมาก“มีอะไรหรือเปล่าคะ?”เสียงหวานกระซิบถาม และมองตามสายตานั้นเช่นกัน เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มดูจะมองและสนใจคนกลุ่มใหญ่นั้นนานเกินไปแล้ว“เปล่า ...”ชายหนุ่มละสายตาแล้วกลับมาคว้าแก้วไวน์ยกดื่มพรวดเดียวหมดแก้วกลบเกลื่อนอะไรบางอย่าง“สนใจใครในกลุ่มนั้นหรือเปล่า?”เสียงหวานยังเอ่ยต่อ ทำให้คนถูกถามถึงกับสะดุ้งน้อย ๆโชคดีที่คนพูดอย่างทีเล่นทีจริงไม่ได้หันมาสนใจคู่สนทนา หากสายตายังจับจ้องหนุ่มสาวกลุ่มนั้นไม่วางตา แต่แล้วสายตาของหล่อนเหมือนจะสะดุดกับสาวร่างบาง แม้จะไม่ค่อยถูกชะตากับสาวใช้ที่พบเมื่อตอนเช้า แต่รูปร่างหน้าตาหล่อนจำได้ติดตานั่นมันแม่คนใช้บ้านคุณใหญ่นิ แล้วคุณใหญ่ไม่เห็นหรือไงว่าคนใช้ในบ้านออกมาหาความสำราญในที่แบบนี้ มันไม่สมควร ...สาวสวยอย่างเมรีเหยียดยิ้ม เมื่อแน่ใจว่าตัวเองจำไม่ผิดคนไม่ผิดตัว แผนอยากแกล้งใครบางคนก็เริ่มผุดขึ้น อย่างไม่ต้องเสีย
อารมณ์ระเบิดของชายหนุ่มยังไม่หมด แต่กลับมาลงกับความเร็วของรถที่เหยียบคันเร่งจนหญิงสาวอย่างเมรีถึงกับหน้าซีด ไม่กล้าเอ่ยทักอะไร ปล่อยให้ชายหนุ่มจัดหนักกับรถบนถนนที่ขับแซงซ้ายแซงขวา เหมือนผู้ร้ายที่ปล้นธนาคารแล้วขับรถหนีตำรวจกระนั้นเมรีกลับถึงบ้านพักด้วยอารมณ์หงุดหงิด ทีแรกกะว่าหากมีเวลาเหมาะจะเอ่ยบอกความในใจให้ชายหนุ่มที่เธอหลงรักและหมายปอง แต่กลายเป็นว่าเหตุการณ์ที่อยากจะแกล้งใครบางคนกลับส่งผลกระทบมาถึงหล่อนเสียเอง“บ้าที่สุด!”เมรีกระแทกก้นบนเตียงหนุ่มพร้อมเหวี่ยงกระเป๋าสะพายหนังราคาแพงจนกระเด็นตกไปตรงมุมห้องโดยไม่สนใจว่ามันจะกระเด็นไปถูกอะไรและกระเป๋าราคาแพงจะเสียหายตรงไหนเมื่อนึกถึงคำปฏิเสธของชายหนุ่มที่หล่อนเอ่ยชวนเข้าบ้าน ยิ่งทำให้ร่างบางกัดริมฝีปากตัวเองแน่นจนรู้สึกเจ็บ“เมย์ต้องทำให้อาการเย็นชาของคุณ ร้อนขึ้นมาให้ได้ ธาดา ...”เสียงแค้นแหบแห้งเอ่ยขึ้นอย่างหมายมาดแม้จะรู้ว่าชายหนุ่มไม่เคยมีท่าทีจะแสดงออกว่าชอบหล่อนในฐานะแฟน และที่หล่อนได้อยู่ใกล้ชิดชายหนุ่ม เพราะผู้เป็นพ่อของเธอต่างหากที่เป็นหุ้นส่วนในโรงแรมด้วยกัน ความสนิทสนมหล่อนจึงมีมาก แต่หล่อนก็ยังต้องการจะเอาชนะใจน้ำแข็
จะดีใจหรือตกใจดีล่ะ ในเมื่อผู้ชายที่เธอใฝ่ฝันอยากให้เขารู้และสนใจว่ามีหล่อนอยู่บนโลกใบนี้ และต้องการจะพูดคุยกับเขามายืนอยู่ตรงหน้านี้แล้ว แต่หล่อนยังไม่ได้ทำใจ มันจึงทำให้หล่อนได้แต่ยืนอ้ำอึ้ง กำมือเข้าหากัน แข้งขาก็พลันอ่อนแรงนี่เราเป็นอะไร ... กลัวจนพูดอะไรไม่ออกเลยหรือ!“ตกลงตอบได้หรือยัง ว่าเพิ่งกลับหรือ แล้วออกไปแบบนี้บ่อยใช่ไหม”ชายหนุ่มเอ่ยคำถามเพิ่มไปอีกข้อ“...”เงียบ เขารู้ว่าหล่อนไปไหนหรือ เขาเห็นหรือใครบอก ... ใบหน้าขาวซีดขึ้น ยิ่งมองเห็นสายตาดุ ๆ นั้นหล่อนยิ่งหน้าซีดลงไปอีก“ว่าไง?!” เสียงทุ้มเพิ่มน้ำหนักของเสียง“อึก!!!” หล่อนปิดปากเสียงดังอยู่ในลำคอหน้าก็ดุพออยู่แล้ว ยิ่งได้เสียงที่ดังเพิ่มเข้ามามันทำให้หล่อนอยากร้องไห้ ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้“คือ ... บี ... บีนัดกินเลี้ยงกับเพื่อน ... ที่เรียนจบอะค่ะ”เสียงแผ่วเบาหลบตาไม่กล้ามองชายตรงหน้า“อ้อ ... เรียนจบแล้วหรือ แล้วทำไมไม่บอกฉันล่ะ”เสียงที่ดูเบาลงทำให้มนธิราเงยหน้ามองคนที่พูด ด้วยไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินประโยคหลังจากเขาบีมีโอกาสบอกคุณหรือไง ... อีกอย่างคุณคงไม่ได้สนใจอะไร ขนาดเด็กในปกครองเรียนจบ คุณย
“ก็ว่าจะพาไปวันนี้ และพักอยู่ที่ทำงานเลย”“แล้วบอกนางบีมันหรือยัง ว่าจะพาไปด้วยน่ะ”“ให้ป้าจุ้มไปบอกแล้วครับ”ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาจึงตัดสินใจวานให้ป้าจุ้มไปบอก ทั้งที่จริงมันไม่ใช่เรื่องแปลกหากมันเป็นความประสงค์ของเขา มนธิราไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอย่างแน่นอน“ว่าไงนะคะ!?”เสียงแหลมเล็กดังขึ้นอย่างตกใจและตามมาด้วย เพล้ง!!! จานในมือหลุดร่วงลงไปอยู่ในอ่างล้างจาน โชคดีที่จานใบนั้นไม่แตก แต่เสียงที่ดังอย่างไม่ได้ตั้งใจ เสียงดังออกไปข้างนอกอย่างช่วยไม่ได้ แต่หญิงสาวก็ไม่ได้สนใจเสียงดังนั้น ว่าจะมีใครเข้ามาตำหนิอะไรหล่อน เพราะคำพูดประโยคที่ป้าจุ้มบอก มันน่าตกใจกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่าแม้ว่าก่อนหน้านี้ชายหนุ่มเคยเอ่ยให้ฟัง แต่ก็อดตกใจไม่ได้ มันเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน ไม่คิดว่าจะเป็นวันนี้หรือพรุ่งนี้ด้วยซ้ำ“ป้า ... หนู หนูยังไม่พร้อม”เสียงเอ่ยสั่นเครือกอดผู้หญิงวัยกลางคนไว้แน่น“มันคงไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก คุณใหญ่ใจดีนะ เขาแค่ต้องการให้หนูบีไปช่วยงานที่บริษัท คงไม่มีอะไรมาก”ป้าจุ้มเอ่ยเสียงเรียบ ก็ได้แต่ปลอบโยนร่างบางในอ้อมแขน ทำมากกว่านี้คงไม่ได้“แต่ ...”ร่างบางดั
“เอากระเป๋าเก็บไว้ท้ายรถ แล้วขึ้นมานั่งด้านหน้ากับฉัน”น้ำเสียงที่ยังทรงพลังทำให้สาวร่างบางถึงกับสะดุ้ง หัวใจเต้นรัวนี่ ... แค่เขาบอกให้นั่งด้านหน้าคู่กับเขา หล่อนก็หัวใจเต้นแรงจนออกนอกหน้า เจ็บใจตัวเองชะมัด!!!มนธิราจัดการกับกระเป๋าตัวเองเรียบร้อย ก็เดินมาเปิดประตูด้านหน้าคนขับพร้อมย่อตัวเข้าไปนั่ง หัวใจเต้นแรง ส่งผลให้เสียงปิดประตูดังกระแทกแรงผิดปกติ ร่างบางก้มศีรษะงุด ๆ รู้แน่ว่าต้องโดนสายตาดุ ๆ นั้นตำหนิแน่นอน จึงก้มหน้าทำใจ“ไม่ต้องดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่ขนาดนั้นก็ได้”ระเบิด!!! ลูกแรก ส่งออกมาเป็นคำพูดจนคนที่ก้มหน้าอยู่เงยสบตาอย่างไม่เข้าใจ“...”อึ้งจนอ้าปากค้าง ว่าจะกล่าวขอโทษที่ลืมตัวปิดประตูเสียงดังไป แต่ก็ลืมเมื่อเจอคำพูดที่หนักเอาการของคนข้าง ๆ ลืมว่าตัวเองจะพูดอะไรแต่หนุ่มหล่อกลับไม่สนใจว่าคำพูดตัวเองมันทำให้ใครคนหนึ่งถึงกับมึนงง กว่าสติจะกลับมาได้หัวก็เกือบทิ่มไปด้านหน้าชายหนุ่มกระชากรถคู่ใจออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว เร็วจนคนนั่งข้างรีบคาดเข็มขัดอย่างกลัวว่าหากขืนช้าอีกนิด มีหวังหล่อนได้ออกไปนอนเล่นอยู่นอกรถเป็นแน่ความเงียบ ๆ เริ่มก่อตัวขึ้นในเมื่อคนตรงหน้าไม่สนใจ ร่างบ
ยิ่งคิดหล่อนก็กลัวจนขึ้นสมอง กวาดสายตามองทิวทัศน์ด้านข้าง มองสูงขึ้นไปอีกนิด เห็นท้องฟ้าสีครามสดใสเพราะไม่มีตึกสูงๆ บดบัง ผิดกับความรู้สึกของหล่อนตอนนี้ มันหม่นหมองเสียเหลือเกินหล่อนไม่อยากละสายตาจากท้องฟ้านั้นเลย หากละจากภาพตรงนั้น แล้วมาพบความจริงที่ปวดใจมนธิราจึงจมดิ่งอยู่กับภาพนั้น เพื่อกลบเกลื่อนความกลัวภายใน อากาศที่เย็นฉ่ำทำให้เปลือกตาหล่อนเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆเรื่องของเรื่องก็เมื่อคืนหล่อนมัวแต่คิดมากเรื่องที่ชายหนุ่มพูดทิ้งท้ายไว้ แล้วก็เก็บเอาไปคิดจนไม่ได้หลับ กว่าจะหลับไปได้ก็เกือบสว่างตอนนี้บรรยากาศก็เป็นใจเสียเหลือเกิน แต่จนแล้วจนรอดหล่อนก็ไม่ไหวจริง ๆ จนเผลอหลับไปในที่สุดหากหล่อนจะรู้บ้างถึงเหตุการณ์ข้างหน้าต่อไป นั่นอาจทำให้หล่อนไม่อยากตื่นขึ้นมาอีกเลย ...อากาศเย็นเฉียบร่างบางที่ยังหลับอยู่ หดตัวคู้เข้าหากันเหมือนไม่อยากจะตื่น แต่อากาศที่หนาวเหน็บไม่อาจข่มตาหลับลงได้ต่อไป ร่างบางงัวเงียลุกขึ้นอย่างยากลำบากที่สุด รู้สึกแข้งขามันยืดไม่ออก ร่างบางกัดริมฝีปากตัวเองเพื่อข่มความเจ็บปวดเอาไว้ อาการเหน็บชามันเล่นงานเข้าแล้ว และมันก็ชาไปทั้งตัวแล้วด้วยตอนนี้“ซี้ดด! ปวดอ่ะ
แต่ ... ตัดความคิดที่ว่าเคยเห็นหญิงสาวที่ไหน เพราะตอนนี้เขาต้องทำงานให้เข้มงวดกว่าเดิม เมื่อเจ้านายต้องการความมีระเบียบของการทำงานมากกว่าเดิม และต้องการให้พนักงานทุกคนรักษาเวลาการทำงานเป็นที่หนึ่ง“...”มนธิราเหมือนจะอึ้ง จนเกิดอาการติดอ่างพูดไม่ออก ยิ่งบวกกับท่าทางที่ยืนสำรวจรูปร่างหล่อนอย่างไม่เกรงใจ ของผู้ชายที่เข้ามาทัก มันทำให้หล่อนเหมือนสมองหยุดทำงานไปชั่วขณะเมื่อมองสำรวจดีแล้ว พลากรดีดนิ้วดังเป๊าะ“สรุปว่าสวยไม่มีที่ติ”คำที่เอ่ยสรุปอย่างพอใจ ทำให้หญิงสาวหน้าร้อนผ่าว โดยที่หล่อนไม่ทันได้เอ่ยอะไร ก็ต้องตะลึงกับคำพูดชายหนุ่มอีกครั้ง“ไป ผมจะพาไปที่ห้องแต่งตัว”พูดจบร่างบางก็ถูกดึงจากจุดที่ยืนอยู่ เดินไปอีกฟากของชั้นสองที่หล่อนยืนอยู่มนธิราที่ถูกดึงให้เดิน ก็ไม่คิดจะขัดขืนอะไร เหมือนคนไร้ซึ่งวิญญาณ เขาพาไปไหนก็ไป ก็มันเป็นงานที่หล่อนต้องทำในหน้าที่ผู้หญิงขัดดอก ก็มันถูกต้องแล้วไม่ใช่หรือ ...“เปลี่ยนชุดนะ เสร็จแล้วออกมา ฉันจะได้พาไปที่โต๊ะ”ชายหนุ่มที่หล่อนเองไม่รู้จักแม้แต่ชื่อเอ่ยบอก พลางดันร่างหล่อนเข้าไปในห้อง โดยเขาเองไม่ได้ตามเข้ามาด้วยมนธิราเดินก้าวเท้าเข้ามาอย่างช้า ๆ ส
เจ้าสาวกวาดตามองไปทั่วด้านหน้าแล้วโปรยยิ้มหวานออกมาเหมือนถูกใจกับคนด้านล่างเวที“ณี”เจ้าสาวบนเวทีที่เอ่ยเรียกเบาๆ อย่างดีใจ แม้จะไม่ได้ยินเสียงเรียกนั้น แต่ก็สื่อความหมายกันเข้าใจ ตาสบตา แล้วหันหลังให้กลุ่มสาวๆ ด้านล่างเวที กุหลาบสีแดงช่องามในมือเรียวถูกยกขึ้น พร้อมย่อเข่าลงเล็กน้อยสองสามครั้งเพื่อหยั่งน้ำหนักของในมือไปในตัว ก่อนจะส่งแรงเหวี่ยงไปทางด้านหลังทันทีช่อกุหลาบลอยละลิ่ว พร้อมเสียงวี้ดว้ายร้องด้วยความตื่นเต้นของสาวสวยทั้งหลายถูกปล่อยออกมา มีเพียงสาวสวยในชุดเกาะอกยาวระพื้นที่ไม่ได้กรีดร้องเหมือนคนอื่น สายตาจับจ้องช่อดอกไม้สีสดที่ลอยอยู่กลางอากาศ มือเรียวถูกยกขึ้นพร้อมกับรอรับอย่างรู้จังหวะ“ว้าย!”เธอกรีดร้อง โดยมือคว้าช่อกุหลาบงามไว้ได้อย่างเหมาะเหม็ง แต่เธอไม่ได้ทุ่มสุดตัว หากแต่ลงไปนอนกองอยู่กับพื้น ...สาวสวยที่ชวดช่อกุหลาบถึงกับเบะปากก็มี แต่บางคนก็ยิ้มเจื่อน ๆ มองผู้หญิงที่โชคดีได้ช่อกุหลาบ แต่ ... ไม่รู้ว่าโชคดีหรือร้ายน่ะสิทุกคนเริ่มถอยออกห่าง บางคนกลับไปนั่งโต๊ะของตัวเอง เจ้าบ่าวและเจ้าสาวยังยืนตะลึงค้าง แต่ภาพที่เห็นมันชัดเจนว่าคนที่รับช่อดอกไม้ได้ ล้มลงไปนอนแอ้งแ
ชายหนุ่มส่งเสียงคราง ร่างกายตึงเขม็ง อุ้งมือหนากำลังบีบเคล้นคลึงที่ทรวงอกจนล้นปลิ้นไปตามซอกนิ้วยาวแกร่ง ก่อนจะเปลี่ยนจากมือหนากลายเป็นปากหนานุ่มดูดกลืนบัวตูมที่กำลังชูช่อเด่น ดูดดึงซ้ายทีขวาทีจนหญิงสาวต้องบิดร่างกายส่ายไปมาเหมือนต้องการขับไล่ความเสียวซ่านให้บรรเทาเบาบางลง“คุ ... คุณใหญ่ บีไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”ร่างบางเอ่ยบอกเสียงกระเส่า สั่นสะท้าน หัวใจหวามหวิว เมื่อมือข้างหนึ่งกำลังลูบคลำไปยังส่วนล่างของบ่อน้ำหวาน ใช้นิ้วสะกิดยอดแหลมกลางกลีบกุหลาบที่กำลังแย้มบานถี่รัว ขาเรียวแยกออกจากกันอย่างลืมตัว สะโพกมนยกส่ายไปมารอรับเชิญชวนให้อีกคนเติมเต็มชายหนุ่มผละตัวออกห่างจัดการช่วงกลางลำตัวที่กำลังปวดร้าว ยกสะโพกผายที่เปิดอ้าอย่างท้าทายสอดแทรกความใหญ่โตเข้าเติมเต็มในกลีบกุหลาบที่กำลังชุ่มฉ่ำเสียงหวานกรีดร้องเบา ๆ ยามที่เจ้าสิ่งนั้นถูกเจ้าของสอดแทรกเข้าไป ก่อนจะขยับเนิบช้าและเพิ่มความเร็วขึ้น ทุกสัมผัสขยับกายในแต่ละครั้ง มีเสียงครางสุขสมขับกล่อมเป็นเสียงดนตรีไพเราะรุกเร้าเข้าหากันอย่างไม่ขาดตอนชายหนุ่มพ่นลมหายใจรู้สึกอึดอัดกับความคับแน่น ถอนกายแกร่งออกมาแล้วกระแทกเข้าไปใหม่ ขยับกระแทกเข้าอ
ร่างหนาลืมเรื่องชวนปวดหัวก่อนหน้านี้เสียสนิท ก้าวเท้าไปยังเตียงนุ่มหมายจะจัดการความร้อนในกายด้วยร่างกายที่กำลังนอนหลับอยู่ เขาก้มตัวไปหาร่างบาง มือหนาเอื้อมจับไหล่บางก่อนจะลากมือสาก ๆ ไปตามแขนเรียวงามอย่างปรารถนา“อือ ...”ร่างบางคราง สะบัดไหล่เหมือนรู้สึกรำคาญกับการถูกรบกวนเมื่อเห็นหญิงสาวเริ่มรู้สึกตัว คนหน้ามึนจัดการก้มกระซิบข้าง ๆ หู“บีฉันรักเธอนะ และรักลูกของเราด้วย”แม้คนที่นอนอยู่จะครึ่งหลับครึ่งตื่นหรือไม่ ชายหนุ่มก็รู้เขินอายกับการกระทำของตัวเอง“อื้อ ... จริงหรือคะ”เสียงหวานเอ่ยออกมาเบา ๆ เหมือนคนละเมอ ชายหนุ่มมองใบหน้าหญิงสาวนิ่ง สังเกตว่าหล่อนยังหลับตาอยู่ แต่เหมือนหล่อนจะตอบสนองกับคำพูดของเขาได้ดีตกลงหล่อนหลับแล้วละเมอ หรือหล่อนแกล้งหลับกันแน่ ... ชายหนุ่มไม่แน่ใจ ยื่นมือหนาจับปลายคางมนอีกครั้งแล้วขยับไปมาจนหน้าหวานหันไปตามแรงขยับ ท่าทางของคนหลับทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจคนอะไรหลับก็ยังตอบคำถามได้ ...เมื่อตั้งใจว่าจะบอกรักให้คนหลับฟังไม่ได้ผล ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นและเดินอ้อมเตียงไปอีกด้าน ทรุดตัวลงนั่งเต็มแรงจนเตียงยวบไปตามน้ำหนัก ทอดกายลงนอนแทรกไปใต้ผ้าห่มผืนหนาที่มีร่างบาง
คำบอกกล่าวที่เอ่ยยาวจนคนที่ฟังอยู่ รู้สึกเหมือนกำลังฟังครูบรรยายเหตุการณ์อะไรสักอย่างอยู่หน้าห้องที่ยาวนานมาก แต่คำพูดสุดท้ายมันทำให้ความรู้สึกนั้นพลันหายไปวินาทีถัดมา มันทำให้สมองเบลอร่างกายเบาโหวงเหมือนกำลังล่องลอยไร้แรงโน้มถ่วงของพื้นโลก แต่แล้วแรงสั่นสะเทือนทั้งหมดก็ไปกองอยู่ที่หน้าอกด้านซ้าย หญิงสาวถึงกับเซเข่าอ่อนมือหนาคว้าแขนเรียวเอาไว้ โดยหญิงสาวก็คว้าแขนแกร่งไว้เช่นกัน“คุณใหญ่ ... ไม่จริงใช่ไหม คุณใหญ่แกล้งบีใช่ไหม?”เสียงเบาแหบแห้ง สีหน้าไร้ความรู้สึกตื่นเต้นใด ๆ เอ่ยถามคนตัวโต“ทุกคำพูดเป็นเรื่องจริง”ชายหนุ่มยืนยันสีหน้าจริงจัง รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาหวังไว้อย่างน้อย ๆ หากเขาเอ่ยประโยคสำคัญออกไป หญิงสาวคงดีใจโผเข้ากอดเหมือนผู้หญิงหลาย ๆ คนที่ถูกคนรักขอแต่งาน จะต้องกระโดดกอดคอและหอมแก้มคนรักอย่างที่ควรจะเป็น แต่นี่ผู้หญิงที่เขาขอแต่งงานกลับเหมือนคนไร้ซึ่งความรู้สึก“หากเพราะคิดจะรับผิดชอบในสิ่งที่ทำมา และไถ่โทษด้วยการขอผู้หญิงแต่งงานโดยปราศจากความรัก คุณใหญ่ เก็บคำนั้นเอาไว้เถอะ”หล่อนพูดถึงประโยคขอแต่งงาน“บี ... ที่พี่พูดมาทั้งหมดมันชัดเจนแล้วนะว่าพี่ต้องการบี แล้วบีจะ
ใบหน้าขาวนวลกลายเป็นแดงซ่าน อยากข่วนหน้านั้นให้หายหล่อแต่ก็ได้แค่คิด เมื่อเห็นสายตาของผู้เป็นพ่อยิ้มเหมือนรู้ความสัมพันธ์ของเธอและชายหนุ่มดีหล่อนไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้ หากมีพื้นที่ที่ให้หล่อนได้แทรกกายหนี หล่อนอยากจะแทรกหายไปซะเดี๋ยวนั้นนิพาหันสบตากับสามี ถอนหายใจเบา ๆ แม้จะไม่ค่อยชอบใจท่าทางของชายหนุ่มที่ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของจนออกหน้าออกตาทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานแต่งการด้วยซ้ำ แต่กลับมาประกาศจะนอนห้องเดียวกับหญิงสาวเสียอย่างนั้น แต่เมื่อเห็นสามีไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับการกระทำของชายหนุ่ม นางจึงปล่อยเลยตามเลยไป“เสร็จแล้วขึ้นห้องเลยไหม ป้าจะพาไป”น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยถามลูกเลี้ยงสาว ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังมองนางอยู่เช่นกัน เหมือนอยากให้อีกคนเอ่ยชวนตัวเองด้วย แต่นางก็ไม่ได้ตอบสนองสายตานั้น แล้วก็จริงดังคาด เมื่อชายหนุ่มทำสีหน้าเหมือนคนผิดหวัง“ตามขึ้นไปพร้อมกันเลยครับคุณธาดา เดี๋ยวผมจะให้เด็กเอาชุดนอนผมไปให้ คุณคงพอใส่ได้”เสียงทุ้มของว่าที่พ่อตา ทำเอาชายหนุ่มที่หน้าหุบหันขวับไปมอง ปากหยักหนาได้รูปฉีกยิ้มกว้างทันที พร้อมพยักหน้าเป็นเชิงรับทราบสองหญิงต่างวัยหันมาส่งค้อนให้คู่ของต
ความเป็นห่วงลูก รู้สึกโกรธเจ้าของรถคันนั้นยิ่งนัก“ไปดูสิว่าใคร”เสียงทุ้มเอ่ยสั่งคนขับรถที่ยืนดูอยู่อีกฝั่งของรถออกไป คนถูกสั่งทำตามทันทีแสงไฟจากหน้ารถของคันที่วิ่งเข้ามาใหม่กระทบกับสายตาทำเอาหล่อนกับพ่อต้องหรี่ตาและเอามือป้องหน้าเอาไว้สองพ่อลูกมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ แต่ลักษณะของรถมันดูคุ้นๆ สำหรับหญิงสาว“คุณใหญ่!”เสียงแหลมเล็กเอ่ยอย่างตกใจปรับสีหน้าจากที่ตกใจเมื่อครู่กับการมาของชายหนุ่มให้กลับสู่สภาพปกติ“มาได้ยังไง...?”เสียงหวานเอ่ยถามทั้ง ๆ ที่ยังมึน ๆ อยู่“ก็ขับรถตามมา ไม่เห็นแปลก ...”ตอบทำสีหน้าขรึม เหมือนอยากให้อีกคนรู้ว่าเขากำลังไม่พอใจกับการกระทำของหล่อนอยู่“แล้วก็มารับบีกลับไร่ด้วย”ใบหน้าเรียบตึงกว่าเก่าพร้อมกับคำพูดเฉียบขาด ไม่อยากให้หล่อนรู้ว่าเขาดีใจแค่ไหนที่เห็นหล่อนในสภาพปลอดภัย“บีไม่กลับ”ขยับกระชับอ้อมแขนกอดผู้เป็นพ่อแน่นขึ้น“เชิญคุณใหญ่กลับไปคนเดียวเถอะ”ปากบางเอ่ยไล่ หล่อนไม่คิดจะเสียใจกับคำพูดที่ได้ยินมาอีกแล้ว เพราะหล่อนเสียน้ำตาไปมากและย้ำกับตัวเองเสมอว่าต้องมีสักวันมันจะต้องลงเอยแบบนี้ และหล่อนคิดว่าหล่อนทำถูกแล้ว“ได้ไง บีไม่กลับ ผมก็ไม่กลับ”เสีย
ร่างบางหยุดชะงักเมื่อนึกอะไรได้“คุณพ่อนอนอยู่โรงพยาบาลไม่ใช่หรือ”เสียงหวานเอ่ยถาม พร้อมคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากัน“ใช่ ... แต่พ่อก็ออกไล่หลังหนูนั่นแหละ ... ไป เราไปคุยกันต่อในรถดีกว่า ตอนนี้น้ำค้างเริ่มลงแล้วละ”ผู้เป็นพ่อเอ่ยก่อนจะประคองลูกสาวตรงไปยังรถที่ประตูที่ถูกเปิดอ้ารออยู่แสงไฟหน้ารถคันงามส่องให้คนในรถมองเห็นภาพด้านนอกได้ชัดเจน แม้จะอยู่ในระยะที่เขาบีบแตรและคนด้านนอกจะได้ยิน แต่เขาก็ไม่ต้องการให้หล่อนรู้จึงชะลอความเร็วลง รอให้รถคันนั้นออกไปก่อนและเขาจึงค่อยขับตามไป... มนธิรา เธอก็ร้ายใช่ย่อยนะ ปล่อยให้เขาเป็นห่วงแทบตายดันหนีออกมารอพ่ออยู่หน้าปากทางเข้าไร่เขานี่เอง แม้จะเป็นเส้นทางส่วนบุคคล แต่ที่เห็นหล่อนยืนอยู่มันใกล้ถนนใหญ่ที่มีรถสัญจรไปมาพลุกพล่าน หากมีเหตุร้ายหรือถูกใครทำร้าย เขาจะทำยังไง ... ชายหนุ่มกลั้นความรู้สึกโกรธในความกล้าบ้าบิ่นของหญิงสาวไม่ได้“ได้ตัวกลับมาเมื่อไหร่ละน่าดู ...”ชายหนุ่มยกยิ้มรู้สึกดีขึ้นเป็นกอง แม้จะไม่พอใจกับการกระทำของหญิงสาวอยู่ แต่หล่อนก็เลือกที่จะไปหาอ้อมกอดผู้เป็นพ่อแทนที่จะคิดทำร้ายตัวเองเหมือนครั้งก่อนท่ามกลางความมืดที่มีแสงส่องผ่านนาน ๆ
ท่ามกลางแสงไฟบนท้องถนน ในยามพลบค่ำที่พอให้เห็นเส้นทางและผู้คนที่ขับรถผ่านไปมา ร่างที่กำลังพะอืดพะอมพยายามพาหัวใจที่กำลังบอบช้ำเดินลัดเลาะตามเส้นทางที่เล็กและรกพอควร หล่อนไม่ต้องการเดินบนถนนใหญ่เพราะจะง่ายในการที่คนจะพบเจอ ตอนนี้หล่อนไม่อยากให้ใครมาเจอหล่อน ไม่ว่าคนที่รู้จักหรือคนสัญจรไปมา ร่างบางแทรกเข้าไปนั่งคุดคู้อยู่ใต้พุ่มไม้เตี้ย หยิบสิ่งของกำไว้ในมือ จ้องมองสิ่งนั้นนิ่งอย่างชั่งใจและครุ่นคิดพ่อคะ หวังว่าคุณพ่อจะมารับบีทันเวลานะคะ ... หัวใจเจ็บปวดครวญถึงผู้เป็นที่พึ่งพิงในยามนี้เครื่องสื่อสารในมือถูกกดโทรออก“พ่อคะ ... บีเองค่ะ ... มารับบีได้ไหมคะ ... บีอยู่หน้าปากทางเข้าไร่กาแฟคุณธาดา ... ค่ะ ... คุณพ่ออย่าช้านะคะ ... บะ ... บีกลัว”เสียงสั่นเครือเอ่ยขาดเป็นห้วงๆ ก่อนกดวางสายและเก็บสิ่งนั้นในมือกลับเข้าที่ กอดกระชับโอบไหล่ตัวเองอย่างรู้สึกสับสน พร้อมกับเสียงสะอื้นที่ส่งผ่านออกมาจากปากบางอย่างต่อเนื่องโชคดีที่หล่อนรับนามบัตรที่พ่อยื่นให้ตอนที่คุยกันที่เตียง โดยไม่มีใครเห็นและหล่อนรีบเก็บไว้กลัวผู้ชายเอาแต่ใจจะสงสัย เพราะหล่อนไม่อยากปวดหัวกับการถูกซักถามของคนตัวโต ไม่อย่างนั้นห
สายตาจริงจังต้องการคำตอบผู้เป็นแม่ คนเป็นน้องได้แต่นั่งรอลุ้นจนตัวโก่ง ไม่เอ่ยความคิดเห็นใด ๆ“แม่ไม่ต้องการ ...”น้ำเสียง แววตาฉายแววไม่พอใจ คนที่ได้ยินรู้สึกชาไปทั้งตัว ความรู้สึกผิดหวังและเสียใจมันทำให้ตัวเองเหมือนคนเลวที่ทำร้ายอีกคนจนกระอักเลือด แต่กลับไม่อาจทดแทนสิ่งที่ทำลงไปได้แล้วสุดท้ายเขาจะเลือกทำเพื่อใคร ...?“แม่ ...”ชายหนุ่มครางออกมาเบา ๆ รู้สึกเบาโหวงลอยคว้าง ไร้หลักพักพิง เคยคิดไว้ว่าจะพาความฝันของตัวเองให้ถึงจุดหมาย แต่ไม่ทันได้เอื้อมสัมผัสพลันหลักนั้นก็ถูกถอดถอนโดยเจ้าของเสียก่อนใบหน้าหล่อเหลาหมองลง ก้มหน้านิ่งไม่กล้าสบตาผู้เป็นแม่ ความรู้สึกผิดหวังกระชากความรู้สึกน้อยใจในโชคชะตาเข้ามาในความรู้สึก หวนคิดถึงผู้หญิงที่นอนอยู่ในห้องหล่อนก็ไม่ต่างอะไรกับตนเองที่กำลังถูกชะตาเล่นงานตอนนี้ เขาเริ่มรับรู้ความรู้สึกที่ต้องถูกห้ามในสิ่งที่ต้องการแล้วเขาก็ยังซ้ำเติมหล่อนให้เจ็บปวดกับสิ่งที่หล่อนไม่ได้ก่อเพิ่มขึ้นอีกอาชารู้สึกตกใจในคำพูดของผู้เป็นแม่ คราแรกที่เห็นพี่ชายตัวเองเอ่ยประโยค แม่ครับ แม่เชื่อใจผมสิครับ บางครั้งผู้หญิงที่เราคิดว่าพร้อมไปเสียทุกอย่างทั้งฐานะทางสังคม แ