หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ความสัมพันธ์ของฉันกับตุลดีขึ้นตามลำดับ เราเรียนรู้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมทั้งความหื่นของเขาก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ฉันไม่ได้ไปที่อู่เพราะช่วงนี้ตุลมีสอบจึงอยากให้เขาเต็มที่กับการอ่านหนังสือสอบมากกว่าหมกหมุ่นเรื่องบนเตียง แน่นอนว่าถ้าฉันไปเขาคงไม่เป็นอันได้อ่านหนังสือสอบแน่ ๆ แต่ไม่ใช่ว่ารายนั้นไม่อยากให้ไปหาหรอกนะ เขาอ้อนทุกวันเพื่อจะให้ไปหาที่อู่ แต่ฉันยืนยันหนักแน่นว่าจะไปหลังจากที่เขาสอบเสร็จแล้วและห้ามมาที่บ้านฉันด้วย พอหลังจากที่ตุลสอบเสร็จแล้วเราก็จะหมั้นกัน ตอนนี้ทั้งฝ่ายพ่อของฉันและพ่อของตุลกำลังเตรียมงาน เพราะงานหมั้นจะถูกจัดขึ้นในอาทิตย์หน้า คิดว่าต้องหมั้นกับเขามันก็ทำเอาฉันเขินแทบบ้า หลายครั้งที่คิดว่าตอนนี้ตัวเองกำลังฝันอยู่ พูดได้เต็มปากว่าตอนนี้ความรักของฉันมันสมบูรณ์แบบมาก ๆ ผู้ชายปากร้ายเย็นชา ไร้ความรู้สึก ฉันไม่เคยคิดว่าตุลจะมีด้านที่อ่อนโยน แต่พอได้มาเห็นอีกด้านที่อ่อนโยนของเขามันยิ่งทำให้ตกหลุมรักซ้ำแล้วซ้ำอีก #โต๊ะอาหาร ตอนนี้ฉันกำลังนั่งกินข้าวกับพ่อสองคน ส่วนเฮียไม่ได้กลับมานอนที่บ้านตั้งแต่พ่อกลับมาจากต่างประเทศ ที่หลบหน้าพ่อก็เพราะถ้า
ฉันรีบออกมาหาตุลที่ยืนรอที่รถ พอเห็นฉันเขาก็ขมวดคิ้วเข้มในเชิงตั้งคำถาม “ทำไมไม่ให้เข้าไปในบ้าน?” “พ… พ่อกับเฮียมีแขกน่ะ เราออกไปกินข้าวนอกบ้านกันดีกว่า” พูดจบฉันก็รีบเปิดประตูออกเข้ามานั่งในรถของตุล “ไหนว่าจะคุยเรื่องงานหมั้น จะออกไปกินข้าวนอกบ้านทำไมแล้วเป็นอะไรทำดูรีบร้อนขนาดนี้” ทำไมวันนี้เขาขี้สงสัยมากกว่าทุกวันจังนะ ถามนู้นถามนี่อยู่ได้ “พ… พี่หิว รีบ ๆ ขึ้นรถได้ไหม” ฉันทำเป็นหงุดหงิดเพื่อแสดงละครว่าตัวเองโมโหหิวมาก ๆ ตุลไม่ตอบอะไร เขาเดินอ้อมมาเปิดประตูทางฝั่งคนขับแล้วขับรถออกไปจากบ้าน ในขณะที่รถกำลังแล่นอยู่ฉันก็ได้ส่งข้อความให้เฮีย บอกว่าจะออกมากินข้าวนอกบ้านและบอกอีกว่าที่ทำแบบนี้เพราะมีเหตุผล เฮียยังไม่เปิดข้อความอ่านในทันทีเพราะคงจะกำลังหัวเสียให่พ่ออยู่ #ร้านอาหารหรู ตอนนี้ฉันนั่งคิดมากสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว สมองคิดไปต่าง ๆนานา จนมันจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว“เป็นอะไรทำไมเอาแต่เงียบ เหม่อถึงใคร?” เสียงทุ้มทำให้ฉันที่กำลังเหม่อสะดุ้งแล้วเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง “พี่ พี่คิดเรื่องบริษัทน่ะ” “ถ้าเหนื่อยมากก็พักอยู่บ้าน” “อื้อ” ฉันพยักหน้าตอบก่อนจะเงียบไปอีก แต่
ฉันกระชากแขนตุลอย่างเอาเรื่องจนคนรอบ ๆ เริ่มหันมามอง ตุลจึงดึงฉันออกมาจากคลับ เขาพามายังรถที่จอดเอาไว้ด้านหน้าร้าน“ขอเหตุผลที่มันฟังขึ้นหน่อยนะ” ฉันสะบัดมือออกแล้วกอดอกจ้องหน้าว่าที่คู่หมั้นเขม็ง “ไอ้กันชวน มาแค่แป๊บเดียวจะกลับแล้ว” จู่ ๆ เขาก็ใช้เสียงอ้อนกับฉัน “ไม่คิดจะบอกกันเลยเหรอ?” “ก็คิดว่ามาแป๊บเดียวไม่ต้องบอกก็ได้” “แป๊บเดียวที่ว่านี่มันกี่ชั่วโมง” “สองชั่วโมง” “ยังไงก็ควรบอกกันหน่อย” มันรู้สึกไม่โอเคจริง ๆ ที่จะไปไหนแล้วเขาไม่ยอมบอก เหมือนว่าฉันไม่ได้สำคัญอะไรเลย “แล้วมากับใคร ทำไมไม่บอก” ครั้งนี้ตุลถามกลับด้วยท่าทางหาเรื่อง “พี่มากับเฮีย ตุลบอกว่าจะนอนก็เลยไม่บอกก่อนและพี่ก็มาแค่แป๊บเดียว” “ถ้างั้นก็หายกัน” “หายกันอะไร?” ฉันขมวดคิ้วกับคำพูดของคนตรงหน้า “ก็ต่างคนต่างไม่บอกว่ามา แปลว่าหายกัน” “แต่นี่คลับเฮียพี่จะมามันก็ไม่แปลก ตุลนัดใครเอาไว้หรือเปล่า?” ฉันเริ่มคิดว่าเขาอาจจะนัดเจอใครบางคนถึงได้แอบมาแบบนี้“ถ้าจะนัดเจอคนอื่นคงไม่มาที่นี่” คำตอบของเขามันยิ่งตอกย้ำความคิดมากของฉัน ทั้งที่เลือกตอบให้สบายใจได้แต่กลับพูดอะไรแบบนี้ออกมา“ดูทำหน้า กำลังคิดมากอีกแล้วใช่ไห
ยืนนิ่งไปครู่หนึ่งตุลก็ก้มลงมาเอาปากจุ๊บกับปากฉัน เขายิ้มมุมปากก่อนจะพูด “แบบนี้ใช่ไหมที่เรียกว่าการกระทำ” “บ้า จะเที่ยวจูบทุกเวลาไม่ได้นะ”ตุลไหวไหล่อย่างเจ้าเล่ห์ จากนั้นเขาก็จับมือฉันพาเดินมาร่วมวงกับเพื่อน “นี่มึงก็ใกล้หมั้นแล้วดิ” กันถามตุล “อืม” “ระวังนะมึง เขาว่าคนจะแต่งงาน หมั้น บวช มันจะมีมาร” คำเตือนของกันทำให้ฉันที่ไม่คิดอะไรแล้วกลับมาเริ่มวิตกอีกครั้ง“มารอะไรของมึงวะ” “จะไปรู้เหรอวะ โบราณเขาว่าไว้”“มึงอะเพ้อเจ้อสัตว์” ตุลส่ายหน้าไปมา เขาทำเหมือนคำเตือนของเพื่อนมันไร้สาระ“ห้ามคิดตามคำพูดมัน” คงจะเห็นว่าฉันเงียบไปเขาจึงพูดดึงสติ ฉันเองก็พยักหน้าแล้วยิ้มจาง ๆ ให้ “อย่าคิดมากนะลิล ฉันแต่งกับอลันไม่เห็นจะมีอะไรเลย”“อื้อ ๆ ฉันไม่ได้คิดมากสักหน่อย”“ไอ้เชี้ยกัน! มึงจะพูดทำลายบรรยากาศทำซากอะไรวะ” อลันบ่นเพื่อนสนิทอย่างหงุดหงิด “พี่โอเค ๆ มาชนแก้วกัน” พอสถานการณ์เริ่มตึงเครียดฉันก็ต้องรีบทำตัวให้ปกติ จะมัวคิดมากแล้วพาให้งานกร่อยไม่ได้บรรยากาศในวงเหล้าเริ่มกลับมาครึกครื้นอีกครั้ง ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ตุลมักจะเอาหน้ามาซุกซอกคอฉันบ้าง จับเส้นผมไปดมบ้าง เขานี่เริ่มแปลกขึ้นทุ
ฉันเดินมาหยุดตรงหน้าของตุลนั่นจึงทำให้สายตาของเขาเปลี่ยนมาโฟกัสฉันแทน“กลับเข้าห้องดีกว่านะ” พูดจบฉันก็จับมือหนาแล้วพาเดินกลับมาในห้องผู้หญิงคนนั้นเขามองอย่างตกใจ ดวงตาคู่นั้นเอาแต่จับจ้องฉันและตุลจนกระทั่งฉันปิดประตูเสียงดังใส่“เรากลับกันเถอะนะตุล พี่ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว” เมื่อเดินมาที่เตียงฉันก็รีบหันมาบอก แต่ทว่าตอนนี้เขากลับยังเหม่อลอย “ตุล!!” ฉันตวาดเรียกชื่อคู่หมั้นเสียงดังจนเขาสะดุ้ง “ว… ว่าไงนะ” เขาไม่ได้ฟังฉันเลยจริง ๆ “ผู้หญิงคนเมื่อกี้เป็นใครเหรอ?” ทั้งที่รู้อยู่แล้วฉันก็อยากจะถาม อยากรู้ว่าเขาจะตอบความจริงหรือโกหก “รู้อยู่แล้วจะถามทำไม” “รู้สึกยังไงที่เจอเธอ”“ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น”ฉันไม่เชื่อได้ไหมว่าเขาไม่รู้สึกอะไรเลย สายตาที่มองแบบนั้นจะให้เชื่อได้ยังไง “เรากลับกันดีกว่าไหม พี่ไม่สบายใจเลยถ้าต้องอยู่ร่วมกับแฟนเก่าของตุลแบบนั้น” ฉันพยายามใจเย็นไม่โวยวาย เพราะทั้งคู่จบกันไปแค่ไม่อยากให้ต้องเจอหน้ากันแบบนี้ “จะกลับทำไม พ่ออุตส่าห์ตั้งใจอยากให้เราสองคนมาผ่อนคลายก่อนหมั้นนะ” “แล้วจะให้พี่อยู่ร่วมกับผู้หญิงคนนั้นน่ะเหรอ”“ก็ต่างคนต่างอยู่ไง”“ตุลทำได้ไหมล่ะ ต่างค
มีเพียงพ่อของตุลที่เหมือนจะเข้าใจเหตุการณ์ในตอนนี้ แปลว่าท่านคงจะเคยเจอแฟนเก่าของตุล มันก็ไม่แปลกที่เขาจะเคยพาไปแนะนำให้พ่อรู้จัก เพราะเขารักเธอมากนี่ แต่ตอนนี้มันคืออะไร เขาดูหงุดหงิดที่เห็นแฟนเก่าของตัวเองตักอาหารให้เฮียโดยไม่สนใจความรู้สึกของฉัน “เป็นอะไรกันหรือเปล่าลูก” พ่อฉันถาม “เปล่าครับ” ตุลชิงตอบจากนั้นเขาก็นั่งลง ถึงจะยังกินข้าวไม่อิ่มแต่ตอนนี้ฉันคงไม่มีอารมณ์มากินอะไรทั้งนั้น ฉันกับตุลนั่งเงียบจนกระทั่งทุกคนแยกย้ายกันกลับเข้าบ้านเพื่อพักผ่อนในขณะที่ทุกคนเข้าบ้านกันหมดแล้วส่วนฉันกำลังเดินใช้เท้าเตะทรายเบา ๆ ริมหาดเพื่อระบายความรู้สึกที่มันอึดอัดในใจ โดยมีตุลเดินตามหลังมาเงียบ ๆ เดินอยู่แบบนี้นานเกือบครึ่งชั่วโมงแต่เขาไม่ยอมปริปากพูดอะไร จนกระทั่งฉันทนไม่ไหวฉันหยุดเดินแล้วหมุนตัวหันกลับมาประจันหน้ากับตุล เขาเองก็หยุดชะงักแต่ไม่กล้าเงยหน้ามามอง “ตอนกินข้าวตุลเป็นอะไรเหรอ บอกพี่หน่อยสิ” “…” อีกคนที่ถูกถามยังคงเงียบอยู่ น่าจะตอบกันบ้างยิ่งเงียบไปแบบนี้ฉันยิ่งเจ็บปวด “ถ้าไม่พูดพี่ก็จะคิดไปเองว่าตุลยังรู้สึกกับผู้หญิงคนนั้นอยู่” “บอกว่าไม่รู้สึกจะถามมากเพื่อ!!” เขาเงยห
ในขณะที่ร้องไห้ไม่มีแม้แต่คำปลอบใจจากคนที่กอดอยู่ เขานิ่งและเงียบเอาแต่กอดฉันเอาไว้อยู่แบบนั้นจนฉันเริ่มหยุดร้องและตั้งสติ “… ขอโทษแปลว่ายอมรับใช่ไหม ยอมรับว่ายังรักเธอใช่ไหม”“ไม่ถึงขั้นที่ยังรักอยู่ แต่ขอเวลาได้ไหมมาเจอกะทันหันแบบนี้มันตั้งตัวไม่ทันจริง ๆ”“ขอเวลาอีกแล้วเหรอตุล”ฉันถอนหายใจออกมาเพราะความเหนื่อยก่อนจะแกะมือหนาออกแล้วค่อย ๆ หมุนตัวหันมาประจันหน้า “ถ้าพี่ให้เวลากับตุลพี่จะไม่เสียใจใช่ไหม”“อืม” เขาก้มหน้าลงแล้วตอบเบา ๆ เหมือนไม่มีความมั่นใจเลย แต่ฉันกลับเต็มใจจะให้เวลาผู้ชายคนนี้ ฉันแค่คิดว่าถ้าให้เวลาเขาได้ปรับตัวมันคงดีกว่า การที่ฉันดีกับเขามาก ๆ คงทำให้เขาเกรงใจและไม่กล้าที่จะทำผิด“อื้อ พี่จะให้เวลาแต่ต้องห้ามทำให้พี่เสียความรู้สึกอย่างวันนี้อีกนะ”“จะไม่ทำอีก” ตุลเอานิ้วก้อยขึ้นมาชูตรงหน้าเพื่อให้ฉันเอานิ้วของตัวเองไปเกี่ยวกัน “พรุ่งนี้กลับกรุงเทพกันนะ ถ้าอยู่ตรงนี้แล้วไม่สบายใจก็กลับ” ครั้งนี้ตุลเป็นคนชวนกลับด้วยตัวเอง มันยิ่งทำให้ฉันมั่นใจว่าเขากำลังปรับจูนความรู้สึกของตัวเองจริง ๆ “อื้อ ขอบคุณนะที่เลือกจะทำให้พี่สบายใจ” ตุลจูบลงมาบนหน้าผากของฉันแล้วจูงมื
ผู้หญิงคนนั้นมองตุลแววตาเศร้า เธอทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้ทั้งที่เมื่อครู่เพิ่งโดนจิกหัวตบไป “พราวกลับมาเพราะอยากขอโทษ พราวถูกพ่อบังคับให้แต่งงาน ตุลช่วยพราวได้ไหมพราวไม่อยากแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น” เธอแสร้งทำเสียงเศร้าให้อีกคนสงสาร แต่ฉันกลับรู้สึกสมเพชผู้หญิงคนนี้เอามาก ๆ “คิดว่าพี่ชายฉันอยากจะแต่งงานกับเธอนักหรือไง” ฉันพูดสวนกลับเสียงดัง “กลับไป” ตุลยังคงพูดย้ำคำเดิมแต่เป็นน้ำเสียงที่แผ่วเบาไม่ได้ตวาดบอกเหมือนตอนแรก อดีตแฟนเก่าของเขาทำเป็นบีบน้ำตาก่อนจะเดินไปขึ้นรถ สังเกตว่าในตอนนี้ตุลกำมือแน่น “แค่นี้ก็หวั่นไหวแล้วเหรอ” ฉันถามคู่หมั้นของตัวเองอย่างหาเรื่อง “ก็ไล่ให้กลับไปแล้วทำขนาดนี้ยังไม่พอใจอีกรึไง” ตุลเองก็พูดเหมือนมีอารมณ์นิด ๆ เขาไม่เก็บอาการเลย แบบนี้ไม่ให้ฉันคิดมากได้ยังไง “แววตาของตุลอยากจะรั้งเธอเอาไว้มากกว่าไล่เธอกลับไปด้วยซ้ำ”“ถ้าจะชวนทะเลาะก็กลับบ้านไป” เขาตวาดบอกเบา ๆ “ไล่พี่งั้นเหรอ?” “แค่ไม่อยากทะเลาะ” “มันก็คือการไล่นั่นแหละ สิ่งที่ควรทำคือพูดกับพี่ดี ๆ สิ ผู้หญิงคนนั้นพูดอะไรตุลก็ได้ยิน จะให้พี่อยู่เฉย ๆ ยิ้มยินดีกับคำพูดแบบนั้นน่ะเหรอ”“ก็ไม่ควรใ
เช้าวันต่อมา ตื่นมาก็ไม่เจอคนที่เคยนอนอยู่ข้างๆ แล้ว โทรหาก็ไม่รับสาย วันนี้ตุลไม่ได้ไปเรียนพรุ่งนี้ก็ด้วยเขาจะไปไหนได้ ถ้าจะกลับบ้านหรืออู่ก็น่าจะทิ้งข้อความบอก เดินหาแทบทั้งบ้านในที่สุดก็เจอที่สวนดอกไม้ ทั้งที่พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันสำคัญของเราแล้วแท้ๆ แต่ตุลยังทำตัวชิวอยู่อีก อาจเป็นเพราะทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว แต่เขาก็ควรแสดงความตื่นเต้นมากกว่าการมาปลูกดอกไม้แบบนี้สิ “ว่าที่เจ้าบ่าวทำตัวชิวจังเลยนะคะ” ฉันพูดแซวก่อนที่ตุลจะหันมายิ้ม สองมือของเขาเปื้อนดินเต็มไปหมด “เขาว่าคนท้องมองดอกไม้แล้วจะทำให้อารมณ์ดีขึ้น เป็นไงอารมณ์ดีบ้างไหม?” เรื่องหาข้อมูลต้องยกให้เขาเป็นที่หนึ่งจริงๆ “อารมณ์ดีสิ แต่ตุลลืมอะไรไปหรือเปล่าเดี๋ยวเราก็ต้องย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่แล้วนะ” พ่อของตุลซื้อบ้านให้เป็นเรือนหอของเรา แต่คงต้องตกแต่งอีกสักหน่อยยังไม่ได้ย้ายไปกระทันหัน“อีกตั้งสองสามเดือนกว่าจะได้ย้ายไป จะปลูกไว้ที่นี่แล้วก็ที่บ้านหลังใหม่ด้วยเลย” “ตามใจแล้วกัน” ฉันเดินมาดูใกล้ๆ เห็นว่าตุลาตั้งใจกับการปลูกดอกไม้เอามากๆ “มา เดี๋ยวพี่ช่วยปลูก”“ไม่ต้องๆ แค่ไปนั่งให้กำลังใจตรงนั้นก็พอ” พอจะช่วยก็ถูกสั่งให้
ฉันไม่ได้แกะผ้าปิดตาออกเพราะเคลิ้มไปกับเพลงที่ตุลร้อง จนกระทั่งจบเพลง บรรยากาศกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง ไม่นานผ้าที่ปิดตาฉันก็ถูกเอาออกไป เดาไม่ยากว่าคนที่ยืนตรงหน้าฉันตอนนี้เขากำลังเขิน คงเป็นเพราะที่ผ่านมาตุลไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย แม้แต่การดีดกีตาร์ร้องเพลงฉันก็ไม่รู้ว่าเขาทำได้ “แฟนพี่ร้องเพลงเพราะนะเนี่ย ไม่เห็นเคยร้องให้ฟังบ้างเลย ^_^”“ไม่ได้ทำเป็นแต่แรกหรอก เพิ่งไปเรียนเมื่อเดือนที่แล้ว” “เรียน? หมายถึงดีดกีตาร์ร้องเพลงน่ะหรอ” “อือ” ตุลพยักหน้า ใครจะไปเชื่อ ภายในเวลาแค่เดือนเดียวเขาทำได้ขนาดนี้เชียวหรอ “คิดยังไงถึงไปเรียน” “อยากมีโมเมนต์หวานๆ กับเมียบ้าง”“ขอบคุณนะ ^_^”ฉันให้รางวัลด้วยการหอมแก้มเขาไปหนึ่งที จากนั้นก็มองไปยังโต๊ะดินเนอร์ที่ตุลเตรียมไว้ “ว้าว! นี่ตุลทำเองจริงๆ หรอเนี่ย” ถึงกับต้องตาลุกวาวเป็นประกายเมื่อเห็นโต๊ะอาหารที่ถูกจัดแต่งอย่างกับมืออาชีพมาทำด้วยตัวเอง แถมบรรยากาศรอบๆ ก็มีไฟติดอยู่หลากหลายสี สองข้างทางเดินไปที่โต๊ะมีเทียนวางอยู่เป็นทางยาว “มันดูไม่น่าเชื่อขนาดนั้น?” “เปล่า พี่แค่ไม่คิดว่าตุลจะทำออกมาสวยขนาดนี้” “ชอบไหม?”“ชอบสิ ชอบมากๆ ^_^” “หิวห
เวลาผ่านไป อีกแค่สองวันฉันกับตุลก็จะได้เข้าหอด้วยกันในฐานะสามีภรรยาแล้ว ที่ผ่านมาค่อนข้างยุ่งทั้งเรื่องเตรียมของชำร่วย เช็คความเรียบร้อยของสถานที่ ลองชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว การ์ดซองเชิญแขก มันยุ่งมากๆ ทำให้ฉันกับตุลแทบจะไม่ได้พักกันเลย ถึงแม้พ่อของเราสองคนบอกว่าจะช่วยจัดการอีกแรง แต่ในฐานะที่ฉันกับตุลเป็นเจ้าของงานก็อยากจะมีส่วนร่วม หลังจากผ่านความวุ่นวายไปแล้ววันนี้คุณแม่ท้องอ่อนอย่างฉันก็ได้พักผ่อนที่บ้านสักที ส่วนตุลก็ติดเรียน วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่แสนจะพิเศษ เพราะมีนัดดินเนอร์กินข้าวใต้แสงเทียนเพิ่มความหวานก่อนแต่งงาน แค่ได้ฟังตุลพูดฉันก็ดีใจปลื้มปริ่ม ตั้งแต่คบกันมานี่คือครั้งแรกที่เราสองคนได้ดินเนอร์ด้วยกัน ฉันสั่งของขวัญมาเซอร์ไพรส์เขาด้วยแหละ ตาตุลเห็นต้องชอบแน่ๆ ตอนนี้ฉันกำลังยืนมองดูเสื้อผ้าในตู้อย่างพิจารณา ก่อนจะหยิบมาทาบกับตัวเพื่อดูว่าจะใส่ชุดไหนดี ดินเนอร์ทั้งทีก็ต้องแต่งตัวสวยๆ หน่อยสิ ใช่ไหมล่ะ ประมาณสามชั่วโมงผ่านไป ตุลกลับมาจากมหาวิทยาลัยแล้ว วันนี้เขาดูกระตือรือร้นถือของมาเต็มไม้เต็มมือไปหมด “ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลย” “ของจัดโต๊ะ ไม่รู้จะใช้แบบไหนดีเลยซื้อมาหลายๆ
ฉันบอกให้ตุลรอที่หน้าประตูบ้านแล้วเป็นฝ่ายไปหาเขาเอง ใบหน้าที่สลดของเขาทำให้รู้สึกหมั่นไส้อยากจะหยิกสักที“เมียจ๋าเค้าขอโทษ ความหึงมันบังตา ขอโทษจริงๆ ต่อไปจะไม่คิดอะไรแบบนั้นอีก” ตุลพูดเสียงเล็กเสียงน้อยพร้อมกับทำหน้าสำนึกผิด แต่ฉันคงไม่ยอมง่ายๆ ต้องสั่งสอนสักหน่อย “ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด” ฉันยืนกอดอกวางมาดออกคำสั่ง ส่วนคนที่ได้ฟังก็ถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม “ถอดทำไม ?” “บอกให้ถอดก็ถอด ถามมาก!” “แต่ตรงนี้มีคนอยู่นะลิล ถ้าจะทำเรื่องสิบแปดบวกเราไปทำที่ห้องกันดีกว่าไหม” ความคิดนี้มันชี้ชัดได้แล้วว่าในหัวของเขามีแต่เรื่องบนเตียงจริงๆ “ใครจะทำเรื่องลามกแบบนั้นกันล่ะ” “อ้าว! แล้วให้ถอดทำไม”“ถอดเสื้อผ้าแล้วไปวิ่งรอบสนามหญ้ายี่สิบรอบ” “ละ…ลิล” ตุลเรียกชื่อฉันเสียงอ่อย สีหน้าของเขาเริ่มซีดเผือดขึ้นมาทันที “ถ้าอยากให้พี่หายโกรธก็ต้องทำ” “ถ้าทำแล้วต้องหายโกรธจริงๆ นะ”“ถอดสิ” ถึงแม้จะไม่เต็มใจแต่ตุลก็ยอมถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแค่เพียงบ็อกเซอร์สีดำตัวโปรดที่เขาชอบใส่กับเสื้อของฉันที่เขาพกติดตัวไม่ยอมวาง “ต้องถอดนี่ด้วยไหม” ตุลชี้ไปที่บ็อกเซอร์ชิ้นสุดท้ายบนร่างกายของตัวเอง “ไม่ต้อง”“ถ้าอย่างน
เมื่อคืนจำได้ว่าไม่ยอมให้ตุลดูดนมแต่ไหงตื่นเช้ามาริมฝีปากของเขาดันคาบอยู่ที่หน้าอกฉันได้ คงแอบตอนเผลอหลับแน่ๆ เช้าวันนี้ฉันอารมณ์ดีขึ้นไม่หงุดหงิดเหมือนเมื่อคืนแล้ว อย่าว่าแต่อารมณ์ของตุลแปรปรวนเลยอารมณ์ของฉันก็ไม่ต่างกัน “ตื่นได้แล้วตุล” วันนี้ไม่มีเรียนเขาจึงตื่นสายได้“อือ ขอดูดนมต่ออีกหน่อย” ดูเขาสิ ถ้าไม่ใช่แฟนฉันคงคิดว่าเป็นลูกแน่ๆ “วันนี้เราต้องไปลองชุดแต่งงานนะ”“ไปไม่ไหว เพลีย เหนื่อย อ้วกทั้งคืน” เขาบอกแล้วก็ปรือตาขึ้นมามอง ใบหน้าคมคายที่หล่อเหลาตอนนี้โทรมลงอย่างเห็นได้ชัด “อ้วกด้วยหรอเมื่อคืน” “อือ” วงแขนแกร่งกำชับกอดอย่างออดอ้อน “โทรนัดให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านดีไหม”“แบบนั้นก็ได้” ฉันพยักหน้าตอบ ให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านก็ดีเหมือนกัน สะดวกสบาย “แบบนี้จะเป็นเจ้าบ่าวไหวหรอ เลื่อนงานแต่งของเราออกไปก่อนจนกว่าตุลจะดีขึ้น……”“ไม่เลื่อน!!” ตุลตอบกลับมาเสียงแข็งทั้งที่ตอนแรกยังใช้เสียงออดอ้อนอยู่เลย “ไม่เห็นต้องเสียงแข็งใส่กันเลยนี่ พี่ตกใจนะ” “อือขอโทษครับ ก็ไม่อยากให้เลื่อนไงไม่ได้ตั้งใจขึ้นเสียงใส่สักหน่อย” “ลุกขึ้นไปอาบน้ำเลย เดี๋ยวพี่จะโทรบอกให้ร้านเสื้อเอาชุด
ตรวจคำผิดย้อนหลัง————ในเมื่อมันเป็นความต้องการของแฟนเด็กฉันก็ไม่สามารถขัดได้ และในตอนนี้ตุลกับฉันกำลังนอนบนเตียง โดยมีอุ้งปากร้อนๆ คาบเม็ดไตบนหน้าอกเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แถมยังใช้มือนวดคลึงหน้าอกอีกข้างไปด้วย “อื้อ~ อย่าดูดแรงสิตุล” ฉันร้องอุทานเบาๆ เหมือนโดนแกล้งไม่ให้หลับ พอเคลิ้มจะหลับตุลก็ดูดแรงๆ จนต้องสะดุ้ง “ดูดเบาๆ เองนะ” เขายังมีหน้ามาบอกด้วยใบหน้าทะเล้น อยากจะดีดหูสักที “ไม่ต้องเลย พี่เจ็บไปหมดแล้ว” “จะไปลองชุดเมื่อไร ใกล้จะถึงวันแต่งแล้วนะทำไมเจ้าสาวถึงยังทำตัวชิวอยู่อีก” ตุลพูดค้อน อีกไม่ถึงเดือนก็จะถึงวันที่เราสองคนได้แต่งงานกันแล้วแต่ฉันยังไม่ได้ไปลองชุด เหตุผลก็เพราะอาการที่ไม่ค่อยจะสู้ดีของเขานั่นแหละ “ถ้าอย่างนั้นเราไปพรุ่งนี้เลยก็ได้” ตุลยิ้มให้กับคำตอบของฉัน เหมือนเขารอให้พํดแบบนี้มานานแล้ว “อยากเห็นเมียใส่ชุดเจ้าสาวจะแย่ ต้องเป็นเจ้าสาวที่สุดที่สุดในโลกแน่ๆ”“พูดเวอร์เกินไปแล้วตุล” “พูดเรื่องจริง” เขาทำเมินกับคำตอบแล้วก็วับเม็ดไตบนหน้าอกของฉันไปดูดอีกครั้ง “สัญญากับพี่นะว่าจะไม่ดึงมือที่สามเข้ามาในชีวิตคู่หลังแต่งงานของเรา ถ้าพี่ต้องเสียใจเพราะตุลอีกครั้ง….”“
ฉันนั่งรอแฟนเด็กขี้งอนของตัวเองที่หายไปอยู่ในห้องน้ำนานเกือบครึ่งชั่วโมง พอออกมาก็เห็นว่าเหงื่อท้วมตัวเขาเลย แบบนี้จะให้กลั้นขำได้ยังไง โกรธไม่ลืมหูลืมตาจริงๆ “ขำอะไร” ตุลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ชวนหาเรื่อง ก่อนจะเดินมานอนที่เตียง “เหงื่อท้วมตัวแบบนั้นทำไมไม่ไปอาบน้ำก่อน” “ขี้เกียจ”“ลุกขึ้นไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลยนะ” “รังเกียจขนาดนั้น ?”“เปล่า แค่อยากให้ไปอาบน้ำจะได้สบายตัว” “ขี้เกียจ” เขาพูดย้ำคำเดิมแล้วก็ไม่สนใจ ฉันจึงคิดอะไรดีๆ ออกที่จะทำให้เขาหายงอน “แล้วถ้าพี่บอกว่าจะอาบน้ำให้ล่ะ ตุลจะยอมไปอาบไหม” ร่างหนาลุกขึ้นพรวดพราดแล้วเดินมาถอดเสื้อผ้าลงตะกร้าเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่า จากนั้นก็หันมาบอก “ไปรอในห้องน้ำนะ รีบๆ ตามมาด้วยล่ะ” ฉันที่กำลังอึ้งได้แต่พยักหน้าหงึกๆ กับอารมณ์ที่แปรปรวนของตุล เขานี่นะพอเรื่องแบบนั้นก็ยอมกันง่ายๆ ในเมื่อพูดแล้วก็ต้องทำตามที่พูด ฉันถอดเสื้อผ้าออกจนหมดแล้วหยิบผ้าขนหนูมาพันตัว จากนั้นก็เดินตามตุลมายังห้องน้ำ “หมอสั่งห้ามนะจำได้ใช่ไหม” ฉันย้ำก่อนเพราะกลัวว่าตุลจะทำอะไรที่มันเลยเถิด อารมณ์ของเขายิ่งพลุกพล่านเกินหักห้ามอยู่ด้วย “มาตรงนี้” เขาดึงผ้าขนห
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป การเป็นคนท้องนี่มันสบายแบบนี้นี่เอง เพราะตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาลวันนั้นฉันก็แทบไม่ต้องหยิบจับอะไรเลย แถมตอนไปเรียนตุลก็กำชับว่าห้ามไปไหนเด็ดขาด ห้ามขับรถ ห้ามเดินเยอะ เขาสั่งให้ฉันอยู่ในห้อง นี่เขาจริงจังถึงขั้นซื้อกล้องมาติดในห้องเพื่อดูฉันเลยนะ เรื่องท้องฉันกับตุลตกลงกันแล้วว่าจะไม่บอกทางบ้าน รอเซอร์ไพรส์วันแต่งงาน หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันแทบไม่เจอเฮียเลย ถึงแม้ปกติจะไม่ค่อยได้เจออยู่แล้วแต่ครั้งนี้มันต่างออกไป แถมเฮียยังมีท่าทางแปลกๆ มาขอชุดที่ฉันไม่ได้ใส่แล้วบอกว่าจะเอาไปบริจาค มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เฮียจะทำแบบนั้น อย่าคิดนะว่าเห็นอยู่กับฉันเฮียดูเป็นพี่ชายที่แสนดี นั่นมันก็แค่กับฉันที่เป็นน้องสาว ถ้าเป็นคนอื่นเฮียไม่เคยไว้หน้าใคร ก็คิดดูสิว่าคนที่ทำธุรกิจสีเทาได้ต้องโหดขนาดไหน หลายชั่วโมงผ่านไปที่ฉันนอนเบื่อหน่ายอยู่บนเตียงจนกระทั่งตุลกลับมา เขาถือเสื้อของฉันติดมือไม่ยอมให้ห่างเลยจริงๆ “วันนี้เรียนเหนื่อยมาก ขอชาร์จแบตหน่อย” เขาพูดเสียงอ้อนแล้วก็โอบแขนแกร่งมาสวมกอดฉันเพื่อชาร์จแบตให้กับร่างกาย“ขี้อ้อนนะเราเดี๋ยวนี้” “วันนี้ไอ้กันชวนไปวันเกิดมัน” “ว
Talk ตุล แทบทั้งคืนที่ผมไม่ได้นอนเพราะมันรู้สึกไม่สบายตัวและอยากจะอ้วกในบางครั้ง แต่เพราะไม่ได้กินอะไรเลยทำให้อ้วกก็ไม่มีอะไรออกมา ผมที่ตื่นก่อนกำลังนอนมองใบหน้าหวานของว่าที่ภรรยาในอนาคตที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องอยู่ในตอนนี้ เมื่อคืนเธอคอยตื่นมาดูอาการของผมจนแทบไม่ได้นอนเหมือนกัน “ทำตัวน่ารักขนาดนี้ไม่ให้คลั่งรักได้ยังไง” ผมพูดกับใบหน้าหวานที่กำลังนอนหลับอย่างเอ็นดู ตอนนี้มันชินแล้วที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอหน้าผู้หญิงคนนี้เป็นคนแรก วันไหนไม่ได้นอนด้วยมันรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง จุ๊บ! ผมก้มลงหอมแก้มแดงระเรื่อฟอดใหญ่ กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์มันทำให้อยากฝังจมูกอยู่แบบนั้นไม่อยากผละออกไปไหน “อื้อ~” เสียงอู้อี้ในลำคอเหมือนจะรู้สึกรำคาญที่ถูกรบกวนของคนที่กำลังนอนหลับดังขึ้นมา ผมค่อย ๆ ยกปลายจมูกออกจากแก้มนิ่ม ๆ อย่างนึกเสียดายผมจับเอาเสื้อของลิลมาพาดไว้บนบ่า ก่อนจะลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์กับบุหรี่เดินมาที่นอกระเบียง จู่ ๆ ก็ติดกลิ่นเสื้อของเมียขึ้นมา ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมและไม่สามารถอธิบายได้ ขณะที่ยืนสูบบุหรี่ก็ใช้สายตามองเข้าไปในห้องดูลิลที่กำลังนอนหลับ สมองมันคิดถึงวันแรกที่เธอตามจีบ