ยืนนิ่งไปครู่หนึ่งตุลก็ก้มลงมาเอาปากจุ๊บกับปากฉัน เขายิ้มมุมปากก่อนจะพูด “แบบนี้ใช่ไหมที่เรียกว่าการกระทำ” “บ้า จะเที่ยวจูบทุกเวลาไม่ได้นะ”ตุลไหวไหล่อย่างเจ้าเล่ห์ จากนั้นเขาก็จับมือฉันพาเดินมาร่วมวงกับเพื่อน “นี่มึงก็ใกล้หมั้นแล้วดิ” กันถามตุล “อืม” “ระวังนะมึง เขาว่าคนจะแต่งงาน หมั้น บวช มันจะมีมาร” คำเตือนของกันทำให้ฉันที่ไม่คิดอะไรแล้วกลับมาเริ่มวิตกอีกครั้ง“มารอะไรของมึงวะ” “จะไปรู้เหรอวะ โบราณเขาว่าไว้”“มึงอะเพ้อเจ้อสัตว์” ตุลส่ายหน้าไปมา เขาทำเหมือนคำเตือนของเพื่อนมันไร้สาระ“ห้ามคิดตามคำพูดมัน” คงจะเห็นว่าฉันเงียบไปเขาจึงพูดดึงสติ ฉันเองก็พยักหน้าแล้วยิ้มจาง ๆ ให้ “อย่าคิดมากนะลิล ฉันแต่งกับอลันไม่เห็นจะมีอะไรเลย”“อื้อ ๆ ฉันไม่ได้คิดมากสักหน่อย”“ไอ้เชี้ยกัน! มึงจะพูดทำลายบรรยากาศทำซากอะไรวะ” อลันบ่นเพื่อนสนิทอย่างหงุดหงิด “พี่โอเค ๆ มาชนแก้วกัน” พอสถานการณ์เริ่มตึงเครียดฉันก็ต้องรีบทำตัวให้ปกติ จะมัวคิดมากแล้วพาให้งานกร่อยไม่ได้บรรยากาศในวงเหล้าเริ่มกลับมาครึกครื้นอีกครั้ง ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ตุลมักจะเอาหน้ามาซุกซอกคอฉันบ้าง จับเส้นผมไปดมบ้าง เขานี่เริ่มแปลกขึ้นทุ
ฉันเดินมาหยุดตรงหน้าของตุลนั่นจึงทำให้สายตาของเขาเปลี่ยนมาโฟกัสฉันแทน“กลับเข้าห้องดีกว่านะ” พูดจบฉันก็จับมือหนาแล้วพาเดินกลับมาในห้องผู้หญิงคนนั้นเขามองอย่างตกใจ ดวงตาคู่นั้นเอาแต่จับจ้องฉันและตุลจนกระทั่งฉันปิดประตูเสียงดังใส่“เรากลับกันเถอะนะตุล พี่ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว” เมื่อเดินมาที่เตียงฉันก็รีบหันมาบอก แต่ทว่าตอนนี้เขากลับยังเหม่อลอย “ตุล!!” ฉันตวาดเรียกชื่อคู่หมั้นเสียงดังจนเขาสะดุ้ง “ว… ว่าไงนะ” เขาไม่ได้ฟังฉันเลยจริง ๆ “ผู้หญิงคนเมื่อกี้เป็นใครเหรอ?” ทั้งที่รู้อยู่แล้วฉันก็อยากจะถาม อยากรู้ว่าเขาจะตอบความจริงหรือโกหก “รู้อยู่แล้วจะถามทำไม” “รู้สึกยังไงที่เจอเธอ”“ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น”ฉันไม่เชื่อได้ไหมว่าเขาไม่รู้สึกอะไรเลย สายตาที่มองแบบนั้นจะให้เชื่อได้ยังไง “เรากลับกันดีกว่าไหม พี่ไม่สบายใจเลยถ้าต้องอยู่ร่วมกับแฟนเก่าของตุลแบบนั้น” ฉันพยายามใจเย็นไม่โวยวาย เพราะทั้งคู่จบกันไปแค่ไม่อยากให้ต้องเจอหน้ากันแบบนี้ “จะกลับทำไม พ่ออุตส่าห์ตั้งใจอยากให้เราสองคนมาผ่อนคลายก่อนหมั้นนะ” “แล้วจะให้พี่อยู่ร่วมกับผู้หญิงคนนั้นน่ะเหรอ”“ก็ต่างคนต่างอยู่ไง”“ตุลทำได้ไหมล่ะ ต่างค
มีเพียงพ่อของตุลที่เหมือนจะเข้าใจเหตุการณ์ในตอนนี้ แปลว่าท่านคงจะเคยเจอแฟนเก่าของตุล มันก็ไม่แปลกที่เขาจะเคยพาไปแนะนำให้พ่อรู้จัก เพราะเขารักเธอมากนี่ แต่ตอนนี้มันคืออะไร เขาดูหงุดหงิดที่เห็นแฟนเก่าของตัวเองตักอาหารให้เฮียโดยไม่สนใจความรู้สึกของฉัน “เป็นอะไรกันหรือเปล่าลูก” พ่อฉันถาม “เปล่าครับ” ตุลชิงตอบจากนั้นเขาก็นั่งลง ถึงจะยังกินข้าวไม่อิ่มแต่ตอนนี้ฉันคงไม่มีอารมณ์มากินอะไรทั้งนั้น ฉันกับตุลนั่งเงียบจนกระทั่งทุกคนแยกย้ายกันกลับเข้าบ้านเพื่อพักผ่อนในขณะที่ทุกคนเข้าบ้านกันหมดแล้วส่วนฉันกำลังเดินใช้เท้าเตะทรายเบา ๆ ริมหาดเพื่อระบายความรู้สึกที่มันอึดอัดในใจ โดยมีตุลเดินตามหลังมาเงียบ ๆ เดินอยู่แบบนี้นานเกือบครึ่งชั่วโมงแต่เขาไม่ยอมปริปากพูดอะไร จนกระทั่งฉันทนไม่ไหวฉันหยุดเดินแล้วหมุนตัวหันกลับมาประจันหน้ากับตุล เขาเองก็หยุดชะงักแต่ไม่กล้าเงยหน้ามามอง “ตอนกินข้าวตุลเป็นอะไรเหรอ บอกพี่หน่อยสิ” “…” อีกคนที่ถูกถามยังคงเงียบอยู่ น่าจะตอบกันบ้างยิ่งเงียบไปแบบนี้ฉันยิ่งเจ็บปวด “ถ้าไม่พูดพี่ก็จะคิดไปเองว่าตุลยังรู้สึกกับผู้หญิงคนนั้นอยู่” “บอกว่าไม่รู้สึกจะถามมากเพื่อ!!” เขาเงยห
ในขณะที่ร้องไห้ไม่มีแม้แต่คำปลอบใจจากคนที่กอดอยู่ เขานิ่งและเงียบเอาแต่กอดฉันเอาไว้อยู่แบบนั้นจนฉันเริ่มหยุดร้องและตั้งสติ “… ขอโทษแปลว่ายอมรับใช่ไหม ยอมรับว่ายังรักเธอใช่ไหม”“ไม่ถึงขั้นที่ยังรักอยู่ แต่ขอเวลาได้ไหมมาเจอกะทันหันแบบนี้มันตั้งตัวไม่ทันจริง ๆ”“ขอเวลาอีกแล้วเหรอตุล”ฉันถอนหายใจออกมาเพราะความเหนื่อยก่อนจะแกะมือหนาออกแล้วค่อย ๆ หมุนตัวหันมาประจันหน้า “ถ้าพี่ให้เวลากับตุลพี่จะไม่เสียใจใช่ไหม”“อืม” เขาก้มหน้าลงแล้วตอบเบา ๆ เหมือนไม่มีความมั่นใจเลย แต่ฉันกลับเต็มใจจะให้เวลาผู้ชายคนนี้ ฉันแค่คิดว่าถ้าให้เวลาเขาได้ปรับตัวมันคงดีกว่า การที่ฉันดีกับเขามาก ๆ คงทำให้เขาเกรงใจและไม่กล้าที่จะทำผิด“อื้อ พี่จะให้เวลาแต่ต้องห้ามทำให้พี่เสียความรู้สึกอย่างวันนี้อีกนะ”“จะไม่ทำอีก” ตุลเอานิ้วก้อยขึ้นมาชูตรงหน้าเพื่อให้ฉันเอานิ้วของตัวเองไปเกี่ยวกัน “พรุ่งนี้กลับกรุงเทพกันนะ ถ้าอยู่ตรงนี้แล้วไม่สบายใจก็กลับ” ครั้งนี้ตุลเป็นคนชวนกลับด้วยตัวเอง มันยิ่งทำให้ฉันมั่นใจว่าเขากำลังปรับจูนความรู้สึกของตัวเองจริง ๆ “อื้อ ขอบคุณนะที่เลือกจะทำให้พี่สบายใจ” ตุลจูบลงมาบนหน้าผากของฉันแล้วจูงมื
ผู้หญิงคนนั้นมองตุลแววตาเศร้า เธอทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้ทั้งที่เมื่อครู่เพิ่งโดนจิกหัวตบไป “พราวกลับมาเพราะอยากขอโทษ พราวถูกพ่อบังคับให้แต่งงาน ตุลช่วยพราวได้ไหมพราวไม่อยากแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น” เธอแสร้งทำเสียงเศร้าให้อีกคนสงสาร แต่ฉันกลับรู้สึกสมเพชผู้หญิงคนนี้เอามาก ๆ “คิดว่าพี่ชายฉันอยากจะแต่งงานกับเธอนักหรือไง” ฉันพูดสวนกลับเสียงดัง “กลับไป” ตุลยังคงพูดย้ำคำเดิมแต่เป็นน้ำเสียงที่แผ่วเบาไม่ได้ตวาดบอกเหมือนตอนแรก อดีตแฟนเก่าของเขาทำเป็นบีบน้ำตาก่อนจะเดินไปขึ้นรถ สังเกตว่าในตอนนี้ตุลกำมือแน่น “แค่นี้ก็หวั่นไหวแล้วเหรอ” ฉันถามคู่หมั้นของตัวเองอย่างหาเรื่อง “ก็ไล่ให้กลับไปแล้วทำขนาดนี้ยังไม่พอใจอีกรึไง” ตุลเองก็พูดเหมือนมีอารมณ์นิด ๆ เขาไม่เก็บอาการเลย แบบนี้ไม่ให้ฉันคิดมากได้ยังไง “แววตาของตุลอยากจะรั้งเธอเอาไว้มากกว่าไล่เธอกลับไปด้วยซ้ำ”“ถ้าจะชวนทะเลาะก็กลับบ้านไป” เขาตวาดบอกเบา ๆ “ไล่พี่งั้นเหรอ?” “แค่ไม่อยากทะเลาะ” “มันก็คือการไล่นั่นแหละ สิ่งที่ควรทำคือพูดกับพี่ดี ๆ สิ ผู้หญิงคนนั้นพูดอะไรตุลก็ได้ยิน จะให้พี่อยู่เฉย ๆ ยิ้มยินดีกับคำพูดแบบนั้นน่ะเหรอ”“ก็ไม่ควรใ
ฉันยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม ก่อนจะเดินผ่านหน้าของตุลออกมาจากห้อง แต่ทว่าเดินได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกรั้งแขนเอาไว้“ปล่อย” สิ้นสุดเสียงฉันก็สะบัดแขนแรง ๆ เพื่อให้หลุดจากการจับกุม แต่ก็ถูกอีกคนบีบรัดแรงขึ้น “พูดแบบนั้นหมายความว่ายังไง อะไรคือเลื่อนงานหมั้น อะไรคือยกเลิก?” เขาจ้องหน้าฉันเขม็งราวกับว่ามีความผิดมากมาย ทั้งที่ไม่ได้ผิดอะไรเลยคนที่ผิดคือเขาต่างหาก “มันก็เป็นอย่างที่ตุลต้องการไม่ใช่เหรอ” ฉันพยายามกลั้นเสียงสะอื้นถึงแม้ว่าตอนนี้หยดน้ำตาจะไหลอาบเปื้อนแก้มสองข้างก็ตาม“มันไม่ใช่แบบนั้น…” เขากำลังจะพูดต่อแต่ฉันขัดขึ้นมาก่อน “แต่สิ่งที่พี่ได้ยินมันทำให้เข้าใจว่าตอนนี้ตุลต้องการอะไร ไม่ใช่แบบนั้นแล้วเป็นแบบไหนเหรอ” “ที่พูดไปยอมรับว่าสับสนแต่ก็ไม่ได้คิดจะยกเลิกงานหมั้นไหมวะ” เขาตอบแบบใส่อารมณ์ทั้งที่ควรจะพูดดี ๆ อีกทั้งแววตาที่ดูเหมือนกำลังหงุดหงิดคู่นั้นมันคืออะไร ฉันทำผิดอะไร“พี่ให้เวลาตุลสับสนมากี่ครั้งแล้ว ถ้าถึงขนาดนี้ยังสับสนอีกแล้วพี่ต้องรอเหรอ ต้องให้เวลาตุลใช่ไหม”“ก็บอกว่าไม่อยากยกเลิกงานหมั้น” “พี่เหนื่อยแล้วตุล ที่ผ่านมาพี่พยายามจีบ พี่พยายามมาตลอด พยายามอยู่ฝ่ายเด
ถึงแม้ว่าเขาจะใช้คำพูดและน้ำเสียงที่อ่อนลงแต่ฉันก็ไม่อยากจะพูดคุยอะไรอีก เรื่องนั้นมันทำให้เจ็บจุกจนไม่อยากเห็นหน้าเขาด้วยซ้ำ ฉันสะบัดแขนออกแรง ๆ ก่อนจะจ้องหน้าตุลเขม็งแล้วตวาดเสียงดัง “อย่ามายุ่งกับพี่อีก!!” “จะให้เลิกยุ่งได้ไงวะ อีกไม่กี่วันก็จะหมั้นกันแล้วอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้ไหม”“อ๋อ! นี่พี่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่งั้นเหรอ” “ก็ใช่ไง”“ถ้ามาแล้วพูดแบบนี้คราวหน้าอย่าโผล่หน้ามาให้เห็นอีกนะ” ฉันหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมาแล้วจับมันนัดใส่มือของไนท์“พี่ฝากจ่ายหน่อยนะไนท์” พูดจบฉันก็เดินออกจากร้านเหล้าตรงมายังรถของตัวเอง เมื่อเข้ามาในรถก็สตาร์ทเตรียมจะขับออกไปจากร้านแต่ดันถูกตุลมายืนขวางหน้ารถเอาไว้ แสงไฟหน้ารถสาดส่องไปตรงร่างของตุลที่ยืนจ้องมาที่ฉัน สายตาของเขาแน่วแน่ไม่มีท่าทีว่าจะหลบให้เลยสักนิด ฉันพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินมาหาคนที่ยืนดักหน้ารถอยู่ จากนั้นก็ฟาดมือไปที่หน้าเขาเต็มแรง “จะคุยกันดี ๆ ได้หรือยัง” เพี๊ยะ! สิ้นสุดคำถามนั้นฉันก็ตบหน้าเขาอีกครั้ง “ถ้าตบจนพอใจแล้ว…” ไม่รอให้พูดจบฉันรีบฟาดมือลงบนใบหน้าเขาทันทีเป็นครั้งที่สาม “ตอบมาสิว่าตอนนี้ต
Talk ตุลผมกลับมาที่อู่แทนที่จะกลับบ้าน วันนี้ตั้งใจจะพูดกับลิลดี ๆ แต่พอเห็นว่าเธออยู่กับไอ้นั่นมันก็ทำให้โกรธจนระงับอารมณ์ไม่ได้ ผมยอมรับความผิดที่ตัวเองสับสนเพราะการที่พราวกับมาทำให้ความรู้สึกเก่า ๆ ของผมมันหวนคืนอีกครั้ง เธอคือผู้หญิงที่ผมรักและเป็นผู้หญิงที่ทิ้งผมไปอย่างไม่เหลือเยื่อใย การกลับมาเจอกันอีกครั้งทำให้หัวใจของผมมันเต้นแรง แต่มันไม่ใช่ความรู้สึกที่อยากจะให้ความสัมพันธ์ของเรากลับมาเป็นเหมือนเดิม ผมก็ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ได้ ยอมรับความผิดที่วันนั้นผมคุยกับพราวลับหลังลิล ตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าทำแบบนั้นไปทำไม ในหัวมันเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย ผมแค่อยากให้ลิลให้เวลาผมอีกสักนิดเพื่อปรับตัว แต่เธอกลับมาได้ยินสิ่งที่ผมคุยกับไอ้กัน ทุกอย่างที่พูดมันทำให้เธอคิดว่าผมยังมีใจให้คนเก่า และตอนนั้นผมก็ไม่สามารถแสดงความชัดเจนให้เธอมั่นใจได้ หน้ามันชาเมื่อได้ยินคำพูดที่บอกว่าจะยกเลิกงานหมั้น ในหัวของผมคิดแค่ว่าเรื่องแค่นี้ถึงกับจะยกเลิกงานหมั้นเลยหรือไง ทั้งที่ผมก็แค่คุยเท่านั้นไม่ได้กลับไปมีความสัมพันธ์กับแฟนเก่า ผมให้เวลาเธออย่างที่เคยทำเพราะคิดว่าถ้าปล่อยให้เธอกลับบ้า