ด้วยนิสัยที่ฉันมักจะยอมให้ตุลทุก ๆ ครั้ง ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ครั้งนี้ก็เหมือนกัน… ฉันยอมเขา เสื้อผ้าของฉันและตุลหลุดออกไปจากร่างกายทีละชิ้น ๆ ในตอนนี้เราทั้งคู่เปลือยเปล่า ริมฝีปากหนาก้มลงมาตะโบมดูดเลียหน้าอกทั้งสองเต้าสลับกันพร้อมกับใช้มือบีบเคล้น เสียงหายใจของเราทั้งคู่มันดังขึ้นมาเรื่อย ๆ บ่งบอกถึงความต้องการที่มันพลุ่งพล่านในร่างกายตอนนี้ ตุลลากไล้ริมฝีปากขึ้นมาที่ซอกคอ เขาขบเม้มแล้วกัดเบา ๆ ก่อนจะขยับเลื่อนขึ้นมาที่ใบหู ลิ้นสากตวัดเลียใบหูของฉันจนเปียกชุ่มปิดท้ายด้วยการงับเบา ๆ แล้วลากไล้ริมฝีปากมาที่พวงแก้ม เขาค่อย ๆ พรมจูบอย่างนุ่มนวลไปจนทั่วใบหน้าของฉัน “พี่ขอทำให้ตุลได้ไหม” กว่าจะรวบรวมความกล้าเพื่อขออะไรแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็อยากลองทำให้เขาดูสักครั้ง “อยากทำ?” ตุลขมวดคิ้ว เขาคงไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้ แล้วก็ไม่เคยขอร้องให้ฉันทำ“อ… อื้อ” หลังจากพยักหน้าตอบ ตุลก็ผละตัวขึ้นเปลี่ยนท่าเป็นนอนหงาย แก่นกายใหญ่ที่ไร้เครื่องป้องกันสวมใส่มันผงาดได้ที่ ฉันค่อย ๆ เอื้อมมือมาจับเจ้าความใหญ่ยาว แน่นอนว่ามือเล็ก ๆ จะไปกำมันรอบได้ยังไงไม่มีทาง แก่นกายขนาดใหญ่ตรงหน้าทำให้ฉันอึ้
หลังจากใส่เสื้อผ้าแล้วฉันก็เข้าแอปสั่งอาหาร วันนี้รู้สึกอยากกินส้มตำมาก ๆ ก็เลยสั่ง ส้มตำ ข้าวเหนียว ไก่ย่างมากิน ตุลที่เดินออกไปข้างนอกกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับกลิ่นบุหรี่จาง ๆ ที่ติดตัวเขามาด้วย “พี่สั่งส้มตำมากินนะ” ฉันละสายตาจากจอมือถือแล้วถามต่อ “กินได้ใช่ไหม?”“แพ้ปลาร้า” เขาตอบพร้อมกับหยิบเสื้อผ้าของตัวเองมาสวมใส่ จะว่าไปฉันก็ไม่เคยถามเลยว่าเขากินอะไรได้บ้างไม่ได้บ้าง เรื่องแพ้ปลาร้าก็ไม่เคยรู้มาก่อน “งั้นให้พี่สั่งแบบไม่ต้องใส่ปลาร้าไหม” “ยังไม่หิว” ฉันถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ไม่ใช่ว่าไม่หิวหรอก เขาแค่กำลังโกรธฉันอยู่ก็เท่านั้นเองตุลรีบแต่งตัวออกไปจากห้อง ฉันแอบดูที่หน้าต่างเห็นว่าเขาเดินไปซ่อมรถต่อ นับถือใจเขานะ ทั้งที่ฐานะทางบ้านรวยมาก ๆ ตัวเองก็มีเงินแถมยังมีรถหรูขับ แต่การใช้ชีวิตของเขาช่างติดดิน แสนจะธรรมดา ในขณะที่กำลังมองตุลผ่านหน้าต่างภายในห้อง เห็นว่ากันกับอลันขับรถมาจอด สีหน้าเขาสองคนค่อนข้างซีเรียส ไม่รู้เดินไปคุยอะไรกับตุล ฉันได้แต่มองสามคนนั้นคุยกัน อยากจะรู้เรื่องที่พวกเขาคุยกันจัง ทั้งสามคนคุยกันนานเกือบยี่สิบนาทีได้ ก่อนที่กันกับอลันจะขับรถกลับไป ตุลเดิน
ตอนนี้กันกับผู้ชายคนนั้นกำลังจะชกต่อยกันแล้ว ฉันไม่มีกระจิตกระใจจะห้ามหรืออะไร ตอนนี้ฉันรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งตามกลุ่มเพื่อนของตุลไป ฉันวิ่งมาทั้งที่สั่นไปทั้งตัว พอเห็นภาพตุลที่นอนหมดสติมันก็เริ่มทำอะไรไม่ถูกอีกครั้ง ฉันนั่งลงข้าง ๆ ร่างของตุล จากนั้นก็ร้องไห้ออกมาเสียงดัง “อึก~ อย่าเป็นอะไรนะ”“คนบ้า อึก~ พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ลงแข่ง มันอันตรายทำไมไม่ฟังกันบ้าง อึก~” หัวใจดวงน้อยมันถูกแบบอัดแน่น ใจจะขาดอยู่แล้วตอนนี้ เพื่อนของตุลรีบโทรเรียกรถพยาบาล ส่วนฉันก็ร้องไห้กับร่างที่หมดสติของตุลจนตาบวม #โรงพยาบาล ฉันกับเพื่อนของตุลนั่งรอที่หน้าห้องฉุกเฉิน ตุลได้รับบาดเจ็บที่กระดูกแขนและขาต้องได้เข้าเฝือก เขาปลอดภัย ตั้งแต่ที่สนามแข่งจนมาถึงตอนนี้ก็ยังไม่หยุดร้องไห้ “กูจะไปจัดการพวกมัน” กันพูดขึ้นอย่างคับแค้นใจ“มึงใจเย็นก่อนไอ้กัน เรื่องนี้กูว่าพ่อไอ้ตุลคงตัดการแน่ ๆ มึงก็รู้ว่าพ่อมันโหด ไอ้พวกนั้นคงไม่รอด”คำพูดของเพื่อนอีกคนทำให้กันเริ่มสงบสติอารมณ์ได้ ระหว่างที่คุยกันอลันกับแพรก็มา “ลิลแกโอเคไหม” แพรรีบเดินมานั่งลงข้าง ๆ แล้วดึงฉันไปกอด กอดของเพื่อนยิ่งทำให้ฉันร้องไห้หนักกว่าเดิม “
ผู้หญิงคนนั้นเดินออกไปจากห้องด้วยใบหน้าที่แตกยับจนหมอไม่รับเย็บ เธอตั้งใจมาเยี่ยมแต่โดนไล่แบบนี้เป็นฉันคงจะอายมากเหมือนกัน “ยิ้มอะไร?” ตุลเลิกคิ้วถามฉันที่กำลังยืนยิ้มอยู่ “เปล่ายิ้มสักหน่อย” ฉันรีบหุบยิ้มแล้วเดินมาเทน้ำใส่แก้วดื่มแก้เขิน“แค่ยอมรับว่ายิ้มมันยากตรงไหน” ตุลพูดในเชิงบ่น เขาดูออกว่าฉันเขินแต่ก็ยังแกล้งแหย่ “จะมีผู้หญิงมาเยี่ยมอีกหรือเปล่า?” ฉันถามเปลี่ยนเรื่อง “ไม่มี”“แน่นะ”“ถ้ามีก็จัดการได้เลย” “ให้พี่จัดการตุลเหรอ” ฉันวางแก้วน้ำแล้วยกแขนขึ้นมากอดอกจ้องคนป่วยที่กำลังนอนหน้านิ่ง “เจ็บขนาดนี้ถ้าทำลงก็เชิญ” “กับผู้หญิงคนเมื่อกี้ได้ติดต่อกับเธออยู่หรือเปล่า” “ไม่” “เชื่อได้?” ฉันถามอย่างไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาอาจจะโกหกอยู่ก็ได้ แต่คิดในอีกมุมการที่ตุลพูดหักหน้าผู้หญิงคนนั้นมันก็ชัดเจนแล้ว ฉันที่คิดมากไปเอง “จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ ไม่บังคับ”“อื้อ พี่เชื่อ” ฉันเดินกลับมายืนข้างเตียงที่ตุลนอนอยู่ ก่อนจะถาม “ให้พี่กลับไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้านได้หรือยัง” “เปิดทีวีให้ดูหน่อย” เขาเมินคำถามของฉันแล้วออกคำสั่ง ซึ่งฉันเองก็ทำตามอย่างว่าง่าย “พี่ไปไม่นานหรอก…” “อ
ทันทีที่ถูกถามฉันก็สะอึกไปไม่เป็น ไม่ทันคิดคำตอบและคิดไม่ถึงว่าตุลจะได้กลิ่นเพราะดื่มไปแค่แก้วเดียวเอง ถ้าบอกว่าไปเจอไนท์มาตุลจะต้องโกรธมากแน่ ๆ ฉันควรตอบอย่างอื่น “ถามทำไมไม่ตอบ!!” พอเห็นว่าฉันเงียบเขาก็ตวาดเสียงดัง“ก็ ก็จะตอบอยู่นี่ไง” ตัวมันสั่นเทา สายตาของเขามันน่ากลัวจริง ๆ นะ “รอฟังอยู่” ครั้งนี้ตุลบอกเสียงเย็น เป็นน้ำเสียงที่ทำให้ขนทั้งตัวของฉันมันลุกซู่ เร่งอยู่ได้ ฉันกำลังคิดหาคำตอบอยู่นี่ไง “ก่อนมาพี่ดื่มกับเฮียน่ะ แต่ดื่มแค่แก้วเดียวเองนะไม่คิดว่าจะได้กลิ่น” ตุลมองฉันอย่างไม่เชื่อเต็มร้อย ข้ออ้างของฉันมันฟังไม่ขึ้นงั้นเหรอ “พี่พูดจริง ๆ นะ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องโกหกเลย” ฉันยืนยันเสียงแข็งอีกครั้งแววตาที่แข็งกร้าวจึงเริ่มอ่อนลง “อืม” มันโล่งอกที่เห็นว่าตุลพยักหน้าตอบ หมายความว่าเขาเชื่อฉันแล้ว “ดึกแล้วนอนเถอะ พี่จะอาบน้ำนอนแล้วเหมือนกัน” “จะนอนยังไง?” ตุลเลิกคิ้วถาม “โซฟาไง” ฉันชี้ไปที่โซฟา “มานอนบนเตียง” เขาบอกแถมยังพยายามจะขยับตัว ท่าทางแบบนั้นทำให้ฉันยิ้มออกมา นี่น่ะหรอผู้ชายที่เคยเย็นชาและใจร้าย ตอนนี้เขาเริ่มน่ารักขึ้นเยอะเลยนะ ถึงแม้บางครั้งจะซึน ๆ บ้างก็เ
สิ้นสุดคำพูดของไนท์ตุลก็กดตัดสายทิ้ง เขากำโทรศัพท์ในมือแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นที่มือ น่ากลัวว่าโทรศัพท์จะแตกละเอียดคามือเขาจริง ๆ “เมื่อวานไปหามันที่บ้าน?” ตุลถามเสียงเย็น เขาขบกรามแน่นเอาแต่จ้องหน้า นี่ถ้าลุกขึ้นมาได้ฉันคงเจอกระชากจนแขนหลุดแน่ ๆ จะนับว่าเป็นความโชคดีของฉันที่เขานอนใส่เฝือกอยู่แบบนี้ก็ได้“พ… พี่อธิบายได้นะตุล” ฉันบอกเสียงสั่น ค่อย ๆ ถอยห่างไม่กล้าไปยืนใกล้ “ที่มาช้าเพราะมัวแต่ไปอยู่กับมัน?” ตอนนี้ตุลเอาแต่ถาม เป็นคำถามที่เหมือนไม่อยากได้คำตอบจากฉันสักเท่าไหร่ “คงจะมัวแต่ ล่ำ… ลา กัน” เขาเว้นคำพูดที่กำกวมเอาไว้ให้คิดไปถึงไหนต่อไหน ทั้งที่ความจริงมันไม่ได้มีอะไร “ฟังพี่ก่อนนะตุล” “ออกไป จะไปไหนก็ไป!!” ตุลตวาดบอก เขาเมินหน้าหนีไม่ยอมรับฟังอะไรจากฉัน “อย่าเป็นแบบนี้สิ เราพึ่งเริ่มกันเองนะมันจะจบแล้วเหรอ” ฉันถามเสียงสั่นเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรฉันก็ยังไม่อยากให้มันจบแค่นี้ ที่ผ่านมาถึงจะเป็นเวลาแค่สั้น ๆ ที่ตุลดีกับฉัน แต่มันทำให้มีความสุขมากเลยนะ “ใครที่ทำ? ใครที่โกหก?” “พี่ขอโทษที่โกหก แต่มันไม่มีอะไรเลยจริง ๆ”“ถ้าไม่มีอะไรแล้วจะโกหกท
ฉันถือแก้วน้ำตัวแข็งทื่อ ไม่ได้ใช้ปากป้อนตามที่ตุลต้องการ “หิวน้ำ” เขาพูดย้ำอีกรอบแต่ไม่ได้มองที่แก้วน้ำ สายตาคู่นั้นจับจ้องมองริมฝีปากของฉันแทน “โกรธพี่อยู่ไม่ใช่หรือไง” “ถ้าอยากให้หายโกรธก็รีบป้อนน้ำ เร็ว ๆ” เขาย้ำแต่จะให้ฉันป้อนน้ำอย่างเดียวเลย “แต่พี่ไม่ได้ผิดสักหน่อย”“ผิด ผิดที่โกหก ผิดที่ไปหามัน” พอพูดถึงเรื่องนั้นตุลก็ใช้น้ำเสียงที่แข็งกร้าวขึ้นมาทันที “ใช่พี่ผิดเรื่องนั้น แต่อธิบายเหตุผลไปแล้วนี่ตุลไม่เชื่อเอง”“ป้อนน้ำด้วยปากแล้วจะเชื่อ” “เจ้าเล่ห์นักนะ” ฉันมองค้อนตุล ก่อนจะมองแก้วน้ำอย่างคิดหนัก ถ้าอยากจบปัญหาก็ต้องทำ ไม่ทำเหตุการณ์มันก็จะอึดอัดแบบก่อนหน้านี้ ฉันตัดสินใจยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม จากนั้นก็ใช้มือประคองใบหน้าของตุล ก่อนจะค่อย ๆ ก้มลงเพื่อจะป้อนน้ำให้เขาทางปาก แต่!!! ยังไม่ทันที่ริมฝีปากจะแตะกันเสียงเปิดประตูห้องก็ดังขึ้นมา ฉันรีบผละใบหน้าออกแล้วกลืนน้ำลงคอ คุณพยาบาลวัยสามสิบกลาง ๆ เดินมาตรวจอาการของตุล เธอมองเราทั้งคู่ก่อนจะพูด “พยายามอย่าขยับร่างกายเยอะนะคะ” “ครับ” “เรื่องบนเตียงให้พักไปก่อนนะคะ คนไข้ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้จนกว่าจะหายดี” พอได้ยินคำเต
#เช้าวันต่อมา ฉันอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปรับเควินที่สนามบิน ทุกการกระทำตกอยู่ในสายตาตุล เขาจ้องมองอย่างไม่ละสายตา ทำให้ฉันคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำเอาหน้าร้อนผ่าว“ให้เวลาหนึ่งชั่วโมง” “พี่ไปสนามบินนะไม่ใช่กลับบ้าน เวลาแค่นั้นจะไปพออะไร” ฉันเถียงกลับเมื่อถูกกำหนดเวลา ส่วนตุลก็ทำเป็นหูทวนลม ช่วงนี้เขาค่อนข้างเอาแต่ใจ“พี่ไปแล้วนะ” พอเห็นว่าคนที่นอนอยู่ไม่ตอบอะไรฉันจึงเดินมาหยิบกระเป๋าสะพายแล้วเดินออกจากห้อง #สนามบิน “ฮายเบบี้” ยืนรอไม่นานเควินก็เดินมา เขากอดคอฉันแล้วยกมือขึ้นมายีผมจนยุ่งเหยิง “อื้อ! ผมฉันยุ่งหมดแล้วนะ” “ไม่คิดว่าเธอจะมารับฉันได้” “รอบนี้มาทำธุระอะไรล่ะ ทำไมถึงกระทันหันแบบนี้” ฉันถามเพื่อนเพราะแปลกใจที่เขาเปลี่ยนไฟล์บิน “ธุรกิจครอบครัว” “อื้อ ไปกันเถอะ” ฉันเดินนำเควินมาที่รถของตัวเองที่จอดไว้ “เธอดูแฮปปี้กับคู่หมั้น ไหนบอกว่าไม่อยากหมั้นไงล่ะ?” หลังจากขึ้นมาบนรถแล้วเควินก็ยิงคำถามใส่ทันที “เพราะคนที่หมั้นด้วยคือคนที่ฉันรักไงล่ะ” “รัก?” “อื้อ” “ชักอยากจะเห็นหน้าผู้ชายที่น่าอิจฉาคนนั้นแล้วละสิ” เควินหันมาบอก เขาคงจำตุลไม่ได้และฉันก็ไม่เคยเล่าเรื่อ
เช้าวันต่อมา ตื่นมาก็ไม่เจอคนที่เคยนอนอยู่ข้างๆ แล้ว โทรหาก็ไม่รับสาย วันนี้ตุลไม่ได้ไปเรียนพรุ่งนี้ก็ด้วยเขาจะไปไหนได้ ถ้าจะกลับบ้านหรืออู่ก็น่าจะทิ้งข้อความบอก เดินหาแทบทั้งบ้านในที่สุดก็เจอที่สวนดอกไม้ ทั้งที่พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันสำคัญของเราแล้วแท้ๆ แต่ตุลยังทำตัวชิวอยู่อีก อาจเป็นเพราะทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว แต่เขาก็ควรแสดงความตื่นเต้นมากกว่าการมาปลูกดอกไม้แบบนี้สิ “ว่าที่เจ้าบ่าวทำตัวชิวจังเลยนะคะ” ฉันพูดแซวก่อนที่ตุลจะหันมายิ้ม สองมือของเขาเปื้อนดินเต็มไปหมด “เขาว่าคนท้องมองดอกไม้แล้วจะทำให้อารมณ์ดีขึ้น เป็นไงอารมณ์ดีบ้างไหม?” เรื่องหาข้อมูลต้องยกให้เขาเป็นที่หนึ่งจริงๆ “อารมณ์ดีสิ แต่ตุลลืมอะไรไปหรือเปล่าเดี๋ยวเราก็ต้องย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่แล้วนะ” พ่อของตุลซื้อบ้านให้เป็นเรือนหอของเรา แต่คงต้องตกแต่งอีกสักหน่อยยังไม่ได้ย้ายไปกระทันหัน“อีกตั้งสองสามเดือนกว่าจะได้ย้ายไป จะปลูกไว้ที่นี่แล้วก็ที่บ้านหลังใหม่ด้วยเลย” “ตามใจแล้วกัน” ฉันเดินมาดูใกล้ๆ เห็นว่าตุลาตั้งใจกับการปลูกดอกไม้เอามากๆ “มา เดี๋ยวพี่ช่วยปลูก”“ไม่ต้องๆ แค่ไปนั่งให้กำลังใจตรงนั้นก็พอ” พอจะช่วยก็ถูกสั่งให้
ฉันไม่ได้แกะผ้าปิดตาออกเพราะเคลิ้มไปกับเพลงที่ตุลร้อง จนกระทั่งจบเพลง บรรยากาศกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง ไม่นานผ้าที่ปิดตาฉันก็ถูกเอาออกไป เดาไม่ยากว่าคนที่ยืนตรงหน้าฉันตอนนี้เขากำลังเขิน คงเป็นเพราะที่ผ่านมาตุลไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย แม้แต่การดีดกีตาร์ร้องเพลงฉันก็ไม่รู้ว่าเขาทำได้ “แฟนพี่ร้องเพลงเพราะนะเนี่ย ไม่เห็นเคยร้องให้ฟังบ้างเลย ^_^”“ไม่ได้ทำเป็นแต่แรกหรอก เพิ่งไปเรียนเมื่อเดือนที่แล้ว” “เรียน? หมายถึงดีดกีตาร์ร้องเพลงน่ะหรอ” “อือ” ตุลพยักหน้า ใครจะไปเชื่อ ภายในเวลาแค่เดือนเดียวเขาทำได้ขนาดนี้เชียวหรอ “คิดยังไงถึงไปเรียน” “อยากมีโมเมนต์หวานๆ กับเมียบ้าง”“ขอบคุณนะ ^_^”ฉันให้รางวัลด้วยการหอมแก้มเขาไปหนึ่งที จากนั้นก็มองไปยังโต๊ะดินเนอร์ที่ตุลเตรียมไว้ “ว้าว! นี่ตุลทำเองจริงๆ หรอเนี่ย” ถึงกับต้องตาลุกวาวเป็นประกายเมื่อเห็นโต๊ะอาหารที่ถูกจัดแต่งอย่างกับมืออาชีพมาทำด้วยตัวเอง แถมบรรยากาศรอบๆ ก็มีไฟติดอยู่หลากหลายสี สองข้างทางเดินไปที่โต๊ะมีเทียนวางอยู่เป็นทางยาว “มันดูไม่น่าเชื่อขนาดนั้น?” “เปล่า พี่แค่ไม่คิดว่าตุลจะทำออกมาสวยขนาดนี้” “ชอบไหม?”“ชอบสิ ชอบมากๆ ^_^” “หิวห
เวลาผ่านไป อีกแค่สองวันฉันกับตุลก็จะได้เข้าหอด้วยกันในฐานะสามีภรรยาแล้ว ที่ผ่านมาค่อนข้างยุ่งทั้งเรื่องเตรียมของชำร่วย เช็คความเรียบร้อยของสถานที่ ลองชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว การ์ดซองเชิญแขก มันยุ่งมากๆ ทำให้ฉันกับตุลแทบจะไม่ได้พักกันเลย ถึงแม้พ่อของเราสองคนบอกว่าจะช่วยจัดการอีกแรง แต่ในฐานะที่ฉันกับตุลเป็นเจ้าของงานก็อยากจะมีส่วนร่วม หลังจากผ่านความวุ่นวายไปแล้ววันนี้คุณแม่ท้องอ่อนอย่างฉันก็ได้พักผ่อนที่บ้านสักที ส่วนตุลก็ติดเรียน วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่แสนจะพิเศษ เพราะมีนัดดินเนอร์กินข้าวใต้แสงเทียนเพิ่มความหวานก่อนแต่งงาน แค่ได้ฟังตุลพูดฉันก็ดีใจปลื้มปริ่ม ตั้งแต่คบกันมานี่คือครั้งแรกที่เราสองคนได้ดินเนอร์ด้วยกัน ฉันสั่งของขวัญมาเซอร์ไพรส์เขาด้วยแหละ ตาตุลเห็นต้องชอบแน่ๆ ตอนนี้ฉันกำลังยืนมองดูเสื้อผ้าในตู้อย่างพิจารณา ก่อนจะหยิบมาทาบกับตัวเพื่อดูว่าจะใส่ชุดไหนดี ดินเนอร์ทั้งทีก็ต้องแต่งตัวสวยๆ หน่อยสิ ใช่ไหมล่ะ ประมาณสามชั่วโมงผ่านไป ตุลกลับมาจากมหาวิทยาลัยแล้ว วันนี้เขาดูกระตือรือร้นถือของมาเต็มไม้เต็มมือไปหมด “ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลย” “ของจัดโต๊ะ ไม่รู้จะใช้แบบไหนดีเลยซื้อมาหลายๆ
ฉันบอกให้ตุลรอที่หน้าประตูบ้านแล้วเป็นฝ่ายไปหาเขาเอง ใบหน้าที่สลดของเขาทำให้รู้สึกหมั่นไส้อยากจะหยิกสักที“เมียจ๋าเค้าขอโทษ ความหึงมันบังตา ขอโทษจริงๆ ต่อไปจะไม่คิดอะไรแบบนั้นอีก” ตุลพูดเสียงเล็กเสียงน้อยพร้อมกับทำหน้าสำนึกผิด แต่ฉันคงไม่ยอมง่ายๆ ต้องสั่งสอนสักหน่อย “ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด” ฉันยืนกอดอกวางมาดออกคำสั่ง ส่วนคนที่ได้ฟังก็ถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม “ถอดทำไม ?” “บอกให้ถอดก็ถอด ถามมาก!” “แต่ตรงนี้มีคนอยู่นะลิล ถ้าจะทำเรื่องสิบแปดบวกเราไปทำที่ห้องกันดีกว่าไหม” ความคิดนี้มันชี้ชัดได้แล้วว่าในหัวของเขามีแต่เรื่องบนเตียงจริงๆ “ใครจะทำเรื่องลามกแบบนั้นกันล่ะ” “อ้าว! แล้วให้ถอดทำไม”“ถอดเสื้อผ้าแล้วไปวิ่งรอบสนามหญ้ายี่สิบรอบ” “ละ…ลิล” ตุลเรียกชื่อฉันเสียงอ่อย สีหน้าของเขาเริ่มซีดเผือดขึ้นมาทันที “ถ้าอยากให้พี่หายโกรธก็ต้องทำ” “ถ้าทำแล้วต้องหายโกรธจริงๆ นะ”“ถอดสิ” ถึงแม้จะไม่เต็มใจแต่ตุลก็ยอมถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแค่เพียงบ็อกเซอร์สีดำตัวโปรดที่เขาชอบใส่กับเสื้อของฉันที่เขาพกติดตัวไม่ยอมวาง “ต้องถอดนี่ด้วยไหม” ตุลชี้ไปที่บ็อกเซอร์ชิ้นสุดท้ายบนร่างกายของตัวเอง “ไม่ต้อง”“ถ้าอย่างน
เมื่อคืนจำได้ว่าไม่ยอมให้ตุลดูดนมแต่ไหงตื่นเช้ามาริมฝีปากของเขาดันคาบอยู่ที่หน้าอกฉันได้ คงแอบตอนเผลอหลับแน่ๆ เช้าวันนี้ฉันอารมณ์ดีขึ้นไม่หงุดหงิดเหมือนเมื่อคืนแล้ว อย่าว่าแต่อารมณ์ของตุลแปรปรวนเลยอารมณ์ของฉันก็ไม่ต่างกัน “ตื่นได้แล้วตุล” วันนี้ไม่มีเรียนเขาจึงตื่นสายได้“อือ ขอดูดนมต่ออีกหน่อย” ดูเขาสิ ถ้าไม่ใช่แฟนฉันคงคิดว่าเป็นลูกแน่ๆ “วันนี้เราต้องไปลองชุดแต่งงานนะ”“ไปไม่ไหว เพลีย เหนื่อย อ้วกทั้งคืน” เขาบอกแล้วก็ปรือตาขึ้นมามอง ใบหน้าคมคายที่หล่อเหลาตอนนี้โทรมลงอย่างเห็นได้ชัด “อ้วกด้วยหรอเมื่อคืน” “อือ” วงแขนแกร่งกำชับกอดอย่างออดอ้อน “โทรนัดให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านดีไหม”“แบบนั้นก็ได้” ฉันพยักหน้าตอบ ให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านก็ดีเหมือนกัน สะดวกสบาย “แบบนี้จะเป็นเจ้าบ่าวไหวหรอ เลื่อนงานแต่งของเราออกไปก่อนจนกว่าตุลจะดีขึ้น……”“ไม่เลื่อน!!” ตุลตอบกลับมาเสียงแข็งทั้งที่ตอนแรกยังใช้เสียงออดอ้อนอยู่เลย “ไม่เห็นต้องเสียงแข็งใส่กันเลยนี่ พี่ตกใจนะ” “อือขอโทษครับ ก็ไม่อยากให้เลื่อนไงไม่ได้ตั้งใจขึ้นเสียงใส่สักหน่อย” “ลุกขึ้นไปอาบน้ำเลย เดี๋ยวพี่จะโทรบอกให้ร้านเสื้อเอาชุด
ตรวจคำผิดย้อนหลัง————ในเมื่อมันเป็นความต้องการของแฟนเด็กฉันก็ไม่สามารถขัดได้ และในตอนนี้ตุลกับฉันกำลังนอนบนเตียง โดยมีอุ้งปากร้อนๆ คาบเม็ดไตบนหน้าอกเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แถมยังใช้มือนวดคลึงหน้าอกอีกข้างไปด้วย “อื้อ~ อย่าดูดแรงสิตุล” ฉันร้องอุทานเบาๆ เหมือนโดนแกล้งไม่ให้หลับ พอเคลิ้มจะหลับตุลก็ดูดแรงๆ จนต้องสะดุ้ง “ดูดเบาๆ เองนะ” เขายังมีหน้ามาบอกด้วยใบหน้าทะเล้น อยากจะดีดหูสักที “ไม่ต้องเลย พี่เจ็บไปหมดแล้ว” “จะไปลองชุดเมื่อไร ใกล้จะถึงวันแต่งแล้วนะทำไมเจ้าสาวถึงยังทำตัวชิวอยู่อีก” ตุลพูดค้อน อีกไม่ถึงเดือนก็จะถึงวันที่เราสองคนได้แต่งงานกันแล้วแต่ฉันยังไม่ได้ไปลองชุด เหตุผลก็เพราะอาการที่ไม่ค่อยจะสู้ดีของเขานั่นแหละ “ถ้าอย่างนั้นเราไปพรุ่งนี้เลยก็ได้” ตุลยิ้มให้กับคำตอบของฉัน เหมือนเขารอให้พํดแบบนี้มานานแล้ว “อยากเห็นเมียใส่ชุดเจ้าสาวจะแย่ ต้องเป็นเจ้าสาวที่สุดที่สุดในโลกแน่ๆ”“พูดเวอร์เกินไปแล้วตุล” “พูดเรื่องจริง” เขาทำเมินกับคำตอบแล้วก็วับเม็ดไตบนหน้าอกของฉันไปดูดอีกครั้ง “สัญญากับพี่นะว่าจะไม่ดึงมือที่สามเข้ามาในชีวิตคู่หลังแต่งงานของเรา ถ้าพี่ต้องเสียใจเพราะตุลอีกครั้ง….”“
ฉันนั่งรอแฟนเด็กขี้งอนของตัวเองที่หายไปอยู่ในห้องน้ำนานเกือบครึ่งชั่วโมง พอออกมาก็เห็นว่าเหงื่อท้วมตัวเขาเลย แบบนี้จะให้กลั้นขำได้ยังไง โกรธไม่ลืมหูลืมตาจริงๆ “ขำอะไร” ตุลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ชวนหาเรื่อง ก่อนจะเดินมานอนที่เตียง “เหงื่อท้วมตัวแบบนั้นทำไมไม่ไปอาบน้ำก่อน” “ขี้เกียจ”“ลุกขึ้นไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลยนะ” “รังเกียจขนาดนั้น ?”“เปล่า แค่อยากให้ไปอาบน้ำจะได้สบายตัว” “ขี้เกียจ” เขาพูดย้ำคำเดิมแล้วก็ไม่สนใจ ฉันจึงคิดอะไรดีๆ ออกที่จะทำให้เขาหายงอน “แล้วถ้าพี่บอกว่าจะอาบน้ำให้ล่ะ ตุลจะยอมไปอาบไหม” ร่างหนาลุกขึ้นพรวดพราดแล้วเดินมาถอดเสื้อผ้าลงตะกร้าเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่า จากนั้นก็หันมาบอก “ไปรอในห้องน้ำนะ รีบๆ ตามมาด้วยล่ะ” ฉันที่กำลังอึ้งได้แต่พยักหน้าหงึกๆ กับอารมณ์ที่แปรปรวนของตุล เขานี่นะพอเรื่องแบบนั้นก็ยอมกันง่ายๆ ในเมื่อพูดแล้วก็ต้องทำตามที่พูด ฉันถอดเสื้อผ้าออกจนหมดแล้วหยิบผ้าขนหนูมาพันตัว จากนั้นก็เดินตามตุลมายังห้องน้ำ “หมอสั่งห้ามนะจำได้ใช่ไหม” ฉันย้ำก่อนเพราะกลัวว่าตุลจะทำอะไรที่มันเลยเถิด อารมณ์ของเขายิ่งพลุกพล่านเกินหักห้ามอยู่ด้วย “มาตรงนี้” เขาดึงผ้าขนห
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป การเป็นคนท้องนี่มันสบายแบบนี้นี่เอง เพราะตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาลวันนั้นฉันก็แทบไม่ต้องหยิบจับอะไรเลย แถมตอนไปเรียนตุลก็กำชับว่าห้ามไปไหนเด็ดขาด ห้ามขับรถ ห้ามเดินเยอะ เขาสั่งให้ฉันอยู่ในห้อง นี่เขาจริงจังถึงขั้นซื้อกล้องมาติดในห้องเพื่อดูฉันเลยนะ เรื่องท้องฉันกับตุลตกลงกันแล้วว่าจะไม่บอกทางบ้าน รอเซอร์ไพรส์วันแต่งงาน หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันแทบไม่เจอเฮียเลย ถึงแม้ปกติจะไม่ค่อยได้เจออยู่แล้วแต่ครั้งนี้มันต่างออกไป แถมเฮียยังมีท่าทางแปลกๆ มาขอชุดที่ฉันไม่ได้ใส่แล้วบอกว่าจะเอาไปบริจาค มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เฮียจะทำแบบนั้น อย่าคิดนะว่าเห็นอยู่กับฉันเฮียดูเป็นพี่ชายที่แสนดี นั่นมันก็แค่กับฉันที่เป็นน้องสาว ถ้าเป็นคนอื่นเฮียไม่เคยไว้หน้าใคร ก็คิดดูสิว่าคนที่ทำธุรกิจสีเทาได้ต้องโหดขนาดไหน หลายชั่วโมงผ่านไปที่ฉันนอนเบื่อหน่ายอยู่บนเตียงจนกระทั่งตุลกลับมา เขาถือเสื้อของฉันติดมือไม่ยอมให้ห่างเลยจริงๆ “วันนี้เรียนเหนื่อยมาก ขอชาร์จแบตหน่อย” เขาพูดเสียงอ้อนแล้วก็โอบแขนแกร่งมาสวมกอดฉันเพื่อชาร์จแบตให้กับร่างกาย“ขี้อ้อนนะเราเดี๋ยวนี้” “วันนี้ไอ้กันชวนไปวันเกิดมัน” “ว
Talk ตุล แทบทั้งคืนที่ผมไม่ได้นอนเพราะมันรู้สึกไม่สบายตัวและอยากจะอ้วกในบางครั้ง แต่เพราะไม่ได้กินอะไรเลยทำให้อ้วกก็ไม่มีอะไรออกมา ผมที่ตื่นก่อนกำลังนอนมองใบหน้าหวานของว่าที่ภรรยาในอนาคตที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องอยู่ในตอนนี้ เมื่อคืนเธอคอยตื่นมาดูอาการของผมจนแทบไม่ได้นอนเหมือนกัน “ทำตัวน่ารักขนาดนี้ไม่ให้คลั่งรักได้ยังไง” ผมพูดกับใบหน้าหวานที่กำลังนอนหลับอย่างเอ็นดู ตอนนี้มันชินแล้วที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอหน้าผู้หญิงคนนี้เป็นคนแรก วันไหนไม่ได้นอนด้วยมันรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง จุ๊บ! ผมก้มลงหอมแก้มแดงระเรื่อฟอดใหญ่ กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์มันทำให้อยากฝังจมูกอยู่แบบนั้นไม่อยากผละออกไปไหน “อื้อ~” เสียงอู้อี้ในลำคอเหมือนจะรู้สึกรำคาญที่ถูกรบกวนของคนที่กำลังนอนหลับดังขึ้นมา ผมค่อย ๆ ยกปลายจมูกออกจากแก้มนิ่ม ๆ อย่างนึกเสียดายผมจับเอาเสื้อของลิลมาพาดไว้บนบ่า ก่อนจะลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์กับบุหรี่เดินมาที่นอกระเบียง จู่ ๆ ก็ติดกลิ่นเสื้อของเมียขึ้นมา ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมและไม่สามารถอธิบายได้ ขณะที่ยืนสูบบุหรี่ก็ใช้สายตามองเข้าไปในห้องดูลิลที่กำลังนอนหลับ สมองมันคิดถึงวันแรกที่เธอตามจีบ