ฉันต้องดึงสติของตัวเองกลับมารีบผลักตัวเองออกจากจูบที่หอมหวาน “พอแล้ว” ฉันพูดอย่างเขินอายและไม่กล้าสบตาเขา “เปิดทีวีหน่อย” ตุลบอกฉันจึงรีบหยิบรีโมทมาเปิดทีวีก่อนจะมานั่งที่โซฟา หัวใจดวงน้อยมันเอาแต่เต้นรัวไม่ยอมหยุด นับวันฉันก็ยิ่งหลงรักเขามากขึ้น ยิ่งในตอนนี้เหมือนเราต่างเป็นคนสำคัญของกันและกัน ตุลชัดเจนมากขึ้น เขาแสดงออกชัดเจนในหลาย ๆ เรื่อง มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขและอยากให้เขาเป็นแบบนี้ไปตลอด “พ่อบอกว่างานหมั้นจะถูกเลื่อนไปอีกสองเดือน” ตุลพูดขึ้นหลังจากเงียบไปครู่ใหญ่ “คุณลุงมาเยี่ยมแล้วเหรอ”“อืม” สงสัยจะมาเยี่ยมตุลตอนที่ฉันออกไปรับเควินแน่ ๆ “เลื่อนน่ะถูกแล้วเพราะต้องรอตุลหายดีก่อน” “หายดีเมื่อไหร่ไอ้พวกเวรนั่นเจอ…”“เลิกมีเรื่องทะเลาะกับคนอื่นได้ไหมตุล” ฉันรีบพูดแทรก เพราะไม่เห็นผลดีอะไรที่เขาจะไปเอาคืนคนพวกนั้น เป็นการสร้างความแค้นแบบไม่จบไม่สิ้นมากกว่า “เห็นอยู่ว่าพวกมันทำ” ตุลตอบกลับอย่างหงุดหงิดที่ถูกฉันห้าม “พี่ห้ามเพราะเป็นห่วงนะ เรื่องแข่งรถเหมือนกันหยุดได้แล้ว”“อยากหยุดเมื่อไหร่เดี๋ยวหยุดเองไม่ต้องมาสั่ง” ดูคำตอบที่ฉันได้ยินจากปากเขาสิ ไม่รักษาน้ำใจกันเลยสั
เสื้อผ้าค่อย ๆ หลุดลงไปกองอยู่ที่พื้นทีละชิ้น ๆ จนกระทั่งบนเรือนร่างของฉันและตุลไม่มีเสื้อผ้าหลงเหลืออยู่เลยสักชิ้นเดียว ฝ่ามือหนาลูบไล้บีบเคล้นไปตามผิวเนื้อของฉัน ตั้งแต่แขนลงมาถึงสะโพกและก้น ตุลบีบแรง ๆ จนเป็นรอยแดง ริมฝีปากหนางับเข้ามาที่ใบหูของฉันพร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดลงมากระทบใบหู บ่งบอกว่าคนด้านบนกำลังมีความต้องการมากขนาดไหน “ใส่ถุงยางได้ไหม” ฉันร้องขอเพราะที่ผ่านมาเขาแทบไม่ใส่ถุงยางอนามัยกับฉันเลยเวลาที่เราร่วมรักกัน “ไม่มี” ตุลตอบสั้น ๆ ก่อนจะก้มลงมาซุกไซร้ที่ซอกคอต่อ “ท… ทำไมถึงไม่มีล่ะ”“เคยเห็นใส่ไหม?” เขาเงยหน้าขึ้นมาพูด แล้วใช้ปลายจมูกโด่งแตะลงมาสัมผัสที่พวงแก้มของฉันพร้อมกับลากไล้ไปมาจนทั่วใบหน้า ก่อนจะพูดต่อ “ถ้ามีสิแปลก” ที่อยากให้เขาป้องกันก็เพราะว่ากลัวพลาด ถึงตุลจะปล่อยข้างนอกแต่ถ้าเกิดวันหนึ่งฉันท้องขึ้นมา ในตอนนี้มันยังไม่พร้อมจริง ๆ ตุลก้มหน้าลงมาที่หน้าอกสองเต้าก่อนที่เขาจะใช้ริมฝีปากที่ร้อนระอุตะโบมดูดเลีย ความหื่นกระหายของเขามันพลุ่งพล่าน ยิ่งความต้องการทวีคูณมากขึ้นฝ่ามือหนาก็จะบีบเคล้นตามตัวของฉันรุนแรงขึ้น “บ… เบา ๆ หน่อยสิตุล พี่เจ็บนะ” ฉ
กันถึงกับหัวเราะเสียงดังกับสิ่งที่ตุลทำ เขาเล่นเอาฉันรู้สึกอายแทน คนอะไรจะให้มองแต่เป้ากางเกงของตัวเอง“ปล่อยได้แล้วพี่ปวดคอนะ” ฉันบอกเสียงดุ ตุลเอาแต่กดคอฉันเอาไว้ไม่ยอมปล่อย “พูดมาว่าจะไม่มองเป้ากางเกงผู้ชายคนอื่น” “อื้อพี่จะไม่มองสัญญา” เมื่อฉันยอมสัญญาตุลก็ปล่อยมือออก พอฉันเงยหน้าขึ้นก็ได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านโต๊ะ แถมเธอยังขยิบตาให้ตุลอีกต่างหาก ขนาดว่าฉันนั่งอยู่ข้าง ๆ นะผู้หญิงยังกล้าทำแบบนี้ ถ้าฉันไม่มาด้วยจะเป็นยังไง ต่อไปนี้คงปล่อยให้เขามาเที่ยวคนเดียวไม่ได้อีก “เดี๋ยวมานะไปสูบบุหรี่” ตุลหันมาบอกก่อนจะลุกขึ้นไปพร้อมกับกัน เขาทิ้งผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นว่าที่คู่หมั้นให้นั่งอยู่โต๊ะคนเดียว ใครอนุญาตให้ไปสูบบุหรี่กัน ฉันยังไม่ได้ตอบอะไรเลยสักคำ ฉันนั่งดื่มรอที่โต๊ะคนเดียวประมาณสิบนาทีได้ สายตาเหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินออกไปจากร้าน แวบแรกที่เห็นมันทำให้ฉันรู้สึกคุ้นตาเป็นอย่างมาก ราวกับว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน จะว่าเป็นเพื่อนสมัยเรียนก็ไม่ใช่ ในขณะที่กำลังคิดอยู่ตุลกับกันก็เดินกลับมาที่โต๊ะ ทำให้ฉันล้มเลิกความคิดในหัว“ทำไมไปนานจัง” “ไปเข้าห้องน้ำด้วย” ตุล
ตุลเงียบไปครู่ใหญ่เหมือนว่าเขากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ในหัว ฉันค่อย ๆ หยัดตัวขึ้นนั่ง จู่ ๆ มันก็รู้สึกนอยด์ที่เห็นอีกคนเงียบไปแบบนี้“อย่าเอาอดีตมารวมกับปัจจุบัน” “ตอนนี้พี่คือปัจจุบันของตุลใช่ไหม?” ฉันมองใบหน้าคมคายอย่างมีความหวังในคำตอบ ตุลมองอยู่แป๊บหนึ่งก่อนที่เขาจะพยักหน้าแทนคำพูด เอาจริง ๆ ฉันอยากได้ยินเป็นคำพูดมากกว่า มันคงจะใจชื้นและดีใจมากกว่าการเห็นเขาพยักหน้าแบบนี้ “ทำไมไม่พูดล่ะ พยักหน้าแบบนั้นคืออะไร” ฉันถามด้วยน้ำเสียงที่ปนหาเรื่องนิด ๆ “แบบไหนคำตอบก็เหมือนเดิม”“ก็แล้วทำไมไม่เลือกพูดมันออกมาแทนการพยักหน้า” ถ้าไม่ตอบคำถามแบบตรงประเด็นฉันก็จะถามเขาแบบนี้แหละทั้งวัน เหมือนฉันจะถามเซ้าซี้มากจนเกินไปสังเกตเห็นว่าเมื่อกี้ตุลลอบถอนหายใจออกมาด้วย“เริ่มไปกันใหญ่แล้ว” ตุลส่ายหน้าไปมาช้า ๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง เขาเอามือมาจับแก้มฉันเบา ๆ พลางใช้นิ้วเขี่ยเล่นที่จมูกอย่างเอ็นดู ก่อนจะพูดต่อ “ตอนนี้ยังชัดเจนไม่พอหรือไง”ฉันกำลังอึ้งกับการกระทำเมื่อครู่จึงไม่ได้ตอบคำถามในทันที หัวใจดวงน้อยมันเต้นแรงขึ้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ นี่มันครั้งแรกเลยนะที่ตุลจับแก้มฉันในเชิงหยอกล้อแล้วมองด้วยแววตาที
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ความสัมพันธ์ของฉันกับตุลดีขึ้นตามลำดับ เราเรียนรู้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมทั้งความหื่นของเขาก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ฉันไม่ได้ไปที่อู่เพราะช่วงนี้ตุลมีสอบจึงอยากให้เขาเต็มที่กับการอ่านหนังสือสอบมากกว่าหมกหมุ่นเรื่องบนเตียง แน่นอนว่าถ้าฉันไปเขาคงไม่เป็นอันได้อ่านหนังสือสอบแน่ ๆ แต่ไม่ใช่ว่ารายนั้นไม่อยากให้ไปหาหรอกนะ เขาอ้อนทุกวันเพื่อจะให้ไปหาที่อู่ แต่ฉันยืนยันหนักแน่นว่าจะไปหลังจากที่เขาสอบเสร็จแล้วและห้ามมาที่บ้านฉันด้วย พอหลังจากที่ตุลสอบเสร็จแล้วเราก็จะหมั้นกัน ตอนนี้ทั้งฝ่ายพ่อของฉันและพ่อของตุลกำลังเตรียมงาน เพราะงานหมั้นจะถูกจัดขึ้นในอาทิตย์หน้า คิดว่าต้องหมั้นกับเขามันก็ทำเอาฉันเขินแทบบ้า หลายครั้งที่คิดว่าตอนนี้ตัวเองกำลังฝันอยู่ พูดได้เต็มปากว่าตอนนี้ความรักของฉันมันสมบูรณ์แบบมาก ๆ ผู้ชายปากร้ายเย็นชา ไร้ความรู้สึก ฉันไม่เคยคิดว่าตุลจะมีด้านที่อ่อนโยน แต่พอได้มาเห็นอีกด้านที่อ่อนโยนของเขามันยิ่งทำให้ตกหลุมรักซ้ำแล้วซ้ำอีก #โต๊ะอาหาร ตอนนี้ฉันกำลังนั่งกินข้าวกับพ่อสองคน ส่วนเฮียไม่ได้กลับมานอนที่บ้านตั้งแต่พ่อกลับมาจากต่างประเทศ ที่หลบหน้าพ่อก็เพราะถ้า
ฉันรีบออกมาหาตุลที่ยืนรอที่รถ พอเห็นฉันเขาก็ขมวดคิ้วเข้มในเชิงตั้งคำถาม “ทำไมไม่ให้เข้าไปในบ้าน?” “พ… พ่อกับเฮียมีแขกน่ะ เราออกไปกินข้าวนอกบ้านกันดีกว่า” พูดจบฉันก็รีบเปิดประตูออกเข้ามานั่งในรถของตุล “ไหนว่าจะคุยเรื่องงานหมั้น จะออกไปกินข้าวนอกบ้านทำไมแล้วเป็นอะไรทำดูรีบร้อนขนาดนี้” ทำไมวันนี้เขาขี้สงสัยมากกว่าทุกวันจังนะ ถามนู้นถามนี่อยู่ได้ “พ… พี่หิว รีบ ๆ ขึ้นรถได้ไหม” ฉันทำเป็นหงุดหงิดเพื่อแสดงละครว่าตัวเองโมโหหิวมาก ๆ ตุลไม่ตอบอะไร เขาเดินอ้อมมาเปิดประตูทางฝั่งคนขับแล้วขับรถออกไปจากบ้าน ในขณะที่รถกำลังแล่นอยู่ฉันก็ได้ส่งข้อความให้เฮีย บอกว่าจะออกมากินข้าวนอกบ้านและบอกอีกว่าที่ทำแบบนี้เพราะมีเหตุผล เฮียยังไม่เปิดข้อความอ่านในทันทีเพราะคงจะกำลังหัวเสียให่พ่ออยู่ #ร้านอาหารหรู ตอนนี้ฉันนั่งคิดมากสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว สมองคิดไปต่าง ๆนานา จนมันจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว“เป็นอะไรทำไมเอาแต่เงียบ เหม่อถึงใคร?” เสียงทุ้มทำให้ฉันที่กำลังเหม่อสะดุ้งแล้วเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง “พี่ พี่คิดเรื่องบริษัทน่ะ” “ถ้าเหนื่อยมากก็พักอยู่บ้าน” “อื้อ” ฉันพยักหน้าตอบก่อนจะเงียบไปอีก แต่
ฉันกระชากแขนตุลอย่างเอาเรื่องจนคนรอบ ๆ เริ่มหันมามอง ตุลจึงดึงฉันออกมาจากคลับ เขาพามายังรถที่จอดเอาไว้ด้านหน้าร้าน“ขอเหตุผลที่มันฟังขึ้นหน่อยนะ” ฉันสะบัดมือออกแล้วกอดอกจ้องหน้าว่าที่คู่หมั้นเขม็ง “ไอ้กันชวน มาแค่แป๊บเดียวจะกลับแล้ว” จู่ ๆ เขาก็ใช้เสียงอ้อนกับฉัน “ไม่คิดจะบอกกันเลยเหรอ?” “ก็คิดว่ามาแป๊บเดียวไม่ต้องบอกก็ได้” “แป๊บเดียวที่ว่านี่มันกี่ชั่วโมง” “สองชั่วโมง” “ยังไงก็ควรบอกกันหน่อย” มันรู้สึกไม่โอเคจริง ๆ ที่จะไปไหนแล้วเขาไม่ยอมบอก เหมือนว่าฉันไม่ได้สำคัญอะไรเลย “แล้วมากับใคร ทำไมไม่บอก” ครั้งนี้ตุลถามกลับด้วยท่าทางหาเรื่อง “พี่มากับเฮีย ตุลบอกว่าจะนอนก็เลยไม่บอกก่อนและพี่ก็มาแค่แป๊บเดียว” “ถ้างั้นก็หายกัน” “หายกันอะไร?” ฉันขมวดคิ้วกับคำพูดของคนตรงหน้า “ก็ต่างคนต่างไม่บอกว่ามา แปลว่าหายกัน” “แต่นี่คลับเฮียพี่จะมามันก็ไม่แปลก ตุลนัดใครเอาไว้หรือเปล่า?” ฉันเริ่มคิดว่าเขาอาจจะนัดเจอใครบางคนถึงได้แอบมาแบบนี้“ถ้าจะนัดเจอคนอื่นคงไม่มาที่นี่” คำตอบของเขามันยิ่งตอกย้ำความคิดมากของฉัน ทั้งที่เลือกตอบให้สบายใจได้แต่กลับพูดอะไรแบบนี้ออกมา“ดูทำหน้า กำลังคิดมากอีกแล้วใช่ไห
ยืนนิ่งไปครู่หนึ่งตุลก็ก้มลงมาเอาปากจุ๊บกับปากฉัน เขายิ้มมุมปากก่อนจะพูด “แบบนี้ใช่ไหมที่เรียกว่าการกระทำ” “บ้า จะเที่ยวจูบทุกเวลาไม่ได้นะ”ตุลไหวไหล่อย่างเจ้าเล่ห์ จากนั้นเขาก็จับมือฉันพาเดินมาร่วมวงกับเพื่อน “นี่มึงก็ใกล้หมั้นแล้วดิ” กันถามตุล “อืม” “ระวังนะมึง เขาว่าคนจะแต่งงาน หมั้น บวช มันจะมีมาร” คำเตือนของกันทำให้ฉันที่ไม่คิดอะไรแล้วกลับมาเริ่มวิตกอีกครั้ง“มารอะไรของมึงวะ” “จะไปรู้เหรอวะ โบราณเขาว่าไว้”“มึงอะเพ้อเจ้อสัตว์” ตุลส่ายหน้าไปมา เขาทำเหมือนคำเตือนของเพื่อนมันไร้สาระ“ห้ามคิดตามคำพูดมัน” คงจะเห็นว่าฉันเงียบไปเขาจึงพูดดึงสติ ฉันเองก็พยักหน้าแล้วยิ้มจาง ๆ ให้ “อย่าคิดมากนะลิล ฉันแต่งกับอลันไม่เห็นจะมีอะไรเลย”“อื้อ ๆ ฉันไม่ได้คิดมากสักหน่อย”“ไอ้เชี้ยกัน! มึงจะพูดทำลายบรรยากาศทำซากอะไรวะ” อลันบ่นเพื่อนสนิทอย่างหงุดหงิด “พี่โอเค ๆ มาชนแก้วกัน” พอสถานการณ์เริ่มตึงเครียดฉันก็ต้องรีบทำตัวให้ปกติ จะมัวคิดมากแล้วพาให้งานกร่อยไม่ได้บรรยากาศในวงเหล้าเริ่มกลับมาครึกครื้นอีกครั้ง ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ตุลมักจะเอาหน้ามาซุกซอกคอฉันบ้าง จับเส้นผมไปดมบ้าง เขานี่เริ่มแปลกขึ้นทุ