ผู้หญิงคนนั้นเดินออกไปจากห้องด้วยใบหน้าที่แตกยับจนหมอไม่รับเย็บ เธอตั้งใจมาเยี่ยมแต่โดนไล่แบบนี้เป็นฉันคงจะอายมากเหมือนกัน “ยิ้มอะไร?” ตุลเลิกคิ้วถามฉันที่กำลังยืนยิ้มอยู่ “เปล่ายิ้มสักหน่อย” ฉันรีบหุบยิ้มแล้วเดินมาเทน้ำใส่แก้วดื่มแก้เขิน“แค่ยอมรับว่ายิ้มมันยากตรงไหน” ตุลพูดในเชิงบ่น เขาดูออกว่าฉันเขินแต่ก็ยังแกล้งแหย่ “จะมีผู้หญิงมาเยี่ยมอีกหรือเปล่า?” ฉันถามเปลี่ยนเรื่อง “ไม่มี”“แน่นะ”“ถ้ามีก็จัดการได้เลย” “ให้พี่จัดการตุลเหรอ” ฉันวางแก้วน้ำแล้วยกแขนขึ้นมากอดอกจ้องคนป่วยที่กำลังนอนหน้านิ่ง “เจ็บขนาดนี้ถ้าทำลงก็เชิญ” “กับผู้หญิงคนเมื่อกี้ได้ติดต่อกับเธออยู่หรือเปล่า” “ไม่” “เชื่อได้?” ฉันถามอย่างไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาอาจจะโกหกอยู่ก็ได้ แต่คิดในอีกมุมการที่ตุลพูดหักหน้าผู้หญิงคนนั้นมันก็ชัดเจนแล้ว ฉันที่คิดมากไปเอง “จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ ไม่บังคับ”“อื้อ พี่เชื่อ” ฉันเดินกลับมายืนข้างเตียงที่ตุลนอนอยู่ ก่อนจะถาม “ให้พี่กลับไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้านได้หรือยัง” “เปิดทีวีให้ดูหน่อย” เขาเมินคำถามของฉันแล้วออกคำสั่ง ซึ่งฉันเองก็ทำตามอย่างว่าง่าย “พี่ไปไม่นานหรอก…” “อ
ทันทีที่ถูกถามฉันก็สะอึกไปไม่เป็น ไม่ทันคิดคำตอบและคิดไม่ถึงว่าตุลจะได้กลิ่นเพราะดื่มไปแค่แก้วเดียวเอง ถ้าบอกว่าไปเจอไนท์มาตุลจะต้องโกรธมากแน่ ๆ ฉันควรตอบอย่างอื่น “ถามทำไมไม่ตอบ!!” พอเห็นว่าฉันเงียบเขาก็ตวาดเสียงดัง“ก็ ก็จะตอบอยู่นี่ไง” ตัวมันสั่นเทา สายตาของเขามันน่ากลัวจริง ๆ นะ “รอฟังอยู่” ครั้งนี้ตุลบอกเสียงเย็น เป็นน้ำเสียงที่ทำให้ขนทั้งตัวของฉันมันลุกซู่ เร่งอยู่ได้ ฉันกำลังคิดหาคำตอบอยู่นี่ไง “ก่อนมาพี่ดื่มกับเฮียน่ะ แต่ดื่มแค่แก้วเดียวเองนะไม่คิดว่าจะได้กลิ่น” ตุลมองฉันอย่างไม่เชื่อเต็มร้อย ข้ออ้างของฉันมันฟังไม่ขึ้นงั้นเหรอ “พี่พูดจริง ๆ นะ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องโกหกเลย” ฉันยืนยันเสียงแข็งอีกครั้งแววตาที่แข็งกร้าวจึงเริ่มอ่อนลง “อืม” มันโล่งอกที่เห็นว่าตุลพยักหน้าตอบ หมายความว่าเขาเชื่อฉันแล้ว “ดึกแล้วนอนเถอะ พี่จะอาบน้ำนอนแล้วเหมือนกัน” “จะนอนยังไง?” ตุลเลิกคิ้วถาม “โซฟาไง” ฉันชี้ไปที่โซฟา “มานอนบนเตียง” เขาบอกแถมยังพยายามจะขยับตัว ท่าทางแบบนั้นทำให้ฉันยิ้มออกมา นี่น่ะหรอผู้ชายที่เคยเย็นชาและใจร้าย ตอนนี้เขาเริ่มน่ารักขึ้นเยอะเลยนะ ถึงแม้บางครั้งจะซึน ๆ บ้างก็เ
สิ้นสุดคำพูดของไนท์ตุลก็กดตัดสายทิ้ง เขากำโทรศัพท์ในมือแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นที่มือ น่ากลัวว่าโทรศัพท์จะแตกละเอียดคามือเขาจริง ๆ “เมื่อวานไปหามันที่บ้าน?” ตุลถามเสียงเย็น เขาขบกรามแน่นเอาแต่จ้องหน้า นี่ถ้าลุกขึ้นมาได้ฉันคงเจอกระชากจนแขนหลุดแน่ ๆ จะนับว่าเป็นความโชคดีของฉันที่เขานอนใส่เฝือกอยู่แบบนี้ก็ได้“พ… พี่อธิบายได้นะตุล” ฉันบอกเสียงสั่น ค่อย ๆ ถอยห่างไม่กล้าไปยืนใกล้ “ที่มาช้าเพราะมัวแต่ไปอยู่กับมัน?” ตอนนี้ตุลเอาแต่ถาม เป็นคำถามที่เหมือนไม่อยากได้คำตอบจากฉันสักเท่าไหร่ “คงจะมัวแต่ ล่ำ… ลา กัน” เขาเว้นคำพูดที่กำกวมเอาไว้ให้คิดไปถึงไหนต่อไหน ทั้งที่ความจริงมันไม่ได้มีอะไร “ฟังพี่ก่อนนะตุล” “ออกไป จะไปไหนก็ไป!!” ตุลตวาดบอก เขาเมินหน้าหนีไม่ยอมรับฟังอะไรจากฉัน “อย่าเป็นแบบนี้สิ เราพึ่งเริ่มกันเองนะมันจะจบแล้วเหรอ” ฉันถามเสียงสั่นเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรฉันก็ยังไม่อยากให้มันจบแค่นี้ ที่ผ่านมาถึงจะเป็นเวลาแค่สั้น ๆ ที่ตุลดีกับฉัน แต่มันทำให้มีความสุขมากเลยนะ “ใครที่ทำ? ใครที่โกหก?” “พี่ขอโทษที่โกหก แต่มันไม่มีอะไรเลยจริง ๆ”“ถ้าไม่มีอะไรแล้วจะโกหกท
ฉันถือแก้วน้ำตัวแข็งทื่อ ไม่ได้ใช้ปากป้อนตามที่ตุลต้องการ “หิวน้ำ” เขาพูดย้ำอีกรอบแต่ไม่ได้มองที่แก้วน้ำ สายตาคู่นั้นจับจ้องมองริมฝีปากของฉันแทน “โกรธพี่อยู่ไม่ใช่หรือไง” “ถ้าอยากให้หายโกรธก็รีบป้อนน้ำ เร็ว ๆ” เขาย้ำแต่จะให้ฉันป้อนน้ำอย่างเดียวเลย “แต่พี่ไม่ได้ผิดสักหน่อย”“ผิด ผิดที่โกหก ผิดที่ไปหามัน” พอพูดถึงเรื่องนั้นตุลก็ใช้น้ำเสียงที่แข็งกร้าวขึ้นมาทันที “ใช่พี่ผิดเรื่องนั้น แต่อธิบายเหตุผลไปแล้วนี่ตุลไม่เชื่อเอง”“ป้อนน้ำด้วยปากแล้วจะเชื่อ” “เจ้าเล่ห์นักนะ” ฉันมองค้อนตุล ก่อนจะมองแก้วน้ำอย่างคิดหนัก ถ้าอยากจบปัญหาก็ต้องทำ ไม่ทำเหตุการณ์มันก็จะอึดอัดแบบก่อนหน้านี้ ฉันตัดสินใจยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม จากนั้นก็ใช้มือประคองใบหน้าของตุล ก่อนจะค่อย ๆ ก้มลงเพื่อจะป้อนน้ำให้เขาทางปาก แต่!!! ยังไม่ทันที่ริมฝีปากจะแตะกันเสียงเปิดประตูห้องก็ดังขึ้นมา ฉันรีบผละใบหน้าออกแล้วกลืนน้ำลงคอ คุณพยาบาลวัยสามสิบกลาง ๆ เดินมาตรวจอาการของตุล เธอมองเราทั้งคู่ก่อนจะพูด “พยายามอย่าขยับร่างกายเยอะนะคะ” “ครับ” “เรื่องบนเตียงให้พักไปก่อนนะคะ คนไข้ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้จนกว่าจะหายดี” พอได้ยินคำเต
#เช้าวันต่อมา ฉันอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปรับเควินที่สนามบิน ทุกการกระทำตกอยู่ในสายตาตุล เขาจ้องมองอย่างไม่ละสายตา ทำให้ฉันคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำเอาหน้าร้อนผ่าว“ให้เวลาหนึ่งชั่วโมง” “พี่ไปสนามบินนะไม่ใช่กลับบ้าน เวลาแค่นั้นจะไปพออะไร” ฉันเถียงกลับเมื่อถูกกำหนดเวลา ส่วนตุลก็ทำเป็นหูทวนลม ช่วงนี้เขาค่อนข้างเอาแต่ใจ“พี่ไปแล้วนะ” พอเห็นว่าคนที่นอนอยู่ไม่ตอบอะไรฉันจึงเดินมาหยิบกระเป๋าสะพายแล้วเดินออกจากห้อง #สนามบิน “ฮายเบบี้” ยืนรอไม่นานเควินก็เดินมา เขากอดคอฉันแล้วยกมือขึ้นมายีผมจนยุ่งเหยิง “อื้อ! ผมฉันยุ่งหมดแล้วนะ” “ไม่คิดว่าเธอจะมารับฉันได้” “รอบนี้มาทำธุระอะไรล่ะ ทำไมถึงกระทันหันแบบนี้” ฉันถามเพื่อนเพราะแปลกใจที่เขาเปลี่ยนไฟล์บิน “ธุรกิจครอบครัว” “อื้อ ไปกันเถอะ” ฉันเดินนำเควินมาที่รถของตัวเองที่จอดไว้ “เธอดูแฮปปี้กับคู่หมั้น ไหนบอกว่าไม่อยากหมั้นไงล่ะ?” หลังจากขึ้นมาบนรถแล้วเควินก็ยิงคำถามใส่ทันที “เพราะคนที่หมั้นด้วยคือคนที่ฉันรักไงล่ะ” “รัก?” “อื้อ” “ชักอยากจะเห็นหน้าผู้ชายที่น่าอิจฉาคนนั้นแล้วละสิ” เควินหันมาบอก เขาคงจำตุลไม่ได้และฉันก็ไม่เคยเล่าเรื่อ
ฉันต้องดึงสติของตัวเองกลับมารีบผลักตัวเองออกจากจูบที่หอมหวาน “พอแล้ว” ฉันพูดอย่างเขินอายและไม่กล้าสบตาเขา “เปิดทีวีหน่อย” ตุลบอกฉันจึงรีบหยิบรีโมทมาเปิดทีวีก่อนจะมานั่งที่โซฟา หัวใจดวงน้อยมันเอาแต่เต้นรัวไม่ยอมหยุด นับวันฉันก็ยิ่งหลงรักเขามากขึ้น ยิ่งในตอนนี้เหมือนเราต่างเป็นคนสำคัญของกันและกัน ตุลชัดเจนมากขึ้น เขาแสดงออกชัดเจนในหลาย ๆ เรื่อง มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขและอยากให้เขาเป็นแบบนี้ไปตลอด “พ่อบอกว่างานหมั้นจะถูกเลื่อนไปอีกสองเดือน” ตุลพูดขึ้นหลังจากเงียบไปครู่ใหญ่ “คุณลุงมาเยี่ยมแล้วเหรอ”“อืม” สงสัยจะมาเยี่ยมตุลตอนที่ฉันออกไปรับเควินแน่ ๆ “เลื่อนน่ะถูกแล้วเพราะต้องรอตุลหายดีก่อน” “หายดีเมื่อไหร่ไอ้พวกเวรนั่นเจอ…”“เลิกมีเรื่องทะเลาะกับคนอื่นได้ไหมตุล” ฉันรีบพูดแทรก เพราะไม่เห็นผลดีอะไรที่เขาจะไปเอาคืนคนพวกนั้น เป็นการสร้างความแค้นแบบไม่จบไม่สิ้นมากกว่า “เห็นอยู่ว่าพวกมันทำ” ตุลตอบกลับอย่างหงุดหงิดที่ถูกฉันห้าม “พี่ห้ามเพราะเป็นห่วงนะ เรื่องแข่งรถเหมือนกันหยุดได้แล้ว”“อยากหยุดเมื่อไหร่เดี๋ยวหยุดเองไม่ต้องมาสั่ง” ดูคำตอบที่ฉันได้ยินจากปากเขาสิ ไม่รักษาน้ำใจกันเลยสั
เสื้อผ้าค่อย ๆ หลุดลงไปกองอยู่ที่พื้นทีละชิ้น ๆ จนกระทั่งบนเรือนร่างของฉันและตุลไม่มีเสื้อผ้าหลงเหลืออยู่เลยสักชิ้นเดียว ฝ่ามือหนาลูบไล้บีบเคล้นไปตามผิวเนื้อของฉัน ตั้งแต่แขนลงมาถึงสะโพกและก้น ตุลบีบแรง ๆ จนเป็นรอยแดง ริมฝีปากหนางับเข้ามาที่ใบหูของฉันพร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดลงมากระทบใบหู บ่งบอกว่าคนด้านบนกำลังมีความต้องการมากขนาดไหน “ใส่ถุงยางได้ไหม” ฉันร้องขอเพราะที่ผ่านมาเขาแทบไม่ใส่ถุงยางอนามัยกับฉันเลยเวลาที่เราร่วมรักกัน “ไม่มี” ตุลตอบสั้น ๆ ก่อนจะก้มลงมาซุกไซร้ที่ซอกคอต่อ “ท… ทำไมถึงไม่มีล่ะ”“เคยเห็นใส่ไหม?” เขาเงยหน้าขึ้นมาพูด แล้วใช้ปลายจมูกโด่งแตะลงมาสัมผัสที่พวงแก้มของฉันพร้อมกับลากไล้ไปมาจนทั่วใบหน้า ก่อนจะพูดต่อ “ถ้ามีสิแปลก” ที่อยากให้เขาป้องกันก็เพราะว่ากลัวพลาด ถึงตุลจะปล่อยข้างนอกแต่ถ้าเกิดวันหนึ่งฉันท้องขึ้นมา ในตอนนี้มันยังไม่พร้อมจริง ๆ ตุลก้มหน้าลงมาที่หน้าอกสองเต้าก่อนที่เขาจะใช้ริมฝีปากที่ร้อนระอุตะโบมดูดเลีย ความหื่นกระหายของเขามันพลุ่งพล่าน ยิ่งความต้องการทวีคูณมากขึ้นฝ่ามือหนาก็จะบีบเคล้นตามตัวของฉันรุนแรงขึ้น “บ… เบา ๆ หน่อยสิตุล พี่เจ็บนะ” ฉ
กันถึงกับหัวเราะเสียงดังกับสิ่งที่ตุลทำ เขาเล่นเอาฉันรู้สึกอายแทน คนอะไรจะให้มองแต่เป้ากางเกงของตัวเอง“ปล่อยได้แล้วพี่ปวดคอนะ” ฉันบอกเสียงดุ ตุลเอาแต่กดคอฉันเอาไว้ไม่ยอมปล่อย “พูดมาว่าจะไม่มองเป้ากางเกงผู้ชายคนอื่น” “อื้อพี่จะไม่มองสัญญา” เมื่อฉันยอมสัญญาตุลก็ปล่อยมือออก พอฉันเงยหน้าขึ้นก็ได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านโต๊ะ แถมเธอยังขยิบตาให้ตุลอีกต่างหาก ขนาดว่าฉันนั่งอยู่ข้าง ๆ นะผู้หญิงยังกล้าทำแบบนี้ ถ้าฉันไม่มาด้วยจะเป็นยังไง ต่อไปนี้คงปล่อยให้เขามาเที่ยวคนเดียวไม่ได้อีก “เดี๋ยวมานะไปสูบบุหรี่” ตุลหันมาบอกก่อนจะลุกขึ้นไปพร้อมกับกัน เขาทิ้งผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นว่าที่คู่หมั้นให้นั่งอยู่โต๊ะคนเดียว ใครอนุญาตให้ไปสูบบุหรี่กัน ฉันยังไม่ได้ตอบอะไรเลยสักคำ ฉันนั่งดื่มรอที่โต๊ะคนเดียวประมาณสิบนาทีได้ สายตาเหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินออกไปจากร้าน แวบแรกที่เห็นมันทำให้ฉันรู้สึกคุ้นตาเป็นอย่างมาก ราวกับว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน จะว่าเป็นเพื่อนสมัยเรียนก็ไม่ใช่ ในขณะที่กำลังคิดอยู่ตุลกับกันก็เดินกลับมาที่โต๊ะ ทำให้ฉันล้มเลิกความคิดในหัว“ทำไมไปนานจัง” “ไปเข้าห้องน้ำด้วย” ตุล
เช้าวันต่อมา ตื่นมาก็ไม่เจอคนที่เคยนอนอยู่ข้างๆ แล้ว โทรหาก็ไม่รับสาย วันนี้ตุลไม่ได้ไปเรียนพรุ่งนี้ก็ด้วยเขาจะไปไหนได้ ถ้าจะกลับบ้านหรืออู่ก็น่าจะทิ้งข้อความบอก เดินหาแทบทั้งบ้านในที่สุดก็เจอที่สวนดอกไม้ ทั้งที่พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันสำคัญของเราแล้วแท้ๆ แต่ตุลยังทำตัวชิวอยู่อีก อาจเป็นเพราะทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว แต่เขาก็ควรแสดงความตื่นเต้นมากกว่าการมาปลูกดอกไม้แบบนี้สิ “ว่าที่เจ้าบ่าวทำตัวชิวจังเลยนะคะ” ฉันพูดแซวก่อนที่ตุลจะหันมายิ้ม สองมือของเขาเปื้อนดินเต็มไปหมด “เขาว่าคนท้องมองดอกไม้แล้วจะทำให้อารมณ์ดีขึ้น เป็นไงอารมณ์ดีบ้างไหม?” เรื่องหาข้อมูลต้องยกให้เขาเป็นที่หนึ่งจริงๆ “อารมณ์ดีสิ แต่ตุลลืมอะไรไปหรือเปล่าเดี๋ยวเราก็ต้องย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่แล้วนะ” พ่อของตุลซื้อบ้านให้เป็นเรือนหอของเรา แต่คงต้องตกแต่งอีกสักหน่อยยังไม่ได้ย้ายไปกระทันหัน“อีกตั้งสองสามเดือนกว่าจะได้ย้ายไป จะปลูกไว้ที่นี่แล้วก็ที่บ้านหลังใหม่ด้วยเลย” “ตามใจแล้วกัน” ฉันเดินมาดูใกล้ๆ เห็นว่าตุลาตั้งใจกับการปลูกดอกไม้เอามากๆ “มา เดี๋ยวพี่ช่วยปลูก”“ไม่ต้องๆ แค่ไปนั่งให้กำลังใจตรงนั้นก็พอ” พอจะช่วยก็ถูกสั่งให้
ฉันไม่ได้แกะผ้าปิดตาออกเพราะเคลิ้มไปกับเพลงที่ตุลร้อง จนกระทั่งจบเพลง บรรยากาศกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง ไม่นานผ้าที่ปิดตาฉันก็ถูกเอาออกไป เดาไม่ยากว่าคนที่ยืนตรงหน้าฉันตอนนี้เขากำลังเขิน คงเป็นเพราะที่ผ่านมาตุลไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย แม้แต่การดีดกีตาร์ร้องเพลงฉันก็ไม่รู้ว่าเขาทำได้ “แฟนพี่ร้องเพลงเพราะนะเนี่ย ไม่เห็นเคยร้องให้ฟังบ้างเลย ^_^”“ไม่ได้ทำเป็นแต่แรกหรอก เพิ่งไปเรียนเมื่อเดือนที่แล้ว” “เรียน? หมายถึงดีดกีตาร์ร้องเพลงน่ะหรอ” “อือ” ตุลพยักหน้า ใครจะไปเชื่อ ภายในเวลาแค่เดือนเดียวเขาทำได้ขนาดนี้เชียวหรอ “คิดยังไงถึงไปเรียน” “อยากมีโมเมนต์หวานๆ กับเมียบ้าง”“ขอบคุณนะ ^_^”ฉันให้รางวัลด้วยการหอมแก้มเขาไปหนึ่งที จากนั้นก็มองไปยังโต๊ะดินเนอร์ที่ตุลเตรียมไว้ “ว้าว! นี่ตุลทำเองจริงๆ หรอเนี่ย” ถึงกับต้องตาลุกวาวเป็นประกายเมื่อเห็นโต๊ะอาหารที่ถูกจัดแต่งอย่างกับมืออาชีพมาทำด้วยตัวเอง แถมบรรยากาศรอบๆ ก็มีไฟติดอยู่หลากหลายสี สองข้างทางเดินไปที่โต๊ะมีเทียนวางอยู่เป็นทางยาว “มันดูไม่น่าเชื่อขนาดนั้น?” “เปล่า พี่แค่ไม่คิดว่าตุลจะทำออกมาสวยขนาดนี้” “ชอบไหม?”“ชอบสิ ชอบมากๆ ^_^” “หิวห
เวลาผ่านไป อีกแค่สองวันฉันกับตุลก็จะได้เข้าหอด้วยกันในฐานะสามีภรรยาแล้ว ที่ผ่านมาค่อนข้างยุ่งทั้งเรื่องเตรียมของชำร่วย เช็คความเรียบร้อยของสถานที่ ลองชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว การ์ดซองเชิญแขก มันยุ่งมากๆ ทำให้ฉันกับตุลแทบจะไม่ได้พักกันเลย ถึงแม้พ่อของเราสองคนบอกว่าจะช่วยจัดการอีกแรง แต่ในฐานะที่ฉันกับตุลเป็นเจ้าของงานก็อยากจะมีส่วนร่วม หลังจากผ่านความวุ่นวายไปแล้ววันนี้คุณแม่ท้องอ่อนอย่างฉันก็ได้พักผ่อนที่บ้านสักที ส่วนตุลก็ติดเรียน วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่แสนจะพิเศษ เพราะมีนัดดินเนอร์กินข้าวใต้แสงเทียนเพิ่มความหวานก่อนแต่งงาน แค่ได้ฟังตุลพูดฉันก็ดีใจปลื้มปริ่ม ตั้งแต่คบกันมานี่คือครั้งแรกที่เราสองคนได้ดินเนอร์ด้วยกัน ฉันสั่งของขวัญมาเซอร์ไพรส์เขาด้วยแหละ ตาตุลเห็นต้องชอบแน่ๆ ตอนนี้ฉันกำลังยืนมองดูเสื้อผ้าในตู้อย่างพิจารณา ก่อนจะหยิบมาทาบกับตัวเพื่อดูว่าจะใส่ชุดไหนดี ดินเนอร์ทั้งทีก็ต้องแต่งตัวสวยๆ หน่อยสิ ใช่ไหมล่ะ ประมาณสามชั่วโมงผ่านไป ตุลกลับมาจากมหาวิทยาลัยแล้ว วันนี้เขาดูกระตือรือร้นถือของมาเต็มไม้เต็มมือไปหมด “ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลย” “ของจัดโต๊ะ ไม่รู้จะใช้แบบไหนดีเลยซื้อมาหลายๆ
ฉันบอกให้ตุลรอที่หน้าประตูบ้านแล้วเป็นฝ่ายไปหาเขาเอง ใบหน้าที่สลดของเขาทำให้รู้สึกหมั่นไส้อยากจะหยิกสักที“เมียจ๋าเค้าขอโทษ ความหึงมันบังตา ขอโทษจริงๆ ต่อไปจะไม่คิดอะไรแบบนั้นอีก” ตุลพูดเสียงเล็กเสียงน้อยพร้อมกับทำหน้าสำนึกผิด แต่ฉันคงไม่ยอมง่ายๆ ต้องสั่งสอนสักหน่อย “ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด” ฉันยืนกอดอกวางมาดออกคำสั่ง ส่วนคนที่ได้ฟังก็ถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม “ถอดทำไม ?” “บอกให้ถอดก็ถอด ถามมาก!” “แต่ตรงนี้มีคนอยู่นะลิล ถ้าจะทำเรื่องสิบแปดบวกเราไปทำที่ห้องกันดีกว่าไหม” ความคิดนี้มันชี้ชัดได้แล้วว่าในหัวของเขามีแต่เรื่องบนเตียงจริงๆ “ใครจะทำเรื่องลามกแบบนั้นกันล่ะ” “อ้าว! แล้วให้ถอดทำไม”“ถอดเสื้อผ้าแล้วไปวิ่งรอบสนามหญ้ายี่สิบรอบ” “ละ…ลิล” ตุลเรียกชื่อฉันเสียงอ่อย สีหน้าของเขาเริ่มซีดเผือดขึ้นมาทันที “ถ้าอยากให้พี่หายโกรธก็ต้องทำ” “ถ้าทำแล้วต้องหายโกรธจริงๆ นะ”“ถอดสิ” ถึงแม้จะไม่เต็มใจแต่ตุลก็ยอมถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแค่เพียงบ็อกเซอร์สีดำตัวโปรดที่เขาชอบใส่กับเสื้อของฉันที่เขาพกติดตัวไม่ยอมวาง “ต้องถอดนี่ด้วยไหม” ตุลชี้ไปที่บ็อกเซอร์ชิ้นสุดท้ายบนร่างกายของตัวเอง “ไม่ต้อง”“ถ้าอย่างน
เมื่อคืนจำได้ว่าไม่ยอมให้ตุลดูดนมแต่ไหงตื่นเช้ามาริมฝีปากของเขาดันคาบอยู่ที่หน้าอกฉันได้ คงแอบตอนเผลอหลับแน่ๆ เช้าวันนี้ฉันอารมณ์ดีขึ้นไม่หงุดหงิดเหมือนเมื่อคืนแล้ว อย่าว่าแต่อารมณ์ของตุลแปรปรวนเลยอารมณ์ของฉันก็ไม่ต่างกัน “ตื่นได้แล้วตุล” วันนี้ไม่มีเรียนเขาจึงตื่นสายได้“อือ ขอดูดนมต่ออีกหน่อย” ดูเขาสิ ถ้าไม่ใช่แฟนฉันคงคิดว่าเป็นลูกแน่ๆ “วันนี้เราต้องไปลองชุดแต่งงานนะ”“ไปไม่ไหว เพลีย เหนื่อย อ้วกทั้งคืน” เขาบอกแล้วก็ปรือตาขึ้นมามอง ใบหน้าคมคายที่หล่อเหลาตอนนี้โทรมลงอย่างเห็นได้ชัด “อ้วกด้วยหรอเมื่อคืน” “อือ” วงแขนแกร่งกำชับกอดอย่างออดอ้อน “โทรนัดให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านดีไหม”“แบบนั้นก็ได้” ฉันพยักหน้าตอบ ให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านก็ดีเหมือนกัน สะดวกสบาย “แบบนี้จะเป็นเจ้าบ่าวไหวหรอ เลื่อนงานแต่งของเราออกไปก่อนจนกว่าตุลจะดีขึ้น……”“ไม่เลื่อน!!” ตุลตอบกลับมาเสียงแข็งทั้งที่ตอนแรกยังใช้เสียงออดอ้อนอยู่เลย “ไม่เห็นต้องเสียงแข็งใส่กันเลยนี่ พี่ตกใจนะ” “อือขอโทษครับ ก็ไม่อยากให้เลื่อนไงไม่ได้ตั้งใจขึ้นเสียงใส่สักหน่อย” “ลุกขึ้นไปอาบน้ำเลย เดี๋ยวพี่จะโทรบอกให้ร้านเสื้อเอาชุด
ตรวจคำผิดย้อนหลัง————ในเมื่อมันเป็นความต้องการของแฟนเด็กฉันก็ไม่สามารถขัดได้ และในตอนนี้ตุลกับฉันกำลังนอนบนเตียง โดยมีอุ้งปากร้อนๆ คาบเม็ดไตบนหน้าอกเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แถมยังใช้มือนวดคลึงหน้าอกอีกข้างไปด้วย “อื้อ~ อย่าดูดแรงสิตุล” ฉันร้องอุทานเบาๆ เหมือนโดนแกล้งไม่ให้หลับ พอเคลิ้มจะหลับตุลก็ดูดแรงๆ จนต้องสะดุ้ง “ดูดเบาๆ เองนะ” เขายังมีหน้ามาบอกด้วยใบหน้าทะเล้น อยากจะดีดหูสักที “ไม่ต้องเลย พี่เจ็บไปหมดแล้ว” “จะไปลองชุดเมื่อไร ใกล้จะถึงวันแต่งแล้วนะทำไมเจ้าสาวถึงยังทำตัวชิวอยู่อีก” ตุลพูดค้อน อีกไม่ถึงเดือนก็จะถึงวันที่เราสองคนได้แต่งงานกันแล้วแต่ฉันยังไม่ได้ไปลองชุด เหตุผลก็เพราะอาการที่ไม่ค่อยจะสู้ดีของเขานั่นแหละ “ถ้าอย่างนั้นเราไปพรุ่งนี้เลยก็ได้” ตุลยิ้มให้กับคำตอบของฉัน เหมือนเขารอให้พํดแบบนี้มานานแล้ว “อยากเห็นเมียใส่ชุดเจ้าสาวจะแย่ ต้องเป็นเจ้าสาวที่สุดที่สุดในโลกแน่ๆ”“พูดเวอร์เกินไปแล้วตุล” “พูดเรื่องจริง” เขาทำเมินกับคำตอบแล้วก็วับเม็ดไตบนหน้าอกของฉันไปดูดอีกครั้ง “สัญญากับพี่นะว่าจะไม่ดึงมือที่สามเข้ามาในชีวิตคู่หลังแต่งงานของเรา ถ้าพี่ต้องเสียใจเพราะตุลอีกครั้ง….”“
ฉันนั่งรอแฟนเด็กขี้งอนของตัวเองที่หายไปอยู่ในห้องน้ำนานเกือบครึ่งชั่วโมง พอออกมาก็เห็นว่าเหงื่อท้วมตัวเขาเลย แบบนี้จะให้กลั้นขำได้ยังไง โกรธไม่ลืมหูลืมตาจริงๆ “ขำอะไร” ตุลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ชวนหาเรื่อง ก่อนจะเดินมานอนที่เตียง “เหงื่อท้วมตัวแบบนั้นทำไมไม่ไปอาบน้ำก่อน” “ขี้เกียจ”“ลุกขึ้นไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลยนะ” “รังเกียจขนาดนั้น ?”“เปล่า แค่อยากให้ไปอาบน้ำจะได้สบายตัว” “ขี้เกียจ” เขาพูดย้ำคำเดิมแล้วก็ไม่สนใจ ฉันจึงคิดอะไรดีๆ ออกที่จะทำให้เขาหายงอน “แล้วถ้าพี่บอกว่าจะอาบน้ำให้ล่ะ ตุลจะยอมไปอาบไหม” ร่างหนาลุกขึ้นพรวดพราดแล้วเดินมาถอดเสื้อผ้าลงตะกร้าเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่า จากนั้นก็หันมาบอก “ไปรอในห้องน้ำนะ รีบๆ ตามมาด้วยล่ะ” ฉันที่กำลังอึ้งได้แต่พยักหน้าหงึกๆ กับอารมณ์ที่แปรปรวนของตุล เขานี่นะพอเรื่องแบบนั้นก็ยอมกันง่ายๆ ในเมื่อพูดแล้วก็ต้องทำตามที่พูด ฉันถอดเสื้อผ้าออกจนหมดแล้วหยิบผ้าขนหนูมาพันตัว จากนั้นก็เดินตามตุลมายังห้องน้ำ “หมอสั่งห้ามนะจำได้ใช่ไหม” ฉันย้ำก่อนเพราะกลัวว่าตุลจะทำอะไรที่มันเลยเถิด อารมณ์ของเขายิ่งพลุกพล่านเกินหักห้ามอยู่ด้วย “มาตรงนี้” เขาดึงผ้าขนห
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป การเป็นคนท้องนี่มันสบายแบบนี้นี่เอง เพราะตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาลวันนั้นฉันก็แทบไม่ต้องหยิบจับอะไรเลย แถมตอนไปเรียนตุลก็กำชับว่าห้ามไปไหนเด็ดขาด ห้ามขับรถ ห้ามเดินเยอะ เขาสั่งให้ฉันอยู่ในห้อง นี่เขาจริงจังถึงขั้นซื้อกล้องมาติดในห้องเพื่อดูฉันเลยนะ เรื่องท้องฉันกับตุลตกลงกันแล้วว่าจะไม่บอกทางบ้าน รอเซอร์ไพรส์วันแต่งงาน หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันแทบไม่เจอเฮียเลย ถึงแม้ปกติจะไม่ค่อยได้เจออยู่แล้วแต่ครั้งนี้มันต่างออกไป แถมเฮียยังมีท่าทางแปลกๆ มาขอชุดที่ฉันไม่ได้ใส่แล้วบอกว่าจะเอาไปบริจาค มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เฮียจะทำแบบนั้น อย่าคิดนะว่าเห็นอยู่กับฉันเฮียดูเป็นพี่ชายที่แสนดี นั่นมันก็แค่กับฉันที่เป็นน้องสาว ถ้าเป็นคนอื่นเฮียไม่เคยไว้หน้าใคร ก็คิดดูสิว่าคนที่ทำธุรกิจสีเทาได้ต้องโหดขนาดไหน หลายชั่วโมงผ่านไปที่ฉันนอนเบื่อหน่ายอยู่บนเตียงจนกระทั่งตุลกลับมา เขาถือเสื้อของฉันติดมือไม่ยอมให้ห่างเลยจริงๆ “วันนี้เรียนเหนื่อยมาก ขอชาร์จแบตหน่อย” เขาพูดเสียงอ้อนแล้วก็โอบแขนแกร่งมาสวมกอดฉันเพื่อชาร์จแบตให้กับร่างกาย“ขี้อ้อนนะเราเดี๋ยวนี้” “วันนี้ไอ้กันชวนไปวันเกิดมัน” “ว
Talk ตุล แทบทั้งคืนที่ผมไม่ได้นอนเพราะมันรู้สึกไม่สบายตัวและอยากจะอ้วกในบางครั้ง แต่เพราะไม่ได้กินอะไรเลยทำให้อ้วกก็ไม่มีอะไรออกมา ผมที่ตื่นก่อนกำลังนอนมองใบหน้าหวานของว่าที่ภรรยาในอนาคตที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องอยู่ในตอนนี้ เมื่อคืนเธอคอยตื่นมาดูอาการของผมจนแทบไม่ได้นอนเหมือนกัน “ทำตัวน่ารักขนาดนี้ไม่ให้คลั่งรักได้ยังไง” ผมพูดกับใบหน้าหวานที่กำลังนอนหลับอย่างเอ็นดู ตอนนี้มันชินแล้วที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอหน้าผู้หญิงคนนี้เป็นคนแรก วันไหนไม่ได้นอนด้วยมันรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง จุ๊บ! ผมก้มลงหอมแก้มแดงระเรื่อฟอดใหญ่ กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์มันทำให้อยากฝังจมูกอยู่แบบนั้นไม่อยากผละออกไปไหน “อื้อ~” เสียงอู้อี้ในลำคอเหมือนจะรู้สึกรำคาญที่ถูกรบกวนของคนที่กำลังนอนหลับดังขึ้นมา ผมค่อย ๆ ยกปลายจมูกออกจากแก้มนิ่ม ๆ อย่างนึกเสียดายผมจับเอาเสื้อของลิลมาพาดไว้บนบ่า ก่อนจะลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์กับบุหรี่เดินมาที่นอกระเบียง จู่ ๆ ก็ติดกลิ่นเสื้อของเมียขึ้นมา ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมและไม่สามารถอธิบายได้ ขณะที่ยืนสูบบุหรี่ก็ใช้สายตามองเข้าไปในห้องดูลิลที่กำลังนอนหลับ สมองมันคิดถึงวันแรกที่เธอตามจีบ