หมอถอนหายใจแล้วพูดขึ้นว่า “โชคดีที่คนไข้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นอาจเป็นอันตรายได้”“หลังจากทำความสะอาดบาดแผลแล้ว ก็พบว่ามีบาดแผลทั้งเล็กและใหญ่บนศีรษะของคนไข้มากกว่าสิบที่ และจำเป็นต้องเย็บแผลที่หนังศีรษะจำนวนมากกว่าเจ็ดสิบเข็ม!”“เธอคงจะทรมานมาก แต่ก็ยังไม่ยอมให้ฉีดยาชา แล้วก็กัดฟันทนไปทั้งอย่างนั้น”ผู้หญิงคนนั้นคือแม่ของซูเฉี่ยนเฉี่ยน หลังจากฟังคำพูดของหมอ เธอก็ร้องไห้ออกมา“หมอคะ ตอนนี้ฉันขอเข้าไปดูลูกหน่อยได้ไหม?”หมอพยักหน้า “ได้สิครับ แต่พยายามอย่านานเกินไป”“คนไข้เสียเลือดมาก และได้รับการกระทบกระเทือนที่ศีรษะอย่างรุนแรง จำเป็นต้องใช้เวลามาก ๆ ในการพักฟื้น”“อีกอย่าง ในขณะที่คนไข้หมดสติอยู่ เธอกลับตะโกนว่า ‘ฉันไม่ได้ขโมย’ อยู่หลายครั้ง แบบนี้ผมคิดว่าคนไข้น่าจะถูกรังแกมา พวกคุณช่วยใส่ใจกับสภาพจิตใจของคนไข้ และปลอบใจเธอเยอะ ๆ ด้วย”“ถ้าคนไข้มีสภาพจิตใจที่ดี ก็จะฟื้นตัวเร็วขึ้นด้วย”หญิงคนนั้นพยักหน้าทั้งน้ำตา “เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ!”ทันทีที่หมอเดินจากไป เสียงตะโกนก็ดังขึ้น“ซวยจริง ๆ ฉัน ซูหมิงอวี๋คนนี้ มีชื่อเสียงที่ดีมาโดยตลอด ทำไมถึงได
ในโรงแรมโทรศัพท์มือถือของลั่วอู๋ฉางดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาแล้วรับสายด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์น้อง เข้าร่วมงานเลี้ยงเสร็จเร็วขนาดนี้เลยหรือ เป็นยังไงบ้าง?”เขาคิดไว้ก่อนแล้วว่าซูเฉี่ยนเฉี่ยนไม่มีทางทำสำเร็จได้ไม่มีใครสักคนที่รู้จักเธอ จึงไม่มีใครให้เครดิตกับเธอได้ แล้วยังไปงานเลี้ยงเพื่อขอความร่วมมือ แน่นอนอยู่แล้วว่าเธอต้องถูกปฏิเสธลั่วอู๋ฉางกำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อปลอบใจสาวน้อย ทันใดนั้นก็มีเสียงผู้หญิงที่ไม่คุ้นเคยดังมาจากโทรศัพท์“ขอโทษนะคะ คุณคือคุณลั่ว ศิษย์พี่ของซูเฉี่ยนเฉี่ยนหรือเปล่า?”ลั่วอู๋ฉางเปลี่ยนน้ำเสียงทันที “คุณเป็นใคร ทำไมถึงใช้โทรศัพท์ของเฉี่ยนเฉี่ยน?”“ฉันชื่อเสี่ยวเสวี่ย เป็นเพื่อนกับเฉี่ยนเฉี่ยนค่ะ”เสี่ยวเสวี่ยอธิบาย “เฉี่ยนเฉี่ยนมักจะพูดถึงคุณให้ฉันฟังทางโทรศัพท์ ฉันก็เลยลองโทรหาคุณดู ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นกับเฉี่ยนเฉี่ยนแล้วค่ะ!”“เรื่องอะไร?” ลั่วอู๋ฉางตะโกนถามพร้อมยืนขึ้นเสี่ยวเสวี่ยเล่าอย่างคร่าว ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือเพราะร้องไห้เนื่องจากเธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ซูเฉี่ยนเฉี่ยนเข้าไปในงานเลี้ยง เธอจึงทำได้แค่คาดเดาตามผลลัพ
ความคับข้องใจบนใบหน้าของซูเฉี่ยนเฉี่ยนถูกลบล้างออกไปทันที“ไอ้หนุ่ม ฉันไม่ได้อยากจะขัดหรอกนะ”ซูหมิงอวี๋ยิ้มเยาะและพูด “เราไม่ต้องพูดถึงเรื่องความแข็งแกร่งของตระกูลหม่าก่อน เอาแค่เรื่องที่ว่า เรื่องนี้เป็นความผิดของเรา งั้นสาเหตุของการแก้แค้นคืออะไร?”“แล้วจะแก้แค้นยังไง?”“คุณหม่าเธอไม่มาเอาเรื่องก็บุญแค่ไหนแล้ว ต้องกราบดินขอบคุณฟ้าด้วยซ้ำ!”ลั่วอู๋ฉางพูดแทรก “ในฐานะคนเป็นพ่อ ทำไมคุณถึงเชื่อคำพูดเหลวไหลของคนอื่นมากกว่าลูกสาวของคุณเอง?”ซูหมิงอวี๋จ้องลั่วอู๋ฉาง “แกมีสิทธิ์อะไรมาถามฉันแบบนี้? แกเป็นใคร!”“อย่าคิดว่าแค่ช่วยชีวิตชายชราซูได้โดยบังเอิญ แล้วจะมาอวดดีใส่หน้าฉันได้ เรามันต่างชั้นกันไกล!”“ใคร ๆ ก็บอกว่าซูเฉี่ยนเฉี่ยนเป็นคนขโมยของ และของที่ถูกขโมยก็ถูกค้นเจอในกระเป๋าของมันต่อหน้าทุกคน ใคร ๆ ก็รู้กันหมด แล้วยังจะเฉไฉอะไรได้อีก?”ลั่วอู๋ฉางตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “ผมไม่เชื่อ!”“แกมีหลักฐานว่ามันถูกใส่ร้ายไหมล่ะ แค่แกบอกว่าไม่เชื่อมีประโยชน์อะไร?” ซูหมิงอวี๋เถียงเสียงดังลั่วอู๋ฉางมองไปยังซูเฉี่ยนเฉี่ยนและพูดอย่างเคร่งขรึม “ผมไม่ต้องการหลักฐานอะไรทั้งนั้น ผมเชื่อเฉี่ยนเฉี่
ณ โรงแรมไฮแอท ในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่เป็นฉากที่มีชีวิตชีวาเรื่องสะดุดเล็กน้อยในช่วงเริ่มต้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่องานเลี้ยงเลยในฐานะตัวเอกของงาน หม่าอวี่เฟยก็เหมือนกับเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ เธอถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนกลุ่มหนึ่ง เพลิดเพลินกับการสรรเสริญทุกอย่างที่เป็นของเธอ และได้ยินแต่คำพูดที่สวยงามทุกชนิดหม่าอวี่เฟยอารมณ์ดี และเสียงหัวเราะของเธอก็ไม่หยุดลงเลย“คุณหม่าน่าจะเหนื่อยแล้ว ทุกคนให้คุณหม่าได้พักเสียหน่อย กิจกรรมหลักจะมาในภายหลัง”แม่บ้านของตระกูลหม่ามีรอยยิ้มบนใบหน้าและดูเป็นมิตรตลอดเวลา แต่กลับมีน้ำเสียงเด็ดขาดแม้ว่าทุกคนจะไม่เต็มใจ แต่พวกเขาก็ยังคงแยกย้ายกันไปชั่วคราวทันทีที่หม่าอวี่เฟยนั่งลงในบริเวณพักผ่อน เย่ซิงหยุนและถังเจียเจียก็เข้ามาอย่างไร้ยางอายเมื่อสักครู่นี้ หม่าอวี่เฟยถูกรายล้อมไปด้วยคนกลุ่มหนึ่ง และพวกเขาไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เลยไม่ใช่เพราะพวกเขาหน้าหนาไม่พอ แต่คนกลุ่มนั้นแข็งแกร่งกว่าพวกเขามากในแง่ของชาติตระกูลและสถานะครอบครัวพวกเขาไม่มีทางที่จะแทรกเข้าไปได้เลย!“คุณหม่า เรื่องเมื่อครู่นี่ช่างระบายความเคียดแค้นได้ดีจริง ๆ”ถังเจียเจียพูดต่อ “คุณหม่
“ต่างหูเพชรมูลค่าเป็นสิบล้าน ฉันไม่กล้ารับของมีค่าขนาดนี้ไว้หรอกค่ะ เกรงว่าใครจะคิดว่าฉัน หม่าอวี่เฟยคนนี้ เป็นคนประเภทที่เห็นแก่เงิน”หม่าอวี่เฟยกล่าวด้วยท่าทางไม่แยแสเธอรู้สึกไม่อยากเสียหน้าให้คนคนนี้!ถ้ารับของขวัญที่จริง ๆ แล้วราคาแค่สี่ถึงห้าล้าน ราวกับว่ามันมีค่ามากกว่าสิบล้าน มันจะไม่ทำให้ทุกคนคิดว่าหม่าอวี่เฟยคนนี้โง่เขลาและถูกหลอกได้ง่ายหรือ?เย่ซิงหยุนนิ่งอึ้งไป ตอนนี้เขาเพิ่งรู้สึกตัว ว่าสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาด กลับกลายเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองเมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาคุยโวโอ้อวดต่อหน้าพ่อ เขารู้สึกเหมือนถูกตบหน้าอย่างแรงเย่ซิงหยุนทำได้เพียงหยิบของขวัญขึ้นมาและจากไปอย่างหดหู่ใจหม่าอวี่เฟยส่งเสียง ‘เฮอะ’ ออกมาเบา ๆ เป็นการเหยียดหยามถิ่นของฉัน ฉันก็ต้องเป็นคนควบคุมอยู่แล้ว!ไม่ถูกใจใครก็แค่ไล่ออกไปแค่นั้น!“คุณหนูคะ คุณชายซุนกับคุณชายอู๋มาถึงแล้วค่ะ” แม่บ้านเข้ามารายงานเธอเห็นชายหนุ่มรูปงามสองคน แต่งกายดูดีมีรสนิยม ท่าทางสง่าผ่าเผยกำลังเดินมาทางนี้หม่าอวี่เฟยดูมีความสุขและลุกขึ้นยืนอย่างเร่งรีบ “ศิษย์พี่ซุน ศิษย์พี่อู๋ พวกคุณมากันแล้ว!”“คุณหม
“เพล้ง...”ร่างสองร่างถูกโยนพุ่งเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง พร้อมกับเสียงกระจกแตกที่ดังขึ้น“โครม!”โต๊ะไวน์ถูกถูกกระแทกด้วยร่างของบอดี้การ์ดทั้งสองจนหัก และทั้งสองก็นอนคร่ำครวญอยู่บนพื้นด้วยเศษแก้วและคราบไวน์ทั่วร่างกายเหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหันทำให้ทุกคนตกใจ!แล้วห้องโถงที่คึกคักก็เงียบลงเกิดอะไรขึ้น?หลังจากนั้นไม่นาน ชายร่างโปร่งก็เดินเข้ามาโดยไร้ซึ่งคนขวางดวงตาที่เฉียบคมคู่นั้นมองกวาดไปทั่วสถานที่“ใครคือหม่าอวี่เฟย?” ลั่วอู๋ฉางตะโกนถามเสียงของเขาทำให้ทุกคนตกใจ เสียงทุ้มลึกของเขาราวกับฟ้าร้องและความโกรธดังก้องไปทั่วทั้งพื้นที่!ทุกคนหันหลังกลับมามองด้วยความโกรธบนใบหน้าไอ้หมอนี่เป็นใคร?กล้ามากที่เรียกชื่อของคุณหม่าห้วน ๆ!เกรงว่าบอดี้การ์ดที่กระเด็นเข้ามาเมื่อครู่นี้อาจเป็นฝึมือของเขาเขามารนหาที่ตายหรือ?หม่าอวี่เฟยที่กำลังสนทนากับศิษย์พี่ทั้งสองอย่างกระตือรือร้นทั้งสอง จู่ ๆ ก็มีสีหน้าเคร่งขรึม เธอลุกขึ้นยืนและพูด “ใครเรียกฉัน?”สายตาเย็นชาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารจ้องไปยังหม่าอวี่เฟยร่างกายของหม่าอวี่เฟยสั่นไหวราวกับว่าเธออยู่ในถ้ำน้ำแข็งครู่หนึ่ง และความหนาวเย็นท
“ฉันไม่มีวันปล่อยแกไปง่าย ๆ แน่ แกตายแน่...”“เพียะ!”ฝ่ามือกระทบลงบนใบหน้าอีกข้างของหม่าอวี่เฟยอีกครั้งหม่าอวี่เฟยโดนตบจนจมูกเบี้ยว ทั้งยังเผยให้เห็นซิลิโคนเสริมจมูกที่อยู่ข้างใน เมื่อเธออ้าปากก็มีฟันร่วงลงมาห้าหกซี่ ปากของเธอเต็มไปด้วยเลือด ดูน่าอนาถนักตู้ม!ดูเหมือนว่าทั่วทั้งห้องโถงจะระเบิด!การตบครั้งแรกเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน จึงไม่มีใครได้เตรียมรับมือเลยแต่จากนั้นก็ตบครั้งที่สองต่อทันที ชายแปลกหน้าคนนี้เป็นใครกันแน่?เขาบ้าไปแล้วหรือ!ต่อให้ใจกล้ามากขนาดไหน แต่ก็ไม่ควรไปท้าทายตระกูลหม่าพฤติกรรมของลั่วอู๋ฉางทำให้เกิดความโกลาหลทุกคนต่างตกตะลึงในภาพจำของทุกคน มีแต่หม่าอวี่เฟยที่ข่มเหงรังแกผู้อื่นอย่างเช่นเมื่อครู่นี้ เธอตีหัวหญิงสาวอีกคนด้วยขวดไวน์จนเป็นแผลเหวอะหวะและสลบไป!ไม่มีใครกล้าห้าม และไม่มีใครกล้าออกโรงปกป้องคนบาดเจ็บด้วยซ้ำนี่คือสาเหตุที่ทำให้หม่าอวี่เฟยเย่อหยิ่ง!แต่ตอนนี้เธอกลับถูกทุบตีอย่างรุนแรง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน“ครั้งแรกสำหรับจิตใจโหดเหี้ยมของเธอ ครั้งที่สองสำหรับความโอหังของเธอ!”ลั่วอู๋ฉางกล่าวอย่างเคร่งขรึม “นี่แค่
คุณชายซุนและคุณชายอู๋ลุกขึ้นพร้อมกัน ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความโกรธพวกเขาเป็นตัวแทนของสำนักกระบี่เหล็กและศิษย์พี่หม่าหยุนหลงที่มาเพื่อฉลองวันเกิดให้หม่าอวี่เฟยโดยเฉพาะหม่าอวี่เฟยถูกทุบตีอย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าพวกเขา แล้วจะกลับไปอธิบายกับศิษย์พี่หม่าอย่างไร?“ใจกล้าดีนี่ กล้าตบตีคุณหม่าถึงขนาดนี้ ไม่เคารพกฏเกณฑ์เอาซะเลย!”พวกเขาทั้งสองจ้องมองด้วยความโกรธและพุ่งไปข้างหน้าเพื่อปกป้องหม่าอวี่เฟยที่อยู่ข้างหลังพวกเขาหม่าอวี่เฟยพูดเสียงดังราวกับกำลังจับฟางช่วยชีวิต “ศิษย์พี่ทั้งสอง รีบแก้แค้นให้ฉันที จบเรื่องแล้วฉันจะบอกให้พี่ชายฉันขอบคุณพวกพี่ดี ๆ แน่นอน!”พวกเขาทั้งสองมีความรับผิดชอบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว และหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ พวกเขาก็จะไม่หลบเลี่ยงอีกต่อไป“คุณหม่าวางใจเถอะครับ มีเราสองคนอยู่ จะไม่มีใครแตะต้องคุณได้อีก แม้กระทั่งปลายเล็บ!” ศิษย์พี่อู๋รับประกันศิษย์พี่ซุนพูดเสริม “ใช่แล้ว! มารังแกครอบครัวของสำนักกระบี่เหล็ก ช่างไม่รู้จักที่ตายเสียจริง!”หม่าอวี่เฟยพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ขอบคุณศิษย์พี่ทั้งสองมากนะคะ ดีจริง ๆ ที่มีพวกพี่อยู่...”“เพียะ!”มีเสียง