“เพล้ง!”ขวดไวน์กระทบลงหน้าผากของซูเฉี่ยนเฉี่ยนอย่างแม่นยำซูเฉี่ยนเฉี่ยนถูกล็อคตัวไว้โดยบอดี้การ์ดสองคนซึ่งมีพละกำลังไม่น้อยไปกว่าเธอ และเธอก็ไม่มีโอกาสหลบเสียงดังฟังชัด และไวน์แดงก็ไหลลงมาบนใบหน้าของเธอผู้เห็นเหตุการณ์ต่างตกใจ และพวกเขาทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าเจ็บปวดแทนเธอในขณะเดียวกัน ถังเจียเจียกับเย่ชิงหยุนต่างก็แสดงสีหน้าพึงพอใจ!สมน้ำหน้า!นี่ก็คือผลที่เธอเลือกที่จะอยู่กับลั่วอู๋ฉาง“อีนังชั้นต่ำ กล้าดียังไงถึงขโมยของไปจากฉัน!” หม่าอวี่เฟยตะโกนอย่างโกรธเคืองซูเฉี่ยนเฉี่ยนที่โดนขวดไวน์ฟาดหัวจนตาพร่ามัวยังคงยืนกราน “ฉันไม่ได้ทำ!”“ยังจะตอแหลอีก แกหาเรื่องใส่ตัวเองนะ!”หม่าอวี่เฟยโกรธมากจนหยิบขวดไวน์ขึ้นมาอีกขวดทันที“เพล้ง!”“เพล้ง! เพล้ง!”หลังจากโดนฟาดด้วยขวดไวน์หกขวดติดต่อกัน ร่างกายของซูเฉี่ยนเฉี่ยนไม่เพียงแต่ชุ่มไปด้วยไวน์เท่านั้น แต่เธอยังหัวแตกอีกด้วย และเลือดที่ผสมกับไวน์ก็ไหลลงมาเธอตัวสั่นเทาและแทบจะทนไม่ไหวแล้ว“ไม่ใช่ฉัน ฉันไม่ได้ขโมย!”ความเจ็บปวดอันรุนแรงทำให้เธอสั่นไปทั้งตัว แต่เธอก็ยังปฏิเสธที่จะยอมรับเมื่อหลาย ๆ คนเห็นแบบนี้ พวกเขาก็รู
หมอถอนหายใจแล้วพูดขึ้นว่า “โชคดีที่คนไข้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นอาจเป็นอันตรายได้”“หลังจากทำความสะอาดบาดแผลแล้ว ก็พบว่ามีบาดแผลทั้งเล็กและใหญ่บนศีรษะของคนไข้มากกว่าสิบที่ และจำเป็นต้องเย็บแผลที่หนังศีรษะจำนวนมากกว่าเจ็ดสิบเข็ม!”“เธอคงจะทรมานมาก แต่ก็ยังไม่ยอมให้ฉีดยาชา แล้วก็กัดฟันทนไปทั้งอย่างนั้น”ผู้หญิงคนนั้นคือแม่ของซูเฉี่ยนเฉี่ยน หลังจากฟังคำพูดของหมอ เธอก็ร้องไห้ออกมา“หมอคะ ตอนนี้ฉันขอเข้าไปดูลูกหน่อยได้ไหม?”หมอพยักหน้า “ได้สิครับ แต่พยายามอย่านานเกินไป”“คนไข้เสียเลือดมาก และได้รับการกระทบกระเทือนที่ศีรษะอย่างรุนแรง จำเป็นต้องใช้เวลามาก ๆ ในการพักฟื้น”“อีกอย่าง ในขณะที่คนไข้หมดสติอยู่ เธอกลับตะโกนว่า ‘ฉันไม่ได้ขโมย’ อยู่หลายครั้ง แบบนี้ผมคิดว่าคนไข้น่าจะถูกรังแกมา พวกคุณช่วยใส่ใจกับสภาพจิตใจของคนไข้ และปลอบใจเธอเยอะ ๆ ด้วย”“ถ้าคนไข้มีสภาพจิตใจที่ดี ก็จะฟื้นตัวเร็วขึ้นด้วย”หญิงคนนั้นพยักหน้าทั้งน้ำตา “เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ!”ทันทีที่หมอเดินจากไป เสียงตะโกนก็ดังขึ้น“ซวยจริง ๆ ฉัน ซูหมิงอวี๋คนนี้ มีชื่อเสียงที่ดีมาโดยตลอด ทำไมถึงได
ในโรงแรมโทรศัพท์มือถือของลั่วอู๋ฉางดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาแล้วรับสายด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์น้อง เข้าร่วมงานเลี้ยงเสร็จเร็วขนาดนี้เลยหรือ เป็นยังไงบ้าง?”เขาคิดไว้ก่อนแล้วว่าซูเฉี่ยนเฉี่ยนไม่มีทางทำสำเร็จได้ไม่มีใครสักคนที่รู้จักเธอ จึงไม่มีใครให้เครดิตกับเธอได้ แล้วยังไปงานเลี้ยงเพื่อขอความร่วมมือ แน่นอนอยู่แล้วว่าเธอต้องถูกปฏิเสธลั่วอู๋ฉางกำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อปลอบใจสาวน้อย ทันใดนั้นก็มีเสียงผู้หญิงที่ไม่คุ้นเคยดังมาจากโทรศัพท์“ขอโทษนะคะ คุณคือคุณลั่ว ศิษย์พี่ของซูเฉี่ยนเฉี่ยนหรือเปล่า?”ลั่วอู๋ฉางเปลี่ยนน้ำเสียงทันที “คุณเป็นใคร ทำไมถึงใช้โทรศัพท์ของเฉี่ยนเฉี่ยน?”“ฉันชื่อเสี่ยวเสวี่ย เป็นเพื่อนกับเฉี่ยนเฉี่ยนค่ะ”เสี่ยวเสวี่ยอธิบาย “เฉี่ยนเฉี่ยนมักจะพูดถึงคุณให้ฉันฟังทางโทรศัพท์ ฉันก็เลยลองโทรหาคุณดู ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นกับเฉี่ยนเฉี่ยนแล้วค่ะ!”“เรื่องอะไร?” ลั่วอู๋ฉางตะโกนถามพร้อมยืนขึ้นเสี่ยวเสวี่ยเล่าอย่างคร่าว ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือเพราะร้องไห้เนื่องจากเธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ซูเฉี่ยนเฉี่ยนเข้าไปในงานเลี้ยง เธอจึงทำได้แค่คาดเดาตามผลลัพ
ความคับข้องใจบนใบหน้าของซูเฉี่ยนเฉี่ยนถูกลบล้างออกไปทันที“ไอ้หนุ่ม ฉันไม่ได้อยากจะขัดหรอกนะ”ซูหมิงอวี๋ยิ้มเยาะและพูด “เราไม่ต้องพูดถึงเรื่องความแข็งแกร่งของตระกูลหม่าก่อน เอาแค่เรื่องที่ว่า เรื่องนี้เป็นความผิดของเรา งั้นสาเหตุของการแก้แค้นคืออะไร?”“แล้วจะแก้แค้นยังไง?”“คุณหม่าเธอไม่มาเอาเรื่องก็บุญแค่ไหนแล้ว ต้องกราบดินขอบคุณฟ้าด้วยซ้ำ!”ลั่วอู๋ฉางพูดแทรก “ในฐานะคนเป็นพ่อ ทำไมคุณถึงเชื่อคำพูดเหลวไหลของคนอื่นมากกว่าลูกสาวของคุณเอง?”ซูหมิงอวี๋จ้องลั่วอู๋ฉาง “แกมีสิทธิ์อะไรมาถามฉันแบบนี้? แกเป็นใคร!”“อย่าคิดว่าแค่ช่วยชีวิตชายชราซูได้โดยบังเอิญ แล้วจะมาอวดดีใส่หน้าฉันได้ เรามันต่างชั้นกันไกล!”“ใคร ๆ ก็บอกว่าซูเฉี่ยนเฉี่ยนเป็นคนขโมยของ และของที่ถูกขโมยก็ถูกค้นเจอในกระเป๋าของมันต่อหน้าทุกคน ใคร ๆ ก็รู้กันหมด แล้วยังจะเฉไฉอะไรได้อีก?”ลั่วอู๋ฉางตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “ผมไม่เชื่อ!”“แกมีหลักฐานว่ามันถูกใส่ร้ายไหมล่ะ แค่แกบอกว่าไม่เชื่อมีประโยชน์อะไร?” ซูหมิงอวี๋เถียงเสียงดังลั่วอู๋ฉางมองไปยังซูเฉี่ยนเฉี่ยนและพูดอย่างเคร่งขรึม “ผมไม่ต้องการหลักฐานอะไรทั้งนั้น ผมเชื่อเฉี่ยนเฉี่
ณ โรงแรมไฮแอท ในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่เป็นฉากที่มีชีวิตชีวาเรื่องสะดุดเล็กน้อยในช่วงเริ่มต้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่องานเลี้ยงเลยในฐานะตัวเอกของงาน หม่าอวี่เฟยก็เหมือนกับเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ เธอถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนกลุ่มหนึ่ง เพลิดเพลินกับการสรรเสริญทุกอย่างที่เป็นของเธอ และได้ยินแต่คำพูดที่สวยงามทุกชนิดหม่าอวี่เฟยอารมณ์ดี และเสียงหัวเราะของเธอก็ไม่หยุดลงเลย“คุณหม่าน่าจะเหนื่อยแล้ว ทุกคนให้คุณหม่าได้พักเสียหน่อย กิจกรรมหลักจะมาในภายหลัง”แม่บ้านของตระกูลหม่ามีรอยยิ้มบนใบหน้าและดูเป็นมิตรตลอดเวลา แต่กลับมีน้ำเสียงเด็ดขาดแม้ว่าทุกคนจะไม่เต็มใจ แต่พวกเขาก็ยังคงแยกย้ายกันไปชั่วคราวทันทีที่หม่าอวี่เฟยนั่งลงในบริเวณพักผ่อน เย่ซิงหยุนและถังเจียเจียก็เข้ามาอย่างไร้ยางอายเมื่อสักครู่นี้ หม่าอวี่เฟยถูกรายล้อมไปด้วยคนกลุ่มหนึ่ง และพวกเขาไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เลยไม่ใช่เพราะพวกเขาหน้าหนาไม่พอ แต่คนกลุ่มนั้นแข็งแกร่งกว่าพวกเขามากในแง่ของชาติตระกูลและสถานะครอบครัวพวกเขาไม่มีทางที่จะแทรกเข้าไปได้เลย!“คุณหม่า เรื่องเมื่อครู่นี่ช่างระบายความเคียดแค้นได้ดีจริง ๆ”ถังเจียเจียพูดต่อ “คุณหม่
“ต่างหูเพชรมูลค่าเป็นสิบล้าน ฉันไม่กล้ารับของมีค่าขนาดนี้ไว้หรอกค่ะ เกรงว่าใครจะคิดว่าฉัน หม่าอวี่เฟยคนนี้ เป็นคนประเภทที่เห็นแก่เงิน”หม่าอวี่เฟยกล่าวด้วยท่าทางไม่แยแสเธอรู้สึกไม่อยากเสียหน้าให้คนคนนี้!ถ้ารับของขวัญที่จริง ๆ แล้วราคาแค่สี่ถึงห้าล้าน ราวกับว่ามันมีค่ามากกว่าสิบล้าน มันจะไม่ทำให้ทุกคนคิดว่าหม่าอวี่เฟยคนนี้โง่เขลาและถูกหลอกได้ง่ายหรือ?เย่ซิงหยุนนิ่งอึ้งไป ตอนนี้เขาเพิ่งรู้สึกตัว ว่าสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาด กลับกลายเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองเมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาคุยโวโอ้อวดต่อหน้าพ่อ เขารู้สึกเหมือนถูกตบหน้าอย่างแรงเย่ซิงหยุนทำได้เพียงหยิบของขวัญขึ้นมาและจากไปอย่างหดหู่ใจหม่าอวี่เฟยส่งเสียง ‘เฮอะ’ ออกมาเบา ๆ เป็นการเหยียดหยามถิ่นของฉัน ฉันก็ต้องเป็นคนควบคุมอยู่แล้ว!ไม่ถูกใจใครก็แค่ไล่ออกไปแค่นั้น!“คุณหนูคะ คุณชายซุนกับคุณชายอู๋มาถึงแล้วค่ะ” แม่บ้านเข้ามารายงานเธอเห็นชายหนุ่มรูปงามสองคน แต่งกายดูดีมีรสนิยม ท่าทางสง่าผ่าเผยกำลังเดินมาทางนี้หม่าอวี่เฟยดูมีความสุขและลุกขึ้นยืนอย่างเร่งรีบ “ศิษย์พี่ซุน ศิษย์พี่อู๋ พวกคุณมากันแล้ว!”“คุณหม
“เพล้ง...”ร่างสองร่างถูกโยนพุ่งเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง พร้อมกับเสียงกระจกแตกที่ดังขึ้น“โครม!”โต๊ะไวน์ถูกถูกกระแทกด้วยร่างของบอดี้การ์ดทั้งสองจนหัก และทั้งสองก็นอนคร่ำครวญอยู่บนพื้นด้วยเศษแก้วและคราบไวน์ทั่วร่างกายเหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหันทำให้ทุกคนตกใจ!แล้วห้องโถงที่คึกคักก็เงียบลงเกิดอะไรขึ้น?หลังจากนั้นไม่นาน ชายร่างโปร่งก็เดินเข้ามาโดยไร้ซึ่งคนขวางดวงตาที่เฉียบคมคู่นั้นมองกวาดไปทั่วสถานที่“ใครคือหม่าอวี่เฟย?” ลั่วอู๋ฉางตะโกนถามเสียงของเขาทำให้ทุกคนตกใจ เสียงทุ้มลึกของเขาราวกับฟ้าร้องและความโกรธดังก้องไปทั่วทั้งพื้นที่!ทุกคนหันหลังกลับมามองด้วยความโกรธบนใบหน้าไอ้หมอนี่เป็นใคร?กล้ามากที่เรียกชื่อของคุณหม่าห้วน ๆ!เกรงว่าบอดี้การ์ดที่กระเด็นเข้ามาเมื่อครู่นี้อาจเป็นฝึมือของเขาเขามารนหาที่ตายหรือ?หม่าอวี่เฟยที่กำลังสนทนากับศิษย์พี่ทั้งสองอย่างกระตือรือร้นทั้งสอง จู่ ๆ ก็มีสีหน้าเคร่งขรึม เธอลุกขึ้นยืนและพูด “ใครเรียกฉัน?”สายตาเย็นชาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารจ้องไปยังหม่าอวี่เฟยร่างกายของหม่าอวี่เฟยสั่นไหวราวกับว่าเธออยู่ในถ้ำน้ำแข็งครู่หนึ่ง และความหนาวเย็นท
“ฉันไม่มีวันปล่อยแกไปง่าย ๆ แน่ แกตายแน่...”“เพียะ!”ฝ่ามือกระทบลงบนใบหน้าอีกข้างของหม่าอวี่เฟยอีกครั้งหม่าอวี่เฟยโดนตบจนจมูกเบี้ยว ทั้งยังเผยให้เห็นซิลิโคนเสริมจมูกที่อยู่ข้างใน เมื่อเธออ้าปากก็มีฟันร่วงลงมาห้าหกซี่ ปากของเธอเต็มไปด้วยเลือด ดูน่าอนาถนักตู้ม!ดูเหมือนว่าทั่วทั้งห้องโถงจะระเบิด!การตบครั้งแรกเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน จึงไม่มีใครได้เตรียมรับมือเลยแต่จากนั้นก็ตบครั้งที่สองต่อทันที ชายแปลกหน้าคนนี้เป็นใครกันแน่?เขาบ้าไปแล้วหรือ!ต่อให้ใจกล้ามากขนาดไหน แต่ก็ไม่ควรไปท้าทายตระกูลหม่าพฤติกรรมของลั่วอู๋ฉางทำให้เกิดความโกลาหลทุกคนต่างตกตะลึงในภาพจำของทุกคน มีแต่หม่าอวี่เฟยที่ข่มเหงรังแกผู้อื่นอย่างเช่นเมื่อครู่นี้ เธอตีหัวหญิงสาวอีกคนด้วยขวดไวน์จนเป็นแผลเหวอะหวะและสลบไป!ไม่มีใครกล้าห้าม และไม่มีใครกล้าออกโรงปกป้องคนบาดเจ็บด้วยซ้ำนี่คือสาเหตุที่ทำให้หม่าอวี่เฟยเย่อหยิ่ง!แต่ตอนนี้เธอกลับถูกทุบตีอย่างรุนแรง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน“ครั้งแรกสำหรับจิตใจโหดเหี้ยมของเธอ ครั้งที่สองสำหรับความโอหังของเธอ!”ลั่วอู๋ฉางกล่าวอย่างเคร่งขรึม “นี่แค่
ชวีซานตัวไม่กล้าขัดขืน ได้แต่ทำตามคำสั่งเมื่อทุกคนมาถึงภูเขาด้านหลัง ฟ้าก็เริ่มสางแล้วเบื้องหน้าคือเหวลึกที่ขวางทางอยู่ลั่วอู๋ฉางผูกปลายเชือกด้านหนึ่งไว้กับเสา แล้วสะพายเชือกที่มัดรวมกันไว้บนหลัง ก่อนพยักหน้าให้ทุกคน"มีปัญหาอะไรไหม?"ลั่วอู๋ฉางถามอาวุโสที่มีใบหน้าฟกช้ำดำเขียวคนนั้นอาวุโสรีบตอบ "ไม่มีปัญหาครับ!"ลั่วอู๋ฉางกระโดดขึ้นด้วยเท้าข้างเดียว ตัวเขาลอยขึ้นสูงก่อนเหาะตรงไปยังอีกฟากของหน้าผาเมื่อเหาะไปได้ครึ่งทาง ร่างของลั่วอู๋ฉางก็เริ่มร่วงลงเมื่อคำนวณจากมุมนี้ เขาแทบไม่มีโอกาสไปถึงอีกฝั่งเลยทันใดนั้น นกอินทรียักษ์ตัวหนึ่งก็โฉบมาจากด้านข้างอาวุโสคนเมื่อกี้ยืนอยู่ริมหน้าผาและเป่านกหวีดเรียกอินทรีอินทรียักษ์กางปีก ลั่วอู๋ฉางเหยียบลงบนหลังมันหนึ่งที ทิศทางที่กำลังร่วงพลันเปลี่ยนเป็นลอยขึ้นเสี้ยววินาทีต่อมา เขาก็ลงถึงริมหน้าผาอีกฝั่งอย่างมั่นคงจากนั้นก็ทำแบบเดิม ผูกปลายเชือกฝั่งนี้ไว้กับเสาอีกข้าง"เจ้าสำนักชวี สั่งคนของท่านให้เริ่มได้แล้ว!" ซูเทียนคั่วออกคำสั่งอย่างไม่ไว้หน้าชวีซานตัวไม่ใช่ไม่เคยคิดจะเล่นงานตอนที่ลั่วอู๋ฉางกำลังข้ามหน้าผาเขาเคยคิดจะสั่ง
คำกล่าวอย่างมั่นใจของลั่วอู๋ฉางดังก้องไปทั่วสำนักใหญ่ของพันธมิตรบู๊ลิ้มหากเป็นเมื่อก่อน ใครกล้าพูดกับหัวหน้าสำนักพวกเขาเช่นนี้ คงไม่ต้องรอให้ชวีซานตัวเอ่ยปาก สมาชิกระดับล่างก็พร้อมจะซัดมันจนหมอบไปแล้วต่อหน้าประตูสำนักงานใหญ่ จะปล่อยให้คนมาพูดจาโอ้อวดได้อย่างไร?แต่สถานการณ์ตอนนี้คือ ลั่วอู๋ฉางไม่เพียงแต่พูด เขายังทำลายประตูใหญ่ของพวกเขาและทำร้ายคนไปอีกหลายสิบคนด้วยแน่นอนว่าจำนวนนี้ไม่ได้ตายตัวถ้าคนอื่นกล้าบุกเข้าไปอีก ลั่วอู๋ฉางจะไม่ปรานี และยินดีที่จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้บาดเจ็บให้พันธมิตรบู๊ลิ้มอีกด้วย"แก...ปากกล้านักนะ!"ชวีซานตัวในฐานะหัวหน้าแห่งบู๊ลิ้ม ไม่อาจเสียศักดิ์ศรีด้วยการยอมแพ้ง่าย ๆทั้งๆ ที่ความจริง ในใจเขานั้นกลับตื่นตระหนกจนแทบควบคุมไม่อยู่อาวุโสทั้งแปดร่วมมือกันยังเอาชนะไม่ได้!ถึงแม้ตอนฝึกซ้อมปกติ ชวีซานตัวจะเคยชนะพวกเขามาแล้วก็เถอะแต่ใช้นิ้วโป้งเท้าคิดก็ยังรู้เลยว่า เป็นอาวุโสทั้งแปดแกล้งอ่อนข้อให้ถ้าสู้จริง ชวีซานตัวไม่มีทางได้เปรียบหรอกแต่ลั่วอู๋ฉางกลับทำได้!นี่แสดงให้เห็นว่า ความสามารถของเขาเหนือกว่าชวีซานตัวมากถ้ายอมแพ้ต่อหน้าสมาชิกบู๊ลิ้มมา
เขาไม่อยากให้ใครพูดถึงเรื่องนี้ โดยเฉพาะต่อหน้าสาธารณชน"อาวุโสทั้งแปดของสภาผู้อาวุโสอยู่ที่ใด?"ดวงตาของชวีซานตัวเต็มไปด้วยความโกรธ พร้อมตะโกนออกคำสั่งอย่างดุดัน"ข้าน้อยอยู่ที่นี่!"อาวุโสทั้งแปดคนตอบรับออกมาพร้อมกัน"คนผู้นี้ทำลายประตูสำนักของเรา ทำร้ายศิษย์ของเรา จงสังหารมันตรงนี้เดี๋ยวนี้ เพื่อเป็นตัวอย่าง!" ชวีซานตัวกัดฟันกล่าวอาวุโสทั้งแปดคนตอบพร้อมกันอีกครั้ง "รับทราบ ท่านเจ้าสำนัก!""ฆ่า!"ทั้งแปดคนล้วนเป็นผู้มีวิชาระดับปรมาจารย์ใหญ่มีฝีมือไม่ธรรมดา!ในสำนักใหญ่ ทั้งด้านสถานะและพลังฝีมือ พวกเขาเป็นรองเพียงชวีซานตัวเท่านั้นเมื่อทั้งแปดร่วมมือกัน แม้แต่วีรบุรุษในตำนานก็ยากที่จะเอาชนะพวกเขาได้พวกเขาร่วมมือกันอย่างเข้าขา ล้อมลั่วอู๋ฉางไว้ตรงกลาง และออกกระบวนท่าสังหารทุกอย่างใส่เขาถ้าเป็นคนอื่น คงถูกพวกเขาสับเป็นชิ้นๆ ไปแล้วแต่ลั่วอู๋ฉางกลับไม่สะทกสะท้านใดๆ เพียงแค่ส่งกระแสจิต"วึ้ง!"คาถาป้องกันตัวปล่อยแสงสีทองออกมา ขัดขวางการโจมตีทั้งหมดไว้"อะไรกัน?"ชวีซานตัวเบิกตากว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อในสายตาของเขา ต่อให้ลั่วอู๋ฉางเก่งแค่ไหน แต่ก็ยังเป็น
ท่ามกลางความมืด มีร่างคนจำนวนมากพุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อพวกเขาเห็นชัดเจนแล้วว่าประตูทางเข้าซึ่งเป็นหน้าตาของพันธมิตรบู๊ลิ้มถูกทำลาย กลายเป็นซากปรักหักพัง พวกเขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที"ใครกันที่กล้าบ้าบิ่นถึงขนาดนี้!""บังอาจมาพังประตูใหญ่ของพันธมิตรบู๊ลิ้ม รนหาที่ตายแล้ว!""จะเป็นใครก็ช่าง แต่แน่ๆ คงไม่ใช่คนดีหรอก สับมันเป็นชิ้นๆ ก่อนค่อยว่ากัน!"กลุ่มคนที่โกรธแค้นเห็นร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าซากปรักหักพัง"ไอ้หนุ่ม แกเห็นไหมว่าใครเป็นคนทำ?"คนตาไวมองเห็นว่าเป็นเงาของชายหนุ่มจึงรีบถามออกไปทันที"ขอเตือนไว้ก่อน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ รีบพูดสิ่งที่นายเห็นออกมาทั้งหมก ไม่งั้นนายเองก็ต้องเดือดร้อนด้วย!"ลั่วอู๋ฉางยืนอย่างสงบพลางตอบว่า "เห็น""รีบบอกมาว่าใคร!" คนกลุ่มนั้นร้องถามขึ้นพร้อมกันลั่วอู๋ฉางตอบอย่างไม่รีบร้อนว่า "ก็ฉันไง!""อะไรนะ?!"คนกลุ่มนั้นเบิกตาโต ความโกรธที่ปรากฏบนใบหน้าชัดเจนยิ่งกว่าความตกใจ"ไอ้หนุ่ม นี่ไม่ใช่เวลามาอวดเก่ง คิดว่าเราจะเชื่อแกหรือไง?""รีบบอกมาว่าใครเป็นคนทำ ไม่งั้นจะถือว่าแกเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย!""ให้โอกาสสุดท้าย รีบพูด ไม่งั้นพวกเร
ซูเทียนคั่วกังวลขึ้นมาทันที ขณะที่ปกป้องซูเฉี่ยนเฉี่ยนหลานสาว เขาก็ตะโกนเสียงดังขึ้นว่า "เจ้าสำนักชวี นี่คือวิธีการต้อนรับแขกของพันธมิตรบู๊ลิ้มหรือ?""หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ไม่กลัวคนในยุทธภพจะหัวเราะเยาะหรือ?"ชวีซานตัวไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย "อย่างพวกนายเนี่ยนะ? เรียกว่าแขกได้ด้วยหรือ?"เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจำนวนคนที่มากกว่าหลายเท่า อีกทั้งสายตาที่จับจ้องมาอย่างอาฆาต ทั้งสามคนไม่สามารถต่อกรได้เลยไม่นานพวกเขาก็ถูกจับตัวได้!"ชวีซานตัว การที่คุณทำเช่นนี้ ไม่กลัวว่าศิษย์ของเทพอวี้อย่างราชันมังกรลั่วเทียนจะมาหาเรื่องหรือ?" ซูเทียนคั่วพูดขณะดิ้นรนชวีซานตัวไม่สนใจแม้แต่น้อย "ถ้าเขากล้าหาญมาที่นี่ ฉันจะให้เขาลิ้มรสชาติของการต้องเป็นนักโทษเช่นกัน!""ศิษย์ที่ถูกสอนโดยตาแก่แบบนั้น คงไม่ใช่คนดีสักเท่าไรหรอก พอดีเลย จะได้ให้เขาชดใช้หนี้แทนตาแก่นั่นและพวกแกไปพร้อมกัน!""ราชันมังกรลั่วเทียนอะไรกัน แค่เด็กหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ จะมีอะไรพิเศษนัก?""ตัวเขาไม่อายก็ช่างเถอะ แต่ยังกล้าไปหาคนมาคุยโวแทนตัวเอง คิดจะดังจากการสร้างกระแสเช่นนี้ คิดว่าบู๊ลิ้มเป็นที่สำหรับเล่นขายของหรือไง ฝันไปเถ
พูดของชวีซานตัวเต็มไปด้วยความหยาบคายใบหน้าสวยของเย่ปิงเหยาเริ่มบึ้งตึง แต่เพราะนี่เป็นถิ่นของอีกฝ่าย เธอจึงไม่อาจโต้ตอบได้ชวีหลิงหานคือน้องสาวของชวีซานตัว ทั้งสองคนมีอายุห่างกันมากกว่ายี่สิบปีหลังจากชวีหลิงหานเกิดได้ไม่นาน พ่อแม่ของเธอก็เสียชีวิตจากอาการป่วย ก่อนสิ้นใจได้ฝากให้ชวีซานตัวช่วยเลี้ยงดูน้องสาวที่ยังเป็นแค่ทารกแรกเกิดชวีซานตัวเลี้ยงดูน้องสาวด้วยความยากลำบาก จนเธอเติบโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวที่งดงามยิ่ง ทั้งยังมีพรสวรรค์จนได้รับความสนใจจากคนในบู๊ลิ้มมีผู้คนมาสู่ขอเธอมากมายจนทำให้ประตูบ้านตระกูลชวีแทบพังในขณะที่ชวีซานตัวกำลังเลือกคู่ครองให้น้องสาวจนตาลาย และวาดฝันว่าเธอจะได้แต่งงานกับตระกูลใหญ่โตความฝันกลับพังทลาย!ชวีหลิงหาน หญิงสาวผู้แสนงดงาม กลับถูกชายแก่อัปลักษณ์คนหนึ่งมาชิงตัวไป!ในตอนแรก ชวีซานตัวคิดว่าน้องสาวของเขายังไร้เดียงสา และถูกชายชั่วหลอกลวงเขาคิดว่าเพียงแค่พูดจาโน้มน้าวด้วยความรักและเหตุผล น้องสาวจะกลับตัวกลับใจแต่ผลกลับเป็นตรงกันข้าม!ชวีหลิงหานไม่เพียงแต่ไม่สำนึกในสิ่งที่ทำ แต่กลับรักชายแก่คนนั้นอย่างหัวปักหัวปำ และพูดคำพูดไร้สาระอย่างเช่นรักจน
พูดตามตรง ลั่วอู๋ฉางก็มีใจอ่อนนิดหน่อยทุกครั้งที่ต้องต่อสู้กับพวกกระจอก เขามักจะคิดถึงหูเยว่ซีอย่างมากเป็นถึงจักรพรรดินีแห่งชิงชิว แต่เขากลับใช้งานเหมือนลูกน้องปลายแถวประเด็นสำคัญคือ หูเยว่ซีไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แต่ยังเต็มใจช่วยอย่างยินดีอีกด้วย"ไม่ได้"ความมีเหตุผลเอาชนะความหุนหัน ลั่วอู๋ฉางพูดพร้อมขมวดคิ้ว "เธอต้องอยู่เฝ้าบ้าน มีแต่แบบนี้ ฉันถึงจะวางใจได้"หูเยว่ซีทำหน้าหงอย: "ก็ได้!"ลั่วอู๋ฉางหัวเราะ "เธอว่านอนสอนง่ายขนาดนี้ ต้องให้รางวัลสักหน่อยแล้ว""รางวัลอะไร?" จิ้งจอกน้อยถามอย่างตื่นเต้น ดวงตาทั้งสองส่องประกายวิบวับทันทีลั่วอู๋ฉางหยิบลูกแก้วพญานาคออกมาจากกระเป๋าแล้วพูดว่า "ก่อนหน้านี้สัญญาว่าจะให้ของขวัญเธอ ตอนนี้ถึงเวลาทำตามสัญญาแล้ว"หูเยว่ซีตาเป็นประกายอีกครั้ง "ลูกแก้วพญานาค!"ถ้าเป็นเมื่อก่อน ลูกแก้วพญานาคระดับนี้เธอคงไม่แม้แต่จะชายตามองด้วยซ้ำแค่มองนานหน่อย ก็ถือเป็นการดูหมิ่นคำว่า "จักรพรรดินีแห่งชิงชิว" แล้ว!แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน หลังจากถูกขังอยู่ในแหวนมานานถึงพันปี เพิ่งจะได้อิสรภาพคืนมา พลังลดลงไปมากและร่างกายก็อ่อนแอสุดขีดนี่คือช่วงเวลาที่เธอต้อง
หวงผู่เจิ้งซิ่นย่อมไม่พอใจแน่!คนเป็นครูยังล้มเหลว แต่ศิษย์กลับทำสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกถ้าไม่ใช่บังเอิญ แล้วมันคืออะไร?ลั่วอู๋ฉางไม่ตอบอะไร จากนั้นก็หยิบคริสตัลสวรรค์ก้อนที่สองมาไม่นานก็ทำสำเร็จอีกครั้ง!หวงผู่เจิ้งซิ่นเบิกตากว้าง ประหลาดใจราวกับเห็นเทพเจ้าส่วนใบหน้าของหูเยว่ซีก็เต็มไปด้วยความชื่นชมมากขึ้นเรื่อยๆ"ลองอีกครั้งสิ!" หวงผู่เจิ้งซิ่นยังคงไม่ยอมแพ้คราวนี้ ลั่วอู๋ฉางไม่ทำตามเขาอีกต่อไป เขาเก็บแท่งคริสตัลสวรรค์ที่เหลือทันที"หมายความว่าไง?" หวงผู่เจิ้งซิ่นถามตาโตลั่วอู๋ฉางลุกขึ้นเดินออกไป ทิ้งคำพูดไว้โดยไม่หันกลับมา "ขอบคุณนะ!""เดี๋ยวสิ นายแน่ใจแล้วเหรอว่านายเข้าใจทั้งหมด?"หวงผู่เจิ้งซิ่นรีบไล่ตามไป "ถ้าไม่สำเร็จล่ะ ฉันจะได้ช่วยหาสาเหตุไง!""ไม่จำเป็นแล้ว ถ้านายท่านของฉันคิดว่าไม่มีปัญหา มันก็ไม่มีปัญหาแน่" หูเยว่ซีขวางเขาไว้ พร้อมพูดอย่างหนักแน่นในตอนนี้ สีหน้าหวงผู่เจิ้งซิ่นเต็มไปด้วยความซับซ้อนศิษย์ที่เก่งเกินไปทำให้ครูรู้สึกอับอาย"ไหนว่าราชันมังกรลั่วเทียนก็เป็นแค่คนธรรมดา เขาเป็นปีศาจชัดๆ!"หวงผู่เจิ้งซิ่นยอมแพ้อย่างหมดท่า พูดอย่างเศร้าๆ "คิดว่า
หวงผู่เจิ้งซิ่นเชิดคอขึ้น พยายามทำสีหน้าให้ดูปกติที่สุดเพื่อปกปิดความเขินอายของตัวเองเนื่องจากการสาธิตเมื่อครู่นั้นจบลงด้วยความล้มเหลวแม้ว่าเขาจะรู้วิธี แต่เพราะไม่ได้ปฏิบัติมาเป็นเวลานาน ความผิดพลาดจึงถือเป็นเรื่องปกติ"หาว..."หูเยว่ซีอ้าปากหาวครั้งใหญ่ ราวกับเปลือกตาถูกกดด้วยน้ำหนักมหาศาลใช่แล้ว เธอง่วงจริงๆ!การสอนของหวงผู่เจิ้งซิ่นทำให้เธอง่วงได้สำเร็จส่วนเนื้อหาที่พูดในภายหลัง แทบไม่ได้เข้าหัวของหูเยว่ซีเลย ผ่านหูซ้ายออกหูขวา ไม่มีอะไรในหัวเลย"พวกคุณ...ทำต่อไปเลย!"หูเยว่ซียืดแขนบิดขี้เกียจ และส่งสัญญาณให้ทั้งคู่ไม่ต้องสนใจเธอสิ่งนี้ทำให้หวงผู่เจิ้งซิ่นรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลวมาก!รู้สึกเหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่!การทำให้นักเรียนง่วงถือเป็นเรื่องที่น่าอับอายอยู่แล้ว ที่สำคัญคือการสาธิตของตัวเองยังล้มเหลวอีกด้วย"ไม่เป็นไร ฉันขอลองเอง" ลั่วอู๋ฉางเสนอตัวขึ้นอย่างกล้าหาญ"คุณจำทั้งหมดได้แล้วเหรอ?"หวงผู่เจิ้งซิ่นพูดด้วยสีหน้าจริงจังทันที "อย่าเพิ่งรีบร้อนปฏิบัติเลย ลองทบทวนสิ่งที่ฉันพูดสักรอบก่อน มีจุดไหนที่ไม่เข้าใจก็ถามให้แน่ชัด แล้วค่อยลงมือ"เพราะจำนวนของแท่งค