คุณชายซุนและคุณชายอู๋ลุกขึ้นพร้อมกัน ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความโกรธพวกเขาเป็นตัวแทนของสำนักกระบี่เหล็กและศิษย์พี่หม่าหยุนหลงที่มาเพื่อฉลองวันเกิดให้หม่าอวี่เฟยโดยเฉพาะหม่าอวี่เฟยถูกทุบตีอย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าพวกเขา แล้วจะกลับไปอธิบายกับศิษย์พี่หม่าอย่างไร?“ใจกล้าดีนี่ กล้าตบตีคุณหม่าถึงขนาดนี้ ไม่เคารพกฏเกณฑ์เอาซะเลย!”พวกเขาทั้งสองจ้องมองด้วยความโกรธและพุ่งไปข้างหน้าเพื่อปกป้องหม่าอวี่เฟยที่อยู่ข้างหลังพวกเขาหม่าอวี่เฟยพูดเสียงดังราวกับกำลังจับฟางช่วยชีวิต “ศิษย์พี่ทั้งสอง รีบแก้แค้นให้ฉันที จบเรื่องแล้วฉันจะบอกให้พี่ชายฉันขอบคุณพวกพี่ดี ๆ แน่นอน!”พวกเขาทั้งสองมีความรับผิดชอบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว และหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ พวกเขาก็จะไม่หลบเลี่ยงอีกต่อไป“คุณหม่าวางใจเถอะครับ มีเราสองคนอยู่ จะไม่มีใครแตะต้องคุณได้อีก แม้กระทั่งปลายเล็บ!” ศิษย์พี่อู๋รับประกันศิษย์พี่ซุนพูดเสริม “ใช่แล้ว! มารังแกครอบครัวของสำนักกระบี่เหล็ก ช่างไม่รู้จักที่ตายเสียจริง!”หม่าอวี่เฟยพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ขอบคุณศิษย์พี่ทั้งสองมากนะคะ ดีจริง ๆ ที่มีพวกพี่อยู่...”“เพียะ!”มีเสียง
“พวกคุณว่าเขาจะถูกสับเป็นกี่ชิ้น?”กระบี่ในมือของศิษย์พี่ทั้งสองนั้นเป็นกระบี่แบบสองคม ตัวกระบี่ส่วนบนแคบกว่าส่วนล่าง มีสันตรงกลางแต่ไม่ว่ารูปร่างหรือน้ำหนักจะเป็นอย่างไร มันก็แตกต่างจากดาบหรือกระบี่ธรรมดา ๆ โดยสิ้นเชิงกระบวนท่าของสำนักกระบี่เหล็กจะให้ความสำคัญกับความคล่องแคล่ว ว่ากันว่าลูกศิษย์ที่มีความสามารถโดดเด่นสามารถผ่าครึ่งคนได้เพียงการตวัดดาบแค่ครั้งเดียว“ศิษย์พี่ซุน ใครจะลงมือก่อน?” คุณชายอู๋ดูกระตือรือร้นคุณชายซุนก็อยากลงมือเองเช่นกัน นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะแสดงความแข็งแกร่งของเขาต่อหน้าคนทั้งโลกยิ่งไปกว่านั้น เขายังสามารถได้รับความโปรดปรานอย่างมากจากตระกูลหม่าอีกด้วยแต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่ว่าเขาเข้าสำนักเร็วกว่า คุณชายซุนจึงต้องแสดงความใจกว้างในฐานะผู้อาวุโส ดังนั้นเขาจึงแสร้งทำเป็นมีน้ำใจและพูดว่า “ศิษย์น้องอู๋ เริ่มก่อนเลย!”“ขอบคุณศิษย์พี่มาก ถ้าอย่างนั้นผมจะไม่เกรงใจแล้วนะ” ใบหน้าของคุณชายอู๋เปี่ยมไปด้วยความดีใจลั่วอู๋ฉางขมวดคิ้ว “ขอเตือนนะ อย่าแส่เรื่องคนอื่น”“ไอ้นี่ ทำเป็นพูดดี ที่แท้ก็กลัวล่ะสิ!”คุณชายอู๋ตวัดกระบี่ในมือแล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่โหดเหี้ยม
“เกิดอะไรขึ้น?”ทุกคนตกตะลึงและมองอย่างไม่อยากเชื่อสายตาในแง่ของอายุ ลั่วอู๋ฉางนั้นดูจะอายุพอ ๆ กันกับคุณชายซุนและคุณชายอู๋ในแง่ของภูมิหลัง พวกเขาทั้งสองเป็นศิษย์สำหนักกระบี่เหล็ก ในขณะที่ลั่วอู๋ฉางเป็นเพียงหนุ่มต่างถิ่นที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักที่สำคัญที่สุดคือ ทั้งคุณชายซุนและคุณชายอู๋ประสานกระบวนท่าต่อสู้ด้วยกันแล้ว แถมยังชิงลงมือก่อนอีกด้วยดังนั้นไม่ว่าจะคิดอย่างไร ลั่วอู๋ฉางก็น่าจะตายคาที่แต่ผลลัพธ์ที่ได้ค่อนข้างแตกต่างออกไปสิ่งที่ไม่น่าเชื่อที่สุดคือลั่วอู๋ฉางไม่ได้เคลื่อนไหวเลยในระหว่างการโจมตี คุณชายซุนและคุณชายอู๋ถูกโจมตีด้วยพลังงานที่มองไม่เห็นพวกเขาทั้งสองไม่มีการป้องกันล่วงหน้าและถูกกระแทกออกไป!กระบี่กว้างสองเล่มที่เป็นเอกลักษณ์ของสำนักกระบี่เหล็กถูกทำลายกลายเป็นเศษโลหะในทันทีขณะนี้ห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่เงียบสนิท เงียบจนได้ยินเสียงเข็มนาฬิกา!ทุกคนตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น“โครม!”“ปัง...”ศิษย์พี่ซุนและศิษย์น้องอู๋กระแทกพื้นทำให้เกิดเสียงดังมากทั้งสองยังคงกระอักเลือดต่อไปคนหนึ่งกุมหน้าอก และอีกคนกำลังกุมหน้าท้อง พวกเขาดูได้รับบาดเจ็บสาหัสแ
“ผมยอมบอกแล้ว คุณหม่าสั่งให้คนมาล็อคตัวซูเฉี่ยนเฉี่ยนไว้ แล้วคุณหม่าก็ฟาดหัวเธอด้วยขวดไวน์แปด... ไม่สิ เก้าขวดครับ!”ลั่วอู๋ฉางขมวดคิ้วแล้วถามอีกครั้ง “แน่ใจนะว่าเก้าขวด?”เขารู้แค่ว่าซูเฉี่ยนเฉี่ยนได้รับบาดเจ็บสาหัสจากขวดไวน์ แต่เขาไม่รู้รายละเอียดเนื่องจากเขาต้องการแก้แค้น แน่นอนว่าเขาจึงต้องถามให้ชัดเจนเพื่อจะได้ลงโทษคนลงมือด้วยวิธีเดียวกัน“ไม่ผิดแน่ครับ ผมได้นับเอง”ลั่วอู๋ฉางปล่อยมือ และชายคนนั้นก็ล้มลงกับพื้นเสียงดังกึกก้องจากนั้นเขาก็รู้สึกถึงความร้อนจากเป้ากางเกงของเขา และเขาก็ฉี่รดตรงนั้น!ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะกลัวหรือเจ็บลั่วอู๋ฉางเดินไปหาหม่าอวี่เฟย ยกมือขึ้นขึ้นไปในอากาศ จากนั้นไวน์แดงขวดหนึ่งก็ลอยไปที่ฝ่ามือของเขา“แก... แกอย่าเข้ามานะ!”“ฉันเป็นลูกสาวของหม่าเฉียนคุน ถ้าแกกล้าแตะต้องฉัน พ่อฉันฆ่าแกตายแน่! ฆ่าทั้งตระกูลเลยด้วย!”ในขณะนี้ หม่าอวี่เฟยไม่กล้าที่จะเย่อหยิ่งเหมือนเดิม ใบหน้าของเธอซีดเผือด และดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความกลัว“โครม!”เนื่องจากความกลัว หม่าอวี่เฟยจึงสูญเสียการทรงตัวและล้มลงกับพื้นขณะถอยหลัง“ไม่ต้องรีบ พวกเรามาเริ่มกันทีละขวด!”ลั่
ลั่วอู๋ฉางหันหลังกลับและจากไปเงียบ ๆ คุณชายซุนและคุณชายอู๋ไม่กล้าแม้แต่จะผายลมออกมาด้วยซ้ำ ได้แต่มองดูเขาเดินจากไปเมื่อหม่าอวี่เฟยเห็นดังนั้น เธอก็ทั้งโกรธทั้งอับอายเธอโกรธมากจนหมดสติไปตรงนั้นหัวหน้าแม่บ้านของตระกูลหม่าเดินเข้ามาจากด้านนอกอย่างตื่นเต้นและพูดเสียงดัง “คุณหนูคะ เพื่อฉลองวันเกิดให้คุณหนู ท่านหัวหน้าตระกูลได้สั่งทำเค้กสิบสองชั้นให้คนมาส่ง!”พนักงานโรงแรมสี่คนช่วยกันเข็นรถเข็นที่บรรทุกเค้กยักษ์สูงกว่าสามเมตรเข้าไปเมื่อหัวหน้าแม่บ้านเห็นหม่าอวี่เฟยนอนจมกองเลือด เธอก็ตกตะลึง “นี่มันเกิดอะไรขึ้น ใครเป็นคนทำ?”“พวกคุณยังยืนอึ้งอะไรกันอยู่ รีบเรียกรถฉุกเฉินสิ!”ณ วิลล่าของตระกูลหม่าห้องอ่านหนังสือบนชั้นสองสว่างไสว และหม่าเฉียนคุนกำลังพบกับแขกคนสำคัญหม่าเฉียนคุนอายุราว ๆ ห้าสิบและอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ของชีวิตใบหน้าทรงสีเหลี่ยม มีดวงตาสองข้างที่ฉายแสงแห่งปัญญาอย่างต่อเนื่องคนที่นั่งตรงข้ามเขามีรูปร่างสูงฌปร่ง แขนขายาว หางตายกขึ้นเล็กน้อย เขาดูเหมือนนักบู๊โบราณระดับสูงมาก“คุณเหลียน ขอบคุณมากที่เข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนศิลปะการต่อสู้เหลยถิง ถือเป็นเกียรต
“อีกฝ่ายบอกว่าตัวเองชื่อลั่วอู๋ฉาง!”บอดี้การ์ดที่ได้รับบาดเจ็บตอบกลับ “ไม่เพียงแต่คุณหนูเท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณชายซุนกับคุณชายอู๋จากสำนักกระบี่เหล็กก็โดนเขาเล่นงานจนบาดเจ็บสาหัสเช่นกันครับท่าน”“พวกเขาบอกว่า อย่างน้อย ๆ คนร้ายน่าจะมีฝีมือระดับปรมาจารย์ น่ากลัวมากครับ!”หม่าเฉียนคุนเตะชายคนนั้นออกไปและตะโกนด้วยความโกรธ “พวกเศษสวะ! เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ แค่ปกป้องคุณหนูก็ทำไม่ได้!”ร่างบอดี้การ์ดกระแทกเข้ากับกำแพง เขาตายคาที่โดยที่มีเลือดออกจากทวารทั้งเจ็ดและตาเหลือกค้างหัวหน้าแม่บ้านขมวดคิ้วแล้วพูด “ดิฉันตรวจสอบแล้วค่ะ ตอนที่ลั่วอู๋ฉางลงมือ เขาบอกว่าเขาทำเพื่อเด็กสาวคนหนึ่งที่ชื่อซูเฉี่ยนเฉี่ยน”“ซูเฉี่ยนเฉี่ยน?” หม่าเฉียนคุนขมวดคิ้ว เขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนหัวหน้าแม่บ้านอธิบายต่อ “เป็นลูกสาวของซูหมิงอวี๋ อีกตัวตนหนึ่งของเธอก็คือ ลูกศิษย์ของเย่ปิงเหยา”หม่าเฉียนคุนดูหมิ่นและพูดอย่างเย็นชา “ที่แท้ก็ลูกศิษย์ของเย่ปิงเหยา หญิงโง่คนนั้น! ลูกสาวฉันบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ แล้วนังเด็กซูเฉี่ยนเฉี่ยนนั่นตอนนี้อยู่ที่ไหน?”หัวหน้าแม่บ้านลังเลที่จะพูด“พูด!” หม่าเฉียนคุนตะโ
“ทำไมผมต้องหนี?”ลั่วอู๋ฉางไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ แล้วถามกลับดวงตาของชูหมิงอวี๋เบิกกว้าง “คุณหม่าถูกแกทุบตีจนเกือบตาย แต่แกยังกล้าที่จะกลับมา”“แต่ก็ดี! แกต้องรับผิดชอบต่อเรื่องที่แกทำลงไป และอย่าคิดแม้แต่จะลากตระกูลซูของเราไปเอี่ยวให้เดือดร้อน”“อย่างไรเสียเราก็ไม่สนิทกันอยู่แล้ว!”“ถ้าคนตระกูลหม่ามาถึง ฉันจะบอกว่านั่นเป็นเรื่องที่แกทำไปคนเดียว ไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลซูของเรา”ลั่วอู๋ฉางเดินผ่านซูหมิงอวี๋โดยไม่ใส่ใจที่จะฟังเรื่องไร้สาระของเขาซูหมิงอวี๋โกรธมาก “เห้ย... ฉันกำลังพูดดับแกอยู่นะโว้ย นี่อะไร ไร้มารยาทชะมัด!”“คุณพูดเอง เราไม่ได้สนิทกัน!” ลั่วอู๋ฉางพูดโดยไม่หันกลับมามองซูหมิงอวี๋สะอึกและพูดไม่ออก!จนกระทั่งลั่วอู๋ฉางเดินเข้าไปในห้องผ็ป่วย ชูหมิงอวี๋ก็พึมพำด้วยความโกรธ “อะไรวะ? ไม่รู้จริง ๆ ว่าตาแก่นั่นชอบมันตรงไหน!”“เพราะอายุน้อยก็เลยมุทะลุสินะ ไม่รู้ว่าสังคมน่ากลัวขนาดไหน ได้ตกที่นั่งลำบากแน่”หลังจากนั้น เสียงหัวเราะร่าเริงของซูเฉี่ยนเฉี่ยนก็ดังออกมาจากห้องผู้ป่วยซูหมิงอวี๋พ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ จากนั้นก็หันหลังและจากไปเขารู้สึกว่าเขาต้องเตรียมพร้อมในกรณีที่ตระ
เมื่อเห็นว่าทั้งหกคนกำลังจะมาถึงห้องผู้ป่วยของซูเฉี่ยนเฉี่ยน จู่ ๆ ก็มีมือยื่นออกมาและคว้าคอเสื้อของคนที่เดินอยู่ข้างหลัง“สวบ!”หลังจากเสียงแปลก ๆ ดังอย่างต่อเนื่อง ทางเดินก็ว่างเปล่าตรงเคาน์เตอร์พยาบาลที่อยู่ไม่ไกลนัก พยาบาลสาวยืนขึ้น เหยียดคอ ยื่นศีรษะออกไปมองออกไปข้างนอก“แปลกจัง เห็นเมื่อกี้มีคนเดินผ่านไปหลายคน แต่ทำไมจู่ ๆ พวกเขาถึงหายไป?”ในห้องผู้ป่วยที่ว่างเปล่า มีชายหมดสติห้าคนนอนอยู่บนพื้นคนเดียวที่ยังมีสติอยู่กำลังถูกลั่วอู๋ฉางคว้าคอไว้ โดยที่เท้าของชายคนนั้นลอยขึ้นเหนือพื้นหลังของเขาถูกดันเข้ากับผนัง จึงไม่สามารถขยับได้“ตระกูลหม่าส่งพวกแกมาหรือ?” ลั่วอู๋ฉางถามอย่างเย็นชาผู้ชายคนนี้กัดฟันพูด “ใช่แล้วยังไง? ไม่ใช่แล้วจะทำไม?”ลั่วอู๋ฉางยิ้มอย่างเย็นชาและเริ่มออกแรงไปที่มือของเขาคนที่คิดว่าตัวเองเป็นคนแข็งแกร่ง จู่ ๆ ก็เกิดอาการหวาดกลัวและรีบพูดเสียงดังก่อนที่จะหายใจไม่ออก “พวกเรามาจากโรงเรียนศิลปะการต่อสู้เหลยถิง”“เหลียนหมิงเจิ้ง ผู้อำนวยการโรงเรียนคนใหม่เรียกเราไปพบ ภารกิจของเราคือตามหาซูเฉี่ยนเฉี่ยนแล้วพาตัวกลับไปที่โรงเรียนศิลปะการต่อสู้!”ลั่วอู๋ฉางข