เมื่อเห็นว่าทั้งหกคนกำลังจะมาถึงห้องผู้ป่วยของซูเฉี่ยนเฉี่ยน จู่ ๆ ก็มีมือยื่นออกมาและคว้าคอเสื้อของคนที่เดินอยู่ข้างหลัง“สวบ!”หลังจากเสียงแปลก ๆ ดังอย่างต่อเนื่อง ทางเดินก็ว่างเปล่าตรงเคาน์เตอร์พยาบาลที่อยู่ไม่ไกลนัก พยาบาลสาวยืนขึ้น เหยียดคอ ยื่นศีรษะออกไปมองออกไปข้างนอก“แปลกจัง เห็นเมื่อกี้มีคนเดินผ่านไปหลายคน แต่ทำไมจู่ ๆ พวกเขาถึงหายไป?”ในห้องผู้ป่วยที่ว่างเปล่า มีชายหมดสติห้าคนนอนอยู่บนพื้นคนเดียวที่ยังมีสติอยู่กำลังถูกลั่วอู๋ฉางคว้าคอไว้ โดยที่เท้าของชายคนนั้นลอยขึ้นเหนือพื้นหลังของเขาถูกดันเข้ากับผนัง จึงไม่สามารถขยับได้“ตระกูลหม่าส่งพวกแกมาหรือ?” ลั่วอู๋ฉางถามอย่างเย็นชาผู้ชายคนนี้กัดฟันพูด “ใช่แล้วยังไง? ไม่ใช่แล้วจะทำไม?”ลั่วอู๋ฉางยิ้มอย่างเย็นชาและเริ่มออกแรงไปที่มือของเขาคนที่คิดว่าตัวเองเป็นคนแข็งแกร่ง จู่ ๆ ก็เกิดอาการหวาดกลัวและรีบพูดเสียงดังก่อนที่จะหายใจไม่ออก “พวกเรามาจากโรงเรียนศิลปะการต่อสู้เหลยถิง”“เหลียนหมิงเจิ้ง ผู้อำนวยการโรงเรียนคนใหม่เรียกเราไปพบ ภารกิจของเราคือตามหาซูเฉี่ยนเฉี่ยนแล้วพาตัวกลับไปที่โรงเรียนศิลปะการต่อสู้!”ลั่วอู๋ฉางข
ณ ที่อยู่ของเย่ปิงเหยาลั่วอู๋ฉางสวมเสื้อผ้าที่สะอาดสะอ้าน เขาได้ยินเสียงหายใจของเด็กสาวสองคนจากห้องข้าง ๆบนเตียงขนาดใหญ่ ซูเฉี่ยนเฉี่ยนและเสี่ยวเสวี่ยกำลังหลับสนิททั้งสองเหนื่อยมามากแล้ว และด้วยเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ของลั่วอู๋ฉาง เธอสองคนจึงนอนหลับสนิทย่างก้าวของลั่วอู๋ฉางนั้นแผ่วเบา เขาออกจากห้องไปอย่างเงียบ ๆด้านนอกมีเกล็ดหิมะสีขาวตกลงมาจากท้องฟ้าขณะเดียวกัน ณ โรงเรียนศิลปะการต่อสู้เหลยถิงราวกับจะช่วยให้จิตสังหารทั้งหมดในอากาศถูกซ่อนไว้มีเพียงห้องโถงใหญ่เท่านั้นที่สว่าง ห้องที่เหลือล้วนมืดมิดโรงเรียนศิลปะการต่อสู้ที่ดูเงียบสงบนั้น แท้จริงแล้วเต็มไปด้วยอันตรายชายวัยกลางคนสามคนนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นหนึ่งในนั้นคือผู้อำนวยการคนใหม่ เหลียนหมิงเจิ้ง ซึ่งเปล่งประกายออร่าอันทรงพลังเห็นได้ชัดว่าทั้งสามคนเป็นนักบู๊ที่แข็งแกร่ง แต่กลับมีชุดน้ำชาแสนประณีตวางอยู่ตรงกลางใต้เตาดินเผาสีแดงเล็ก ๆ ไฟถ่านกำลังลุกโชนกาต้มน้ำเหล็กทำมือวางอยู่บนเตา โดยมีควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากพวยกา และส่งเสียงฟู่ ๆ ออกมานอกจากเหลียนหมิงเจิ้งแล้ว อีกสองคนกำลังดื่มอยู่เหลียนหมิงเจิ้งอดไม่ได้ที
“พรวด!”เขากระอักเลือดกลางอากาศ และร่วงลงมากระแทกโต๊ะน้ำชาอย่างพอดิบพอดี“เพล้ง!”เซ็ตถ้วยชาราคาแพงแตกเป็นเสี่ยง“ผู้ฝึกวิชา!”ผู้อำนวยการทั้งสองลุกขึ้นยืนทันที แต่เหลียนหมิงเจิ้งเป็นคนเดียวที่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เหลียนหมิงเจิ้งมองไปที่ลูกศิษย์ของเขาซึ่งใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด คิ้วของเขากระตุกแม้ศิษย์คนนี้จะไม่ได้อยู่ในระดับที่เก่งกาจมากนัก แต่การที่สามารถทำให้เขากระเด็นออกไปได้ทันทีโดยไม่ต้องเคลื่อนไหวใด ๆ แสดงให้เห็นว่าคนที่มานั้นค่อนข้างแข็งแกร่งอย่างน้อย ๆ ก็ต้องเป็นระดับปรมาจารย์จึงจะสามารถทำได้!“ไอ้หนู มาที่นี่เพื่อก่อเรื่องงั้นหรือ?”ใบหน้าของผู้อำนวยการหลงเวยหม่นลงและเขาตะโกนอย่างรุนแรง“ไม่อย่างนั้นจะให้มาดื่มชากับพวกแกหรือไง?” ลั่วอู๋ฉางกล่าวอย่างเย็นชาผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนยิ้มอย่างเย็นชา “บังอาจนักนะ แกไม่รู้หรือว่าโรงเรียนศิลปะการต่อสู้เหลยถิงเป็นตัวแทนของอะไร?”“ก็แค่มีตระกูลหม่าหนุนหลังไม่ใช่หรือไง?” ลั่วอู๋ฉางพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยามผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนเบิกตากว้าง “ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้ว ทำไม่ยังกล้ามาก่อปัญหาที่นี่?”“ไอ้หนู แกเป็นใครกันแน่?” เหล
“เป็นไป... ได้ยังไง?”เหลียนหมิงเจิ้งและผู้อำนวยการหลงเวยตกตะลึงในจุดนั้น โดยมีใบหน้าที่ตื่นตระหนกพวกเขาไม่เคยแม้แต่จะฝัน ว่าผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนที่ดุดันและน่าเกรงขามนั้น ตอนนี้จะขยับไม่ได้ราวกับเป็นเพียงแค่กุนเชียงชิ้นหนึ่ง!ลั่วอู๋ฉางจับคอเขาไว้ด้วยมือเดียว เขาห้อยโตงเตงอยู่กลางอากาศโดยไม่อาจขัดขืนทั้งที่เขาไม่ใช่แค่นักยู๊โบราณธรรมดา ๆแต่เขาเป็นผู้อำนวยการระดับปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงมายาวนานและทรงพลังในเมืองอัน!ด้วยความแข็งแกร่งของเขาเองและลูกศิษย์จำนวนนับไม่ถ้วน เขาสามารถเดินไปในเมืองได้ทุกแห่งโดยไม่ต้องเกรงกลัวใคร!ยอดฝีมืออย่างเขา กลับถูกคู่ต่อสู้ปราบได้ด้วยมือเดียวเหลือเชื่อจริง ๆ!สิ่งที่ยอมรับไม่ได้มากที่สุดคือไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็เป็นเพราะผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนยื่นคอไปให้ลั่วอู๋ฉางเองตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้ ลั่วอู๋ฉางไม่ได้ขยับไปไหนแม้แต่ก้าวเดียวเขาแค่ยื่นมือออกมาให้อีกฝ่ายยื่นคอมาไว้ในมือก็เท่านั้น“ปล่อยฉัน... ปล่อยมือเดี๋ยวนี้!”ผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนยังคงดิ้นรน และใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วงอย่างรวดเร็วเนื่องจากหายใจไม่ออกในขณะนี้เขาไม่สามารถแสดงออกถึ
เขายกผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนขึ้นแล้วตบไปที่หน้าท้องด้วยหนึ่งฝ่ามือ“ผัวะ!”ผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนกระเด็นกลับหัวไปพร้อมเสียงตบทุ้มต่ำนั้นด้วยสีหน้าเจ็บปวดอย่างมากเมื่อเห็นดังนั้นเหล่าลูกศิษย์ก็รีบวิ่งไปรับตัวเขา“โครม!”เห็นได้ชัดว่าพวกเขาประเมินความแข็งแกร่งของตนสูงเกินไปและถูกกระแทกกันเป็นวงกว้างทันใดนั้นกระดูกที่ถูกกระแทกก็หักและเส้นเอ็นก็ฉีก เลือดพุ่งออกมาจากปากและเสียงคร่ำครวญก็ดังออกมาทีละคนแม้ว่าผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนจะไม่กระอักเลือดออกมา แต่อาการบาดเจ็บของเขาก็ร้ายแรงที่สุดทันทีที่เขาโดนตบเข้าที่หน้าท้อง กำลังภายในในร่างกายของเขาก็หายไปทันที และลมปราณก็พังทลายลงอย่างสมบูรณ์การฝึกฝนทั้งหมดที่ผ่านมาสูญสิ้นความหมายทันที!“แก... แกทำลายล้างพลังของฉันไปจริง ๆ หรือ?!”ดวงตาของผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนเบิกกว้างด้วยความตกใจและความโกรธ“ก็รู้ความจริงอยู่แล้ว จำเป็นต้องถามอีกหรือ?” ลั่วอู๋ฉางตะคอกอย่างเย็นชาอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักบู๊โบราณ?แน่นอนว่าคือกำลังภายใน!ในฐานะผู้มีชื่อเสียงมายาวนาน สำหรับผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาเทียบเท่ากับชีวิตของเขาเอง
“โครม!”ผู้อำนวยการหลงเวยทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วและล้มลงนอนราบกับพื้นใบหน้าแก่ ๆ ก็นาบลงกับพื้นเช่นกันความอัปยศอดสูแบบนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขา!ทุกคนที่เป็นศิษย์จากโรงเรียนศิลปะการต่อสู้หลงเวยมองดูอาจารย์ของพวกเขาด้วยความผิดหวังและทำอะไรไม่ถูกก่อนหน้านั้นพวกเขาทั้งหมดเชื่อว่าอาจารย์ของพวกเขานั้นไร้พ่ายข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเมื่อเผชิญหน้ากับบุคคลที่มีอำนาจมากกว่า อาจารย์จะไม่เพียงแต่ถูกทุบตีจนไม่สามารถต่อสู้กลับได้ แต่ยังถูกข่มขู่จนหวาดกลัวอีกด้วยเหลือเพียงเหลียนหมิงเจิ้งที่ยังคงดิ้นรนอย่างยากลำบากตอนนี้ผู้อำนวยการหลงเวยก็ตระหนักได้ว่ามีเหตุผลจริง ๆ ที่ทำให้เถ้าแก่หม่าให้ความสำคัญกับเหลียนหมิงเจิ้งอย่างมากเขาล้มลงนอนราบไปนานแล้ว แต่เหลียนหมิงเจิ้งก็ยังสามารถยืนตัวตรงได้ด้วยเหตุผลนี้เพียงอย่างเดียว เขาจึงเทียบกับเหลียนหมิงเจิ้งไม่ได้เลย“ไอ้หนู ฉันขอสั่งให้แกหยุดเดี๋ยวนี้!”อันที่จริงเหลียนหมิงเจิ้งเองก็รู้สึกเจ็บปวดมากมีแรงมหาศาลราวภูเขาไท่ซันกดทับอยู่ที่บ่าของเขาเขารู้สึกว่าไหล่ของเขากำลังจะพัง และเอวของเขากำลังจะหัก“แกไม่รู้หรือไงว่าตัวเองกำลังทำอะไรอย
“คราวนี้ฉันเกรงว่าฉันจะมีปัญหาจริงๆ!”ผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนมีสีหน้าซับซ้อนและพูดว่า “ตระกูลหม่าเจอของจริงเข้าให้แล้ว”“ความแข็งแกร่งของลั่วอู๋ฉางอยู่เหนือระดับปรมาจารย์มาก และเขาอาจเป็นปรมาจารย์ในตำนาน!” ผู้อำนวยการหลงเวยก็รู้สึกหวาดกลัวเช่นกันผู้อำนวยการใหญ่ทั้งสามร่วมมือกันและพาศิษย์ยอดีมือของพวกเขาไปซุ่มโจมตี พวกเขาคิดว่าพวกเขามีโอกาสที่จะชนะ!แต่ทุกคนกลับถูกกำราบด้วยฝ่ามือเดียว!ปรมาจารย์สามคนและศิษย์มากกว่าร้อยคนไม่สามารถแม้แต่จะแตะชายเสื้อของชายคนนั้นได้ทั้งบาดเจ็บและล้มตาย!ทั้งสูญเสียพลัง!ผลลัพธ์ดังกล่าวถือเป็นลางร้าย!หมดหวัง!หมดกำลังใจ!...ณ ตระกูลซูขณะนี้เป็นเวลากลางวัน และได้ยินเสียงหาวไปทั่วทั้งท้องฟ้าซูหมิงอวี๋รอทั้งคืนและรู้สึกกังวลตลอดทั้งคืนระหว่างนั้น เขาจินตนาการถึงสถานการณ์ที่เป็นไปได้นับร้อยสถานการณ์แต่จนถึงรุ่งสางก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมีแต่ความเงียบงันสิ่งที่ทำลายความเงียบในที่สุดก็คือเสียงหาวของเขาเอง“ไม่ใช่สิ!”ซูหมิงอวี๋แสดงออกว่าเขาไม่เข้าใจจากความเข้าใจของเขาที่มีต่อหม่าเฉียนคุน อีกฝ่ายไม่ใช่คนประเภทที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับความสูญเ
“คุณลั่วก็อยู่ด้วยเหรอ!”ซูเทียนคั่วตื่นเต้นสุดๆ เมื่อรู้ว่าหลานสาวของตนกำลังคบหาอยู่กับลั่วอู๋ฉาง นี่มันดีเกินไปแล้ว!เขาอดไม่ได้ที่จะจินตนาการต่อไปว่า ถ้าหลานสาวได้รับความสนใจจากลั่วอู๋ฉาง ตนเองก็จะได้กลายเป็นปู่เขยของราชันมังกรลั่วเทียนเมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หัวใจของเขาก็พองโตขึ้นทันที เขาคิดไปกระทั่งว่าในพิธีแต่งงาน ตัวเขาจะสวมใส่ชุดอะไร แสดงออกด้วยสีหน้าและท่าทางแบบไหนเมื่อได้รับคำแสดงความยินดีจากแขกที่มาร่วมในงานเดี๋ยวก่อน!“เสี่ยวเสวี่ยเป็นใคร?” ซูเทียนคั่วถามขึ้นทันใดซูเฉี่ยนเฉี่ยนตอบว่า “เพื่อนสนิทของหลานไงคะ เคยไปบ้านเราตั้งหลายครั้งแล้ว”“จริงเหรอ?” ซูเทียนคั่วขมวดคิ้ว เขารู้สึกไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับคนๆ นี้เลยซูเฉี่ยนเฉี่ยนพูดต่อว่า “หลานจำได้แล้ว ทุกครั้งที่เธอมาก็ตรงไปหาหลานเลยตลอด คุณปู่เลยไม่เคยเจอเธอค่ะ”“อย่างนี้นี่เอง!” ซูเทียนคั่วขมวดคิ้วอีกครั้งก้างขวางคอ! นี่มันก้างขวางคอชิ้นใหญ่ชัดๆ!หลานสาวฉันอยู่กับราชันมังกรลั่วเทียนแท้ๆ เธอจะเข้าไปวุ่นวายด้วยทำไม?ไม่รู้กาลเทศะบ้างเลยหรือไง?การมีคนที่ไม่เกี่ยวข้องอยู่ด้วย มันทำให้หลายเรื่องไม่สะดวกมากขึ้น!ซูเทียนคั่ว