คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่ในฐานะที่เขาเป็นลูกชายแท้ๆ เขาย่อมรู้จักนิสัยของซูเทียนคั่ว พ่อของตัวเองดีซูเทียนคั่วไม่เพียงเป็นคนเรียบง่าย แต่ยังมีนิสัยที่ประหยัดมากจนกระทั่งเป็นที่รู้โดยทั่วกันของพวกลูกหลานว่าเขาเป็นคนตระหนี่สุดๆและซูเทียนคั่วไม่เพียงประหยัดเองคนเดียว ยังสั่งให้คนในบ้านต้องประหยัดแบบเขาด้วยอาหารเช้าและเย็นส่วนใหญ่ก็เป็นข้าวต้มเปล่าที่กินกับกับข้าวง่ายๆและเพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วน ตอนเช้าก็แค่มีนมกับไข่เพิ่มเข้ามาเท่านั้นเป็นแบบนี้ทุกวันมาตลอดสิบกว่าปีวันนี้เกิดอะไรขึ้นนะ?อาหารประเภทที่แม้แต่ในช่วงเทศกาลก็ไม่เคยปรากฎ วันนี้กลับมีครบทุกอย่างซูหมิงอวี๋ขยี้ตาเบาๆ เขาคิดว่าตัวเองเดินเข้าห้องผิดแล้ว!“หรือคุณพ่อจะรู้ว่าเมื่อคืนนี้พวกเราทุกคนเป็นกังวลใจกันมาตลอดทั้งคืน จึงตั้งใจจะปลอบขวัญพวกเรานะ?” ซูหมิงอวี๋แสดงสีหน้าดีใจออกมา“ตาแก่ใจดีจริงๆ หายากนะเนี่ยที่จะใจป๋าแบบวันนี้ งั้นไม่เกรงใจแล้วนะ!”ขณะที่เขากำลังจะก้าวเท้าเข้าไปกินอาหารอย่างเต็มที่ เสียงของซูเทียนคั่วดังขึ้นมาจากด้านหลังของซูหมิงอวี๋ “หยุดนะ แขกยังมาไม่ถึงเลย แกจะกินก่อนได้ยังไง?”ซูหมิงอวี๋ชะง
“แกมันเป็นตัวซวย ตระกูลซูไม่ต้อนรับแก รีบไสหัวไปซะ!”ซูหมิงอวี๋รู้สึกโกรธจริงๆ เขาถลึงตาโตด้วยความโมโห ตะโกนด่าลั่วอู๋ฉางเสียงดัง “ซูหมิงอวี๋ พ่อบ้าไปแล้วหรือไง?”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนเรียกชื่อเต็มของพ่อเธอออกมา แล้วพูดว่า “คุณปู่เป็นคนเชิญศิษย์พี่ลั่วมาทานข้าวนะคะ จู่ๆ พ่อก็มาด่ากราดแบบนี้ มีใครต้อนรับแขกแบบนี้กันบ้าง?”เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่โรงพยาบาล ทำให้ซูเฉี่ยนเฉี่ยนผิดหวังในตัวพ่อของเธอคนนี้อย่างมากตามความคิดของซูหมิงอวี๋ เขาต้องการสั่งให้ซูเฉี่ยนเฉี่ยนอดทนยอมความ ทำเหมือนว่าไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้นแต่แบบนั้นไม่เพียงเธอจะโดนตบไปฟรีๆ แถมยังเหมือนเป็นการยอมรับข้อกล่าวหาว่าขโมยเครื่องเพชรอีกด้วยมีเพียงศิษย์พี่ลั่วอู๋ฉางเท่านั้นที่เชื่อว่าเธอบริสุทธิ์ และยังลงมือสั่งสอนหม่าอวี่เฟยแทนเธอเมื่อเทียบกันแล้ว พ่อแท้ๆ ของเธอยังสู้คนนอกไม่ได้เลย!แม้แต่เทียบกับเพื่อนสนิทอย่างเสี่ยวเสวี่ย ก็ยังห่างชั้นกันมากยิ่งไม่ต้องเทียบกับศิษย์พี่เลย มันเหมือนห่างกันราวฟ้ากับดินยิ่งเมื่อคิดถึงช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา ที่ซูหมิงอวี๋ไม่เคยใส่ใจลูกสาวเลย ซูเฉี่ยนเฉี่ยนก็หมดความเชื่อใจในตัวเข
“ซูหมิงอวี๋ ฉัน ซูเทียนคั่ว รู้สึกอับอายที่มีลูกชายอย่างแก รู้สึกละอายต่อบรรพบุรุษนัก!”ซูหมิงอวี๋ก็โกรธมากเช่นกัน เขาตะโกนว่า “มันเป็นความผิดของซูเฉี่ยนเฉี่ยนแท้ๆ ทั้งพยานบุคคล พยานสิ่งของก็ครบถ้วน หลักฐานแน่นหนายากจะบ่ายเบี่ยง!”“แกพูดบ้าอะไร!”ซูเทียนคั่วด่าลูกชายออกมาตรงๆ “แกตาบอดหรือไงถึงไม่เชื่อในตัวลูกสาวของแกเอง”“เฉี่ยนเฉี่ยนเป็นเด็กดีเชื่อฟังมาตั้งแต่เล็กๆ เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะขโมยของ แค่ฟังดูก็รู้แล้วว่ามีคนใส่ร้ายเธอ!”เมื่อซูเฉี่ยนเฉี่ยนได้ยินคำพูดนี้ หัวใจของเธอก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันทีถ้าเป็นในเวลาปกติ เธอคงจะหลั่งน้ำตาแห่งความซาบซึ้งใจออกมาแล้วในบรรดาคนทั้งบ้าน มีเพียงคุณปู่เท่านั้นที่เชื่อเธอแต่เพราะเมื่อคืน มีคนที่เชื่อเธอมากกว่าคุณปู่ แถมยังเชื่อแบบไม่มีเงื่อนไข!ดังนั้นการแสดงออกของซูเทียนคั่วในตอนนี้จึงไม่ได้มีสำคัญมากขนาดนั้นนอกจากซูเทียนคั่วจะเชื่อในตัวหลานสาวแล้ว เขายังเชื่อในตัวลั่วอู๋ฉางมากกว่าแม้แต่บุคคลยิ่งใหญ่อย่างราชันมังกรลั่วเทียนยังออกหน้าแก้แค้นแทนซูเฉี่ยนเฉี่ยนด้วยตัวเอง มันหมายความว่ายังไงล่ะ?นั่นก็เพียงพอที่จะพิสูจน์แล้วว่าซูเฉี่ยนเ
“คุณปู่ซูพูดเกินไปแล้วค่ะ ฉันกับเฉี่ยนเฉี่ยนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ช่วยเหลือกันก็สมควรแล้วค่ะ”เมื่อถูกซูเทียนคั่วพูดขอบคุณ เสี่ยวเสวี่ยถึงกับตกใจและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากเธอเกิดมาในครอบครัวธรรมดา ถ้าไม่ใช่เพราะซูเฉี่ยนเฉี่ยนไม่ค่อยได้รับความสำคัญจากครอบครัว เธอก็คงไม่มีโอกาสได้เป็นเพื่อนกับเฉี่ยนเฉี่ยนหรอกสำหรับเสี่ยวเสวี่ย ตระกูลซูเป็นเหมือนสิ่งที่สูงเกินเอื้อมถึง“หนูเป็นเด็กที่เข้าใจอะไรได้ดีจริงๆ เหมือนกับเฉี่ยนเฉี่ยนของเราเลย”ซูเทียนคั่วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ต่อไปต้องมาเที่ยวบ้านบ่อยๆ นะ ปู่แก่แล้ว ชอบอยู่กับพวกเด็กๆ รุ่นใหม่อย่างพวกเธอนี่แหละ”“มีเพียงแบบนี้ ปู่ถึงจะได้มีโอกาสรักษาจิตใจให้ยังคงหนุ่มอยู่เสมอ ไม่ตกยุค”“ต่อไปหนูก็พักอยู่ที่บ้านใหญ่กับเฉี่ยนเฉี่ยนเถอะนะ ที่ห้องพักแขกมีของทุกอย่างครบหมด”เสี่ยวเสวี่ยรีบพูดว่า “ขอบคุณคุณปู่ซูค่ะ!”ซูเทียนคั่วมีความสุขมาก รีบเชิญทั้งสามคนนั่งลงเมื่อเห็นทั้งสี่คนพูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนานและกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยซูหมิงอวี๋อยากจะเชื่อว่าตัวเองกำลังฝันไป เพราะสิ่งที่เห็นตรงหน้ามันดูไม่สมจริงเลยนี่ตกลงว่าคุณพ่อเป
แต่ความจริงแล้ว หม่าอวี่เฟยไม่ได้สนใจเย่ชิงหยุนเลยนี่เป็นเพียงความฝันลมๆ แล้งๆ ฝ่ายเดียวของเย่ชิงหยุนเท่านั้น!เย่ชิงหยุนหวังที่จะได้ยกระดับตัวเองโดยการแต่งงานกับตระกูลหม่า ส่วนหม่าอวี่เฟยก็มีความฝันที่จะได้คบกับคนที่เหนือกว่าตระกูลของเธอเช่นกันคนเรามักต้องการปีนขึ้นที่สูง เหมือนกับสายน้ำที่ไหลลงที่ต่ำเสมอหม่าอวี่เฟยไม่มีทางลดตัวมาแต่งงานกับเย่ชิงหยุนแน่นอนเย่ชิงหยุนเองก็ไม่โง่ เขารู้ว่าหากเขาปฏิเสธซูหมิงอวี๋ตรงๆ ซูหมิงอวี๋จะพยายามทุกทางเพื่อไปหาคนอื่นมาช่วยแน่และไม่แน่ว่าซูหมิงอวี๋อาจจะหาคนช่วยสำเร็จก็ได้!สถานการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาดเย่ชิงหยุนจึงตัดสินใจหลอกซูหมิงอวี๋ เขาพูดว่า “ผมคงทำได้แค่ลองดูนะครับ แต่คุณหนูหม่าจะยกโทษให้หรือไม่นั้น ผมก็รับรองไม่ได้”“แต่คุณลุงซูสบายใจได้ ผมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้เรื่องนี้สำเร็จครับ” “เพราะถึงอย่างไร คนที่ก่อเรื่องก็คือลั่วอู๋ฉาง ตระกูลซูของพวกคุณก็แค่เป็นคนโชคร้ายที่โดนลูกหลงเท่านั้น ผมเชื่อว่าคุณหนูหม่าจะใจกว้างพอที่จะเข้าใจในจุดนี้ครับ”ซูหมิงอวี๋รู้สึกดีใจมาก “ได้ๆ ๆ!”“ลุงเชื่อว่าถ้าชิงหยุนยอมช่วย จะต้องจั
ภายในห้อง กลิ่นยาแรงฉุนลอยฟุ้งไปทั่วหม่าอวี่เฟยนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าของเธอไร้สีเลือด ขาวซีดจนน่ากลัวแขนขาทั้งสี่ข้างของเธอถูกใส่เฝือกไว้ ทำให้ไม่สามารถขยับตัวได้ตอนนี้เธอแสดงสีหน้าเจ็บปวด คล้ายกับกำลังทนรับการทรมานที่เหนือมนุษย์ เสียงร้องครวญครางอย่างน่าเวทนาดังออกมาจากปากเธอ“เจ็บ...หนูเจ็บจะตายอยู่แล้ว!”หม่าเฉียนคุนรีบพุ่งไปที่เตียงด้วยความเป็นห่วง ถามลูกสาวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความปวดใจว่า “ลูกเป็นยังไงบ้าง?”“พ่อคะ...หนูเจ็บจะตายอยู่แล้ว ทรมานเหลือเกิน หนูรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังใกล้ตายแล้วจริงๆ!”เสียงของหม่าอวี่เฟยอ่อนแรงมาก ราวกับเธอเหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย และพร้อมจะจากไปในทุกเมื่อ“ทำไมถึงเป็นแบบนี้?”หม่าเฉียนคุนจ้องมองพวกหมอที่ทำอะไรไม่ถูก แล้วตะคอกใส่พวกเขาว่า “พวกคนไร้ประโยชน์! ฉันจ่ายเงินก้อนโตเพื่อจ้างพวกแกมา แต่พวกแกกลับช่วยอะไรไม่ได้เลย?”“ถ้าลูกสาวฉันเป็นอะไรไป พวกแกทุกคนจะต้องถูกฝังไปพร้อมกับเธอด้วย!”ทุกคนต่างตกใจกลัวอย่างมากหม่าเฉียนคุนเป็นที่รู้จักในเมืองอันเฉิงในฐานะผู้โหดเหี้ยมและไร้ความปรานีเมื่อเขาพูดว่าจะฆ่าใคร นั่นหมายความว่าคนๆ นั้นไม่
หม่าเฉียนคุนตอบเลี่ยงว่า “เหตุผลมันไม่สำคัญแล้ว!”“ตอนนี้เราเข้าใจสถานการณ์แล้ว เรื่องนี้ก็จัดการง่ายขึ้น รีบหาตัวไอ้หมอนั่นให้เจอเดี๋ยวนี้!”ทันใดนั้นก็มีคนบอกว่า “ไอ้คนแซ่ลั่วอยู่กับซูเฉี่ยนเฉี่ยนครับ พวกเขาเพิ่งไปที่บ้านตระกูลซู”“หาเบอร์ซูเฉี่ยนเฉี่ยน แล้วโทรไปหาเธอเดี๋ยวนี้!”คนหลายคนยุ่งวุ่นวายกันอยู่พักหนึ่ง ไม่นานก็โทรติดบ้านตระกูลซู ในห้องอาหารอาหารในมื้อนั้นเยอะมาก ไม่นานพวกเขาทั้งสามคนทานก็ทานกันจนอิ่มโทรศัพท์ของซูเฉี่ยนเฉี่ยนดังขึ้น เธอจึงรับสาย“สวัสดีค่ะ...”จากนั้น เธอก็ยื่นโทรศัพท์ให้ลั่วอู๋ฉาง “ศิษย์พี่ มีคนขอคุยด้วยค่ะ บอกว่าเป็นหม่าเฉียนคุนจากตระกูลหม่า”ลั่วอู๋ฉางจึงบอกให้เธอเปิดลำโพง“ลั่วอู๋ฉาง แกเป็นคนลงมือทำอะไรบางอย่างกับลูกสาวฉันใช่ไหม?”เสียงของหม่าเฉียนคุนที่ถามด้วยความโกรธดังออกมาจากลำโพงแค่คิดก็จินตนาการได้ว่า ตอนนี้เขาคงกำลังขบฟันด้วยความโกรธจนตาทั้งสองข้างแทบลุกเป็นไฟแล้วแน่ๆ“ใช่” ลั่วอู๋ฉางตอบอย่างเรียบง่ายหม่าเฉียนคุนโกรธและตะคอกว่า “ไอ้หนู แกกล้ามากนะที่มาทำร้ายลูกสาวฉัน แกอยากตายนักหรือไง?”ลั่วอู๋ฉางพูดอย่างเยือกเย็น “เธอสมควรโ
ในที่สุด หม่าเฉียนคุนก็เลือกที่จะยอมอ่อนข้อแม้ศักดิ์ศรีจะสำคัญก็จริง แต่ชีวิตของลูกสาวเขาสำคัญยิ่งกว่าถ้าหากเขายึดติดแต่เรื่องศักดิ์ศรีจนปล่อยให้ลูกสาวต้องตาย มันคงจะไม่เป็นชื่อเสียงที่ดีนักญาติที่อยู่ข้างๆ รวบรวมความกล้าพูดเตือนสติว่า “ท่านหม่า ในเมื่อจะไปขอโทษ ก็ควรมีความจริงใจในการขอโทษด้วย...”“นายหมายความว่ายังไง?” หม่าเฉียนคุนถลึงตามองเขาอย่างโกรธเกรี้ยว ราวกับจะกินเขาเป็นๆ อย่างนั้นในสายตาของหม่าเฉียนคุน การที่ตัวเขายอมไปขอโทษ นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับอีกฝ่ายแล้วญาตินั้นตกใจจนขาสั่น เขาพูดด้วยเสียงสั่นว่า “ถ้าท่านแสดงออกถึงความแข็งกร้าวเกินไป อาจจะทำให้ฝ่ายโกรธได้ ท่านควรมีความจริงใจ”"ท่านอย่าลืมสิ ชีวิตของคุณหนูอยู่ในมือของเขานะ!"“อย่าให้ท่าทีของท่านทำให้การเจรจาพังไป สุดท้ายถ้าทั้งศักดิ์ศรีและชีวิตของคุณหนูต่างก็รักษาไว้ แบบนั้นมันไม่คุ้มกันหรอก”หม่าเฉียนคุนพูดด้วยความไม่พอใจว่า “นายฉลาดคนเดียวหรือไง ฉันต้องให้นายมาสอนด้วยเหรอ?”แม้ภายนอกเขาจะทำท่าไม่ใส่ใจ แต่ในใจกลับคิดอีกอย่างต่อหน้าคนของตัวเอง เขาต้องรักษาท่าทีที่แข็งกร้าวไว้เสมอไม่ยอมทำตามใครทั