“คุณปู่ซูพูดเกินไปแล้วค่ะ ฉันกับเฉี่ยนเฉี่ยนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ช่วยเหลือกันก็สมควรแล้วค่ะ”เมื่อถูกซูเทียนคั่วพูดขอบคุณ เสี่ยวเสวี่ยถึงกับตกใจและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากเธอเกิดมาในครอบครัวธรรมดา ถ้าไม่ใช่เพราะซูเฉี่ยนเฉี่ยนไม่ค่อยได้รับความสำคัญจากครอบครัว เธอก็คงไม่มีโอกาสได้เป็นเพื่อนกับเฉี่ยนเฉี่ยนหรอกสำหรับเสี่ยวเสวี่ย ตระกูลซูเป็นเหมือนสิ่งที่สูงเกินเอื้อมถึง“หนูเป็นเด็กที่เข้าใจอะไรได้ดีจริงๆ เหมือนกับเฉี่ยนเฉี่ยนของเราเลย”ซูเทียนคั่วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ต่อไปต้องมาเที่ยวบ้านบ่อยๆ นะ ปู่แก่แล้ว ชอบอยู่กับพวกเด็กๆ รุ่นใหม่อย่างพวกเธอนี่แหละ”“มีเพียงแบบนี้ ปู่ถึงจะได้มีโอกาสรักษาจิตใจให้ยังคงหนุ่มอยู่เสมอ ไม่ตกยุค”“ต่อไปหนูก็พักอยู่ที่บ้านใหญ่กับเฉี่ยนเฉี่ยนเถอะนะ ที่ห้องพักแขกมีของทุกอย่างครบหมด”เสี่ยวเสวี่ยรีบพูดว่า “ขอบคุณคุณปู่ซูค่ะ!”ซูเทียนคั่วมีความสุขมาก รีบเชิญทั้งสามคนนั่งลงเมื่อเห็นทั้งสี่คนพูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนานและกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยซูหมิงอวี๋อยากจะเชื่อว่าตัวเองกำลังฝันไป เพราะสิ่งที่เห็นตรงหน้ามันดูไม่สมจริงเลยนี่ตกลงว่าคุณพ่อเป
แต่ความจริงแล้ว หม่าอวี่เฟยไม่ได้สนใจเย่ชิงหยุนเลยนี่เป็นเพียงความฝันลมๆ แล้งๆ ฝ่ายเดียวของเย่ชิงหยุนเท่านั้น!เย่ชิงหยุนหวังที่จะได้ยกระดับตัวเองโดยการแต่งงานกับตระกูลหม่า ส่วนหม่าอวี่เฟยก็มีความฝันที่จะได้คบกับคนที่เหนือกว่าตระกูลของเธอเช่นกันคนเรามักต้องการปีนขึ้นที่สูง เหมือนกับสายน้ำที่ไหลลงที่ต่ำเสมอหม่าอวี่เฟยไม่มีทางลดตัวมาแต่งงานกับเย่ชิงหยุนแน่นอนเย่ชิงหยุนเองก็ไม่โง่ เขารู้ว่าหากเขาปฏิเสธซูหมิงอวี๋ตรงๆ ซูหมิงอวี๋จะพยายามทุกทางเพื่อไปหาคนอื่นมาช่วยแน่และไม่แน่ว่าซูหมิงอวี๋อาจจะหาคนช่วยสำเร็จก็ได้!สถานการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาดเย่ชิงหยุนจึงตัดสินใจหลอกซูหมิงอวี๋ เขาพูดว่า “ผมคงทำได้แค่ลองดูนะครับ แต่คุณหนูหม่าจะยกโทษให้หรือไม่นั้น ผมก็รับรองไม่ได้”“แต่คุณลุงซูสบายใจได้ ผมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้เรื่องนี้สำเร็จครับ” “เพราะถึงอย่างไร คนที่ก่อเรื่องก็คือลั่วอู๋ฉาง ตระกูลซูของพวกคุณก็แค่เป็นคนโชคร้ายที่โดนลูกหลงเท่านั้น ผมเชื่อว่าคุณหนูหม่าจะใจกว้างพอที่จะเข้าใจในจุดนี้ครับ”ซูหมิงอวี๋รู้สึกดีใจมาก “ได้ๆ ๆ!”“ลุงเชื่อว่าถ้าชิงหยุนยอมช่วย จะต้องจั
ภายในห้อง กลิ่นยาแรงฉุนลอยฟุ้งไปทั่วหม่าอวี่เฟยนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าของเธอไร้สีเลือด ขาวซีดจนน่ากลัวแขนขาทั้งสี่ข้างของเธอถูกใส่เฝือกไว้ ทำให้ไม่สามารถขยับตัวได้ตอนนี้เธอแสดงสีหน้าเจ็บปวด คล้ายกับกำลังทนรับการทรมานที่เหนือมนุษย์ เสียงร้องครวญครางอย่างน่าเวทนาดังออกมาจากปากเธอ“เจ็บ...หนูเจ็บจะตายอยู่แล้ว!”หม่าเฉียนคุนรีบพุ่งไปที่เตียงด้วยความเป็นห่วง ถามลูกสาวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความปวดใจว่า “ลูกเป็นยังไงบ้าง?”“พ่อคะ...หนูเจ็บจะตายอยู่แล้ว ทรมานเหลือเกิน หนูรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังใกล้ตายแล้วจริงๆ!”เสียงของหม่าอวี่เฟยอ่อนแรงมาก ราวกับเธอเหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย และพร้อมจะจากไปในทุกเมื่อ“ทำไมถึงเป็นแบบนี้?”หม่าเฉียนคุนจ้องมองพวกหมอที่ทำอะไรไม่ถูก แล้วตะคอกใส่พวกเขาว่า “พวกคนไร้ประโยชน์! ฉันจ่ายเงินก้อนโตเพื่อจ้างพวกแกมา แต่พวกแกกลับช่วยอะไรไม่ได้เลย?”“ถ้าลูกสาวฉันเป็นอะไรไป พวกแกทุกคนจะต้องถูกฝังไปพร้อมกับเธอด้วย!”ทุกคนต่างตกใจกลัวอย่างมากหม่าเฉียนคุนเป็นที่รู้จักในเมืองอันเฉิงในฐานะผู้โหดเหี้ยมและไร้ความปรานีเมื่อเขาพูดว่าจะฆ่าใคร นั่นหมายความว่าคนๆ นั้นไม่
หม่าเฉียนคุนตอบเลี่ยงว่า “เหตุผลมันไม่สำคัญแล้ว!”“ตอนนี้เราเข้าใจสถานการณ์แล้ว เรื่องนี้ก็จัดการง่ายขึ้น รีบหาตัวไอ้หมอนั่นให้เจอเดี๋ยวนี้!”ทันใดนั้นก็มีคนบอกว่า “ไอ้คนแซ่ลั่วอยู่กับซูเฉี่ยนเฉี่ยนครับ พวกเขาเพิ่งไปที่บ้านตระกูลซู”“หาเบอร์ซูเฉี่ยนเฉี่ยน แล้วโทรไปหาเธอเดี๋ยวนี้!”คนหลายคนยุ่งวุ่นวายกันอยู่พักหนึ่ง ไม่นานก็โทรติดบ้านตระกูลซู ในห้องอาหารอาหารในมื้อนั้นเยอะมาก ไม่นานพวกเขาทั้งสามคนทานก็ทานกันจนอิ่มโทรศัพท์ของซูเฉี่ยนเฉี่ยนดังขึ้น เธอจึงรับสาย“สวัสดีค่ะ...”จากนั้น เธอก็ยื่นโทรศัพท์ให้ลั่วอู๋ฉาง “ศิษย์พี่ มีคนขอคุยด้วยค่ะ บอกว่าเป็นหม่าเฉียนคุนจากตระกูลหม่า”ลั่วอู๋ฉางจึงบอกให้เธอเปิดลำโพง“ลั่วอู๋ฉาง แกเป็นคนลงมือทำอะไรบางอย่างกับลูกสาวฉันใช่ไหม?”เสียงของหม่าเฉียนคุนที่ถามด้วยความโกรธดังออกมาจากลำโพงแค่คิดก็จินตนาการได้ว่า ตอนนี้เขาคงกำลังขบฟันด้วยความโกรธจนตาทั้งสองข้างแทบลุกเป็นไฟแล้วแน่ๆ“ใช่” ลั่วอู๋ฉางตอบอย่างเรียบง่ายหม่าเฉียนคุนโกรธและตะคอกว่า “ไอ้หนู แกกล้ามากนะที่มาทำร้ายลูกสาวฉัน แกอยากตายนักหรือไง?”ลั่วอู๋ฉางพูดอย่างเยือกเย็น “เธอสมควรโ
ในที่สุด หม่าเฉียนคุนก็เลือกที่จะยอมอ่อนข้อแม้ศักดิ์ศรีจะสำคัญก็จริง แต่ชีวิตของลูกสาวเขาสำคัญยิ่งกว่าถ้าหากเขายึดติดแต่เรื่องศักดิ์ศรีจนปล่อยให้ลูกสาวต้องตาย มันคงจะไม่เป็นชื่อเสียงที่ดีนักญาติที่อยู่ข้างๆ รวบรวมความกล้าพูดเตือนสติว่า “ท่านหม่า ในเมื่อจะไปขอโทษ ก็ควรมีความจริงใจในการขอโทษด้วย...”“นายหมายความว่ายังไง?” หม่าเฉียนคุนถลึงตามองเขาอย่างโกรธเกรี้ยว ราวกับจะกินเขาเป็นๆ อย่างนั้นในสายตาของหม่าเฉียนคุน การที่ตัวเขายอมไปขอโทษ นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับอีกฝ่ายแล้วญาตินั้นตกใจจนขาสั่น เขาพูดด้วยเสียงสั่นว่า “ถ้าท่านแสดงออกถึงความแข็งกร้าวเกินไป อาจจะทำให้ฝ่ายโกรธได้ ท่านควรมีความจริงใจ”"ท่านอย่าลืมสิ ชีวิตของคุณหนูอยู่ในมือของเขานะ!"“อย่าให้ท่าทีของท่านทำให้การเจรจาพังไป สุดท้ายถ้าทั้งศักดิ์ศรีและชีวิตของคุณหนูต่างก็รักษาไว้ แบบนั้นมันไม่คุ้มกันหรอก”หม่าเฉียนคุนพูดด้วยความไม่พอใจว่า “นายฉลาดคนเดียวหรือไง ฉันต้องให้นายมาสอนด้วยเหรอ?”แม้ภายนอกเขาจะทำท่าไม่ใส่ใจ แต่ในใจกลับคิดอีกอย่างต่อหน้าคนของตัวเอง เขาต้องรักษาท่าทีที่แข็งกร้าวไว้เสมอไม่ยอมทำตามใครทั
“คนทำคนเดียวก็ต้องรับผิดชอบคนเดียว ถ้าส่งตัวเขาออกไป พวกเราก็จะได้ไม่ต้องเดือดร้อน!”คนกลุ่มนั้นเดินมายังเรือนใหญ่พร้อมกับส่งเสียงอื้ออึงซูเทียนคั่วโกรธจนหน้าง้ำ เดินออกมาพร้อมตะโกนดุด่า “ดูพวกแกสิ ทำตัวเหมือนกับหนูขี้ขลาด ช่างขายหน้าตระกูลซูจริงๆ!”“พ่อครับ พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ!”ซูหมิงอวี๋ที่ยืนอยู่ในกลุ่มก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “เดิมทีเรื่องนี้มันก็ไม่เกี่ยวกับตระกูลซูของเราแต่แรก ทำไมเราต้องมาแบกรับผลเสียด้วย?”“ฟังจากที่แกพูด นอกจากจะส่งตัวคุณลั่วแล้ว ยังจะส่งเฉี่ยนเฉี่ยนให้ตระกูลหม่าอีกด้วยสินะ?” ซูเทียนคั่วถามเสียงเย็นชาซูหมิงอวี๋พูดโดยไม่คิดว่า “ตราบใดที่สามารถรักษาตระกูลซูไว้ได้ ไม่ว่าจะต้องเสียสละอะไรก็ได้ทั้งนั้น!”ซูเทียนคั่วโกรธจนหน้าอกกระเพื่อม “แก แกมันไม่คู่ควรที่จะเป็นพ่อคนเลย!”“ฉันขอประกาศในฐานะผู้นำตระกูลอย่างเป็นทางการว่า จะขอยึดสิทธิ์ของซูหมิงอวี๋ในฐานะทายาทผู้สืบทอดคืน และขับมันออกจากตระกูลนับตั้งแต่วันนี้ไป!”ซูหมิงอวี๋ไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย เขาตอบกลับอย่างท้าทายว่า “พ่อครับ ในเมื่อพ่อไม่เมตตา ก็อย่าหาว่าลูกอกตัญญูเลย”“หลังจากที่ซูเทียนคั่วถูกวางยา
คนในตระกูลซูต่างตกตะลึงกับอาการบาดเจ็บของหม่าอวี่เฟยก่อนที่จะได้เห็นตัวจริงของเธอ พวกเขาคิดว่าอาการบาดเจ็บร้ายแรงอาจจะไม่ได้หนักหนาอย่างที่คิด แต่ความจริงกลับแตกต่างอย่างมากหลายคนคิดไปโดยอัตโนมัติว่าการพูดถึงการบาดเจ็บสาหัสอาจจะเกินจริงไปเพราะถึงยังไง หม่าอวี่เฟยก็ถูกทำร้ายในงานเลี้ยงวันเกิดของตัวเธอเองรอบตัวเธอเต็มไปด้วยบอดี้การ์ดและเพื่อนฝูง เป็นงานที่ถูกจัดขึ้นในพื้นที่ของตัวเองถึงจะบาดเจ็บ แต่มันจะหนักได้สักแค่ไหนกัน?พวกเขาคิดว่าตระกูลหม่าน่าจะแค่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่พวกเขาจงใจพูดให้เรื่องนี้ดูร้ายแรง เพื่อจะใช้เป็นข้ออ้างในการโจมตีตระกูลซูแต่ตอนนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าอาการบาดเจ็บของหม่าอวี่เฟยไม่เพียงแค่ร้ายแรง แต่ถึงขั้นใช้คำว่าสาหัสได้แขนขาทั้งหมดของเธอถูกใส่เฝือก เพราะไม่สามารถขยับตัวได้ แถมยังต้องนั่งอยู่บนรถเข็น ทำให้เธออยู่ในท่วงท่าที่แปลกประหลาดสุดๆทั้งหัวของเธอถูกพันด้วยผ้ากอซ เหลือเพียงดวงตา ปากและจมูกที่โผล่ออกมาเมื่อมองดูผ่านๆ แล้ว เธอดูเหมือนมัมมี่รูปร่างประหลาดดวงตาของเธอดูอ่อนล้า ลมหายใจรวยรินราวกับจะสิ้นชีวิตได้ทุกเมื่อไม่แปลกใจเล
ในเมืองอันเฉิงนี้ ใครเคยเห็นตระกูลหม่าคุกเข่าขอโทษใครบ้าง?เนื่องจากไม่เข้าใจเหตุผล พวกเขาจึงยิ่งรู้สึกหวั่นใจเข้าไปใหญ่หลายคนถึงกับเตรียมตัวพร้อมที่จะเผ่นหนีทันทีเมื่อเห็นสถานการณ์เริ่มผิดปกติหม่าเฉียนคุนหน้าตางอง้ำ กัดฟันพูดว่า “คุณหนูซูเฉี่ยนเฉี่ยน ผมขอโทษ”“เป็นความผิดของผมเองที่สั่งสอนลูกสาวไม่ดี เมื่อคืนเธอจึงลงมือทำร้ายคุณ วันนี้ผมพาลูกสาวมาขอโทษคุณหนูซูถึงที่บ้านด้วยตัวเองแล้ว”“หวังว่าคุณหนูซูจะมีเมตตา ให้อภัยพวกเราด้วยเถอะครับ!”ทุกคนในตระกูลหม่าพูดขึ้นพร้อมกัน “ขอคุณหนูซูให้อภัยด้วย!”เสียงดังสนั่น ทำให้ทุกคนในที่นั้นถึงกับสะดุ้ง“อะไรนะ?!”ซูหมิงอวี๋ตกตะลึงไปทันที!ทุกคน รวมทั้งซูเทียนคั่ว ต่างอ้าปากค้างด้วยความตกใจที่ตระกูลหม่ายกโขยงกันมาใหญ่โตขนาดนี้ เพื่อที่จะมาขอโทษอย่างนั้นเหรอ!เป็นไปได้ยังไง?เมื่อไม่นานนี้ ตระกูลหม่ายังโจมตีธุรกิจของตระกูลซูอย่างหนักอยู่เลยเมื่อต้องเจอกับการโจมตีรุนแรงแบบนี้ ตระกูลซูไม่มีทางต่อกรได้เลยทุกคนในตระกูลซูต่างกังวลว่าพวกเขาอาจจะต้องล้มละลายในที่สุดแต่ใครจะไปคิดว่า เพียงแค่ชั่วพริบตา หม่าเฉียนคุนกลับพาคนในตระกูลมาคุกเ