คนในตระกูลซูต่างตกตะลึงกับอาการบาดเจ็บของหม่าอวี่เฟยก่อนที่จะได้เห็นตัวจริงของเธอ พวกเขาคิดว่าอาการบาดเจ็บร้ายแรงอาจจะไม่ได้หนักหนาอย่างที่คิด แต่ความจริงกลับแตกต่างอย่างมากหลายคนคิดไปโดยอัตโนมัติว่าการพูดถึงการบาดเจ็บสาหัสอาจจะเกินจริงไปเพราะถึงยังไง หม่าอวี่เฟยก็ถูกทำร้ายในงานเลี้ยงวันเกิดของตัวเธอเองรอบตัวเธอเต็มไปด้วยบอดี้การ์ดและเพื่อนฝูง เป็นงานที่ถูกจัดขึ้นในพื้นที่ของตัวเองถึงจะบาดเจ็บ แต่มันจะหนักได้สักแค่ไหนกัน?พวกเขาคิดว่าตระกูลหม่าน่าจะแค่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่พวกเขาจงใจพูดให้เรื่องนี้ดูร้ายแรง เพื่อจะใช้เป็นข้ออ้างในการโจมตีตระกูลซูแต่ตอนนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าอาการบาดเจ็บของหม่าอวี่เฟยไม่เพียงแค่ร้ายแรง แต่ถึงขั้นใช้คำว่าสาหัสได้แขนขาทั้งหมดของเธอถูกใส่เฝือก เพราะไม่สามารถขยับตัวได้ แถมยังต้องนั่งอยู่บนรถเข็น ทำให้เธออยู่ในท่วงท่าที่แปลกประหลาดสุดๆทั้งหัวของเธอถูกพันด้วยผ้ากอซ เหลือเพียงดวงตา ปากและจมูกที่โผล่ออกมาเมื่อมองดูผ่านๆ แล้ว เธอดูเหมือนมัมมี่รูปร่างประหลาดดวงตาของเธอดูอ่อนล้า ลมหายใจรวยรินราวกับจะสิ้นชีวิตได้ทุกเมื่อไม่แปลกใจเล
ในเมืองอันเฉิงนี้ ใครเคยเห็นตระกูลหม่าคุกเข่าขอโทษใครบ้าง?เนื่องจากไม่เข้าใจเหตุผล พวกเขาจึงยิ่งรู้สึกหวั่นใจเข้าไปใหญ่หลายคนถึงกับเตรียมตัวพร้อมที่จะเผ่นหนีทันทีเมื่อเห็นสถานการณ์เริ่มผิดปกติหม่าเฉียนคุนหน้าตางอง้ำ กัดฟันพูดว่า “คุณหนูซูเฉี่ยนเฉี่ยน ผมขอโทษ”“เป็นความผิดของผมเองที่สั่งสอนลูกสาวไม่ดี เมื่อคืนเธอจึงลงมือทำร้ายคุณ วันนี้ผมพาลูกสาวมาขอโทษคุณหนูซูถึงที่บ้านด้วยตัวเองแล้ว”“หวังว่าคุณหนูซูจะมีเมตตา ให้อภัยพวกเราด้วยเถอะครับ!”ทุกคนในตระกูลหม่าพูดขึ้นพร้อมกัน “ขอคุณหนูซูให้อภัยด้วย!”เสียงดังสนั่น ทำให้ทุกคนในที่นั้นถึงกับสะดุ้ง“อะไรนะ?!”ซูหมิงอวี๋ตกตะลึงไปทันที!ทุกคน รวมทั้งซูเทียนคั่ว ต่างอ้าปากค้างด้วยความตกใจที่ตระกูลหม่ายกโขยงกันมาใหญ่โตขนาดนี้ เพื่อที่จะมาขอโทษอย่างนั้นเหรอ!เป็นไปได้ยังไง?เมื่อไม่นานนี้ ตระกูลหม่ายังโจมตีธุรกิจของตระกูลซูอย่างหนักอยู่เลยเมื่อต้องเจอกับการโจมตีรุนแรงแบบนี้ ตระกูลซูไม่มีทางต่อกรได้เลยทุกคนในตระกูลซูต่างกังวลว่าพวกเขาอาจจะต้องล้มละลายในที่สุดแต่ใครจะไปคิดว่า เพียงแค่ชั่วพริบตา หม่าเฉียนคุนกลับพาคนในตระกูลมาคุกเ
หม่าเฉียนคุนก้มศีรษะลง ไม่ใช่ว่าเขารู้สึกละอายยิ่งไม่ใช่เพราะเขาไม่กล้าสบตากับลั่วอู๋ฉางและซูเฉี่ยนเฉี่ยน แต่กลัวว่าถ้าเงยหน้าขึ้น อาจแสดงความโกรธออกมาโดยไม่ตั้งใจในเมื่อมาถึงแล้ว แถมยังคุกเข่าไปแล้วถ้าเพราะรายละเอียดเล็กน้อยที่ทำได้ไม่สมบูรณ์ ทำให้ความพยายามทั้งหมดต้องสูญเปล่า และถ้าลูกสาวต้องมาตายเพราะเรื่องนี้ หม่าเฉียนคุนคงจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิตตอนนี้เขารู้ซึ้งถึงความหมายของสำนวนว่าลูบหน้าปะจมูกอย่างแท้จริงแล้วพร้อมกันนี้เขาก็คิดอะไรได้บางอย่างนั่นคือเหตุผลที่ว่า ทำไมทั้งๆ ที่เหลียนหมิงเจิ้งมีคนมีฝีมือมากมายอยู่ทั้งสามโรงเรียนศิลปะการต่อสู้ ถึงไม่ลงมือสังหารโดยตรง แต่กลับส่งคนไปลักพาตัวซูเฉี่ยนเฉี่ยนแทนเพราะหากได้ตัวประกันมาแล้ว ฝ่ายตรงข้ามก็มีเพียงทางเลือกเดียว คือยอมจำนนโดยไม่มีทางสู้น่าเสียดายที่เหลียนหมิงเจิ้งล้มเหลว!ไม่อย่างนั้น คนที่คุกเข่าร้องขออยู่ตอนนี้ก็คงเป็นลั่วอู๋ฉางผู้ชนะคือเจ้า ผู้แพ้คือข้า คิดเสียใจก็สายไปแล้ว!“คุณลั่ว ผมขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อคืน” หม่าเฉียนคุนพูดด้วยความรู้สึกไม่เต็มใจการขอโทษคนหนุ่มสาวสองคนติดกันเช่นนี้ ถือเป็นควา
ตอนนี้หม่าอวี่เฟยอ่อนแอมาก เธออ้าปากพูดออกมาด้วยเสียงเบาๆ“เสี่ยวเสวี่ย!” ซูเฉี่ยนเฉี่ยนส่งสายตาให้เพื่อนสนิทเสี่ยวเสวี่ยเข้าใจในทันที เธอหยิบมือถือแล้วเดินไปวางใกล้ปากของหม่าอวี่เฟยหม่าอวี่เฟยพูดออกมาประโยคสองสามประโยคอย่างยากลำบาก จากนั้นก็หอบหายใจอย่างหนักเสี่ยวเสวี่ยถือโทรศัพท์และปรับระดับเสียงให้ดังสุด“ซูเฉี่ยนเฉี่ยนไม่ได้ขโมยของฉัน ฉันแค่ไม่ชอบเธอ เลยจงใจหาเรื่องและจัดฉากใส่ร้ายเธอ...”แม้เสียงจะขาดหายเป็นช่วงๆ แต่ก็ชัดเจนมากพอที่ทุกคนจะได้ยินแม่ของซูเฉี่ยนเฉี่ยนที่ยืนอยู่ข้างนอก ทันทีที่ได้ยิน น้ำตาแห่งความดีใจก็ไหลออกมาลูกสาวของฉัน ถูกใส่ร้ายจริงๆ!ตอนนี้ ข้อกล่าวหาก็ถูกลบล้างออกไปแล้ว!“ฉันบอกแล้วว่า เฉี่ยนเฉี่ยนไม่มีทางขโมยของได้ ข้อกล่าวหาโง่ๆ แบบนี้ยังมีคนเชื่ออีก!”ซูเทียนคั่วพูดเสียงดัง “ความจริงพิสูจน์แล้วว่า หลานสาวของฉันถูกใส่ร้ายจริงๆ!”สีหน้าของซูหมิงอวี๋แย่มากเพื่อนสนิทเชื่อ แม่เชื่อ ศิษย์พี่เชื่อ คุณปู่ก็เชื่อ!แถมพวกเขายังเชื่ออย่างไม่มีเงื่อนไข!มีเพียงซูหมิงอวี๋ พ่อแท้ๆ ของเธอคนนี้เท่านั้นที่ไม่เชื่อลูกสาวของตัวเองช่างน่าเศร้าจริงๆ!ตอนน
ทันทีที่พูดจบ บรรยากาศในที่นั้นก็เกิดเสียงอื้ออึงขึ้นทันที!คนในตระกูลหม่าต่างขมวดคิ้วและโกรธเกรี้ยวส่วนคนในตระกูลซูนั้นต่างตกตะลึงจนอ้าปากค้าง!ไอ้เด็กแซ่ลั่วคนนี้ จะกล้ามากเกินไปแล้ว นี่มันชัดเจนเลยว่าเขากำลังได้คืบจะเอาศอกอยู่พวกเขาก็ขอโทษไปแล้ว แถมซูเฉี่ยนเฉี่ยนก็แสดงออกว่าให้อภัยไปแล้วด้วยเขาเป็นแค่คนนอก จะมาทำให้เรื่องวุ่นวายทำไม?คุณหนูหม่าก็บาดเจ็บหนักถึงขนาดนี้แล้ว นายยังกล้าจะให้เธอมาขอโทษเองอีกหรือ?ช่างไม่รู้จักที่ตายจริงๆ!ต่างฝ่ายต่างถอยกันสักก้าว มันจะไม่ดีกว่าหรือ?ต้องผูกพยาบาทกันจนตายเลยหรือไง!“ลูกสาวฉันถูกแกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส เดิมเธอควรจะได้นอนพักรักษาตัวอยู่บนเตียง แต่เพื่อแสดงความจริงใจ ฉันถึงได้พาเธอมาด้วย!”หม่าเฉียนคุนกัดฟันพูดอย่างอดกลั้น “ในฐานะพ่อ ฉันได้คุกเข่าและขอโทษแทนลูกสาวไปแล้ว แกยังไม่พอใจอะไรอีกหรือ?”“หรือแกต้องการให้ลูกสาวฉันคุกเข่าขอโทษด้วยถึงจะพอใจ อย่างนี้มันจะไม่เกินไปหน่อยหรือ?”ไม่ใช่แค่หม่าเฉียนคุนที่ใกล้จะระเบิดอารมณ์เต็มที่ แต่คนอื่นๆ ในตระกูลหม่าเองก็ดูมีท่าทีเอาเรื่อง พร้อมที่จะสู้กันจนตัวตายด้วยเช่นกันบรรยากาศตึงเครี
“อืม...”หม่าอวี่เฟยส่งเสียงออกมาอย่างผ่อนคลาย ความเจ็บปวดที่เคยทรมานทั้งร่างกายหายไปทันที ความรู้สึกเบาสบายแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย “ลูกรัก รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?” หม่าเฉียนคุนรีบถามทันทีหม่าอวี่เฟยตอบว่า “พ่อคะ หนูไม่เจ็บแล้ว!”“เยี่ยมไปเลย!”หม่าเฉียนคุนมองไปที่ลั่วอู๋ฉางด้วยสายตาที่ซับซ้อน“ว่านายรู้จักทำตัวดี...”เขาเพิ่งพูดได้ครึ่งหนึ่ง ลั่วอู๋ฉางก็ขัดจังหวะทันที “ฉันทำให้เธอมีชีวิตได้ ก็ทำให้เธอตายได้เช่นกัน!”ใจของหม่าเฉียนคุนกระตุกทันที!คำพูดที่เขากำลังจะพูดออกไปจากปากต้องกลืนกลับลงคอทันที“แก อยากจะพูดอะไรนะ?” ลั่วอู๋ฉางถามย้อนอย่างจงใจหม่าเฉียนคุนรู้สึกอัดอั้นใจมาก เขาทำหน้าเครียดก่อนโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร พวกเราไปกันเถอะ!”คนในตระกูลซูมองดูพวกหม่าเฉียนคุนเดินจากไป แต่ละคนยังคงทำหน้าตกตะลึงอย่างไม่เชื่อสายตาพวกเขาไม่เข้าใจ และยิ่งไม่อาจยอมรับได้!ตระกูลหม่าอันทรงเกียรติถูกเหยียบย่ำเสียศักดิ์ศรีขนาดนี้ แต่กลับไม่มีการลงไม้ลงมือกันเลยแม้แต่น้อยกระทั่งว่า คำพูดขู่แรงๆ สักคำก็ไม่กล้าพูด แล้วก็เดินจากไปเองนี่คือตระกูลหม่าที่ทุกคนเคยรู้จักจริงๆ หรือ?“คุณลั่ว
“ห๊ะ?!”เย่ชิงหยุนถึงกับอึ้ง สับสนไปหมดนี่มันเรื่องอะไรกันแน่?ซูหมิงอวี๋ยังคงพูดไม่หยุด “เจ้านั่นมันไม่มีดีสักอย่าง ไม่รู้ว่าคุณพ่อไปเห็นอะไรดีในตัวมัน” “ทั้งๆ ที่เธอเป็นคนช่วยพูดให้แท้ๆ ที่ทำให้ตระกูลหม่ายอมทิ้งศักดิ์ศรีมาคุกเข่าขอโทษ!" “แต่คุณพ่อและคนอื่นๆ กลับคิดว่าลั่วอู๋ฉางนั่นข่มขู่ตระกูลหม่าจนยอมก้มหัว พวกเขาถูกหลอกแล้วยังไม่รู้ตัวอีก!” “ไอ้สารเลวแซ่ลั่วนั่นมันหน้าด้านจริงๆ ทำไมมันถึงกล้าแอบอ้างความดีความชอบนี้ได้!”เย่ชิงหยุนถึงกับตะลึง ถามออกไปทันที “ตระกูลหม่ามาขอโทษ แล้วยังคุกเข่าด้วยเหรอครับ?”ซูหมิงอวี๋พูดเสียงดัง “ใช่แล้ว! เถ้าแก่หม่าและคุณหนูหม่าเกรงใจกันมากเกินไปแล้ว”"จริงๆ แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ใหญ่โตขนาดนี้ แค่โทรมาคุยกัน อธิบายความเข้าใจก็พอแล้ว"“ทำไมนายไม่รู้เหรอ?”เย่ชิงหยุนตะลึงกับเรื่องนี้มานานแล้ว!ตระกูลหม่ามีสถานะระดับไหน และตระกูลซูอยู่ในระดับไหน?พูดกันตามตรง มันต่างกันราวฟ้ากับเหว!ยิ่งไปกว่านั้น หม่าเฉียนคุนยังเป็นคนหยิ่งยโส ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตาใช้อำนาจบาตรใหญ่และข่มเหงคนที่อ่อนแอกว่า!นี่คือสิ่งที่หม่าเฉียนคุนถนัด แม้ว่าตนเองจะ
ซูหมิงอวี๋เชื่อมั่นในความเป็นมืออาชีพของร้านร้อยสมุนไพรมาโดยตลอดไม่เช่นนั้น ตระกูลซูคงไม่ถือหุ้นในร้านร้อยสมุนไพรมาจนถึงตอนนี้น่าเสียดายที่หุ้นเหล่านี้อยู่ในมือของท่านพ่อซูเทียนคั่ว ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับซูหมิงอวี๋แม้แต่น้อย“ตามหลักแล้ว โปรเจกต์มาถึงขั้นนี้ คงไม่รับการลงทุนเพิ่มแล้ว”เย่ชิงหยุนแกล้งทำท่าลำบากใจแล้วพูดว่า “แต่ว่าคุณลุงไม่ใช่คนนอก ถ้าคุณลุงสนใจ ผมพอจะช่วยจัดการ เปิดช่องทางพิเศษให้ท่านได้นะครับ"“จริงหรือ? อย่างนั้นลุงคงต้องขอบใจชิงหยุนมากๆ เลย!" ซูหมิงอวี๋ดีใจมากนี่มันเรียกว่าอะไรนะ? ยามสิ้นหวังกลับมีหนทางให้เดินต่อ ท้องฟ้าที่มืดครึ้มมีแสงสว่างหลังต้นหลิว!ใครบอกว่าฉัน ซูหมิงอวี๋ ถูกไล่ออกจากบ้านแล้วจะต้องกลายเป็นหมาจรจัด?ฉันจะไม่ยอมรับชะตากรรมนี้!ฉันจะต้องสร้างเนื้อสร้างตัวให้ได้ แล้วใช้ผลงานตบหน้าพวกแก!“แต่คุณลุงซูก็น่าจะรู้นะครับ สมัยนี้ถ้าจะทำอะไรให้สำเร็จ มันไม่ใช่แค่พูดไม่กี่คำแล้วจะจัดการได้”เป้าหมายของเย่ชิงหยุนชัดเจนว่าเขาต้องการหาเงิน“โดยเฉพาะเรื่องบุญคุณ เป็นหนี้บุญคุณคืนยากกว่าหนี้สิน ดังนั้นเงินสดก็ต้องมีบ้าง...คุณลุงซู คงเข้าใจที่ผมพูด