ในที่สุด หม่าเฉียนคุนก็เลือกที่จะยอมอ่อนข้อแม้ศักดิ์ศรีจะสำคัญก็จริง แต่ชีวิตของลูกสาวเขาสำคัญยิ่งกว่าถ้าหากเขายึดติดแต่เรื่องศักดิ์ศรีจนปล่อยให้ลูกสาวต้องตาย มันคงจะไม่เป็นชื่อเสียงที่ดีนักญาติที่อยู่ข้างๆ รวบรวมความกล้าพูดเตือนสติว่า “ท่านหม่า ในเมื่อจะไปขอโทษ ก็ควรมีความจริงใจในการขอโทษด้วย...”“นายหมายความว่ายังไง?” หม่าเฉียนคุนถลึงตามองเขาอย่างโกรธเกรี้ยว ราวกับจะกินเขาเป็นๆ อย่างนั้นในสายตาของหม่าเฉียนคุน การที่ตัวเขายอมไปขอโทษ นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับอีกฝ่ายแล้วญาตินั้นตกใจจนขาสั่น เขาพูดด้วยเสียงสั่นว่า “ถ้าท่านแสดงออกถึงความแข็งกร้าวเกินไป อาจจะทำให้ฝ่ายโกรธได้ ท่านควรมีความจริงใจ”"ท่านอย่าลืมสิ ชีวิตของคุณหนูอยู่ในมือของเขานะ!"“อย่าให้ท่าทีของท่านทำให้การเจรจาพังไป สุดท้ายถ้าทั้งศักดิ์ศรีและชีวิตของคุณหนูต่างก็รักษาไว้ แบบนั้นมันไม่คุ้มกันหรอก”หม่าเฉียนคุนพูดด้วยความไม่พอใจว่า “นายฉลาดคนเดียวหรือไง ฉันต้องให้นายมาสอนด้วยเหรอ?”แม้ภายนอกเขาจะทำท่าไม่ใส่ใจ แต่ในใจกลับคิดอีกอย่างต่อหน้าคนของตัวเอง เขาต้องรักษาท่าทีที่แข็งกร้าวไว้เสมอไม่ยอมทำตามใครทั
“คนทำคนเดียวก็ต้องรับผิดชอบคนเดียว ถ้าส่งตัวเขาออกไป พวกเราก็จะได้ไม่ต้องเดือดร้อน!”คนกลุ่มนั้นเดินมายังเรือนใหญ่พร้อมกับส่งเสียงอื้ออึงซูเทียนคั่วโกรธจนหน้าง้ำ เดินออกมาพร้อมตะโกนดุด่า “ดูพวกแกสิ ทำตัวเหมือนกับหนูขี้ขลาด ช่างขายหน้าตระกูลซูจริงๆ!”“พ่อครับ พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ!”ซูหมิงอวี๋ที่ยืนอยู่ในกลุ่มก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “เดิมทีเรื่องนี้มันก็ไม่เกี่ยวกับตระกูลซูของเราแต่แรก ทำไมเราต้องมาแบกรับผลเสียด้วย?”“ฟังจากที่แกพูด นอกจากจะส่งตัวคุณลั่วแล้ว ยังจะส่งเฉี่ยนเฉี่ยนให้ตระกูลหม่าอีกด้วยสินะ?” ซูเทียนคั่วถามเสียงเย็นชาซูหมิงอวี๋พูดโดยไม่คิดว่า “ตราบใดที่สามารถรักษาตระกูลซูไว้ได้ ไม่ว่าจะต้องเสียสละอะไรก็ได้ทั้งนั้น!”ซูเทียนคั่วโกรธจนหน้าอกกระเพื่อม “แก แกมันไม่คู่ควรที่จะเป็นพ่อคนเลย!”“ฉันขอประกาศในฐานะผู้นำตระกูลอย่างเป็นทางการว่า จะขอยึดสิทธิ์ของซูหมิงอวี๋ในฐานะทายาทผู้สืบทอดคืน และขับมันออกจากตระกูลนับตั้งแต่วันนี้ไป!”ซูหมิงอวี๋ไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย เขาตอบกลับอย่างท้าทายว่า “พ่อครับ ในเมื่อพ่อไม่เมตตา ก็อย่าหาว่าลูกอกตัญญูเลย”“หลังจากที่ซูเทียนคั่วถูกวางยา
คนในตระกูลซูต่างตกตะลึงกับอาการบาดเจ็บของหม่าอวี่เฟยก่อนที่จะได้เห็นตัวจริงของเธอ พวกเขาคิดว่าอาการบาดเจ็บร้ายแรงอาจจะไม่ได้หนักหนาอย่างที่คิด แต่ความจริงกลับแตกต่างอย่างมากหลายคนคิดไปโดยอัตโนมัติว่าการพูดถึงการบาดเจ็บสาหัสอาจจะเกินจริงไปเพราะถึงยังไง หม่าอวี่เฟยก็ถูกทำร้ายในงานเลี้ยงวันเกิดของตัวเธอเองรอบตัวเธอเต็มไปด้วยบอดี้การ์ดและเพื่อนฝูง เป็นงานที่ถูกจัดขึ้นในพื้นที่ของตัวเองถึงจะบาดเจ็บ แต่มันจะหนักได้สักแค่ไหนกัน?พวกเขาคิดว่าตระกูลหม่าน่าจะแค่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่พวกเขาจงใจพูดให้เรื่องนี้ดูร้ายแรง เพื่อจะใช้เป็นข้ออ้างในการโจมตีตระกูลซูแต่ตอนนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าอาการบาดเจ็บของหม่าอวี่เฟยไม่เพียงแค่ร้ายแรง แต่ถึงขั้นใช้คำว่าสาหัสได้แขนขาทั้งหมดของเธอถูกใส่เฝือก เพราะไม่สามารถขยับตัวได้ แถมยังต้องนั่งอยู่บนรถเข็น ทำให้เธออยู่ในท่วงท่าที่แปลกประหลาดสุดๆทั้งหัวของเธอถูกพันด้วยผ้ากอซ เหลือเพียงดวงตา ปากและจมูกที่โผล่ออกมาเมื่อมองดูผ่านๆ แล้ว เธอดูเหมือนมัมมี่รูปร่างประหลาดดวงตาของเธอดูอ่อนล้า ลมหายใจรวยรินราวกับจะสิ้นชีวิตได้ทุกเมื่อไม่แปลกใจเล
ในเมืองอันเฉิงนี้ ใครเคยเห็นตระกูลหม่าคุกเข่าขอโทษใครบ้าง?เนื่องจากไม่เข้าใจเหตุผล พวกเขาจึงยิ่งรู้สึกหวั่นใจเข้าไปใหญ่หลายคนถึงกับเตรียมตัวพร้อมที่จะเผ่นหนีทันทีเมื่อเห็นสถานการณ์เริ่มผิดปกติหม่าเฉียนคุนหน้าตางอง้ำ กัดฟันพูดว่า “คุณหนูซูเฉี่ยนเฉี่ยน ผมขอโทษ”“เป็นความผิดของผมเองที่สั่งสอนลูกสาวไม่ดี เมื่อคืนเธอจึงลงมือทำร้ายคุณ วันนี้ผมพาลูกสาวมาขอโทษคุณหนูซูถึงที่บ้านด้วยตัวเองแล้ว”“หวังว่าคุณหนูซูจะมีเมตตา ให้อภัยพวกเราด้วยเถอะครับ!”ทุกคนในตระกูลหม่าพูดขึ้นพร้อมกัน “ขอคุณหนูซูให้อภัยด้วย!”เสียงดังสนั่น ทำให้ทุกคนในที่นั้นถึงกับสะดุ้ง“อะไรนะ?!”ซูหมิงอวี๋ตกตะลึงไปทันที!ทุกคน รวมทั้งซูเทียนคั่ว ต่างอ้าปากค้างด้วยความตกใจที่ตระกูลหม่ายกโขยงกันมาใหญ่โตขนาดนี้ เพื่อที่จะมาขอโทษอย่างนั้นเหรอ!เป็นไปได้ยังไง?เมื่อไม่นานนี้ ตระกูลหม่ายังโจมตีธุรกิจของตระกูลซูอย่างหนักอยู่เลยเมื่อต้องเจอกับการโจมตีรุนแรงแบบนี้ ตระกูลซูไม่มีทางต่อกรได้เลยทุกคนในตระกูลซูต่างกังวลว่าพวกเขาอาจจะต้องล้มละลายในที่สุดแต่ใครจะไปคิดว่า เพียงแค่ชั่วพริบตา หม่าเฉียนคุนกลับพาคนในตระกูลมาคุกเ
หม่าเฉียนคุนก้มศีรษะลง ไม่ใช่ว่าเขารู้สึกละอายยิ่งไม่ใช่เพราะเขาไม่กล้าสบตากับลั่วอู๋ฉางและซูเฉี่ยนเฉี่ยน แต่กลัวว่าถ้าเงยหน้าขึ้น อาจแสดงความโกรธออกมาโดยไม่ตั้งใจในเมื่อมาถึงแล้ว แถมยังคุกเข่าไปแล้วถ้าเพราะรายละเอียดเล็กน้อยที่ทำได้ไม่สมบูรณ์ ทำให้ความพยายามทั้งหมดต้องสูญเปล่า และถ้าลูกสาวต้องมาตายเพราะเรื่องนี้ หม่าเฉียนคุนคงจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิตตอนนี้เขารู้ซึ้งถึงความหมายของสำนวนว่าลูบหน้าปะจมูกอย่างแท้จริงแล้วพร้อมกันนี้เขาก็คิดอะไรได้บางอย่างนั่นคือเหตุผลที่ว่า ทำไมทั้งๆ ที่เหลียนหมิงเจิ้งมีคนมีฝีมือมากมายอยู่ทั้งสามโรงเรียนศิลปะการต่อสู้ ถึงไม่ลงมือสังหารโดยตรง แต่กลับส่งคนไปลักพาตัวซูเฉี่ยนเฉี่ยนแทนเพราะหากได้ตัวประกันมาแล้ว ฝ่ายตรงข้ามก็มีเพียงทางเลือกเดียว คือยอมจำนนโดยไม่มีทางสู้น่าเสียดายที่เหลียนหมิงเจิ้งล้มเหลว!ไม่อย่างนั้น คนที่คุกเข่าร้องขออยู่ตอนนี้ก็คงเป็นลั่วอู๋ฉางผู้ชนะคือเจ้า ผู้แพ้คือข้า คิดเสียใจก็สายไปแล้ว!“คุณลั่ว ผมขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อคืน” หม่าเฉียนคุนพูดด้วยความรู้สึกไม่เต็มใจการขอโทษคนหนุ่มสาวสองคนติดกันเช่นนี้ ถือเป็นควา
ตอนนี้หม่าอวี่เฟยอ่อนแอมาก เธออ้าปากพูดออกมาด้วยเสียงเบาๆ“เสี่ยวเสวี่ย!” ซูเฉี่ยนเฉี่ยนส่งสายตาให้เพื่อนสนิทเสี่ยวเสวี่ยเข้าใจในทันที เธอหยิบมือถือแล้วเดินไปวางใกล้ปากของหม่าอวี่เฟยหม่าอวี่เฟยพูดออกมาประโยคสองสามประโยคอย่างยากลำบาก จากนั้นก็หอบหายใจอย่างหนักเสี่ยวเสวี่ยถือโทรศัพท์และปรับระดับเสียงให้ดังสุด“ซูเฉี่ยนเฉี่ยนไม่ได้ขโมยของฉัน ฉันแค่ไม่ชอบเธอ เลยจงใจหาเรื่องและจัดฉากใส่ร้ายเธอ...”แม้เสียงจะขาดหายเป็นช่วงๆ แต่ก็ชัดเจนมากพอที่ทุกคนจะได้ยินแม่ของซูเฉี่ยนเฉี่ยนที่ยืนอยู่ข้างนอก ทันทีที่ได้ยิน น้ำตาแห่งความดีใจก็ไหลออกมาลูกสาวของฉัน ถูกใส่ร้ายจริงๆ!ตอนนี้ ข้อกล่าวหาก็ถูกลบล้างออกไปแล้ว!“ฉันบอกแล้วว่า เฉี่ยนเฉี่ยนไม่มีทางขโมยของได้ ข้อกล่าวหาโง่ๆ แบบนี้ยังมีคนเชื่ออีก!”ซูเทียนคั่วพูดเสียงดัง “ความจริงพิสูจน์แล้วว่า หลานสาวของฉันถูกใส่ร้ายจริงๆ!”สีหน้าของซูหมิงอวี๋แย่มากเพื่อนสนิทเชื่อ แม่เชื่อ ศิษย์พี่เชื่อ คุณปู่ก็เชื่อ!แถมพวกเขายังเชื่ออย่างไม่มีเงื่อนไข!มีเพียงซูหมิงอวี๋ พ่อแท้ๆ ของเธอคนนี้เท่านั้นที่ไม่เชื่อลูกสาวของตัวเองช่างน่าเศร้าจริงๆ!ตอนน
ทันทีที่พูดจบ บรรยากาศในที่นั้นก็เกิดเสียงอื้ออึงขึ้นทันที!คนในตระกูลหม่าต่างขมวดคิ้วและโกรธเกรี้ยวส่วนคนในตระกูลซูนั้นต่างตกตะลึงจนอ้าปากค้าง!ไอ้เด็กแซ่ลั่วคนนี้ จะกล้ามากเกินไปแล้ว นี่มันชัดเจนเลยว่าเขากำลังได้คืบจะเอาศอกอยู่พวกเขาก็ขอโทษไปแล้ว แถมซูเฉี่ยนเฉี่ยนก็แสดงออกว่าให้อภัยไปแล้วด้วยเขาเป็นแค่คนนอก จะมาทำให้เรื่องวุ่นวายทำไม?คุณหนูหม่าก็บาดเจ็บหนักถึงขนาดนี้แล้ว นายยังกล้าจะให้เธอมาขอโทษเองอีกหรือ?ช่างไม่รู้จักที่ตายจริงๆ!ต่างฝ่ายต่างถอยกันสักก้าว มันจะไม่ดีกว่าหรือ?ต้องผูกพยาบาทกันจนตายเลยหรือไง!“ลูกสาวฉันถูกแกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส เดิมเธอควรจะได้นอนพักรักษาตัวอยู่บนเตียง แต่เพื่อแสดงความจริงใจ ฉันถึงได้พาเธอมาด้วย!”หม่าเฉียนคุนกัดฟันพูดอย่างอดกลั้น “ในฐานะพ่อ ฉันได้คุกเข่าและขอโทษแทนลูกสาวไปแล้ว แกยังไม่พอใจอะไรอีกหรือ?”“หรือแกต้องการให้ลูกสาวฉันคุกเข่าขอโทษด้วยถึงจะพอใจ อย่างนี้มันจะไม่เกินไปหน่อยหรือ?”ไม่ใช่แค่หม่าเฉียนคุนที่ใกล้จะระเบิดอารมณ์เต็มที่ แต่คนอื่นๆ ในตระกูลหม่าเองก็ดูมีท่าทีเอาเรื่อง พร้อมที่จะสู้กันจนตัวตายด้วยเช่นกันบรรยากาศตึงเครี
“อืม...”หม่าอวี่เฟยส่งเสียงออกมาอย่างผ่อนคลาย ความเจ็บปวดที่เคยทรมานทั้งร่างกายหายไปทันที ความรู้สึกเบาสบายแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย “ลูกรัก รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?” หม่าเฉียนคุนรีบถามทันทีหม่าอวี่เฟยตอบว่า “พ่อคะ หนูไม่เจ็บแล้ว!”“เยี่ยมไปเลย!”หม่าเฉียนคุนมองไปที่ลั่วอู๋ฉางด้วยสายตาที่ซับซ้อน“ว่านายรู้จักทำตัวดี...”เขาเพิ่งพูดได้ครึ่งหนึ่ง ลั่วอู๋ฉางก็ขัดจังหวะทันที “ฉันทำให้เธอมีชีวิตได้ ก็ทำให้เธอตายได้เช่นกัน!”ใจของหม่าเฉียนคุนกระตุกทันที!คำพูดที่เขากำลังจะพูดออกไปจากปากต้องกลืนกลับลงคอทันที“แก อยากจะพูดอะไรนะ?” ลั่วอู๋ฉางถามย้อนอย่างจงใจหม่าเฉียนคุนรู้สึกอัดอั้นใจมาก เขาทำหน้าเครียดก่อนโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร พวกเราไปกันเถอะ!”คนในตระกูลซูมองดูพวกหม่าเฉียนคุนเดินจากไป แต่ละคนยังคงทำหน้าตกตะลึงอย่างไม่เชื่อสายตาพวกเขาไม่เข้าใจ และยิ่งไม่อาจยอมรับได้!ตระกูลหม่าอันทรงเกียรติถูกเหยียบย่ำเสียศักดิ์ศรีขนาดนี้ แต่กลับไม่มีการลงไม้ลงมือกันเลยแม้แต่น้อยกระทั่งว่า คำพูดขู่แรงๆ สักคำก็ไม่กล้าพูด แล้วก็เดินจากไปเองนี่คือตระกูลหม่าที่ทุกคนเคยรู้จักจริงๆ หรือ?“คุณลั่ว