“พรวด!”เขากระอักเลือดกลางอากาศ และร่วงลงมากระแทกโต๊ะน้ำชาอย่างพอดิบพอดี“เพล้ง!”เซ็ตถ้วยชาราคาแพงแตกเป็นเสี่ยง“ผู้ฝึกวิชา!”ผู้อำนวยการทั้งสองลุกขึ้นยืนทันที แต่เหลียนหมิงเจิ้งเป็นคนเดียวที่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เหลียนหมิงเจิ้งมองไปที่ลูกศิษย์ของเขาซึ่งใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด คิ้วของเขากระตุกแม้ศิษย์คนนี้จะไม่ได้อยู่ในระดับที่เก่งกาจมากนัก แต่การที่สามารถทำให้เขากระเด็นออกไปได้ทันทีโดยไม่ต้องเคลื่อนไหวใด ๆ แสดงให้เห็นว่าคนที่มานั้นค่อนข้างแข็งแกร่งอย่างน้อย ๆ ก็ต้องเป็นระดับปรมาจารย์จึงจะสามารถทำได้!“ไอ้หนู มาที่นี่เพื่อก่อเรื่องงั้นหรือ?”ใบหน้าของผู้อำนวยการหลงเวยหม่นลงและเขาตะโกนอย่างรุนแรง“ไม่อย่างนั้นจะให้มาดื่มชากับพวกแกหรือไง?” ลั่วอู๋ฉางกล่าวอย่างเย็นชาผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนยิ้มอย่างเย็นชา “บังอาจนักนะ แกไม่รู้หรือว่าโรงเรียนศิลปะการต่อสู้เหลยถิงเป็นตัวแทนของอะไร?”“ก็แค่มีตระกูลหม่าหนุนหลังไม่ใช่หรือไง?” ลั่วอู๋ฉางพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยามผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนเบิกตากว้าง “ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้ว ทำไม่ยังกล้ามาก่อปัญหาที่นี่?”“ไอ้หนู แกเป็นใครกันแน่?” เหล
“เป็นไป... ได้ยังไง?”เหลียนหมิงเจิ้งและผู้อำนวยการหลงเวยตกตะลึงในจุดนั้น โดยมีใบหน้าที่ตื่นตระหนกพวกเขาไม่เคยแม้แต่จะฝัน ว่าผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนที่ดุดันและน่าเกรงขามนั้น ตอนนี้จะขยับไม่ได้ราวกับเป็นเพียงแค่กุนเชียงชิ้นหนึ่ง!ลั่วอู๋ฉางจับคอเขาไว้ด้วยมือเดียว เขาห้อยโตงเตงอยู่กลางอากาศโดยไม่อาจขัดขืนทั้งที่เขาไม่ใช่แค่นักยู๊โบราณธรรมดา ๆแต่เขาเป็นผู้อำนวยการระดับปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงมายาวนานและทรงพลังในเมืองอัน!ด้วยความแข็งแกร่งของเขาเองและลูกศิษย์จำนวนนับไม่ถ้วน เขาสามารถเดินไปในเมืองได้ทุกแห่งโดยไม่ต้องเกรงกลัวใคร!ยอดฝีมืออย่างเขา กลับถูกคู่ต่อสู้ปราบได้ด้วยมือเดียวเหลือเชื่อจริง ๆ!สิ่งที่ยอมรับไม่ได้มากที่สุดคือไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็เป็นเพราะผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนยื่นคอไปให้ลั่วอู๋ฉางเองตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้ ลั่วอู๋ฉางไม่ได้ขยับไปไหนแม้แต่ก้าวเดียวเขาแค่ยื่นมือออกมาให้อีกฝ่ายยื่นคอมาไว้ในมือก็เท่านั้น“ปล่อยฉัน... ปล่อยมือเดี๋ยวนี้!”ผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนยังคงดิ้นรน และใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วงอย่างรวดเร็วเนื่องจากหายใจไม่ออกในขณะนี้เขาไม่สามารถแสดงออกถึ
เขายกผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนขึ้นแล้วตบไปที่หน้าท้องด้วยหนึ่งฝ่ามือ“ผัวะ!”ผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนกระเด็นกลับหัวไปพร้อมเสียงตบทุ้มต่ำนั้นด้วยสีหน้าเจ็บปวดอย่างมากเมื่อเห็นดังนั้นเหล่าลูกศิษย์ก็รีบวิ่งไปรับตัวเขา“โครม!”เห็นได้ชัดว่าพวกเขาประเมินความแข็งแกร่งของตนสูงเกินไปและถูกกระแทกกันเป็นวงกว้างทันใดนั้นกระดูกที่ถูกกระแทกก็หักและเส้นเอ็นก็ฉีก เลือดพุ่งออกมาจากปากและเสียงคร่ำครวญก็ดังออกมาทีละคนแม้ว่าผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนจะไม่กระอักเลือดออกมา แต่อาการบาดเจ็บของเขาก็ร้ายแรงที่สุดทันทีที่เขาโดนตบเข้าที่หน้าท้อง กำลังภายในในร่างกายของเขาก็หายไปทันที และลมปราณก็พังทลายลงอย่างสมบูรณ์การฝึกฝนทั้งหมดที่ผ่านมาสูญสิ้นความหมายทันที!“แก... แกทำลายล้างพลังของฉันไปจริง ๆ หรือ?!”ดวงตาของผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนเบิกกว้างด้วยความตกใจและความโกรธ“ก็รู้ความจริงอยู่แล้ว จำเป็นต้องถามอีกหรือ?” ลั่วอู๋ฉางตะคอกอย่างเย็นชาอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักบู๊โบราณ?แน่นอนว่าคือกำลังภายใน!ในฐานะผู้มีชื่อเสียงมายาวนาน สำหรับผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาเทียบเท่ากับชีวิตของเขาเอง
“โครม!”ผู้อำนวยการหลงเวยทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วและล้มลงนอนราบกับพื้นใบหน้าแก่ ๆ ก็นาบลงกับพื้นเช่นกันความอัปยศอดสูแบบนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขา!ทุกคนที่เป็นศิษย์จากโรงเรียนศิลปะการต่อสู้หลงเวยมองดูอาจารย์ของพวกเขาด้วยความผิดหวังและทำอะไรไม่ถูกก่อนหน้านั้นพวกเขาทั้งหมดเชื่อว่าอาจารย์ของพวกเขานั้นไร้พ่ายข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเมื่อเผชิญหน้ากับบุคคลที่มีอำนาจมากกว่า อาจารย์จะไม่เพียงแต่ถูกทุบตีจนไม่สามารถต่อสู้กลับได้ แต่ยังถูกข่มขู่จนหวาดกลัวอีกด้วยเหลือเพียงเหลียนหมิงเจิ้งที่ยังคงดิ้นรนอย่างยากลำบากตอนนี้ผู้อำนวยการหลงเวยก็ตระหนักได้ว่ามีเหตุผลจริง ๆ ที่ทำให้เถ้าแก่หม่าให้ความสำคัญกับเหลียนหมิงเจิ้งอย่างมากเขาล้มลงนอนราบไปนานแล้ว แต่เหลียนหมิงเจิ้งก็ยังสามารถยืนตัวตรงได้ด้วยเหตุผลนี้เพียงอย่างเดียว เขาจึงเทียบกับเหลียนหมิงเจิ้งไม่ได้เลย“ไอ้หนู ฉันขอสั่งให้แกหยุดเดี๋ยวนี้!”อันที่จริงเหลียนหมิงเจิ้งเองก็รู้สึกเจ็บปวดมากมีแรงมหาศาลราวภูเขาไท่ซันกดทับอยู่ที่บ่าของเขาเขารู้สึกว่าไหล่ของเขากำลังจะพัง และเอวของเขากำลังจะหัก“แกไม่รู้หรือไงว่าตัวเองกำลังทำอะไรอย
“คราวนี้ฉันเกรงว่าฉันจะมีปัญหาจริงๆ!”ผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนมีสีหน้าซับซ้อนและพูดว่า “ตระกูลหม่าเจอของจริงเข้าให้แล้ว”“ความแข็งแกร่งของลั่วอู๋ฉางอยู่เหนือระดับปรมาจารย์มาก และเขาอาจเป็นปรมาจารย์ในตำนาน!” ผู้อำนวยการหลงเวยก็รู้สึกหวาดกลัวเช่นกันผู้อำนวยการใหญ่ทั้งสามร่วมมือกันและพาศิษย์ยอดีมือของพวกเขาไปซุ่มโจมตี พวกเขาคิดว่าพวกเขามีโอกาสที่จะชนะ!แต่ทุกคนกลับถูกกำราบด้วยฝ่ามือเดียว!ปรมาจารย์สามคนและศิษย์มากกว่าร้อยคนไม่สามารถแม้แต่จะแตะชายเสื้อของชายคนนั้นได้ทั้งบาดเจ็บและล้มตาย!ทั้งสูญเสียพลัง!ผลลัพธ์ดังกล่าวถือเป็นลางร้าย!หมดหวัง!หมดกำลังใจ!...ณ ตระกูลซูขณะนี้เป็นเวลากลางวัน และได้ยินเสียงหาวไปทั่วทั้งท้องฟ้าซูหมิงอวี๋รอทั้งคืนและรู้สึกกังวลตลอดทั้งคืนระหว่างนั้น เขาจินตนาการถึงสถานการณ์ที่เป็นไปได้นับร้อยสถานการณ์แต่จนถึงรุ่งสางก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมีแต่ความเงียบงันสิ่งที่ทำลายความเงียบในที่สุดก็คือเสียงหาวของเขาเอง“ไม่ใช่สิ!”ซูหมิงอวี๋แสดงออกว่าเขาไม่เข้าใจจากความเข้าใจของเขาที่มีต่อหม่าเฉียนคุน อีกฝ่ายไม่ใช่คนประเภทที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับความสูญเ
“คุณลั่วก็อยู่ด้วยเหรอ!”ซูเทียนคั่วตื่นเต้นสุดๆ เมื่อรู้ว่าหลานสาวของตนกำลังคบหาอยู่กับลั่วอู๋ฉาง นี่มันดีเกินไปแล้ว!เขาอดไม่ได้ที่จะจินตนาการต่อไปว่า ถ้าหลานสาวได้รับความสนใจจากลั่วอู๋ฉาง ตนเองก็จะได้กลายเป็นปู่เขยของราชันมังกรลั่วเทียนเมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หัวใจของเขาก็พองโตขึ้นทันที เขาคิดไปกระทั่งว่าในพิธีแต่งงาน ตัวเขาจะสวมใส่ชุดอะไร แสดงออกด้วยสีหน้าและท่าทางแบบไหนเมื่อได้รับคำแสดงความยินดีจากแขกที่มาร่วมในงานเดี๋ยวก่อน!“เสี่ยวเสวี่ยเป็นใคร?” ซูเทียนคั่วถามขึ้นทันใดซูเฉี่ยนเฉี่ยนตอบว่า “เพื่อนสนิทของหลานไงคะ เคยไปบ้านเราตั้งหลายครั้งแล้ว”“จริงเหรอ?” ซูเทียนคั่วขมวดคิ้ว เขารู้สึกไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับคนๆ นี้เลยซูเฉี่ยนเฉี่ยนพูดต่อว่า “หลานจำได้แล้ว ทุกครั้งที่เธอมาก็ตรงไปหาหลานเลยตลอด คุณปู่เลยไม่เคยเจอเธอค่ะ”“อย่างนี้นี่เอง!” ซูเทียนคั่วขมวดคิ้วอีกครั้งก้างขวางคอ! นี่มันก้างขวางคอชิ้นใหญ่ชัดๆ!หลานสาวฉันอยู่กับราชันมังกรลั่วเทียนแท้ๆ เธอจะเข้าไปวุ่นวายด้วยทำไม?ไม่รู้กาลเทศะบ้างเลยหรือไง?การมีคนที่ไม่เกี่ยวข้องอยู่ด้วย มันทำให้หลายเรื่องไม่สะดวกมากขึ้น!ซูเทียนคั่ว
คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่ในฐานะที่เขาเป็นลูกชายแท้ๆ เขาย่อมรู้จักนิสัยของซูเทียนคั่ว พ่อของตัวเองดีซูเทียนคั่วไม่เพียงเป็นคนเรียบง่าย แต่ยังมีนิสัยที่ประหยัดมากจนกระทั่งเป็นที่รู้โดยทั่วกันของพวกลูกหลานว่าเขาเป็นคนตระหนี่สุดๆและซูเทียนคั่วไม่เพียงประหยัดเองคนเดียว ยังสั่งให้คนในบ้านต้องประหยัดแบบเขาด้วยอาหารเช้าและเย็นส่วนใหญ่ก็เป็นข้าวต้มเปล่าที่กินกับกับข้าวง่ายๆและเพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วน ตอนเช้าก็แค่มีนมกับไข่เพิ่มเข้ามาเท่านั้นเป็นแบบนี้ทุกวันมาตลอดสิบกว่าปีวันนี้เกิดอะไรขึ้นนะ?อาหารประเภทที่แม้แต่ในช่วงเทศกาลก็ไม่เคยปรากฎ วันนี้กลับมีครบทุกอย่างซูหมิงอวี๋ขยี้ตาเบาๆ เขาคิดว่าตัวเองเดินเข้าห้องผิดแล้ว!“หรือคุณพ่อจะรู้ว่าเมื่อคืนนี้พวกเราทุกคนเป็นกังวลใจกันมาตลอดทั้งคืน จึงตั้งใจจะปลอบขวัญพวกเรานะ?” ซูหมิงอวี๋แสดงสีหน้าดีใจออกมา“ตาแก่ใจดีจริงๆ หายากนะเนี่ยที่จะใจป๋าแบบวันนี้ งั้นไม่เกรงใจแล้วนะ!”ขณะที่เขากำลังจะก้าวเท้าเข้าไปกินอาหารอย่างเต็มที่ เสียงของซูเทียนคั่วดังขึ้นมาจากด้านหลังของซูหมิงอวี๋ “หยุดนะ แขกยังมาไม่ถึงเลย แกจะกินก่อนได้ยังไง?”ซูหมิงอวี๋ชะง
“แกมันเป็นตัวซวย ตระกูลซูไม่ต้อนรับแก รีบไสหัวไปซะ!”ซูหมิงอวี๋รู้สึกโกรธจริงๆ เขาถลึงตาโตด้วยความโมโห ตะโกนด่าลั่วอู๋ฉางเสียงดัง “ซูหมิงอวี๋ พ่อบ้าไปแล้วหรือไง?”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนเรียกชื่อเต็มของพ่อเธอออกมา แล้วพูดว่า “คุณปู่เป็นคนเชิญศิษย์พี่ลั่วมาทานข้าวนะคะ จู่ๆ พ่อก็มาด่ากราดแบบนี้ มีใครต้อนรับแขกแบบนี้กันบ้าง?”เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่โรงพยาบาล ทำให้ซูเฉี่ยนเฉี่ยนผิดหวังในตัวพ่อของเธอคนนี้อย่างมากตามความคิดของซูหมิงอวี๋ เขาต้องการสั่งให้ซูเฉี่ยนเฉี่ยนอดทนยอมความ ทำเหมือนว่าไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้นแต่แบบนั้นไม่เพียงเธอจะโดนตบไปฟรีๆ แถมยังเหมือนเป็นการยอมรับข้อกล่าวหาว่าขโมยเครื่องเพชรอีกด้วยมีเพียงศิษย์พี่ลั่วอู๋ฉางเท่านั้นที่เชื่อว่าเธอบริสุทธิ์ และยังลงมือสั่งสอนหม่าอวี่เฟยแทนเธอเมื่อเทียบกันแล้ว พ่อแท้ๆ ของเธอยังสู้คนนอกไม่ได้เลย!แม้แต่เทียบกับเพื่อนสนิทอย่างเสี่ยวเสวี่ย ก็ยังห่างชั้นกันมากยิ่งไม่ต้องเทียบกับศิษย์พี่เลย มันเหมือนห่างกันราวฟ้ากับดินยิ่งเมื่อคิดถึงช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา ที่ซูหมิงอวี๋ไม่เคยใส่ใจลูกสาวเลย ซูเฉี่ยนเฉี่ยนก็หมดความเชื่อใจในตัวเข