ลั่วอู๋ฉางหันหลังกลับและจากไปเงียบ ๆ คุณชายซุนและคุณชายอู๋ไม่กล้าแม้แต่จะผายลมออกมาด้วยซ้ำ ได้แต่มองดูเขาเดินจากไปเมื่อหม่าอวี่เฟยเห็นดังนั้น เธอก็ทั้งโกรธทั้งอับอายเธอโกรธมากจนหมดสติไปตรงนั้นหัวหน้าแม่บ้านของตระกูลหม่าเดินเข้ามาจากด้านนอกอย่างตื่นเต้นและพูดเสียงดัง “คุณหนูคะ เพื่อฉลองวันเกิดให้คุณหนู ท่านหัวหน้าตระกูลได้สั่งทำเค้กสิบสองชั้นให้คนมาส่ง!”พนักงานโรงแรมสี่คนช่วยกันเข็นรถเข็นที่บรรทุกเค้กยักษ์สูงกว่าสามเมตรเข้าไปเมื่อหัวหน้าแม่บ้านเห็นหม่าอวี่เฟยนอนจมกองเลือด เธอก็ตกตะลึง “นี่มันเกิดอะไรขึ้น ใครเป็นคนทำ?”“พวกคุณยังยืนอึ้งอะไรกันอยู่ รีบเรียกรถฉุกเฉินสิ!”ณ วิลล่าของตระกูลหม่าห้องอ่านหนังสือบนชั้นสองสว่างไสว และหม่าเฉียนคุนกำลังพบกับแขกคนสำคัญหม่าเฉียนคุนอายุราว ๆ ห้าสิบและอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ของชีวิตใบหน้าทรงสีเหลี่ยม มีดวงตาสองข้างที่ฉายแสงแห่งปัญญาอย่างต่อเนื่องคนที่นั่งตรงข้ามเขามีรูปร่างสูงฌปร่ง แขนขายาว หางตายกขึ้นเล็กน้อย เขาดูเหมือนนักบู๊โบราณระดับสูงมาก“คุณเหลียน ขอบคุณมากที่เข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนศิลปะการต่อสู้เหลยถิง ถือเป็นเกียรต
“อีกฝ่ายบอกว่าตัวเองชื่อลั่วอู๋ฉาง!”บอดี้การ์ดที่ได้รับบาดเจ็บตอบกลับ “ไม่เพียงแต่คุณหนูเท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณชายซุนกับคุณชายอู๋จากสำนักกระบี่เหล็กก็โดนเขาเล่นงานจนบาดเจ็บสาหัสเช่นกันครับท่าน”“พวกเขาบอกว่า อย่างน้อย ๆ คนร้ายน่าจะมีฝีมือระดับปรมาจารย์ น่ากลัวมากครับ!”หม่าเฉียนคุนเตะชายคนนั้นออกไปและตะโกนด้วยความโกรธ “พวกเศษสวะ! เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ แค่ปกป้องคุณหนูก็ทำไม่ได้!”ร่างบอดี้การ์ดกระแทกเข้ากับกำแพง เขาตายคาที่โดยที่มีเลือดออกจากทวารทั้งเจ็ดและตาเหลือกค้างหัวหน้าแม่บ้านขมวดคิ้วแล้วพูด “ดิฉันตรวจสอบแล้วค่ะ ตอนที่ลั่วอู๋ฉางลงมือ เขาบอกว่าเขาทำเพื่อเด็กสาวคนหนึ่งที่ชื่อซูเฉี่ยนเฉี่ยน”“ซูเฉี่ยนเฉี่ยน?” หม่าเฉียนคุนขมวดคิ้ว เขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนหัวหน้าแม่บ้านอธิบายต่อ “เป็นลูกสาวของซูหมิงอวี๋ อีกตัวตนหนึ่งของเธอก็คือ ลูกศิษย์ของเย่ปิงเหยา”หม่าเฉียนคุนดูหมิ่นและพูดอย่างเย็นชา “ที่แท้ก็ลูกศิษย์ของเย่ปิงเหยา หญิงโง่คนนั้น! ลูกสาวฉันบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ แล้วนังเด็กซูเฉี่ยนเฉี่ยนนั่นตอนนี้อยู่ที่ไหน?”หัวหน้าแม่บ้านลังเลที่จะพูด“พูด!” หม่าเฉียนคุนตะโ
“ทำไมผมต้องหนี?”ลั่วอู๋ฉางไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ แล้วถามกลับดวงตาของชูหมิงอวี๋เบิกกว้าง “คุณหม่าถูกแกทุบตีจนเกือบตาย แต่แกยังกล้าที่จะกลับมา”“แต่ก็ดี! แกต้องรับผิดชอบต่อเรื่องที่แกทำลงไป และอย่าคิดแม้แต่จะลากตระกูลซูของเราไปเอี่ยวให้เดือดร้อน”“อย่างไรเสียเราก็ไม่สนิทกันอยู่แล้ว!”“ถ้าคนตระกูลหม่ามาถึง ฉันจะบอกว่านั่นเป็นเรื่องที่แกทำไปคนเดียว ไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลซูของเรา”ลั่วอู๋ฉางเดินผ่านซูหมิงอวี๋โดยไม่ใส่ใจที่จะฟังเรื่องไร้สาระของเขาซูหมิงอวี๋โกรธมาก “เห้ย... ฉันกำลังพูดดับแกอยู่นะโว้ย นี่อะไร ไร้มารยาทชะมัด!”“คุณพูดเอง เราไม่ได้สนิทกัน!” ลั่วอู๋ฉางพูดโดยไม่หันกลับมามองซูหมิงอวี๋สะอึกและพูดไม่ออก!จนกระทั่งลั่วอู๋ฉางเดินเข้าไปในห้องผ็ป่วย ชูหมิงอวี๋ก็พึมพำด้วยความโกรธ “อะไรวะ? ไม่รู้จริง ๆ ว่าตาแก่นั่นชอบมันตรงไหน!”“เพราะอายุน้อยก็เลยมุทะลุสินะ ไม่รู้ว่าสังคมน่ากลัวขนาดไหน ได้ตกที่นั่งลำบากแน่”หลังจากนั้น เสียงหัวเราะร่าเริงของซูเฉี่ยนเฉี่ยนก็ดังออกมาจากห้องผู้ป่วยซูหมิงอวี๋พ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ จากนั้นก็หันหลังและจากไปเขารู้สึกว่าเขาต้องเตรียมพร้อมในกรณีที่ตระ
เมื่อเห็นว่าทั้งหกคนกำลังจะมาถึงห้องผู้ป่วยของซูเฉี่ยนเฉี่ยน จู่ ๆ ก็มีมือยื่นออกมาและคว้าคอเสื้อของคนที่เดินอยู่ข้างหลัง“สวบ!”หลังจากเสียงแปลก ๆ ดังอย่างต่อเนื่อง ทางเดินก็ว่างเปล่าตรงเคาน์เตอร์พยาบาลที่อยู่ไม่ไกลนัก พยาบาลสาวยืนขึ้น เหยียดคอ ยื่นศีรษะออกไปมองออกไปข้างนอก“แปลกจัง เห็นเมื่อกี้มีคนเดินผ่านไปหลายคน แต่ทำไมจู่ ๆ พวกเขาถึงหายไป?”ในห้องผู้ป่วยที่ว่างเปล่า มีชายหมดสติห้าคนนอนอยู่บนพื้นคนเดียวที่ยังมีสติอยู่กำลังถูกลั่วอู๋ฉางคว้าคอไว้ โดยที่เท้าของชายคนนั้นลอยขึ้นเหนือพื้นหลังของเขาถูกดันเข้ากับผนัง จึงไม่สามารถขยับได้“ตระกูลหม่าส่งพวกแกมาหรือ?” ลั่วอู๋ฉางถามอย่างเย็นชาผู้ชายคนนี้กัดฟันพูด “ใช่แล้วยังไง? ไม่ใช่แล้วจะทำไม?”ลั่วอู๋ฉางยิ้มอย่างเย็นชาและเริ่มออกแรงไปที่มือของเขาคนที่คิดว่าตัวเองเป็นคนแข็งแกร่ง จู่ ๆ ก็เกิดอาการหวาดกลัวและรีบพูดเสียงดังก่อนที่จะหายใจไม่ออก “พวกเรามาจากโรงเรียนศิลปะการต่อสู้เหลยถิง”“เหลียนหมิงเจิ้ง ผู้อำนวยการโรงเรียนคนใหม่เรียกเราไปพบ ภารกิจของเราคือตามหาซูเฉี่ยนเฉี่ยนแล้วพาตัวกลับไปที่โรงเรียนศิลปะการต่อสู้!”ลั่วอู๋ฉางข
ณ ที่อยู่ของเย่ปิงเหยาลั่วอู๋ฉางสวมเสื้อผ้าที่สะอาดสะอ้าน เขาได้ยินเสียงหายใจของเด็กสาวสองคนจากห้องข้าง ๆบนเตียงขนาดใหญ่ ซูเฉี่ยนเฉี่ยนและเสี่ยวเสวี่ยกำลังหลับสนิททั้งสองเหนื่อยมามากแล้ว และด้วยเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ของลั่วอู๋ฉาง เธอสองคนจึงนอนหลับสนิทย่างก้าวของลั่วอู๋ฉางนั้นแผ่วเบา เขาออกจากห้องไปอย่างเงียบ ๆด้านนอกมีเกล็ดหิมะสีขาวตกลงมาจากท้องฟ้าขณะเดียวกัน ณ โรงเรียนศิลปะการต่อสู้เหลยถิงราวกับจะช่วยให้จิตสังหารทั้งหมดในอากาศถูกซ่อนไว้มีเพียงห้องโถงใหญ่เท่านั้นที่สว่าง ห้องที่เหลือล้วนมืดมิดโรงเรียนศิลปะการต่อสู้ที่ดูเงียบสงบนั้น แท้จริงแล้วเต็มไปด้วยอันตรายชายวัยกลางคนสามคนนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นหนึ่งในนั้นคือผู้อำนวยการคนใหม่ เหลียนหมิงเจิ้ง ซึ่งเปล่งประกายออร่าอันทรงพลังเห็นได้ชัดว่าทั้งสามคนเป็นนักบู๊ที่แข็งแกร่ง แต่กลับมีชุดน้ำชาแสนประณีตวางอยู่ตรงกลางใต้เตาดินเผาสีแดงเล็ก ๆ ไฟถ่านกำลังลุกโชนกาต้มน้ำเหล็กทำมือวางอยู่บนเตา โดยมีควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากพวยกา และส่งเสียงฟู่ ๆ ออกมานอกจากเหลียนหมิงเจิ้งแล้ว อีกสองคนกำลังดื่มอยู่เหลียนหมิงเจิ้งอดไม่ได้ที
“พรวด!”เขากระอักเลือดกลางอากาศ และร่วงลงมากระแทกโต๊ะน้ำชาอย่างพอดิบพอดี“เพล้ง!”เซ็ตถ้วยชาราคาแพงแตกเป็นเสี่ยง“ผู้ฝึกวิชา!”ผู้อำนวยการทั้งสองลุกขึ้นยืนทันที แต่เหลียนหมิงเจิ้งเป็นคนเดียวที่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เหลียนหมิงเจิ้งมองไปที่ลูกศิษย์ของเขาซึ่งใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด คิ้วของเขากระตุกแม้ศิษย์คนนี้จะไม่ได้อยู่ในระดับที่เก่งกาจมากนัก แต่การที่สามารถทำให้เขากระเด็นออกไปได้ทันทีโดยไม่ต้องเคลื่อนไหวใด ๆ แสดงให้เห็นว่าคนที่มานั้นค่อนข้างแข็งแกร่งอย่างน้อย ๆ ก็ต้องเป็นระดับปรมาจารย์จึงจะสามารถทำได้!“ไอ้หนู มาที่นี่เพื่อก่อเรื่องงั้นหรือ?”ใบหน้าของผู้อำนวยการหลงเวยหม่นลงและเขาตะโกนอย่างรุนแรง“ไม่อย่างนั้นจะให้มาดื่มชากับพวกแกหรือไง?” ลั่วอู๋ฉางกล่าวอย่างเย็นชาผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนยิ้มอย่างเย็นชา “บังอาจนักนะ แกไม่รู้หรือว่าโรงเรียนศิลปะการต่อสู้เหลยถิงเป็นตัวแทนของอะไร?”“ก็แค่มีตระกูลหม่าหนุนหลังไม่ใช่หรือไง?” ลั่วอู๋ฉางพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยามผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนเบิกตากว้าง “ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้ว ทำไม่ยังกล้ามาก่อปัญหาที่นี่?”“ไอ้หนู แกเป็นใครกันแน่?” เหล
“เป็นไป... ได้ยังไง?”เหลียนหมิงเจิ้งและผู้อำนวยการหลงเวยตกตะลึงในจุดนั้น โดยมีใบหน้าที่ตื่นตระหนกพวกเขาไม่เคยแม้แต่จะฝัน ว่าผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนที่ดุดันและน่าเกรงขามนั้น ตอนนี้จะขยับไม่ได้ราวกับเป็นเพียงแค่กุนเชียงชิ้นหนึ่ง!ลั่วอู๋ฉางจับคอเขาไว้ด้วยมือเดียว เขาห้อยโตงเตงอยู่กลางอากาศโดยไม่อาจขัดขืนทั้งที่เขาไม่ใช่แค่นักยู๊โบราณธรรมดา ๆแต่เขาเป็นผู้อำนวยการระดับปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงมายาวนานและทรงพลังในเมืองอัน!ด้วยความแข็งแกร่งของเขาเองและลูกศิษย์จำนวนนับไม่ถ้วน เขาสามารถเดินไปในเมืองได้ทุกแห่งโดยไม่ต้องเกรงกลัวใคร!ยอดฝีมืออย่างเขา กลับถูกคู่ต่อสู้ปราบได้ด้วยมือเดียวเหลือเชื่อจริง ๆ!สิ่งที่ยอมรับไม่ได้มากที่สุดคือไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็เป็นเพราะผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนยื่นคอไปให้ลั่วอู๋ฉางเองตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้ ลั่วอู๋ฉางไม่ได้ขยับไปไหนแม้แต่ก้าวเดียวเขาแค่ยื่นมือออกมาให้อีกฝ่ายยื่นคอมาไว้ในมือก็เท่านั้น“ปล่อยฉัน... ปล่อยมือเดี๋ยวนี้!”ผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนยังคงดิ้นรน และใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วงอย่างรวดเร็วเนื่องจากหายใจไม่ออกในขณะนี้เขาไม่สามารถแสดงออกถึ
เขายกผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนขึ้นแล้วตบไปที่หน้าท้องด้วยหนึ่งฝ่ามือ“ผัวะ!”ผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนกระเด็นกลับหัวไปพร้อมเสียงตบทุ้มต่ำนั้นด้วยสีหน้าเจ็บปวดอย่างมากเมื่อเห็นดังนั้นเหล่าลูกศิษย์ก็รีบวิ่งไปรับตัวเขา“โครม!”เห็นได้ชัดว่าพวกเขาประเมินความแข็งแกร่งของตนสูงเกินไปและถูกกระแทกกันเป็นวงกว้างทันใดนั้นกระดูกที่ถูกกระแทกก็หักและเส้นเอ็นก็ฉีก เลือดพุ่งออกมาจากปากและเสียงคร่ำครวญก็ดังออกมาทีละคนแม้ว่าผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนจะไม่กระอักเลือดออกมา แต่อาการบาดเจ็บของเขาก็ร้ายแรงที่สุดทันทีที่เขาโดนตบเข้าที่หน้าท้อง กำลังภายในในร่างกายของเขาก็หายไปทันที และลมปราณก็พังทลายลงอย่างสมบูรณ์การฝึกฝนทั้งหมดที่ผ่านมาสูญสิ้นความหมายทันที!“แก... แกทำลายล้างพลังของฉันไปจริง ๆ หรือ?!”ดวงตาของผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนเบิกกว้างด้วยความตกใจและความโกรธ“ก็รู้ความจริงอยู่แล้ว จำเป็นต้องถามอีกหรือ?” ลั่วอู๋ฉางตะคอกอย่างเย็นชาอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักบู๊โบราณ?แน่นอนว่าคือกำลังภายใน!ในฐานะผู้มีชื่อเสียงมายาวนาน สำหรับผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาเทียบเท่ากับชีวิตของเขาเอง