“เกิดอะไรขึ้น?”ทุกคนตกตะลึงและมองอย่างไม่อยากเชื่อสายตาในแง่ของอายุ ลั่วอู๋ฉางนั้นดูจะอายุพอ ๆ กันกับคุณชายซุนและคุณชายอู๋ในแง่ของภูมิหลัง พวกเขาทั้งสองเป็นศิษย์สำหนักกระบี่เหล็ก ในขณะที่ลั่วอู๋ฉางเป็นเพียงหนุ่มต่างถิ่นที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักที่สำคัญที่สุดคือ ทั้งคุณชายซุนและคุณชายอู๋ประสานกระบวนท่าต่อสู้ด้วยกันแล้ว แถมยังชิงลงมือก่อนอีกด้วยดังนั้นไม่ว่าจะคิดอย่างไร ลั่วอู๋ฉางก็น่าจะตายคาที่แต่ผลลัพธ์ที่ได้ค่อนข้างแตกต่างออกไปสิ่งที่ไม่น่าเชื่อที่สุดคือลั่วอู๋ฉางไม่ได้เคลื่อนไหวเลยในระหว่างการโจมตี คุณชายซุนและคุณชายอู๋ถูกโจมตีด้วยพลังงานที่มองไม่เห็นพวกเขาทั้งสองไม่มีการป้องกันล่วงหน้าและถูกกระแทกออกไป!กระบี่กว้างสองเล่มที่เป็นเอกลักษณ์ของสำนักกระบี่เหล็กถูกทำลายกลายเป็นเศษโลหะในทันทีขณะนี้ห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่เงียบสนิท เงียบจนได้ยินเสียงเข็มนาฬิกา!ทุกคนตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น“โครม!”“ปัง...”ศิษย์พี่ซุนและศิษย์น้องอู๋กระแทกพื้นทำให้เกิดเสียงดังมากทั้งสองยังคงกระอักเลือดต่อไปคนหนึ่งกุมหน้าอก และอีกคนกำลังกุมหน้าท้อง พวกเขาดูได้รับบาดเจ็บสาหัสแ
“ผมยอมบอกแล้ว คุณหม่าสั่งให้คนมาล็อคตัวซูเฉี่ยนเฉี่ยนไว้ แล้วคุณหม่าก็ฟาดหัวเธอด้วยขวดไวน์แปด... ไม่สิ เก้าขวดครับ!”ลั่วอู๋ฉางขมวดคิ้วแล้วถามอีกครั้ง “แน่ใจนะว่าเก้าขวด?”เขารู้แค่ว่าซูเฉี่ยนเฉี่ยนได้รับบาดเจ็บสาหัสจากขวดไวน์ แต่เขาไม่รู้รายละเอียดเนื่องจากเขาต้องการแก้แค้น แน่นอนว่าเขาจึงต้องถามให้ชัดเจนเพื่อจะได้ลงโทษคนลงมือด้วยวิธีเดียวกัน“ไม่ผิดแน่ครับ ผมได้นับเอง”ลั่วอู๋ฉางปล่อยมือ และชายคนนั้นก็ล้มลงกับพื้นเสียงดังกึกก้องจากนั้นเขาก็รู้สึกถึงความร้อนจากเป้ากางเกงของเขา และเขาก็ฉี่รดตรงนั้น!ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะกลัวหรือเจ็บลั่วอู๋ฉางเดินไปหาหม่าอวี่เฟย ยกมือขึ้นขึ้นไปในอากาศ จากนั้นไวน์แดงขวดหนึ่งก็ลอยไปที่ฝ่ามือของเขา“แก... แกอย่าเข้ามานะ!”“ฉันเป็นลูกสาวของหม่าเฉียนคุน ถ้าแกกล้าแตะต้องฉัน พ่อฉันฆ่าแกตายแน่! ฆ่าทั้งตระกูลเลยด้วย!”ในขณะนี้ หม่าอวี่เฟยไม่กล้าที่จะเย่อหยิ่งเหมือนเดิม ใบหน้าของเธอซีดเผือด และดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความกลัว“โครม!”เนื่องจากความกลัว หม่าอวี่เฟยจึงสูญเสียการทรงตัวและล้มลงกับพื้นขณะถอยหลัง“ไม่ต้องรีบ พวกเรามาเริ่มกันทีละขวด!”ลั่
ลั่วอู๋ฉางหันหลังกลับและจากไปเงียบ ๆ คุณชายซุนและคุณชายอู๋ไม่กล้าแม้แต่จะผายลมออกมาด้วยซ้ำ ได้แต่มองดูเขาเดินจากไปเมื่อหม่าอวี่เฟยเห็นดังนั้น เธอก็ทั้งโกรธทั้งอับอายเธอโกรธมากจนหมดสติไปตรงนั้นหัวหน้าแม่บ้านของตระกูลหม่าเดินเข้ามาจากด้านนอกอย่างตื่นเต้นและพูดเสียงดัง “คุณหนูคะ เพื่อฉลองวันเกิดให้คุณหนู ท่านหัวหน้าตระกูลได้สั่งทำเค้กสิบสองชั้นให้คนมาส่ง!”พนักงานโรงแรมสี่คนช่วยกันเข็นรถเข็นที่บรรทุกเค้กยักษ์สูงกว่าสามเมตรเข้าไปเมื่อหัวหน้าแม่บ้านเห็นหม่าอวี่เฟยนอนจมกองเลือด เธอก็ตกตะลึง “นี่มันเกิดอะไรขึ้น ใครเป็นคนทำ?”“พวกคุณยังยืนอึ้งอะไรกันอยู่ รีบเรียกรถฉุกเฉินสิ!”ณ วิลล่าของตระกูลหม่าห้องอ่านหนังสือบนชั้นสองสว่างไสว และหม่าเฉียนคุนกำลังพบกับแขกคนสำคัญหม่าเฉียนคุนอายุราว ๆ ห้าสิบและอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ของชีวิตใบหน้าทรงสีเหลี่ยม มีดวงตาสองข้างที่ฉายแสงแห่งปัญญาอย่างต่อเนื่องคนที่นั่งตรงข้ามเขามีรูปร่างสูงฌปร่ง แขนขายาว หางตายกขึ้นเล็กน้อย เขาดูเหมือนนักบู๊โบราณระดับสูงมาก“คุณเหลียน ขอบคุณมากที่เข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนศิลปะการต่อสู้เหลยถิง ถือเป็นเกียรต
“อีกฝ่ายบอกว่าตัวเองชื่อลั่วอู๋ฉาง!”บอดี้การ์ดที่ได้รับบาดเจ็บตอบกลับ “ไม่เพียงแต่คุณหนูเท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณชายซุนกับคุณชายอู๋จากสำนักกระบี่เหล็กก็โดนเขาเล่นงานจนบาดเจ็บสาหัสเช่นกันครับท่าน”“พวกเขาบอกว่า อย่างน้อย ๆ คนร้ายน่าจะมีฝีมือระดับปรมาจารย์ น่ากลัวมากครับ!”หม่าเฉียนคุนเตะชายคนนั้นออกไปและตะโกนด้วยความโกรธ “พวกเศษสวะ! เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ แค่ปกป้องคุณหนูก็ทำไม่ได้!”ร่างบอดี้การ์ดกระแทกเข้ากับกำแพง เขาตายคาที่โดยที่มีเลือดออกจากทวารทั้งเจ็ดและตาเหลือกค้างหัวหน้าแม่บ้านขมวดคิ้วแล้วพูด “ดิฉันตรวจสอบแล้วค่ะ ตอนที่ลั่วอู๋ฉางลงมือ เขาบอกว่าเขาทำเพื่อเด็กสาวคนหนึ่งที่ชื่อซูเฉี่ยนเฉี่ยน”“ซูเฉี่ยนเฉี่ยน?” หม่าเฉียนคุนขมวดคิ้ว เขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนหัวหน้าแม่บ้านอธิบายต่อ “เป็นลูกสาวของซูหมิงอวี๋ อีกตัวตนหนึ่งของเธอก็คือ ลูกศิษย์ของเย่ปิงเหยา”หม่าเฉียนคุนดูหมิ่นและพูดอย่างเย็นชา “ที่แท้ก็ลูกศิษย์ของเย่ปิงเหยา หญิงโง่คนนั้น! ลูกสาวฉันบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ แล้วนังเด็กซูเฉี่ยนเฉี่ยนนั่นตอนนี้อยู่ที่ไหน?”หัวหน้าแม่บ้านลังเลที่จะพูด“พูด!” หม่าเฉียนคุนตะโ
“ทำไมผมต้องหนี?”ลั่วอู๋ฉางไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ แล้วถามกลับดวงตาของชูหมิงอวี๋เบิกกว้าง “คุณหม่าถูกแกทุบตีจนเกือบตาย แต่แกยังกล้าที่จะกลับมา”“แต่ก็ดี! แกต้องรับผิดชอบต่อเรื่องที่แกทำลงไป และอย่าคิดแม้แต่จะลากตระกูลซูของเราไปเอี่ยวให้เดือดร้อน”“อย่างไรเสียเราก็ไม่สนิทกันอยู่แล้ว!”“ถ้าคนตระกูลหม่ามาถึง ฉันจะบอกว่านั่นเป็นเรื่องที่แกทำไปคนเดียว ไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลซูของเรา”ลั่วอู๋ฉางเดินผ่านซูหมิงอวี๋โดยไม่ใส่ใจที่จะฟังเรื่องไร้สาระของเขาซูหมิงอวี๋โกรธมาก “เห้ย... ฉันกำลังพูดดับแกอยู่นะโว้ย นี่อะไร ไร้มารยาทชะมัด!”“คุณพูดเอง เราไม่ได้สนิทกัน!” ลั่วอู๋ฉางพูดโดยไม่หันกลับมามองซูหมิงอวี๋สะอึกและพูดไม่ออก!จนกระทั่งลั่วอู๋ฉางเดินเข้าไปในห้องผ็ป่วย ชูหมิงอวี๋ก็พึมพำด้วยความโกรธ “อะไรวะ? ไม่รู้จริง ๆ ว่าตาแก่นั่นชอบมันตรงไหน!”“เพราะอายุน้อยก็เลยมุทะลุสินะ ไม่รู้ว่าสังคมน่ากลัวขนาดไหน ได้ตกที่นั่งลำบากแน่”หลังจากนั้น เสียงหัวเราะร่าเริงของซูเฉี่ยนเฉี่ยนก็ดังออกมาจากห้องผู้ป่วยซูหมิงอวี๋พ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ จากนั้นก็หันหลังและจากไปเขารู้สึกว่าเขาต้องเตรียมพร้อมในกรณีที่ตระ
เมื่อเห็นว่าทั้งหกคนกำลังจะมาถึงห้องผู้ป่วยของซูเฉี่ยนเฉี่ยน จู่ ๆ ก็มีมือยื่นออกมาและคว้าคอเสื้อของคนที่เดินอยู่ข้างหลัง“สวบ!”หลังจากเสียงแปลก ๆ ดังอย่างต่อเนื่อง ทางเดินก็ว่างเปล่าตรงเคาน์เตอร์พยาบาลที่อยู่ไม่ไกลนัก พยาบาลสาวยืนขึ้น เหยียดคอ ยื่นศีรษะออกไปมองออกไปข้างนอก“แปลกจัง เห็นเมื่อกี้มีคนเดินผ่านไปหลายคน แต่ทำไมจู่ ๆ พวกเขาถึงหายไป?”ในห้องผู้ป่วยที่ว่างเปล่า มีชายหมดสติห้าคนนอนอยู่บนพื้นคนเดียวที่ยังมีสติอยู่กำลังถูกลั่วอู๋ฉางคว้าคอไว้ โดยที่เท้าของชายคนนั้นลอยขึ้นเหนือพื้นหลังของเขาถูกดันเข้ากับผนัง จึงไม่สามารถขยับได้“ตระกูลหม่าส่งพวกแกมาหรือ?” ลั่วอู๋ฉางถามอย่างเย็นชาผู้ชายคนนี้กัดฟันพูด “ใช่แล้วยังไง? ไม่ใช่แล้วจะทำไม?”ลั่วอู๋ฉางยิ้มอย่างเย็นชาและเริ่มออกแรงไปที่มือของเขาคนที่คิดว่าตัวเองเป็นคนแข็งแกร่ง จู่ ๆ ก็เกิดอาการหวาดกลัวและรีบพูดเสียงดังก่อนที่จะหายใจไม่ออก “พวกเรามาจากโรงเรียนศิลปะการต่อสู้เหลยถิง”“เหลียนหมิงเจิ้ง ผู้อำนวยการโรงเรียนคนใหม่เรียกเราไปพบ ภารกิจของเราคือตามหาซูเฉี่ยนเฉี่ยนแล้วพาตัวกลับไปที่โรงเรียนศิลปะการต่อสู้!”ลั่วอู๋ฉางข
ณ ที่อยู่ของเย่ปิงเหยาลั่วอู๋ฉางสวมเสื้อผ้าที่สะอาดสะอ้าน เขาได้ยินเสียงหายใจของเด็กสาวสองคนจากห้องข้าง ๆบนเตียงขนาดใหญ่ ซูเฉี่ยนเฉี่ยนและเสี่ยวเสวี่ยกำลังหลับสนิททั้งสองเหนื่อยมามากแล้ว และด้วยเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ของลั่วอู๋ฉาง เธอสองคนจึงนอนหลับสนิทย่างก้าวของลั่วอู๋ฉางนั้นแผ่วเบา เขาออกจากห้องไปอย่างเงียบ ๆด้านนอกมีเกล็ดหิมะสีขาวตกลงมาจากท้องฟ้าขณะเดียวกัน ณ โรงเรียนศิลปะการต่อสู้เหลยถิงราวกับจะช่วยให้จิตสังหารทั้งหมดในอากาศถูกซ่อนไว้มีเพียงห้องโถงใหญ่เท่านั้นที่สว่าง ห้องที่เหลือล้วนมืดมิดโรงเรียนศิลปะการต่อสู้ที่ดูเงียบสงบนั้น แท้จริงแล้วเต็มไปด้วยอันตรายชายวัยกลางคนสามคนนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นหนึ่งในนั้นคือผู้อำนวยการคนใหม่ เหลียนหมิงเจิ้ง ซึ่งเปล่งประกายออร่าอันทรงพลังเห็นได้ชัดว่าทั้งสามคนเป็นนักบู๊ที่แข็งแกร่ง แต่กลับมีชุดน้ำชาแสนประณีตวางอยู่ตรงกลางใต้เตาดินเผาสีแดงเล็ก ๆ ไฟถ่านกำลังลุกโชนกาต้มน้ำเหล็กทำมือวางอยู่บนเตา โดยมีควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากพวยกา และส่งเสียงฟู่ ๆ ออกมานอกจากเหลียนหมิงเจิ้งแล้ว อีกสองคนกำลังดื่มอยู่เหลียนหมิงเจิ้งอดไม่ได้ที
“พรวด!”เขากระอักเลือดกลางอากาศ และร่วงลงมากระแทกโต๊ะน้ำชาอย่างพอดิบพอดี“เพล้ง!”เซ็ตถ้วยชาราคาแพงแตกเป็นเสี่ยง“ผู้ฝึกวิชา!”ผู้อำนวยการทั้งสองลุกขึ้นยืนทันที แต่เหลียนหมิงเจิ้งเป็นคนเดียวที่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เหลียนหมิงเจิ้งมองไปที่ลูกศิษย์ของเขาซึ่งใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด คิ้วของเขากระตุกแม้ศิษย์คนนี้จะไม่ได้อยู่ในระดับที่เก่งกาจมากนัก แต่การที่สามารถทำให้เขากระเด็นออกไปได้ทันทีโดยไม่ต้องเคลื่อนไหวใด ๆ แสดงให้เห็นว่าคนที่มานั้นค่อนข้างแข็งแกร่งอย่างน้อย ๆ ก็ต้องเป็นระดับปรมาจารย์จึงจะสามารถทำได้!“ไอ้หนู มาที่นี่เพื่อก่อเรื่องงั้นหรือ?”ใบหน้าของผู้อำนวยการหลงเวยหม่นลงและเขาตะโกนอย่างรุนแรง“ไม่อย่างนั้นจะให้มาดื่มชากับพวกแกหรือไง?” ลั่วอู๋ฉางกล่าวอย่างเย็นชาผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนยิ้มอย่างเย็นชา “บังอาจนักนะ แกไม่รู้หรือว่าโรงเรียนศิลปะการต่อสู้เหลยถิงเป็นตัวแทนของอะไร?”“ก็แค่มีตระกูลหม่าหนุนหลังไม่ใช่หรือไง?” ลั่วอู๋ฉางพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยามผู้อำนวยการจี๋เซี่ยนเบิกตากว้าง “ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้ว ทำไม่ยังกล้ามาก่อปัญหาที่นี่?”“ไอ้หนู แกเป็นใครกันแน่?” เหล
ชวีซานตัวไม่กล้าขัดขืน ได้แต่ทำตามคำสั่งเมื่อทุกคนมาถึงภูเขาด้านหลัง ฟ้าก็เริ่มสางแล้วเบื้องหน้าคือเหวลึกที่ขวางทางอยู่ลั่วอู๋ฉางผูกปลายเชือกด้านหนึ่งไว้กับเสา แล้วสะพายเชือกที่มัดรวมกันไว้บนหลัง ก่อนพยักหน้าให้ทุกคน"มีปัญหาอะไรไหม?"ลั่วอู๋ฉางถามอาวุโสที่มีใบหน้าฟกช้ำดำเขียวคนนั้นอาวุโสรีบตอบ "ไม่มีปัญหาครับ!"ลั่วอู๋ฉางกระโดดขึ้นด้วยเท้าข้างเดียว ตัวเขาลอยขึ้นสูงก่อนเหาะตรงไปยังอีกฟากของหน้าผาเมื่อเหาะไปได้ครึ่งทาง ร่างของลั่วอู๋ฉางก็เริ่มร่วงลงเมื่อคำนวณจากมุมนี้ เขาแทบไม่มีโอกาสไปถึงอีกฝั่งเลยทันใดนั้น นกอินทรียักษ์ตัวหนึ่งก็โฉบมาจากด้านข้างอาวุโสคนเมื่อกี้ยืนอยู่ริมหน้าผาและเป่านกหวีดเรียกอินทรีอินทรียักษ์กางปีก ลั่วอู๋ฉางเหยียบลงบนหลังมันหนึ่งที ทิศทางที่กำลังร่วงพลันเปลี่ยนเป็นลอยขึ้นเสี้ยววินาทีต่อมา เขาก็ลงถึงริมหน้าผาอีกฝั่งอย่างมั่นคงจากนั้นก็ทำแบบเดิม ผูกปลายเชือกฝั่งนี้ไว้กับเสาอีกข้าง"เจ้าสำนักชวี สั่งคนของท่านให้เริ่มได้แล้ว!" ซูเทียนคั่วออกคำสั่งอย่างไม่ไว้หน้าชวีซานตัวไม่ใช่ไม่เคยคิดจะเล่นงานตอนที่ลั่วอู๋ฉางกำลังข้ามหน้าผาเขาเคยคิดจะสั่ง
คำกล่าวอย่างมั่นใจของลั่วอู๋ฉางดังก้องไปทั่วสำนักใหญ่ของพันธมิตรบู๊ลิ้มหากเป็นเมื่อก่อน ใครกล้าพูดกับหัวหน้าสำนักพวกเขาเช่นนี้ คงไม่ต้องรอให้ชวีซานตัวเอ่ยปาก สมาชิกระดับล่างก็พร้อมจะซัดมันจนหมอบไปแล้วต่อหน้าประตูสำนักงานใหญ่ จะปล่อยให้คนมาพูดจาโอ้อวดได้อย่างไร?แต่สถานการณ์ตอนนี้คือ ลั่วอู๋ฉางไม่เพียงแต่พูด เขายังทำลายประตูใหญ่ของพวกเขาและทำร้ายคนไปอีกหลายสิบคนด้วยแน่นอนว่าจำนวนนี้ไม่ได้ตายตัวถ้าคนอื่นกล้าบุกเข้าไปอีก ลั่วอู๋ฉางจะไม่ปรานี และยินดีที่จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้บาดเจ็บให้พันธมิตรบู๊ลิ้มอีกด้วย"แก...ปากกล้านักนะ!"ชวีซานตัวในฐานะหัวหน้าแห่งบู๊ลิ้ม ไม่อาจเสียศักดิ์ศรีด้วยการยอมแพ้ง่าย ๆทั้งๆ ที่ความจริง ในใจเขานั้นกลับตื่นตระหนกจนแทบควบคุมไม่อยู่อาวุโสทั้งแปดร่วมมือกันยังเอาชนะไม่ได้!ถึงแม้ตอนฝึกซ้อมปกติ ชวีซานตัวจะเคยชนะพวกเขามาแล้วก็เถอะแต่ใช้นิ้วโป้งเท้าคิดก็ยังรู้เลยว่า เป็นอาวุโสทั้งแปดแกล้งอ่อนข้อให้ถ้าสู้จริง ชวีซานตัวไม่มีทางได้เปรียบหรอกแต่ลั่วอู๋ฉางกลับทำได้!นี่แสดงให้เห็นว่า ความสามารถของเขาเหนือกว่าชวีซานตัวมากถ้ายอมแพ้ต่อหน้าสมาชิกบู๊ลิ้มมา
เขาไม่อยากให้ใครพูดถึงเรื่องนี้ โดยเฉพาะต่อหน้าสาธารณชน"อาวุโสทั้งแปดของสภาผู้อาวุโสอยู่ที่ใด?"ดวงตาของชวีซานตัวเต็มไปด้วยความโกรธ พร้อมตะโกนออกคำสั่งอย่างดุดัน"ข้าน้อยอยู่ที่นี่!"อาวุโสทั้งแปดคนตอบรับออกมาพร้อมกัน"คนผู้นี้ทำลายประตูสำนักของเรา ทำร้ายศิษย์ของเรา จงสังหารมันตรงนี้เดี๋ยวนี้ เพื่อเป็นตัวอย่าง!" ชวีซานตัวกัดฟันกล่าวอาวุโสทั้งแปดคนตอบพร้อมกันอีกครั้ง "รับทราบ ท่านเจ้าสำนัก!""ฆ่า!"ทั้งแปดคนล้วนเป็นผู้มีวิชาระดับปรมาจารย์ใหญ่มีฝีมือไม่ธรรมดา!ในสำนักใหญ่ ทั้งด้านสถานะและพลังฝีมือ พวกเขาเป็นรองเพียงชวีซานตัวเท่านั้นเมื่อทั้งแปดร่วมมือกัน แม้แต่วีรบุรุษในตำนานก็ยากที่จะเอาชนะพวกเขาได้พวกเขาร่วมมือกันอย่างเข้าขา ล้อมลั่วอู๋ฉางไว้ตรงกลาง และออกกระบวนท่าสังหารทุกอย่างใส่เขาถ้าเป็นคนอื่น คงถูกพวกเขาสับเป็นชิ้นๆ ไปแล้วแต่ลั่วอู๋ฉางกลับไม่สะทกสะท้านใดๆ เพียงแค่ส่งกระแสจิต"วึ้ง!"คาถาป้องกันตัวปล่อยแสงสีทองออกมา ขัดขวางการโจมตีทั้งหมดไว้"อะไรกัน?"ชวีซานตัวเบิกตากว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อในสายตาของเขา ต่อให้ลั่วอู๋ฉางเก่งแค่ไหน แต่ก็ยังเป็น
ท่ามกลางความมืด มีร่างคนจำนวนมากพุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อพวกเขาเห็นชัดเจนแล้วว่าประตูทางเข้าซึ่งเป็นหน้าตาของพันธมิตรบู๊ลิ้มถูกทำลาย กลายเป็นซากปรักหักพัง พวกเขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที"ใครกันที่กล้าบ้าบิ่นถึงขนาดนี้!""บังอาจมาพังประตูใหญ่ของพันธมิตรบู๊ลิ้ม รนหาที่ตายแล้ว!""จะเป็นใครก็ช่าง แต่แน่ๆ คงไม่ใช่คนดีหรอก สับมันเป็นชิ้นๆ ก่อนค่อยว่ากัน!"กลุ่มคนที่โกรธแค้นเห็นร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าซากปรักหักพัง"ไอ้หนุ่ม แกเห็นไหมว่าใครเป็นคนทำ?"คนตาไวมองเห็นว่าเป็นเงาของชายหนุ่มจึงรีบถามออกไปทันที"ขอเตือนไว้ก่อน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ รีบพูดสิ่งที่นายเห็นออกมาทั้งหมก ไม่งั้นนายเองก็ต้องเดือดร้อนด้วย!"ลั่วอู๋ฉางยืนอย่างสงบพลางตอบว่า "เห็น""รีบบอกมาว่าใคร!" คนกลุ่มนั้นร้องถามขึ้นพร้อมกันลั่วอู๋ฉางตอบอย่างไม่รีบร้อนว่า "ก็ฉันไง!""อะไรนะ?!"คนกลุ่มนั้นเบิกตาโต ความโกรธที่ปรากฏบนใบหน้าชัดเจนยิ่งกว่าความตกใจ"ไอ้หนุ่ม นี่ไม่ใช่เวลามาอวดเก่ง คิดว่าเราจะเชื่อแกหรือไง?""รีบบอกมาว่าใครเป็นคนทำ ไม่งั้นจะถือว่าแกเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย!""ให้โอกาสสุดท้าย รีบพูด ไม่งั้นพวกเร
ซูเทียนคั่วกังวลขึ้นมาทันที ขณะที่ปกป้องซูเฉี่ยนเฉี่ยนหลานสาว เขาก็ตะโกนเสียงดังขึ้นว่า "เจ้าสำนักชวี นี่คือวิธีการต้อนรับแขกของพันธมิตรบู๊ลิ้มหรือ?""หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ไม่กลัวคนในยุทธภพจะหัวเราะเยาะหรือ?"ชวีซานตัวไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย "อย่างพวกนายเนี่ยนะ? เรียกว่าแขกได้ด้วยหรือ?"เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจำนวนคนที่มากกว่าหลายเท่า อีกทั้งสายตาที่จับจ้องมาอย่างอาฆาต ทั้งสามคนไม่สามารถต่อกรได้เลยไม่นานพวกเขาก็ถูกจับตัวได้!"ชวีซานตัว การที่คุณทำเช่นนี้ ไม่กลัวว่าศิษย์ของเทพอวี้อย่างราชันมังกรลั่วเทียนจะมาหาเรื่องหรือ?" ซูเทียนคั่วพูดขณะดิ้นรนชวีซานตัวไม่สนใจแม้แต่น้อย "ถ้าเขากล้าหาญมาที่นี่ ฉันจะให้เขาลิ้มรสชาติของการต้องเป็นนักโทษเช่นกัน!""ศิษย์ที่ถูกสอนโดยตาแก่แบบนั้น คงไม่ใช่คนดีสักเท่าไรหรอก พอดีเลย จะได้ให้เขาชดใช้หนี้แทนตาแก่นั่นและพวกแกไปพร้อมกัน!""ราชันมังกรลั่วเทียนอะไรกัน แค่เด็กหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ จะมีอะไรพิเศษนัก?""ตัวเขาไม่อายก็ช่างเถอะ แต่ยังกล้าไปหาคนมาคุยโวแทนตัวเอง คิดจะดังจากการสร้างกระแสเช่นนี้ คิดว่าบู๊ลิ้มเป็นที่สำหรับเล่นขายของหรือไง ฝันไปเถ
พูดของชวีซานตัวเต็มไปด้วยความหยาบคายใบหน้าสวยของเย่ปิงเหยาเริ่มบึ้งตึง แต่เพราะนี่เป็นถิ่นของอีกฝ่าย เธอจึงไม่อาจโต้ตอบได้ชวีหลิงหานคือน้องสาวของชวีซานตัว ทั้งสองคนมีอายุห่างกันมากกว่ายี่สิบปีหลังจากชวีหลิงหานเกิดได้ไม่นาน พ่อแม่ของเธอก็เสียชีวิตจากอาการป่วย ก่อนสิ้นใจได้ฝากให้ชวีซานตัวช่วยเลี้ยงดูน้องสาวที่ยังเป็นแค่ทารกแรกเกิดชวีซานตัวเลี้ยงดูน้องสาวด้วยความยากลำบาก จนเธอเติบโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวที่งดงามยิ่ง ทั้งยังมีพรสวรรค์จนได้รับความสนใจจากคนในบู๊ลิ้มมีผู้คนมาสู่ขอเธอมากมายจนทำให้ประตูบ้านตระกูลชวีแทบพังในขณะที่ชวีซานตัวกำลังเลือกคู่ครองให้น้องสาวจนตาลาย และวาดฝันว่าเธอจะได้แต่งงานกับตระกูลใหญ่โตความฝันกลับพังทลาย!ชวีหลิงหาน หญิงสาวผู้แสนงดงาม กลับถูกชายแก่อัปลักษณ์คนหนึ่งมาชิงตัวไป!ในตอนแรก ชวีซานตัวคิดว่าน้องสาวของเขายังไร้เดียงสา และถูกชายชั่วหลอกลวงเขาคิดว่าเพียงแค่พูดจาโน้มน้าวด้วยความรักและเหตุผล น้องสาวจะกลับตัวกลับใจแต่ผลกลับเป็นตรงกันข้าม!ชวีหลิงหานไม่เพียงแต่ไม่สำนึกในสิ่งที่ทำ แต่กลับรักชายแก่คนนั้นอย่างหัวปักหัวปำ และพูดคำพูดไร้สาระอย่างเช่นรักจน
พูดตามตรง ลั่วอู๋ฉางก็มีใจอ่อนนิดหน่อยทุกครั้งที่ต้องต่อสู้กับพวกกระจอก เขามักจะคิดถึงหูเยว่ซีอย่างมากเป็นถึงจักรพรรดินีแห่งชิงชิว แต่เขากลับใช้งานเหมือนลูกน้องปลายแถวประเด็นสำคัญคือ หูเยว่ซีไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แต่ยังเต็มใจช่วยอย่างยินดีอีกด้วย"ไม่ได้"ความมีเหตุผลเอาชนะความหุนหัน ลั่วอู๋ฉางพูดพร้อมขมวดคิ้ว "เธอต้องอยู่เฝ้าบ้าน มีแต่แบบนี้ ฉันถึงจะวางใจได้"หูเยว่ซีทำหน้าหงอย: "ก็ได้!"ลั่วอู๋ฉางหัวเราะ "เธอว่านอนสอนง่ายขนาดนี้ ต้องให้รางวัลสักหน่อยแล้ว""รางวัลอะไร?" จิ้งจอกน้อยถามอย่างตื่นเต้น ดวงตาทั้งสองส่องประกายวิบวับทันทีลั่วอู๋ฉางหยิบลูกแก้วพญานาคออกมาจากกระเป๋าแล้วพูดว่า "ก่อนหน้านี้สัญญาว่าจะให้ของขวัญเธอ ตอนนี้ถึงเวลาทำตามสัญญาแล้ว"หูเยว่ซีตาเป็นประกายอีกครั้ง "ลูกแก้วพญานาค!"ถ้าเป็นเมื่อก่อน ลูกแก้วพญานาคระดับนี้เธอคงไม่แม้แต่จะชายตามองด้วยซ้ำแค่มองนานหน่อย ก็ถือเป็นการดูหมิ่นคำว่า "จักรพรรดินีแห่งชิงชิว" แล้ว!แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน หลังจากถูกขังอยู่ในแหวนมานานถึงพันปี เพิ่งจะได้อิสรภาพคืนมา พลังลดลงไปมากและร่างกายก็อ่อนแอสุดขีดนี่คือช่วงเวลาที่เธอต้อง
หวงผู่เจิ้งซิ่นย่อมไม่พอใจแน่!คนเป็นครูยังล้มเหลว แต่ศิษย์กลับทำสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกถ้าไม่ใช่บังเอิญ แล้วมันคืออะไร?ลั่วอู๋ฉางไม่ตอบอะไร จากนั้นก็หยิบคริสตัลสวรรค์ก้อนที่สองมาไม่นานก็ทำสำเร็จอีกครั้ง!หวงผู่เจิ้งซิ่นเบิกตากว้าง ประหลาดใจราวกับเห็นเทพเจ้าส่วนใบหน้าของหูเยว่ซีก็เต็มไปด้วยความชื่นชมมากขึ้นเรื่อยๆ"ลองอีกครั้งสิ!" หวงผู่เจิ้งซิ่นยังคงไม่ยอมแพ้คราวนี้ ลั่วอู๋ฉางไม่ทำตามเขาอีกต่อไป เขาเก็บแท่งคริสตัลสวรรค์ที่เหลือทันที"หมายความว่าไง?" หวงผู่เจิ้งซิ่นถามตาโตลั่วอู๋ฉางลุกขึ้นเดินออกไป ทิ้งคำพูดไว้โดยไม่หันกลับมา "ขอบคุณนะ!""เดี๋ยวสิ นายแน่ใจแล้วเหรอว่านายเข้าใจทั้งหมด?"หวงผู่เจิ้งซิ่นรีบไล่ตามไป "ถ้าไม่สำเร็จล่ะ ฉันจะได้ช่วยหาสาเหตุไง!""ไม่จำเป็นแล้ว ถ้านายท่านของฉันคิดว่าไม่มีปัญหา มันก็ไม่มีปัญหาแน่" หูเยว่ซีขวางเขาไว้ พร้อมพูดอย่างหนักแน่นในตอนนี้ สีหน้าหวงผู่เจิ้งซิ่นเต็มไปด้วยความซับซ้อนศิษย์ที่เก่งเกินไปทำให้ครูรู้สึกอับอาย"ไหนว่าราชันมังกรลั่วเทียนก็เป็นแค่คนธรรมดา เขาเป็นปีศาจชัดๆ!"หวงผู่เจิ้งซิ่นยอมแพ้อย่างหมดท่า พูดอย่างเศร้าๆ "คิดว่า
หวงผู่เจิ้งซิ่นเชิดคอขึ้น พยายามทำสีหน้าให้ดูปกติที่สุดเพื่อปกปิดความเขินอายของตัวเองเนื่องจากการสาธิตเมื่อครู่นั้นจบลงด้วยความล้มเหลวแม้ว่าเขาจะรู้วิธี แต่เพราะไม่ได้ปฏิบัติมาเป็นเวลานาน ความผิดพลาดจึงถือเป็นเรื่องปกติ"หาว..."หูเยว่ซีอ้าปากหาวครั้งใหญ่ ราวกับเปลือกตาถูกกดด้วยน้ำหนักมหาศาลใช่แล้ว เธอง่วงจริงๆ!การสอนของหวงผู่เจิ้งซิ่นทำให้เธอง่วงได้สำเร็จส่วนเนื้อหาที่พูดในภายหลัง แทบไม่ได้เข้าหัวของหูเยว่ซีเลย ผ่านหูซ้ายออกหูขวา ไม่มีอะไรในหัวเลย"พวกคุณ...ทำต่อไปเลย!"หูเยว่ซียืดแขนบิดขี้เกียจ และส่งสัญญาณให้ทั้งคู่ไม่ต้องสนใจเธอสิ่งนี้ทำให้หวงผู่เจิ้งซิ่นรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลวมาก!รู้สึกเหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่!การทำให้นักเรียนง่วงถือเป็นเรื่องที่น่าอับอายอยู่แล้ว ที่สำคัญคือการสาธิตของตัวเองยังล้มเหลวอีกด้วย"ไม่เป็นไร ฉันขอลองเอง" ลั่วอู๋ฉางเสนอตัวขึ้นอย่างกล้าหาญ"คุณจำทั้งหมดได้แล้วเหรอ?"หวงผู่เจิ้งซิ่นพูดด้วยสีหน้าจริงจังทันที "อย่าเพิ่งรีบร้อนปฏิบัติเลย ลองทบทวนสิ่งที่ฉันพูดสักรอบก่อน มีจุดไหนที่ไม่เข้าใจก็ถามให้แน่ชัด แล้วค่อยลงมือ"เพราะจำนวนของแท่งค