หยางหว่านอวี่รู้สึกดีใจอย่างมาก และใช้สายตาซางซึ้งมองดูหยางหว่านหยู่หวังจื่อเฟิงหวังจื่อเฟิงงุนงงอยู่นานแล้ว เมื่อครู่พ่อพูดชัดเจนในโทรศัพท์แล้วว่า ทำไมสำเร็จ!นี่มัน เรื่องอะไรกัน?"คุณชายหวังคุณทำได้จริง ๆ ด้วย วันนี้โชคดีมากที่มีคุณ" จ้าวเหม่ยอวิ๋นพูดอย่างตื่นเต้นหวังจื่อเฟิงพยักหน้าอย่างไร้ยางอายและพูดอย่างหน้าไม่อาย "นี่นับประสาอะไรกัน เรื่องเล็กน้อยมาก"เขาคิดในใจ ทางด้านพ่อของเขาต้องเข้าใจผิดแน่นอน คิดว่าวัยรุ่นอย่างเกาชิงเหยียน ไม่มีทางให้เกียรติเขา ในเมื่อวัยรุ่นส่วนมากไม่ค่อยชอบคนแก่พวกนี้ คิดว่าความคิดของพวกเขาล้าสมัย พอใจในสภาพปัจจุบันไม่คิดจะปรับปรุงแก้ไขกลับคิดไม่ถึงว่า เกาชิงเหยียนจะให้ความสำคัญต่อผู้อาวุโสขนาดนี้ นี่เป็นเกิดความคาดหมายจริง ๆในเมื่อเป็นแบบนี้ คุณงามความดีนี้หวังจื่อเฟิงต้องรับไว้อยู่แล้ว"ประธานหยาง เชิญค่ะ" เลขาสุภาพมาก สั่งให้บอดี้การ์ดเปิดทางเดินพิเศษไม่ต้องพูดถึงว่าแขกที่มาต่อคิวจะอิจฉาขนาดไหนหวังจื่อเฟิงหลงระเริง ใบหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ เขาก้าวเดินอย่างไม่ไว้หน้าใคร เดินเข้าไปภายใต้สายตาอิจฉาของผู้คนส่วนลั่วอู๋ฉาง กำลังเดินเท
หยางหว่านอวี่ถึงได้พยักหน้ายอมรับ หลังจากนั่งลง ก็ยังคิดว่าเหมือนฝันไปขณะที่เธอรู้สึกกระวนกระวายใจก็รู้สึกว่าโชคดีอย่างมากเช่นกัน"เยี่ยมเลย ครั้งนี้ได้ชัยชนะอย่างแน่นอน!" จ้าวเหม่ยอวิ๋นดีใจอย่างมาก แค่เพียงที่นั่ง ตระกูลเกาก็ให้ความสำคัญกับหยางหว่านอวี่ขนาดนี้ คู่ค้าดีเด่นยิ่งเป็นเรื่องที่แน่นอนแล้วหวังจื่อเฟิงนั่งลงข้างหยางหว่านอวี่อย่างไม่เกรงใจ ไม่ปกปิดความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกับเธอเลยสักนิดเลขากลับมาที่ห้องทำงาน กำลังจะรอรับความดีความชอบ กลับเห็นเกาชิงเหยียนสีหน้าเคร่งขรึม พูดขึ้น "ตรวจสอบหยางหว่านอวี่คนนี้ สำคัญคือความสัมพันธ์ของเธอกับหวังจื่อเฟิง"“ระ......รับทราบ!” เลขาตอบรับอย่างเร่งรีบและหันหลังไปโทรศัพท์หลังจากนั้นไม่นาน เลขาก็กลับมาที่ห้องด้วยสีหน้าซับซ้อน "ตรวจสอบได้แล้ว หลายปีมานี้ตระกูลหยางประจบประแจงตระกูลหวังอยู่ตลอด อยากจะยุยงหยางหว่านอวี่กับหวังจื่อเฟิงให้คบกัน ว่าทั้งสองกำลังจะเปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเขาต่อสาธารณะแล้ว"“เธอกล้าดียังไง!” เกาชิงเหยียนกัดฟัน ใบหน้าสวยของเต็มไปด้วยความเย็นชาในช่วงสามปีที่ผ่านมา เพื่อตอบแทนบุญคุญที่ลั่วอู๋ฉางช่วยชีวิตไว้ ตระก
ลั่วอู๋ฉางเพิ่งเห็นว่าหยางหว่านอวี่นั่งอยู่ตรงนี้ จึงขมวดคิ้ว หันหลังจะเดินจากไปเดิมทีเขาไม่ชอบปรากฏตัวในวงสังคมอยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะวันนี้งานที่จัดขึ้นคืองานเลี้ยงการกุศล เขาไม่มีทางยอมเข้าร่วมงานด้วยซ้ำในเมื่อตอนที่หย่ากัน พูดเอาไว้แล้วว่าต่างคนต่างแยกทาง ลั่วอู๋ฉางไม่อยากเกี่ยวข้องใด ๆ กับหยางหว่านอวี่อีกการกระทำของเขาแบบนี้ถูกหวังจื่อเฟิงเข้าใจผิดเป็นขี้ขลาด ยื่นมือออกไปห้ามทันที “ทำไม ถูกเปิดโปงต่อหน้าทุกคน นายกลัวแล้วเหรอ?”“ไม่ดูเลยว่าที่นี่คือสถานที่อะไร นายอยากจะมาก็มา อยากไปก็ไปได้ที่ไหนกัน!”เป้าหมายที่แท้จริงของหวังจื่อเฟิง เพื่อให้ตระกูลเกาเชื่อในสถานะนักต้มตุ๋นของลั่วอู๋ฉาง ไม่มีทางให้โอกาสเขาหนีไป"ลั่วอู๋ฉาง คิดไม่ถึงว่านายจะเปลี่ยนไปเป็นคนแบบนี้ ใช้กำลัง หลอกลวงแถมยังพูดโกหก การกระทำพวกนี้นายรับไม่ได้ไม่ใช่เหรอ?"คำพูดของหยางหว่านอวี่ เหมือนกับมีดเล่มเล็กที่แหลมคม ทิ่มแทงหัวใจของลั่วอู๋ฉางอย่างแรง"สุดท้ายแล้ว ตัวเองกลัวกลายเป็นแบบที่ตัวเองเกลียดที่สุด ทำให้คนผิดหวัง ฉันละอายใจที่คลุกคลีกับนาย!"ลั่วอู๋ฉางสงบเงียบตั้งนานแล้ว เมื่อเผชิญหน้าคำตำหนิที่ไม่เป็
ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าตระกูลเกาจะถูกหลอกง่าย ๆ ตรงกันข้ามใครกล้าหลอกลวงตระกูลเกา จุดจบน่าอนาถมาก!แต่เรื่องตรงหน้า จะอธิบายอย่างไร?นี่ไม่สมเหตุผลอย่างเห็นได้ชัดเลยนะ!หวังจื่อเฟิงไม่ยอมอยู่แล้ว เขารีบยกมือขึ้นชี้จมูกตัวเอง "ผม พี่ตาวนี่ผมเอง! ผมคือหวังจื่อเฟิงลูกชายของหวังฉีอิ๋ง ไม่กี่วันก่อนพวกเรายังเจอกันที่สถานบันเทิงอยู่เลย"หวังจื่อเฟิงคิดว่า พ่อของตัวเองโทรเพียงแค่สายเดียว ก็ทำให้หยางหว่านอวี่ได้นั่งข้างที่นั่งหลัก นั่นมีหน้ามีตาอย่างมาก!ในฐานะลูกชายคนเดียวของหวังฉีอิ๋ง แน่นอนว่าเขาสามารถนั่งอีกด้านหนึ่งของ เกาชิงเหยียน นี่เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอพี่ตาวตะโกนอย่างหงุดหงิด "ฉันกำลังพูดถึงแก ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!"เสียงดังสะเทือนแก้วหูของหวังจื่อเฟิง เลขาก็มาพึงพอดี จากนั้นพูดกับหยางหว่านอวี่ "เมื่อครู่ฉันเข้าใจผิด ที่นั่งของคุณไม่ได้อยู่ตรงนี้ เชิญคุณออกไปเดี๋ยวนี้"หยางหว่านอวี่นิ่งอึ้ง "ถ้าอย่างนั้น ฉันนั่งตรงไหน?"เลขาชี้ไปที่ที่นั่งธรรมดาที่อยู่ไกลออกไป "ตรงนั้น คุณเลือกตามสบาย"หยางหว่านอวี่รีบขอความช่วยเหลือจากหวังจื่อเฟิง หวังจื่อเฟิงยังเอาตัวเองไม่รอดเลย เ
ทั่วทั้งงานเงียบสงัด บนใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อต่อให้เกาชิงเหยียนจะหน้าตาสวยงาม แต่ทุกคนที่รู้จักเธอก็รู้ดีว่าผู้หญิงที่ดูมีเสน่ห์คนนี้ ความเป็นจริงโหดเหี้ยมอย่างมาก!อย่าลืมว่าเธอคือลูกสาวของเกาฉี่เฉียง!หลายคนหลงใหลกับรูปร่างหน้าตาของเกาชิงเหยียน คิดว่าเธอถูกรังแกได้ง่าย ผลปรากฏว่าสูญเสียครั้งใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้ เกาฉี่เฉียงไม่ค่อยปรากฏตัว เรื่องทุกอย่างในตระกูลเกา เกาชิงเหยียนใหญ่สุด การกระทำมีท่าทางคล้ายพ่อ ทำให้คนผู้คนมากมายชื่นชมพวกเขาไม่เข้าใจ ผู้หญิงแกร่งที่นิสัยเด็ดขาดแบบนี้ ทำไมถึงได้เคารพผู้ชายตรงหน้าที่ดูธรรมดาอย่างถึงที่สุดคนนี้ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อครู่หวังจื่อเฟิงก็พูดบอกว่า คนคนนี้เพิ่งออกมาจากในคุกตอนที่เกาชิงเหยียนก้มหน้าขอโทษ สายตาเหลือบมองไปทางหยางหว่านอวี่โดยไม่รู้ตัวลั่วอู๋ฉางเข้าใจทันทีว่า เกาชิงเหยียนขอโทษเขาโดยเฉพาะ เรื่องที่จัดให้หยางหว่านอวี่มานั่งที่ด้านข้าง"ไม่เป็นไร เธอทำเพื่อหวังดี ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด" ลั่วอู๋ฉางโบกมือด้วยความใจกว้าง ไม่ได้คิดที่จะไต่ถามเกาชิงเหยียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ลุกขึ้นยืนช้า ๆ รอยยิ้มหว
หวังจื่อเฟิงวางสายอย่างจำใจและกลับไปยังที่นั่ง“เป็นอย่างไรบ้าง ประธานหวังว่าอย่างไรคะ” ผู้หญิงสองคนเต็มไปด้วยความคาดหวังบอกว่าทำไม่สำเร็จ? เขาจะไม่เสียหน้าต่อหน้านางฟ้าหรอกเหรอ หวังจื่อเฟิงพูดโกหก "เรื่องยุ่งยากนิดหน่อย แต่พ่อของผมกำลังพยายามใช้เส้นสายอยู่ พวกคุณไม่ต้องร้อนใจ รอข่าวเถอะ"พิธีกรขึ้นเวที ประกาศเริ่มงานการกุศลอย่างเป็นทางการเกาชิงเหยียนขยับเข้าไปใกล้ลั่วอู๋ฉางโดยไม่รู้ตัว ในสายตาคนภายนอก ท่าทางที่สนิทสนมมากแบบนี้ ตอนที่เด็กสาวชอบใครสักคน ถึงจะทำแบบนี้"คุณลั่ว ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณหย่าร้างแล้ว ไม่อย่างนั้นไม่มีทางเปลี่ยนการจัดการกะทันหัน ให้คุณหยางมาตรงนี้"ริมฝีปากแดงที่งามเพลิศพริ้งของเกาชิงเหยียน อยู่ห่างจากหูของลั่วอู๋ฉางเพียงแค่ไม่กี่เซนติเมตร ยิ่งเหมือนกับคู่รักกำลังกระซิบกระซาบกันลั่วอู๋ฉางนั่งตัวตรงแล้วพูดว่า "มันเป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว คุณเกาไม่จำเป็นต้องตำหนิตัวเอง"หยางหว่านอวี่บังเอิญเห็นฉากนี้ ใบหน้าของเธอก็ซับซ้อนมากเธอคิดว่าเธอปล่อยวางได้แล้ว แต่เมื่อเห็นสามีเก่าของเธอสนิทสนมกับผู้หญิงคนอื่น เธอก็เกิดความหึงหวงอย่างควบคุมไม่ได้หยางหว่านอวี่ไ
ในโซนทั่วไป หยางหว่านอวี่สีหน้าวิตกกังวลเธอไม่เข้าใจว่าขั้นตอนไหนเกิดความผิดพลาด ทำให้ความพยายามล้มเหลวลงในตอนนี้เอง โทรศัพท์ของจ้าวเหม่ยอวิ๋นดังขึ้น"เพื่อนของฉันคนเมื่อครู่ จะถามเธอพอดีว่าเหตุผลเพราะอะไร" จ้าวเหม่ยอวิ๋นชี้ไปที่โทรศัพท์แล้วพูดขึ้นหยางหว่านอวี่พยักหน้า สีหน้าของเธอเริ่มกังวล"ฮัลโหล...เธอว่าอะไร แผนกกฎหมายกำลังร่างสัญญา พวกเราหยางซื่อกรุ๊ปกลายเป็นคู่ค้าดีเด่น?"หยางหว่านอวี่ได้ยินแบบนี้ ใบหน้าของเธอก็แสดงความดีใจออกมาทันที"เดี๋ยวนะ เมื่อครู่เธอยังพูดว่าพวกเราถูกตัดสิทธิ์แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้เปลี่ยนไปเร็วขนาดนี้ ฉันใจไม่ค่อยดี เธออย่าล้อเล่นแบบนี้!"หวังจื่อเฟิงกลับมีท่าทางที่ไม่ได้คิดแบบนั้น พ่อบอกเองว่าไม่มีโอกาส งั้นต้องเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว ไม่มีทางเกิดการเปลี่ยนแปลงคุณไม่จำเป็นต้องเดาก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังล้อเล่นกับจ้าวเหม่ยอวิ๋นตระกูลเกายึดมั่นในคำพูดของพวกเขามาโดยตลอด ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงสิ่งที่พวกเขาตัดสินใจไปแล้วไม่รอจ้าวเหม่ยอวิ๋นวางสายอย่างสมบูรณ์ เธอก็อดใจรอไม่ไหวที่จะถามขึ้น "เป็นอย่างไรบ้าง?"“สำเสร็จแล้ว! เพื่อนของฉันบอกว่าแผนกกฎหมา
จ้าวเหม่ยอวิ๋นตามมาข้างหลังติด ๆ จากนั้นพูดเย้ยหยันเขาขึ้นมา "นายก็แกหาผู้หญิงบ้าบิ่นเกาะผู้หญิงกิน อีกอย่างพึ่งพาการต้มตุ๋นหลอกลวง มีอะไรให้น่าภาคภูมิใจ?""คนแบบคุณชายหวังถึงจะเรียกว่าบุคคลอัจฉริยะ แค่โทรสายเดียว ก็สามารถช่วยประธานหยางของพวกเราจัดการปัญหาใหญ่ได้แล้ว!"ลั่วอู๋ฉางขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า "พูดจบแล้วยัง? พูดจบแล้วก็หลีกทาง ขวางทางเป็นการกระทำที่ไม่มีมารยาทสักเท่าไหร่"ขี้เกียจพูดเรื่องไร้สาระกับคนเหล่านี้ ยิ่งไม่อยากเห็นหน้าไร้ยางอายของพวกเขา!จ้าวเหม่ยอวิ๋นโมโหทันที "ต่อว่านายสองสามประโยคไม่พอใจเหรอ? นายก็แค่นักโทษคนหนึ่ง อยู่ต่อหน้าพวกเราแสร้งทำเป็นหยิ่งในศักดิ์ศรีอะไร? นายคู่ควรด้วยเหรอ?"“ถ้าอย่างนั้นฉันอยากจะถาม หวังจื่อเฟิงมีความพิเศษอะไรกันแน่?” ลั่วอู๋ฉางสีหน้าเย็นชาจ้าวเหม่ยอวิ๋นพูดอย่างหยิ่งผยอง "เงี่ยหูแล้วฟังให้ เมื่อครู่คุณชายหวังโทรออกแค่สายเดียวก็พลิกสถานการณ์ ทำให้พวกเราได้เป็นคู่ค้าดีเด่นของตระกูลเกา ถ้าเป็นนาย แม้แต่ฝันก็ยังทำไม่ได้!"ลั่วอู๋ฉางขมวดคิ้วอีกครั้ง "เธอแน่ใจเหรอว่านี่เป็นความดีความชอบของหวังจื่อเฟิง? อย่าบูชาผิดวัด ขอบคุณผิดพระเจ้า
"ยังมีใครอีก?" น้ำเสียงของลั่วอู๋ฉางสงบนิ่งยิ่งนัก แต่กลับสร้างความหวาดกลัวที่ไม่อาจอธิบายได้กวานเหวินเหยารีบก้มหน้าลงทันที เกรงว่าจะสบตากับลั่วอู๋ฉางเข้า"คุณหนูหนานกง ไปกันเถอะ" ลั่วอู๋ฉางกล่าวหนานกงจือรั่วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับรอยยิ้มกว้างดั่งดอกไม้บาน "ได้ค่ะ!"เมื่อเห็นพวกเขาเดินจากไป หลินเชี่ยนกัดริมฝีปากแน่น ดวงตาเปล่งประกายความเคียดแค้นเมื่อทั้งห้าคนเดินห่างออกจากพื้นที่ใจกลางภูเขาชางหลง สัญญาณโทรศัพท์ก็ค่อยๆ ดีขึ้นเย่ปิงเหยาวุ่นอยู่กับการติดต่อคนรู้จักทันที เพื่อสอบถามวิธีการถ่ายทอดพลังเข้าสู่แท่งคริสตัล"ได้เรื่องแล้ว!"ผ่านไปครู่หนึ่ง เย่ปิงเหยาก็ยิ้มออกมา "มีคนบอกฉันว่า มีชายคนหนึ่งชื่อหมอพิษกระหายเลือด เขารู้วิธีนี้""แต่เขาเป็นพวกอารมณ์สองขั้ว แถมมีศัตรูนับไม่ถ้วน ช่วงหลายปีมานี้เขาหายตัวไปจากยุทธภพ แทบไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน""ฉันได้ขอให้เพื่อนช่วยตามหาแล้ว คิดว่าอีกไม่นานคงจะมีข่าว"คิ้วคมของลั่วอู๋ฉางขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เขาพึมพำกับตัวเอง "หมอพิษกระหายเลือด...ทำไมชื่อฟังดูคุ้นๆ นะ""เธอก็เป็นคนในวงการแพทย์ จะเคยได้ยินชื่อนี้ก็ไม่แปลกหรอก"
เมื่อเห็นลั่วอู๋ฉางที่หันหลังเดินจากไป พร้อมกับนึกถึงอาการป่วยของปู่ที่ทรุดหนัก หลินเชี่ยนก็กัดฟันกรอดด้วยความแค้น"เรื่องนี้รีบร้อนไม่ได้!"เฉินเหล่าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "อย่างน้อยตอนนี้เราก็รู้แล้วว่าหญ้าน้ำแข็งใบเก้าประกายอยู่ที่ไหน รอเราออกไปจากที่นี่ก่อน แล้วค่อยหาวิธีอีกทีเถอะ""จะมีวิธีอะไรได้ คนบ้านั้นมันไม่ฟังใครเลย!" หลินเชี่ยนนึกถึงท่าทางหยิ่งยโสของลั่วอู๋ฉางแล้วก็ยิ่งโกรธเฉินเหล่าฝืนยิ้มและพูด "ถ้าไม่มีทางเลือกจริงๆ คุณหนูใหญ่ก็คงต้องลดท่าทีลงไปขอโทษเขา เขาบอกให้ไปหาเขา แสดงว่ายังมีโอกาสอยู่...""ให้ฉันไปขอโทษเขาเนี่ยนะ? ทำไมต้องทำด้วย!" หลินเชี่ยนตาโต"คิดถึงสุขภาพของท่านหัวหน้าตระกูลไว้สิครับ เมื่อเทียบกับคำขอโทษประโยคเดียว มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย!" เฉินเหล่ายังคงพยายามเกลี้ยกล่อมหลินเชี่ยนไม่โง่ เธอรู้ว่าในถิ่นทุรกันดารนี้ เธอไม่มีทางสู้ลั่วอู๋ฉางได้รอออกไปข้างนอกก่อน ใช้อิทธิพลของตระกูลหลินกดดันเขา ถึงตอนนั้นค่อยไปเจรจาใหม่ก็ยังไม่สายเมื่อเห็นลั่วอู๋ฉางกับพวกกำลังจะเดินไปไกลแล้ว ในที่สุดซืออวิ๋นหานก็ทนไม่ไหวและตะโกนขึ้น "ลั่วอู๋ฉาง หยุดเดี๋ยวนี้นะ!""นายฆ
มันต้องเป็นข้ออ้างที่ไอ้เด็กนี่กุขึ้นมาแน่ๆ!"ลั่วอู๋ฉาง นายว่าหัวหน้าผู้พิทักษ์ของตระกูลฉันลอบโจมตีนาย มีหลักฐานหรือเปล่า?" ซืออวิ๋นหานกัดฟันแน่น พยายามควบคุมความโกรธที่กำลังจะปะทุลั่วอู๋ฉางกล่าวอย่างไม่แยแสว่า "แค่ฆ่าคนสักคนสองคนเท่านั้น ต้องการหลักฐานอะไรกัน?""นาย..." ซืออวิ๋นหานโกรธจนหน้าอกสะท้าน มือข้างหนึ่งกำด้ามดาบแน่นซูเฉี่ยนเฉี่ยนพูดเสียงดังว่า "ศิษย์พี่ฉันเป็นคนมีคุณธรรม ใจกว้าง และไม่เคยหาเรื่องใครก่อน""แต่หากใครมาหาเรื่อง ศิษย์พี่ฉันก็จะไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ!""คนที่ชื่อซือเทียนฉีนั่น คิดจะฆ่าพวกเราเพื่อแย่งชิงสมบัติ สมควรตายแล้ว!"ซืออวิ๋นหานเกือบจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ แต่เมื่อคิดถึงภาพที่ลั่วอู๋ฉางสังหารพญานาคในพริบตา ก็เหมือนถูกสาดน้ำเย็นจนทั่วหัว ทำให้เขายอมถอยอย่างรวดเร็วเขาไม่กล้าจริงๆ!ลั่วอู๋ฉางเห็นเช่นนั้น จึงกล่าวว่า "ไปกันเถอะ""เดี๋ยวก่อน!"คราวนี้คนที่พูดคือหลินเชี่ยน ท่าทีราวกับออกคำสั่งเห็นได้ชัดว่าเธอไม่สนใจคำเตือนของเฉินเหล่า"ไอ้แซ่ลั่ว ฉันถามนาย หญ้าน้ำแข็งใบเก้าประกายอยู่ในมือนายหรือเปล่า?"หลินเชี่ยนจ้องเขาเขม็งและกล่าวว่า "ตั้งแต่พญาน
"คุณหนูหลิน ไม่ใช่ว่าพวกเราไร้ความสามารถ แต่ข้างล่างว่างเปล่า ไม่มีวี่แววของหญ้าวิเศษเลย"ยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ใหญ่จากตระกูลกวาน พูดไปตัวสั่นไปว่า "พวกเราค้นจนทั่วแล้ว แต่สุดท้ายก็หาอะไรไม่เจอเลย"ปรมาจารย์ใหญ่จากตระกูลซือที่อยู่ข้างๆ กำลังห่อตัวด้วยผ้าห่มอย่างเต็มที่ พลางเสริมว่า "ไม่มีจริง ๆ ครับ!"ในที่ไกลๆ ชายสูงวัยที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าแห้งเสร็จ แต่ผมยังเปียกอยู่ กล่าวว่า "เห็นไหมว่าพวกเราไม่ได้โกหก พูดจริงทั้งนั้น!"เพื่อหลีกเลี่ยงการฮุบไว้คนเดียว ทุกครั้งจะเลือกคนจากทั้งสองตระกูลลงไปด้วยกันเพื่อคอยตรวจสอบและถ่วงดุลซึ่งกันและกันนี่เป็นกลุ่มที่สองแล้ว แต่ก็ยังกลับมามือเปล่าหลินเชี่ยนจ้องตาเขม็งพูดว่า "มันต้องมีสิ พวกนายไม่มีความสามารถเองถึงได้หาไม่เจอ!""ไอ้คนแซ่กวาน แล้วก็ซืออวิ๋นหาน พวกนายเพิ่งสัญญาต่อหน้าฉันเองว่าต้องเก็บหญ้าวิเศษมาได้แน่ๆ!""เสียเวลาตั้งนาน ได้แค่นี้เนี่ยนะ?"ทั้งสองคนสีหน้าไม่ค่อยดีนัก"คุณหนูหลิน ใจเย็นๆ นะครับ เดี๋ยวพวกเราจะส่งคนลงไปอีก" กวานเหวินเหยาพูดอย่างหน้าด้านๆซืออวิ๋นหานรีบพยักหน้า "ใช่ครับๆ ความล้มเหลวคือแม่ของความสำเร็จ ยิ่งยากก็
ลั่วอู๋ฉางถามต่อว่า "ดังนั้น พวกเขาเลยฆ่ากันเองใช่ไหมครับ?""ใช่แล้ว!"เย่ปิงเหยาพยักหน้า "ในช่วงค่ำคืนเดียว พวกเขาที่ต่างก็มีแผนร้ายในใจ สุดท้ายก็ปะทุออกมาเมื่อเช้าวานนี้""ทุกคนต่างพยายามยึดถ้ำแห่งนี้เป็นของตัวเอง ใช้วิธีสกปรกเช่นวางยาและโจมตีแบบลอบกัดอย่างต่อเนื่อง""ฉันรู้ตั้งแต่แรกว่าพวกเขาคิดไม่ซื่อ จึงระวังตัวไว้บ้าง แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังกลายเป็นเป้าหมายหลัก ไม่เพียงถูกทำร้ายยังถูกวางยาพิษด้วย"พูดถึงตรงนี้ เย่ปิงเหยาก็แสดงสีหน้ายินดีแล้วพูดว่า "ยังดีที่ฉันรู้วิชาแพทย์ จึงสามารถควบคุมพิษไว้ได้""และด้วยวิชาแกล้งตายที่ตาแก่นั่นสอนฉัน ทำให้ฉันหลอกพวกเขาได้อย่างสนิทใจ ไม่เช่นนั้นฉันคงตายสภาพอนาถกว่าพวกเขาแน่"เพียงแค่เย่ปิงเหยาคิดถึงใบหน้าชั่วร้ายของพวกเขา เธอก็อดโมโหไม่ได้แม้พวกเขาจะตายหมดแล้ว ก็ยังไม่สามารถหยุดความเกลียดชังของเย่ปิงเหยาได้!ในความเป็นจริง หากลั่วอู๋ฉางและพวกไม่ได้มาทันเวลา เย่ปิงเหยาคงไม่มีโอกาสฟื้นขึ้นมาเองได้อย่างช้าสุด เธอคงต้องจบชีวิตลงในเย็นวันนี้"อาจารย์หญิง ท่านมั่นใจหรือว่านี่คือแก่นของคริสตัลสวรรค์?"ลั่วอู๋ฉางยื่นมือไปหักคริสตัลชิ้นหนึ
เย่ปิงเหยานอนหลับอยู่บนพื้น ใบหน้าซีดเซียวและนิ่งสนิทไม่ขยับข้างๆ ยังมีศพอีกเจ็ดหรือแปดร่างที่เสียชีวิตแล้ว บนพื้นเต็มไปด้วยคราบเลือดที่เกรอะกรังซูเฉี่ยนเฉี่ยนรีบวิ่งตรงไป ซูเทียนคั่วตามหลังไปพร้อมกับตะโกนว่า "เฉี่ยนเฉี่ยนระวังนะ ที่นี่อันตราย!"ลั่วอู๋ฉางขมวดคิ้วเล็กน้อย ชัดเจนว่าเขาไม่ได้คิดแบบนั้นพญานาคเคยบอกไว้ว่าภายในถ้ำคริสตัลขาวไม่มีสัตว์ร้ายเฝ้าอยู่ที่นี่อยู่ใกล้กับถิ่นอาศัยของพญานาค มันไม่อนุญาตให้สัตว์ร้ายอื่นๆ เข้ามาใกล้"ที่นอนของตน ย่อมไม่ยอมให้ใครมานอนกรนข้างๆ ได้"จากสภาพเลือดที่แห้งกรัง สามารถประเมินได้ว่าพวกเขาเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 24 ชั่วโมงนั่นคือช่วงเวลาที่เย่ปิงเหยาส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ"อาจารย์ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?"ซูเฉี่ยนเฉี่ยนประคองเย่ปิงเหยาขึ้นมาแล้วตะโกนเรียก"ร่างกายยังอุ่นอยู่ ลมหายใจแผ่วเบา แต่ยังไม่ตาย!" ซูเทียนคั่วยื่นสองนิ้วตรวจไปอังลมหายใจของเย่ปิงเหยาลั่วอู๋ฉางเดินเข้ามา ซูเฉี่ยนเฉี่ยนรีบพูดว่า "ศิษย์พี่ อาจารย์เป็นอะไรไปคะ?""ลมหายใจรวยริน ถูกพิษร้ายแรง แถมยังบาดเจ็บภายในรุนแรง"ลั่วอู๋ฉางพูดว่า "โชคดีที่พบตัวทันเวลา เดี๋ยวพี
ซืออวิ๋นหานพูดอย่างหน้าด้านๆ ว่า "เมื่อกี้มันอันตรายมากเลยนะ ฉันเกือบคิดไปแล้วว่า เราคงต้องตายจากกันแล้ว ปวดใจมากเลย!”“โชคดีที่ฟ้าดินเมตตา เราทั้งคู่ปลอดภัยดี นี่แสดงว่าเราสองคนมีวาสนาต่อกันไม่ใช่น้อยเลยนะ!”หนานกงจือรั่วมองตามลั่วอู๋ฉางที่เดินจากไป แล้วหันมาจ้องเขม็งใส่ซืออวิ๋นหานด้วยความโกรธกวานเหวินเหยาที่อยู่ข้างๆ มองไปรอบๆ อย่างสนใจ"ศพของเจ้าพญานาคตัวนี้น่าจะมีประโยชน์อะไรบ้างนะ?"ชายคนนั้นเดินเข้าไปด้วยความโลภ เอื้อมมือไปสัมผัสเกล็ดที่แข็งอย่างมากแล้วพูดว่า "ถ้าเอาไปทำโล่ มันน่าจะกันการโจมตีของนักบู๊ระดับปรมาจารย์ได้สบายๆ เลย!""ส่วนหนังพญานาคนี่ ถ้าเอาไปทำชุดเกราะ การป้องกันจะต้องดีกว่าเกราะระดับสามแน่ๆ"ซืออวิ๋นหานรีบวิ่งเข้ามาพูดเสียงดังว่า "ไอ้คนแซ่กวาน ฉันขอเตือน นายอย่าคิดจะเก็บไว้คนเดียวนะ!""ศพของพญานาคตัวนี้ก็เหมือนสมบัติในภูเขา ไม่มีเจ้าของ ใครเจอก็มีสิทธิ์ครอบครองทั้งนั้น!”กวานเหวินเหยาถลึงตาใส่ก่อนตอบอย่างหงุดหงิดว่า "ฉันก็อยากจะเก็บไว้เองอยู่หรอก แต่มันใหญ่ขนาดนี้ ฉันจะเอาไปยังไงได้?""ก็เอาไปให้ได้เยอะที่สุดสิ ไม่ทำให้นายเหนื่อยตายหรอก!"ทั้งสองคนยังค
ท่าทีที่หนักแน่นของหลินเชี่ยน และน้ำเสียงที่เด็ดขาดอย่างชัดเจน เปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ยื่นให้เย่ชิงซานเกาะเพื่อความอยู่รอด"ขอบคุณคุณหนูหลิน!" เย่ชิงซานรู้สึกซาบซึ้งจนแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เขาเคยคิดว่าตัวเองต้องตายแน่นอน แต่ตอนนี้เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากคุณหนูใหญ่ตระกูลหลิน เปลวไฟแห่งความหวังก็พลันลุกโชนขึ้น"เธอ ปกป้องเขาไม่ได้หรอก!"ลั่วอู๋ฉางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา "นี่เป็นความแค้นส่วนตัวระหว่างฉันกับเย่ชิงซาน ไม่เกี่ยวกับเธอ""ขอบอกเลย วันนี้ เขาไม่มีโอกาสได้เดินออกไปจากที่นี่อย่างมีชีวิตแน่!"หลินเชี่ยนโกรธจัด ตะโกนด้วยความโมโห "ไอ้คนแซ่ลั่ว นายอย่าคิดว่าการฆ่าพญานาคได้ จะทำให้นายไม่เห็นหัวใครนะ!""ต่อหน้าตระกูลหลินที่ยิ่งใหญ่ของเรา นายยังช่างชั้นนัก!""อีกอย่าง เรื่องที่นายทำให้เสี่ยวเฉียงตายยังไม่จบ แล้วตอนนี้นายยังกล้ามาขัดใจคุณหนูใหญ่อย่างฉันอีก ฉันว่านายคงไม่อยากมีชีวิตแล้วสินะ!"หลินเชี่ยนที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจตั้งแต่เด็ก ไม่ได้มองลั่วอู๋ฉางอยู่ในสายตาเลยนายเก่งกว่าพญานาค แล้วมันจะทำไม?พญานาคมันก็เป็นแค่สัตว์ตัวหนึ่ง มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่า "เชื้อพระวงศ์
หลินเชี่ยนเบิกตากว้าง "เฉินเหล่า คุณเห็นไหม คนพรรค์นี้ไม่คิดจะรับน้ำใจของคุณเลย แล้วคุณยังจะไปพูดดีกับเขาอีกทำไม?""คนที่เห็นแก่ตัวขนาดนี้ ไม่ยอมมองข้อผิดพลาดของตัวเอง คุณยังจะปกป้องเขาอีกเหรอ?"เฉินเหล่าปรี่เข้ามาปิดปากหลินเชี่ยน "คุณหนูใหญ่ พูดให้น้อยลงหน่อยเถอะครับ!"หากไม่เห็นแก่ความมีเหตุผลของตาแก่คนนี้ ต่อให้ลั่วอู๋ฉางไม่ฆ่าหลินเชี่ยน เขาก็คงตบหน้าหญิงสาวคนนี้ไปแล้วคนอื่นอาจเกรงกลัวตำแหน่งคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหลินของเธอ แต่เขาไม่ใช่หนึ่งในนั้นแน่!ลั่วอู๋ฉางเลิกสนใจหญิงสาวนิสัยเสียคนนี้ เขากระโดดขึ้นไปยืนบนหัวพญานาค เหยียบตรงเปลือกตาด้านล่างของมันไม่นานนัก ในมือของลั่วอู๋ฉางก็มีลูกแก้วที่เปล่งแสงสีทองระเรื่อ เพิ่มขึ้นมามีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณห้าเซนติเมตร เมื่อถือในมือให้ความรู้สึกอบอุ่นนี่ก็คือแก่นปีศาจของพญานาคที่บำเพ็ญตบะมานานถึง 1,500 ปีเมื่อเทียบกับลูกแก้วของเผ่าจิ้งจอกครั้งก่อน ยังห่างไกลกันมากแต่อย่างไรก็ตาม หากใช้เป็นของขวัญให้หูเยว่ซี ก็นับว่าใช้ได้หลินเชี่ยนโวยวายใส่เฉินเหล่าอยู่พักหนึ่ง ก่อนพูดด้วยใบหน้าไม่พอใจว่า "เรือดำน้ำไม่มีแล้ว จะเอาหญ้าน้ำแข็งใ