แชร์

บทที่ 3

ผู้เขียน: ลั่วเหล่ย
หยางหว่านอวี่กลับจะคบกับมัน นี่มันเป็นการเหยียดหยามกันอย่างมาก

ในตอนนี้รถเบนซ์คันหนึ่งขับมา ร่างงามลงมาจากรถ ใบหน้าประณีตสวยงามสุด ๆ ชุดทำงานแบรนด์เนมเข้ารูปจนเห็นรูปร่างที่งดงาม ขาเรียวยาวตรงดิ่งทั้งสองข้างที่ดึงดูดสายตาเป็นพิเศษ

ออร่าที่เหนือกว่าคนทั่วไปของเธอ เหมือนกับราชินี ทำให้ผู้คนตกตะลึง

ช่วงเวลาสี่ปี ไม่เพียงไม่ได้ทิ้งร่องรอยของการเวลาใด ๆ ไว้บนใบหน้าของเธอ ในทางกลับกันยังเพิ่มความเป็นผู้ใหญ่ของผู้หญิงที่แข็งแกร่งอีกด้วย

“เสี่ยวอวี่……”

ลั่วอู๋ฉางสีหน้าเผยความดีใจอย่างอดไม่ได้ สาวเท้าเดินเข้าไปหา

หยางหว่านอวี่ถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยสัญชาตญาณ และหลบสายตา “ขออภัย ธุรกิจรัดตัวมาช้าไปหน่อย เลขาจ้าว จัดการเรื่องเสร็จเรียบร้อยแล้วเหรอ?”

ท่าทางเย็นชา กีดกันผู้คนออกไปไกลเป็นหลายพันไมล์

จ้าวเหม่ยอวิ๋นสีหน้าประหม่า รีบกางร่มเดินเข้าไป “ฉันกำลังดำเนินการอยู่……อ่อใช่ ประธานหยาง คุณมีนัดกับคุณชายหวังไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมีเวลามาที่นี่?”

“ไม่กระทบหรอก จัดการเรื่องทางนี้เสร็จก็จะไปตามนัด”

สายตาของหยางหว่านอวี่ถึงได้มองไป เห็นลั่วอู๋ฉางที่เสื้อผ้าเปียกชุ่ม เธอเผยสีหน้าซับซ้อนขึ้นมาก่อน แต่ไม่นานนักก็กลับมาเย็นชา “ลั่วอู๋ฉาง เป็นอย่างไรบ้าง!”

“นายรู้ ว่าฉันเป็นคนนิสัยตรงไปตรงมา งั้นก็ไม่อ้อมค้อมนะ การเสียสละที่นายทำเพื่อฉันและตระกูลหยาง ครอบครัวของเราจะจดจำไว้ในใจ ความสัมพันธ์ของพวกเราในช่วงเวลานั้น ฉันจะถือเป็นความทรงจำที่สวยงาม”

“แต่ว่า พวกเราไม่เหมาะสมที่จะอยู่ด้วยกันอีกต่อไปแล้ว”

เหมือนกับว่าคนที่เธอยืนอยู่ตรงหน้า ไม่ใช่สามีของเธอ เหมือนเป็นคู่เจรจาธุรกิจ ไม่นึกถึงจิตใจกันเลยสักนิด

“ดังนั้น หย่ากันเถอะ!”

ไม่ใช่การเจรจา ไม่ใช่การประกาศ แต่เป็นการพูดออกคำสั่ง

“ตอนที่เป็นแฟนกัน เธอไม่คิดว่าไม่เหมาะสม ตอนแต่งงาน เธอก็ไม่ได้คิดว่าไม่เหมาะสม ครอบครัวของเธอคุกเข่าอยู่ตรงหน้าฉัน ตอนที่ขอร้องให้ฉันรับโทษแทนน้องชายเธอ เธอก็ไม่ได้รู้สึกว่าไม่เหมาะสม”

ลั่วอู๋ฉางกำหมัดแน่น เล็บทิ่มแทงเข้าฝ่ามือแต่กลับไม่มีความรู้สึก “ตอนนี้ เธอบอกกับฉันว่าไม่เหมาะสม?”

ในใจของหยางหว่านอวี่เหมือนเกิดความสับสนเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็ถูกเหตุผลเอาชนะ “เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ตอนนี้นายพูดเรื่องพวกนี้ ไม่มีความหมายใด ๆ แล้ว”

ลั่วอู๋ฉางจ้องมองดวงตาเย็นชาของอีกฝ่าย “เงินทอง อำนาจ ฐานะ สำคัญขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ? ทำให้เธอบุกเข้าไปอย่างไม่กลัวตาย ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง?”

“สำหรับฉันแล้ว สำคัญมากจริง ๆ! นายในตอนนี้ ไม่มีทางเข้าใจว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ สิ่งที่ฉันอยากได้ นายให้ไม่ได้ด้วยซ้ำ สิ่งที่นายเห็นว่าสำคัญ ฉันกลับไม่ชอบด้วยซ้ำ”

ใบหน้าของหยางหว่านอวี่ปิดบังความผิดหวังไว้ไม่มิด นี่ก็คือความแตกต่างของระดับ กำหนดไว้ว่าทั้งสองคนไม่สามารถเดินต่อไปได้ เธอจึงยืนหยัดความคิดที่จะหย่าร้าง

ลั่วอู๋ฉางหัวเราะเยาะตัวเอง “ดังนั้น เธอจึงเลือกหวังจื่อเฟิง”

หยางหว่านอวี่เดิมทีอยากพูดว่าไม่ใช่ แต่คำพูดมาถึงข้างปากก็เปลี่ยนไป “ฉันไม่ปฏิเสธ นายจะเข้าใจแบบนี้ก็ได้”

“ปล่อยมือเถอะ! ฉันรู้ว่านายเพิ่งออกมายากที่จะรับได้ นอกจากบ้าน รถกับเงิน นายยังอยากได้อะไร เสนอมาได้หมด ฉันจะพยายามตอบสนองความต้องการ”

ลั่วอู๋ฉางรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก ปลายฤดูใบไม้ร่วงที่หนาวเย็น ความเย็นเยือกที่ทิ่มแทงเข้ากระดูก กลับสู้ความเหน็บหนาวในใจไม่ได้แม้แต่น้อย

เขาหยิบปากกาขึ้น เซ็นชื่อของตัวเองลงบนสัญญาหย่าร้าง พูดอย่างมีพลังอำนาจ “สิ่งที่เธอต้องการ เอาไปเถอะ”

“ฉันไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป เธอกับฉันต่างคนต่างแยกทาง ไม่เกี่ยวข้องกันอีก”
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
ปวีณา ทาสี
เนื้อหาน่าติดตาม
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ผมคือหมอเทวดา   บทที่ 4

    หย่าร้างสำเร็จ!แต่หยางหว่านอวี่สังเกตเห็น ตัวเองไม่ได้ดีใจขนาดนั้นเหมือนอย่างที่คิดไว้แต่เธอยังต้องรักษาท่าทางแข็งกร้าวเอาไว้ พูดว่า "มีแต่คนอ่อนแอถึงจะเห็นศักดิ์ศรี และเกียรติที่ไม่มีค่าสำคัญขนาดนั้น ตอนนี้นายปฏิเสธ จะต้องเสียใจภายหลังแน่นอน"“ของพวกนี้ฉันเก็บเอาไว้ให้นาย คิดได้เมื่อไหร่ ก็มาหาเลขาจ้าวได้ทุกเมื่อ”ลั่วอู๋ฉางผิดหวังอย่างถึงที่สุด หันหลังเดินจากไปมองดูแผ่นหลังที่ค่อย ๆ ไกลออกไป หัวใจที่เย็นชาของหยางหว่านอวี่เหมือนกับถูกทิ่มแทง พูดด้วยความสับสน “เหม่ยอวิ๋น ฉันทำแบบนี้……ถูกหรือผิดนะ?”“ถูกอยู่แล้ว เพียงแค่เตะสิ่งกีดขวางออกไป คุณถึงจะแสดงความมุ่งมาดปรารถนาออกมาได้ตามอำเภอใจ กลายเป็นผู้หญิงแกร่งที่อยู่จุดสูงสุด ส่วนลั่วอู๋ฉางก็แค่คนต่ำต้อย ไม่มีสิทธิ์แม้แต่เงยหน้ามองคุณด้วยซ้ำ เก็บเอาไว้มีแต่จะเป็นตัวถ่วงคุณ” จ้าวเหม่ยอวิ๋นพูดอย่างมั่นใจหยางหว่านอวี่ไม่พูดจา แต่กลับมีความรู้สึกเหมือนสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดไป เธอเหม่อลอยอยู่ที่เดิมจ้าวเหม่ยอวิ๋นเห็นแบบนี้ รีบเปลี่ยนเรื่องพูด “ฉันสืบถามถึงคุณเกาของเกาซื่อกรุ๊ปได้ เธออยู่ที่กลางเมือง คุณติดที่ไม่ได้เจอตัวจริงของเธอ

  • ผมคือหมอเทวดา   บทที่ 5

    เกาชิงเหยียนแทบจะร้องไห้ เธอพูดทั้งน้ำตา “ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่ได้รับการช่วยเหลือจากท่าน คุณพ่อทำตามคำแนะนำของท่านและเปลี่ยนแนวทางของเขา ละทิ้งพฤติกรรมชั่วเหล่านั้น เปลี่ยนไปทำธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย”"ทุกปีเขาจะนำเงินห้าพันล้านบาทออกมาทำการกุศล สร้างสถานเด็กกำพร้าและโรงเรียนประถม ช่วยเหลือกลุ่มคนที่รายรับน้อยกับผู้ที่ไม่มีกำลังทรัพย์รักษาโรค"“พ่อของฉันเปลี่ยนแปลงไปแล้วจริง ๆ ค่ะ หมอเทวดาลั่วต้องช่วยเขานะคะ เพียงแค่คุณยอมรักษา ตระกูลเกายินยอมมอบโสมพันปีให้!”หลายวันมานี้ เกาชิงเหยียนไม่ลังเลที่จะใช้จ่ายเงินหลายแสนบาท เชิญหมอที่มีชื่อเสียงรักษาอาการให้พ่อ แต่สุดท้ายต่างก็ล้มเลิกกลางคันมีวันหนึ่งที่เธอนึกขึ้นได้กะทันหัน อาการของพ่อเมื่อสามปีก่อนแย่ยิ่งกว่านี้ แต่ประหลาดตรงที่เขาออกไปรอบหนึ่งก็หายแล้ว เกาฉี่เฉียงบอกว่าตัวเองโชคดี หายป่วยเอง ทำอย่างขอไปทีเกาชิงเหยียนไม่เชื่ออยู่แล้ว เพราะว่าหลังจากที่พ่อกลับมา นิสัยก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เหมือนกับเปลี่ยนไปคนละคนจนกระทั่งเกาชิงเหยียนเปิดตู้เซฟออก ได้รู้เรื่องนี้จากบันทึกของพ่อ ถึงได้เข้าใจทันทีผู้มีฝีมือมีกฎเกณฑ์เยอะ เป็นเรื่องป

  • ผมคือหมอเทวดา   บทที่ 6

    “อะไรนะ? ห้องสวีทคืนละห้าหมื่นกว่าบาท ไอ้ระยำนี่มันกล้าได้อย่างไร ใช้เงินคนอื่นไม่เสียดายใช่ไหม ดูท่า มันหลอกเอาเงินจากพี่สาวของแกไปไม่น้อย” สวีชุ่ยหลานรู้สึกเสียดายเงิน โมโหจนระงับอารมณ์ไม่อยู่หยางจวิ้นหาวพูดอย่างเดือดดาล “ใครว่าไม่ใช่ล่ะ ผมยังไม่เคยพักที่ห้องสวีทเลย!”สองแม่ลูกลุกขึ้นยืนพร้อมกัน เดินทางไปที่โรงแรมด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียดในห้อง ลั่วอู๋ฉางเปิดกระเป๋าผ้าออก เพียงแค่บัตรเครดิตแบล็กการ์ดก็มีสิบกว่าใบขุนนางชั้นสูงผู้สูงศักดิ์มาให้เขารักษาโรค จะต้องเอาทรัพย์สินครึ่งหนึ่งออกมาเป็นค่ารักษา ลั่วอู๋ฉางเก็บไว้เพียงส่วนเดียว เก้าส่วนที่เหลือเอาออกมาทำการกุศลต่อให้เป็นแบบนี้ เขาก็ยังสั่งสมความมั่งคั่งไว้มากมายความจริงแล้ว เพียงแค่หยางหว่านอวี่พูดมาประโยคเดียว ลั่วอู๋ฉางก็ให้ชีวิตที่เหมือนกับราชินีได้ทั้ง ๆ ที่มีทางลัด เธอกลับเลือกที่จะเดินทางอ้อมจากนั้นก็มีกระเป๋าเข็มหนังกวางชุดหนึ่ง นี่เป็นของเพียงชิ้นเดียวที่อาจารย์ของเขาส่งต่อให้เขา สำหรับลั่วอู๋ฉางแล้วมันสำคัญอย่างมาก ตั้งแต่เขาสืบทอดมรดก ตาแก่ก็ซ่อนตัวขึ้นมา ไม่เผยโฉมหน้าอีกเลย“ปังปังปัง!”เสียงทุบประตูที่ร้

  • ผมคือหมอเทวดา   บทที่ 7

    ลั่วอู๋ฉางเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีต อดกลั้นไม่ลงมือ ข่มความโมโหไว้แล้วพูดขึ้น “แม่ ต้องทำถึงขั้นนี้เลยเหรอ?”“ขากถุย! ใครแม่แก ไม่ดูตัวเองว่าฐานะอะไร แกคู่ควรเหรอ?”หยางจวิ้นหาวหยิบบัตรเครดิตแบล็กการ์ดขึ้นมา พูดอย่างดูถูก “ของบ้าบออะไร ไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ ต้องเป็นของปลอมแน่ นี่......ยังมีขยะอะไรอีก?”เขาหยิบกระเป๋าเข็มหนังกวางขึ้นมาดู คิดว่าเป็นเศษโลหะ“เอามาให้ฉัน!” ลั่วอู๋ฉางโมโหอย่างถึงที่สุดหยางจวิ้นหาวไม่เพียงไม่คืนให้ แต่กลับโยนลงบนพื้นแล้วใช้เท้าเหยียบ “ขยะเหมือนกับนักโทษอย่างนาย!”ลั่วอู๋ฉางข่มความโมโหไว้ไม่อยู่อีกต่อไป กำหมัดแน่นจนข้อนิ้วเสียงดังขึ้นมา“สารเลว!”ง้างมือตบลงไปที่ใบหน้าของหยางจวิ้นหาว“เพี๊ยะ!”หยางจวิ้นหาวล้มลงกับพื้น ใบหน้าครึ่งหนึ่งแดงก่ำขึ้นมาอย่างเร็ว“คนเนรคุณที่เลี้ยงไม่เชื่อง ฉันติดคุกแทนนาย นายไม่ซาบซึ้งในบุญคุณ แถมยังเอาแต่พูดว่านักโทษ! พ่อแม่นายไม่สอนให้นายรู้จักมารยาท ฉันสอนเอง!”“กล้าตบลูกฉัน ฉันสู้ตายแล้ว!” สวีชุ่ยหลานร้องตะโกน แยกเขี้ยวยิงฟันจะเข้ามาข่วนลั่วอู๋ฉางหันมาทันที ดวงตาอาฆาตแค้น เย็นชาเคร่งขรึม เอ่ยปากอย่างโมโห “ไสหัวไป!”ด

  • ผมคือหมอเทวดา   บทที่ 8

    "แกร่ก!"ขาทั้งสองข้างของหยางจวิ้นหาวหักออก ปรากฏเป็นมุมที่แปลกประหลาด ข้อต่อกระดูกแทงทะลุเนื้อ เลือดไหลอาบทันที“อ๊าก! ขากู......”หยางจวิ้นหาวเจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป เสียงร้องโอดครวญดังก้องอยู่ภายในห้องสวีชุ่ยหลานรีบโผเข้าไปหาลูกชาย พูดตะโกนเสียงดังลั่น “ผู้หญิงบ้า แกกล้าทำกับลูกชายฉันแบบนี้ได้อย่างไร!”พูดไปพูดมา เธอก็ล้วงโทรศัพท์ออกมาจะโทรไปเรียกตัวช่วย แต่ถูกบอดี้การ์ดปัดจนกระเด็น ตกลงบนพื้นจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ“จำเอาไว้ ห้ามดูถูกคุณมังกรลั่ว อยากแก้แค้น มาหาฉันได้ทุกเมื่อ ฉันชื่อเกาชิงเหยียน!”เกาชิงเหยียนน้ำเสียงเย็นชา พูดทีละคำ “โยนพวกมันสองคนออกไป ห้องนี้ไม่อนุญาตให้ใครรบกวนทั้งนั้น”“ลั่วอู๋ฉางแกมันสารเลว มองดูลูกชายฉันถูกหักขา พวกแกชายหญิงสารเลวต้องตายแน่ ตระกูลของพวกเราไม่มีทางปล่อยแกไป คอยดู......”เหล่าบอดี้การ์ดมองข้ามทั้งสองที่โหวกเหวกโวยวาย หิ้วปีกแล้วพาออกไปข้างนอกในห้องกลับสู่ความเงียบสงบอย่างรวดเร็ว เกาชิงเหยียนพูดอย่างเคารพ “คุณลั่ว ฉันพาคุณพ่อไปส่งที่โรงพยาบาลแห่งที่หนึ่งตามอำเภอใจ ท่านไม่โกรธใช่ไหมคะ?”ทางด้านโรงพยาบาลไม่เพียงมีลานจอดเฮลิคอปเตอ

  • ผมคือหมอเทวดา   บทที่ 9

    “โกหก ฉันไม่เคยได้ยินว่าโรงพยาบาลถูกปิดล้อม โกหกยังไม่เป็น คิดว่าฉันเป็นเด็กสามขวบเหรอ?”ในตอนนี้เอง หยางซิ่งเหวินพาคนสองสามคนตามมาอย่างร้อนรนเขามองดูลูกชายที่นอนอยู่บนเตียงเข็น และภรรยาที่หน้าตาฟกช้ำ พูดด้วยความตกตะลึง “ทำไมถึงอาการสาหัสแบบนี้?”“เป็นเพราะไอ้ระยำลั่วอู๋ฉาง บงการให้นังโสเภณีกระทืบตบตี คุณไม่รู้ว่าพวกมันลงมือหนักขนาดไหน เจ็บจะตายแล้ว!” สวีชุ่ยหลานร่ำไห้ขึ้นมาทันทีหยางซิ่งเหวินข่มความโมโหไว้ พูดว่า “พวกคุณวางใจได้ ผมไม่มีทางปล่อยไอ้ระยำนั่นไปง่าย ๆ ตอนนี้การรักษาเป็นเรื่องสำคัญ ทำไมถึงไม่เข้าห้องผู้ป่วยล่ะ?”สวีชุ่ยหลานพูดใส่ไฟอธิบาย พูดประชด หัวหน้าเข้าเวรโมโหจนกลอกตามอง“ฉันหาผู้อำนวยการของพวกเขา ไม่เชื่อหรอกว่า ด้วยสถานะของตระกูลเรา แม้แต่ห้องผู้ป่วยชั้นสูงก็เข้าพักไม่ได้” หยางซิ่งเหวินตบหน้าอกรับประกัน โทรไปหาด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจสวีชุ่ยหลานพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ได้ยินแล้วยัง? ไอ้พวกตาต่ำ อีกเดี๋ยวฉันจะฟ้องแกให้หนัก ให้แกรับผิดชอบทั้งหมด”แต่ไม่นานนัก หยางซิ่งเหวินกลับมาด้วยสีหน้าซับซ้อนสวีชุ่ยหลานมัวแต่หยิ่งผยอง ไม่ได้สังเกตสีหน้าของสามีด้วยซ้ำ ออกคำสั

  • ผมคือหมอเทวดา   บทที่ 10

    “ฉันไม่รู้จัก จะเป็นคนที่ฉันหามาได้อย่างไร”เกาชิงเหยียนถลึงตาโต รีบพูดอธิบายต่อลั่วอู๋ฉาง “คุณลั่ว คุณอย่าได้เชื่อนะคะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน”เรื่องหนึ่งรับผิดชอบแค่คนเดียว ไม่มีทางรบกวนคนที่สอง นั่นเป็นความผิดมหันต์ทั้ง ๆ ที่เชิญหมอเทวดามังกรลั่วแล้ว แน่นอนว่าไม่มีทางหาคนอื่นมาเข้าแทรก แบบนี้เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อมั่นลั่วอู๋ฉาง เกาชิงเหยียนจะทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้ได้อย่างไร“ห๊ะ? งั้นเขาเป็นใคร!”ใบหน้าของพี่ตาวงุนงงไปหมด “พวกเราเพิ่งหามพี่เฉียงเข้าห้องผู้ป่วย เขาก็ตามเข้ามาด้วย ฉันคิดว่าคุณหนูเชิญมาเสียอีก”ในตอนนี้เอง คนที่สวมชุดกาวน์ผลักประตูเข้ามาคนที่เดินนำเข้ามาก็คือหลิวตงฉี่ผู้อำนวยกาารของที่นี่ ด้านหลังตามมาด้วยกลุ่มคนแผนกผู้เชี่ยวชาญ“คุณเกา ผมแนะนำหน่อย ท่านนี้คือรุ่นพี่ของผม ศาสตราจารย์หลี่เหวินหัว ผู้ทรงอำนาจสองแขนงในด้านประสาทวิทยาและพิษวิทยาของเมืองหลวง!” หลิวตงฉี่พูดเกาชิงเหยียนดวงตาเป็นประกายทันที และพูดด้วยความตกตะลึง “ศาสตราจารย์หลี่ที่เป็นที่รู้จักในฐานะปรมาจารย์แพทย์แผนตะวันตก?”ชายชราหันมา มองเกาชิงเหยียน โบกมือพูดด้วยความถ่อมตัว “ฉันคือหลี่เหวินหัว

  • ผมคือหมอเทวดา   บทที่ 11

    “คุณเกา ฉันดูแล้วคุณก็เป็นคนที่มีการศึกษาสูง ทำไมถึงไม่แยกแยะถูกผิดแบบนี้? รับการรักษาตามอำเภอใจในช่วงวิกฤติ ถึงเวลาถูกหลอกเงินหลอกความรู้สึก เสียใจภายหลังก็ไม่ทัน”“ที่สำคัญก็คือ รักษาผู้ป่วยล่าช้า ตอนนั้นจะไม่มีที่ให้คุณร้องไห้ด้วยซ้ำ”เกาชิงเหยียนโมโห “คุณลั่วไม่ใช่ต้มตุ๋น!”หลี่เหวินหัวส่งเสียงไม่พอใจเบา ๆ และพูดอย่างดูถูก “แพทย์แผนจีนนั้นใช้ไม่ได้ เทียบกับแพทย์แผนตะวันตกไม่ได้! ยิ่งไปกว่านั้น ใช้หลอกลวงตบตาผู้ป่วยกับครอบครัว ไร้คุณธรรมที่สุด ไม่ใช่ต้มตุ๋นแล้วเป็นอะไร?”“คุณลั่ว คุณอย่าโมโหเด็ดขาดนะคะ” เกาชิงเหยียนรีบพูดปลอบลั่วอู๋ฉางหลี่เหวินหัวขมวดคิ้ว ถึงแม้พูดว่าลั่วอู๋ฉางออร่าไม่ธรรมดา แต่ว่าอายุน้อยเกินไปหน่อยไหม!ในเมื่ออาชีพหมอ ต้องใช้ประสบการณ์ทางการแพทย์ระยะยาว เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตกตะกอนและสรุปความ สามารถเข้าถึงระดับผู้เชี่ยวชาญได้ ใครบ้างที่อายุไม่เยอะ?ไอ้หนุ่มตรงหน้า ดูท่าทางก็แค่ยี่สิบกว่าปี เรียนจบจากมหาวิทยาลัยการแพทย์หรือเปล่าก็ยังไม่แน่ มากสุดก็แค่ฝืมือระดับเด็กฝึกหัดไม่ใช่ต้มตุ๋นแล้วคืออะไร?เป็นต้มตุ๋นอย่างน้อยลักษณะภายนอกก็ต้องดีหน่อย แบบนี้เนี่ย

บทล่าสุด

  • ผมคือหมอเทวดา   บทที่ 1059

    ชวีซานตัวไม่กล้าขัดขืน ได้แต่ทำตามคำสั่งเมื่อทุกคนมาถึงภูเขาด้านหลัง ฟ้าก็เริ่มสางแล้วเบื้องหน้าคือเหวลึกที่ขวางทางอยู่ลั่วอู๋ฉางผูกปลายเชือกด้านหนึ่งไว้กับเสา แล้วสะพายเชือกที่มัดรวมกันไว้บนหลัง ก่อนพยักหน้าให้ทุกคน"มีปัญหาอะไรไหม?"ลั่วอู๋ฉางถามอาวุโสที่มีใบหน้าฟกช้ำดำเขียวคนนั้นอาวุโสรีบตอบ "ไม่มีปัญหาครับ!"ลั่วอู๋ฉางกระโดดขึ้นด้วยเท้าข้างเดียว ตัวเขาลอยขึ้นสูงก่อนเหาะตรงไปยังอีกฟากของหน้าผาเมื่อเหาะไปได้ครึ่งทาง ร่างของลั่วอู๋ฉางก็เริ่มร่วงลงเมื่อคำนวณจากมุมนี้ เขาแทบไม่มีโอกาสไปถึงอีกฝั่งเลยทันใดนั้น นกอินทรียักษ์ตัวหนึ่งก็โฉบมาจากด้านข้างอาวุโสคนเมื่อกี้ยืนอยู่ริมหน้าผาและเป่านกหวีดเรียกอินทรีอินทรียักษ์กางปีก ลั่วอู๋ฉางเหยียบลงบนหลังมันหนึ่งที ทิศทางที่กำลังร่วงพลันเปลี่ยนเป็นลอยขึ้นเสี้ยววินาทีต่อมา เขาก็ลงถึงริมหน้าผาอีกฝั่งอย่างมั่นคงจากนั้นก็ทำแบบเดิม ผูกปลายเชือกฝั่งนี้ไว้กับเสาอีกข้าง"เจ้าสำนักชวี สั่งคนของท่านให้เริ่มได้แล้ว!" ซูเทียนคั่วออกคำสั่งอย่างไม่ไว้หน้าชวีซานตัวไม่ใช่ไม่เคยคิดจะเล่นงานตอนที่ลั่วอู๋ฉางกำลังข้ามหน้าผาเขาเคยคิดจะสั่ง

  • ผมคือหมอเทวดา   บทที่ 1058

    คำกล่าวอย่างมั่นใจของลั่วอู๋ฉางดังก้องไปทั่วสำนักใหญ่ของพันธมิตรบู๊ลิ้มหากเป็นเมื่อก่อน ใครกล้าพูดกับหัวหน้าสำนักพวกเขาเช่นนี้ คงไม่ต้องรอให้ชวีซานตัวเอ่ยปาก สมาชิกระดับล่างก็พร้อมจะซัดมันจนหมอบไปแล้วต่อหน้าประตูสำนักงานใหญ่ จะปล่อยให้คนมาพูดจาโอ้อวดได้อย่างไร?แต่สถานการณ์ตอนนี้คือ ลั่วอู๋ฉางไม่เพียงแต่พูด เขายังทำลายประตูใหญ่ของพวกเขาและทำร้ายคนไปอีกหลายสิบคนด้วยแน่นอนว่าจำนวนนี้ไม่ได้ตายตัวถ้าคนอื่นกล้าบุกเข้าไปอีก ลั่วอู๋ฉางจะไม่ปรานี และยินดีที่จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้บาดเจ็บให้พันธมิตรบู๊ลิ้มอีกด้วย"แก...ปากกล้านักนะ!"ชวีซานตัวในฐานะหัวหน้าแห่งบู๊ลิ้ม ไม่อาจเสียศักดิ์ศรีด้วยการยอมแพ้ง่าย ๆทั้งๆ ที่ความจริง ในใจเขานั้นกลับตื่นตระหนกจนแทบควบคุมไม่อยู่อาวุโสทั้งแปดร่วมมือกันยังเอาชนะไม่ได้!ถึงแม้ตอนฝึกซ้อมปกติ ชวีซานตัวจะเคยชนะพวกเขามาแล้วก็เถอะแต่ใช้นิ้วโป้งเท้าคิดก็ยังรู้เลยว่า เป็นอาวุโสทั้งแปดแกล้งอ่อนข้อให้ถ้าสู้จริง ชวีซานตัวไม่มีทางได้เปรียบหรอกแต่ลั่วอู๋ฉางกลับทำได้!นี่แสดงให้เห็นว่า ความสามารถของเขาเหนือกว่าชวีซานตัวมากถ้ายอมแพ้ต่อหน้าสมาชิกบู๊ลิ้มมา

  • ผมคือหมอเทวดา   บทที่ 1057

    เขาไม่อยากให้ใครพูดถึงเรื่องนี้ โดยเฉพาะต่อหน้าสาธารณชน"อาวุโสทั้งแปดของสภาผู้อาวุโสอยู่ที่ใด?"ดวงตาของชวีซานตัวเต็มไปด้วยความโกรธ พร้อมตะโกนออกคำสั่งอย่างดุดัน"ข้าน้อยอยู่ที่นี่!"อาวุโสทั้งแปดคนตอบรับออกมาพร้อมกัน"คนผู้นี้ทำลายประตูสำนักของเรา ทำร้ายศิษย์ของเรา จงสังหารมันตรงนี้เดี๋ยวนี้ เพื่อเป็นตัวอย่าง!" ชวีซานตัวกัดฟันกล่าวอาวุโสทั้งแปดคนตอบพร้อมกันอีกครั้ง "รับทราบ ท่านเจ้าสำนัก!""ฆ่า!"ทั้งแปดคนล้วนเป็นผู้มีวิชาระดับปรมาจารย์ใหญ่มีฝีมือไม่ธรรมดา!ในสำนักใหญ่ ทั้งด้านสถานะและพลังฝีมือ พวกเขาเป็นรองเพียงชวีซานตัวเท่านั้นเมื่อทั้งแปดร่วมมือกัน แม้แต่วีรบุรุษในตำนานก็ยากที่จะเอาชนะพวกเขาได้พวกเขาร่วมมือกันอย่างเข้าขา ล้อมลั่วอู๋ฉางไว้ตรงกลาง และออกกระบวนท่าสังหารทุกอย่างใส่เขาถ้าเป็นคนอื่น คงถูกพวกเขาสับเป็นชิ้นๆ ไปแล้วแต่ลั่วอู๋ฉางกลับไม่สะทกสะท้านใดๆ เพียงแค่ส่งกระแสจิต"วึ้ง!"คาถาป้องกันตัวปล่อยแสงสีทองออกมา ขัดขวางการโจมตีทั้งหมดไว้"อะไรกัน?"ชวีซานตัวเบิกตากว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อในสายตาของเขา ต่อให้ลั่วอู๋ฉางเก่งแค่ไหน แต่ก็ยังเป็น

  • ผมคือหมอเทวดา   บทที่ 1056

    ท่ามกลางความมืด มีร่างคนจำนวนมากพุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อพวกเขาเห็นชัดเจนแล้วว่าประตูทางเข้าซึ่งเป็นหน้าตาของพันธมิตรบู๊ลิ้มถูกทำลาย กลายเป็นซากปรักหักพัง พวกเขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที"ใครกันที่กล้าบ้าบิ่นถึงขนาดนี้!""บังอาจมาพังประตูใหญ่ของพันธมิตรบู๊ลิ้ม รนหาที่ตายแล้ว!""จะเป็นใครก็ช่าง แต่แน่ๆ คงไม่ใช่คนดีหรอก สับมันเป็นชิ้นๆ ก่อนค่อยว่ากัน!"กลุ่มคนที่โกรธแค้นเห็นร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าซากปรักหักพัง"ไอ้หนุ่ม แกเห็นไหมว่าใครเป็นคนทำ?"คนตาไวมองเห็นว่าเป็นเงาของชายหนุ่มจึงรีบถามออกไปทันที"ขอเตือนไว้ก่อน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ รีบพูดสิ่งที่นายเห็นออกมาทั้งหมก ไม่งั้นนายเองก็ต้องเดือดร้อนด้วย!"ลั่วอู๋ฉางยืนอย่างสงบพลางตอบว่า "เห็น""รีบบอกมาว่าใคร!" คนกลุ่มนั้นร้องถามขึ้นพร้อมกันลั่วอู๋ฉางตอบอย่างไม่รีบร้อนว่า "ก็ฉันไง!""อะไรนะ?!"คนกลุ่มนั้นเบิกตาโต ความโกรธที่ปรากฏบนใบหน้าชัดเจนยิ่งกว่าความตกใจ"ไอ้หนุ่ม นี่ไม่ใช่เวลามาอวดเก่ง คิดว่าเราจะเชื่อแกหรือไง?""รีบบอกมาว่าใครเป็นคนทำ ไม่งั้นจะถือว่าแกเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย!""ให้โอกาสสุดท้าย รีบพูด ไม่งั้นพวกเร

  • ผมคือหมอเทวดา   บทที่ 1055

    ซูเทียนคั่วกังวลขึ้นมาทันที ขณะที่ปกป้องซูเฉี่ยนเฉี่ยนหลานสาว เขาก็ตะโกนเสียงดังขึ้นว่า "เจ้าสำนักชวี นี่คือวิธีการต้อนรับแขกของพันธมิตรบู๊ลิ้มหรือ?""หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ไม่กลัวคนในยุทธภพจะหัวเราะเยาะหรือ?"ชวีซานตัวไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย "อย่างพวกนายเนี่ยนะ? เรียกว่าแขกได้ด้วยหรือ?"เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจำนวนคนที่มากกว่าหลายเท่า อีกทั้งสายตาที่จับจ้องมาอย่างอาฆาต ทั้งสามคนไม่สามารถต่อกรได้เลยไม่นานพวกเขาก็ถูกจับตัวได้!"ชวีซานตัว การที่คุณทำเช่นนี้ ไม่กลัวว่าศิษย์ของเทพอวี้อย่างราชันมังกรลั่วเทียนจะมาหาเรื่องหรือ?" ซูเทียนคั่วพูดขณะดิ้นรนชวีซานตัวไม่สนใจแม้แต่น้อย "ถ้าเขากล้าหาญมาที่นี่ ฉันจะให้เขาลิ้มรสชาติของการต้องเป็นนักโทษเช่นกัน!""ศิษย์ที่ถูกสอนโดยตาแก่แบบนั้น คงไม่ใช่คนดีสักเท่าไรหรอก พอดีเลย จะได้ให้เขาชดใช้หนี้แทนตาแก่นั่นและพวกแกไปพร้อมกัน!""ราชันมังกรลั่วเทียนอะไรกัน แค่เด็กหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ จะมีอะไรพิเศษนัก?""ตัวเขาไม่อายก็ช่างเถอะ แต่ยังกล้าไปหาคนมาคุยโวแทนตัวเอง คิดจะดังจากการสร้างกระแสเช่นนี้ คิดว่าบู๊ลิ้มเป็นที่สำหรับเล่นขายของหรือไง ฝันไปเถ

  • ผมคือหมอเทวดา   บทที่ 1054

    พูดของชวีซานตัวเต็มไปด้วยความหยาบคายใบหน้าสวยของเย่ปิงเหยาเริ่มบึ้งตึง แต่เพราะนี่เป็นถิ่นของอีกฝ่าย เธอจึงไม่อาจโต้ตอบได้ชวีหลิงหานคือน้องสาวของชวีซานตัว ทั้งสองคนมีอายุห่างกันมากกว่ายี่สิบปีหลังจากชวีหลิงหานเกิดได้ไม่นาน พ่อแม่ของเธอก็เสียชีวิตจากอาการป่วย ก่อนสิ้นใจได้ฝากให้ชวีซานตัวช่วยเลี้ยงดูน้องสาวที่ยังเป็นแค่ทารกแรกเกิดชวีซานตัวเลี้ยงดูน้องสาวด้วยความยากลำบาก จนเธอเติบโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวที่งดงามยิ่ง ทั้งยังมีพรสวรรค์จนได้รับความสนใจจากคนในบู๊ลิ้มมีผู้คนมาสู่ขอเธอมากมายจนทำให้ประตูบ้านตระกูลชวีแทบพังในขณะที่ชวีซานตัวกำลังเลือกคู่ครองให้น้องสาวจนตาลาย และวาดฝันว่าเธอจะได้แต่งงานกับตระกูลใหญ่โตความฝันกลับพังทลาย!ชวีหลิงหาน หญิงสาวผู้แสนงดงาม กลับถูกชายแก่อัปลักษณ์คนหนึ่งมาชิงตัวไป!ในตอนแรก ชวีซานตัวคิดว่าน้องสาวของเขายังไร้เดียงสา และถูกชายชั่วหลอกลวงเขาคิดว่าเพียงแค่พูดจาโน้มน้าวด้วยความรักและเหตุผล น้องสาวจะกลับตัวกลับใจแต่ผลกลับเป็นตรงกันข้าม!ชวีหลิงหานไม่เพียงแต่ไม่สำนึกในสิ่งที่ทำ แต่กลับรักชายแก่คนนั้นอย่างหัวปักหัวปำ และพูดคำพูดไร้สาระอย่างเช่นรักจน

  • ผมคือหมอเทวดา   บทที่ 1053

    พูดตามตรง ลั่วอู๋ฉางก็มีใจอ่อนนิดหน่อยทุกครั้งที่ต้องต่อสู้กับพวกกระจอก เขามักจะคิดถึงหูเยว่ซีอย่างมากเป็นถึงจักรพรรดินีแห่งชิงชิว แต่เขากลับใช้งานเหมือนลูกน้องปลายแถวประเด็นสำคัญคือ หูเยว่ซีไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แต่ยังเต็มใจช่วยอย่างยินดีอีกด้วย"ไม่ได้"ความมีเหตุผลเอาชนะความหุนหัน ลั่วอู๋ฉางพูดพร้อมขมวดคิ้ว "เธอต้องอยู่เฝ้าบ้าน มีแต่แบบนี้ ฉันถึงจะวางใจได้"หูเยว่ซีทำหน้าหงอย: "ก็ได้!"ลั่วอู๋ฉางหัวเราะ "เธอว่านอนสอนง่ายขนาดนี้ ต้องให้รางวัลสักหน่อยแล้ว""รางวัลอะไร?" จิ้งจอกน้อยถามอย่างตื่นเต้น ดวงตาทั้งสองส่องประกายวิบวับทันทีลั่วอู๋ฉางหยิบลูกแก้วพญานาคออกมาจากกระเป๋าแล้วพูดว่า "ก่อนหน้านี้สัญญาว่าจะให้ของขวัญเธอ ตอนนี้ถึงเวลาทำตามสัญญาแล้ว"หูเยว่ซีตาเป็นประกายอีกครั้ง "ลูกแก้วพญานาค!"ถ้าเป็นเมื่อก่อน ลูกแก้วพญานาคระดับนี้เธอคงไม่แม้แต่จะชายตามองด้วยซ้ำแค่มองนานหน่อย ก็ถือเป็นการดูหมิ่นคำว่า "จักรพรรดินีแห่งชิงชิว" แล้ว!แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน หลังจากถูกขังอยู่ในแหวนมานานถึงพันปี เพิ่งจะได้อิสรภาพคืนมา พลังลดลงไปมากและร่างกายก็อ่อนแอสุดขีดนี่คือช่วงเวลาที่เธอต้อง

  • ผมคือหมอเทวดา   บทที่ 1052

    หวงผู่เจิ้งซิ่นย่อมไม่พอใจแน่!คนเป็นครูยังล้มเหลว แต่ศิษย์กลับทำสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกถ้าไม่ใช่บังเอิญ แล้วมันคืออะไร?ลั่วอู๋ฉางไม่ตอบอะไร จากนั้นก็หยิบคริสตัลสวรรค์ก้อนที่สองมาไม่นานก็ทำสำเร็จอีกครั้ง!หวงผู่เจิ้งซิ่นเบิกตากว้าง ประหลาดใจราวกับเห็นเทพเจ้าส่วนใบหน้าของหูเยว่ซีก็เต็มไปด้วยความชื่นชมมากขึ้นเรื่อยๆ"ลองอีกครั้งสิ!" หวงผู่เจิ้งซิ่นยังคงไม่ยอมแพ้คราวนี้ ลั่วอู๋ฉางไม่ทำตามเขาอีกต่อไป เขาเก็บแท่งคริสตัลสวรรค์ที่เหลือทันที"หมายความว่าไง?" หวงผู่เจิ้งซิ่นถามตาโตลั่วอู๋ฉางลุกขึ้นเดินออกไป ทิ้งคำพูดไว้โดยไม่หันกลับมา "ขอบคุณนะ!""เดี๋ยวสิ นายแน่ใจแล้วเหรอว่านายเข้าใจทั้งหมด?"หวงผู่เจิ้งซิ่นรีบไล่ตามไป "ถ้าไม่สำเร็จล่ะ ฉันจะได้ช่วยหาสาเหตุไง!""ไม่จำเป็นแล้ว ถ้านายท่านของฉันคิดว่าไม่มีปัญหา มันก็ไม่มีปัญหาแน่" หูเยว่ซีขวางเขาไว้ พร้อมพูดอย่างหนักแน่นในตอนนี้ สีหน้าหวงผู่เจิ้งซิ่นเต็มไปด้วยความซับซ้อนศิษย์ที่เก่งเกินไปทำให้ครูรู้สึกอับอาย"ไหนว่าราชันมังกรลั่วเทียนก็เป็นแค่คนธรรมดา เขาเป็นปีศาจชัดๆ!"หวงผู่เจิ้งซิ่นยอมแพ้อย่างหมดท่า พูดอย่างเศร้าๆ "คิดว่า

  • ผมคือหมอเทวดา   บทที่ 1051

    หวงผู่เจิ้งซิ่นเชิดคอขึ้น พยายามทำสีหน้าให้ดูปกติที่สุดเพื่อปกปิดความเขินอายของตัวเองเนื่องจากการสาธิตเมื่อครู่นั้นจบลงด้วยความล้มเหลวแม้ว่าเขาจะรู้วิธี แต่เพราะไม่ได้ปฏิบัติมาเป็นเวลานาน ความผิดพลาดจึงถือเป็นเรื่องปกติ"หาว..."หูเยว่ซีอ้าปากหาวครั้งใหญ่ ราวกับเปลือกตาถูกกดด้วยน้ำหนักมหาศาลใช่แล้ว เธอง่วงจริงๆ!การสอนของหวงผู่เจิ้งซิ่นทำให้เธอง่วงได้สำเร็จส่วนเนื้อหาที่พูดในภายหลัง แทบไม่ได้เข้าหัวของหูเยว่ซีเลย ผ่านหูซ้ายออกหูขวา ไม่มีอะไรในหัวเลย"พวกคุณ...ทำต่อไปเลย!"หูเยว่ซียืดแขนบิดขี้เกียจ และส่งสัญญาณให้ทั้งคู่ไม่ต้องสนใจเธอสิ่งนี้ทำให้หวงผู่เจิ้งซิ่นรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลวมาก!รู้สึกเหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่!การทำให้นักเรียนง่วงถือเป็นเรื่องที่น่าอับอายอยู่แล้ว ที่สำคัญคือการสาธิตของตัวเองยังล้มเหลวอีกด้วย"ไม่เป็นไร ฉันขอลองเอง" ลั่วอู๋ฉางเสนอตัวขึ้นอย่างกล้าหาญ"คุณจำทั้งหมดได้แล้วเหรอ?"หวงผู่เจิ้งซิ่นพูดด้วยสีหน้าจริงจังทันที "อย่าเพิ่งรีบร้อนปฏิบัติเลย ลองทบทวนสิ่งที่ฉันพูดสักรอบก่อน มีจุดไหนที่ไม่เข้าใจก็ถามให้แน่ชัด แล้วค่อยลงมือ"เพราะจำนวนของแท่งค

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status