คุณหญิงจารวีมาที่บ้านของเตชิน มาถึงก็เดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง
ในมือถือกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพง เมื่อเดินมาถึงห้องรับแขก เขาวางกระเป๋าลงบนโต๊ะแล้วนั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทางสง่างามสมกับผู้ดีที่สูงส่ง เพื่อข่มให้พิมรู้สึกต่ำต้อยและเกรงกลัวในตัวเขา พิมไม่พูดไม่จา เดินถือน้ำเข้ามา วางน้ำลงบนโต๊ะ แล้วเอ่ย " คุณหญิงเชิญตามสบายเลยนะคะ ฉันขอตัวไปทำงานบ้านก่อน หากต้องการอะไรเพิ่ม สามารถเรียกใช้ได้ตลอดเลยค่ะ " พอคุณหญิงจารวีได้ยินประโยคที่ว่า เชิญตามสบาย เขารู้สึกไม่พอใจขึ้นมาแล้วเอ่ย " เธอไม่ต้องมาพูดเหมือนกับตัวเองเป็นเจ้าของบ้านหรอกนะ นี่เป็นบ้านของลูกชายฉัน ฉันรู้ว่าฉันจะต้องอยู่ยังไง ไม่จำเป็นต้องให้เธอมาบอก " พิมไม่อยากมีปัญหา จึงเลือกที่จะนิ่งเงียบ ไม่ต่อความยาวสาวความยืด แล้วเอ่ยเพียง " ขอโทษค่ะ " คุณหญิงจารวีจ้องเขม่นไปยังพิม พิมยืนทำหน้านิ่งเฉย สีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ ไม่มีความเกรงกลัวใดๆยิ่งทำให้คุณหญิงจารวี ไม่พอใจ พิมไม่อยากอยู่เผชิญหน้ากับคุณหญิงจารวีที่วางท่าสูงส่งคอยแต่จะข่มเธอ เธอจึงเลือกที่จะเดินหนีไป เพราะการควบคุมอารมณ์ของเธอก็มีขีดจำกัดเช่นกัน เพราะเธอถูกสอนมาตลอดว่าทุกคนมีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน มีเกียรติและศักดิ์ศรีเหมือนๆกันเท่าๆกัน แม้เธอจะเป็นแม่บ้าน เป็นลูกจ้าง เป็นคนใช้บ้านลูกเขา แต่เธอถือว่าเธอทำงานแลกเงิน เธอกับนายจ้างได้ผลประโยชน์ร่วมกัน หรือถ้าจะพูดอีกแบบคือ เธอกับนายจ้างนั้นทำการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน เหมือนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ดังนั้นไม่ว่าจะนายจ้างหรือครอบครัว เพื่อนฝูงของนายจ้าง ก็ต้องให้เกียรติเธอเช่นกัน ในพจนานุกรมของเธอไม่มีคำว่า ทาส มีแต่คำว่าผู้ร่วมงาน ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน จะยอมเท่าที่ยอมได้เท่านั้น คุณหญิงจารวีเห็นพิมเดินออกไปโดยไม่พูดไม่จา เขาจึงเอ่ยแขวะขึ้น " บ้านของเธอไม่สอนเรื่องมารยาทให้เธอหรือไง เวลาที่อยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ควรปฏิบัติตัวอย่างไร " พิมหยุดเดินแล้วหันมาเอ่ยอย่างนอบน้อมและแอบด่าเบาๆ " ขอโทษค่ะ มารยาทไม่เกี่ยวกับบ้านหนูจะสอนหรือไม่สอน ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะตัวหนูเอง การที่หนูจะมีมารยาทที่ดีหรือไม่ดีกับใคร ก็ต้องดูที่ตัวบุคคลอีกทีค่ะ คุณหญิงเป็นคุณหญิงที่สูงส่ง พิมแค่ไม่อยากอยู่ต่อหน้าให้รู้สึกไม่สบายตา ขอตัวค่ะ " ได้ยินเธอพิมพูดดังนั้น คุณหญิงก็ยิ่งโมโหมากขึ้น ที่ถูกพิมว่าให้ จึงเอ่ยด้วยน้ำที่เต็มไปด้วยความความดูถูกและเกลียดชัง " ฉันได้ยินมาว่าเธอเป็นนางบำเรอ เป็นสาวใช้อุ่นเตียงให้ลูกชายฉันเหรอ แบบนี้ก็ดี รอเธอท้อง หลังคลอดลูกออกมาฉันจะเฉดหัวเธอทิ้งทันที โดยที่เธอจะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าลูกแม้แต่น้อย จะดูซิว่าถึงเวลานั้น เธอยังจะปากร้ายได้แบบนี้อยู่หรือเปล่า " ได้ยินแบบนี้พิมตกใจเล็กน้อย มองคุณหญิงจารวี ด้วยแววตาแข็งกร้าว ปนความหวาดหวั่นเล็กน้อยแล้วเอ่ย " คุณหญิงหมายความว่ายังไง ฉันไปเป็นสาวใช้อุ่นเตียงให้คุณเตชินตั้งแต่เมื่อไหร่ " พิมไม่ชอบให้ใครมาดูถูก หาว่าเธอเป็นนางบำเรอใคร ที่เธอตกใจเพราะตกใจคำพูดใส่ร้ายมากกว่า และกลัวคุณหญิงจารวีจะรวมหัวกันกับเตชินวางแผนทำเรื่องไม่ดีกับเธอ เพราะมีการพูดถึงเรื่องที่จะเฉดหัวเธอทิ้ง หลังคลอด ราวกับวางแผนมาแล้ว เมื่อเห็นพิมดูตกใจแววตาดูสั่นไหวเขาก็รู้ทันทีว่าเธอกำลังกลัวและนั่นยิ่งทำให้เขาพอใจ เขาจึงตัดสินใจว่า จะเลือกพิมนี้แหละ มาอุ้มท้องทายาทของเตชิน เดิมทีวันนี้เขาแค่มารอปรึกษาเรื่องทายาทกับลูกชายที่บ้าน ไม่คิดว่าพอเจอพิมแล้วจะรู้สึกขัดหูขัดตาขึ้นมาทันที คุณหญิงจารวียิ้มเยาะเย้ยขึ้นอย่างผู้ชนะแล้วเอ่ยอย่างโล่งใจ " เฮ้อ...ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจได้สักที ฉันจะเลือกเธอนี่แหละ อุ้มท้องทายาทของลูกชายฉัน " ได้ยินดังนั้นพิมก็โมโหขึ้นมานิดหน่อย แต่เธอคิดว่าคุณหญิงแค่อยากจะเอาชนะเธอ จึงยั่วโมโหเล่นๆ ถึงได้พูดออกมาแบบนั้น เธอไม่เชื่อหรอกว่าคนที่ชอบวางท่าสูงส่งอย่างคุณหญิงจารวี จะยอมให้คนที่ตัวเองดูถูก มาอุ้มท้องลูกของลูกชายตนเอง คิดได้แบบนี้ เธอเลยไม่สนใจคำพูดของคุณหญิงจารวีอีก จากนั้นเธอจึงเอ่ยอย่างเฉยชา " เอาที่คุณหญิงสบายใจเลยค่ะ " เอ่ยจบเธอก็หมุนตัวเดินออกไป คุณหญิงจารวีเลยหยิบโทรศัพท์ออกมาจากในกระเป๋าที่วางบนโต๊ะ แล้วกดโทรไปหาลูกชาย เมื่อลูกชายรับสายเขาไม่รอช้าเอ่ยขึ้นทันทีว่า " เตชินแม่มารอที่บ้านพักได้สักพักแล้ว วันนี้ลูกรีบกลับมาหน่อยนะ แม่จะคุยเรื่องการมีทายาทของลูก " เตชินที่อยู่ปลายสายได้ยินดังนั้นก็เอ่ยตอบว่า " ครับ ผมจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้ครับ " เขาเองก็อยากจะคุยกับแม่เขาเรื่องนี้เหมือนกัน เมื่อได้ยินว่าลูกชายจะรีบกลับมา คุณหญิงจารวีอารมณ์ดีขึ้นมาเฉยเลย ราวกับไม่เคยโมโหมาก่อนอย่างน่าประหลาดใจแล้วเอ่ยพึมพำในใจว่า [ ความจริง นังเด็กสาวใช้นี่ถ้าตัดเรื่องปากร้ายออก มีความอ่อนน้อมขึ้นหน่อย จะเป็นเด็กที่น่ารักมากคนหนึ่งเลย ถ้าเธอมีลูกกับ เตชิน ลูกที่เกิดมาต้องน่ารักน่าชังมากแน่ๆ ] แม้เตชินจะเป็นคนสุขุม เย็นชา ไร้หัวใจกับผู้หญิง เอาแต่ใจกับผู้เป็นแม่ในบางเวลา แต่ความรัก ความเคารพที่มีต่อพ่อแม่นั้น เป็นที่หนึ่ง ให้ความสำคัญกับพ่อแม่ที่สุด แต่ก็ชอบขัดใจผู้เป็นแม่ที่สุดเหมือนกัน ในบางเรื่องที่เขารู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผล เตชินลงจากรถ แล้วเดินเข้ามาในบ้าน พิมที่กำลังรดน้ำต้นไม่หน้าบ้านอยู่ พอเห็นเขา เธอก็รีบปิดน้ำแล้วเดินมารับเสื้อสูท ที่เขาถอดถือไว้ในมือ เธอรู้สึกแปลกๆเมื่อเห็นเขากลับมาเร็ว เมื่อนึกถึงคำพูดของคุณหญิงจารวี เธอเริ่มตระหนกในใจเล็กน้อย และมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่าง เธอเดินขึ้นไปแขวนเสื้อสูทไว้ที่ห้องเตชิน แล้วลงมาชั้นล่างเดินเข้าไปในครัว เปิดตู้เย็นรินน้ำลงในแก้ว แล้วเดินไปวางลงบนโต๊ะที่ทั้งสองนั่ง จากนั้นก็หมุนตัวหันหลังเดินออกไปด้วยสีหน้าเฉยชา โดยไม่สนใจ ไม่มองเตชินกับคุณหญิงจารวีที่นั่งอยู่ตรงนั้นเลยแม้แต่น้อยควาเฉยชาบนใบหน้าเธอไปขัดลูกตาคุณหญิงจารวีอย่างมาก คุณหญิงจารวีจึงเอ่ยขึ้น" ลูกดูสิ แม่สาวใช้อุ่นเตียงของลูก ทำหน้ายังกับคนเบื่อโลก สีหน้ายังกับวิญญาณล่องลอยไร้อารมณ์ ถ้าไม่ติดว่าหล่อนผิวดีหน้าตาสวยนะแม่จะไม่ให้อยู่ข้างกายลูกเลย "เตชินตกใจกับคำพูดของผู้เป็นแม่เล็กน้อยที่มันเว่อร์วังเกินจริงไปหน่อย แต่จากนั้นเขาก็ยิ้มขึ้นมาที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์เล็กน้อย ยอมรับมันโดยไม่เอ่ยปฏิเสธใดๆ[ สาวใช้อุ่นเตียงเหรอ ฟังแล้วรื่นหูดี ]เตชินมองหน้าผู้เป็นแม่แล้วเอ่ย" คุณแม่ครับ เรื่องที่จะหาคนมาอุ้มท้องทายาทผม ผมคิดว่าพิมก็เหมาะสมดีนะครับหน้าตา ผิวพรรณใช้ได้ ไม่มีพันธะผูกมัดกับใคร ไม่คิดที่จะจับผู้ชายที่มีฐานะเพื่อยกระดับตัวเองเธอตรงไปตรงมา และยังเป็นคนฉลาด มีไหวพริบดี เอาตัวรอดเก่งที่สำคัญเธอรักเงินมาก และยังสะอาดหมดจดครับ "ได้ฟังลูกชายพูด คุณหญิงจารวีก็พยักหน้าเห็นด้วย แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ" แล้วเธอจะยอมรับข้อเสนอของลูกเหรอ นิสัยแข็งกระด้างของเธอแม่ว่าเธอคงไม่ยอมแน่อีกอย่างเรื่องการอุ้มท้องลูก เป็นเรื่องที่ผู้หญิงทุกคนต้องคิดอย่างละเอียดรอบคอบ เป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชี
ตอนเย็นพิมออกไปยืนรอเตชินที่หน้าบ้าน ผู้ช่วยคังมาจอดรถรอข้างๆพิมทั้งสองยืนคุยกันอย่างสนิทสนม พอผู้ช่วยคังเห็นเตชินเดินออกมาจากในบ้าน เขาก็รีบหันไปเปิดประตูรถรอพิมยืนรอเตชินขึ้นไปนั่ง ส่วนเธอก็จะไปนั่งข้างคนขับแต่เตชินกลับจับแขนเธอ แล้วยัดเธอเข้าไปนั่งที่เบาะหลังโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวอะไรแล้วเขาก็ตามเข้าไปนั่งข้างๆเธอ พิมขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจแต่ก็ไม่พูดอะไรผู้ช่วยคังที่มองดูการกระทำของเจ้านายก็ถึงกับยืนอึ้งไปจากนั้นก็เดินอ้อมไปเปิดประตู ฝั่งคนขับแล้วขับรถออกไประหว่างทางเตชินจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า" ต่อไปคุณไม่ต้องทำงานบ้านแล้ว ผมจะจ้างแม่บ้านมาทำแทนคุณ สัญญาฉบับนั้นก็จะถูกยกเลิกไป "ได้ยินดังนั้น สีหน้าพิมดูดีขึ้นมาทันทีแล้วเผยรอยยิ้มสดใสน่ารัก หันมามองคนข้างๆพร้อมกับเอ่ยด้วยความตื่นเต้นดีใจ" คุณพูดจริงเหรอ คุณไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่มั้ย "เตชินตะลึงในความสดใสน่ารักของพิมไปครู่หนึ่ง พอได้สติ เขาก็หันหน้ากลับมา มองตรงไปข้างหน้าแล้วเอ่ย" ผมพูดคำไหนคำนั้น เมื่อพูดออกไปแล้ว ก็รักษาสัจจะเสมอ "พิมดีใจมาก จากนั้นเธอก็หยิบเอกสารสัญญาฉบับนั้นออกมาแล้วยื่นไปให้เตชินด้วยควา
เช้าวันต่อมา พิมกับเตชิน นั่งจดทะเบียนสมรสกันในห้องรับแขกโดยมีนายทะเบียนสองคนและมีผู้คังอีกหนึ่งคนคอยเป็นสักขีพยานในการจดทะเบียนครั้งนี้" ขอให้คุณเตชินกับคุณพิมถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร์ มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมืองนะครับ "นายทะเบียนอวยพรให้ทั้งสองคน พิมนั่งนิ่งเฉยไม่รู้สึกอะไรกับคำอวยพร เตชินจึงเอ่ยว่า" ขอบคุณครับ "แล้วนายทะเบียนอีกคนก็เอ่ยว่า" หน้าที่ของเราเสร็จสิ้นแล้ว พวกผมสองคนขอตัวกลับก่อนนะครับ "เตชินพยักหน้าให้เบาๆ แล้วส่งสายตาไปให้ผู้ช่วยคังเมื่อนายทะเบียนสองคนลุกจากโซฟา ก็เดินออกจากห้องรับแขกไป โดยมีผู้ช่วยคังเดินตามไปส่งแล้วเอ่ยกับนายทะเบียนว่า" คุณสองคนช่วยเก็บเรื่องในวันนี้ไว้เป็นความลับด้วยนะครับ "เอ่ยจบเขาก็ยื่นซองใส่เงินให้ทั้งสองแล้วเอ่ย" ค่าน้ำใจเล็กๆน้อยๆจากคุณชายครับ "นายทะเบียนสองคน หันกลับไปมองเตชินที่นั่งบนโซฟาสุดหรูในห้องรับแขกอย่างสง่าดูองอาจราวกับราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เตชินยิ้มอย่างมีเลศนัยพร้อมกับพยักหน้าให้พวกเขารับค่าน้ำใจนายทะเบียนทั้งสองยิ้มแห้งแล้วค้อมหัวขอบคุณเล็กน้อยแล้วหันหน้ากลับลมาเดินออกจากบ้านขอเตชินไปขึ้นรถ โด
เตชินมองต่ำลงบนตัวสาวเจ้าเสน่ห์ ที่มักจะขัดใจเขาอยู่เรื่อยและต่อปากต่อคำกับเขาอย่างไม่เกรงกลัว เขาจึงค้อมตัวลงช้อนเธอขึ้นมาอุ้มอย่างไม่คณามือพิมตกใจมาก เมื่ออยู่ๆก็รู้สึกตัวลอยขึ้นมา มารู้ตัวอีกที ก็อยู่ในอ้อมแขนของเตชินเรียบร้อยแล้วเธออ้าปากค้างแววตาใสเบิกกว้างด้วยความตกใจแล้วเอ่ยเสียงดัง" ปล่อย วางฉันลงเดี๋ยวนี้เลยนะ คิดว่าตัวเองตัวใหญ่แล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง ปล่อย! "เตชินไม่สนใจเธอ ที่ทำหน้าดุ เอ่ยเสียงกร้าวขอให้เขาปล่อย เมื่อเตชินไม่วางเธอลง เธอดิ้นพร้อมกับใช้มือเล็กๆที่ขาวราวกับหิมะทุบทีเขาจนรู้สึกเมื่อยมือ แต่เตชินก็ไม่ยอมวางเธอลงกลับอุ้มเธอแน่นขึ้นแล้วเดินขึ้นบันได กลับไปที่ห้องของตัวเอง จากนั้นก็วางเธอลงบนเตียงเบาๆพิมลุกขึ้นแล้ววิ่งไปที่ประตู แต่เตชินกลับคว้าเอวเธอไว้ กอดเธอแน่นจากทางด้านหลังแล้วเอ่ย" คุณอย่าดื้อสิ เราเป็นสามีภรรยากันแล้ว ก็ต้องนอนห้องเดียวกัน "พิมจึงเอ่ยแย้งอย่างไม่ชอบใจ" แบบเรา เขาไม่นับว่าเป็นสามีรภรรยากัน เราแค่ทำธุรกิจร่วมกันต่างหาก ปล่อย คุณอย่ามาทำแบบนี้กับฉันนะ ฉันไม่ชอบ ปล่อย! "เตชินหอมไปที่เส้นผมของเธอแล้วเอ่ย" ตอนนี้ไม่ชอบ ต่อไปก็ชิน
ริมฝีปากอวบอิ่มอมชมพู ถูกกระแทกด้วยริมฝีปากของเตชินเธอตกใจกลัวจนสั่นเทิ้มไปทั่วร่าง หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะเตชินรู้สึกได้ถึงอาการสั่นกลัวของคนใต้ร่าง จึงถอนริมฝีปากออกเล็กน้อยแล้วเอียงหน้าประกบริมฝีปากอย่างแนบแน่นอีกครั้ง ราวกับติดใจริมฝีปากนุ่มนิ่ม จนไม่อยากออกห่างเลยแม้แต่วินาทีเดียวณัชชาพยายามผลักเขาออก ทั้งใช้มือตีและหยิกอย่างแรง แต่เตชินกลับดูเหมือน ไม่รู้สึกระคายผิวเลยแม้แต่น้อยและยิ่งเพิ่มความรุนแรง บดขยี้ ไล้เลีย ดูดริมฝีปากนุ่มของเธออย่างป่าเถื่อน ราวกับจะกลืนกินพิมนอนรับแรงจูบที่ป่าเถื่อนของเขาอย่างไม่เต็มใจเธอกลัวจนร้องให้ออกมา เตชินถึงถอนริมฝีปากอีกครั้ง แล้วมองดูคนใต้ร่างที่น้ำตาไหลอาบแก้มเขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนแต่เต็มไปด้วยการตอกย้ำ" ทีนี้คุณรู้หรือยังว่าเรื่องของคุณก็คือเรื่องของผม ตราบใดที่ยังไม่หย่า คุณคือผู้หญิงของผม "ดวงตาพิมเคล้าไปด้วยน้ำตาแต่นัยน์ตากลับแข็งกร้าวจ้องเตชินอย่างไม่กะพริบเธออยากจะตบหน้าเขาเต็มแรง ที่เขาปฏิบัติกับเธอเหมือนกับเป็นนางบำเรอที่ถูกซื้อด้วยเงินแล้วเธอก็กัดฟันเอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่นสายตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง" คุณเ
พิมนอนบนเตียงใหญ่ที่หนานุ่ม เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมา เพราะเสียงกริ่งแววตาฉายแววหวาดผวาชัดเจนเธอรวบรวมสติ ค่อยๆลงจากเตียงแล้วเดินไปเปิดประตู จากนั้นก็เดินลงไปชั้นล่างเพื่อไปเปิดประตูหน้าบ้านตามความเคยชิน แต่เธอลืมนึกไปว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในสถานะแม่บ้านแล้วเมื่อเธอยื่นมือไปเปิดประตูบ้าน ประตูก็ถูกเปิดจากด้านนอกซะก่อนนาวินพยุงตัวเตชินประคองกลับเข้ามาในบ้านอย่างทุลักทุเล พิมเห็นดังนั้นเธอก็ถอยหลังไปทันทีเพราะสัญชาตญาณของเธอบอกว่า ไม่ควรเข้าใกล้เตชินเธอจึงเอ่ยกับนาวินว่า" รบกวนคุณนาวินช่วยพาเขาไปนอนในห้องหน่อยนะคะ "นาวินเห็นว่าพิมดูกลัวๆ เว้นระยะห่างกับเตชิน เขาก็ไม่อยากทำให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งตกใจและลำบากใจ จึงเอ่ยตอบว่า" ได้ครับ "แต่เตชินกลับเอ่ยขึ้นพร้อมกับผลักนาวินออกไปจากตัวเขา" นาย ครับ อะไร ฉันจะกลับขึ้นไปพร้อมพิม นายกลับบ้านไปเลย ไป "นาวินเริ่มสงสัย ในคำพูดของเตชิน [ ทำไมเตชินพูดอย่างกับว่าอยู่ห้องเดียวกันกับพิมเลยวะ คงไม่ใช่หรอก เราคงคิดมากไปเอง ]นาวินสลัดความคิดออกไป เมื่อถูกไล่ให้กลับ เขาก็กลับออกไป พิมจึงเดินไปส่งเขาจากนั้นเธอก็หมุนตัวกลับเข้ามาในบ้านอย่างกล้าๆกลัว
เตชินนั่งอึ้ง มองตามหลังพิมที่วิ่งขึ้นไปข้างบนด้วยความรู้สึกผิดที่ผ่านเข้ามาในอก แต่แค่แวบเดียวเขาก็สลัดความรู้สึกที่ทำให้เขาทุกข์นั้นทิ้งไปเขาทำอะไรมีเป้าหมายเสมอ เขาจะไม่ใจอ่อน เพียงเพราะความรู้สึกส่วนตัว จนทำให้เสียงานเด็ดขาดจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนเดินออกจากโต๊ะอาหารแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน เพื่อไปดูพิมเขายื่นมือไปเปิดประตู แล้วเดินเข้าไปหาพิมที่นั่งร้องให้อยู่บนเตียงเมื่อยืนอยู่ตรงหน้าเธอแล้วเขาจึงเอ่ยออกมาอย่างคนไร้อารมณ์ความรู้สึกว่า" ในเมื่อคุณรู้หมดแล้ว ผมขอแนะนำขอให้คุณรีบทำให้ตัวเองท้องให้ไวที่สุด พอคุณคลอดลูกออกมา คุณก็จะได้รับอิสระ กลับไปใช้ชีวิตของคุณต่อไป "พิมมองเขาด้วยแววตาแข็งกร้าว เธออยากจะตบหน้าเขาแรงๆ อยากจะเอามีดแทงเข้าไปในหัวใจของเขาจนแทบจะทนไม่ไหวอยากจะผ่าอกเขาดู ว่าเขามีหัวใจหรือเปล่า หัวใจเขาทำด้วยอะไรกันแน่ ถึงได้เลือดเย็นไร้หัวใจเช่นนี้เธอโกรธจนกำมือแน่น จนมือสั่นและขาวซีดไปหมด น้ำตาที่ไหลอาบแก้มนั้น ร้อนจนจะลวกคนได้สักพักเธอค่อยๆคลายอารมณ์โกรธที่มีอยู่เต็มอกและคลายมือออกเพื่อให้จิตใจตัวเองผ่อนคลาย ไม่ให้ถูกความโกรธครอบงำจิตใจจนขาดสติ จนเผยความคิดทุ
เตชินขับรถพาพิมออกมาจากบ้านระหว่างทางพิมนั่งเงียบตลอดเตชินก็ขับรถไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมายปลายทาง พิมที่นั่งข้างๆก็ยังไม่บอกเขาสักทีว่าจะไปไหน สุดท้ายเขาจึงหันมาเอ่ยถามพิมว่า" คุณคิดได้หรือยังว่าจะไปที่ไหน "พิมนั่งกอดอก ทำท่าครุ่นคิดสักพัก จึงหันไปมองเตชินแล้วเอ่ย" อืม...ยังคิดไม่ออกอ่ะ คุณขับไปเรื่อยๆก่อนได้มั้ย ถ้าคิดออกแล้วจะบอก "ได้ยินเธอพูดดังนั้นเขาจึงเอ่ย" เราขับรถออกมาได้ชั่วโมงหนึ่งแล้วนะ คุณยังคิดไม่ออกอีกเหรอ ว่าอยากไปที่ไหน "พิมหันกลับมา ทอดสายตามองตรงไปข้างหน้าแล้วเอ่ย" งั้นคุณก็ขับรถพาฉันเที่ยวชมกรุงเทพละกัน ตั้งแต่ที่ฉันมาถึงกรุงเทพ ฉันยังไม่เคยออกไปไหนเลย ฉันอยากจะนั่งรถชมวิวชมทิวทัศน์รอบเมืองหลวงอย่างเพลินๆสักหน่อย "ได้ยินดังนั้นเตชินก็หันหน้ากลับไป มองตรงไปบนถนนข้างหน้าสองมือจับพวงมาลัยขับอย่างชำนาญ แล้วเอ่ย" ได้ ผมจะพาคุณขึ้นบนทางด่วน คุณจะได้เห็นทิวทัศน์ในเมืองกรุงอย่างชัดเจน "เอ่ยจบเตชินก็ขับขึ้นบนทางด่วนแล้วขับต่อไปเรื่อยๆ ขับไปตามสถานที่ต่างๆพร้อมกับแนะนำสถานที่ต่างๆให้พิมได้รู้จักแล้วอยู่ๆพิมก็ทำหน้าบิดเบี้ยวคล้ายกับมีอาการเจ็บนั่งตัวเกรงคล้า
ในห้องผ่าตัดหลังจากผ่าตัดเสร็จอยู่ๆพิมก็หยุดหายใจไป เนื่องจากเธอเสียเลือดมากและแท้งบุตรในขณะที่ประสบอุบัติเหตุทำให้ร่างกายไม่สามารถทนพิษบาดแผลไหวในตอนที่เธอยังมีลมหายใจโรยริน จิตสุดท้ายของเธอคล้ายกับรับรู้ได้ว่าตัวเองสูญเสียลูกไปแล้ว คลื่นความเศร้าโศกถาถมความเสียใจเข้ามาสาดใส่ ทำให้เธอไม่มีกำลังใจที่จะอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เพราะเธอตั้งใจจะพาลูกของเธอหนีไปอยู่ในที่ปลอดภัย ไม่คิดว่าจะเป็นการพาเขามาตายจากแล้วหมอก็รีบทำการช่วยชีวิตเธออีกครั้งอย่างสุดความสามารถใช้เวลาอยู่นานเธอก็ไม่กลับมาหายใจ คลื่นหัวใจเป็นเส้นตรงไม่ขยับเขยื้อนเลยสีหน้าหมอแสดงถึงความจนปัญหาด้วยความผิดหวังแล้วเอ่ยเสียงเศร้า" แจ้งญาติคนไข้เถอะ "" ค่ะ "พยาบาลเอ่ยตอบแล้วเดินออกไปจากห้องผ่าตัด" ผ่าตัดเสร็จแล้วแท้ๆ ไม่คิดว่าคนไข้จะมาเสียชีวิตในขณะที่เราเพิ่งจะมีความหวังขึ้นมา "พยาบาลสาวคนหนึ่งเอ่ยอย่างผิดหวัง เพราะในตอนแรกพวกเขาก็ทำใจไว้แล้วว่าคนไข้อาจจะไม่รอดแต่พวกเขาต่างก็ตั้งใจช่วยชีวิตพิมอย่างสุดความสามารถมากจนเธอกลับมาหายใจอีกครั้งความจริงพิมหยุดหายใจตั้งแต่ตอนเกิดเหตุแล้วหมอจึงเอ่ยอย่างสุขุมว่า" บางทีจิตสุ
" ไม่ได้นะคุณเตชิน คุณอย่าทำแบบนี้ ปล่อยฉันกับลูกไปเถอะนะ "พิมขอร้องอ้อนวอนให้เขาปล่อยเธอไม่หยุด แต่เขากลับนิ่งเฉย รตีลงจากรถแล้วแอบเดินถามเตชินเข้ามาในโรงพยาบาลก่อนหน้านี้เธอไปหาเตชินที่บ้าน เห็นเตชินขับรถออกจากบ้าน เธอจึงให้คนขับรถ ขับตามเตชินเธอใส่แว่นสีดำปกปิดดวงตาและใส่แมสก์ปกปิดหน้าเอาไว้ไม่ให้เตชินรู้ว่าเป็นเธอพิมที่อยู่ในอ้อมแขนของเตชินเธอทั้งตีทั้งข่วนเขาจนเธอน้ำตาไหลพรากแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออย่างจนปัญญาด้วยความหวาดกลัว" คุณเตชิน คุณจะฆ่าเขาไม่ได้ เขาเป็นลูกของคุณไม่ใช่ลูกของคุณป๊อบอย่างที่คุณเข้าใจ เขาเป็นลูกของคุณจริงๆ "ได้ยินดังนั้นเตชินก็หยุดชะงักไป รตีได้ยินก็ช็อกไปเช่นกัน แล้วแววตาของเธอก็กลายเป็นดุร้ายเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาเตชินมองหน้าพิมแล้วเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง" คุณพูดว่าไงนะ "พิมมองเขาแล้วเอ่ยเสียงสั่น" เขาเป็นลูกของคุณ คุณวางฉันลงก่อนได้มั้ยแล้วฉันจะอธิบายให้ฟัง "เตชินวางเธอลง พอเธอเป็นอิสระจากมือของเขาเธอก็วิ่งหนีไปทันทีเตชินเห็นเธอวิ่งหนีไปเขารู้สึกเจ็บใจมากที่ถูกหลอกจึงวิ่งตามเธอออกไปแล้วคว้าข้อมือเธอมาจับไว้นำตัวเธอกลับมาอีกครั้งพร้อ
เมื่อป๊อบเห็นพิมกลับมา เขาก็ปลีกตัวออกจากกลุ่มนักเรียนแล้วเดินมาหาพิมพร้อมกับเอ่ยถามขึ้น" พิมเขาทำอะไรคุณหรือเปล่า "พิมส่ายหน้าแล้วเอ่ย" ไม่ค่ะ "ป๊อบพยักหน้าแล้วเอ่ย" เช่นนั้นก็ดีแล้ว ปิดเทอมนี้เราก็ว่างบ้างแล้วเดี๋ยวผมจะให้เขาเซ็นหย่าให้คุณให้ได้ ต่อไปเขาจะได้ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับคุณอีก "พิมมองป๊อบด้วยสีหน้าเหนื่อยใจนึกถึงคำพูดของเตชินก่อนหน้านี้เธอไม่อยากได้แล้วใบหย่า เธอจึงเอ่ยว่า" จะหย่าหรือไม่หย่าฉันไม่สนใจแล้วค่ะ แค่ใบหย่าใบเดียวไม่มีผลอะไรกับชีวิตฉันหรอกค่ะ ฉันไม่อยากข้องเกี่ยวกับเขาอีกแล้วเราอย่าไปใส่ใจกับใบหย่านั่นอีกเลยค่ะ "" ก็ได้ครับ ไว้คุณคลอดลูกแล้วค่อยมาตัดสินใจอีกที "เขาก็ไม่อยากให้พิมติดอยู่กับสถานะสมรสนี้เพราะเขาอยากจะจดทะเบียนสมรสกับเธอใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาอย่างถูกต้องเตชินเดินเข้ามาเห็นทั้งสองยืนคุยกันอยู่ เขาจึงเดินผ่านทั้งสองไป แล้วเดินไปยังกลุ่มของนักเรียนถ่ายรูปกับพวกเขา จากนั้นเขาก็เอ่ยถามเด็กนักเรียนว่า" เด็กๆพวกคุณปิดเทอมกันเมื่อไหร่ครับ "" พวกเราปิดเทอมแล้วครับ กลับไปพวกเราจะฉลองแชมป์ปิดเทอมกันครับ คุณเตชินไปฉลองกับพวกเรามั้ยครับ "" โอ้ว
เตชินลากพิมมาที่รถ จากนั้นก็เปิดประตูให้เธอขึ้นไปบนรถ พิมทำตามที่เขาต้องการโดยไม่บ่นอะไรแล้วเตชินก็เข้าไปนั่งข้างๆเธอพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่รีรออีกต่อไป" เด็กในท้องเป็นลูกของใคร "พิมกระเถิบห่างออกไปอย่างระมัดระหวังพร้อมกับเอามือจับท้องของตัวเองไว้แล้วมองเตชินอย่างดุดันด้วยแววตาสู้คนเมื่อเตชินเลื่อนสายตามาจับจ้องท้องของเธอ[ เตชินถามแบบนี้หมายความว่ายังไง หรือเขาจะสงสัยว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเขากันนะ ]เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงลองถามหยั่งเชิงดู" เขาก็เป็นลูกของคนที่คุณคิดไง แล้วคุณคิดว่าเขาเป็นลูกใครล่ะ "เธอไม่รู้หรอกว่าเตชินคิดว่าเด็กในท้องเป็นลูกของป๊อบ เธอแค่อยากรู้ความคิดของเขา จึงพูดออกไปแบบนั้นเธอคิดว่าถ้าเขาบอกว่าเด็กในท้องเป็นลูกเขาเธอก็จะได้ปฏิเสธอย่างไม่น่าสงสัยแต่เมื่อเตชินได้ยินเธอพูดดังนั้น เขากลับรู้สึกเหมือนถูกเธอตบหน้าแรงๆ แล้วให้คำตอบอย่างเยาะเย้ยแต่เขาก็พยายามปฏิเสธความคิดของตัวเอง พยายามคิดว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของป๊อบแต่เป็นลูกของเขา แต่การคิดแบบนี้ กับระยะเวลาที่ไม่ได้เจอพิมบวกกับภาพความสนิทสนมชิดใกล้กันของพิมกับป๊อบทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังหลอกต
" สวัสดีค่ะคุณป๊อบ คุณพิม คุณเทเท่ "ณัชชาเอ่ยทักขึ้น เทเท่ยิ้มแล้วสวัสดีกลับ" สวัสดีค่ะคุณณัชชาไม่คิดว่าจะได้เจอกันที่นี่ "แล้วป๊อบก็หันมาพร้อมกับเอ่ย" คุณณัชชารู้ได้ยังไงครับว่าวันนี้เรามีแข่งที่นี่ "ป๊อบแค่ถามไปตามมารยาทของคนรู้จักกันส่วนพิมแค่หันมามองแล้วหันกลับไปสนใจเด็กของตัวเองต่อเมื่อทีมก่อนหน้าแข่งจบลง พิธีกรบนเวทีก็เอ่ยขึ้น" จบลงไปแล้วนะคะ ทีม SS ตัวแทนจากภาคใต้ ต่อไปจะเป็นทีม JK ตัวแทนจากภาคเหนือค่ะ ขอให้ทีม JK เตรียมตัวเลยนะคะ ในปีนี้ต้องบอกเลยว่าแต่ละทีมนั้น ทำให้คณะกรรมการของเราหนักใจมากเลยทีเดียว "" ใช่แล้วครับ ในตอนนี้ทีม JK คงจะพร้อมกันแล้วต่อไปเชิญพบกับทีม JK ตัวแทนจากภาคเหนือได้เลยครับ "พิมเรียกนักเรียนให้มายืนเป็นวงหันหน้าเข้าหากันจากนั้นเธอก็แบมือแล้วคว่ำฝ่ามือลงยื่นแขนออกไปข้างหน้า เทเท่ก็วางฝ่ามือทับซ้อนลงบนหลังมือเธอแล้วนักเรียนก็วางมือทับต่อๆกัน" ขอให้พวกเราตั้งใจทำให้ดีที่สุด เพื่อคว้าชัยชนะที่อยู่แค่เอื้อม สู้มั้ย! "" สู้!!! "พิมเอ่ยกระตุ้นสร้างกำลังใจให้นักเรียนมีใจฮึกเหิม แล้วทุกคนก็เก็บมือเตรียมตัว จากนั้นก็เดินขึ้นไปบนเวทีจากนั้นทีมขอ
พิมกับเทเท่นัดแนะกับเด็กในห้องนาฏศิลป์ แล้วแจกใบขออนุญาตเดินทางไปแข่งขัน ให้กับนักเรียนทุกคน ให้เอาไปให้ผู้ปกครองเซ็นอนุญาตยินยอม จากนั้น พิมก็เริ่มเอ่ยกับนักเรียนของตัวเองว่า" นักเรียนคะ พรุ่งนี้เราจะเดินทางไปแข่งที่กรุงเทพแล้ว วันนี้ซ้อมแค่รอบเดียวพอแล้วเก็บแรงไว้เดินทางพรุ่งนี้ จำไว้ว่าเราเป็นตัวแทนของภาคขอให้เราตั้งใจทุ่มเททำให้ดีที่สุดจะได้ไม่เสียใจภายหลัง แต่สิ่งสำคัญคือ เราอย่าลืม ว่ากว่าแต่ละทีมจะมาถึงจุดนี้ได้ทุกทีมล้วนเป็นคู่แข่งที่เก่งและน่ากลัว ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีที่สุดทุกทีมเราจะประมาทหรือเหลิงโอ้อวดว่าเราเก่งเหนือคนอื่นไม่ได้ในโลกนี้ ในประเทศนี้ยังมีคนที่เก่งกว่าเราอีกตั้งมากมาย ไม่ว่าเราจะได้แชมป์หรือไม่ก็อย่าไปท้อแท้น้อยใจหรือเสียใจเด็ดขาดขอให้เรายอมรับและแสดงความยินดีกับคนที่ได้แชมป์อย่างจริงใจครูเชื่อว่าทุกความตั้งใจทุกความสามัคคีจะนำเราไปสู่ความสำเร็จขอให้เราตั้งใจทำให้เต็มที่ ทำให้สุดกำลังความสามารถเข้าใจมั้ยคะ "" เข้าใจค่ะ/ เข้าใจครับ "นักเรียนทุกคนตอบรับอย่างพร้อมเพรียมเสียงดังชัดเจน แล้วเทเท่ก็นัดแนะเวลามาขึ้นรถที่โรงเรียนต่อ" แล้วพรุ่งนี้นะคะ
บ้านพักครูเป็นบ้านปูนเล็กๆมีเพียงสองห้องนอนหนึ่งห้องน้ำ ตอนกลางคืน ณัชชากับเทเท่ก็ปูเสื่อนอนหน้าทีวี ในห้องที่จัดเป็นห้องนั่งเล่น อยู่ติดกับบันไดที่จะขึ้นไปชั้นสองเมื่อทุกคนเข้านอนแล้วบรรยากาศกลางดึกที่เงียบสงบ เทเท่ก็ลุกขึ้นมา ยื่นมือไปลูบไล้เรียวขาของณัชชาด้วยความหื่นกระหายเขาลูบไล้ขึ้นลงได้สักพัก ณัชชาก็เริ่มรู้สึกตัวเพราะรับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกติเธอค่อยๆขยับแพขนตาแล้วลืมตาขึ้นช้าๆอย่างงัวเงียเทเท่เห็นว่าเธอรู้สึกตัวแล้วเขาก็ขึ้นคร่อมบนตัวเธอทันทีแล้วจับมือเธอไว้ ก้มหน้าลงจูบไปตามคอพร้อมกับเอ่ยเสียงกระเส่า" คุณณัชชาผมต้องการคุณ ผมอดใจไม่ไหวแล้ว ฮอร์โมนส์เพศชายของผมมันกำเริบอีกแล้ว ผมต้องการคุณ "ทีแรกณัชชายังงงๆอยู่ว่าเทเท่คิดจะเล่นอะไร พอได้สติ เธอก็กรีดร้องขึ้นดิ้นรนขัดขืนอย่างสุดชีวิต" กรี๊ด!...ช่วยด้วยๆ ไอ้บ้าออกไปจากตัวฉันนะ ออกไป กรี๊ด... "" ไม่แน่นอนครับ ตอนนี้ฮอร์โมนส์เพศชายของผมมันกำลังคุกรุ่นต้องการร่างกายผู้หญิง "เทเท่เอ่ยพร้อมกับมองหน้าณัชชาด้วยสีหน้าหื่นกระหาย" กรี๊ด...ไม่เอาๆ ปล่อย ไอ้เทเท่ ไอ้บ้า ออกไปจากตัวฉัน ออกไป "แววตาณัชชากลัวจนสั่นไหว เธอกลัวจนหน้าข
ในเช้าวันต่อมา ขณะที่พิมกำลังสอนอยู่ ก็มีเพื่อนครูคนหนึ่งเดินมาบอกว่า" ครูพิมจ๊ะ มีคนมาหาครูพิมจ้ะ ตอนนี้รออยู่ที่หน้าบ้านพักครูพิมแล้ว "" อ้อ ค่ะ "พิมเอ่ยตอบ แล้วแอบพึมพำในใจ[ ใครกันที่มาหาเรา ช่างเถอะให้รอไปก่อนเดี๋ยวค่อยไปดู ]จากนั้นเธอก็หันมาสอนนักเรียนต่อ พอหมดคาบเรียน เธอก็เดินกลับไปที่บ้านพักเห็นหญิงสาวรูปร่างดีนั่งหันหลังให้เธอบนโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้านพัก[ ใครกัน? ]เธอเดินเข้าไปใกล้แล้วเอ่ยถามขึ้น" คุณมาขอพบฉัน มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ "ณัชชาหันหน้ามามองเธอแล้วยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ย" เซอร์ไพรส์ค่ะ คุณพิม "เมื่อเห็นว่าเป็นณัชชาเธอก็รู้สึกแปลกใจจนแสดงออกมาทางสีหน้าและแววตา แล้วเอ่ยถามขึ้น" คุณณัชชา! คุณมาทำอะไรที่นี่ "ไม่ต้องถามก็รู้ว่าณัชชารู้ที่อยู่เธอได้ยังไง เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเตชินส่งมาแน่ๆแต่เธอก็ไม่ได้กังวลอะไร เพราะคิดว่าอย่างน้อยดีกว่าเตชินมาเอง เธอแค่อยากรู้ว่าณัชชามาด้วยจุดประสงค์อะไรก็เท่านั้นณัชชาได้ยินพิมยิงคำถามมาแบบนี้ เธอจึงลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ย" ฉันมาเที่ยวน่ะ แล้วรู้มาจากพี่เตชินว่าคุณสอนอยู่ที่โรงเรียนนี้ เลยอยากจะแวะมาทักทาย ขอค้างคืนด้วยสั
ป๊อบพาพิมกลับมานอนพักบนบ้านพัก เขาค่อยๆประคองเธอขึ้นห้องไปอย่างช้าๆเมื่อเข้าไปในห้องเขาก็ประคองเธอไปที่เตียงแล้วพิมก็ขึ้นไปนอนบนเตียงป๊อบเป็นห่วงเธอมาก เพราะเธอพักบ้านพักครูคนเดียวเขาจึงเอ่ยว่า" คืนนี้ผมจะมานอนเป็นเพื่อนคุณนะ "" ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พิมอยู่คนเดียวได้ หากคุณมาอยู่ดูแลพิม เดี๋ยวคนอื่นจะมองไม่ดี จะพากันเข้าใจผิดกันไปใหญ่ "พิมรีบปฏิเสธ เพราะเธอแคร์สายตาและแคร์ความคิดของสังคมภายนอก มากกว่าความความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นภายในกายของตนเองอาจจะเป็นเพราะเธอถูกเลี้ยงมาแบบนี้ อยู่ในสังคมที่แคร์คนอื่น เธอจึงวางตัวดีมาเสมอและไม่ทำให้ตัวเองเสียชื่อเสียงเหมือนที่พ่อแม่เธอสอนไว้ว่า" ให้เป็นคนดี เป็นที่นับถือ ยำเกรง ทำอะไรคิดไตร่ตรองให้รอบคอบ อย่าทำตัวให้เป็นที่ครหานินทา "ป๊อบมองเธอแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มพร้อมกับจัดผ้าห่มมาห่มให้เธออย่างดี" พิมเวลานี้คุณไม่ควรแคร์คนอื่นนะ คุณต้องห่วงสุขภาพตัวเองกับลูกในท้องก่อนการที่ผมมาดูแลคุณแล้วเป็นที่ครหา ผมว่าดีซะอีก คนอื่นจะได้รู้ว่าคุณท้องลูกของผมอยู่ "พิมจ้องหน้าป๊อบที่คิดวางแผนเพื่อปกป้องเธอไม่ให้ถูกคนอื่นกล่าวหาว่าท้องไม่มีพ่อแ