เตชินนั่งอึ้ง มองตามหลังพิมที่วิ่งขึ้นไปข้างบนด้วยความรู้สึกผิดที่ผ่านเข้ามาในอก
แต่แค่แวบเดียวเขาก็สลัดความรู้สึกที่ทำให้เขาทุกข์นั้นทิ้งไป เขาทำอะไรมีเป้าหมายเสมอ เขาจะไม่ใจอ่อน เพียงเพราะความรู้สึกส่วนตัว จนทำให้เสียงานเด็ดขาด จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนเดินออกจากโต๊ะอาหารแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน เพื่อไปดูพิม เขายื่นมือไปเปิดประตู แล้วเดินเข้าไปหาพิมที่นั่งร้องให้อยู่บนเตียง เมื่อยืนอยู่ตรงหน้าเธอแล้วเขาจึงเอ่ยออกมาอย่างคนไร้อารมณ์ความรู้สึกว่า " ในเมื่อคุณรู้หมดแล้ว ผมขอแนะนำขอให้คุณรีบทำให้ตัวเองท้องให้ไวที่สุด พอคุณคลอดลูกออกมา คุณก็จะได้รับอิสระ กลับไปใช้ชีวิตของคุณต่อไป " พิมมองเขาด้วยแววตาแข็งกร้าว เธออยากจะตบหน้าเขาแรงๆ อยากจะเอามีดแทงเข้าไปในหัวใจของเขาจนแทบจะทนไม่ไหว อยากจะผ่าอกเขาดู ว่าเขามีหัวใจหรือเปล่า หัวใจเขาทำด้วยอะไรกันแน่ ถึงได้เลือดเย็นไร้หัวใจเช่นนี้ เธอโกรธจนกำมือแน่น จนมือสั่นและขาวซีดไปหมด น้ำตาที่ไหลอาบแก้มนั้น ร้อนจนจะลวกคนได้ สักพักเธอค่อยๆคลายอารมณ์โกรธที่มีอยู่เต็มอกและคลายมือออก เพื่อให้จิตใจตัวเองผ่อนคลาย ไม่ให้ถูกความโกรธครอบงำจิตใจจนขาดสติ จนเผยความคิดทุกอย่างให้คนตรงหน้ารู้ ผ่านไปสักพัก เธอเริ่มรู้สึกว่าอารมณ์ตนเองปกติกลับมาคงที่แล้ว เธอจึงเอามือปาดน้ำตา แล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงปกติ ราวกับไม่เคยโกรธหรือร้องให้มาก่อน " ได้ แต่คุณต้องให้เวลาฉันทำใจหน่อย การที่ผู้หญิงคนหนึ่งท้องลูกสักคนอย่างยากลำบาก พอคลอดออกมาก็ต้องยกให้คนอื่น มันไม่ง่ายเลย สำหรับคนที่ไม่พร้อม และมีหัวใจอย่างฉัน " ขนาดเรื่องยังไม่เกิด แค่คิดเธอก็สงสารตัวเองกับลูกแล้ว หากเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงๆ เธอคงอกแตกตายก่อนตรอมใจตายแน่ คำพูดของเธอ ทำให้เตชินรู้สึกสงสารนิดหน่อย แต่ไม่ถึงขั้นยอมใจอ่อนให้กับเธอ แล้วเขาก็เอ่ยถามออกมาอย่างเย็นชาว่า " คุณกำลังจะหาว่าผมไร้หัวใจสินะ " พิมไม่ตอบ แต่ยักไหล่ขึ้นพร้อมกับเบะปากนิดเลิกคิ้วขึ้นหน่อย จากนั้นเตชินก็เอ่ยต่อว่า " ได้ในเมื่อคุณอยากได้เวลา ผมก็จะให้เวลาคุณทำใจหนึ่งเดือน " ได้ยินดังนั้น พิมเลยลองถามขึ้น อีกครั้งอย่างอยากรู้ " ทำไมต้องเป็นฉัน คนอื่นมีตั้งเยอะแยะ ถ้าฉันไม่เอาเงินแล้วล่ะ คุณจะปล่อยฉันไปได้มั้ย " เตชินจึงเอ่ยตอบเธอไปว่า " ไม่ได้ เพราะคุณคือคนที่ผมเลือก ให้มาเป็นแม่ของลูก และเป็นเพราะคุณ มีคุณสมบัติครบ ตามที่ผมต้องการ สามารถให้กำเนิดลูกที่เพอร์เฟคได้ ต่อให้คุณไม่รับข้อเสนอผม ไม่จดมะเบียนสมรสกับผม ผมก็จะหาวิธี ทำให้คุณจดทะเบียนและมีลูกกับผมให้ได้อยู่ดี ยีนส์ของเราเป็นยีนส์เด่นทั้งคู่ดูเข้ากันได้ดีด้วย ผมว่าคุณอย่าเสียเวลาคิดหาวิธีไร้สาระอะไรอีกเลย รีบมีลูกให้ผมดีกว่า " เตชินรู้ว่าคนอย่างเธอคงไม่ยอมจำนนง่ายๆแน่ จึงพูดดักความคิดเธอไว้ก่อน เธอมองเขาแล้วถามย้ำอีกครั้ง " ยังไงก็ต้องเป็นฉันคนเดียว " เขาจึงเอ่ยตอบเธอว่า " ใช่ " พิมค่อยลุกขึ้นยืน พร้อมกับถอนหายใจออกมาสีหน้าดูอย่างเหนื่อยล้า ท่าทางคล้ายจำใจทำตามที่เตชินต้องการ ยอมจำนนแต่โดยดี อย่างไร้ซึ่งทางเลือกใดๆ จากนั้นเธอก็เอ่ยออกมาว่า " ในเมื่อฉันต้องรับชะตานี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ได้ ฉันจะยอมท้องลูกให้คุณ แต่ คุณต้องให้เวลาฉันได้ทำใจหนึ่งเดือนจริงๆอย่างที่คุณพูด " ได้ยินดังนั้น เตชินจึงเอ่ยเพียงสั้นๆว่า " ตามนั้น " เมื่อตกลงกันได้ เธอเดินเข้ามาหาเขาแล้วเอ่ย " ตุณบอกว่าจะไปส่งฉันออกไปข้างนอกใช่มั้ย " เตชินมองหน้าเธอแล้วเอ่ยตอบว่า " ใช่ " พิมจึงเอ่ยต่อว่า " งั้นคุณรอฉันสักครู่นะ ฉันจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน " " ได้ คุณรีบไปอาบน้ำเถอะ ผมจะนอนรอบนเตียง " เอ่ยจบ เตชินก็เดินผ่านพิมไป แล้วทิ้งตัวนอนลงบนเตียง นอนแผ่หลาอย่างสบายตัว แล้วเอ่ยขึ้น " สบายหลังหน่อย เมื่อคืนนอนบนโซฟา หลับไม่สนิทเลย คืนนี้ผมกลับมานอนนี่นะ " พิมหันกลับไปมองเขาแล้วเอ่ยเพียงสั้นๆว่า " ได้ " เอ่ยจบเธอก็หมุนตัวเดินไปหยิบเสื้อผ้าในตู้ แล้วเข้าไปอาบน้ำทันที เตชินมองตามแผ่นหลังของร่างสวยหุ่นดีแลดูสูงโปร่ง แล้วยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างพอใจ คฤหาสน์ตระกูล อัศววัฒน์สกุล ณัชชาเดินออกมาจากห้องหอ ที่เป็นเหมือนห้องพักชั่วคราวของเธอ ที่ไม่มีแม้เงาหรือกลิ่นไอของเจ้าบ่าวอย่างเตชินเลย เพราะตั้งแต่แต่งงานคืนแรกจนวันหย่า เธอก็ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวในวังเดียวดายแห่งนี้ เฝ้ารอเขากลับมาแต่เขากลับไม่แม้แต่จะชายตามองเธอเลย เธอมองไปรอบๆห้องใหญ่ นัยน์ตาฉายแววความอาลัยห้องที่เคยอาศัยอยู่ ถูกประดับตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์จากแบรนด์ดังระดับโลกที่เธอชอบ แล้วเอ่ยพึมพำในใจอย่างเงียบๆ [ ของบางอย่าง ถ้ามันไม่ใช่ของเรา ไม่ว่าให้ได้มาด้วยวิธีไหน สุดท้ายก็ต้องกลับคืนสู่เจ้าของ จากนี้ไปขออวยพรให้พี่เตชินสมหวังได้อยู่กับคนที่รักและครองคู่กันไปอย่างมีความสุข ขอบคุณที่ดูแลณัชชามาตลอด ตอนนี้ณัชชาโตแล้ว ถึงเวลาต้องออกไปเรียนรู้โลกกว้างแล้ว ลาก่อนค่ะ ] จากนั้นเธอก็ปิดประตูเบาๆแล้วลากกระเป๋าเดินลงบันไดไป วันนี้เธอขนย้ายข้าวของเพื่อกลับไปอยู่บ้านตัวเองแล้ว จึงเดินไปลาคุณหญิงจารวีกับคุณผู้ชายทวีศักดิ์ ทั้งสองเดินออกมาส่งเธอขึ้นรถด้วยตัวเอง เมื่อรถขับออกไป สองสามีภรรยาก็เดินกลับเข้ามาในบ้าน คุณหญิงจารวีจึงเอ่ยว่า " ลูกสะใภ้ที่ต้องใจก็จากไปแล้ว แล้วลูกชายตัวดีของเราจะทำสำเร็จมั้ยเนี่ย ฉันล่ะกังวลใจจริงๆ " ได้ยินดังนั้นคุณผู้ชายทวีศักดิ์จึงเดินเข้ามาโอบภรรยาด้วยความรักใคร่ ยิ้มตาหยีจนปรากฏร่องรอยเหี่ยวย่นที่หางตา แล้วเอ่ยหยอกล้อภรรยาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน " ที่ผมกอดอยู่ ใช่ภรรยาผมหรือเปล่า ทำไมผิวพรรณเปล่งปลั่ง ใบหน้างดงามราวกับหญิงสาววัยแรกแย้มเลย " คุณหญิงจารวี เงยมองสามีแล้วตีไปเบาๆ เพราะสามีเปลี่ยนเรื่องที่จะสนทนากัน แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าแววตาที่มีการงอนเล็กน้อย " คุณ มันใช่เวลามาหยอกกันเล่นมั้ย สนใจเรื่องที่ฉันพูดหน่อย " คุณผู้ชายทวีศักดิ์ค่อยๆหุบยิ้มแล้วเอ่ยอย่างจริงจังน้ำเสียงสุขุมอ่อนโยน " คุณอย่าไปคิดมากเลย ลูกเราโตแล้ว เขารู้ ว่าควรทำยังไง อีกอย่างอดีตลูกสะใภ้ก็เพิ่งจะออกไป คุณทำใจรับลูกสะใภ้คนใหม่เข้ามาได้แล้วเหรอ ผมว่าเราอย่าเอาเวลาในปั้นปลายชีวิตของเรา มาคิดเรื่องพวกนี้เลย เดี๋ยวมันจะไม่ดีต่อสุขภาพจิตเอานะ ปล่อยให้เป็นหน้าหน้าของลูก ที่ยังหนุ่มยังแน่นได้ดีกว่า ให้เขาจัดการเอง " แล้วคุณหญิงจารวีก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่ชอบใจ ในบางคำพูดของสามี " ใครบอกว่าฉันจะรับลูกสะใภ้คนใหม่ ฉันเอาแค่ลูกหล่อนเท่านั้นค่ะ " คุณผู้ชายทวีศักดิ์ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจคล้ายเอือมเล็กน้อย แล้วเลื่อนมือทั้งสองข้างมาจับไหล่ภรรยาเบาๆให้ภรรยาหันมาทางเขา แล้วสบตากับภรรยาอย่างจริงจังแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเจือความอ่อนโยน " ไม่เอาน่ะคุณหญิง ไม่คิดแบบนี้ ลูกทุกคนล้วนต้องการพ่อแม่ แม้จะมีแม่เลี้ยง ก็ใช่ว่าจะเหมือนแม่แท้ๆ เมื่อเด็กโตขึ้น ต่อให้เราไม่บอกเรื่องแม่แท้ๆหรือเรื่องราวที่เราทำไว้ วันหนึ่งเขาก็ต้องรู้ความจริง เขาอาจจะรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจในภายหลังได้ การกระทำที่ผิดพลาดของเราอาจจะย้อนกลับมาทำร้ายเราเองในอนาคต ช่วงปั้นปลายชีวิตที่ควรจะอยู่อย่างสงบสุขอาจจะต้องมานั่งทุกข์ใจและไม่สงบสุขก็ได้ เมื่อเรื่องยังไม่เกิดเราอย่าทำอะไรที่ผิดพลาดเลย ยอมรับพวกเขา ให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน มีครอบครัวที่อบอุ่นอย่างสมบูรณ์เถอะ อย่าไปอคติหรือตัดสินคนที่ภายนอก อย่าไปดูถูกรากเหง้าของคน เพราะคนเรามันเลือกเกิดไม่ได้ ถ้าเลือกเกิดได้ทุกคนก็อยากจะเกิดมารวย และมีความสุขกันทั้งนั้น คุณรู้มั้ยแท้จริงแล้ว ความจนมันคือสีสันหนึ่งของชีวิตเลยนะ ทำให้คนรู้จักพยายาม มีความอดทน เข้มแข็งและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง มีภูมิคุ้มกันทางสังคมที่ดีเยี่ยม เอาตัวรอดเก่งกว่าใครๆ " เมื่อได้ฟังสามีเอ่ยอย่างอ่อนโยนและมีเหตุผล คุณหญิงจารวีก็เริ่มใจอ่อนแล้วเอ่ย " ค่ะ หากหล่อนมีหลานให้เราได้ ฉันจะไม่กีดกันหล่อนให้ได้เจอกับลูก หากลูกชายเราชอบหล่อนขึ้นมาจริงๆ ฉันจะแล้วแต่ลูก ไม่ขอออกความเห็นใดๆอีก " คุณผู้ชายทวีศักดิ์ฉีกยิ้มจนตาหยี แล้วดึงภรรยาเข้ามากอดไว้ในอ้อมอก ด้วยความรู้สึกดีใจและสบายใจที่ภรรยาเชื่อฟังคำพูดของเขาเตชินขับรถพาพิมออกมาจากบ้านระหว่างทางพิมนั่งเงียบตลอดเตชินก็ขับรถไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมายปลายทาง พิมที่นั่งข้างๆก็ยังไม่บอกเขาสักทีว่าจะไปไหน สุดท้ายเขาจึงหันมาเอ่ยถามพิมว่า" คุณคิดได้หรือยังว่าจะไปที่ไหน "พิมนั่งกอดอก ทำท่าครุ่นคิดสักพัก จึงหันไปมองเตชินแล้วเอ่ย" อืม...ยังคิดไม่ออกอ่ะ คุณขับไปเรื่อยๆก่อนได้มั้ย ถ้าคิดออกแล้วจะบอก "ได้ยินเธอพูดดังนั้นเขาจึงเอ่ย" เราขับรถออกมาได้ชั่วโมงหนึ่งแล้วนะ คุณยังคิดไม่ออกอีกเหรอ ว่าอยากไปที่ไหน "พิมหันกลับมา ทอดสายตามองตรงไปข้างหน้าแล้วเอ่ย" งั้นคุณก็ขับรถพาฉันเที่ยวชมกรุงเทพละกัน ตั้งแต่ที่ฉันมาถึงกรุงเทพ ฉันยังไม่เคยออกไปไหนเลย ฉันอยากจะนั่งรถชมวิวชมทิวทัศน์รอบเมืองหลวงอย่างเพลินๆสักหน่อย "ได้ยินดังนั้นเตชินก็หันหน้ากลับไป มองตรงไปบนถนนข้างหน้าสองมือจับพวงมาลัยขับอย่างชำนาญ แล้วเอ่ย" ได้ ผมจะพาคุณขึ้นบนทางด่วน คุณจะได้เห็นทิวทัศน์ในเมืองกรุงอย่างชัดเจน "เอ่ยจบเตชินก็ขับขึ้นบนทางด่วนแล้วขับต่อไปเรื่อยๆ ขับไปตามสถานที่ต่างๆพร้อมกับแนะนำสถานที่ต่างๆให้พิมได้รู้จักแล้วอยู่ๆพิมก็ทำหน้าบิดเบี้ยวคล้ายกับมีอาการเจ็บนั่งตัวเกรงคล้า
ในเช้าวันต่อมา เตชินตื่นขึ้นมาแต่เช้า เมื่อทำกิจวัตรประจำวันเสร็จเขาก็เดินออกจากห้อง ลงไปชั้นล่างแล้วเดินเข้าไปในห้องครัวหยิบผ้ากันเปื้อนมาสวม แล้วไปเปิดดูของที่มีในตู้เย็น หยิบเนื้อปูกับกุ้งและผักขึ้นฉ่ายออกมา(คื่นไฉ่)แล้วเริ่มตั้งหม้อ หั่นผักขึ้นฉ่าย เพื่อที่จะทำข้าวต้มให้พิม จากนั้นเขาก็เอาขิงจากในตู้เย็นมาซอย หั่นเป็นชิ้นเล็กๆพอทำเสร็จ ก็ตักข้าวต้มใส่ชาม วางลงในถาด หยิบช้อนกับน้ำดื่มที่ไม่ได้แช่เย็นวางลงข้างๆชามข้าวต้มจากนั้นก็ถอดผ้ากันเปื้อนออก แล้วยกถาดเดินขึ้นบันไดกลับไปที่ห้องพอถึงหน้าห้องก็ยื่นมือไปเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องนำถาดไปวางลงบนโต๊ะในห้องทำงานแล้วเอ่ยกับพิมที่หลับอยู่ว่า" พิม ข้าวต้มอยู่บนโต๊ะ ตื่นมาอย่าลืมทานข้าวทานยาล่ะ "จากนั้นเขาก็เดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินมาที่เตียงแล้วก้มลงจูบหน้าผากพิมอย่างนุ่มนวลจากนั้นก็มองไปที่ริมฝีปากอวบอิ่มแล้วจูบลงไปเบาๆอย่างทะนุถนอมแต่พิมกลับหลับสนิท ไม่รู้สึกตัว เพราะเธอไม่ยอมหลับทั้งคืนมัวแต่กังวลกลัวเตชินจะมาล่วงเกินเธอในเวลาที่เธอเผลอหลับแต่เธอดันลืมไปว่า เธอแกล้งเป็นเมนส์อยู่แท้จริงแล้วแค
เตชินกลับเข้ามาในบ้าน เห็นพิมนั่งทานข้าวอยู่จึงเดินเข้ามาเธอแล้วเอ่ย" ตื่นแล้วเหรอ ดีขึ้นบ้างมั้ย "พิมหันไปมองเขาแล้วเอ่ยตอบ" ดีขึ้นแล้วค่ะ "" อืม ดีแล้ว ผมขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะ "" ค่ะ "เอ่ยจบเตชินก็หมุนตัวเดินขึ้นบันไดไป พิมหันมาสนใจข้าวตรงหน้าแล้วตักเข้าปากต่อไปพอทานข้าวเสร็จเธอก็ดื่มน้ำตามปกติ แล้วลุกจากเก้าอี้เดินมานั่งในห้องนั่งเล่นแล้วเปิดทีวีดู เตชินเดินลงบันไดมาเห็นพิมนั่งดูทีวีอยู่ จึงเข้ามาหาเธอแล้วนั่งลงข้างๆเธอ จากนั้นก็ยื่นมือไปโอบไหล่เธอ เธอพยายามกระเถิบหนีห่าง แล้วเอ่ยเสียงเย็น" คุณเตชิน กรุณาเก็บมือดีๆค่ะ "เตชินเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมอย่างสุขุมน้ำเสียงแฝงไปด้วยการหยอกเย้า" แค่โอบไหล่ภรรยาก็ไม่ได้เหรอ "ได้ยินดังนั้นพิมมองตาเขียวใส่เขาอย่างไม่พอใจในคำพูดของเขา แล้วเอ่ย" คุณเตชิน ฉันเป็นภรรยาคุณหรือเปล่าคุณรู้ดี "เตชินเก็บมือกลับมาแล้วเอ่ยถามอย่างจริงจังคล้ายใส่ใจเธอมาก" วันนี้คุณอยากไปไหนมั้ย "พิมหันมาสนใจรายการทีวีต่อพร้อมกับเอ่ยอย่างเย็นชา" ไม่ค่ะ "เตชินจึงเอ่ยต่อว่า" งั้นผมไปข้างนอกนะ วันนี้อากาศเย็น คุณอยู่บ้านก็รีบเข้านอนไวๆหน่อยนะ "ได้ยินดัง
เตชินขับรถกลับมาด้วยอารมณ์ที่ยากจะอธิบายเขาไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นอะไร ที่อยู่ๆก็รู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับป๊อบทั้งที่ก่อนหน้านี้ ก็เคยเจอกันแล้ว แต่ก็ไม่มีความรู้สึกนี้เกิดขึ้นพิมนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ ดูซีรีส์จีนเรื่อง ฉู่เฉียวจอมใจจราชน เธอชอบจ้าวลี่อิงมากๆ เธอเอาผ้าห่ม มาห่ม นั่งดูซีรี่ส์คนเดียวอย่างเพลินๆ พอถึงฉากดราม่า เธออินจนร้องให้ไม่หยุด ดูไปร้องให้ไปหยิบทิชชูขึ้นมาซับน้ำตา แต่น้ำตาเธอกลับไม่มีทีท่าว่าหยุดไหลเลยเธอนั่งร้องให้คนเดียวในห้อง ที่มีเพียงแสงสลัวจากหลอดไฟดวงเล็กๆบนเพดานคอยเป็นเพื่อนรับฟังเสียงร้องให้สะอื้นของเธอท่ามกลางความืดที่ให้บรรยากาศคล้ายโรงหนังเตชินเดินกลับเข้ามาในบ้าน ได้ยินเสียงร้องให้ของเธอก็ตกใจรีบเดินเข้าไปหาเธอแล้วเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงอย่างร้อนใจ" พิม คุณร้องให้ทำไม เจ็บตรงไหนอีก "พิมทั้งตกใจ ทั้งเคอะเขิน ความฟินความอินถูกทำลายลงด้วยตัวและเสียงของเตชิน เธอรีบปาดน้ำตาทิ้งอย่างไว ทำตัวไม่ถูก ที่ถูกคนอื่นเห็นตอนร้องให้เพราะอินกับซีรี่ส์แต่เธอจะให้เตชินรู้ว่าเธอร้องให้เพราะซีรี่ส์ไม่ได้ เธอจึงเอ่ยด้วยสีหน้านิ่ง ตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จ" ฉัน...ฉันค
หลายวันต่อมา ด้วยความที่ไตรภพและนาวินอยากจะมาทำความรู้จักกับพิมให้มากขึ้นเพราะพวกเขาคิดว่าพิมคือผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้เตชินทิ้งพวกเขาได้และเป็นผู้หญิงคนแรกที่เตชินดูเป็นห่วงเป็นใยเป็นพิเศษพวกเขาจึงโทรหาเตชินแล้วนัดกันขอไปปาร์ตี้บ้านเตเชินเตชินเองก็ไม่ขัดอะไร ให้เพื่อนมาปาร์ตี้ มาดื่มเหมือนอย่างเคยๆในตอนเช้าของวันปาร์ตี้เตชินเอ่ยบอกกับพิมว่า" วันนี้เย็นๆเพื่อนผมจะมา คุณแต่งตัวให้มิดชิดหน่อยนะ "พิมมองเขาแล้วเอ่ย" ทำไม ฉันต้องฟังคุณด้วย อีกอย่างฉันอยู่แค่ในห้อง ไม่ได้ออกไปไหนสักหน่อย จะแต่งมิดชิดไปทำไม อ้อ จริงสิ ฉันเคยแต่งตัวไม่มิดชิดด้วยเหรอ ก็ไม่เคยหนิ "เตชินใช้สายตาสำรวจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วเอ่ย" ไม่เคยก็ดีแล้ว ผมไปทำงานก่อนนะ "เอ่ยจบเขาก็จับหัวพิมแล้วจูบหน้าผากของเธอเบาๆอย่างไวจากนั้น ก็เดินออกจากห้องไป ทำเอาพิมเหวอไปเลยและเริ่มรู้สึกสับสนกับสถานะที่เป็นอยู่เธอรู้สึกว่านับวันเธอและเขาเหมือนสามีภรรยากันจริงๆเข้าไปทุกทีแม้เธอจะไม่มีประสบการณ์ด้านความรักมาก่อน แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าชีวิตเธอเหมือนจะเปลี่ยนไป มีอีกหนึ่งชีวิตเข้ามาวุ่นวายในชีวิตเธอจากที่นอนคนเดียวมาตลอ
ป้าใจเห็นทั้งสองจับมือกันดูสนิทสนมเกินกว่าคนเคยรู้จักทั่วไป จึงเดินเข้าไปแสดงตัวแล้วเอ่ย" คุณพิมคะ ไปส่งป้าเข้าห้องน้ำหน่อยได้มั้ยคะ "พิมจึงเอ่ยว่า" ได้ค่ะ "จากนั้นเธอก็หันไปเอ่ยกับป๊อบว่า" ฉันไปส่งป้าใจเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ "" ครับ "ป๊อบเอ่ยตอบ พิมลุกขึ้นเดินไปส่งป้าใจ แล้วเสียงแจ้งเตือนข้อความในโทรศัพท์ของป๊อบก็ดังขึ้นป๊อบเปิดดูข้อความจากผู้เป็นแม่ ( ป๊อบลูกอยู่ไหน คุณพ่อไม่สบาย รีบกลับมาด่วน )เขามองแผ่นหลังของพิมที่ไกลออกไป จากนั้นก็วิ่งไปหาเธอด้วยสีหน้าร้อนใจ แล้วเอ่ย" พิม ผมขอกลับก่อนนะ ผมมีธุระด่วนต้องไปทำน่ะ "พิมจึงเอ่ยตอบว่า" ได้ค่ะ "จากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินกลับไปที่รถด้วยความรีบร้อน แล้วขับรถออกไปพิมรอป้าใจอยู่หน้าห้องน้ำ พอป้าใจเข้าห้องน้ำเสร็จ ทั้งสองก็เดินออกไปหาอะไรทานในศูนย์อาหารทั้งสองนั่งทานข้าวกันอย่างเพลินๆเตชินออกมาจากบริษัทก่อนเวลาเลิกงานแล้วมาหาพิมที่สวนสาธารณะแห่งนี้ เมื่อมาถึงก็เห็นพิมนั่งปั่นเป็ดเพลินๆอยู่คนเดียวกลางน้ำส่วนป้าใจก็นั่งรอเธอที่ให้ต้นไม้ใหญ่ เตชินจึงเดินเข้าไปแล้วปั่นเป็ดไปหาพิม จากนั้นก็เอ่ยว่า" ผมมารับคุณกลับบ้านแล้วครับ "พิม
พิมเข้าไปร้องให้ในห้องน้ำอย่างเงียบๆ เธอไม่คิดว่าเตชินจะพูดเรื่องที่จดทะเบียนต่อหน้าทุกคนจนทำให้ป๊อบเข้าใจผิดแสดงท่าทีเย็นชาออกมาแบบนั้นเธอไม่รู้ว่าเตชินคิดจะทำอะไรอีก ที่อยู่ๆก็ประกาศว่าเธอคือภรรยาเขาอย่างเต็มปากเต็มคำจนทำให้สีหน้าของป๊อบเปลี่ยนไปเธอคิดว่าป๊อบคงโกรธ เกลียดเธอแล้วแน่ๆ[ หรือว่าเขาจะรู้เรื่องของเรากับคุณป๊อบ ]เธอเริ่มสงสัยแล้วพึมพำในใจ จากนั้นเธอก็ล้างหน้าล้างตาแล้วเดินออกจากห้องน้ำป๊อบยืนรอคุยกับเธออยู่หน้าห้องน้ำได้สักพักแล้ว เขาได้ยินเสียงเธอร้องให้ชัดเจนพอเธอเปิดประตูห้องน้ำออกมา เขาก็จับแขนเธอไว้แล้วเอ่ยถามด้วยอาการเมานิดๆ" พิม ที่เตชินพูดมันไม่เป็นความจริงใช่มั้ย "พิมได้แต่เงียบไม่เอ่ยอะไรออกมาเพราะเธอมึนตึ๊บไปหมดแล้วแต่การเงียบของพิมเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดป๊อบจึงเอ่ยถามต่อว่า" เพราะแบบนี้ใช่มั้ย คุณถึงให้ผมรอ พิมคุณบอกผมมาเถอะมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ๆคุณถึงไปจดทะเบียนสมรสกับเขา "พิมเงยหน้ามองป๊อบทั้งน้ำตา เธอจะบอกเขาได้ยังไง ว่าเธอจดทะเบียนเพราะเงินป๊อบก็พอจะเดาได้ว่าอาจจะเป็นเพราะเงินจำนวนมากถึงทำให้พิมจดทะเบียนสมรสได้ เขาจึงเอ่ยถามขึ้น" เพราะเ
หลังจากคืนปาร์ตี้ เตชินก็ไม่กลับมานอนห้องอีกเลยพิมนอนคนเดียวอย่างสบายใจเฉิ่ม หลับสนิทไปทุกคนคืน ตื่นมาก็รู้สึกสดชื่อนอารมณ์ดีทุกเช้าส่วนเตชิน พิมเองก็ไม่รู้ว่าเขาไปนอนที่ไหน และไม่ได้ถามหรือว่าสนใจเขาเลยผู้ช่วยคังทำหน้าที่กลับมาเอาเสื้อผ้า ชุดทำงานวันต่อวันป้าใจเริ่มเป็นห่วงความสัมพันธ์ของทั้งสอง ในสายตาป้าใจ ตามที่ป้าใจเข้าใจคือ ทั้งสองคือสามีภรรยากันเป็นแบบนี้หลายๆวันเข้า พอป้าใจเจอผู้ช่วยคังกลับมาเอาเสื้อผ้าให้เจ้านาย ป้าใจก็อดทนต่อไม่ไหว จึงเข้าไปถามถึงคุณชายของเขาทันที" คุณคังคะ เอ่อ...อย่าหาว่าป้าอยากสอดรู้สอดเห็นเรื่องของเจ้านายเลยนะคะ เอ่อ...คุณชายไม่กลับมาหลายวันแล้ว ป้าใจไม่ดีเลย คุณชายทะเลาะกับคุณพิมเหรอคะ "ผู้ช่วยคังเองก็ไม่รู้ แต่เขาก็เดาว่าน่าจะทะเลาะกัน แต่คราวนี้เขารู้สึกแปลกที่เจ้านายของเขาโกรธจนหนีไปอยู่โรงแรม แถมสีหน้าดูไม่เป็นมิตรกับโลกมาเป็นอาทิตย์แล้ว รอยยิ้มสักนิดก็ไม่เคยปรากฎให้เห็น[ ทั้งที่ทั้งสองไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วโกรธกันเรื่องอะไร คุณชายถึงกับไม่ยอมกลับมาอยู่บ้าน ทั้งที่อยากรู้ว่าคุณพิมเป็นยังไงก็ไม่กลับมาดูเอง ]ผู้ช่วยคังพึมพำกับตัวเองในใ
ในห้องผ่าตัดหลังจากผ่าตัดเสร็จอยู่ๆพิมก็หยุดหายใจไป เนื่องจากเธอเสียเลือดมากและแท้งบุตรในขณะที่ประสบอุบัติเหตุทำให้ร่างกายไม่สามารถทนพิษบาดแผลไหวในตอนที่เธอยังมีลมหายใจโรยริน จิตสุดท้ายของเธอคล้ายกับรับรู้ได้ว่าตัวเองสูญเสียลูกไปแล้ว คลื่นความเศร้าโศกถาถมความเสียใจเข้ามาสาดใส่ ทำให้เธอไม่มีกำลังใจที่จะอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เพราะเธอตั้งใจจะพาลูกของเธอหนีไปอยู่ในที่ปลอดภัย ไม่คิดว่าจะเป็นการพาเขามาตายจากแล้วหมอก็รีบทำการช่วยชีวิตเธออีกครั้งอย่างสุดความสามารถใช้เวลาอยู่นานเธอก็ไม่กลับมาหายใจ คลื่นหัวใจเป็นเส้นตรงไม่ขยับเขยื้อนเลยสีหน้าหมอแสดงถึงความจนปัญหาด้วยความผิดหวังแล้วเอ่ยเสียงเศร้า" แจ้งญาติคนไข้เถอะ "" ค่ะ "พยาบาลเอ่ยตอบแล้วเดินออกไปจากห้องผ่าตัด" ผ่าตัดเสร็จแล้วแท้ๆ ไม่คิดว่าคนไข้จะมาเสียชีวิตในขณะที่เราเพิ่งจะมีความหวังขึ้นมา "พยาบาลสาวคนหนึ่งเอ่ยอย่างผิดหวัง เพราะในตอนแรกพวกเขาก็ทำใจไว้แล้วว่าคนไข้อาจจะไม่รอดแต่พวกเขาต่างก็ตั้งใจช่วยชีวิตพิมอย่างสุดความสามารถมากจนเธอกลับมาหายใจอีกครั้งความจริงพิมหยุดหายใจตั้งแต่ตอนเกิดเหตุแล้วหมอจึงเอ่ยอย่างสุขุมว่า" บางทีจิตสุ
" ไม่ได้นะคุณเตชิน คุณอย่าทำแบบนี้ ปล่อยฉันกับลูกไปเถอะนะ "พิมขอร้องอ้อนวอนให้เขาปล่อยเธอไม่หยุด แต่เขากลับนิ่งเฉย รตีลงจากรถแล้วแอบเดินถามเตชินเข้ามาในโรงพยาบาลก่อนหน้านี้เธอไปหาเตชินที่บ้าน เห็นเตชินขับรถออกจากบ้าน เธอจึงให้คนขับรถ ขับตามเตชินเธอใส่แว่นสีดำปกปิดดวงตาและใส่แมสก์ปกปิดหน้าเอาไว้ไม่ให้เตชินรู้ว่าเป็นเธอพิมที่อยู่ในอ้อมแขนของเตชินเธอทั้งตีทั้งข่วนเขาจนเธอน้ำตาไหลพรากแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออย่างจนปัญญาด้วยความหวาดกลัว" คุณเตชิน คุณจะฆ่าเขาไม่ได้ เขาเป็นลูกของคุณไม่ใช่ลูกของคุณป๊อบอย่างที่คุณเข้าใจ เขาเป็นลูกของคุณจริงๆ "ได้ยินดังนั้นเตชินก็หยุดชะงักไป รตีได้ยินก็ช็อกไปเช่นกัน แล้วแววตาของเธอก็กลายเป็นดุร้ายเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาเตชินมองหน้าพิมแล้วเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง" คุณพูดว่าไงนะ "พิมมองเขาแล้วเอ่ยเสียงสั่น" เขาเป็นลูกของคุณ คุณวางฉันลงก่อนได้มั้ยแล้วฉันจะอธิบายให้ฟัง "เตชินวางเธอลง พอเธอเป็นอิสระจากมือของเขาเธอก็วิ่งหนีไปทันทีเตชินเห็นเธอวิ่งหนีไปเขารู้สึกเจ็บใจมากที่ถูกหลอกจึงวิ่งตามเธอออกไปแล้วคว้าข้อมือเธอมาจับไว้นำตัวเธอกลับมาอีกครั้งพร้อ
เมื่อป๊อบเห็นพิมกลับมา เขาก็ปลีกตัวออกจากกลุ่มนักเรียนแล้วเดินมาหาพิมพร้อมกับเอ่ยถามขึ้น" พิมเขาทำอะไรคุณหรือเปล่า "พิมส่ายหน้าแล้วเอ่ย" ไม่ค่ะ "ป๊อบพยักหน้าแล้วเอ่ย" เช่นนั้นก็ดีแล้ว ปิดเทอมนี้เราก็ว่างบ้างแล้วเดี๋ยวผมจะให้เขาเซ็นหย่าให้คุณให้ได้ ต่อไปเขาจะได้ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับคุณอีก "พิมมองป๊อบด้วยสีหน้าเหนื่อยใจนึกถึงคำพูดของเตชินก่อนหน้านี้เธอไม่อยากได้แล้วใบหย่า เธอจึงเอ่ยว่า" จะหย่าหรือไม่หย่าฉันไม่สนใจแล้วค่ะ แค่ใบหย่าใบเดียวไม่มีผลอะไรกับชีวิตฉันหรอกค่ะ ฉันไม่อยากข้องเกี่ยวกับเขาอีกแล้วเราอย่าไปใส่ใจกับใบหย่านั่นอีกเลยค่ะ "" ก็ได้ครับ ไว้คุณคลอดลูกแล้วค่อยมาตัดสินใจอีกที "เขาก็ไม่อยากให้พิมติดอยู่กับสถานะสมรสนี้เพราะเขาอยากจะจดทะเบียนสมรสกับเธอใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาอย่างถูกต้องเตชินเดินเข้ามาเห็นทั้งสองยืนคุยกันอยู่ เขาจึงเดินผ่านทั้งสองไป แล้วเดินไปยังกลุ่มของนักเรียนถ่ายรูปกับพวกเขา จากนั้นเขาก็เอ่ยถามเด็กนักเรียนว่า" เด็กๆพวกคุณปิดเทอมกันเมื่อไหร่ครับ "" พวกเราปิดเทอมแล้วครับ กลับไปพวกเราจะฉลองแชมป์ปิดเทอมกันครับ คุณเตชินไปฉลองกับพวกเรามั้ยครับ "" โอ้ว
เตชินลากพิมมาที่รถ จากนั้นก็เปิดประตูให้เธอขึ้นไปบนรถ พิมทำตามที่เขาต้องการโดยไม่บ่นอะไรแล้วเตชินก็เข้าไปนั่งข้างๆเธอพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่รีรออีกต่อไป" เด็กในท้องเป็นลูกของใคร "พิมกระเถิบห่างออกไปอย่างระมัดระหวังพร้อมกับเอามือจับท้องของตัวเองไว้แล้วมองเตชินอย่างดุดันด้วยแววตาสู้คนเมื่อเตชินเลื่อนสายตามาจับจ้องท้องของเธอ[ เตชินถามแบบนี้หมายความว่ายังไง หรือเขาจะสงสัยว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเขากันนะ ]เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงลองถามหยั่งเชิงดู" เขาก็เป็นลูกของคนที่คุณคิดไง แล้วคุณคิดว่าเขาเป็นลูกใครล่ะ "เธอไม่รู้หรอกว่าเตชินคิดว่าเด็กในท้องเป็นลูกของป๊อบ เธอแค่อยากรู้ความคิดของเขา จึงพูดออกไปแบบนั้นเธอคิดว่าถ้าเขาบอกว่าเด็กในท้องเป็นลูกเขาเธอก็จะได้ปฏิเสธอย่างไม่น่าสงสัยแต่เมื่อเตชินได้ยินเธอพูดดังนั้น เขากลับรู้สึกเหมือนถูกเธอตบหน้าแรงๆ แล้วให้คำตอบอย่างเยาะเย้ยแต่เขาก็พยายามปฏิเสธความคิดของตัวเอง พยายามคิดว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของป๊อบแต่เป็นลูกของเขา แต่การคิดแบบนี้ กับระยะเวลาที่ไม่ได้เจอพิมบวกกับภาพความสนิทสนมชิดใกล้กันของพิมกับป๊อบทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังหลอกต
" สวัสดีค่ะคุณป๊อบ คุณพิม คุณเทเท่ "ณัชชาเอ่ยทักขึ้น เทเท่ยิ้มแล้วสวัสดีกลับ" สวัสดีค่ะคุณณัชชาไม่คิดว่าจะได้เจอกันที่นี่ "แล้วป๊อบก็หันมาพร้อมกับเอ่ย" คุณณัชชารู้ได้ยังไงครับว่าวันนี้เรามีแข่งที่นี่ "ป๊อบแค่ถามไปตามมารยาทของคนรู้จักกันส่วนพิมแค่หันมามองแล้วหันกลับไปสนใจเด็กของตัวเองต่อเมื่อทีมก่อนหน้าแข่งจบลง พิธีกรบนเวทีก็เอ่ยขึ้น" จบลงไปแล้วนะคะ ทีม SS ตัวแทนจากภาคใต้ ต่อไปจะเป็นทีม JK ตัวแทนจากภาคเหนือค่ะ ขอให้ทีม JK เตรียมตัวเลยนะคะ ในปีนี้ต้องบอกเลยว่าแต่ละทีมนั้น ทำให้คณะกรรมการของเราหนักใจมากเลยทีเดียว "" ใช่แล้วครับ ในตอนนี้ทีม JK คงจะพร้อมกันแล้วต่อไปเชิญพบกับทีม JK ตัวแทนจากภาคเหนือได้เลยครับ "พิมเรียกนักเรียนให้มายืนเป็นวงหันหน้าเข้าหากันจากนั้นเธอก็แบมือแล้วคว่ำฝ่ามือลงยื่นแขนออกไปข้างหน้า เทเท่ก็วางฝ่ามือทับซ้อนลงบนหลังมือเธอแล้วนักเรียนก็วางมือทับต่อๆกัน" ขอให้พวกเราตั้งใจทำให้ดีที่สุด เพื่อคว้าชัยชนะที่อยู่แค่เอื้อม สู้มั้ย! "" สู้!!! "พิมเอ่ยกระตุ้นสร้างกำลังใจให้นักเรียนมีใจฮึกเหิม แล้วทุกคนก็เก็บมือเตรียมตัว จากนั้นก็เดินขึ้นไปบนเวทีจากนั้นทีมขอ
พิมกับเทเท่นัดแนะกับเด็กในห้องนาฏศิลป์ แล้วแจกใบขออนุญาตเดินทางไปแข่งขัน ให้กับนักเรียนทุกคน ให้เอาไปให้ผู้ปกครองเซ็นอนุญาตยินยอม จากนั้น พิมก็เริ่มเอ่ยกับนักเรียนของตัวเองว่า" นักเรียนคะ พรุ่งนี้เราจะเดินทางไปแข่งที่กรุงเทพแล้ว วันนี้ซ้อมแค่รอบเดียวพอแล้วเก็บแรงไว้เดินทางพรุ่งนี้ จำไว้ว่าเราเป็นตัวแทนของภาคขอให้เราตั้งใจทุ่มเททำให้ดีที่สุดจะได้ไม่เสียใจภายหลัง แต่สิ่งสำคัญคือ เราอย่าลืม ว่ากว่าแต่ละทีมจะมาถึงจุดนี้ได้ทุกทีมล้วนเป็นคู่แข่งที่เก่งและน่ากลัว ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีที่สุดทุกทีมเราจะประมาทหรือเหลิงโอ้อวดว่าเราเก่งเหนือคนอื่นไม่ได้ในโลกนี้ ในประเทศนี้ยังมีคนที่เก่งกว่าเราอีกตั้งมากมาย ไม่ว่าเราจะได้แชมป์หรือไม่ก็อย่าไปท้อแท้น้อยใจหรือเสียใจเด็ดขาดขอให้เรายอมรับและแสดงความยินดีกับคนที่ได้แชมป์อย่างจริงใจครูเชื่อว่าทุกความตั้งใจทุกความสามัคคีจะนำเราไปสู่ความสำเร็จขอให้เราตั้งใจทำให้เต็มที่ ทำให้สุดกำลังความสามารถเข้าใจมั้ยคะ "" เข้าใจค่ะ/ เข้าใจครับ "นักเรียนทุกคนตอบรับอย่างพร้อมเพรียมเสียงดังชัดเจน แล้วเทเท่ก็นัดแนะเวลามาขึ้นรถที่โรงเรียนต่อ" แล้วพรุ่งนี้นะคะ
บ้านพักครูเป็นบ้านปูนเล็กๆมีเพียงสองห้องนอนหนึ่งห้องน้ำ ตอนกลางคืน ณัชชากับเทเท่ก็ปูเสื่อนอนหน้าทีวี ในห้องที่จัดเป็นห้องนั่งเล่น อยู่ติดกับบันไดที่จะขึ้นไปชั้นสองเมื่อทุกคนเข้านอนแล้วบรรยากาศกลางดึกที่เงียบสงบ เทเท่ก็ลุกขึ้นมา ยื่นมือไปลูบไล้เรียวขาของณัชชาด้วยความหื่นกระหายเขาลูบไล้ขึ้นลงได้สักพัก ณัชชาก็เริ่มรู้สึกตัวเพราะรับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกติเธอค่อยๆขยับแพขนตาแล้วลืมตาขึ้นช้าๆอย่างงัวเงียเทเท่เห็นว่าเธอรู้สึกตัวแล้วเขาก็ขึ้นคร่อมบนตัวเธอทันทีแล้วจับมือเธอไว้ ก้มหน้าลงจูบไปตามคอพร้อมกับเอ่ยเสียงกระเส่า" คุณณัชชาผมต้องการคุณ ผมอดใจไม่ไหวแล้ว ฮอร์โมนส์เพศชายของผมมันกำเริบอีกแล้ว ผมต้องการคุณ "ทีแรกณัชชายังงงๆอยู่ว่าเทเท่คิดจะเล่นอะไร พอได้สติ เธอก็กรีดร้องขึ้นดิ้นรนขัดขืนอย่างสุดชีวิต" กรี๊ด!...ช่วยด้วยๆ ไอ้บ้าออกไปจากตัวฉันนะ ออกไป กรี๊ด... "" ไม่แน่นอนครับ ตอนนี้ฮอร์โมนส์เพศชายของผมมันกำลังคุกรุ่นต้องการร่างกายผู้หญิง "เทเท่เอ่ยพร้อมกับมองหน้าณัชชาด้วยสีหน้าหื่นกระหาย" กรี๊ด...ไม่เอาๆ ปล่อย ไอ้เทเท่ ไอ้บ้า ออกไปจากตัวฉัน ออกไป "แววตาณัชชากลัวจนสั่นไหว เธอกลัวจนหน้าข
ในเช้าวันต่อมา ขณะที่พิมกำลังสอนอยู่ ก็มีเพื่อนครูคนหนึ่งเดินมาบอกว่า" ครูพิมจ๊ะ มีคนมาหาครูพิมจ้ะ ตอนนี้รออยู่ที่หน้าบ้านพักครูพิมแล้ว "" อ้อ ค่ะ "พิมเอ่ยตอบ แล้วแอบพึมพำในใจ[ ใครกันที่มาหาเรา ช่างเถอะให้รอไปก่อนเดี๋ยวค่อยไปดู ]จากนั้นเธอก็หันมาสอนนักเรียนต่อ พอหมดคาบเรียน เธอก็เดินกลับไปที่บ้านพักเห็นหญิงสาวรูปร่างดีนั่งหันหลังให้เธอบนโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้านพัก[ ใครกัน? ]เธอเดินเข้าไปใกล้แล้วเอ่ยถามขึ้น" คุณมาขอพบฉัน มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ "ณัชชาหันหน้ามามองเธอแล้วยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ย" เซอร์ไพรส์ค่ะ คุณพิม "เมื่อเห็นว่าเป็นณัชชาเธอก็รู้สึกแปลกใจจนแสดงออกมาทางสีหน้าและแววตา แล้วเอ่ยถามขึ้น" คุณณัชชา! คุณมาทำอะไรที่นี่ "ไม่ต้องถามก็รู้ว่าณัชชารู้ที่อยู่เธอได้ยังไง เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเตชินส่งมาแน่ๆแต่เธอก็ไม่ได้กังวลอะไร เพราะคิดว่าอย่างน้อยดีกว่าเตชินมาเอง เธอแค่อยากรู้ว่าณัชชามาด้วยจุดประสงค์อะไรก็เท่านั้นณัชชาได้ยินพิมยิงคำถามมาแบบนี้ เธอจึงลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ย" ฉันมาเที่ยวน่ะ แล้วรู้มาจากพี่เตชินว่าคุณสอนอยู่ที่โรงเรียนนี้ เลยอยากจะแวะมาทักทาย ขอค้างคืนด้วยสั
ป๊อบพาพิมกลับมานอนพักบนบ้านพัก เขาค่อยๆประคองเธอขึ้นห้องไปอย่างช้าๆเมื่อเข้าไปในห้องเขาก็ประคองเธอไปที่เตียงแล้วพิมก็ขึ้นไปนอนบนเตียงป๊อบเป็นห่วงเธอมาก เพราะเธอพักบ้านพักครูคนเดียวเขาจึงเอ่ยว่า" คืนนี้ผมจะมานอนเป็นเพื่อนคุณนะ "" ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พิมอยู่คนเดียวได้ หากคุณมาอยู่ดูแลพิม เดี๋ยวคนอื่นจะมองไม่ดี จะพากันเข้าใจผิดกันไปใหญ่ "พิมรีบปฏิเสธ เพราะเธอแคร์สายตาและแคร์ความคิดของสังคมภายนอก มากกว่าความความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นภายในกายของตนเองอาจจะเป็นเพราะเธอถูกเลี้ยงมาแบบนี้ อยู่ในสังคมที่แคร์คนอื่น เธอจึงวางตัวดีมาเสมอและไม่ทำให้ตัวเองเสียชื่อเสียงเหมือนที่พ่อแม่เธอสอนไว้ว่า" ให้เป็นคนดี เป็นที่นับถือ ยำเกรง ทำอะไรคิดไตร่ตรองให้รอบคอบ อย่าทำตัวให้เป็นที่ครหานินทา "ป๊อบมองเธอแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มพร้อมกับจัดผ้าห่มมาห่มให้เธออย่างดี" พิมเวลานี้คุณไม่ควรแคร์คนอื่นนะ คุณต้องห่วงสุขภาพตัวเองกับลูกในท้องก่อนการที่ผมมาดูแลคุณแล้วเป็นที่ครหา ผมว่าดีซะอีก คนอื่นจะได้รู้ว่าคุณท้องลูกของผมอยู่ "พิมจ้องหน้าป๊อบที่คิดวางแผนเพื่อปกป้องเธอไม่ให้ถูกคนอื่นกล่าวหาว่าท้องไม่มีพ่อแ