พิมนึกแค้นเตชินในใจ ที่ไม่เว้นแม้กระทั่งเธอ
ที่เป็นสาวใช้ จึงโทรไปหาเพื่อนสาว เมื่อเพื่อนสาวรับสาย เธอจึงทำเป็นร้องห่มร้องให้ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อนสาวฟัง " อีเท่ ฉันถูกผู้ชายปล้ำ ฮือๆๆๆ " เพื่อนสาวของเธอได้ยินดังนั้นก็ร้องขึ้น พร้อมกับเอานิ้วที่กรีดกรายปิดปากอย่างตกใจ " อุ๊บ! " แล้วเอ่ยถาม โดยที่คนฟังแยกไม่ออกว่าเป็นห่วงเธอหรือเปล่า " อีพิม เธอพูดจริงป้ะเนี่ย " " ฉันพูดจริงๆ ใครจะมาล้อเล่นเรื่องพรรณนี้กันล่ะ " เพื่อนสาวจึงถามด้วยความสนใจใคร่รู้ต่อว่า " แล้วผู้ เป็นใคร หล่อมั้ย สูงเท่าไหร่ ผิวสีอะไร อ้วนหรือผอม หน้าที่การงานเป็นยังไง รวยมั้ย ระดับไหน ตอบ! " ได้ยินดังนั้นเธอจึงเอ่ยอย่างหงุดหงิด " อีเท่ นี่แกจะถามอะไรเยอะแยะไปทำไม " เพื่อนสาวของเธอที่นั่งทาเล็บอยู่ก็เอ่ยต่อว่า " ก็ถ้าโปรไฟล์ดี ดีกรีเยี่ยม หน้าตาหล่อ เธอก็ถือซะว่ามันเป็นวันไนท์สแตนด์แล้วกัน แต่ๆๆๆ ถ้ามันไม่หล่อไม่มีดีสักอย่าง ต่อให้มันอยู่ขุมนรกไหน ฉันกับอีมี่และอีมิกเกลก็จะไปลากคอมันมาลงโทษแล้วลากมันเข้าคุกให้เธอ " เธอรู้สึกเอือมระอากับเพื่อนสาวของเธอ จนไม่รู้จะพูดยังยัง เธอจึงทำงอแงร้องเรียกชื่อเพื่อนสาวเสียงดังพร้อมกับหลับตาปี๋ พูดแบบลื่นปรื้ดไม่เว้นช่วงให้ได้หายใจ " อีเท่! ฉันบอกว่าฉันถูกผู้ชายปล้ำไม่ได้บอกว่าเสียตัวแล้วสักหน่อย ที่ฉันโทรมาก็เพื่อจะขอให้แกช่วยจัดหาชุดเปรี้ยวๆแรงๆเซ็กซี่ๆส่งมาให้ฉันหน่อย เพราะผู้ คนนี้ไม่ชอบผู้หญิงสำส่อนดังนั้นการที่ฉันจะอยู่รอดปลอดภัยได้ ฉันต้องแสร้งทำตัวเป็นผู้หญิง แรด! แรง! ร่าน! เข้าใจยัง " เพื่อนสาวของเธอถึงกับรู้สึกเฟล เมื่อรู้ว่าเธอยังไม่เสียตัว แล้วเอ่ย " โอเคๆ เดี๋ยวฉันจะให้รุ่นพี่ที่ฉันรู้จักไปจัดการเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมให้เธอ " ได้ยินดังนั้นพิมค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย แต่เพื่อนสาวเธอก็ไม่เลิกสนใจเรื่องหน้าตาของผู้ชายที่ปล้ำเธอ เขาจึงเอ่ยถามต่อว่า " แล้วสรุปผู้คนนั้นน่ะ หล่อม้ะ " พิมรู้สึกรำคาญเพื่อนสาวเต็มทีจึงเอ่ยอย่างไม่เต็มใจ " อื้อ สูง หล่อ รวย แต่ไม่ใช่สเปกจบนะ " เพื่อนสาวเธอจึงเอ่ยต่อว่า " คำถามสุดท้ายแล้ว ระหว่างอาจารย์ป๊อบกับผู้คนนั้นใครหล่อกว่ากัน " พิมจึงตอบไปอย่างขี้เกียจว่า " ก็ต้องอาจารย์ป๊อบอยู่แล้ว ตอบไปหมดแล้ว แค่นี้นะ จะหลับแล้ว พรุ่งนี้เช้าจัดการเรื่องที่ขอ ให้ฉันด้วย " " เคๆ บายฝันดี " " อืม ฝันดี " หลังจากวางสายเธอก็เข้าไปอาบน้ำ ล้างเนื้อล้างตัว ล้างร่องรอยของเตชินออก เสร็จแล้วก็กลับมานอนลงบนเตียงปิดไฟแล้วหลับไป เตชินเปิดประตู กลับเข้าไปในห้องด้วยความโมโห เมื่อรู้ว่าพิมไม่ใช่ผู้หญิงบริสุทธิ์อย่างที่เขาคิด และเจ็บใจที่ตัวเองช้ากว่าแฟนของพิมแค่ก้าวเดียว อารมณ์ที่ค้างอยู่ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด เขาจึงเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วเปิดฝักบัวให้น้ำเย็นดับความอยากที่ร้อนรุ่มภายในกาย ในเช้าวันต่อมา เขาตื่นมาแต่งตัวตามปกติ เตรียมตัวไปทำงาน เมื่อแต่งตัวเสร็จ เขาก็ออกมาจากห้องแล้วเดินออกจากบ้านไปขึ้นรถ ระหว่างทางเขาเอ่ยกับผู้ช่วยคังว่า " คุณช่วยไปสืบมาหน่อยว่าแฟนของพิมเป็นใคร " ผู้ช่วยคังจึงเอ่ยตอบไปว่า " ครับ " ได้ยินแบบนี้ผู้ช่วยคังก็แอบตกใจ ที่อยู่ๆเจ้านายเขาก็มาสนใจเรื่องชาวบ้าน โดยเฉพาะเรื่องแฟนของสาวใช้อย่างพิม เขาแอบมองสีหน้าท่าทางของเจ้านายผ่านกระจกหลัง แต่ก็เห็นเพียงเจ้านายนั่งนิ่ง ด้วยท่าไหว้ขา ดูองอาจ สง่าผ่าเผย ใบหน้าเคร่งขรึม แววตา เย็นชา ไม่มีพิรุธใดๆให้เขาจับผิดได้เลย เขาเลยตัดความคิด เรื่องที่คุณชายสนใจในตัวพิมออก ส่วนพิม เธอตื่นมาอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟันเสร็จ เสียงกริ่งก็ดังขึ้น เธอรีบไปเปิดประตู แล้วเชิญคนที่มาพร้อมกับสัมภาระต่างๆ เข้ามาในบ้านแล้วเอ่ย " เชิญค่ะ พี่มาได้จังหวะพอดี ฉันเพิ่งอาบน้ำเสร็จเลย " พวกเขาเข้าไปในบ้าน ไปยังห้องของพิม แล้วเอาชุดออกมาจากกระเป๋า จัดเรียงให้พิมเป็นชุดๆ แล้วนำไปแขวนไว้ในตู้แล้วเอ่ย " น้องพิม พี่ว่านะคะ ถ้าน้องพิม คิดจะแรด จะแรง จะร่าน ด้วยบุคลิกของน้องพิมตอนนี้ ยังดูใส่ซื่อเกินไป น้องพิมต้องใส่จริตจะก้าน ให้มันเว่อร์วังกว่านี้หน่อยค่ะ " พิมจึงเอ่ยถามด้วยความสนใจว่า " ต้องทำยังไงคะ? " แล้วเขาก็เริ่มสอนพิมทันทีสอนรวมไปถึงท่าอ่อยผู้แบบกระชากใจชายแบบฉบับสาวไซด์ไลน์ด้วย เสร็จแล้วก็เริ่มแต่งหน้า ทำผม เปลี่ยนเสื้อผ้า และรองเท้า เมื่อพิมแต่งเสร็จ เขาจึงเอ่ยว่า " ไหนน้องพิมลองหมุนตัวสิคะ " พิมสวมใส่ชุดเดรสสั้นสีแดงสด เป็นแบบเกาะอก โชว์ครึ่งน่อง และมีเสื้อสูทสีเดียวกันกับเสื้อไว้สวมทับอีกชั้น รองเท้าส้นสูงก็สีแดงสด เป็นชุดเซ็ต ที่เซ็กซี่แบบดูดี ใบหน้าพิมถูกแต่งให้ออกมาดูเปรี้ยว ดูเผ็ด ชนิดพริกร้อยเม็ดเรียกแม่ ริมฝีปากแต่งแต้มด้วยลิปสติกสีแดง ดูแรงชนิดที่ปากไม่แดง ไม่มีแรงจะเดินเลยทีเดียว ผมยาวถูกดัดลอน ม้วนเป็นเกลียว ปล่อยลงมาทำให้เธอดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เธอหมุนตัวได้อย่างคล่องแคล่ว และสวมบทบาทสาวแรด แรง ร่าน ได้อย่างดีเยี่ยม ที่บริษัทพิมก้าวเท้าลงจากรถ แล้วเดินไปยังเคาน์เตอร์ พนักงานต้อนรับต่างพากันตะลึงในความสวยเซ็กซี่ของเธอ เธอจึงเดินไปหาพนักงานอย่างเริดๆเชิดๆแล้วเอ่ย " คุณช่วยรายงานท่านประธานเตชินทีค่ะ ว่าฉันมาแล้ว " พนักงานต้อนรับคิดว่าท่านประธานของพวกเขาหันมาสนใจผู้หญิงที่ดูเปรี้ยวดูเซ็กซี่เหมือนเดิมแล้ว พนักงานสาวจึงเอ่ยว่า " ได้ค่ะ แล้วคุณผู้หญิงจะให้เรียนท่านประธานว่าใครมาขอพบคะ " พิมหันมายิ้มให้พนักงานแล้วเอ่ย " พิม พิมผกา ค่ะ " เอ่ยจบเธอก็หันหน้ากลับ เดินเข้าไปในลิฟท์ทันที เตชินนั่งคุยงานอยู่กับผู้ช่วยคังและณัชชาในห้อง พอพิมออกมาจากลิฟท์ เธอก็เดินตรงไปที่ห้องของเตชิน แล้วเปิดประตูเข้าไปโดยที่ไม่เคาะประตู ทั้งสามคนที่นั่งคุยงาน วางแผนงานกันอยู่ก็หันมามองคนที่เปิดประตูเดินเข้ามา พิมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แววตามองเตชินอย่างยั่วยวน ณัชชาที่เห็นดังนั้นก็เอ่ยถามขึ้น " คุณเป็นใคร ไร้มารยาท ถือดียังไงบุ่มบ่ามเข้ามาในห้องท่านประธาน " พิมไม่สนใจเธอ แต่เดินตรงมาหาเตชิน ณัชชาที่เห็นดังนั้น ด้วยความหึงหวงเธอจึงคว้าแขนพิมไว้แน่นแล้วผลักพิม แต่เมื่อพิมรู้ ว่าตัวเองกำลังจะล้ม ก็ดึงมือณัชชาแล้วเหวี่ยงให้ตัวเอง ยืนได้มั่นคงเหมือนเดิม ณัชชาถูกดึงจนเสียหลักล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น พิมมองคนที่นั่งบนพื้น แล้วทำท่ารังเกียจ ใช้ฝ่ามือปาดขึ้นลงเพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่มือออก แล้วเอ่ยยั่วโมโหว่า " คุณณัชชา คุณเป็นถึงรองผู้บริหารกลับต้องมานั่งคุกเข่าให้ฉันแบบนี้มันดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่นะ " เตชินเดินไปพยุงณัชชาให้ลุกขึ้นแล้วเอ่ยถาม " เจ็บตรงไหนหรือเปล่า " ณัชชาส่ายหน้าเบาๆ แต่แววตากลับจ้องพิมอย่างเคียดแค้น เมื่อเธอไม่เป็นอะไร เตชินจึงเอ่ยต่อว่า " การประชุมวันนี้พอแค่นี้ก่อน คุณกับคุณคังออกไปก่อน " ณัชชาได้ยินแบบนั้นก็ไม่พอใจมองเตชินแล้วเอ่ย " พี่เตชิน! " เตชินจึงเอ่ยเสียงเย็นเพียงสั้นๆและทรงพลังว่า " ออกไป! " ณัชชาทำอะไรไม่ได้ นอกจากเดินออกไปอย่างไม่เต็มใจ เมื่อทุกคนออกไปหมดแล้ว พิมก็เปลี่ยนสีหน้าที่ดูน่าเกรงขาม เป็นรอยยิ้มยั่วสวาทอย่างเจ้าเล่ห์ทันที พร้อมกับเดินเข้ามายื่นมือไปคล้องคอเตชินแล้วเอ่ยอย่างยั่วยวน " คุณเตชิน ลุคนี้ของพิมคุณชอบมั้ยคะ " แล้วเธอก็ค่อยวาดปลายนิ้วที่กรีดกราย เลื่อนลงมาแตะที่ริมฝีปากเตชินเบาๆ แล้วเอ่ยต่อ " เรามาทำเรื่องที่ทำค้างไว้เมื่อคืนต่อดีมั้ยคะ คุณรู้มั้ย ว่าฉันนอนไม่หลับทั้งคืนเลย คุณน่ะมาหลอกให้อยากแล้วจากไปแบบนี้ พิมทนไม่ไหวนะคะ " แล้วเธอก็เลื่อนนิ้วมือลงมาปลดกระดุมเสื้อของ เตชินอย่างช้าๆ เตชินที่รูปร่างสูงใหญ่ หุ่นกระชากใจสาวๆ ซิกแพคแน่นๆ สูง188 ก้มมองคนตัวเล็กที่สูงแค่160 กำลังเล่นซุกซนกับกระดุมเสื้อของเขาอย่างเงียบๆ แล้วยกมุมปากยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ จากนั้นยื่นมือออกไปรัดเอวพิมแน่น มืออีกข้างก็โอบไหล่พิมไว้แน่นเช่นกันแล้วเอ่ยอย่างเจ้าเล่ห์ว่า " คุณมายั่วผมเองนะ ผมไม่ถือแล้วเรื่องที่คุณไม่บริสุทธิ์ ผมสนแค่ว่า ณ ปัจจุบันนี้คุณยังไม่มีแฟนก็พอ " พูดจบก็ก้มลงจูบพิมอย่างดูดดื่ม พิมตกใจ ที่มันไม่เป็นไปตามที่เธอคาด เธอนึกว่าเขาจะรังเกียจเธอแล้วไล่เธอกลับไป ผิดคาด เขากลับบดขยี้ ริมฝีปากเธออย่างดูดดื่ม ราวกับจะกลืนกิน " อื้อ อื้ม " เธอพยายามหลบหลีกเขาสุดฤทธิ์ แต่ก็หลบหลีกไม่พ้น ใบหน้าหล่อเหลา ราวเทพบุตรตรงหน้า เตชินตักตวงเอาความหวาน ความนุ่มละมุน จากริมฝีปากของเธอจนหนำใจ เขาจึงถอนริมฝีปากออก แล้วปล่อยเธอเป็นอิสระ เอ่ยอย่างอารมณ์ดีว่า " ผมบอกแล้วว่าคุณหลอกผมไม่ได้หรอก แล้วคุณก็ไม่ต้องฝืนใส่ชุดโป๊ๆแบบนี้อีกนะ ผมไม่ชอบ " พิมเบะปากใส่เขา มองเขาด้วยหางตาแล้วเอ่ย " ทำไมฉันจะใส่ไม่ได้ คุณมีสิทธิ์อะไรมาบังคับฉัน อีกอย่างใครๆเขาก็ใส่กันไม่เห็นจะเป็นไรเลย " เขาจึงเอ่ยขึ้น " สิทธิ์ในการเป็นเจ้านายคุณไง ส่วนใครจะใส่หรือไม่ใส่ ผมไม่สน แต่คุณห้ามใส่ ถ้าคุณไม่ฟังนะผมจะสั่งสอนคุณอีกรอบ เอามั้ย " " ชิ! " พิมบึนปากใส่เขาแล้วหมุนตัวเดินออกไป เตชินยิ้มแล้วเอ่ย " คุณแน่ใจเหรอว่าจะกลับออกไปสภาพนี้น่ะ " พิมหันมามองเขาอย่างไม่เข้าใจ แล้วเขาก็ชี้มาที่ปากของตัวเองอย่างยิ้มๆพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น พิมก็รู้ได้ทันทีว่าเขากำลังบอกอะไรเธอเดินเข้าไปในห้องน้ำด้วยสีหน้าบูดบึ้งทันทีพิมเข้าไปเช็ดรอยลิปสติกที่เลอะริมฝีปากออก แล้วเดินออกมาเห็นเตชินยืนรอหน้าห้องน้ำ เธอทำตาเขียวใส่เขา แล้วเดินผ่านเขาออกไปเตชินยิ้มอย่างสบายๆ เดินตามเธอออกไป จากนั้นก็หันไปเอ่ยกับผู้ช่วยคังที่อยู่หน้าห้องว่า" ส่งเธอกลับบ้าน "ผู้ช่วยคังจึงเอ่ยถามขึ้น" วันนี้คุณชายไม่ให้คุณพิมอยู่ทานข้าวด้วยแล้วเหรอครับ "เตชินเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเจือเย็นชา" วันนี้ผมกับณัชชาต้องกลับไปทานข้าวที่คฤหาสน์ ไม่รู้ครั้งนี้ จะมีเรื่องน่าสนใจอะไรเซอร์ไพรส์อีกบ้าง "" ครับ "เอ่ยจบเตชินก็เดินกลับเข้าห้องไป ผู้ช่วยคังก็ไปส่งพิมกลับบ้านเมื่อกลับไปถึงห้องพิมเอาชุดทั้งหมดที่เตรียมไว้ยัดใส่ถุงขยะด้วยความอารมณ์เสียตอนนี้เธอไม่รู้วิธีรับมือกับเตชินแล้ว เธอนั่งเครียดด้วยสีหน้าบึ้งตึงอย่างจนปัญญาเตชินก็จ้องแต่จะจับเธอเป็นนางบำเรอ ชีวิตเหมือนแขวนอยู่บนเชือกเส้นเดียวบนที่สูงๆ ต้องก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวังเพื่อให้ตัวเองรอดปลอดภัยช่วงบ่ายเตชินกลับไปทานข้าวที่คฤหาสน์พร้อมกับณัชชาเมื่อทานข้าวเสร็จคุณหญิงจารวีก็เอ่ยขึ้น" เตชิน อีกเดี๋ยวทนายประจำตระกูลจะมาพูดเรื่องพินัยกรรม ลูกกับหนูณัชชาอยู่รอก่อนนะ "
คุณหญิงจารวีเอาก็ยิ้มอย่างมีความหวังเช่นกันที่ลูกชายยอมเห็นด้วยกัณัชชาแบบนี้แต่เตชินกลับเอ่ยขึ้น ด้วยสีหน้าเรียบเฉยเย็นชาทำลายความหวังของทุกคนจนแตกเป็นเสี่ยงๆ" แต่จะไม่จดทะเบียนสมรสกับณัชชา ผมไม่ได้รักณัชชา และคนที่ผมรักก็ไม่ใช่ณัชชา คุณแม่อย่ามาคาดหวังจากผมกับณัชชาอีกเลย ผมรักณัชชาแบบพี่น้องรักเหมือนน้องสาวแท้ๆ ผมอยากให้เธอได้พบเจอคนดีๆ ที่รักและดูแลเธอได้ นี่คือความหวังดีของพี่ชายคนหนึ่งที่มีต่อน้องสาว "ได้ยินดังนั้นรอยยิ้มของณัชชาก่อนหน้านี้ค่อยๆหุบลงน้ำตาค่อยๆซึมออกมาจากแววตา ด้วยความผิดหวังและเสียใจเธอรักเขามาตลอด ทุกคนรู้ โลกรู้ จนถูกจับคู่ให้แต่งงานแม้เธอจะรู้ว่าเขาไม่ได้รักเธอ แต่ทุกครั้งที่เขาแสดงความเป็นห่วงเป็นใยเธอก็เข้าใจว่าเขามีใจให้เธอ เพียงแต่ไม่กล้าพูดออกมาทุกครั้งที่เธอ เดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลือ ต้องการพบเขา เขาจะมาทันที แบบนี้ถ้าไม่เรียกว่ารักจะเรียกว่าอะไรแต่สุดท้ายทุกอย่างก็ชัดเจนเมื่อทุกคำพูดออกจากปากของเขาบอกว่ารักเธอ แต่รักเธอในฐานะน้องสาว ดับความหวังที่จะเป็นภรรยาเขาที่มีเพียงอันน้อยนิดของเธอลงไปทันทีแล้วเตชินก็หันมาพูดกับณัชชาด้วยสีหน้
ตอนเย็น เตชินออกจากบริษัทนั่งรถกลับบ้าน ระหว่างทาง เขามองออกไปนอกหน้าต่าง คิดอะไรเพลินๆ[ หากพิมเป็นเด็กสาวบริสุทธิ์ก็คงดี ผู้ชายในคืนนั้นเป็นใครกันนะ ที่พรากความสาวของเธอไป ]เมื่อคิดถึงผู้ชายของพิมในคืนนั้น เขาไม่เข้าใจว่าพิมไปมีวันไนท์สแตนด์ทำไมเขานั่งวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้อย่างเงียบๆ[ แล้วที่เธอทำเป็นหวงเนื้อหวงตัว เป็นการเสแสร้งงั้นเหรอ เธอเป็นผู้หญิงแบบไหนกันนะ ]เนื่องจากในช่วงเช้าก่อนที่พิมจะมาถึงบริษัทผู้ช่วยคังไปสอบถามจากช่างแต่งหน้า ที่มาแต่งหน้าทำผมให้พิมวันนี้ทำให้ได้เบอร์โทรของเพื่อนพิมที่ชื่อเทเท่มา ผู้ช่วยคังจึงโทรไปถาม" สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าผมเรียนสายอยู่กับคุณเทเท่ใช่มั้ยครับ "เทเท่จึงตอบไปว่า" ใช่ค่ะ "แล้วผู้ช่วยคังก็แนะนำตัว" ผมชื่อคังนะครับ เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของท่านประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งประเทศไทยและเป็นเพื่อนร่วมงานกับพิม พอดีทางท่านประธานของเรารับคุณพิมเข้าทำงานเลยต้องการทราบเกี่ยวกับประวัติของคุณพิมให้เลียดเอียดตามกฏของบริษัทครับ "ผู้ช่วยคังเอ่ยอธิบาย จากนั้นก็เริ่มเอ่ยถาม" คุณเทเท่เป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนของคุณพิมใช่มั้ยครับ "" ใช่ค่ะ
คุณหญิงจารวีมาที่บ้านของเตชิน มาถึงก็เดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง ในมือถือกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพง เมื่อเดินมาถึงห้องรับแขกเขาวางกระเป๋าลงบนโต๊ะแล้วนั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทางสง่างามสมกับผู้ดีที่สูงส่ง เพื่อข่มให้พิมรู้สึกต่ำต้อยและเกรงกลัวในตัวเขาพิมไม่พูดไม่จา เดินถือน้ำเข้ามา วางน้ำลงบนโต๊ะ แล้วเอ่ย" คุณหญิงเชิญตามสบายเลยนะคะ ฉันขอตัวไปทำงานบ้านก่อน หากต้องการอะไรเพิ่ม สามารถเรียกใช้ได้ตลอดเลยค่ะ "พอคุณหญิงจารวีได้ยินประโยคที่ว่า เชิญตามสบาย เขารู้สึกไม่พอใจขึ้นมาแล้วเอ่ย" เธอไม่ต้องมาพูดเหมือนกับตัวเองเป็นเจ้าของบ้านหรอกนะ นี่เป็นบ้านของลูกชายฉัน ฉันรู้ว่าฉันจะต้องอยู่ยังไง ไม่จำเป็นต้องให้เธอมาบอก "พิมไม่อยากมีปัญหา จึงเลือกที่จะนิ่งเงียบ ไม่ต่อความยาวสาวความยืด แล้วเอ่ยเพียง" ขอโทษค่ะ "คุณหญิงจารวีจ้องเขม่นไปยังพิม พิมยืนทำหน้านิ่งเฉย สีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ ไม่มีความเกรงกลัวใดๆยิ่งทำให้คุณหญิงจารวีไม่พอใจพิมไม่อยากอยู่เผชิญหน้ากับคุณหญิงจารวีที่วางท่าสูงส่งคอยแต่จะข่มเธอเธอจึงเลือกที่จะเดินหนีไป เพราะการควบคุมอารมณ์ของเธอก็มีขีดจำกัดเช่นกันเพราะเธอถูกสอนมาตลอดว่
ควาเฉยชาบนใบหน้าเธอไปขัดลูกตาคุณหญิงจารวีอย่างมาก คุณหญิงจารวีจึงเอ่ยขึ้น" ลูกดูสิ แม่สาวใช้อุ่นเตียงของลูก ทำหน้ายังกับคนเบื่อโลก สีหน้ายังกับวิญญาณล่องลอยไร้อารมณ์ ถ้าไม่ติดว่าหล่อนผิวดีหน้าตาสวยนะแม่จะไม่ให้อยู่ข้างกายลูกเลย "เตชินตกใจกับคำพูดของผู้เป็นแม่เล็กน้อยที่มันเว่อร์วังเกินจริงไปหน่อย แต่จากนั้นเขาก็ยิ้มขึ้นมาที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์เล็กน้อย ยอมรับมันโดยไม่เอ่ยปฏิเสธใดๆ[ สาวใช้อุ่นเตียงเหรอ ฟังแล้วรื่นหูดี ]เตชินมองหน้าผู้เป็นแม่แล้วเอ่ย" คุณแม่ครับ เรื่องที่จะหาคนมาอุ้มท้องทายาทผม ผมคิดว่าพิมก็เหมาะสมดีนะครับหน้าตา ผิวพรรณใช้ได้ ไม่มีพันธะผูกมัดกับใคร ไม่คิดที่จะจับผู้ชายที่มีฐานะเพื่อยกระดับตัวเองเธอตรงไปตรงมา และยังเป็นคนฉลาด มีไหวพริบดี เอาตัวรอดเก่งที่สำคัญเธอรักเงินมาก และยังสะอาดหมดจดครับ "ได้ฟังลูกชายพูด คุณหญิงจารวีก็พยักหน้าเห็นด้วย แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ" แล้วเธอจะยอมรับข้อเสนอของลูกเหรอ นิสัยแข็งกระด้างของเธอแม่ว่าเธอคงไม่ยอมแน่อีกอย่างเรื่องการอุ้มท้องลูก เป็นเรื่องที่ผู้หญิงทุกคนต้องคิดอย่างละเอียดรอบคอบ เป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชี
ตอนเย็นพิมออกไปยืนรอเตชินที่หน้าบ้าน ผู้ช่วยคังมาจอดรถรอข้างๆพิมทั้งสองยืนคุยกันอย่างสนิทสนม พอผู้ช่วยคังเห็นเตชินเดินออกมาจากในบ้าน เขาก็รีบหันไปเปิดประตูรถรอพิมยืนรอเตชินขึ้นไปนั่ง ส่วนเธอก็จะไปนั่งข้างคนขับแต่เตชินกลับจับแขนเธอ แล้วยัดเธอเข้าไปนั่งที่เบาะหลังโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวอะไรแล้วเขาก็ตามเข้าไปนั่งข้างๆเธอ พิมขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจแต่ก็ไม่พูดอะไรผู้ช่วยคังที่มองดูการกระทำของเจ้านายก็ถึงกับยืนอึ้งไปจากนั้นก็เดินอ้อมไปเปิดประตู ฝั่งคนขับแล้วขับรถออกไประหว่างทางเตชินจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า" ต่อไปคุณไม่ต้องทำงานบ้านแล้ว ผมจะจ้างแม่บ้านมาทำแทนคุณ สัญญาฉบับนั้นก็จะถูกยกเลิกไป "ได้ยินดังนั้น สีหน้าพิมดูดีขึ้นมาทันทีแล้วเผยรอยยิ้มสดใสน่ารัก หันมามองคนข้างๆพร้อมกับเอ่ยด้วยความตื่นเต้นดีใจ" คุณพูดจริงเหรอ คุณไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่มั้ย "เตชินตะลึงในความสดใสน่ารักของพิมไปครู่หนึ่ง พอได้สติ เขาก็หันหน้ากลับมา มองตรงไปข้างหน้าแล้วเอ่ย" ผมพูดคำไหนคำนั้น เมื่อพูดออกไปแล้ว ก็รักษาสัจจะเสมอ "พิมดีใจมาก จากนั้นเธอก็หยิบเอกสารสัญญาฉบับนั้นออกมาแล้วยื่นไปให้เตชินด้วยควา
เช้าวันต่อมา พิมกับเตชิน นั่งจดทะเบียนสมรสกันในห้องรับแขกโดยมีนายทะเบียนสองคนและมีผู้คังอีกหนึ่งคนคอยเป็นสักขีพยานในการจดทะเบียนครั้งนี้" ขอให้คุณเตชินกับคุณพิมถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร์ มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมืองนะครับ "นายทะเบียนอวยพรให้ทั้งสองคน พิมนั่งนิ่งเฉยไม่รู้สึกอะไรกับคำอวยพร เตชินจึงเอ่ยว่า" ขอบคุณครับ "แล้วนายทะเบียนอีกคนก็เอ่ยว่า" หน้าที่ของเราเสร็จสิ้นแล้ว พวกผมสองคนขอตัวกลับก่อนนะครับ "เตชินพยักหน้าให้เบาๆ แล้วส่งสายตาไปให้ผู้ช่วยคังเมื่อนายทะเบียนสองคนลุกจากโซฟา ก็เดินออกจากห้องรับแขกไป โดยมีผู้ช่วยคังเดินตามไปส่งแล้วเอ่ยกับนายทะเบียนว่า" คุณสองคนช่วยเก็บเรื่องในวันนี้ไว้เป็นความลับด้วยนะครับ "เอ่ยจบเขาก็ยื่นซองใส่เงินให้ทั้งสองแล้วเอ่ย" ค่าน้ำใจเล็กๆน้อยๆจากคุณชายครับ "นายทะเบียนสองคน หันกลับไปมองเตชินที่นั่งบนโซฟาสุดหรูในห้องรับแขกอย่างสง่าดูองอาจราวกับราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เตชินยิ้มอย่างมีเลศนัยพร้อมกับพยักหน้าให้พวกเขารับค่าน้ำใจนายทะเบียนทั้งสองยิ้มแห้งแล้วค้อมหัวขอบคุณเล็กน้อยแล้วหันหน้ากลับลมาเดินออกจากบ้านขอเตชินไปขึ้นรถ โด
เตชินมองต่ำลงบนตัวสาวเจ้าเสน่ห์ ที่มักจะขัดใจเขาอยู่เรื่อยและต่อปากต่อคำกับเขาอย่างไม่เกรงกลัว เขาจึงค้อมตัวลงช้อนเธอขึ้นมาอุ้มอย่างไม่คณามือพิมตกใจมาก เมื่ออยู่ๆก็รู้สึกตัวลอยขึ้นมา มารู้ตัวอีกที ก็อยู่ในอ้อมแขนของเตชินเรียบร้อยแล้วเธออ้าปากค้างแววตาใสเบิกกว้างด้วยความตกใจแล้วเอ่ยเสียงดัง" ปล่อย วางฉันลงเดี๋ยวนี้เลยนะ คิดว่าตัวเองตัวใหญ่แล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง ปล่อย! "เตชินไม่สนใจเธอ ที่ทำหน้าดุ เอ่ยเสียงกร้าวขอให้เขาปล่อย เมื่อเตชินไม่วางเธอลง เธอดิ้นพร้อมกับใช้มือเล็กๆที่ขาวราวกับหิมะทุบทีเขาจนรู้สึกเมื่อยมือ แต่เตชินก็ไม่ยอมวางเธอลงกลับอุ้มเธอแน่นขึ้นแล้วเดินขึ้นบันได กลับไปที่ห้องของตัวเอง จากนั้นก็วางเธอลงบนเตียงเบาๆพิมลุกขึ้นแล้ววิ่งไปที่ประตู แต่เตชินกลับคว้าเอวเธอไว้ กอดเธอแน่นจากทางด้านหลังแล้วเอ่ย" คุณอย่าดื้อสิ เราเป็นสามีภรรยากันแล้ว ก็ต้องนอนห้องเดียวกัน "พิมจึงเอ่ยแย้งอย่างไม่ชอบใจ" แบบเรา เขาไม่นับว่าเป็นสามีรภรรยากัน เราแค่ทำธุรกิจร่วมกันต่างหาก ปล่อย คุณอย่ามาทำแบบนี้กับฉันนะ ฉันไม่ชอบ ปล่อย! "เตชินหอมไปที่เส้นผมของเธอแล้วเอ่ย" ตอนนี้ไม่ชอบ ต่อไปก็ชิน
" ก็สั่งสอนแบบนี้ไง "เคอร์ฟิวจับณชาขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบเธอทันที ณชาตกใจจนดวงตาเบิกกว้างป้าใจเดินเข้ามาส่งพิซซ่าในห้องเจอเข้ากับฉากนี้พอดี แกจึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไปแบบเงียบๆเคอร์ฟิวถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากณชาแล้วเอ่ย" ป้าไม่ต้องออกไปหรอก คุณณชาเธอหิวจนจะกลืนกินผมอยู่แล้ว "" พี่พูดอะไรน่ะ "เธอเอ่ยอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับทุบตีอกของเขาหนึ่งทีป้าใจยิ้มเจื่อนแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเคอร์ฟิววางณชาลงนั่งข้างๆแล้วเปิดกล่องพิซซ่าออกมาหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเอ่ยกับณชาที่นั่งแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก" หิวไม่ใช่เหรอ อ้าปากสิ "ณชาเหลือบมองเขาอย่างหน้านิ่วแล้วเอ่ยเสียงขุ่น" ฉันทานเองได้ "เธอขยับมือจะหยิบพิซซ่ามาทานเอง แต่เคอร์ฟิวกลับจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย" พี่อยากป้อน อ้าปาก ถ้าไม่อ้าปากพี่จะใช้ปากป้อนแล้วนะ "ณชาได้แต่มองแรงใส่เขาแล้วยอมอ้าปากให้เขาป้อน เขายิ้มแล้วเอ่ย" เชื่อฟังแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย "เคอร์ฟิวป้อนไปยิ้มไปอย่างพอใจ ณชาทานจนอิ่มลืมความโมโหและความไม่พอใจไปหมดสิ้น แล้วเปลี่ยนม
เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊อบกับณัชชาลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องลูกสาวณชาที่ยังหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วลุกมานั่งหาว จากนั้นก็ลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้พ่อกับแม่ด้วยท่าทางงัวเงียเธอหาวออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่กำลังจะออกเดินทางแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณพ่อคุณแม่จะไปแล้วเหรอคะ ทำไมไปเช้าจัง "ณัชชายิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต้องไปไกล ลงจากเครื่องเสร็จก็ต้องนั่งรถไปต่ออีกแล้วต่อด้วยนั่งเรือไปเกาะก็ต้องไปให้ทันเวลา พ่อกับแม่แค่จะมาบอกให้ลูกรู้ว่าจะออกไปแล้ว อีกเรื่องนะ เวลาไปเข้าค่ายเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อมด้วย เแล้วก็อาหมวกแก๊ปกับเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ "" ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ "ณัชชากับป๊อบพยักหน้าเบาๆ จากนั้นป๊อบก็เอ่ยกำชับลูกสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า" เวลาอยู่ในค่ายน่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ อย่าไปนั่งใกล้ผู้ชายคนอื่น ยกเว้นพี่เคอร์ฟิวของลูก เข้าใจมั้ย "เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างหวงลูกสาวมากคนหนึ่ง ถึงแม้ลูกสาวเขาจะห้าวๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่ออย่างเขาหวงลูกสาวน้อยลงเลยณชารู้และเข้าใจดีว่
ทุกคนเริ่มจับอุปกรณ์ ทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ระหว่างทานข้าวพิมมองหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น" เคอร์ฟิว เปิดเทอมแล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่โรงเรียนได้เจอกับน้องณชาบ้างมั้ย "เคอร์ฟิวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมาแล้วเอ่ยตอบแม่ว่า" ก็ดีครับ อยู่โรงเรียนผมกับน้องอยู่คนละชั้น เรียนกันคนละตึกเลยไม่ค่อยได้เจอกันครับ "เตชินหันมามองลูกชายที่มีใบหน้าหล่อกระชากลากใจราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ" ยังไงน้องก็เป็นคู่หมั้นลูก ลูกก็ดูแลน้องให้ดีๆอย่าเปิดโอกาสให้หนุ่มคนอื่นมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้น้องหวั่นไหวนะลูก ลูกผู้ชายต้องกล้าแสดงตัวหน่อย เข้าใจมั้ย "เคอร์ฟิวเอ่บตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆว่า" ครับ "" นี่ คุณสอนอะไรลูกน่ะ หนูณชายังเด็กก็ต้องมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นธรรมดา การหมั้นหมายเป็นการตกลงกันของพวกเรา หากลูกหรือหนูณชาไม่ได้ชอบพอกันก็ต้องยกเลิกไป มันไม่สามารถบังคับกันได้ค่ะ "พิมเอ่ยออกมาตรงๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าลูกชายของเธอนั้นเริ่มแอบณชาเข้าแล้วและจริงจังกับการเป็นคู่หมั้นนี้มากเตชินจึงโต้ตอบกับพิมว่า" ลูกชายเราหล่อแถมยังเป็นปร
พอออกมาจากสนามกอล์ฟ ทั้งสองครอบครัวก็ไปทานข้าวด้วยกัน ในร้านอาหารชื่อดังสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งร้านอาหารสำหรับคนรวยซึ่งตัวอาคารติดด้วยกระจกสะท้อนความร้อน ทำให้คนข้างในสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองและตึกสูงข้างนอกได้อย่างสวยงามในขณะทานข้าวทั้งสองครอบครัวนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข ณชากับเคอร์ฟิวก็นั่งทานข้าวบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่รบกวนหรือเล่นซนเลย10 ปี ต่อมา.......ณ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอินเตอร์จำนวนมากมีหลากหลายภาษา หลากหลายวัฒนธรรมและหลากหลายชนชาติมาเรียนร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนต่างทยอยกันเดินออกมาจากอาคารเรียน รอผู้ปกครองมารับบางคนบางกลุ่มที่บ้านใกล้โรงเรียนก็ออกจากโรงเรียนเดินเท้ากลับตามทางฟุตบาทเคอร์ฟิวกับกลุ่มเพื่อนๆกำลังเดินออกมาจากห้องเรียนลงไปยังใต้อาคาร ชุดนักเรียนชายโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เสื้อสูทสีดำ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปัก มีเน็กไทและกางเกงขายาวลายสก๊อตสีดำส่วนณชาที่เป็นรุ่นน้องของเคอร์ฟิวก็กำลังเดินลงจากอาคารเรียนเช่นกันแต่อยู่คนละตึกในต
ยามเย็นณัชชากับป๊อบลงมาเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนลูกสาวก็อยู่กับตายาบนบ้านทั้งสองนั่งดูพระอาทิตย์ตกขอบทะเลด้วยกันอย่างโรแมนติก นั่งยาวไปจนถึงช่วงเวลาโพล้เพล้เธอนั่งเอาหัวพิงไหล่ป๊อบแล้วเอ่ย" ฉันมีความสุขจังเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันรู้สึกอิจฉาคุณพิมมากที่สามีรักสามีหลงจนยอมตามใจทุกอย่าง "ป๊อบยิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอิจฉาพิมแล้ว เพราะถ้าไม่มีคุณผมก็อยู่ไม่ได้ การลองใจของคุณที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่า ผมก็เป็นสามีที่รักและหลงภรรยามากเช่นกัน ตอนที่คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วคุณผมแทบจะเป็นบ้าจนเกือบจะเสียสติไปแล้วรู้มั้ย "" ฉันขอโทษนะ "เธอเอ่ยเสียงอ่อน" ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณไม่จากผมไปไหน อยู่กับผม ให้ผมสัมผัส และจับต้องคุณได้แบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้ว "ณัชชายิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณค่ะ "ป๊อบสบตากับภรรยาอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเธอเบาๆจูบอย่างนุ่มนวลใจเย็น ในหัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักที่บานฉ่ำ ตอนนี้ความปรารถนาของณัชชาเป็นจริงแล้ว เธอมีสามีที่น่ารัก ที่คอยเทคแคร์เอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดีมีลูกสาวที่น่ารัก มีครอบ
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพ่อกับแม่นั่งจ้องเธอตาเขม็งเธอยิ้มแหยๆออกออกมาพอให้เห็นฟันเล็กน้อยแล้วเดินเบี่ยงไปนั่งลงข้างๆลูก โดยไม่กล้าสบตาพ่อกับแม่อีกเธอจ้องมองใบหน้าแบเบาะอันน่ารักน่าชังที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมแล้วเอ่ย" ณชา สาวน้อยของแม่ แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับลูก ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ยคะ น้าพิมกับคุณพ่อดูแลหนูดีมากมั้ยคะ "เด็กน้อยทำปากจู๋ แววตาดูใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว ขนตาดกดำยาวสวย ส่งให้ดวงตาสวยมีเสน่ห์สมกับคำชมของเคอร์ฟิวน้อยเด็กน้อยยิ้มแป้นออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำให้ผู้เป็นคุณแม่มือใหม่ หลงรักหนักเข้าไปอีก เธอจ้องหน้าลูกด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า" งุ้ยน่ารักน่าชังที่สุดเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ คุณแม่จะอยู่กับเบบี๋น้อยทุกวันทุกคืนเลยค่ะ "น้ำเสียงนุ่มนวลของณัชชาทำให้เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงไออุ่นรักที่พิเศษกว่าพิมที่เป็นน้ามาก เพราะความเป็นแม่ลูกสามารถสัมผัสได้ผ่านจิตใจและความรู้สึกนั่นเองพ่อของณัชชานั่งยิ้มอ่อนบนโซฟามองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่นส่วนแม่ณัชชาพอเห็นว่าลูกสาวคุยกับลูกนานพอสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าจริงจัง" ณัชชาลูกท
ช่วงบ่ายพ่อกับแม่ของป๊อบมาที่บ้านณัชชา พวกเขาก็นั่งพูดคุยกันตามประสาคนรู้จักมักคุ้นอย่างสนิทสนมแล้วแม่ของณัชชาก็เอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบอย่างมีความนัยแอบแฝง" เป็นยังไงกันบ้างอยู่บ้านโน้นสบายดีกันทุกคนมั้ยคะ "คุณแม่ป๊อบยิ้มแล้วเอ่ยตอบอย่างเข้าใจความหมายแฝง" สบายดีค่ะ ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตองเลยค่ะ สุขภาพดีขึ้นมาก โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่มีแล้วค่ะ "" ดีๆ นับว่าเป็นข่าวดี เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ "แม่ณัชชาเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มนานแล้วที่เขาไม่ได้เจอลูกสาวเลยนับตั้งแต่วันคลอด เขาดีใจมากที่ได้ยินแม่ของลูกเขยพูดแบบนั้นคำพูดพวกนี้คนที่ไม่รู้อะไรอย่างป๊อบได้แต่นั่งฟังอยู่ข้างลูกสาวอย่างเงียบๆโดยไม่รู้เลยว่าแม่ตัวเองกับแม่ยายกำลังพูดเรื่องสุขภาพของภรรยาเขาอยู่" อ้อ จริงสิ ที่ฉันมาวันนี้ เพื่อมาบอกว่าตาป๊อบน่ะมีบ้านพักริมทะเลอยู่หลังหนึ่ง บรรยากาศดีมาก "" จริงเหรอคะ "คุณแม่ณัชชาออกอาการตื่นเต้นเมื่อได้ยินแบบนั้น " จริงค่ะ ฉันเพิ่งกลับมาจากที่นั่น ก็มาหาคุณเลย "แม่ของป๊อบกับแม่ณัชชา จากนั้นก็หันไปทางลูกชายแล้วเอ่ย" ป๊อบ พรุ่งนี้ลูกก็พาลูกสาวกับพ่อตาแม่ยายไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจหน่อยสิ จิตใจทุกคนจะได
เมื่อภารกิจบนเตียงจบลงเตชินก็ก้มลงจูบภรรยาเบาๆแล้วนอนกอดเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่นพอสายๆพวกเขาก็ตื่นขึ้นมาไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วออกมาจากห้องพร้อมกันเตชินกอดไหล่ภรรยาอย่างรักใคร่ แล้วเดินลงบันไดพร้อมกันสีหน้าดูสดใสยิ้มแย้ม ป้าใจกำลังจะเข้าไปหาเคอร์ฟิวน้อยในห้องนั่งเล่นก็หันไปเห็นสองสามีภรรยาเดินลงบันไดมา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่บึ้งตึงใส่กันอีก แกรู้สึกดีใจและสบายใจเอามากๆ ที่ครอบครัวกลับมาเป็นครอบครัว[ คุณชายน้อยคงดีใจและมีความสุขมากถ้ารู้ว่าพ่อแม่ดีกันแล้ว ]หลังจากแอบพึมพำจบป้าใจก็ยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ยถามเตชินว่า" คุณชายจะให้เตรียมอาหารเช้าเลยมั้ยคะ "แกถามเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขากลับมาสู่สถานการณ์ปกติแบบ100%" อื้อ ป้ากับนวลก็ทานด้วยพร้อมกันเลยนะ "" ค่ะ "เอ่ยจบเตชินก็โอบไหล่ภรรยาเดินเข้าไปหาลูกชายที่กำลังนั่งเล่นอยู่ เคอร์ฟิวละสายตาจากของเล่นแล้วเงยหน้ามองพ่อกับแม่ด้วยความสงสัย แต่ไม่กล้าเข้าไปหา " เคอร์ฟิว มาหาพ่อกับแม่สิ "เตชินเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับอ้าแขนรับเคอร์ฟิวแน่ใจแล้วว่าพ่อกับแม่ไม่ได้โกรธกันอีกจึงยิ้มออกมาแล้วลุกขึ้นวิ่งมาหาพ่อกับแม่ด้วยความดีใจพิมกอดลูกชายด
เช้าวันต่อมา คุณแม่กับคุณพ่อของป๊อบเก็บกระเป๋าเตรียมออกเดินทางกลับจากนั้นทั้งสองท่านก็นั่งรถออกจากบ้านพักริมทะเลตั้งแต่เช้าระหว่างทางคุณแม่ป๊อบนั่งนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้แกก็แอบอมยิ้มเบาๆก่อนหน้านี้คุณแม่ของณัชชาได้มาขอความร่วมมือจากเขาและเล่าแผนแกล้งตายให้ฟัง แกรู้สึกว่ามันเข้าท่าดี จึงรับปากอย่างไม่ลังเลช่วยลูกสะใภ้เล่นละครหลอกลูกชายตัวร้ายของเขา ที่เอาแต่รักคนที่มีลูกมีสามีแล้วแกเองก็ปวดใจไม่น้อยที่เห็นลูกมูฟออนไม่ได้สักที ทั้งยังสงสารและเห็นใจลูกสะใภ้คนสวยของแกที่สุดพอถึงวันที่ณัชชาไปคลอดแม่ของณัชชาก็โทรมาแจ้งให้เขาทราบพอรู้ว่าลูกสะใภ้คลอดแล้วแกกับสามีก็ตื่นมานั่งรอแต่เช้า รอลูกชายคนเล็กมาบอกข่าวแต่รอวันแล้ววันเล่า เจ้าลูกชายตัวดีก็ไม่โผล่หัวมาสักทีจนเขาเกือบจะโทรไปหาลูกเองแล้วแต่สามีห้ามไว้ สุดท้ายก็อดทนรออีกวัน ถึงจะเห็นลูกชายโผล่หน้ากลับมาด้วยสีหน้าเศร้าหมองแกแอบขำลูกชายเบาๆ พอลูกชายบอกข่าวเรื่องลูกสะใภ้เสียชีวิต แกก็เล่นใหญ่แกล้งทำเป็นตกใจจนช็อกไปแล้วบีบน้ำตาร้องห่มร้องให้ออกมา จากนั้นก็แกล้งหมดสติไปหลังจากนั้นเมื่อลูกสะใภ้ออกจากโรงพยาบาลแกก็มาอยู่เป็นเพื่อนคอ