พิมเข้าไปเช็ดรอยลิปสติกที่เลอะริมฝีปากออก แล้วเดินออกมา
เห็นเตชินยืนรอหน้าห้องน้ำ เธอทำตาเขียวใส่เขา แล้วเดินผ่านเขาออกไป เตชินยิ้มอย่างสบายๆ เดินตามเธอออกไป จากนั้นก็หันไปเอ่ยกับผู้ช่วยคังที่อยู่หน้าห้องว่า " ส่งเธอกลับบ้าน " ผู้ช่วยคังจึงเอ่ยถามขึ้น " วันนี้คุณชายไม่ให้คุณพิมอยู่ทานข้าวด้วยแล้วเหรอครับ " เตชินเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเจือเย็นชา " วันนี้ผมกับณัชชาต้องกลับไปทานข้าวที่คฤหาสน์ ไม่รู้ครั้งนี้ จะมีเรื่องน่าสนใจอะไรเซอร์ไพรส์อีกบ้าง " " ครับ " เอ่ยจบเตชินก็เดินกลับเข้าห้องไป ผู้ช่วยคังก็ไปส่งพิมกลับบ้าน เมื่อกลับไปถึงห้องพิมเอาชุดทั้งหมดที่เตรียมไว้ยัดใส่ถุงขยะด้วยความอารมณ์เสีย ตอนนี้เธอไม่รู้วิธีรับมือกับเตชินแล้ว เธอนั่งเครียดด้วยสีหน้าบึ้งตึงอย่างจนปัญญา เตชินก็จ้องแต่จะจับเธอเป็นนางบำเรอ ชีวิตเหมือนแขวนอยู่บนเชือกเส้นเดียวบนที่สูงๆ ต้องก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวังเพื่อให้ตัวเองรอดปลอดภัย ช่วงบ่ายเตชินกลับไปทานข้าวที่คฤหาสน์พร้อมกับณัชชา เมื่อทานข้าวเสร็จคุณหญิงจารวีก็เอ่ยขึ้น " เตชิน อีกเดี๋ยวทนายประจำตระกูลจะมาพูดเรื่องพินัยกรรม ลูกกับหนูณัชชาอยู่รอก่อนนะ " " ครับ " แล้วพ่อของเตชินก็เอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน " เตชินแล้วช่วงนี้หนูพิมเป็นยังไงบ้าง เธอสบายดีมั้ย " เตชินจึงเอ่ยตอบผู้เป็นพ่อว่า " ครับ เธอสบายดี " ทุกคนในบ้าน อัศววัฒน์สกุล ต่างก็เข้าใจว่า พิมคือสาวใช้ที่เตชินถูกใจและกำลังจะแต่งเป็นภรรยาคนที่สอง คุณหญิงจารวีมองสามีแล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่ สบอารมณ์ " คุณจะไปถามถึงสาวใช้ป่าเถื่อน เห็นแก่เงิน คนนั้นทำไมกัน " คุณผู้ชายทวีศักดิ์จึงเอ่ยขึ้น " คุณหญิง คุณก็อคติเกินไป " คุณหญิงจารวีจึงเอ่ยว่า " ใครใช้ให้หล่อนมาไถเงินฉันล่ะ " คุณผู้ชายทวีศักดิ์ถอนหายใจแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น " คุณหญิง คุณมีเหตุผลหน่อยสิ เธอเรียกค่าเสียหายจากคุณก็ถูกแล้ว ใครใช้ให้คุณวางยาลูกชายตัวเองล่ะ ดีที่หนูพิมฉลาด สามารถเอาตัวรอดจากลูกเราได้ ไม่งั้นคุณคงได้ลูกสะใภ้คนที่สองเข้าบ้านเร็วขึ้นกว่านี้แน่ " เมื่อพูดถึงเรื่องวางยาณัชชารู้สึกละอายใจ ที่รวมหัวกันกับคุณหญิงจารวี เธอจึงเอ่ยขึ้น " คุณพ่อคุณแม่คะ ณัชชากับพี่เตชินมีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทราบค่ะ " ขณะที่ณัชชาพูดสาวใช้ก็เดินเข้ามาแล้วเอ่ย " คุณผู้ชายคุณผู้หญิงคะ คุณทนายที่นัดไว้มาถึงแล้วค่ะ ตอนนี้นั่งรออยู่ในห้องรับแขก " ได้ยินดังนั้นคุณหญิงจารวีก็ลืมเรื่องที่ณัชชาจะพูดเลย เขาจึงเอ่ยว่า " คุณทนายมาแล้ว ออกไปกันเถอะ " ทุกคนลุกจากเก้าอี้แล้วเดินไปที่ห้องรับแขกอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เมื่อนั่งลงเรียบร้อยแล้ว ทนายประจำตระกูลจึงเอ่ยว่า " เมื่อมากันครบแล้วผมจะเริ่มอ่านและชี้แจงเกี่ยวกับพินัยกรรมแล้วนะครับ " คุณหญิงจารวีจึงเอ่ยว่า " เชิญค่ะ " ทนายก็เริ่มอ่านพินัยกรรมแล้วชี้แจงว่า " คุณหญิงโสภาได้กล่าวไว้ในจดหมายก่อนจากไปว่า ให้เปิดอ่านพินัยกรรมสามครั้ง คือต้นปี กลางปี และสิ้นปี ครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ตามเนื้อหาในพินัยกรรมระบุว่า คุณชายเตชินทายาทเพียงคนเดียวของตระกูล สามารถรับมรดกได้ก็ต่อเมื่อ ทำการสมรสแล้วและมีทายาทกับภรรยาที่จดทะเบียนสมรสแล้วเท่านั้น และทายาทที่เกิดจากภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ต้องมีใบรับรองผลตรวจDNAและใบผลตรวจDNA ยืนยันความเป็นทายาทในสายเลือด หากคุณชายเตชินพ้นอายุ 30 ปี ยังไม่รับมรดกของตระกูล จะถือว่าทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลได้สละมรดกทั้งหมดนี้ มอบให้แก่มูลนิธิเพื่อเด็กผู้ยากไร้ ด้วยความเต็มใจ " ได้ฟังดังนั้น คุณหญิงจารวีก็มองไปยัง ลูกชายกับณัชชาด้วยแววตาขอร้อง แล้วทนายความก็เอ่ยว่า " หน้าที่ของผมได้ทำเรียบร้อยแล้ว ผมขอตัวนะครับ " คุณหญิงจารวียิ้มแล้วเอ่ย " ค่ะ " แล้วพวกเขาก็เดินออกไปส่งทนายขึ้นรถกลับ จากนั้นคุณหญิงจารวีก็หันมาเอ่ยกับลูกชายว่า " เตชิน รีบมีทายาทให้แม่นะ แม่ไม่อยากเสียมรดกตกทอดทั้งหมดไปให้คนอื่น คุณยายตั้งใจยกมรดกทั้งหมดให้ลูกคนเดียว ในเมื่อท่านจากไปแล้ว ลูกอย่าทำให้ท่านผิดหวังเลยนะ " เตชินเองก็คิดหนัก เปิดพินัยกรรมครั้งแรก เขาไม่ได้อยู่ฟังเพราะไปทำงานต่างจังหวัด ตอนนี้เขาเข้าใจแม่ของเขาแล้ว ที่เอาแต่เร่งให้เขามีทายาท ในวัย 30 ปี เขาจึงหันไปเอ่ยกับผู้เป็นแม่ว่า " คุณแม่ให้เวลาผมคิดก่อนนะครับ " เรื่องนี้คุณผู้ชายทวีศักดิ์เอง ก็เข้าใจหัวอกภรรยา เขาจึงจับไหล่ลูกชายแล้วเอ่ย " เตชิน เรื่องนี้พ่อเข้าใจแม่ของลูกนะ " เตชินครุ่นคิดอย่างหนักกับเรื่องนี้ เขาไม่รู้จะแก้ไขเรื่องนี้ยังไง ในเมื่อเขาหย่ากับณัชชาไปแล้ว แล้วถ้าจะให้ ณัชชามาท้องลูกของเขา เขาก็ไม่ยินดีที่จะทำแบบนั้นเพราะเขาไม่ได้รักณัชชาในเชิงชู้สาวเลย ณัชชาที่เงียบมาตลอดก็เอ่ยขึ้น " หนูกับพี่เตชิน เราหย่ากันแล้วค่ะ " คุณหญิงจารวีและสามีที่ได้ยินดังนั้นก็ตกใจ คุณหญิงจารวีจึงเอ่ยถามว่า " หย่ากันแล้ว หนูณัชชาล้อเล่นใช่มั้ย " เตชินเอ่ยจึงยืนยันขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า " พวกเราหย่ากันแล้วจริงๆครับ เราไม่ได้รักกัน จะรั้งกันไว้ให้เสียเวลาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปทำไม " คุณหญิงจารวีมองลูกชายด้วยความเสียใจแล้วเอ่ยด้วยความโมโห " เป็นเพราะนางคนใช้ชั้นต่ำนั่นใช่มั้ย ที่ทำให้ลูกกับหนูณัชชาหย่ากันน่ะ " คุณผู้ชายทวีศักดิ์จึงเอ่ยขึ้น " คุณหญิง พวกเขาก็พูดชัดเจนแล้ว คุณจะโยงไปเกี่ยวข้องกับคนอื่นทำไม ผมไม่ชอบนิสัย ชอบดูถูกคนของคุณหญิงเลย " เมื่อเห็นว่าทั้งสองเริ่มมีปากเสียงกันขึ้นมานิดหน่อย ณัชชาจึงเอ่ยขึ้นอย่างใจกว้าง แต่ในใจเธออยากใช้โอกาสนี้ให้กำเนิดทายาทให้เตชินมากกว่า " ถ้าจำเป็นจริงๆ หนูก็ยินดีท้องทายาทให้พี่เตชินนะคะ ในเมื่อเราไม่ได้รักกัน ก็จดทะเบียนสมรสแค่ในนาม หลังจากรับมรดกเสร็จแล้วค่อยไปหย่ากัน พี่เตชินคิดว่าไงคะ " คำพูดของณัชชา เตชินสนใจเพียงแค่ ประโยคเดียว คือ จดทะเบียนสมรสแค่ในนาม พอเตเตชินคิดอะไรได้ ก็เอ่ยตอบไปว่า " จดทะเบียนสมรสแค่ในนาม เป็นความคิดที่ ไม่เลว " ณัชชาได้ยินดังนั้นก็ยิ้มด้วยความดีใจ ที่เตชินเห็นด้วยกับความคิดของเธอคุณหญิงจารวีเอาก็ยิ้มอย่างมีความหวังเช่นกันที่ลูกชายยอมเห็นด้วยกัณัชชาแบบนี้แต่เตชินกลับเอ่ยขึ้น ด้วยสีหน้าเรียบเฉยเย็นชาทำลายความหวังของทุกคนจนแตกเป็นเสี่ยงๆ" แต่จะไม่จดทะเบียนสมรสกับณัชชา ผมไม่ได้รักณัชชา และคนที่ผมรักก็ไม่ใช่ณัชชา คุณแม่อย่ามาคาดหวังจากผมกับณัชชาอีกเลย ผมรักณัชชาแบบพี่น้องรักเหมือนน้องสาวแท้ๆ ผมอยากให้เธอได้พบเจอคนดีๆ ที่รักและดูแลเธอได้ นี่คือความหวังดีของพี่ชายคนหนึ่งที่มีต่อน้องสาว "ได้ยินดังนั้นรอยยิ้มของณัชชาก่อนหน้านี้ค่อยๆหุบลงน้ำตาค่อยๆซึมออกมาจากแววตา ด้วยความผิดหวังและเสียใจเธอรักเขามาตลอด ทุกคนรู้ โลกรู้ จนถูกจับคู่ให้แต่งงานแม้เธอจะรู้ว่าเขาไม่ได้รักเธอ แต่ทุกครั้งที่เขาแสดงความเป็นห่วงเป็นใยเธอก็เข้าใจว่าเขามีใจให้เธอ เพียงแต่ไม่กล้าพูดออกมาทุกครั้งที่เธอ เดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลือ ต้องการพบเขา เขาจะมาทันที แบบนี้ถ้าไม่เรียกว่ารักจะเรียกว่าอะไรแต่สุดท้ายทุกอย่างก็ชัดเจนเมื่อทุกคำพูดออกจากปากของเขาบอกว่ารักเธอ แต่รักเธอในฐานะน้องสาว ดับความหวังที่จะเป็นภรรยาเขาที่มีเพียงอันน้อยนิดของเธอลงไปทันทีแล้วเตชินก็หันมาพูดกับณัชชาด้วยสีหน้
ตอนเย็น เตชินออกจากบริษัทนั่งรถกลับบ้าน ระหว่างทาง เขามองออกไปนอกหน้าต่าง คิดอะไรเพลินๆ[ หากพิมเป็นเด็กสาวบริสุทธิ์ก็คงดี ผู้ชายในคืนนั้นเป็นใครกันนะ ที่พรากความสาวของเธอไป ]เมื่อคิดถึงผู้ชายของพิมในคืนนั้น เขาไม่เข้าใจว่าพิมไปมีวันไนท์สแตนด์ทำไมเขานั่งวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้อย่างเงียบๆ[ แล้วที่เธอทำเป็นหวงเนื้อหวงตัว เป็นการเสแสร้งงั้นเหรอ เธอเป็นผู้หญิงแบบไหนกันนะ ]เนื่องจากในช่วงเช้าก่อนที่พิมจะมาถึงบริษัทผู้ช่วยคังไปสอบถามจากช่างแต่งหน้า ที่มาแต่งหน้าทำผมให้พิมวันนี้ทำให้ได้เบอร์โทรของเพื่อนพิมที่ชื่อเทเท่มา ผู้ช่วยคังจึงโทรไปถาม" สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าผมเรียนสายอยู่กับคุณเทเท่ใช่มั้ยครับ "เทเท่จึงตอบไปว่า" ใช่ค่ะ "แล้วผู้ช่วยคังก็แนะนำตัว" ผมชื่อคังนะครับ เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของท่านประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งประเทศไทยและเป็นเพื่อนร่วมงานกับพิม พอดีทางท่านประธานของเรารับคุณพิมเข้าทำงานเลยต้องการทราบเกี่ยวกับประวัติของคุณพิมให้เลียดเอียดตามกฏของบริษัทครับ "ผู้ช่วยคังเอ่ยอธิบาย จากนั้นก็เริ่มเอ่ยถาม" คุณเทเท่เป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนของคุณพิมใช่มั้ยครับ "" ใช่ค่ะ
คุณหญิงจารวีมาที่บ้านของเตชิน มาถึงก็เดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง ในมือถือกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพง เมื่อเดินมาถึงห้องรับแขกเขาวางกระเป๋าลงบนโต๊ะแล้วนั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทางสง่างามสมกับผู้ดีที่สูงส่ง เพื่อข่มให้พิมรู้สึกต่ำต้อยและเกรงกลัวในตัวเขาพิมไม่พูดไม่จา เดินถือน้ำเข้ามา วางน้ำลงบนโต๊ะ แล้วเอ่ย" คุณหญิงเชิญตามสบายเลยนะคะ ฉันขอตัวไปทำงานบ้านก่อน หากต้องการอะไรเพิ่ม สามารถเรียกใช้ได้ตลอดเลยค่ะ "พอคุณหญิงจารวีได้ยินประโยคที่ว่า เชิญตามสบาย เขารู้สึกไม่พอใจขึ้นมาแล้วเอ่ย" เธอไม่ต้องมาพูดเหมือนกับตัวเองเป็นเจ้าของบ้านหรอกนะ นี่เป็นบ้านของลูกชายฉัน ฉันรู้ว่าฉันจะต้องอยู่ยังไง ไม่จำเป็นต้องให้เธอมาบอก "พิมไม่อยากมีปัญหา จึงเลือกที่จะนิ่งเงียบ ไม่ต่อความยาวสาวความยืด แล้วเอ่ยเพียง" ขอโทษค่ะ "คุณหญิงจารวีจ้องเขม่นไปยังพิม พิมยืนทำหน้านิ่งเฉย สีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ ไม่มีความเกรงกลัวใดๆยิ่งทำให้คุณหญิงจารวีไม่พอใจพิมไม่อยากอยู่เผชิญหน้ากับคุณหญิงจารวีที่วางท่าสูงส่งคอยแต่จะข่มเธอเธอจึงเลือกที่จะเดินหนีไป เพราะการควบคุมอารมณ์ของเธอก็มีขีดจำกัดเช่นกันเพราะเธอถูกสอนมาตลอดว่
ควาเฉยชาบนใบหน้าเธอไปขัดลูกตาคุณหญิงจารวีอย่างมาก คุณหญิงจารวีจึงเอ่ยขึ้น" ลูกดูสิ แม่สาวใช้อุ่นเตียงของลูก ทำหน้ายังกับคนเบื่อโลก สีหน้ายังกับวิญญาณล่องลอยไร้อารมณ์ ถ้าไม่ติดว่าหล่อนผิวดีหน้าตาสวยนะแม่จะไม่ให้อยู่ข้างกายลูกเลย "เตชินตกใจกับคำพูดของผู้เป็นแม่เล็กน้อยที่มันเว่อร์วังเกินจริงไปหน่อย แต่จากนั้นเขาก็ยิ้มขึ้นมาที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์เล็กน้อย ยอมรับมันโดยไม่เอ่ยปฏิเสธใดๆ[ สาวใช้อุ่นเตียงเหรอ ฟังแล้วรื่นหูดี ]เตชินมองหน้าผู้เป็นแม่แล้วเอ่ย" คุณแม่ครับ เรื่องที่จะหาคนมาอุ้มท้องทายาทผม ผมคิดว่าพิมก็เหมาะสมดีนะครับหน้าตา ผิวพรรณใช้ได้ ไม่มีพันธะผูกมัดกับใคร ไม่คิดที่จะจับผู้ชายที่มีฐานะเพื่อยกระดับตัวเองเธอตรงไปตรงมา และยังเป็นคนฉลาด มีไหวพริบดี เอาตัวรอดเก่งที่สำคัญเธอรักเงินมาก และยังสะอาดหมดจดครับ "ได้ฟังลูกชายพูด คุณหญิงจารวีก็พยักหน้าเห็นด้วย แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ" แล้วเธอจะยอมรับข้อเสนอของลูกเหรอ นิสัยแข็งกระด้างของเธอแม่ว่าเธอคงไม่ยอมแน่อีกอย่างเรื่องการอุ้มท้องลูก เป็นเรื่องที่ผู้หญิงทุกคนต้องคิดอย่างละเอียดรอบคอบ เป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชี
ตอนเย็นพิมออกไปยืนรอเตชินที่หน้าบ้าน ผู้ช่วยคังมาจอดรถรอข้างๆพิมทั้งสองยืนคุยกันอย่างสนิทสนม พอผู้ช่วยคังเห็นเตชินเดินออกมาจากในบ้าน เขาก็รีบหันไปเปิดประตูรถรอพิมยืนรอเตชินขึ้นไปนั่ง ส่วนเธอก็จะไปนั่งข้างคนขับแต่เตชินกลับจับแขนเธอ แล้วยัดเธอเข้าไปนั่งที่เบาะหลังโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวอะไรแล้วเขาก็ตามเข้าไปนั่งข้างๆเธอ พิมขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจแต่ก็ไม่พูดอะไรผู้ช่วยคังที่มองดูการกระทำของเจ้านายก็ถึงกับยืนอึ้งไปจากนั้นก็เดินอ้อมไปเปิดประตู ฝั่งคนขับแล้วขับรถออกไประหว่างทางเตชินจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า" ต่อไปคุณไม่ต้องทำงานบ้านแล้ว ผมจะจ้างแม่บ้านมาทำแทนคุณ สัญญาฉบับนั้นก็จะถูกยกเลิกไป "ได้ยินดังนั้น สีหน้าพิมดูดีขึ้นมาทันทีแล้วเผยรอยยิ้มสดใสน่ารัก หันมามองคนข้างๆพร้อมกับเอ่ยด้วยความตื่นเต้นดีใจ" คุณพูดจริงเหรอ คุณไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่มั้ย "เตชินตะลึงในความสดใสน่ารักของพิมไปครู่หนึ่ง พอได้สติ เขาก็หันหน้ากลับมา มองตรงไปข้างหน้าแล้วเอ่ย" ผมพูดคำไหนคำนั้น เมื่อพูดออกไปแล้ว ก็รักษาสัจจะเสมอ "พิมดีใจมาก จากนั้นเธอก็หยิบเอกสารสัญญาฉบับนั้นออกมาแล้วยื่นไปให้เตชินด้วยควา
เช้าวันต่อมา พิมกับเตชิน นั่งจดทะเบียนสมรสกันในห้องรับแขกโดยมีนายทะเบียนสองคนและมีผู้คังอีกหนึ่งคนคอยเป็นสักขีพยานในการจดทะเบียนครั้งนี้" ขอให้คุณเตชินกับคุณพิมถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร์ มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมืองนะครับ "นายทะเบียนอวยพรให้ทั้งสองคน พิมนั่งนิ่งเฉยไม่รู้สึกอะไรกับคำอวยพร เตชินจึงเอ่ยว่า" ขอบคุณครับ "แล้วนายทะเบียนอีกคนก็เอ่ยว่า" หน้าที่ของเราเสร็จสิ้นแล้ว พวกผมสองคนขอตัวกลับก่อนนะครับ "เตชินพยักหน้าให้เบาๆ แล้วส่งสายตาไปให้ผู้ช่วยคังเมื่อนายทะเบียนสองคนลุกจากโซฟา ก็เดินออกจากห้องรับแขกไป โดยมีผู้ช่วยคังเดินตามไปส่งแล้วเอ่ยกับนายทะเบียนว่า" คุณสองคนช่วยเก็บเรื่องในวันนี้ไว้เป็นความลับด้วยนะครับ "เอ่ยจบเขาก็ยื่นซองใส่เงินให้ทั้งสองแล้วเอ่ย" ค่าน้ำใจเล็กๆน้อยๆจากคุณชายครับ "นายทะเบียนสองคน หันกลับไปมองเตชินที่นั่งบนโซฟาสุดหรูในห้องรับแขกอย่างสง่าดูองอาจราวกับราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เตชินยิ้มอย่างมีเลศนัยพร้อมกับพยักหน้าให้พวกเขารับค่าน้ำใจนายทะเบียนทั้งสองยิ้มแห้งแล้วค้อมหัวขอบคุณเล็กน้อยแล้วหันหน้ากลับลมาเดินออกจากบ้านขอเตชินไปขึ้นรถ โด
เตชินมองต่ำลงบนตัวสาวเจ้าเสน่ห์ ที่มักจะขัดใจเขาอยู่เรื่อยและต่อปากต่อคำกับเขาอย่างไม่เกรงกลัว เขาจึงค้อมตัวลงช้อนเธอขึ้นมาอุ้มอย่างไม่คณามือพิมตกใจมาก เมื่ออยู่ๆก็รู้สึกตัวลอยขึ้นมา มารู้ตัวอีกที ก็อยู่ในอ้อมแขนของเตชินเรียบร้อยแล้วเธออ้าปากค้างแววตาใสเบิกกว้างด้วยความตกใจแล้วเอ่ยเสียงดัง" ปล่อย วางฉันลงเดี๋ยวนี้เลยนะ คิดว่าตัวเองตัวใหญ่แล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง ปล่อย! "เตชินไม่สนใจเธอ ที่ทำหน้าดุ เอ่ยเสียงกร้าวขอให้เขาปล่อย เมื่อเตชินไม่วางเธอลง เธอดิ้นพร้อมกับใช้มือเล็กๆที่ขาวราวกับหิมะทุบทีเขาจนรู้สึกเมื่อยมือ แต่เตชินก็ไม่ยอมวางเธอลงกลับอุ้มเธอแน่นขึ้นแล้วเดินขึ้นบันได กลับไปที่ห้องของตัวเอง จากนั้นก็วางเธอลงบนเตียงเบาๆพิมลุกขึ้นแล้ววิ่งไปที่ประตู แต่เตชินกลับคว้าเอวเธอไว้ กอดเธอแน่นจากทางด้านหลังแล้วเอ่ย" คุณอย่าดื้อสิ เราเป็นสามีภรรยากันแล้ว ก็ต้องนอนห้องเดียวกัน "พิมจึงเอ่ยแย้งอย่างไม่ชอบใจ" แบบเรา เขาไม่นับว่าเป็นสามีรภรรยากัน เราแค่ทำธุรกิจร่วมกันต่างหาก ปล่อย คุณอย่ามาทำแบบนี้กับฉันนะ ฉันไม่ชอบ ปล่อย! "เตชินหอมไปที่เส้นผมของเธอแล้วเอ่ย" ตอนนี้ไม่ชอบ ต่อไปก็ชิน
ริมฝีปากอวบอิ่มอมชมพู ถูกกระแทกด้วยริมฝีปากของเตชินเธอตกใจกลัวจนสั่นเทิ้มไปทั่วร่าง หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะเตชินรู้สึกได้ถึงอาการสั่นกลัวของคนใต้ร่าง จึงถอนริมฝีปากออกเล็กน้อยแล้วเอียงหน้าประกบริมฝีปากอย่างแนบแน่นอีกครั้ง ราวกับติดใจริมฝีปากนุ่มนิ่ม จนไม่อยากออกห่างเลยแม้แต่วินาทีเดียวณัชชาพยายามผลักเขาออก ทั้งใช้มือตีและหยิกอย่างแรง แต่เตชินกลับดูเหมือน ไม่รู้สึกระคายผิวเลยแม้แต่น้อยและยิ่งเพิ่มความรุนแรง บดขยี้ ไล้เลีย ดูดริมฝีปากนุ่มของเธออย่างป่าเถื่อน ราวกับจะกลืนกินพิมนอนรับแรงจูบที่ป่าเถื่อนของเขาอย่างไม่เต็มใจเธอกลัวจนร้องให้ออกมา เตชินถึงถอนริมฝีปากอีกครั้ง แล้วมองดูคนใต้ร่างที่น้ำตาไหลอาบแก้มเขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนแต่เต็มไปด้วยการตอกย้ำ" ทีนี้คุณรู้หรือยังว่าเรื่องของคุณก็คือเรื่องของผม ตราบใดที่ยังไม่หย่า คุณคือผู้หญิงของผม "ดวงตาพิมเคล้าไปด้วยน้ำตาแต่นัยน์ตากลับแข็งกร้าวจ้องเตชินอย่างไม่กะพริบเธออยากจะตบหน้าเขาเต็มแรง ที่เขาปฏิบัติกับเธอเหมือนกับเป็นนางบำเรอที่ถูกซื้อด้วยเงินแล้วเธอก็กัดฟันเอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่นสายตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง" คุณเ
" ก็สั่งสอนแบบนี้ไง "เคอร์ฟิวจับณชาขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบเธอทันที ณชาตกใจจนดวงตาเบิกกว้างป้าใจเดินเข้ามาส่งพิซซ่าในห้องเจอเข้ากับฉากนี้พอดี แกจึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไปแบบเงียบๆเคอร์ฟิวถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากณชาแล้วเอ่ย" ป้าไม่ต้องออกไปหรอก คุณณชาเธอหิวจนจะกลืนกินผมอยู่แล้ว "" พี่พูดอะไรน่ะ "เธอเอ่ยอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับทุบตีอกของเขาหนึ่งทีป้าใจยิ้มเจื่อนแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเคอร์ฟิววางณชาลงนั่งข้างๆแล้วเปิดกล่องพิซซ่าออกมาหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเอ่ยกับณชาที่นั่งแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก" หิวไม่ใช่เหรอ อ้าปากสิ "ณชาเหลือบมองเขาอย่างหน้านิ่วแล้วเอ่ยเสียงขุ่น" ฉันทานเองได้ "เธอขยับมือจะหยิบพิซซ่ามาทานเอง แต่เคอร์ฟิวกลับจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย" พี่อยากป้อน อ้าปาก ถ้าไม่อ้าปากพี่จะใช้ปากป้อนแล้วนะ "ณชาได้แต่มองแรงใส่เขาแล้วยอมอ้าปากให้เขาป้อน เขายิ้มแล้วเอ่ย" เชื่อฟังแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย "เคอร์ฟิวป้อนไปยิ้มไปอย่างพอใจ ณชาทานจนอิ่มลืมความโมโหและความไม่พอใจไปหมดสิ้น แล้วเปลี่ยนม
เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊อบกับณัชชาลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องลูกสาวณชาที่ยังหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วลุกมานั่งหาว จากนั้นก็ลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้พ่อกับแม่ด้วยท่าทางงัวเงียเธอหาวออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่กำลังจะออกเดินทางแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณพ่อคุณแม่จะไปแล้วเหรอคะ ทำไมไปเช้าจัง "ณัชชายิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต้องไปไกล ลงจากเครื่องเสร็จก็ต้องนั่งรถไปต่ออีกแล้วต่อด้วยนั่งเรือไปเกาะก็ต้องไปให้ทันเวลา พ่อกับแม่แค่จะมาบอกให้ลูกรู้ว่าจะออกไปแล้ว อีกเรื่องนะ เวลาไปเข้าค่ายเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อมด้วย เแล้วก็อาหมวกแก๊ปกับเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ "" ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ "ณัชชากับป๊อบพยักหน้าเบาๆ จากนั้นป๊อบก็เอ่ยกำชับลูกสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า" เวลาอยู่ในค่ายน่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ อย่าไปนั่งใกล้ผู้ชายคนอื่น ยกเว้นพี่เคอร์ฟิวของลูก เข้าใจมั้ย "เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างหวงลูกสาวมากคนหนึ่ง ถึงแม้ลูกสาวเขาจะห้าวๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่ออย่างเขาหวงลูกสาวน้อยลงเลยณชารู้และเข้าใจดีว่
ทุกคนเริ่มจับอุปกรณ์ ทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ระหว่างทานข้าวพิมมองหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น" เคอร์ฟิว เปิดเทอมแล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่โรงเรียนได้เจอกับน้องณชาบ้างมั้ย "เคอร์ฟิวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมาแล้วเอ่ยตอบแม่ว่า" ก็ดีครับ อยู่โรงเรียนผมกับน้องอยู่คนละชั้น เรียนกันคนละตึกเลยไม่ค่อยได้เจอกันครับ "เตชินหันมามองลูกชายที่มีใบหน้าหล่อกระชากลากใจราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ" ยังไงน้องก็เป็นคู่หมั้นลูก ลูกก็ดูแลน้องให้ดีๆอย่าเปิดโอกาสให้หนุ่มคนอื่นมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้น้องหวั่นไหวนะลูก ลูกผู้ชายต้องกล้าแสดงตัวหน่อย เข้าใจมั้ย "เคอร์ฟิวเอ่บตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆว่า" ครับ "" นี่ คุณสอนอะไรลูกน่ะ หนูณชายังเด็กก็ต้องมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นธรรมดา การหมั้นหมายเป็นการตกลงกันของพวกเรา หากลูกหรือหนูณชาไม่ได้ชอบพอกันก็ต้องยกเลิกไป มันไม่สามารถบังคับกันได้ค่ะ "พิมเอ่ยออกมาตรงๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าลูกชายของเธอนั้นเริ่มแอบณชาเข้าแล้วและจริงจังกับการเป็นคู่หมั้นนี้มากเตชินจึงโต้ตอบกับพิมว่า" ลูกชายเราหล่อแถมยังเป็นปร
พอออกมาจากสนามกอล์ฟ ทั้งสองครอบครัวก็ไปทานข้าวด้วยกัน ในร้านอาหารชื่อดังสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งร้านอาหารสำหรับคนรวยซึ่งตัวอาคารติดด้วยกระจกสะท้อนความร้อน ทำให้คนข้างในสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองและตึกสูงข้างนอกได้อย่างสวยงามในขณะทานข้าวทั้งสองครอบครัวนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข ณชากับเคอร์ฟิวก็นั่งทานข้าวบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่รบกวนหรือเล่นซนเลย10 ปี ต่อมา.......ณ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอินเตอร์จำนวนมากมีหลากหลายภาษา หลากหลายวัฒนธรรมและหลากหลายชนชาติมาเรียนร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนต่างทยอยกันเดินออกมาจากอาคารเรียน รอผู้ปกครองมารับบางคนบางกลุ่มที่บ้านใกล้โรงเรียนก็ออกจากโรงเรียนเดินเท้ากลับตามทางฟุตบาทเคอร์ฟิวกับกลุ่มเพื่อนๆกำลังเดินออกมาจากห้องเรียนลงไปยังใต้อาคาร ชุดนักเรียนชายโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เสื้อสูทสีดำ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปัก มีเน็กไทและกางเกงขายาวลายสก๊อตสีดำส่วนณชาที่เป็นรุ่นน้องของเคอร์ฟิวก็กำลังเดินลงจากอาคารเรียนเช่นกันแต่อยู่คนละตึกในต
ยามเย็นณัชชากับป๊อบลงมาเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนลูกสาวก็อยู่กับตายาบนบ้านทั้งสองนั่งดูพระอาทิตย์ตกขอบทะเลด้วยกันอย่างโรแมนติก นั่งยาวไปจนถึงช่วงเวลาโพล้เพล้เธอนั่งเอาหัวพิงไหล่ป๊อบแล้วเอ่ย" ฉันมีความสุขจังเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันรู้สึกอิจฉาคุณพิมมากที่สามีรักสามีหลงจนยอมตามใจทุกอย่าง "ป๊อบยิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอิจฉาพิมแล้ว เพราะถ้าไม่มีคุณผมก็อยู่ไม่ได้ การลองใจของคุณที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่า ผมก็เป็นสามีที่รักและหลงภรรยามากเช่นกัน ตอนที่คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วคุณผมแทบจะเป็นบ้าจนเกือบจะเสียสติไปแล้วรู้มั้ย "" ฉันขอโทษนะ "เธอเอ่ยเสียงอ่อน" ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณไม่จากผมไปไหน อยู่กับผม ให้ผมสัมผัส และจับต้องคุณได้แบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้ว "ณัชชายิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณค่ะ "ป๊อบสบตากับภรรยาอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเธอเบาๆจูบอย่างนุ่มนวลใจเย็น ในหัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักที่บานฉ่ำ ตอนนี้ความปรารถนาของณัชชาเป็นจริงแล้ว เธอมีสามีที่น่ารัก ที่คอยเทคแคร์เอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดีมีลูกสาวที่น่ารัก มีครอบ
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพ่อกับแม่นั่งจ้องเธอตาเขม็งเธอยิ้มแหยๆออกออกมาพอให้เห็นฟันเล็กน้อยแล้วเดินเบี่ยงไปนั่งลงข้างๆลูก โดยไม่กล้าสบตาพ่อกับแม่อีกเธอจ้องมองใบหน้าแบเบาะอันน่ารักน่าชังที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมแล้วเอ่ย" ณชา สาวน้อยของแม่ แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับลูก ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ยคะ น้าพิมกับคุณพ่อดูแลหนูดีมากมั้ยคะ "เด็กน้อยทำปากจู๋ แววตาดูใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว ขนตาดกดำยาวสวย ส่งให้ดวงตาสวยมีเสน่ห์สมกับคำชมของเคอร์ฟิวน้อยเด็กน้อยยิ้มแป้นออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำให้ผู้เป็นคุณแม่มือใหม่ หลงรักหนักเข้าไปอีก เธอจ้องหน้าลูกด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า" งุ้ยน่ารักน่าชังที่สุดเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ คุณแม่จะอยู่กับเบบี๋น้อยทุกวันทุกคืนเลยค่ะ "น้ำเสียงนุ่มนวลของณัชชาทำให้เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงไออุ่นรักที่พิเศษกว่าพิมที่เป็นน้ามาก เพราะความเป็นแม่ลูกสามารถสัมผัสได้ผ่านจิตใจและความรู้สึกนั่นเองพ่อของณัชชานั่งยิ้มอ่อนบนโซฟามองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่นส่วนแม่ณัชชาพอเห็นว่าลูกสาวคุยกับลูกนานพอสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าจริงจัง" ณัชชาลูกท
ช่วงบ่ายพ่อกับแม่ของป๊อบมาที่บ้านณัชชา พวกเขาก็นั่งพูดคุยกันตามประสาคนรู้จักมักคุ้นอย่างสนิทสนมแล้วแม่ของณัชชาก็เอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบอย่างมีความนัยแอบแฝง" เป็นยังไงกันบ้างอยู่บ้านโน้นสบายดีกันทุกคนมั้ยคะ "คุณแม่ป๊อบยิ้มแล้วเอ่ยตอบอย่างเข้าใจความหมายแฝง" สบายดีค่ะ ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตองเลยค่ะ สุขภาพดีขึ้นมาก โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่มีแล้วค่ะ "" ดีๆ นับว่าเป็นข่าวดี เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ "แม่ณัชชาเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มนานแล้วที่เขาไม่ได้เจอลูกสาวเลยนับตั้งแต่วันคลอด เขาดีใจมากที่ได้ยินแม่ของลูกเขยพูดแบบนั้นคำพูดพวกนี้คนที่ไม่รู้อะไรอย่างป๊อบได้แต่นั่งฟังอยู่ข้างลูกสาวอย่างเงียบๆโดยไม่รู้เลยว่าแม่ตัวเองกับแม่ยายกำลังพูดเรื่องสุขภาพของภรรยาเขาอยู่" อ้อ จริงสิ ที่ฉันมาวันนี้ เพื่อมาบอกว่าตาป๊อบน่ะมีบ้านพักริมทะเลอยู่หลังหนึ่ง บรรยากาศดีมาก "" จริงเหรอคะ "คุณแม่ณัชชาออกอาการตื่นเต้นเมื่อได้ยินแบบนั้น " จริงค่ะ ฉันเพิ่งกลับมาจากที่นั่น ก็มาหาคุณเลย "แม่ของป๊อบกับแม่ณัชชา จากนั้นก็หันไปทางลูกชายแล้วเอ่ย" ป๊อบ พรุ่งนี้ลูกก็พาลูกสาวกับพ่อตาแม่ยายไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจหน่อยสิ จิตใจทุกคนจะได
เมื่อภารกิจบนเตียงจบลงเตชินก็ก้มลงจูบภรรยาเบาๆแล้วนอนกอดเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่นพอสายๆพวกเขาก็ตื่นขึ้นมาไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วออกมาจากห้องพร้อมกันเตชินกอดไหล่ภรรยาอย่างรักใคร่ แล้วเดินลงบันไดพร้อมกันสีหน้าดูสดใสยิ้มแย้ม ป้าใจกำลังจะเข้าไปหาเคอร์ฟิวน้อยในห้องนั่งเล่นก็หันไปเห็นสองสามีภรรยาเดินลงบันไดมา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่บึ้งตึงใส่กันอีก แกรู้สึกดีใจและสบายใจเอามากๆ ที่ครอบครัวกลับมาเป็นครอบครัว[ คุณชายน้อยคงดีใจและมีความสุขมากถ้ารู้ว่าพ่อแม่ดีกันแล้ว ]หลังจากแอบพึมพำจบป้าใจก็ยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ยถามเตชินว่า" คุณชายจะให้เตรียมอาหารเช้าเลยมั้ยคะ "แกถามเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขากลับมาสู่สถานการณ์ปกติแบบ100%" อื้อ ป้ากับนวลก็ทานด้วยพร้อมกันเลยนะ "" ค่ะ "เอ่ยจบเตชินก็โอบไหล่ภรรยาเดินเข้าไปหาลูกชายที่กำลังนั่งเล่นอยู่ เคอร์ฟิวละสายตาจากของเล่นแล้วเงยหน้ามองพ่อกับแม่ด้วยความสงสัย แต่ไม่กล้าเข้าไปหา " เคอร์ฟิว มาหาพ่อกับแม่สิ "เตชินเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับอ้าแขนรับเคอร์ฟิวแน่ใจแล้วว่าพ่อกับแม่ไม่ได้โกรธกันอีกจึงยิ้มออกมาแล้วลุกขึ้นวิ่งมาหาพ่อกับแม่ด้วยความดีใจพิมกอดลูกชายด
เช้าวันต่อมา คุณแม่กับคุณพ่อของป๊อบเก็บกระเป๋าเตรียมออกเดินทางกลับจากนั้นทั้งสองท่านก็นั่งรถออกจากบ้านพักริมทะเลตั้งแต่เช้าระหว่างทางคุณแม่ป๊อบนั่งนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้แกก็แอบอมยิ้มเบาๆก่อนหน้านี้คุณแม่ของณัชชาได้มาขอความร่วมมือจากเขาและเล่าแผนแกล้งตายให้ฟัง แกรู้สึกว่ามันเข้าท่าดี จึงรับปากอย่างไม่ลังเลช่วยลูกสะใภ้เล่นละครหลอกลูกชายตัวร้ายของเขา ที่เอาแต่รักคนที่มีลูกมีสามีแล้วแกเองก็ปวดใจไม่น้อยที่เห็นลูกมูฟออนไม่ได้สักที ทั้งยังสงสารและเห็นใจลูกสะใภ้คนสวยของแกที่สุดพอถึงวันที่ณัชชาไปคลอดแม่ของณัชชาก็โทรมาแจ้งให้เขาทราบพอรู้ว่าลูกสะใภ้คลอดแล้วแกกับสามีก็ตื่นมานั่งรอแต่เช้า รอลูกชายคนเล็กมาบอกข่าวแต่รอวันแล้ววันเล่า เจ้าลูกชายตัวดีก็ไม่โผล่หัวมาสักทีจนเขาเกือบจะโทรไปหาลูกเองแล้วแต่สามีห้ามไว้ สุดท้ายก็อดทนรออีกวัน ถึงจะเห็นลูกชายโผล่หน้ากลับมาด้วยสีหน้าเศร้าหมองแกแอบขำลูกชายเบาๆ พอลูกชายบอกข่าวเรื่องลูกสะใภ้เสียชีวิต แกก็เล่นใหญ่แกล้งทำเป็นตกใจจนช็อกไปแล้วบีบน้ำตาร้องห่มร้องให้ออกมา จากนั้นก็แกล้งหมดสติไปหลังจากนั้นเมื่อลูกสะใภ้ออกจากโรงพยาบาลแกก็มาอยู่เป็นเพื่อนคอ